[2]
ทูตตกสวรรค์
เจ้าอสุรกายพาทูตสวรรค์เข้ามายังถ้ำกลางป่าลึก ตาแดงก่ำนั้นสอดส่ายไปทั่ว ก่อนมันจะหยุดเคลื่อนไหว แล้วโยนร่างบนบ่าลงบนพื้นหญ้านุ่มๆ ที่ขึ้นอยู่ภายในนั้น
ทูตสวรรค์ทอดกายนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้ามันไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย แล้วเขาก็ไม่ได้คิดหนีแม้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ก็ตาม
เขารู้ดีว่าเจ้าอสุรกายตัวนี้มันคืออีรอส อสุรกายที่ทุกๆ ร้อยปีจะถือกำเนิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง ซึ่งมันมักจะสมสู่กับชายหนุ่มไม่เลือกหน้าเพื่อปลดปล่อยความใคร่ คนที่มันสมสู่ด้วยบางคนไม่จบชีวิตลงด้วยน้ำมือตนเอง ก็จบชีวิตจากการที่ร่างกายทนรับแรงบอบช้ำจากการถูกรุกรานไม่ไหว หากแม้บางรายไม่ตายก็สติวิปลาตไป
เจ้าอสุรกายมองร่างที่ทอดกายนอนลงบนพื้นหญ้านุ่มอย่างแปลกใจที่คนคนนี้ไม่ดิ้นรน หลีกหนี ทุรนทุรายที่จะไปเหมือนหลายๆ คนที่มันเอาตัวมา และมันคาดว่าคงอีกไม่นานหรอกที่คนคนนี้จะต่อต้านและหนีหายไปดั่งเช่นที่ผ่านมา
เจ้าอสุรกายทิ้งกายใหญ่โตของมันลงนอนกับคนเบื้องล่าง มองใบหน้างดงามราวสวรรค์บรรจงสรรค์สร้างอย่างหลงใหล มันไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามเช่นนี้มาก่อน มือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมปกคลุมด้วยเกล็ดยื่นไปสัมผัสใบหน้าเนียนนุ่มราวกับเจอของที่ถูกใจ พลันลิ้นสองแฉกนั้นก็แลบเลีย ใบหน้าผุดผาดอย่างหิวกระหาย กระนั้นเมื่อมันเห็นว่าของเหลวจากมันไปบั่นทอนความงดงามเบื้องหน้าให้หมองลง มันจึงหยุดเลียแล้วเช็ดเมือกเหนียวนั้นออกให้อย่างแผ่วเบา
เจ้าอสุรกายมองใบหน้าที่คล้ายจะฉายแววอ่อนโยนนั้นอย่างประหลาดใจ...ไม่เคยมีผู้ใด มีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อน...
มือของมันฉีกทึ้งอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์อย่างไม่ใยดี เผยให้เห็นร่างสมส่วนงามสง่าที่ถูกปิดซ่อนไว้ เจ้าอสุรกายไล้มือสัมผัสไปทุกสัดส่วน
ช่างเป็นเรือนร่างที่ชวนให้ลุ่มหลงและฝากความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเสียจริงๆ...มันไม่รู้หรอกว่าควรทำอย่างไรอีกฝ่ายจึงจะไม่เจ็บ มันรู้แต่เพียงว่าต้องทำเช่นไรเมื่อความต้องการของมันปะทุจนถึงขีดสุดเท่านั้น
เจ้าอสุรกายเคลื่อนกายใส่ร่างงามสง่าทันทีโดยไม่รีรอ รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งของคนเบื้องล่าง และหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาไม่มีแม้เสียงกรีดร้องดั่งเช่นคนอื่นๆ มีเพียงหน้าตากับหยดน้ำใสๆ คลอหน่วยตาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่ากำลังเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอยู่
มันมองว่าสีหน้าเช่นนั้นช่างเชิญชวนให้มันฝังกายแรงๆ ใส่ร่างขาวผ่องเบื้องหน้า ร่างที่เล็กกว่าไหวคลอนไปตามแรงของมันที่โถมลงมา หางของมันก็พันรัดร่างบอบบางนั้นไว้
ริมฝีปากบางกัดแน่นคล้ายสกัดกั้นเสียงร้องไม่ให้ดังออกมา แม้หน้าตาจะดูเจ็บปวดมากสักเพียงใดทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับไม่มีแววหวาดกลัว หรือรังเกียจเลย แต่มันเป็นแววตาแบบที่...อสุรกายอย่างมันไม่เคยได้รับ และไม่เคยเข้าใจ...
.
.
.
มันนานเท่าใดแล้วที่เขาต้องไหวกายไปตามแรงชักนำของเจ้าอสุรกาย ทูตสวรรค์รู้สึกอ่อนล้าไปทั้งกาย ความเจ็บปวดที่ได้รับมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ มันทำให้เขาชาชิน ตรงส่วนนั้นที่ฉีกขาดเริ่มไม่มีความรู้สึกใดๆ ทูตสวรรค์มองร่างที่เคลื่อนกายใส่ตนอย่างหิวกระหายด้วยแววตาที่อ่อนโยน สงสาร เขาไม่ได้นึกรังเกียจที่มันทำกับตนเองเช่นนี้...เพียงแต่อยากเข้าใจว่าอะไรทำให้มันกลายจากสิ่งมีชีวิตที่แสนประเสริฐให้เป็นอสูรร้ายเช่นนี้ได้...
กว่าความใคร่ของเจ้าอสุรกายจะจางไป เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันมองร่างที่รองรับอารมณ์ของมันอย่างไม่หวั่นเกรงด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก่อนจะยันร่างกายที่ใหญ่โตของมันขึ้นและช้อนร่างนั้นเข้าสู่อ้อมแขน พาไปยังลำธารที่อยู่ใกล้กับถ้ำของมันล้างรอยและคราบสิ่งสกปรกของมันที่เกาะติดอยู่ที่ร่างนั้นเป็นการทำความสะอาดให้ ก่อนจะพากลับไปไว้ยังที่เดิมก่อนมันจะเดินออกจากถ้ำไป
“ทูตสวรรค์มิคาเอล เจ้าทำผิดกฎสวรรค์” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นรอบๆ ปลุกทูตสวรรค์หนุ่มให้ตื่นจากการหลับใหล
“เจ้าทำให้ตนเองแปดเปื้อน เจ้าไม่มีสิทธิ์กลับขึ้นมายังโลกเบื้องบนได้อีก” เสียงนั้นยังคงเต็มไปด้วยอำนาจเรืองรอง มิคาเอลพยายามยันกายลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก
“ขอรับพระบิดา” เสียงแหบแห้งระโหยโรยแรงตอบกลับไป
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหากกลับสู่โลกเบื้องบนไม่ได้เจ้าจะเป็นเช่นไร” เสียงนั้นถามอย่างเสียมิได้
“ข้าทราบ พระบิดา”
“เจ้าก็รู้ เหตุใดจึงไม่ให้ผู้ติดตามของเจ้ามาแทนเล่า” “ชีวิตใคร ใครก็รักมิใช่หรือท่าน ท่านเองก็ยังรักตัวของท่านเองเลย แล้วใครกันเล่าจะยอมมาแปดเปื้อนแทนข้า” มิคาเอลบอก
“เช่นนั้น...เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่รักชีวิตของตนกระนั้นหรือ”
“เปล่าเลยพระบิดา... หากข้าไม่ทำแล้วผู้ใดเล่าจะทำ ข้ามิอาจเพิกเฉยต่อคำขอของผู้คนได้หรอก”
“เอเจิลผู้ติดตามเจ้า ข้าว่ามันคงยอมด้วยความเต็มใจ หากเจ้าเพียงบอกจุดประสงค์ของเจ้าไป” มิคาเอลถอดถอนใจ
“ข้าทราบว่าหากแม้นข้าเอ่ยปาก เอเจิลจะต้องทำตามด้วยความเต็มใจ ทว่าเขาก็มีเอเจิลตัวน้อยๆ ที่ต้องดูแล ข้าไม่อาจพรากเขามาจากครอบครัวของเขาได้หรอก อีกอย่าง...ตัวข้าเองก็อยู่มานานเกินไปแล้วพระบิดา ข้าไม่เป็นไร...” มิคาเอลกล่าว
“แล้วข้าเล่าไม่อยู่นานกว่าเจ้าหรือไร” สิ้นเสียงนั้นมิคาเอลก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“นั่นสินะ”
“เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้เลย” เสียงนั้นกล่าว
“มันเป็นลิขิตพระบิดา”
“ใครกันลิขิตเจ้า” “ข้าเองอย่างไรเล่า ลิขิตตนเอง”
“เจ้าคือผู้จะครองสวรรค์ต่อจากข้าทำไมจึงทำเช่นนี้ ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเจ้าอีกแล้ว” “ข้าว่าข้าเกรงจะไม่เหมาะสมกระมัง หากผู้ครองสวรรค์ต้องเพิกเฉยต่อคำขอของคนทุกภพ เพราะข้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้”
“ที่เจ้าทำอยู่นี้ประชดข้าหรือไร”
“เปล่าเลยพระบิดา...ข้ามิบังอาจเช่นนั้น ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านลองตอบรับคำขอของคนแต่ละภพดูบ้าง ลองไปสัมผัสกับพวกเขาด้วยตัวท่านเอง มิใช่ให้ใครก็ได้ไปทำแทน... ข้าไม่ได้อยากให้ท่านบันดาลให้พวกเขาเสียทุกอย่างไป แต่ข้าอยากให้ท่านแนะนำพวกเขาบ้างว่าปัญหาบางประการควรแก้ไขเช่นไร ข้าคิดว่าข้ามีความสุขเวลาที่ข้าได้รับคำขอบคุณ แม้พวกเขาจะไม่อาจรู้ว่าข้าเป็นใครก็ตาม” มิคาเอลยิ้มอ่อนโยนมองขึ้นไปยังฟากฟ้าอันห่างไกล...
“นั่นเพราะข้าไม่อาจทราบได้ว่าควรจะแก้ไขปัญหาเช่นไร ครั้นจะปล่อยไว้คงได้ลุกลามยิ่งขึ้น แล้วข้ามิได้คิดว่าสิ่งที่ข้าทำมันจะเปล่าประโยชน์เลยพระบิดา ไม่เลยจริงๆ”
“เจ้ามันดื้อด้าน” “ฮะๆ” มิคาเอลหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะบอก“ข้าจะนำเขาไปที่สวนพฤกษาของข้า แล้วเขาจะออกมาไม่ได้อีก”
“เพราะเหตุนี้หรือ เจ้าจึงต้องทำเช่นนี้ ข้าคิดว่านั่นไม่คุ้มค่ากันเลย” “หากข้าคิดว่ามันไม่สูญเปล่าหรอกท่าน สิ่งที่ข้าได้ทำอยู่นี้...บางครั้งข้าก็คิดว่าอีรอสน่าสงสาร..." มิคาเอลกล่าวกับตนเองเพียงแผ่วเบา
“ข้าก็แค่อยากทราบว่าเหตุใดจึงทำให้สิ่งประเสริฐเช่นทูตสวรรค์องค์นั้นกลายมาอีรอสดั่งเช่นทุกวันนี้ได้ ข้าว่ามันคงจะดีกว่าหากรู้แล้วหาวิธีป้องกันไม่ให้มันก่อกำเนิดอสุรกายเช่นนี้ขึ้นมาอีก”
“ข้าเสียดายเจ้าจริงๆ มิคาเอลบุตรแห่งข้า” เสียงทรงอำนาจนั้นกล่าว
“...”
“แต่ในเมื่อเจ้าทำผิดกฎ เจ้าแปดเปื้อนแล้ว ก็มิอาจหวนคืนสู่โลกเบื้องบนได้อีก ต่อแต่นี้ไปทูตสวรรค์มิคาเอลมิอาจโผปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อีกตลอดกาล...ทุกสรรพสิ่งจงสดับรับฟังและเป็นพยาน จากนี้ไปเขามิใช่ทูตสวรรค์อีก แล้วเมื่อสิ้นแรงลง ดวงจิตจะสลายหายไปตลอดกาล...” สิ้นเสียงทรงอำนาจนั้น เสียงฟ้าก็คำรามดังสนั่นหวั่นไหว พายุฝนโหมกระหน่ำหอบพัดทุกสรรพสิ่ง สัตว์ป่ากู่ก้องร้องกันคล้ายสลดใจ สายฟ้าสีทองปัดผ่านฟากฟ้าเทาหม่น ทุกอย่างสว่างวาบขึ้นราวกับสิ่งมหัศจรรย์ ก่อนปรากฏการณ์ราวกับเหนือธรรมชาตินั้นจะสลายหายไปคล้ายกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน...
===========//
วิชาโทสอบทุกวันเลยอ้ะ รู้สึกเลยว่าวิชาเอกไม่เคยจะทุ่มเทเท่านี้มาก่อน
เขียนไปเขียนมาชักเบลอๆ ค่ะ
ปล.เห็นบางคนบอกถึงกับเตรียมทิชชู่เลยทีเดียว มายว่ามันคงไม่เศร้าขนาดนั้นหรอกมั้งค่ะ
เอาแค่ผ้าเช็ดหน้าก็พอเนอะ 555
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเขียนให้มันจบไปในตอนเดียวค่ะ แต่มันทำไม่ได้อ่าาาา ฮรือออ