ตอนที่ 33
ครอบครัว?
สายวันอาทิตย์ที่แสนสดใสปลายฝันมาบ้านอุ่นใจหลังจากที่ได้สัญญากับเด็กๆ เอาไว้ว่าจะมาหาทุกวันอาทิตย์ แต่นี่ก็ดันเป็นวันแรกหลังจากที่เอาของฝากมาให้จาการเที่ยวครั้งนั้น แต่ทั้งร่างบางก็ติดเรียนและกิจกรรม ปฐพีกับอัคนีเองก็งานยุ่ง แต่ก็มีโทรคุยกันตลอด ทำให้เด็กน้อยไม่งอแงเท่าไหร่
และเมื่อมาถึงแค่หน้าประตูบ้าน ร่างบางที่ลงจากรถมาเป็นคนแรกก็เจอเด็กน้อยที่แสนจะน่ารัก นั่งรอใครสักคนอยู่ที่สวนหน้าบ้าน
“ธารา วาโย” ปลายฝันเรียกชื่อเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“มาแล้วววว” เด็กๆ วิ่งเข้ามาหาร่างบางด้วยความรวดเร็วจนไม่กลัวว่าตัวเองจะหกล้มเลยสักนิด ก่อนที่ปลายฝันที่นั่งลงกับพื้นรอเด็กน้อยก็อ้าแขนรับตัวเด็กๆ ทั้งสองคนเอามาไว้ในอ้อมแขน
“เป็นไง สบายดีไหม” ร่างบางถาม
“บายดีฮับ”
“แล้วธาราล่ะคะ”
“ที่สุดเลยค่า”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดูเหมือนเด็กน้อยจะลืมเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดไปแล้ว กลายเป็นเด็กน้อยน่ารักที่เข้ากับพี่ๆ ทุกคนในบ้านได้
ร่าเริงแจ่มใส เหมาะสมกับวัยตัวเอง ซึ่งมันทำให้ปลายฝันหายกังวลไป
“มารอพี่นานยังครับ”
“ฮือ...” เด็กน้อยเริ่มร้องไห้ทันทีที่ปลายฝันถามเสร็จ
ส่วนคนถามก็ได้งงว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ทำไมเด็กๆ ถึงได้งอแง
“เป็นอะไรครับ หืม”
“แม่แทนตัวเองว่าพี่ ฮึก” หนูน้อยวาโยบอก จนปลายฝันส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู
“เอาล่ะเด็กๆ ลุกขึ้นก่อนครับ แล้วเราไปนั่งที่นู่นกัน มีเรื่องจะตกลงกันนิดหน่อย”
“คร้าบ/ค่า” เด็กน้อยผละออกจากอ้อมกอด ก่อนจะวิ่งน้ำปลายฝันไปยังม้านั่งที่ตัวเองนั่งรอเมื่อกี้นี้ ส่วนร่างบางก็เดินตามไปด้วยรอยยิ้ม ปฐพีกับอัคนีที่เอารถไปจอดก็ตามมาติดๆ
“เรื่องที่ 1 เรื่องคุณแม่ พี่เป็นผู้ชายเป็นคุณแม่ไม่ได้นะครับ เรียกว่าพ่อหรือป่ะป๊าก็ได้ แต่ไม่เรียกแม่โอเคไหม” เมื่อนั่งลงเสร็จ ก็เริ่มคุยด้วยทันที ปฐพีกับอัคนีที่เดินมาถึงก็ยืนกอดอกฟังด้วยสีหน้านิ่งๆ
“แม่...” เด็กน้อยไม่ยอม เรียกแม่เสียงสั่น พร้อมจะร้องไห้
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับทั้งสองคนเลยน้า” รีบปลอบทันที
“เป็นแม่นะ” ธาราอ้อน
ปลายฝันถึงกับเครียด เพราะไม่ว่าจะพยายามคุยเรื่องนี้กี่ทีๆ ก็ไม่ได้เรื่อง ธารากับวาโยจะเอาเขาเป็นแม่ให้ได้
“ก็ยอมๆ ไปเถอะ ตัดความหวังเด็กไม่ดีนะ” ปฐพีบอกอย่างสะใจ ที่ได้เห็นใบหน้าทุกข์ของปลายฝันที่ไม่ได้ทุกข์เท่าไหร่
“ใช่! ใจร้ายนะเราน่ะ” อัคนีสมทบ
ในเมื่อครั้งนี้ไม่สำเร็จ อยากให้เป็นแม่ เขาก็จะเป็นให้ก็ได้
“ถ้างั้นอย่าเรียกว่าแม่ เรียก มัม ดีกว่านะครับ” ร่างบางต่อรอง
เพราะเรียกแม่ก็รู้สึกเขินๆ เพราะเป็นศัพท์ของผู้หญิง หม่าม๊า หรือม๊า ก็ดูจีนจ๋าไป และให้ความรู้สึกมุ้งมิ้งมาก ไม่เอาด้วยหรอก เพราะฉะนั้นเหลือคำว่ามัม จากภาษาอังกฤษนี่แหละ กลางๆ ที่สุด
“มัมคืออาไร” วาโยถาม
“มัมก็คือแม่ในภาษาอังกฤษไงครับ”
“อังกิดคือไร” ธาราถาม
“อังกฤษคือภาษาของคนต่างประเทศไงครับ เอาเป็นว่าถ้าหนูสองคนเข้าโรงเรียนจะรู้ว่าภาษาอังกฤษคืออะไร สรุปว่าเรียกพี่ว่ามัมนะครับ”
“มัมๆ”
“น่ารักจังเลย”
“ฉลาดนะเรา สุดท้ายก็แพ้เด็ก เห็นหรือเปล่าล่ะ บอกแล้วอย่าพยายาม”
“พี่ดินอย่ามาเยาะเย้ย”
“พ่อดิน ป๊าเพลิง” เด็กน้อยเรียก ก่อนจะลงมาหาทั้งสู่ แล้วยกมือไหว้อย่างน่ารัก สร้างความตะลึงให้กับปลายฝัน ปฐพีและอัคนีเป็นอย่างมาก
ใครสอนเนี่ย
“ห๊ะ!!”
“หา!!”
ปฐพีกับอัคนีอุทานอย่างตกใจ เมื่อเด็กน้อยไว้เสร็จก็กอดขาตัวเองแน่น โดยที่หนูน้อยวาโยกอดขาปฐพี และหนูน้อยธารากอดขาอัคนี
“พ่อดิน” วาโยเรียก
“ป๊าเพลิง” ธาราเรียก
สิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนสงสัยหลังจากที่เด็กน้อยเรียกออกมากันคนล่ะครั้งไม่ใช่เพราะสงสัยว่าใครเป็นคนสอนให้เรียก แต่ที่สงสัยคือทำไมเด็กน้อยถึงแยกออกว่าใครเป็นใคร
“ไอ้หนู” ปฐพีย่อตัวยกเด็กน้อยขึ้นอุ้ม ซึ่งอัคนีเองก็อุ้มธาราขึ้นอุ้มเช่นกัน
“ใครสอนให้เรียกฉันว่าพ่อ” ถามไป
“คุณปู่กับคุณย่าฮะ” เด็กน้อยตอบแบบฉะฉาน
คุณปู่ คุณย่า? ใครวะ
“คุณพ่อ คุณแม่ของป๊าเพลิงไงคะ” แล้วธาราก็ไขข้อข้องใจนี้
พ่อกับแม่นี่เอง สงสัยอยากจะได้หลานแรง แต่ไม่เป็นไร เด็กสองคนนี้ก็น่ารักอยู่
“นั่นมัม นี่พ่อ นู่นป๊า” วาโยพูดด้วยสียงดีใจ พร้อมกับชี้ไปที่ตัวบุคคลนั้นด้วย
“มัม พ่อ ป๊า ลูก” ธาราก็แก้ให้โดยการชี้ไปที่ปลายฝันคือมัม พ่อคือปฐพี ป๊าคืออัคนีก่อนที่ลูกจะชี้ตัวเองและน้อง
“เย้!! ครบครอบครัวแล้ว”
“วาๆ เรามีพ่อกะแม่แล้วล่ะ ไม่สิ ต้อง...มัม พ่อ แล้วก็ป๊า”
“เย้ๆๆ”
เด็กน้อยดีใจในอ้อมกอดของปบพีกับอัคนี ส่วนร่างสูงเองก็รู้สึกปลื้มใจขึ้นมานิดๆ เมื่อได้ยินคำว่าพ่อหรือป๊าออกจากปากเด็กน้อย เพราะเขาไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะพูดกับเด็กต้องพูดยังไง เพราะที่ผ่านมา เด็กไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขาสองคนเลย
แต่เด็กสองคนนี้กลับเข้าหาเขาสองคนอย่างไม่เกรงกลัวเลย
“ว่าแต่รู้ยังไงว่าคนนี้คือพ่อดิน คนนี้คือป๊าเพลิง” ปลายฝันลุกขึ้นมายืนตรงหน้าคุณพ่อทั้งสองที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ถามขึ้นมาอย่างยิ้มๆ
“รู้ฮะ”
“ทำไมครับ”
“คุณปู่บอกว่า พ่อดินชอบล้วงกระเป๋ากางเกง” สิ้นเสียงวาโย ปฐพีก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามือของตัวเองอีกข้างซุกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้ว มันเป็นความเคยชินที่เขาไม่รู้ และปลายฝันก็ไม่รู้
“แล้วธาราล่ะคะ รู้ได้ว่าไงนี่คือป๊าเพลิง” หันไปถามเด็กน้อยอีกคน
“คุณย่าบอกธาว่า ป๊าเพลิงจะหน้าตาใจดีกว่าพ่อดิน” สิ้นประโยคนี้ปลายฝันถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้ รวมถึงอัคนีเหมือนกัน
คุณแม่เอาอะไรมาสอนเด็กเนี่ย
“ฮ่าๆ อุ๊บ” ปลายฝันรีบปิดปากตัวเองทันทีเมื่อปฐพีมองอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังหลุดหัวเราะออกมาอยู่ดี
“หยุดเลยๆ วาโย ฉันดุไหม” หันมาถามเด็กน้อย
“ไม่ฮะ พ่อดินไม่ดุ” เด็กน้อยตอบ
“แต่พ่อดินชอบทำหน้าดุ” ธาราเถียง
“ฮ่าๆ เด็กมันยังว่าหน้าดุเลย” อัคนีหันไปเยาะเย้ย
“พอๆ ว่าแต่เด็กๆ วันนี้อยากไปไหนครับ” ปลายฝันถาม
“วาอยากได้เสื้อผ้าฮะมัม”
“หนูด้วยค่ะ” ยกมือประกอบ
“แล้วอยากไปไหนอีกครับ”
“อยากไปกินของอร่อยๆ” วาโยพูดขึ้นอีก
“หนูด้วยค่า”
“แค่นี้หรือครับ”
“อยากได้ของเล่นด้วย แต่ไม่เอาดีกว่ากลัวมัมดุหนู” วาโยพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง ซึ่งมันทำให้ปลายฝันมองอย่างเอ็นดู
แสดงว่าเด็กเคยร้องอยากได้ของเล่น แต่คนเป็นแม่ดุมาแน่ๆ เลยสินะ
“ไม่ดุหรอกครับ แต่ต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่ เอ่อ มัมนะครับ”
“ได้ฮะ/ค่า” ตอบพร้อมกัน
“ถ้างั้นเราไปกันเล้ย!!”
“เย้ๆๆๆ”
ร่างบางเดินนำปฐพีกับอัคนีไปที่รถหรูทันที โดยที่ร่างสูงทั้งคู่ก็อุ้มเด็กน้อยสองคนตามไป เอาจริงๆ ก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กไง แต่ให้อุ้มก็อุ้มได้อยู่นะ
เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมาแล้ว สายตาที่มองเด็กน้อยทั้งสองมันสื่อถึงความสุขจนปลายฝันสังเกตได้ แม้จะไม่ได้ยิ้ม
ให้เห็นแต่ร่างบางก็รู้ได้ว่าทั้งสองคนกำลังมีความสุข
“รถสวยจัง” หนูธาราพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อได้มานั่งบนรถหรูคันนี้ ซึ่งปฐพีกับอัคนีนั่งด้านหน้า โดยอัคนีเป็นคนขับ ส่วนปลายฝัน ธาราและวาโยนั่งที่ด้านหลัง โดยเด็กน้อยวัยซนก็มองนั่นมองนี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กน้อยที่เพิ่งเคยเห็นของแบบนี้
“เด็กๆ นั่งดีๆ ครับ”
แต่ตอนนี้เด็กน้อยก็ไม่ฟังอะไรร่างบางแล้วล่ะ เอาแต่สนใจสิ่งที่อยู่บนรถอย่างเดียว แต่คนที่สนใจเรื่องรถที่สุดน่าจะเป็นคนนี้ล่ะนะ
“ป๊า...หนูอยากขับบ้าง” ธาราพูดขึ้นทำให้อัคนีมองผ่านกระจกยิ้มๆ
“เอาไว้โตกว่านี้เดี๋ยวสอนนะ”
“ตอนไหน”
“ตอนไหนที่ขาหนูยาวไง” อัคนีบอก
“เย้ๆ ธาอย่างเท่ห์เหมือนป๊า”
ธารา หนูเป็นผู้หญิงนะ...ปลายฝันคิดอย่างหนักใจ
“หึ! เหมือนมึงชะมัดเลยว่ะไอ้เพลิง”
“เงียบปากไปเลย”
“ทำเป็นเขินนะมึง ฮ่าๆ”
“อย่ามามั่วไอ้ห่า” อัคนีด่ากลับ
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
“ต่อหน้าเด็กอย่าพูดคำหยาบ ลืมแล้วหรือไงฮะ!” ร่างบางยื่นมือเข้าไปตีที่ไหล่แกร่งของทั้งคู่แรงๆ
“มัมตีพ่อกับป๊าทำไม” วาโยถามเสียงสั่นๆ น้ำตารื้นอยู่ที่ดวงตาเตรียมจะไหลลงมาแล้ว
“เอ่อ วา ไม่ร้องนะครับเด็กดี มัมตีพ่อกับป๊าเพราะพูดไม่เพราะไงครับ”
“จริงหรือฮะ ฮึก”
โอย...วาโยครับ หนูเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือครับ ทำไมขี้แยจังเลย
“จริงสิครับ”
“งั้นพ่อกับป๊าก็นิสัยไม่ดี ต่ะ แต่ว่า ใจดี”
“ฮ่าๆ เอาสักอย่างสิครับ ดีหรือไม่ดี” ปลายฝันถามยิ้มๆ
“ดี”
“มัม”
“ว่าไงครับธาราคนสวย”
“หนูอยากไปนั่งข้างหน้า”
“ไปได้ยังไง พ่อดินนั่งอยู่เห็นไหมคะ” เด็กน้อยยู่ปากอย่างผิดหวัง
“มานี่มา” ปฐพีเรียก
“เย้!” ร่างเล็กๆ ของธาราก็แทรกช่องว่างของรถไปนั่งบนตักคุณพ่อดินของตนทันทีด้วยความดีใจ ส่วนปลายฝันก็ยกยิ้มอย่างดีใจที่ปฐพีเข้ากับเด็กน้อยสองคนนี้ได้
“พี่ดินนี่ก็รักเด็กเหมือนกันนี่นา”
เชื่อหรือเปล่าว่าปลายฝันแซวไปเพื่อที่จะเห็นว่าปฐพีอาย หรือขัดเขินกับท่าทางของตนในตอนนี้ แต่เมื่อร่างสูงตอบกลับมาเท่านั้นแหละ
“ก็ลูกของเรา ไม่รักได้ยังไง”
WIN!!
เล่นทำเอาปลายฝันถึงกับอ้าปากค้างเพราะความผิดคาดไปเลย
อัคนียกมือขึ้นตบกับมือของปฐพีอย่างชอบใจ เด็กน้อยทั้งสองก็มองการกระทำของผู้ใหญทั้งสามด้วยความไม่เข้าใจ
“ฮ่าๆ ตอบได้ดีว่ะ” อัคนีชม
“แน่นอน”
“ป๊าหัวเราะอะไร” ธาราหันไปถามอัคนี
“ป๊าหัวเราะมัมไงครับ”
“งั้นมัมก็ตลกอ่ะดิ ฮิฮิ” เสียงใสหัวเราะอย่างสนุก จนผู้ชายที่ชอบทำหน้านิ่งตลอกเวลาถึงกับยิ้มออกมาได้เพราะความน่ารักของเด็กน้อย
ปลายฝันส่ายศีรษะไปมาอย่างเอ็นดู ตอนแรกก็เขินๆ ที่ปฐพีพูดอยู่ แต่พอเด็กน้อยมาช่วยเปลี่ยนเรื่องให้ ก็กลับกลายมาเป็นปกติเหมือนอย่างเคย
“มัมวาอยากกินไอติมด้วย” วาโยที่นั่งอยู่ข้างๆ อยู่ดีๆ ก็ปีนมานั่งบนตักของร่างบางแล้วบอกอย่างออดอ้อน มัมคนสวยก็ยิ้มๆ ให้
“แต่ต้องกินข้าวก่อนนะครับ”
“ได้ฮับ!!”
ฟอด!
ปลายฝันหอมแก้มนุ่มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของเด็ก รู้สึกผูกพันกับเด็กๆ ไปอีก แต่เขาทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ก็เท่านั้น เพราะตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย
รอมัมอีกนิดนะครับ ธารา วาโย
...
...
...
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเมืองไทย ผู้คนมากมายมาเที่ยวกันที่นี่เพราะเป็นวันหยุดและเป็นวันครอบครัว คนเลยมากกว่าวันธรรมดาหลายเท่า แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาของพ่อแม่ลูกทั้งห้าคนนี้เลย เพราะยิ่งคนเยอะมากเท่าไหร่ ดูเหมือนเด็กๆ จะชอบมากเท่านั้น เพราะมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันมาเที่ยวกับครอบครัวเยอะแยะเลย
“คนเยอะจังเลย” วาโยที่ปลายฝันจูงมืออยู่ทางด้านซ้ายพูดขึ้นด้วยสายตาประกายอย่างตื่นเต้น ส่วนธาราที่ถึงจูงมือทางด้านขวาของปลายฝันก็มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้น ส่วนปฐพีกับอัคนีก็เดินตามด้านหลังเงียบๆ เดี๋ยวถ้าจะซื้ออะไร ค่อยจ่ายให้
มีหน้าที่มาจ่ายตามคำสั่งของพ่อกับแม่ แต่ถึงอิสระกับคุณหญิงไม่สั่ง เขาสองคนก็เต็มใจที่จะควักเงินเล็กๆ น้อยมาเพื่อซื้อของให้ลูกๆ? ที่แสนน่ารักของตนอยู่ดี
ทั้ง 5 คนเดินมาหยุดอยู่ในโซนอาหารชั้นสองของห้างใหญ่แห่งนี้เพื่อรับประทานอาหารเช้า เพราะทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ยังไม่มีใครทานข้าวกันเลย
“หิวหรือยังเด็กๆ” ปลายฝันถาม
“หิวแล้วววว” ทั้งสองตอบเสียงยาว
“เด็กๆ อยากกินอะไรเอ่ย ที่นี่มีเยอะแยะเลยนะ”
“วาไม่รู้จัก แล้วแต่มัมฮับ”
“หนูก็ไม่รู้ แต่ขออร่อยๆ นะคะ”
“อ่า เอาไงดีพี่ดิน พี่เพลิง จะกินข้าวที่ไหนดี” ร่างบางหันไปถามร่างสูงที่เดินตามอยู่ด้านหลัง
“แล้วแต่”
“แล้วแต่ๆ ทั้งลูกทั้งพ่อเลยนะ แล้วจะไปรู้ไหมล่ะว่าจะกินอะไรดี” ปลายฝันบ่นก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อมองดูทางไปโซนอาหาร
“วาก็พูดไปสิ” ธาราโน้มตัวไปด้านหน้า หันหน้าไปทางวาโยแล้วพูดเบาๆ
“ไม่เอา ธาก็พูดสิ” คนน้องส่ายศีรษะแรงๆ
ปลายฝันแอบมองการกระทำนั้นก็ยิ้มๆ เพราะรู้ว่ามีของที่อยากจะทานแต่ไม่กล้าที่จะบอกออกมาก็เท่านั้น ช่างเป็นดีและขี้เกรงใจอะไรอย่างนี้
“มีอะไรครับ”
“มัมคะ วามีเรื่องจะบอก” คนพี่โยนไปให้น้อง
“วาโย ว่าไงครับ ถ้าไม่บอกมัม มัมโกรธนะ” แอบขู่เสียงโหดหน่อย
“ไม่ๆ อย่าโกรธวานะ คือว่า...วาเห็นในทีวี ไก่น่ากิน” พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“แต่ธาก็อยากกินนะฮะ” รีบบอกอีกครั้ง เพราะกลัวว่าตนจะโดนดุอยู่คนเดียว
“ถ้างั้นเราไปกินไก่กัน” ปลายฝันบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง สูงมือเด็กๆ ให้เดินไปกับตน ตรงดิ่งไปร้านไก่ทอดชื่อดังทั้งไทยและต่างประเทศทันที
ปฐพีกับอัคนีมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าหน่อยๆ แต่ก็เดินตามไปแต่โดยดี
ให้พวกเราไปนั่งกินไก่เนี่ยนะ!!
เมื่อมานั่งในร้านแล้วก็เจอกับปัญหาใหญ่ที่แสนจะน่าอายของปฐพีกับอัคนียิ่งนัก ที่จะต้องไปซื้อไอ้เจ้าไก่ทอดนี้ แล้วเอาทั้งคู่ถึงกับถอนหายใจแรงๆ ทันที
“ไปซื้อครับ” สั่งยิ้มๆ
“แล้วมันซื้อยังไง เคยซื้อที่ไหนล่ะ” อัคนีบอกเสียงหงุดหงิด
“ก็หัดนี่ไงฮะ”
“แล้วไม่มีคนสอนจะเรียกว่าหัดได้หรือ” ปฐพีถามเสียงเรียบ
เออว่ะ...แต่ก็เว่อร์ไปป่ะที่จะสั่งของพวกนี้ไม่เป็น ทั้งๆ ที่พวกพี่ชอบสั่งจะตายไป สั่งอาหารที่อื่นก็สั่งเป็น ไปซื้อไก่แค่นี้ทำเป็นซื้อไม่ได้
“ไม่ต้องบ่นในใจเลย” ปฐพีพูด
“แสนรู้” ปลายฝันชม แต่เป็นคำชมที่โดนเขกศีรษะไปเบาๆ โทษฐานเปรียบเทียบตนกับสุนัข
“ไม่ใช่หมา”
“พ่อดินอย่าตีมัมนะ” วาโยโวยวาย ก่อนจะตีแขนใหญ่ของปฐพีแรงๆ
แต่แรงเด็กถึงแม้ว่าจะสุดแรงก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรขึ้นมาสักนิด
“กล้าตีพ่อหรือหืม” ถามเด็กไป ส่วนวาโยก็มองหน้าปฐพีด้วยความรู้สึกผิด
“เจ็บไหม วาขอโทษ” ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
พรึ่บ!!
ปฐพีอุ้มวาโยขึ้นมาจากที่นั่ง
“จะพาไปทำโทษ” บอกนิ่งๆ จนเด็กน้อยกลัว ส่วนปลายฝันก็มองอย่างเครียดๆ เพราะไม่รู้ว่าปฐพีจะทำอะไรวาโยหรือเปล่า
ปฐพีอุ้มเด็กน้อยเดินไปยังเคาท์เตอร์สั่งไก่ทอดของร้าน วาโยที่คิดว่าจะโดนทำโทษก็ลืมไปทันทีที่เห็นไก่ทอดเยอะๆ ที่อยู่ในตู้ตรงหน้าของตน
“จะกินอันไหน เลือกเลย”
“จริงนะฮะ” จ้องหน้าปฐพียิ้มๆ
“เอาให้ครบทุกคนเลยนะ”
“วาไม่รู้จะเลือกอันไหน พี่คนสวยฮะ มีอันไหนที่กินกันเยอะๆ ได้บ้างฮะ” วาโยตัวน้อยหันไปถามพนักงานสาวอย่างฉะฉานสร้างความแปลกใจให้กับปฐพียิ่งนัก
ลูกกูนี่ฉลาดจริงๆ เลยว่ะ
“เยอะๆ นี่กี่คนคับ” พนักงานถามกลับมา
“เอ่อ...อ่า กี่คนฮะพ่อดิน” หันไปถาม
“5 คน”
“5 คนฮับพี่สาว”
“ถ้างั้นเอาชุดใหญ่ไปเลยนะคะ”
“ครับ” ปฐพีตอบ
“ทั้งหมด XXX บาทค่ะ” ร่างสูงอุ้มวาโยด้วยแขนข้างเดียวอีกข้างก็พยายามที่จะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหากระเป๋าเงิน หยิบได้แล้วก็ยื่นให้วาโย เด็กน้อยรับไปอย่างงงๆ
“จ่ายตังค์ไปสิ”
“อันไหนฮะ” ถามเมื่อเปิดกระเป๋าเงินใบหนาแล้ว
“หยิบไปใบหนึ่ง” เด็กน้อยหยิบตามแล้วยื่นให้พนักงานไป ส่วนเด็กน้อยก็กอดกระเป๋าเงินใบหนาแน่น เพราะกลัวจะทำหาย
ถึงเป็นเด็ก แต่ก็รู้นะว่าของข้างไหนมันสำคัญขนาดไหน
“ทำไมเยอะจังเลยฮะ”
“เอามาซื้อของให้ธารากับวาโยไง”
“จริงหรือฮับ เย้ พ่อดินใจดี ฟอด” เด็กน้อยหอมแก้มร่างสูงหนึ่งทีเป็นการขอบคุณ ทำเอาปฐพีรู้สึกตื้นตันใจแปลกๆ กับการหอมแก้มเขาของวาโยเมื่อกี้
มันเป็นความรู้สึกที่ต่างจากการได้อยู่กับปลายฝัน มันเป็นความตื้นตันใจที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดๆ ได้เลย
“หึหึ... ไม่ต้องทอนนะ เอามาให้ครบพันหนึ่งนั่นแหละ แล้วช่วยไปเสิร์ฟที่โต๊ะให้ด้วยนะ” ปฐพีบอกพนักงาน ซึ่งพนักงานสาวก็รับคำอย่างยินดี
ใครจะอยากมีเรื่องกับปฐพีล่ะ
(มีต่อ)