ตอนที่ 31
กลัวเมีย
ร่างบางรู้สึกตัวขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดของเช้าวันใหม่ที่รู้สึกได้ว่ามันใกล้สว่างแล้ว แม้ว่ากระแจกที่ปิดหลังคาเอาไว้บางส่วนสำหรับชมดาวเต็มไปด้วยน้ำค้าง แต่เงาลางๆ ก็ทำให้ปลายฝันรับรู้ได้ว่ามันสว่างแล้ว จึงพยายามที่จะเอาแขนแกร่งของปฐพีและอัคนีออกจากร่างกายของตน แม้ตนจะนอนค่อนข้างดึก แต่พอนึกถึงทะเลหมอกที่ตนจะได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายนั้นก็ตาสว่างทันที
“นอนต่อเถอะฮะ พวกพี่ต้องขับรถ” ปลายฝันพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างอย่างเบาที่สุด หยิบเสื้อกันหนาวมาสวมทับอีกชั้น เพราะอากาศยามเช้าหนาวมากจริงๆ
ฟู่ว!!
ร่างบางเป่าลมใส่มือเพื่อคลายความหนาวเย็น เดินไปเปิดระเบียงแล้วก้าวออกไปเพื่อชมทะเลหมอกยามเช้า โดยเลือกที่จะไม่เดินออกไปข้างนอก เพราะมันต้องเปลี่ยนชุด เลยยืนดูจากระเบียงของห้องดีกว่า ไหนๆ ปฐพีกับอัคนีก็เลือกห้องที่มันมองเห็นทุกอย่างได้แล้ว จะออกไปเองให้หนาวเล่นๆ ทำไม
แค่หายใจควันก็ออกทางจมูกแล้วให้ตายสิ
“สวยจังเลย เมื่อวานดูบนเขา วันนี้ก็ดูตรงนี้ แต่ก็ดีที่ไม่ห่างกันมาก”
“อ่า...หนาวจังเลย ดีแล้วที่ธากับวาไม่มา เพราะมันหนาวมากๆ”
ปลายฝันนึกถึงเด็กน้อยฝาแฝดหญิงชายที่น่ารักสุดๆ และคิดว่าพ่อกับแม่ของเด็กน้อยต้องหน้าตาดีแน่ๆ เพราะฉะนั้นลูกไม่ออกมาขาวและดูคุณหนูขนาดนี้หรอก
น่ารักสุดๆ
ครืด...
เสียงของประตูระเบียงที่ถูกเลื่อนออก พร้อมกับมือแกร่งของผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งเข้ามาโอบเอวและอีกคนก็โอบไหล่ ก่อนจะถามด้วยสีหน้าที่ง่วงสุดๆ
ก็ถ้ายังไม่ตื่นดีจะลุกมาทำไม
“ทำไมไม่ปลุกพี่สองคนล่ะ” ปฐพีถามไปด้วยหาวไปด้วย
“ก็เห็นหลับอยู่ ไม่อยากปลุก ไหนจะต้องขับรถอีก เดี๋ยวจะนอนไม่พอเอา”
“อย่างไอ้ดินน่ะไม่ต้องนอนก็ขับได้ จากนี่ไปกรุงเทพแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง” อัคนีบอก
“อย่ามารู้ดีไปกว่ากู”
“โอเคๆ ไม่ต้องเถียงกันนะฮะ เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศดีๆ หมด หรือถ้าอยากจะเถียงกันต่อ นู่น...ไปเถียงกันในห้องเลยฮะ ดรีมจะดูทะเลหมอกต่อ”
“ไม่!!”
“ถ้างั้นก็ดูเงียบๆ สิครับ ซึมซับบรรยากาศดีๆ เอาไว้ เวลาที่เครียดจากการทำงานก็นึกถึงที่นี่ รับรองหายเครียดแน่นอน”
“ไม่ต้องคิดถึงที่นี่ คิดถึงอย่างอื่นก็คลายเครียดได้นะ”
“อะไรอ่ะพี่ดิน” หันไปถามคนพูดอย่างสงสัย
“ก็คิดถึงหน้าดรีมไง” อัคนีเป็นคนตอบแทน ปลายฝันที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองวิวด้านหน้าคืน
ตื่นเช้ามาก็เสี่ยวเลย นี่ใจคอกะจะไม่ให้ปลายฝันได้อยู่แบบปกติที่ไม่มีการหยอดมุกเสี่ยวๆ เลี่ยน อะไรแบบนี้บ้างหรือไง
ชอบทำให้เขินตลอด ให้ตายสิ
“เขินล่ะสิ” ปฐพีแซว
“บ้า! เขินที่ไหนล่ะ”
“เขาว่าคนที่ปฏิเสธอะไรแล้วไม่สบตานี่มักจะโกหก” อัคนีพูด
“โอ้ยยย...ไม่ดงไม่ดูแล้ว เก็บเสื้อผ้ากลับบ้านดีกว่า” คนตัวเล็กร้องโอ้ยเสียงดังเพราะเถียงอะไรต่อไปไม่ได้ แกะมือปลาหมึกของทั้งคู่ออกแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
“ไม่ต้องรีบดรีม เช็คเอ๊าท์ตอน 11 โมง ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ แค่ 6 โมงกว่าๆ”
“ง่ะ”
“มางง มาง่ะอะไรล่ะ เวลาเหลือเฟือ จ้ำจี้ได้อีกหลายยกเลย”
“นี่พี่เพลิงกะจะมีแต่เรื่องแบบนี้อยู่ในหัวหรือไง”
“แน่นอน” ตอบหน้าตายให้ปลายฝันหมั่นไส้เล่น
“เฮอะ! พูดกับพี่เพลิงนี่ไม่เคยได้อะไรอย่างอื่นเลย นอกจากเรื่องลามกเนี่ย”
“นี่อีหนู ป๋าเป็นผู้ชายนะครับ เรื่องความต้องการนี่มันห้ามกันไม่ได้”
“โห...งั้นดรีมก็ไม่ใช่ผู้ชายสิป๋า เลยไม่ค่อยมีความต้องการเหมือนป๋า” พูดบอกไปอย่างประชดประชัน
“ดรีมมีความต้องการนะ ถ้างั้นเมื่อคืน...”
“หยุดเลยพี่ดิน!!” พูดขัดปฐพีเสียงดัง ไม่ให้ร่างสูงพูดเรื่องเมื่อคืนออกมาได้
ไอ้ตอนทำน่ะมันไม่ค่อยอายเท่าไหร่หรอก เพราะยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน แต่มันก็มีบ้างที่เขินๆ บางทีผู้ชายด้วยกันก็ไม่ควรจะมาแก้ผ้าให้กันดูอ่ะนะ...แต่จะมาอายก็ตอนที่เอามาพูดนี่แหละ ทำเสร็จแล้วเงียบนี่ไม่ว่าเลย เอามาเป็นประเด็นให้อายตลอด
“โอเค๊! หยุดก็ได้”
“ว่าแต่บอกว่าเช็คเอ๊าท์ตอน 11 โมง ไหนพี่สองคนบอกว่าจะออกจากที่นี่ประมาณ 9 โมงไง ไปหาซื้อของฝากอีกอะไรอีก นี่พี่โกหกดรีมหรือห๊ะ!!” ปลายฝันคิดเองเออเองจนต้องโวยวาย
“ใจเย็นๆ แค่แกล้งเล่นเฉยๆ ออกตอน 9 โมงนั่นแหละ พาไปซื้อของฝากไง” ปฐพีพูดยิ้มๆ
“แล้วไป”
“นี่กะจะโวยวายอย่างเดียวเลยหรือไง ไม่ถามไถ่กันสักคำ”
“ดรีมว่าพี่เพลิงควรเงียบ”
“ทำไม จะทำอะไรพี่”
“ดรีมทำอะไรพี่เพลิงไปได้หรอก เพราะตัวพี่ใหญ่กว่าดรีมอีก สู้ทางด้านร่างกายไม่ไหวหรอก เพราะฉะนั้น ถ้าพี่เพลิงไม่หยุดหาเรื่อง ดรีมจะโกรธ”
“โหว...น่ากลัวจริงๆ” พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
“ป๋า...” ครางเสียงออดอ้อนกับปฐพี ซึ่งปฐพีก็ยกยิ้มอย่างเอ็นดูให้
“ว่าไงครับ”
“พี่เพลิงแกล้งหนู” ฟ้องอย่างออดอ้อน จนอัคนีขมวดคิ้วแนนด้วยความไม่ชอบใจ
โดนแกล้งอีกแล้วล่ะสิ
“พี่เพลิงนิสัยแย่เนอะ”
“ใช่ๆ”
“ตัวแสบ มึงด้วย หยุดเลยนะ” อัคนีสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะบังคับหน้าร่างเล็กให้มามองตน
“โอ้ย! อะไรเนี่ยพี่เพลิง คนเขาไม่อยากมองหน้า”
“ก็มองพี่ไม่ได้หรือไง”
“มองพี่ดินก็เหมือนมองพี่ด้วยนั่นแหละ คนอะไรไม่รู้หน้าเหมือนกันจนแยกไม่ออก”
“คนอะไร...ก็คนที่เป็นแฝดไง แต่ดรีมก็แยกออกไม่ใช่หรือ”
“ก็แยกออกสิ”
“ทำไมถึงแยกออก?” ปฐพีถาม
“นิสัยไง ถ้าแค่หน้าตาก็แยกไม่ออกหรอก แต่นี่นิสัย การพูด นี่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และน้ำเสียงก็ต่างกันนิดๆ พอให้แยกออกได้”
“เชื่อไหมล่ะว่าคนส่วนน้อยเท่านั้นแหละที่แยกพี่สองคนออก”
“จริงหรือฮะ” หันไปถามคนพูดอย่างอัคนีอย่างตกใจ
“จริงสิ ถ้าคนที่บริษัทก็แยกออกเพราะเราไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันไง คนพวกนั้นจะจำได้เฉพาะเจ้านายตัวเองเท่านั้นแหละ หรือไม่ก็จำไอ้ธีร์กับพัฒน์ เพราะสองคนนี้จะตามติดพวกพี่สุดๆ” อัคนีบอก
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนี้เวลาพี่อยู่กันสองคนเขาก็จะพูดชื่อพี่ทั้งสองเพื่อไม่ให้ตัวเองหน้าแตกสินะ”
ปลายฝันถามพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ตลาดเมื่อวาน
“ประมาณนั้น”
“อันนี้ขอถามพวกพี่หน่อย ทั้งๆ ที่พี่สองคนไม่ใช่ดาราแท้ๆ แต่ทำมีแต่คนรู้จักพี่ล่ะ” ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ดูหน้าพี่ก็รู้แล้วนี่”
“?” ปลายฝันขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่ปฐพีต้องการจะสื่อ
ก็มองหน้าแล้วก็คิดทุกวันนะ รู้อยู่ว่าเป็นเศรษฐี นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ทายาทตระกูล แต่คนอื่นๆ ที่เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ เหมือนกัน ยังไม่ค่อยดังเท่านี้เลย
“พวกพี่หล่อ จบนะครับ” สิ้นประโยคของอัคนี ก็ทำให้ปลายฝันสามารถเข้าใจในสิ่งที่ปฐพีต้องการสื่อได้ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วเข้าไปในห้องทันที เมื่อมือแกร่งทั้งสองผ่อนแรงในการโอบ
ครืด...
ปิดประตูหนีไป โดยที่ทางปฐพีกับอัคนีหันไปมองตามก็ยกยิ้มอย่างพอใจ ที่สามารถทำให้ปลายฝันเดินหนีด้วยสีหน้าเบื่อๆ แบบนั้นได้
“ก็หลงตรงนี้แหละ”
“กูก็เห็นด้วยกับมึงว่าไอ้ดิน แต่ดรีมอ้อนมึงบ่อยเกินไปและ” เอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“อีหนูของกูเป็นเด็กดีน่ารัก”
“โอ้โหๆ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง” อัคนีพูดอย่างหมั่นไส้พี่ชายฝาแฝดของตน
“เอาดีๆ ดิวะ ทำไมดรีมไม่ค่อยอ้อนกูเลยวะ”
“ดรีมก็อ้อนมึงนะ แต่มึงไม่สังเกตเองหรืออาจจะลืมไป”
“ก็ถ้ามึงว่าแบบนั้น กูก็จะเชื่อ”
ที่จริงแล้วอัคนีก็โอนอ้อนอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน แต่ก็แกล้งถามปฐพีไปแบบนั้นแหละ ก็เห็นว่าปลายฝันค่อนข้างจะเชื่อฟังอีกคนมากกว่าตัวเอง
แช่ใช่ว่าปลายฝันจะไม่ฟังตนนะ ฟัง...แต่ก็เถียง
“เด็กมันฟังกู เพราะกูเป็นคนนิ่งๆ ไง ไม่ค่อยกล้าเถียงเท่าไหร่ แต่กับมึง มึงชอบที่จะใส่อารมณ์ เด็กมันก็ต่อต้านดิวะ” ปฐพีพูดลอยๆ เพราะรู้ว่าอัคนีคิดอะไร
อย่างนี้แหละที่เขาว่า สื่อด้วยใจ ไม่ว่าปฐพีคิดอะไร อัคนีก็รู้ ส่วนอัคนีคิดอะไรอยู่ ปฐพีก็รู้เช่นกัน สายสัมพันธ์ของแฝดที่ไม่มีวันที่คนธรรมดาจะเข้าใจ
“อ่อ...แต่ช่างเถอะ กูมีวิธีกำหลาบ”
“ให้มันแน่เถอะให้เพลิง มึงน่ะมันตัวกลัวเมียเลย รู้ตัวบ้างป่ะ” อัคนีหันไปสบตาคนพูดนิ่งๆ
“กูไม่ได้กลัวเหอะ มึงต่างหากที่กลัวเมียอ่ะ กลัวแบบกลัวสุดๆ เลยด้วย พอดรีมเริ่มโกรธหน่อย มึงก็เริ่มเอาใจละ แล้วเวลาไหนที่
ดรีมแม่งเริ่มเอาแต่ใจ แทนที่มึงจะห้ามหรือดุเขา กลับยิ่งเอาใจหนักเข้าไปอีก เพราะกลัวเด็กมันจะโมโห อาละวาด แต่แม่งดรีมไม่รู้หรอกว่าคนที่เด็กมันเกรงใจสุดๆ น่ะ กลัวเมียสุดๆ เหมือนกัน” อัคนีเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
เออะ! กล้ามาบอกว่าเขากลัวเมียได้ยังไง
“กูไม่ได้กลัว กูแค่เอาใจไว้ เผื่อจะได้เป็นการทำคะแนน แต่เอาใจไปก็ไม่ผิดนี่ มึงนั่นแหละที่กลัวไอ้เพลิง มีอย่างที่ไหน ไปดุเขา แต่พอเด็กมันเริ่มร้องไห้ ก็หน้าเจื่อนทำอะไรไม่ถูก” เถียงกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ
คิดได้ยังไงว่าคนอย่างปฐพีกลัวเมีย
“อ้าวไอ้นี่ ก็กูไม่อยากให้ดรีมเสียน้ำตา ไม่ได้หมายความว่ากูกลัวเมียเสียหน่อย มึงนี่เถียงไม่ได้เลยหาเรื่องกูสินะ นิสัยมึงนี่เสียจริงๆ เลยนะ”
“เออ...มึงไม่ได้กลัวเลย แล้วคนอย่างอัคนีที่ไม่เคยขอโทษใคร กลับต้องขอโทษคนอื่นเพียงเพราะกลัวดรีมโกรธนี่ไม่ได้เรียกว่ากลัวเลยเนอะ มึงมันแถเหมือนแหละน่า”
ถ้าเกิดว่าปลายฝันได้ยินสองคนนี้ถกเถียงกันล่ะก็ต้องปวดหัวแน่ๆ เพราะถ้าหากสองคนนี้ได้เถียงกันแล้ว ก็จะไม่มีใครสามารถที่จะหยุดพวกเขาได้ เว้นเสียแต่ว่าหาผู้ชนะได้ก็เท่านั้น
แต่เหมือนว่าเรื่องนี้จะเสมอกันทั้งคู่
“ก็ตอนนั้นกูกลัวข่าวมันออกมาไม่ดี ที่จริงกูก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอก เฮอะ!!”
“โกหกหน้าด้านๆ เลยนะมึง”
“แล้วมึงล่ะ”
“กูทำไมวะ”
“กลัวดรีมไม่แพ้กูหรอกน่า”
“นั่นไง มึงยอมรับแล้วว่ามึงกลัวเมีย โธ่! เสียชาติเกิดคาสโนว่าหมดว่ะ มากลัวเด็กตัวเล็กๆ ไม่มีพิษมีภัยอย่างดรีมได้ ไม่ต้องกลัวนะมึง หึ!” ปฐพีได้ทีหัวเราะเยาะ
“เอ่อ...แล้วไงวะ มึงก็กลัวเหมือนกันแหละน่า”
“ไหนล่ะหลักฐาน” ถามด้วยสีหน้าเป็นต่อ
เขาไม่มีทางกลัวเมียได้หรอกน่า เกิดมาเป็นฝ่ายรุกทั้งที จะให้เมียมามีอำนาจเหนือกว่าได้อย่างไร เสียชาติเกิดหมด
“หึ มึงอยากได้หลักฐานใช่ไหม ได้!!” อัคนีหันไปมองตรงกระจกประตูเห็นปลายฝันเดินตรงดิ่งมาที่ทั้งคู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ไหนมึงลองกำมือดิ๊” ปฐพีทำตามอัคนีบอกอย่างว่าง่าย “แล้วยื่นมาตรงหน้ากูแรงๆ”
ปฐพีทำตามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่โดนหน้าอัคนีแต่อย่างไร แต่มันก็เป็นไปตามแผนของอัคนีเสียแล้ว เพราะตอนที่ปฐพียื่นแขนมาตรงหน้าของเขา เขาก็แสร้งทำเป็นหันไปทางฝั่งระเบียง ทำให้ปลายฝันที่เลื่อนประตูออกมาถึงกลับรีบมาประคองอัคนีด้วยความตกใจ มองใบหน้าปฐพีด้วยสีหน้าโกรธๆ
ครืด...
“พี่เพลิงเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมพี่ดินต้องต่อยพี่เพลิงด้วย” ประโยคแรกถามไถ่อาการของคนเจ้าแผนการด้วยความเป็นห่วงก่อนถามปฐพีด้วยความโกรธ
“พี่เปล่า”
“ยังจะปฏิเสธอีกหรือ นี่ดรีมเห็นกับตาตัวเองเลยนะ นิสัยแย่จริงๆ”
“ดรีมฟังพี่ก่อน”
“ไม่ฟัง!! นี่น้องชายตัวเองนะ มีเหตุผลอะไรถึงต้องทำร้ายกัน ป๋าเจ็บไหม มาเดี๋ยวหนูพาไปข้างใน” คนตัวเล็กประคองพร้อมถามอัคนีในสรรพนามที่คิดว่าอัคนีพอใจ และสามารถเอาคืนปฐพีได้
ซึ่งมันก็ใช่!! เพราะตนที่อัคนียักคิ้วน้อยๆ ให้ตนอย่างสะใจ มือแกร่งก็กำแน่นอย่างโกรธๆ ที่ทำให้ร่างบางโกรธเขาได้
“แสบนักนะไอ้เพลิง ฮึ่ย!!” พึมพำไล่หลังเสียงเครียด ก่อนจะเดินตามทั้งสองคนเข้าไป
มาถึงด้านในก็เจออัคนีกำลังออเซาะร่างเล็ก แสร้งทำเป็นเจ็บปาก ทั้งๆ ที่ไม่มีแผลอะไรเลย ทำให้ปฐพีต้องคิดในใจว่า...นี่ก็เชื่อคนง่ายจริงๆ
“พี่เจ็บปากจังเลยดรีม”
กูล่ะอยากจะไปถีบปากมึงให้มันเจ็บจริงๆ ซะ
“ตรงไหน เดี๋ยวดรีมดูให้” คนตัวเล็กหันหลังให้คนที่มานั่งข้างๆ แล้วสนใจแต่อัคนีทันที ตอนนี้ร่างเล็กไม่สนใจที่จะฟังปฐพีใดๆ ทั้งสิ้น เพราะภาพมันก็ฟ้องแล้ว
“ดรีมฟังพี่ก่อนนะคนดี” ปฐพีพูดเสียงอ่อน
“ไม่ฟัง”
“อย่าตะคอกสิ”
“ก็ดรีมจะพูดแบบนี้พี่จะทำไม ทีพี่ยังใช้กำลังกับพี่เพลิงเลย”
“พี่ไม่ได้ทำจริงๆ นะ”
“ไม่รู้ ไม่สน”
“สนหน่อยนะครับ พี่ไม่ได้ทำมันจริงๆ นะ”
“ถ้างั้นพี่จะใส่ร้ายว่าพี่เพลิงเป็นคนทำตัวเองงั้นสิ”
“ป่ะ...เปล่า”
เอาแล้วไง ไม่ว่ายังไงก็แก้ตัวไม่ขึ้น จะบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ ปลายฝันก็คิดว่าตัวเองใส่ร้ายอัคนี แต่จะให้บอกว่ายังไงล่ะ ขอโทษในสิ่งที่เราไม่ผิดงั้นหรือ
“แล้วยังไงล่ะ”
“หันมามองพี่หน่อยคนดี อย่าหันหลังให้พี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบ” ปฐพีพูดออกมาตามตรง เพราะเวลาที่โกรธกันหรือไม่เข้าใจกัน ปลายฝันไม่เคยหันหลังให้ตนสักครั้ง แต่นี่หน้าแทบจะไม่มองเลย
เขากลัวทุกครั้งที่ปลายฝันหันหลังให้
“พี่เพลิง...ไม่เอานะ อื้อ ป๋า อย่าสิ” ปลายฝันร้องห้ามแบบไม่จริงจังนัก เมื่ออัคนีพยายามที่จะหอมแก้ม พยายามจะจูบ ซึ่งทำเหมือนว่ามองไม่เห็นหัวปฐพีอยู่ตรงนี้
และมันทำให้ปฐพีเจ็บปวดและไม่พอใจ
“คิก จั้กกะจี้อ่ะป๋า”
“ขอตัว” ปฐพีพูดเบาๆ คิดไปเองว่าทั้งสองคนไม่ได้ยินหรอก
สองเท้าแกร่งเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าของตนที่ปลายฝันเลือกเอาไว้ให้ เพราะนอกนั้นคงจะเก็บใส่กระเป๋าไปแล้วเรียบร้อยกับผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เขาจะกลับกรุงเทพฯ
ปัง!!
เสียงปิดประตูห้องน้ำเสียงดังลั่นห้องจนปลายฝันที่แอบมองตามตกใจ ส่วนอัคนีก็ได้แต่มองตามยิ้มๆ ด้วยความสะใจ
นี่น่ะหรือที่เถียงปาวๆ ว่าไม่กลัวเมีย
มึงก็แค่ไม่ชอบยอมรับความเป็นจริงก็เท่านั้น
(มีต่อ)