* ความเดิมตอนที่แล้ว
ปังปังกลับมาเมืองไทยพร้อมกับพี่อลันและย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของพี่ชาย
ก่อนจะมาพบกับพี่ใหญ่ที่ตลาดในระหว่างทางที่จะไปหาที่หอพัก
เมื่อทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกัน แต่อลันกับไม่ยอมที่จะให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน {CH 47 เสียงคำบอกรัก}
“อย่าดื้อนะปัง”
“ครับ”
ผมขานรับพี่อลันก่อนจะปิดประตูรถยนต์คันสีเงินลูกชายของพี่อลัน และหันหลังเดินเข้ามหาลัย ผมกลับมาได้ 2 อาทิตย์แล้วครับ กลับมาวันแรกผมได้ปรับความเข้าใจกับพี่ใหญ่แล้ว แต่ต่อว่าเราทั้งคู่ก็เหมือนคู่รักที่ต้องแอบคบแอบคุยกัน ได้เจอกันที่มหาลัยเท่านั้นเอง เพราะพี่อลันไม่ชอบพี่ใหญ่มาก ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเกลียดพี่ใหญ่นัก หัวเด็ดตีนขาดยังไงพี่ลันก็ไม่เปิดใจให้พี่ใหญ่เลย หลายต่อหลายครั้งที่พี่ใหญ่หมดความอดทน แต่ผมเองที่เป็นฝ่ายห้ามเขาไว้ จริงอยู่ที่พี่อลันไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ และเพิ่งเจอกันเพียงไม่นาน แต่เค้าก็คือพี่ชายที่ผมไม่เคยมี ผมแคร์เค้าไม่น้อยกว่าพี่ใหญ่เลยเพราะทั้งคู่คือคนที่ผมรัก เฮ้อ … ตรงกลางนี้มันลำบากใจจัง
“ไง”
เสียงเข้มอบอุ่นที่ผมจำได้ขึ้นใจทักทายผมจากด้านหลังพร้อมกับวางแขนแกร่งพาดมาที่บ่า สัมผัสนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างและอยากขอบคุณคนๆนี้ที่ทนกับผมได้ไม่ว่าจะมีอุปสรรค์อะไร เขาก็ไม่คิดที่จะเลิกกับผมเลย มีแต่ผมคนเดียวที่คิดเล็กคิดน้อยอยู่คนเดียวตลอดมา
“สวัสดีครับ … วันนี้พี่ใหญ่มาส่งงานหรอครับ” ผมหันไปสวัสดีเขาแต่ก็ไม่สะบัดตัวหนี ปล่อยให้เขากอดคอเดินตรงไปที่ตึกเรียนของผม ท่ามกลางสายตาคนทั้งมหาลัย
“เปล่า กำลังจะไปยื่นเอกสารสมัครงานที่บริษัทแต่มาหาก่อน บอกเมื่อคืนแล้วจำไม่ได้เหรอไง” เขายกมืออีกข้างมาหยิกแก้มผม ไม่ได้หยิกแบบน่ารัก แต่หยิกแบบจะให้เนื้อผมหลุดออกมาให้ได้ งื้อ เจ็บนะเนี้ย
“เจ็บนะ พี่ใหญ่กินข้าวมาเหรอยังครับ” ผมลูบแก้มตัวเองปอยๆ มองหน้าพี่ใหญ่ที่ยิ้มทะเล้นอยู่ พักนี้พี่ใหญ่น่ารักขึ้นมาก อาจจะเป็นเพราะเราห่างกันก็ได้ ผมเองก็ไม่อยากงอแงเพราะกว่าเราจะได้เจอกัน จะได้คุยกันมันน้อย ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง
“ยังก็ว่าจะมากินกับหมู”
“ผมไม่หมูแล้วนะ”
ตอนนี้น้ำหนักผมเหลือ 70 แล้ว ไม่ขึ้นและไม่ลดลงไปอีก เพราะไม่ได้ออกกำลังกายเลยหลังจากกลับมาจากออสซี่ แต่กลับกัน ผมก็ไม่ได้กินของจุกจิกหรืออาหารมากนัก อ่อ ปลายสัปดาห์นี้หมอคลินิกจัดฟันให้ไปดึงฟันประจำเดือนด้วย เกือบลืมแหนะ ไม่รู้รอบนี้จะดึงเยอะไหม และถ้าผมปวดก็ไม่มีพี่ใหญ่อยู่ข้างๆนะสิ … นึกถึงวันนั้นวันที่ปวดฟันแล้ววิ่งไปหาพี่ใหญ่ห้องข้างๆ … และพี่ใหญ่ก็ยึดตัวผมจากนั้นเป็นต้นมา หึหึ ตอนนั้นถึงจะงงๆ แต่พอกลับไปคิดมันก็เขินดีเหมือนกัน ใครจะเชื่อคนโหดอย่างพี่ใหญ่จะรักคนอย่างผมได้ และใครจะเชื่อว่าผมเองจะรักคนโหดๆอย่างพี่ใหญ่จนหมดใจแบบนี้
“ไม่หมูอะไร ผอมลงแค่นี้ยังไงก็หมูอยู่ดี หึหึ”
“พอๆ ครับไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวอีก ครึ่งชั่วโมงปังมีเรียน” ผมดันหลังพี่ใหญ่ให้เดินนำไป ก่อนที่เขาจะหันกลับมาคว้าเอามือผมไปกุมเอาไว้ ก่อนที่เราจะเดินไปด้วยกัน อบอุ่นจังอยากให้พี่อลันมาเห็นว่าตอนนี้พี่ใหญ่น่ารักแค่ไหน เค้าจะได้ยอมรับพี่ใหญ่ของผมสักที
“หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนเจี๊ยบ!!!” พอนั่งลงที่เก้าอี้โรงอาหารได้ เจ้าป่วนตัวเล็กก็เข้ามาก่อกวนทันที ตัวเล็กยิ้มล้อเลียนผมโดยมีนายเสาร์ที่ปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงจากเมื่อก่อนไปเยอะนั่งคุมเชิงอยู่ไม่ไกลนัก ผมยิ้มเขินๆ ไม่ตอบอะไร
“ปังปัง เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่หอ เล็กคิดถึง แล้วดูสิเนี้ย ครีมหมดใช่ไหมผิวลอกแบบนี้ แถมพุงย้วยด้วย ไม่ได้นะปังถึงจะผอมลงแต่ไม่เฟิร์ม ก็ไม่ดีนะ กลับมาสิเล็กเป็นเทรนเนอร์ของปังน้า ~~~~~” ตัวเล็กเข้ามาสำรวจร่างกายของผมไปอ้อนผมไป เราคุยกันเจอกันแทบทุกวันตัวเล็กพูดกรอกหูผมด้วยประโยคนี้แทบทุกวันเหมือนกัน
“คงอีกสักพักนะเล็ก ไว้พี่อลันเย็นลงกว่านี้ปังจะพูดกับพี่อลันเอง”
“งั้นให้เล็กไปเที่ยวบ้านได้ไหม ให้เล็กไปนอนค้างสักคืนสองคืน เล็กอยากนอนกอดปังเพราะปังนุ่มนิ่มดึ๊งๆ กอดไอ้บ้าเสาร์มีแต่กล้ามเนื้อเล็กไม่ชอบ”
“อะ แฮ่ม ไอ้เล็กแกไปนอนกอดไอ้เสาร์ตอนไหน” พี่ใหญ่กระแอมมองไปที่ตัวเล็กนิ่ง เพื่อนตัวเล็กของผมลุกขึ้นกรูเข้าไปหานายเสาร์ที่ดูดน้ำแดงจากแก้วอยู่ตาโต
“ชะอุ้ย…แหะ ๆ เล็กพูดเล่นแหนะพี่ตัวใหญ่” เล็กทำท่าทะเล้นก่อนจะหันไปซุกหน้ากับต้นแขนแกร่งของแฟนตัวเอง เสาร์หัวเราะนิดๆก่อนจะผลักหัวตัวเล็กออกก่อนจะเข็กมะเหงกไปหนึ่งทีอย่างหยอกๆ ทำเอาตัวเล็กหน้ามุ้ยไปเลย
“หาเรื่องให้กูแล้วไหมละไอ้แมวผี”
“กินอะไรปัง”
“เดี๋ยวปังไปซื้อเองก็ได้ครับ”
“กินอะไรครับ หื้ม ?” พี่ใหญ่ถามซ้ำเน้นเสียงในลำคอ … ผมกระตุกยิ้มนิดๆถ้าเป็นเมื่อก่อน หื้ม ด้านหลังจะไม่มีจะมีนะ คึคึ พี่ใหญ่เวอร์ชั่น 10.1 นี้น่ารักชะมัด
“ปังเอาข้าวกล้องกับไก่เนื้ออกฉีกแล้วกันครับ”
พี่ใหญ่พยักหน้าก่อนจะเดินไปที่ร้านขายข้าว ในระหว่างนั้นตัวเล็กก็เข้ามาคุยกับผมเรื่องต่างๆ ประจวบเหมาะกับพี่ชินโดมาพอดีเราเลยได้คุยเรื่องงานกลุ่ม 4 คนที่อาจารย์จะให้ทำโมเดลบ้านเพื่อนำไปประกวดและจัดแสดงในงานกุศลช่วยเหลือเด็กพิการในบ้านต่างจังหวัด งานนี้ถ้าฟลุคชนะได้เงินรางวัลด้วยละ
“กินข้าวได้แล้วปังอย่ามัวแต่คุย”
“เล็กขอเสนอเป็นอาคาร 2 ชั้นเพราะน้องๆคนพิการจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการขึ้นลงหลายชั้น พื้นที่รอบๆเป็นต้นไม้ แล้วก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วย”
“ปังกินข้าว”
“คะ ครับ …แล้วงบประมานเท่าไหร่เหรอ” ผมหันไปตอบพี่ใหญ่ก่อนจะหันมาถามเพื่อนต่อ
“มีงบให้กลุ่มละ 3,000 อะปัง เฉพาะทำโมเดลอย่างเดียวนะ ยังไม่รวมค่าออกค่ายตอนไปประกวดด้วย”ชินโดพูด พร้อมกับหยิบซองสีขาวที่อาจารย์คณะมอบให้แต่ละกลุ่ม
“เรายังไม่เคยทำโมเดลบ้านจริงๆเลย เรายังกะไม่ถูกว่าต้องใช้เท่าไหร่ เราเลยต้องประหยัด” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเสาร์ ก่อนที่จะอ้าปากงับช้อนใส่ข้าวที่จ่อมาที่ริมฝีปากอย่างอัตโนมัติ กว่าจะรู้ตัวทุกคนก็จ้องผมล้อเลียนแล้ว
“อ่ะ เดี๋ยวผมกินเองครับ”
“หึ ไม่คุยต่อแล้วเหรอไง” พี่ใหญ่แซว ก่อนจะตักข้าวมาจ่อที่ปากผมอีก ผมมองอย่างเขินๆ แต่ก็ยอมกินข้าวคำนั้น ถึงจะไม่ใช่ข้าวกล้องอกไก่ฉีกแต่เป็นข้าวมันไก่ที่มีแต่หนังก็เถอะ … ขุนกันเข้าไปสิพี่ใหญ่คนบ้า
“เลิกเวลาเดิมใช่ไหม เดี๋ยวมารับ” พอกินข้าวเสร็จผมก็เดินมาส่งพี่ใหญ่ที่ลานจอดรถ วันนี้พี่ใหญ่เอารถยนต์มา เพราะคงไม่เหมาะที่จะใส่สูขขับมอเตอร์ไซค์ในแดดเมืองไทย
“ไปไหนครับ” ผมถามขึ้น … จะได้เตี้ยมกับตัวเล็กกถูก … ผมไม่ได้โกหกนะ แค่ … แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง ฮืออออ
“ไปบ้านเรานั้นละ” พี่ใหญ่พูดพร้อมกับวางมือบนหัวผม พร้อมกับยิ้มที่อ่อนโยน … เขาเท่มากๆเลยสมบูรณ์แบบไปหมด อย่าไปยิ้มแบบนี้ให้คนอื่นนะรู้ไหม ไม่สิเวลานี้ผมไม่ควรจะต้องมาหลงเสน่ห์รอยยิ้มของพี่ใหญ่ หายนะกำลังจะมาถึงเมื่อทอนนาโดสองลูกจะเจอกันอีกแล้ว ฮือออออ
“ตะ แต่พี่อลันอยู่นะครับ แล้วถ้าไป เราอาจจะไม่ได้เจอกันเลยนะครับพี่ใหญ่” ผมพูดเสียงอ่อยก้มหน้านิ่ง … ผมกลัว … ผมกลัวว่าเรื่องทั้งหมดจะเลวร้ายไปมากกว่านี้
“พี่ไม่อยากรอแล้วปัง ไม่อยากกลับมาอยู่ด้วยกันเหรอ” มือหนาลูบที่แก้มของผมเบาๆ กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงนุ่ม ปลอบประโลมจิตใจของผมที่สะท้อนออกมาเป็นกายที่ลั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ … ผมขี้ขลาด … ผมกลัว ผมไม่อยากให้ใครต้องทะเลาะกันเพราะผมอีกแล้ว
“ปังอยากกลับไป แต่ถ้าพี่ใหญ่ไปเรื่องอาจจะแย่ลงนะครับ”
“เชื่อใจพี่” เสียงอบอุ่นนั้นเข้มแข็งขึ้นในทันที ทำให้ผมยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะพยักหน้าให้พี่ใหญ่ในที่สุด … ผมเลือกที่จะเชื่อใจคนที่ผมรัก เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเหมือนที่แล้วมา …
“กะ ก็ได้ครับ … ก็ได้ …”
“หึหึ ถ้าไม่ใช่มหาลัย โดนจูบไปแล้วไอ้หมูแดง” เขากระซิบ
“บะ บ้า ไปได้แล้วครับพี่ใหญ่ ปังต้องขึ้นเรียนแล้ว” ผมดันหลังพี่ใหญ่ให้ขึ้นรถ เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ เสียงกรี๊ดกร๊าดรอบข้างทำให้ผมเขินแทบมุดแผ่นดิน
ฟอด “แล้วเจอกัน” พี่ใหญ่เดินขึ้นรถไปในขณะที่ผมยืนก้มมองพื้นอยู่ที่เดิม … ถ้าผมช็อคตายพี่ใหญ่รับผิดชอบไหม ?
.
.
.
อีกด้านหนึ่งอลันเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไปส่งน้องชายสุดที่รักมาแล้ว ร่างสูงเอนตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างผ่อนพลายเปิด TV เพื่อเปิดดูข่าวสารตลาดหุ้นที่แหล่งที่เขาสนใจ โดยไม่ได้เอะใจเลยว่ามีบุคคลแปลกปลอมกำลังเดินไปมาในห้องครัวด้านหลัง หยิบเอามันฝรั่งในสต๊อกขนมขึ้นมามองอย่างเจ้าเล่ห์ เลียริมฝีปากบางอย่างหมายมั่น ปาล์มเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัด เอวบางได้สัดส่วนไม่อรชนเหมือนผู้หญิงแต่แข็งแรงแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป ผิวสีน้ำผึ้งดวงตากลมโตฉายแววเจ้าเล่ห์ซุกซนจมูกรั้นอย่างคนดื้อดึง ไฝ่เม็ดเล็กๆเป็นตำหนิจุดเด่นที่ทำให้ทั้งชายและหญิงหลงรักเสน่ห์ในตัวที่มีอย่างเหลือร้าย
“เฮียมันฝรั่งรสชีทไปไหนแล้วอ่ะ”
ปั๊ก “ตกใจหมดไอ้ปาล์ม เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ร่างสูงที่พาดขาบนโต๊ะเล็กตรงหน้าและกำลังจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบสะดุ้งจาขาแกร่งพาดตกลงบนพื้นอย่างช่วยไม่ได้ หันไปมองเด็กข้างบ้านอย่างงงๆ เพราะเขาว่าเค้าล็อกประตูรั้วแล้วส่วนคุณลุงผดุงเองก็ออกไปด้านนอกตั้งแต่เช้าแล้ว
“นี้ไง ฮี่ๆ” เจ้าปาล์มโชว์กุญแจสำรองที่อลันเคยให้ไว้เมื่อครั้งที่มาเมื่อไทยปีที่แล้วให้ดู เพราะอลันเห็นว่าปาล์มไม่มีพิษมีภัยและให้ช่วยเฝ้าบ้านทำความสะอาดจึงไม่หวงหากจะมานั่งๆนอนๆหรือพาเพื่อนมาที่บ้านหลังนี้
“แสบนักนะ แล้วไม่ไปเรียนหรือไงเราอ่ะ” ปาล์มเบ้ปากเดินมานั่งข้างๆอลันใช้หัวหนุนแขนแกร่งที่พิงพนักเอาไว้ยกขาทั้งสองขึ้นมาขัดสมาธิบนโซฟากินมันฝรั่งมุบมับๆไม่ได้สนใจตอบคำถามของอลัน ตาสีฟ้ามองกลุ่มไรผมสีดำสนิทอย่างอ่อนใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะปาล์มเองก็เหมือนน้องของเขาคนนึง
“เฮียไม่เบื่อเหรอ”
“เบื่ออะไรวะ” อลันถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ ปาล์มที่นั่งจ้อง TV นิ่งอยู่นานสองนานพูดขึ้น
“พลากคนรักเค้านะ โอ้ย พูดทีไรทำเป็นขึ้น สักวันเถอะกรรมจะตามสนอง” ร่างบางโวยวายเมื่ออยู่ๆ อลันชักแขนและใช้อีกมือผลักหัวของเขาจนเซไปอีกทาง ลุกขึ้นเดินหนีไปหยิบน้ำเย็นในตู้เย็นมาดื่มแก้กระหายโดยมีตาใสของปาล์มมองอยู่ห่างๆ
“เฮียลัน”
“…” ตาสีฟ้าคมเหลือบมองคนตาใสที่เดินเข้ามาหา แต่ยังทำเป็นไม่สนใจกระดกน้ำเปล่าอยู่แบบนั้น
ร่างสูงก็ต้องผงะเมื่อมือบางกระชากเอาขวดน้ำออกและพลิกตัวแกร่งของเขาให้ไปเผชิญหน้ากับเด็กที่ตัวเท่าติ่งหูล่างของเขา ริมฝีปากกระจับที่มีใฝเล็กๆที่มุมปากบนเม้นเข้าหากันก่อนจะเริ่มโวยวายออกมาอย่างขัดใจ เมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายคนสนิท
“ใจคอเฮียจะไม่ฟังใครเลยหรือไงวะ”
“หยุดพูดถ้าจะมาป่วนก็กลับบ้านไป” อลันพยายามเดินหนีและใจเย็น แต่ก็ถูกปาล์มคว้าแขนเอาไว้ให้กลับมายืนที่เดิม เห็นตัวบางๆแต่แรงเยอะใช่เล่น อลันคิดในใจ
ผลั๊ก! “เฮียไม่ใช่ดวงอาทิตย์นะที่จะให้ดวงดาวโง่ๆมาหมุนรอบเฮียอยู่นั้นอ่ะ”
มือเรียวผลักอกจนอลันที่ไม่ทันตั้งตัวถลาไปด้านหลังชนกับตู้เย็น แต่ร่างสูงอย่างไรก็ยังมีแรงที่เยอะกว่า เขาจับแขนปาล์มได้ก็เหวี่ยงเข้ามาแทนที่ทำให้หลังบางกระแทกกับตู้เย็นแรงไม่ต่างจากเขา เว้นเสียแต่ปาล์มตัวเล็กกว่าจึงย่นหน้าเพราะความเจ็บ ตากลมลืมจ้องเขม็งจ้องตาสีฟ้าอย่างไม่ลดละความพยายาม
ผลั๊ก! “นี้มึงพูดจาไม่รู้เรื่องหรือไง ไอ้ปังน้องกู กูจะเลือกสิ่งที่ดีให้น้องกูเท่านั้น”อลันกัดฟันกรอดระงับความโกรธ ก่อนจะพ่นคำที่ไม่ลื่นหูออกมา
“โว้ย ! และตลอดมาที่น้องเฮียอยู่เมืองไทย แม่เค้าตาย อยู่กับพ่อที่เป็นภารโรงบ้านเก่าๆ โดนเพื่อนรังแกต่างๆนาๆ เฮียได้ทำหน้าที่พี่ไหมวะ แล้วนี้อะไร พอน้องมันจะมีผัว เสือกไปห้ามมัน อยู่กับมันตลอดหรือถึงรู้ว่าผัวมันไม่ดีน่ะ จะมาเรียกร้องสิทธิความเป็นพี่อะไรตอนนี้วะ ! เป็นบ้าหรอ!!!” หลายต่อหลายวันมานี้ปาล์มตีสนิทกับปังปังจนคนซื่ออย่างเจ้าหมูแดงยอมเล่าความหลังให้ฟัง เพื่อให้ปาล์มช่วยเป็นอีกหนึ่งแรงในการทำให้พี่อลันอ่อนลง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างงั้น
“ไอ้ปาล์ม!!!!!!!!” อลันตวาดลั่นฟิวขาดง้างมือกำหมัดค้างแต่ปาล์มเองก็ไม่หลบ ไม่หนี จ้องตาสีฟ้าด้วยอารมณ์โมโห กัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะตวาดออกมาเมื่ออลันสะบัดมือลงข้างตัวและเตรียมจะเดินหนี แต่เป็นอีกครั้งที่ร่างบางไม่ยอมให้อลันหนีปัญหาอีกแล้ว
“ถ้าผมพูดผิด เฮียก็ต่อยเด้!!!!”
“มึงนี้นะ เก่งฉิบหาย เดี๋ยวกูจะซื้อตะกร้อมาครอบปากมึง” อลันยกแขนแกร่งขึ้นรั้งบ่าของปาล์มติดตู้เย็นก้มหน้าเข้ามาชิดก่อนจะกระซิบบอกด้วยความโมโหที่อัดอั้น
“ถ้าผมไม่พูดแล้วใครจะพูด นี้พี่โตมาเมืองนอกจริงปะ ทำไมทำตัวไร้สาระแบบนี้วะ” ปาล์มตอกกลับทันที หลายต่อหลายครั้งที่ปาล์มพยายามพูด อลันเลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินหนี ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ปาล์มจะได้สั่งสอนผู้ใหญ่ที่ไม่รู้หน้าที่ว่าพี่ชายที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร
“มึงหยุดพูดสักที มึงไม่เป็นกู มึงไม่เข้าใจ กูแค่อยากให้ปังเจอสิ่งที่ดี อยากให้ปังมีอนาคต”
“ด้วยการเลิกกับผัวน่ะหรือวะเฮีย ผัวนะไม่ใช่ขี้ที่จะเช็ดแล้วจบอ่ะ เฮียแม่งเป็นอะไรวะ โคตรหมดศรัทธา เฮียแม่งเคยเป็นไอดอลผมเลยนะเว้ย” ประโยคหลังร่างบางพูดอย่างน้อยใจ แววตาที่เคยสุกใสหมองหม่นลง
อลันคลายแขนที่กดบ่าปาล์มออก ก่อนจะหันหลังให้ แต่ปาล์มวิ่งไปดักหน้ากางสองมือออกไม่ยอมให้ร่างสูงหนี ตาสีฟ้าเหลือบมองก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิดมืออีกข้างท้าวที่เอวอย่างเซ็งๆ หลับตาระงับอารมณ์ตัวเอง เขาไม่อยากทำร้ายปาล์มเพียงเพราะว่าทะเลาะกันเรื่องของปังปัง
“กลับบ้านไปไอ้ปาล์ม หรือไปให้พ้นหน้ากูซะ”
“ไม่ไป” อลันจิ๊ปากกับความดื้อรั้นของน้องข้างบ้านคนสนิท ก่อนจะยกมือเท้าเอวอย่างเซ็งๆมองไปที่ปาล์มยกมือขึ้นชี้มาที่ตัวเอง
“จะให้กูทำยังไง”
“เฮียต้องฟังน้องของเฮียบ้าง” ริมฝีปากกระจับแย้มยิ้มก่อนจะพูดออกมาทันที
“เออๆ กูจะฟัง ถ้ามันกล้ามาน่ะนะ” อลันตอบแบบส่งๆ แต่ในประโยคหลังดวงตาสีฟ้ากลับฉายแววประหลาด
“ไม่ใช่ให้ฟังพี่ใหญ่ แต่ให้ฟังปังปัง”
“ไม่ กูจะรอฟังจากปากของไอ้ใหญ่ แค่นี้จบ โอเค ? ถ้าพอใจแล้วก็กลับบ้านไป” พอพูดจบก็เดินผ่านร่างบางหนีขึ้นด้านบนไปทันที ปล่อยให้ปาล์มยืนเกาหัวแกรกๆ หยิบเอาถุงมันฝรั่งที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาหมายจะกินที่เหลือต่อ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมันฝรั่งตกอยู่ที่พื้นเต็มไปหมดเพราะเหตุการณ์ทะเลาะเมื่อสักครู่ ทำเอาเจ้าตัวมองบนอย่างเซ็งๆ
“แม่งหกเละเทะหมด ของฟรีซะด้วยสิ”
.
.
.
ภายในหอสมุดที่ปังกลับมาทำงานเป็นบรรณารักษ์ปกติในช่วงพักกลางวัน ตัวเล็กใช้ศอกสะกิดเสาร์ที่นั่งเล่นเกมโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ให้ดูเพื่อนสนิทปังที่นั่งอยู่ที่เคาเตอร์บรรณารักษ์เอาแต่นั่งจ้องกระดาษวางเปล่าในมือถือดินสอค้างอยู่อย่างงั้นมาจะสิบนาทีแล้ว ในขณะที่ชินโดที่นั่งค้นข้อมูลในหนังสือวิจัยเล่มใหญ่อยู่เงยหน้าขึ้นส่ายหัวไปมาอย่างนึกสงสารปังปัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มลงอ่านหนังสือต่อ ยังโชคดีที่วันนี้คนในหอสมุดไม่มากเท่าไหร่นัก
“ยืมแปป” เสาร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปคว้าเอาหนังสือวิจัยที่ชินโดอ่านอยู่มาอย่างง่ายๆ เจ้าตัวหน้าเอ๋อเพราะไม่ทันตั้งใจได้แต่สาปแช่งเพื่อนตัวเองในใจ
“จะไปไหน” เล็กร้องถามเมื่อเห็นแฟนตัวเองลุกขึ้นยืนถือหนังสือเล่มหนาตรงไปที่เคาเตอร์บรรณารักษ์ เล็กมองตามแต่ไม่ได้เดินตามไป เพราะจะดูว่าเสาร์คิดอะไรอยู่
โป๊ก “อะ โอ้ย ทะ ทำอะไรน่ะ นั้นสันหนังสือนะ” เจ้าปังโวยวายออกมานิดๆ ลูบหัวที่ถูกสันหนังสือลูบคมมาหมาดๆ
“เป็นห่าอะไรไอ้อ้วน” เสาร์ใช้มือท้าวเคาเตอร์ทำท่านักเลงใส่ ไม่ได้ระวังด้านหลังว่าตอนนี้ตัวเล็กกำลังถูกชินโดหิ้วปีกห้ามอยู่เพราะทำท่าจะเข้ามาตะบปนักเลงแหย่งๆ
“ปะ เปล่า กำลังคิดงานอยู่”
“หึ นึกว่าคิดถึงผัว โอ๊ะ คิดถึงผัวจริงด้วย เล่าให้ฟังหน่อยสิ ของไอ้พี่ใหญ่เป็นไงวะ”
“สะ เสาร์ ผมว่านายกลับไปนั่งที่เหอะ ผมต้องทำงาน” ปังปังก้มหน้าแดงปลั่งเพราะสิ่งที่เสาร์พูด ก่อนจะรับหนังสือคืนจากนักศึกษาสาวที่เข้ามาคืนด้วยความเอียงอาย
“ก็ทำไปสิ” เสาร์พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะยิ้มให้นักศึกษาสาวคนดั่งกล่าว ทำเอาหญิงสาวเขินหน้าแดงไปด้วย ตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังเหยียดยิ้มหัวใจในลำคอ หึหึ คนชินโดที่นั่งอยู่ข้างๆขนลุกเกรียว … พ่อบ้านใจกล้าจริงๆ
“ว่าไง มีไร กูกับมึงก็คบกันมานานตั้งแต่ อนุบาลแล้วนะไอ้ปัง ความทรงจำดีๆก็ก็มีมากมาย มีไรบอกกูได้” ความทรงจำดีกับผีน่ะสิ
“พี่ใหญ่จะไปเจอกับพี่อลันน่ะ” คนแก้มใสบอกเสียงอ่อยไม่ดังนักเพราะไม่มีเหตุผลที่จะปิดบังอะไร
“ฉิบหายสิแบบนั้น ครั้งก่อนเจอกันก็ตลาดแทบแตก แถมขับรถจะชนไอ้พี่ใหญ่ รอบนี้ไม่เอามีดแทงกันเลยเหรอวะ” เจ้าปังชักไม่แน่ใจแล้วว่าเสาร์นั้นหวังดีกับตัวเองหรือเปล่า ได้แต่ถอนหายใจและก้มหน้ามองกระดาษว่างเปล่าต่อ
“ถึงจะกลัว แต่ผมก็เชื่อใจพี่ใหญ่ … ต่อให้เขาตัดสินใจยังไง ผมก็จะอยู่ข้างๆเค้าไม่ไปไหนอีกแล้ว”
“โอโห้ มึงน่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” เสาร์พูดงงๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆเมื่อมือเย็นๆของเล็กมาวางบนไหล่แกร่งทำเอาเสียวสันหลังวูบนึกว่าจะถูกตะบปเอาจริงๆ รอยยิ้มหวานๆถูกส่งไปให้เสาร์ก่อนที่มือของตัวเล็กจะยกขึ้นมาลูบเบาๆที่ศรีษะเกรียนๆของแฟนที่แสนดี(กัดฟันพูด)
“สู้ๆนะปังปัง ให้เล็กไปด้วยไหม ถ้าไอ้คนยักนั้นบ้าทำอะไรปังขึ้นมา เจอเล็กทุ้มแน่” ไม่พูดเปล่าประโยคหลังมือเล็กแอบขยุ้มผมที่มีอันน้อยนิดของเสาร์จนหงายไปด้านหลังอย่างหยอกๆ และปล่อยออกลูบต่ออย่างเบาๆมือทำเอาพ่อบ้าใจกล้าเมื่อสักครูกลื่นน้ำลายอย่างฝืดคอ
“ใช่แล้วปังอย่าไปยอม ปังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ” ชินโดเดินเข้าไปหลังเคาเตอร์ก่อนจะยกแขนกอดคอคนจ้ำม้ำอย่างให้กำลังใจ
“ขอบคุณนะ ตัวเล็ก ชิน เสาร์” ปังเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มที่สดใสจนแก้มปริ ทำเอาเพื่อนทั้งสามคนพลอยสบายใจไปด้วย อย่างน้อยปังก็ไม่มานั่งนอยส์หนักมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว เผลอๆการที่ปังและพี่ใหญ่อยู่ห่างกัน อาจจะเป็นผลดีในแง่ความคิดความรู้สึกของทั้งสองคนก็เป็นไปได้
.
.
.