คดีที่ 3
Ticket one way (2)
“อัยการสั่งฟ้องลูกความของผมหมายความว่าไง?”ทนายวัยกลางคนท่านหนึ่ง เดินเข้ามาภายในห้องพักของท่านอัยการสิ้นฟ้า พูด ออกติดจะโวยวายนิดหน่อย ”ลูกความ ของผมเป็นผู้เสียหายนะ ภรรยาตาย แต่นี่ท่านกำลังจะเล่นอะไร?”
“ก็หมายความตามนั้น...ผมฟ้องลูกความคุณ”ท่านอัยการตอบกลับไปนิ่งๆตามแบบฉบับของตัวเองครับ “เจอกัน ในชั้นศาล ครับ ...เชิญ...”
“แล้วเราจะได้เห็นดีกันท่าน อัยการ!”ทนายคนนั้นว่า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ผมที่นั่ง เป็นหุ่นอยู่บนโซฟา ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนที่จะเดินออกไปชงโกโก้ มาให้ท่าน
ผมและท่านกลับมาจากฮาวายได้ตั้งนานแล้วครับ และเรื่องที่ฮาวายนั่น ก็ผ่านมาหลายวันแล้วด้วย ผมไม่รู้ว่าท่านไปทำเรื่องหาหลักฐาน เพื่อจะฟ้องคดีมาตั้งแต่ตอนไหน ผมรู้แค่ว่าพอเท้าเหยียบที่สนามบินที่กลับมาถึงปุ๊ป ศพของผู้ตาย ก็ถูกกันไปให้แผนกนิติเวช ทันที และไม่นาน หลักฐานต่างๆก็ถูกรวบรวมเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนได้ส่งฟ้องสู่ศาลไป
ผมไม่เข้าใจ สามีของผู้ตาย ควรจะเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการตายของภรรยาตัวเองไม่ใช่เหรอ?
แต่ทำไม...ท่านอัยการ ถึงสั่งฟ้อง สามีของผู้ตาย ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
.
.
.
เรื่องนี้ผมว่า มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด แน่นอน
.
.
.
“โกโก้ ครับ”ผมวางแก้วโกโก้ บนโต๊ะไม้เนื้อดี ก่อนที่จะถอยออกมาสองสามก้าว และยืนจ้องท่าน ประมาณ สามสิบวินาที ท่าน ก็ผละ จากสำนวนคดีมากมายบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมามองผม
“มีอะไรจะถาม?”ใบหน้านิ่งเฉยของท่านอัยการผู้ช่วย ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ฟ้องสามีของผู้ตาย มันจะดีเหรอครับ?”ผมถามขึ้นมา
“ทำไมถึงจะไม่ดี?”แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นคำถามกลับมา ท่านเห็นหน้าสงสัยราวกับสุนัขที่กำลัง งง ของผม ก็ยกยิ้มที่ มุมปาก
“ตอนนั้น ไปสืบมาได้ความว่ายังไงบ้าง?” ท่านถาม
“ก็เห็นว่า ตัวสามีเองก็เสียใจพอควรที่ภรรยาเสียชีวิตนะครับ”
“นั่นคือประเด็นในคดีนี้เหรอ?”
“เอ่อ...ไม่ใช่”ผมตอกลับไปด้วยเสียงอ่อยๆ “ท่านอย่ากดดันผมสิ...”
“แค่นี้ยังอ่อนหัดอยู่นะ”ท่านว่า “ทั้งที่ เป็นคนสงสัยขึ้นมาคนแรกก่อนแท้ๆ...น่าเสียดาย” ท่านว่า แต่คราวนี้ ว่าพร้อมกับส่ายหัว ด้วย งึด!
“แล้วผมควรต้องทำยังไงครับ...”
“การถามความคิดเห็นจากผู้ใหญ่เป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้ง ก็ควรคิดเองบ้างนะเด็กน้อย”
ผมทำหน้าง๋อย...
“ถ้างั้น ช่วยไปเอาของที่ฉันฝากไอ้หมวดไว้ มาหน่อยสิ”ท่านพูดพร้อม กับ ยื่นที่อยู่ที่จะต้องไปรับของที่ท่านว่ามา ท่านขยี้หัวผมนิดหน่อย ก่อนจะก้มหน้าลงไปทำงานต่อ
“ครับ...”ผมตอบรับ ก่อนจะขออนุญาต ออกไป
อืม...ผมควรต้องฝึกอีกเยอะสินะ
ผมเดินเข้ามายังสถานีตำรวจนครบาล ในเขต ที่ท่านสารวัตรรับผิดชอบอยู่ ความรู้สึกคือที่นี่คึกคักดีแหะ =.,=
เฮ้ย ! มันคึกคัก จริงๆนะ เดินเข้าออกกันเป็นว่าเล่นเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
“อ้าว น้องเต็มสิบสุดน่ารัก...”พี่สารวัตรทักขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาหา “ออ...ไอ้ฟ้าสั่งมาให้เอาของละสิ”
“เอ่อ ครับ...สวัสดีครับ”
“มามะ ตามพี่มานะจ๊ะ” ท่านสารวัตรว่า ก่อนจะเดินนำไป
“เอาโกโก้ไหม กาแฟไหม นม หรือจะเอาชาสักแก้ว?”พี่สารวัตรถามขึ้น ก่อนจะเชิญให้ผมนั่งที่โซฟา ภายในห้องทำงานของเขา
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมมาเอาของแล้วจะรีบกลับเลยดีกว่า”
“โอเค งั้น”เขาว่าพร้อมกับเดิน ไปหยิบซองบางอย่างแล้วยื่นให้ แต่ก่อนที่ผมจะหยิบมัน สารวัตร เขาก็ชักมือกลับไปคืน “ทำหน้า เหมือนมีอะไรค้างคาใจอยู่...ช่วงนี้เห็นทำหน้าแปลก”
“เอ่อ...”ผมอึกอักไปนิดหนึ่ง แต่เมื่อเจอสายตาของท่านสารวัตรผมก็ต้องเล่าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนที่ผม ปลอมตัวเข้าไปสืบอะไรนิดหน่อย ผู้ต้องหา เอ่อ...สามีของผู้ตายน่ะครับ ตอนนั้นผมว่าเขารู้สึกเสียใจมากๆ อีกทั้ง พอมาสืบประวัติ เขากับผู้ตายยังมีลูกด้วยกันอีกด้วย ถ้าเราฟ้องเขา แล้วเขาเป็นคนผิดจริงๆ แล้วลูกเขา...ผมเลยรู้สึก...”
“สงสาร?”
“แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเขาผิดจริงแล้วผมจะเข้าข้างคนผิดนะครับ ใจหนึ่งก็คิดสงสารอย่างว่า แต่พอมาคิดแบบใช้หลักเหตุผล หากเขาเป็นคนผิดจริง เขาก็ควรได้รับโทษจากความผิด พอสองความรู้สึกมันตีกัน ผมก็เลยแค่ ไม่รู้ว่าจะเลือกแสดงออกยังไง...”ผมเว้นวรรคคำพูด ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่พอมองดูท่านอัยการแล้ว สายตาของท่าน กลับ ไม่มีความลังเลเลย...”
ท่านสารวัตร หัวเราะ
“น้องเต็มสิบ รู้ไหมครับ ว่าคนที่ไม่ลังเล นั่นหมายถึง เขาน่าจะมีหลักฐาน มีเหตุและผลเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้เขาไม่ลังเล ท่านอัยการของน้องเต็มสิบ...ก็เป็นคนอย่างนั้นแหละ”
ผมถือซองกลับมายังสำนักงานอัยการสูงสุด ขึ้นลิฟต์มาไม่กี่ชั้น เท้าก็เดินมาหยุดหน้าห้องที่คุ้นเคย ผมเคาะประตูสองสามครั้งเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้ผมแอบอมยิ้ม
ท่านอัยการยังอยู่...
แม้ ใบหน้าหล่อเหลา ราวรูปสลักนั่น จะหลับคาโต๊ะ ไปแล้วก็เถอะ!
เอ่อ ที่ว่าคาโต๊ะ คือคาโต๊ะ จริงๆครับ คือร่างท่านอะร่วงจากเก้าอีกแล้ว แต่หน้าและแขน ของท่านอะ ยังพาดอยู่กับโต๊ะไม้ราคาแพง...ส่วนเข่านี่ตั้งฉากกับพื้น...โธ่ อนาถจริง
อย่าไปบอกใครนะครับ ว่านี่คือท่า นอนของท่านอัยการ
ผมเดินเข้าไปสะกิดท่าน ท่านผงกหัวขึ้นมามองนิดหน่อย ก่อนจะ ฝุบ~ ลงไปอีก เหมือนหุ่นยนตร์ ที่ไม่ได้เติมพลังงาน และเหมือนว่าท่านจะนึก อะไรขึ้นมาได้ ท่านอัยการก็กระเด้งตัวขึ้นมาอีกทันที มองไปรอบๆตัว แล้วก็หันมามองหน้าผม
“นายแกล้งฉันเหรอ?”
“เอ๋?”
“นายเอาเก้าอี้เลื่อนออกจากก้นฉันหรือไง?” ผมว่าท่านไหล ลงมาจากเก้าอี้เองมากกว่านะ
“อย่ามาใส่ร้ายกันสิ!”
ท่านหรี่ตาลงมองผมเล็กน้อย ผมบนหัวของท่านชี้เด่ ไปมา
“ไม่น่าไว้วางใจ...ไหนละของที่ให้ไปเอา”
“นี่ครับ”ผมยื่นให้ท่าน ก่อนที่ท่านจะรับไป แล้วเปิดดู
“อืม...”ท่านครางกับตัวเองเบาๆ “เห็นแล้วรู้สึกหิวข้าว” ท่านพูด พร้อมกับยัดกระดาษเข้าซองตามเดิม
“นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ผมว่า...”ตอนที่ผมออกไปหาท่านสารวัตร ก็เย็นมากแล้ว คุยเพลิน แล้วกว่าจะกลับมาอีก เล่นเอาใช้เวลาเยอะพอควร ทีแรกผมคิดว่าท่านอัยการคงกลับบ้านไปนอนซะแล้ว แต่ ท่านก็ยังอยู่
“ไปหาอะไรกินกันเหอะ”ท่านว่า พร้อมกับคว้าสูท กุญแจรถ และกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะเดินนำผมออกไป
แผ่นหลังนั่น ดูมั่นคงชะมัด เมื่อมาเทียบกับผม...ผมนี่เด็กไปเลย
วันนัดสืบพยาน ครั้งที่ 1
“ให้ผมมานั่งตรงนี้จะดีเหรอครับ?”ผมถามขึ้นพรางมองไปรอบๆ รู้สึกว่าตัวเองจะได้ที่นั่ง วีไอพี เคียงข้างท่านอัยการ ซึ่งมันเป็นที่นั่งที่บางครั้ง ทำให้อยากร้องไห้ โฮ ออกมา ด้วยความกดดัน ตอนนี้ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้ายังไม่เข้ามาครับ แต่ผม ต้องมานั่ง เฝ้าสำนวนคดี ที่ท่านให้ยกเข้ามาก่อน แล้วท่านสั่งให้นั่งรอที่ตรงนี้ จนกว่าท่านจะมา
ไอ้ที่ผมถามเมื่อกี้ คือ ผมถามกับตัวเองเบาๆ แต่เหมือนเห็นท่านสารวัตร ที่นั่งอยู่ในส่วนที่นั่งที่จัดสำหรับประชาชน ส่งยิ้มมาให้
ในการเข้ามานั่งฟังการพิจารณาคดี ซึ่งประชาชนทั่วไปก็เข้ามาฟังการพิจารณาคดีในวันนี้ เยอะพอควร จนเจ้าหน้าที่ของศาล ต้องจัดเก้าอี้เพิ่ม
ไม่นานประตูก็เปิด ร่างสูงของท่านอัยการในชุดเครื่องแบบสีดำที่ดูเหมาะกับท่าน เสียจนหลายๆคนแอบนินทาในความหล่อและดูดีของท่าน เดินเข้ามา พร้อมด้วยจำเลย และพนักงานสืบสวนสอบสวน ท่านเชิญให้จำเลยนั่ง ก่อนที่ท่านจะเดินมานั่งข้างๆผม
ไม่นาน ทนาย ของทางจำเลยก็เดินเข้ามา
ผมแอบเห็น คิ้วของท่านอัยการยกขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้านิ่งเรียบตามแบบปกติของเขา แต่สายตานี่จ้องทนายอีกฝั่งหนึ่งไม่วางตา รวมถึง ทนายของฝั่งนั้น ก็ไม่ละสายตาจากท่านอัยการของผมด้วย
“ทนายคนนั้น เป็นใครครับ?”ผมถามขึ้นมา เพราะนอกจากทนายที่บุกเข้ามายังห้องของอัยการวันนั้น ยังมีทนายอีกคนที่ ตอนนี้เชือดเฉือนทางสายตา กับท่านอัยการ เดินตามเข้ามาด้วย
“ไม่รู้สิ ไม่รู้จัก” ถึงท่านจะปฏิเสธ แต่ผมว่าท่านรู้จักเขาแน่ๆ แต่ผมก็ไม่คิดที่จะซักไซ้ท่านต่อ
“ทำความเคารพศาล!”เสียงประกาศดังออกมา เมื่อ ผู้พิพากษา เดินเข้ามาภายในห้อง และไปประจำยังตำแหน่งบัลลังก์ของแต่ละคน พวกเราทุกคนยืนขึ้น ก่อนที่ผู้พิพากษาจะอนุญาตให้นั่งลง
“วันนี้มันเป็นวันอะไรกันวะ”ผมได้ยินเสียงท่านอัยการบ่นเบาๆ พร้อมกับทึ้งหัวตัวเองหน่อยๆ
“เชิญอัยการ”ท่านผู้พิพากษา ตัวเล็กสุดในกลุ่มผู้พิพากษาเอ่ย ออกมาอย่างเรียบๆ ใบหน้าน่ารักของท่านผู้พิพากษา มองตรงมายังอัยการ ผู้ซึ่ง เป็นโจทก์ในการฟ้องคดี
“ครับ”ท่านกล่าวสั้นๆ ก่อนจะยืนขึ้น “เมื่อวันที่ 19 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2557 จำเลย นายอนุชา สามีของ นางอธิชา ผู้เสียชีวิต ได้กระทำการฆาตกรรม นางอธิชา ภรรยาของจำเลย ที่ชายหาดไมกิกิ รัฐฮาวาย ตามสำนวนสั่งฟ้อง... พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดจริงจึงสมควรฟ้องสู่ศาล เพื่อให้นำผู้กระทำความผิด มาลงโทษ ขอความกรุณาด้วยครับ... ”
“เชิญทนายฝ่ายจำเลย”
“จำเลยขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาครับ”ทนายฝ่ายจำเลยเอ่ย เรียบๆ พรางยิ้มที่มุมปาก
“ขอซักถามจำเลยครับ”ท่านอัยการว่า “ผู้หญิงเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับคุณยังไง?” ท่านว่า พร้อมกับนำรูปภาพผู้หญิงหลายคน แสดงต่อหน้าจำเลย
"”เอ่อ..แค่คนรู้จักครับ”
“แค่คนรู้จักที่พากันเข้าโรงแรม?”
“ขอค้านครับ ประเด็นนี้มันเกี่ยวอะไรกับคดี?” ทนายทางฝั่งของจำเลยอีกคน ค้านขึ้น
“เกี่ยวสิครับ เพราะ เรากำลังจะชี้ให้เห็นถึงแรงจูงใจของจำเลยในการฆาตกรรม ภรรยาของตัวเอง”
“ท่านอัยการกำลังจะเล่นประเด็นชู้สาวใช่ไหมครับ?”ทนายฝ่ายจำเลย อีกคนที่ดูหนุ่มกว่า ผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลากล่าวเรียบๆ ผมแอบเห็นท่านอัยการสิ้นฟ้า หยู่ปากนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้าปกติ “ในประเด็นนี้ ผมมีพยาน”
“แง่ง แง่ง แง่ง ! ไอ้ทนายนั่น”ท่านบ่นหงุบหงิบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง พรางยัดไอศกรีมเข้าปาก “แล้วพวกผู้หญิงนั่น มันอะไรกัน ขอปฏิเสธความสัมพันธ์ กับ จำเลยงั้นเหรอ หืม....เป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนกัน...เขาพาเพื่อนไปซั่มกันในโรงแรมหรือไง?”
“ท่านรู้จักทนายคนนั้นเหรอครับ?”ผมใช้คำถามเดิม ท่านหันมามองค้อนนิดหน่อย
“รุ่นพี่ฉันเอง” ท่านว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเชียบ “จะว่าไปก็...พี่รหัส”
“เอ๋ พี่รหัส?”
“ไม่รู้ว่ามันกลับมาจากอเมริกาเมื่อไหร่ โผล่หน้ามาปุ๊ป ก็สร้างปัญหาให้ปั๊บ ขอให้คืนนี้มันนอนหลับ แล้วผีกัดตูดตาย” เรียกรุ่นพี่ว่ามันจะดีเรอะ แถมยังแช่งเขาอีก
“ขอมอคค่าแก้วหนึ่งครับ...”
พรู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
“ท่าน!!”ผมเผลอตะโกนออกมา เมื่อ เห็นท่านอัยการสุดหล่อของผม พ่นไอติม ที่พึ่งตักเข้าปากไป เมื่อได้ยินเสียงของใครบางคน
สั่งกาแฟ
“แค๊ก ! แค๊ก!”ด้วยความที่ท่านอัยการไอจนหน้าแดง ผมเลยรีบหยิบกระดาษทิชชู่ เช็ดปากให้ท่าน แล้วหยิบน้ำให้ท่านดื่ม
“อ้าว สิ้นฟ้า”ทนายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลา ร่างสูงชะลูดราวกับนายแบบเดินเข้ามาหา “ยังชอบกินไอติม เหมือนเดิมเลยน๊า”
“แค๊ก ! แค๊ก ! แค๊ก!” อ๊ากกกกกกกกกกก ท่านไอหนักเข้าไปอีก
“เอ่อ คุณ...”ผมเอ่ยเชิงเป็นคำถามออกไป
“เอ่อ ผมทนายเพชร ครับ แล้วน้อง...”
“เอ่อ ผม เต็มสิบ คะ ครับ”
“แค๊ก! แค๊ก! แค๊ก! ๆๆๆๆๆๆๆ” งือ....ท่านไอหนักเลย ท่านจะตายไหม...T^T
“ผมว่าผมพาท่านอัยการกลับเลยดีกว่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ผมพูด พร้อม พยุงท่านออกมาจากร้าน
“ฉะ ฉะ ฉันเกลียด ฉันเกลียดมัน” ท่านบ่นหงุบหงิบ ใบหน้าขาวๆของท่านขึ้นสีแดงระเรื่อ
โอเค ผมรู้แล้วละครับว่าท่านเกลียดเขา...จริงๆ...................................................
งะต้องขอโทษที่หายไปประมาณ 4-5 วัน นับนิ้ว

ไม่มีอะไรแก้ตัว เพราะถ้าหากจะบอกว่า มัวแต่ไปติดนิยายของท่านอื่นอยู่
ก็คงจะโดน ตบ กรี๊ดดดดดดดด!
เปล่าหรอกคะ คือว่า ในการเขียน แต่ละตอน โดยเฉพาะตอนขึ้นศาล
มันต้องทำให้อารมณ์ตัวเองเย็นก่อน ไม่งั้นมันจะเขียนไม่ออกทันที
เพราะอะไร ? เพราะมันจะทำให้นิยายตลก(?) เรื่องนี้ดูเครียดไปเลย(แก้ตัว)
เอาเป็นว่า มาต่อแล้วนะ งุงิ

ตอนนี้รังสี ออร่า ของท่านอัยการเคะมากกกกกก เมื่อเจอตัวละครใหม่มาอีกตัว
สิ้นฟ้า : ผมบอกว่า ผมหล่อ แมน และ ตุงมากไง ! ไม่เชื่อเดี๋ยวเปิดให้ดู (ทำท่ารูดซิบกางเกง)
เต็มสิบ : ท่านอย่ามาเปิดของลับในที่สาธารณะ เซ่!
เพชร : 
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกแรงใจ ที่ท่านเข้ามาอ่าน ความเพี้ยนของอีตาอัยการคนนี้คะ