มันว่าแล้วก็หลับลงไปเลย ผมก็ปล่อยนะคือไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ด้านนอกแดดเริ่มมีแล้วด้วย พี่เอย์หลับลึกลงไปแล้วจริง ๆ ฟังแค่เสียงลมหายใจมันคือรู้เลย ผมขยับตัวนิดนึงพี่เอย์รู้สึกตัวทันทีปรือตาถาม ผมเลยบอกเข้าห้องน้ำเดี๋ยวออกมา ผมล้างหน้าล้างตาแล้วกระโดดขึ้นเตียงมานอนข้างมันต่อ พี่เอย์คว้าตัวเข้าไปกอดไว้อีกแล้ว
“ตัวมึงเย็น” มันว่างัวเงีย แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้คือหยิบมือถือตัวเองเข้ามาในผ้าห่มด้วย ปล่อยให้มันกอดไปผมก็กดคุกกี้รันเล่นไป
ผมเล่นยาวจนลืมเวลา เริ่มง่วงนิดๆแอร์เย็นมากแล้วคือมันกอดผมไว้ตลอด ในที่สุดผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นมาอีกทีคือห้องเริ่มมืดแล้ว มีแสงจากโคมไฟด้านล่างส่องขึ้นมาถึงบนห้องแบบรำไรมือพี่เอย์คือพาดอยู่ที่เอวผมเหมือนเดิม ผมยกโทรศัพท์ขึ้นดูหกโมงเย็น มิน่าหิวมากเลย จะปลุกคุณชายก็ไม่อยากกวนปล่อยให้นอนต่ออีกนิดละกัน ว่าจะยกมือมันออกจากตัวผมรู้สึกนิดนึงว่ามันนิ่วหน้าผมเลยไม่ทำ ปล่อยมันนอนกอดต่อไปสรุปที่มาเที่ยวกันนี่คือมึงพากูมานอนกอดทั้งวันแบบนี้??
ผมมองดูคนเอาแต่ใจที่นอนหลับตาพริ้ม พิจารณาดูทุกส่วนประกอบที่อยู่บนโครงหน้ามัน อะไรวะหล่อไปทุกส่วนจริงเหอะแม่ง ผมไม่ค่อยได้สังเกตนะถึงจะนอนข้าง ๆ มันบ่อยแต่คือมันจะฟัดผมจนเราเหนื่อยแล้วก็หลับกันไปนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันนอนกอดผมไว้เฉย ๆ แล้วก็นานแบบนี้
“กูหล่อมากไหม” เสียงพี่เอย์ถามขึ้นทั้งที่ยังหลับตาทำเอาผมสะดุ้งเฮือก คือเหมือนคนทำความผิดแล้วโดนจับได้ ทั้ง ๆ ที่ก็แค่นอนมองหน้าแฟนตัวเองผิดตรงไหนวะ ผมก็เลยแกล้งทำเป็นเฉย ๆ
“แอบชอบกูล่ะดิ่” มันลืมตาขึ้นมาถามสายตาคือหวานเชื่อมมากแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์นิดๆอีกด้วย ผมงี้หน้าชาไปหมด ถามเห้ไรของมันวะ แอบชอบบ้าบออะไรผมเคยบอกมันไปแล้วนี่หว่าว่าชอบ มีแต่มันแหละถามว่าชอบผมไหมๆ ตอบไม่ทุกที แถมไม่เคยบอกรักกันให้ได้ชื่นใจเล้ย คิดแล้วเครียดดดดดด จิ๊!
“ทำหน้าอะไรของมึงอีก” มันเท้าแขนยันตัวขึ้นนิดๆ เอามือมาบีบปากผมเบา ๆ จ้องหน้าลงมาถาม
“เชอะ” ผมแกล้งทำเสียงกระแดะ ปัดมือมันออก อิพี่เอย์รีบคว้าเอาผมเข้าไปซุกอกมันเลย ผมดิ้นมันยิ่งกอดแน่นเข้าไปอีก
“ไหนบอกกูซิเป็นไร ที่ทำหน้างอนี่ไม่พอใจใครครับหืม ปิงบอกพี่เอย์มาซิ”
“พี่เอย์ครับ พี่ทำไมไม่เคยบอกรักผมเลยอ่ะ”“ทำไม มึงอยากฟังเหรอ”
“อื้อๆ” ผมพยักหน้า เออผมก็อายนะ แต่อยากฟังมากกว่า
“งั้นขยับมานี่ ใกล้ๆ” มันขยิบตาเรียกทั้งที่ผมกับมันนี่ก็นอนอยู่ข้างกันแล้วนะ แต่ผมก็เขยิบๆเบียดใกล้เข้าไปอีก กะรอฟังคำว่ารักจากมันเต็มที่
คราวนี้ล่ะวะ กูจะฟังแล้วจำเอาไว้เลย
“เอียงหูมา” ผมเอียงทันทีเลยสิ
V
V
V
V
V
“ฟู่ววว~” มันเป่าลมกระซิบที่ข้างหูแทนคำว่ารัก ผมรู้มันแกล้งเลยฟาดผั๊วะไปที
“หยึ๋ยยยขนลุก จั๊กจี้ว่ะพี่ ขี้โกงนี่ ไหนอ่ะคำว่ารักผมอ่ะ” ผมโวยวาย พี่เอย์ยิ้มสมน้ำหน้าผมใหญ่ ประมาณว่า ตลกที่ผมเชื่อมันอะไรแบบนั้น
“ไม่บอก” มันว่าแล้วตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเราทั้งคู่ไว้ รวบเอาตัวผมเข้าไปชิดใกล้ยิ่งกว่าเก่า ทำท่าจะจูบลงมาผมดิ้นพลาดเลยสิ หิวข้าวอ่ะถ้ามัวทำเรื่องแบบนั้นคืนนี้จะได้ออกไปไหนไหมอุตส่าห์ได้มาเที่ยวทั้งทีผมเลยจี้เอวมันพี่เอย์ดิ้นเลยมันน่ะบ้าจี้แถมเส้นตื้นผมรู้นานแล้วเหอะ
“เล่นอะไร ไหนดูดิ๊” มันเอามือถือผมไปกดดู คุณชายคล่องมาก ของผมก็ยี่ห้อเดียวกับไอ้ตัวใหญ่ของมันนั่นแหละแต่จอเล็กกว่าหน่อย
“ไอจีมึงเหรอ” มันเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำเท้าสองแขน ผมเองก็ทำท่าเดียวกันบ้าง ดูมันกดมือถือของผมรัวเลยเช็คปรื๊ดๆๆ อะไรวะนี่มันกำลังเช็คมือถือกูนี่หว่า
“หมาปิงทำไมมีแต่รูปที่สนามบอล แล้วนี่อะไรทุเรศเหอะยังขี้เหร่ได้อีกนะมึงนะ คึคึ” มันพูดไปคนเดียวเรื่อยเปื่อย ผมเลยมองไปที่มือถือมันมั่งหยิบมาเลยสิครับ มึงเช็คของกู กูก็เช็คของมึงเหมือนกันเหอะ ผมเห็นมันปรายตามองมาด้วยนะแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“นี่ใคร” มันกดดูข้อความเข้าในไลน์ สาว ๆ ทิ้งไว้เต็มแหละ
“เพื่อน”
“แล้วนี่”
“นี่ก็เพื่อนครับ”
“คนนี้ล่ะ”
“เพื่อนเหมือนกันพี่”
“แล้วคนนี้...”
“โหพี่เอย์ครับเพื่อนผู้หญิงในไลน์ผมมีเป็นร้อยอ่ะพี่ บางคนไม่รู้จักหรอกแค่แอดไว้เล่นเกมส์อ่ะ” มันผลักหัวผมเลย มือหนักฉิบหาย ทีนี้ผมดูของมันบ้างสิ อุ๊ต๊ะ! ไลน์เห้ไรของมันข้อความจากผู้หญิงทิ้งไว้เป็นร้อย ๆ คือคุณไม่เคยเคลียร์? หนอยยยไอจีขึ้นไบโอเป็น
‘เอตั้นผู้พิชิตขุนเขาทั้งสองเพศ’ อีกต่างหาก เหี้ยเหอะมันยังไม่ได้พิชิตผมเลยนะบอกให้
“ทุเรศวะไบโอพี่ เอตั้นผู้พิชิตขุนเขาทั้งสองเพศ?? คึคึคึ” ผมหัวเราะ แกล้งทำเสียงล้อเลียน
“งั้นเปลี่ยนใหม่” พี่เอย์รีบแย่งมือถือไปจากมือผมล็อคคอผมไว้แล้วเซลก้ารูปเราสองคนคู่กัน มันกดโพสต์ลงทันที จากนั้นกดยุกๆยิกๆพักนึงก่อนยื่นให้ผมดู ผมตาโตเลยสิ มันบ้า มันเปลี่ยนเป็น
‘เอตั้นผู้พิชิตปิงวังยมน่าน’ ยอดไลค์ขึ้นเพียบ พี่ฟิวส์เพื่อนมันถึงขนาดเมนท์มาแบบด่วนๆ 'ฮันนีมูนนรกเหรอมึง' ผมหัวเราะลั่นแล้วยื่นให้มันดูพี่เอย์คือยิ้มหน้าบานมากมันบอกรูปสวย คือหล่อเฉพาะคุณชายอ่ะดิ ส่วนรูปผมโคตรตลกหน้าตาแบบโดนมันใช้แขนล็อคคออ่ะ แหวะหายใจไม่ออก ที่สำคัญคือพี่เอย์ไม่ใส่เสื้อด้วยนะ ติดเรทอ่ะบอกเลย
“เปลี่ยนคืนเดี๋ยวนี้ พี่แม่งบ้า ลบรูปออกด้วย”
“ไม่เปลี่ยน วันหลังค่อยเปลี่ยน” มันตอบดื้อดึงแล้วเปลี่ยนท่าเป็นมานอนกอดผมต่ออีก ผมก็กดดูรูปต่อไปอีกนิดคือมือถือมันเม็มรูปเยอะมากมีแต่รูปผมทั้งตอนหลับตอนตื่น เออภาพนี้ไปถ่ายตอนไหนวะไม่รู้ตัวเลยนะนี่ แหม่ๆๆๆมีรูปผมปีนเก็บลำไยเมื่อตอนกลางวันตั้งสามสี่รูปแน่ะแล้วยังมีตอนที่ผมยืนซื้อลูกชิ้นปิ้งข้าง ๆ เซเว่นนั่นด้วย ไหนๆอันนี้อะไรอ้อรูปที่เราไปอัมพวาคราวนั้นนี่หว่าเก็บแยกเป็นหมวดหมู่ดีมาก ผมเล่นไปสักพักพี่เอย์มันเริ่มกวน ผมเลยเลิกสนใจโทรศัพท์หันมาหามัน คุณชายรวบเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้เต็มอ้อมแขนมันนั่นแหละครับ ผมก็ปล่อยนะพี่เอย์อารมณ์ดีถึงขนาดฮัมเพลงในคอเบา ๆ เป็นเพลงฝรั่งผมไม่รู้ว่าเพลงอะไรความหมายแบบไหน รู้แต่ว่าเสียงพี่เอย์นุ่มและทุ้มมาก นึกอะไรดีๆขึ้นได้เลยหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา
“ทำอะไร” มันถาม ผมชูโทรศัพท์ยื่นห่างออกไปขยับๆใบหน้าไปชิดๆหน้ามัน คือเฟรมจอมันแคบไง จะถ่ายด้วยกันต้องแบบนี้ พี่เอย์รู้งานมันเลยเอียงหัวมาใกล้ สภาพเราตอนนี้คือนอนหัวชิดกันอยู่ ผมโคลสอัพเลยนะเอาแม่งให้ใกล้ ๆ เลย ก่อนจะนับ
3
2
1
“แชะ!” และทันทีที่ผมกด พี่เอย์ยื่นปากเข้ามาจูบแก้มผมเบา ๆ คือรูปที่ถ่ายออกมาตอนนี้หน้าผมแม่งตลกมากส่วนหน้ามันเห็นแค่เสี้ยวเดียวส่วนปากนี่คือจูบติดแก้มผมพอดี๊พอดี พี่เอย์หัวเราะร่าเลย ส่วนผมนี่หน้าแดงเลยดิ่ รีบผลักมันออกอย่างเร็ว เรานอนกอดกันต่ออีกสักพัก พอสองทุ่มกว่า ๆ มันก็พาผมขับรถออกจากรีสอร์ทผ่านซอยที่ทั้งลึกทั้งมืดทั้งแคบแต่ดีหน่อยที่มีบ้านเรือนคนอยู่เป็นระยะแต่คือไกลมากกว่าจะถึงถนนใหญ่ ออกมานิดเดียวครับเลี้ยวขวารถก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารน่านั่ง กล้วยน้ำว้า ร้านน่ารัก ตอนที่เดินเข้าไปเสียงดนตรีเพื่อชีวิตจากนักร้องเล่นสดนี่ดังออกมาเลยนะ คนเยอะมากกกก พนักงานก็เยอะ
“พี่เอย์ผมชอบเลยนะ” ผมบอกมัน พี่เอย์นั่งลงข้าง ๆ ผม มันปล่อยเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามไว้ ผมเลยมองมันนิดหน่อยคุณชายคือทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ พนักงานเข้ามารับออเดอร์เร็วมาก มันถามจะกินเหล้าไหมผมบอกไม่ เอาแค่เบียร์พอ คุณชายพาดแขนมาที่เก้าอี้ของผมคือในร้านมันก็มืดๆน่ะนะครับผมก็ปล่อยแถวนี้คิดว่าคงไม่มีใครรู้จักเราแน่อยู่แล้ว นั่งฟังเพลงไปเรื่อยพักนึงอาหารก็ทยอยเข้ามาเสิร์ฟ ผมสั่งอาหารญี่ปุ่นมาให้มัน อิพี่เอย์ไม่ยอมมันออเดอร์ข้าวผัดกุ้งไปอีกแล้ว สรุปตอนนี้ผมนั่งกินอาหารญี่ปุ่นแทน
“เมา”
“หืม” ผมฟังไม่ถนัดเลยหันไปถาม พี่เอย์เอียงตัวเข้ามากระซิบ
“เมาแล้ว เอียงไหล่มาดิ๊” มันว่าแค่นั้นล่ะครับผมยังไม่ทันได้ทำอะไร มันเอนตัวซบลงมาที่ไหล่ผมเลย พี่เอย์น่ะเป็นคนที่ขี้อ้อนมากนะ ก่อนเราจะมากันได้นี่คือผมนอนให้มันกอดเฉย ๆ ตั้งแต่ก่อนบ่ายสามอ่ะลากยาวกันจนสองทุ่มกว่าแล้วกว่าจะลุกได้นี่ผมต้องลากต้องดึงต้องดิ้นสารพัด อะไรของมันก็ไม่รู้ แล้วตอนนี้นี่คือคุณชายไม่ได้เมานะแค่อยากซบทำเป็นพูดตัวเองเมา โถ่วว
“ชอบไหม” มันกระซิบ คือไม่ใช่กระซิบหรอกเพราะเพลงดังมาก แต่คือมันเลื่อนริมฝีปากมาพูดชิดหูผมเลย
“ครับ เพลงเพราะดี” มันคว้าเอามือผมไปจับประสานไว้ที่ตัก ดีนะที่โต๊ะเราอยู่ที่เสา คงจะบังได้นิดๆล่ะวะ บางทีผมก็คิดไปนะถ้ามันหรือผมคนใดคนนึงเป็นผู้หญิงจะดีกว่าไหม ยังไง
“กูเรียนจบแล้วนะปิง สบายใจโคตรเลยว่ะ”
“พี่เอย์จะเรียนต่อเลยไหมครับ หรือจะทำงานก่อน”
“เรียนดิ สมัครเอาไว้แล้วเหลือแต่รอไปสอบนี่แหละ มึงล่ะต่อไหน อีกสองปีก็จบตรีแล้วนี่”
“ครับใช่ พี่เอย์ก็เรียนสองปีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ปอโท”
“หึหึหึ จบพร้อมกันนะ จบแล้วแต่งเลยใช่ไหม” มันว่าแล้วขำไปเอง ไม่ยอมยกหัวออกจากไหล่ผม ผมเพิ่งจะรู้วันนี้นะว่าพี่เอย์มันเป็นคนที่อ้อนแฟนเก่งมาก เออนึกๆก็อยากรู้มันเคยพาแฟนมาเที่ยวแถวนี้ป่ะวะ
“พี่เอย์พี่เคยมาที่นี่กี่ครั้งแล้วพี่”
“หลายครั้ง ทำไม”
“ที่นี่อ่ะนะ ร้านนี้”
“อ๋อร้านนี้ครั้งแรก เสิร์ชหาเจอในเว็บเห็นมึงชอบดนตรีแนวนี้ แล้วพอดีตอนขับขึ้นมาเห็นป้ายร้านเลยกะว่าจะพามึงมา แต่ที่โบนันซ่าน่ะมาหลายครั้งแล้ว”
“มากับใครอ่ะครับ”
“กับเพื่อนบ้าง ผู้หญิงบ้าง กับไอ้ซ่าร์ก็เคยมานะ” พี่เอย์ตอบตรงมาก ใจผมจี๊ดเลยเหอะ ทั้งที่ก็รู้นะว่ามันเป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว
“แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มากับแฟน” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมตานี่ฉ่ำมากสงสัยเมาเบียร์ ผมเองก็มองมัน พี่เอย์ประสานมือผมไว้แน่นมาก
“แล้วกูจะไม่พาใครมาอีกเลย กูสัญญา” พี่เอย์แม่งโคตรหน้าด้านมันลุกขึ้นนั่งดี ๆ จ้องหน้าผมแล้วยกมือผมขึ้นมาจูบ ถ้าในร้านเปิดไฟนีออนคงจะเห็นว่าหน้าผมแดงแค่ไหน ตอนนี้หน้าคือร้อนผ่าวมากพี่เอย์แม่งทำอะไรเปิดเผยฉิบหายคือมันไม่อายคนเลยนะ ผมก็นั่งทานของผมไปเรื่อย พี่เอย์กินเสร็จมันก็เอนมาซบผมต่ออีกมือนี่คือโอบเก้าอี้ผมไว้แหละ ดนตรีสดเล่นจบแล้วตอนนี้เขาเปิดจากเครื่องแทน ผมก็ดูทีวีจอใหญ่ ๆ ที่เขาฉายบอลพรีเมียร์ไปด้วย แต่รู้สึกแปลกๆเหมือนกันเหมือนกับว่ามีใครมองพวกผมอยู่ตลอดผมเลยหันไปดูก็ไม่เห็น พักนึงรู้สึกอีกผมหันขวับเลยเจอกับสายตาของโต๊ะแถว ๆ ด้านนอกมากันเป็นครอบครัว แต่ผมไม่ได้รู้จักก็คือเฉย ๆ คิดว่าเขาคงมองเพราะพวกผมเป็นผู้ชายแล้วมานั่งซบกันอยู่แบบนี้มั้งผมเลยขยับให้พี่เอย์นั่งดี ๆ
“ไม่เอา” คุณชายทำเสียงฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจ
“เดี๋ยวไปซบที่ห้อง ตรงนี้พอก่อนพี่” ผมดันหัวมันออก พี่เอย์ชูมือเรียกพนักงานทันที
“งั้นกลับเลย” มันว่าแล้วยกแก้วเบียร์ที่เหลือขึ้นดื่มรวดเดียว เอาแต่ใจฉิบหาย ผมห้ามไว้ไม่ทัน คือก็อิ่มแล้วแหละแต่ก็ยังอยากนั่งแช่ไง น้องพนักงานคนสวยในชุดญี่ปุ่นได้ทิปหนักๆเป็นใบสีม่วงยิ้มหวานให้พวกเราจนปากจะฉีกไปถึงหู
“พี่เอย์” ผมสะกิดเรียกให้มันดูเสื้อที่เขาสกรีนหน้าอกว่า กล้วยน้ำว้าแล้วถามมันว่าอยากได้ไหมไว้ใส่คู่กัน มันกำลังจะควักเงินซื้อผมบอกเดี๋ยวอันนี้ผมซื้อเอง พี่เอย์ยิ้มซะกว้างเชียว ตกลงคือผมได้เสื้อกล้วยน้ำว้าสีเทา ของพี่เอย์เป็นสีดำ
เรากลับกันมาถึงที่พักเกือบหกทุ่ม ผมยังยืนยันคำเดิมนะที่จอดรถมีน้อยมากแต่คือก็มีที่สำหรับเบนส์ดำของคุณชาย เราสองคนใช้การเดินเท้าเดินลึกเข้าไปที่บ้านพัก มันมืดนะแต่ก็มีไฟสีส้มดวงเล็กประดับไว้ตลอดทาง พี่เอย์คว้ามือผมไปจับไว้อีกแล้ว มันเดินช้ามากๆ ผมเงยหน้ามองดูท้องฟ้าเห็นพระจันทร์ดวงโตสวยมากเงาของมันสะท้อนเป็นลูกไฟดวงกลม ๆ ที่บึงน้ำกว้าง คืนนี้จันทร์เต็มดวงพอดี ดูที่นี่รู้สึกใกล้จังเลยดูที่กรุงเทพทำไมไกล๊ไกล พี่เอย์ทำท่าคว้าเอาดาวลงมาใส่ไว้ในมือผม มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ในแบบที่ชอบทำ ผมเลยชกแขนมันไปคุณชายแกล้งทำหน้าโอดโอย
มันเดินมาซ้อนหลังแล้วกอดเอวผมไว้ เราหยุดดูพระจันทร์กันที่ริมน้ำก่อนจะเข้าบ้านพัก พี่เอย์ชอบงับไหล่ผมเล่นมากจริง ๆ มันโยกตัวผมนิดๆ เกยคางลงที่ไหล่
“ปิง ถ้ามึงเรียนจบแล้วมึงจะทำงานที่ไหน จะทำงานอะไร” เสียงพี่เอย์ดังสะท้อนทว่านุ่มนวล ผมรู้วันนี้มันสบายใจมาก ๆ กลิ่นเบียร์อ่อนๆจากปากมันดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“อืมม ผมเรียนช่างยนต์ จบแล้วก็ต้องเป็นพวกช่างฟิตล่ะมั้งนะ ไม่ก็....” ผมเงียบไปนิดนึงไม่พูดต่อ พี่เอย์ไม่เคยรู้เรื่องที่ผมรับจ้างเขียนโปรแกรม จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดหรอกแต่ในเมื่อมันไม่ได้ถามในจุดนั้นผมเลยคิดว่าไม่บอกคงไม่น่ามีปัญหาอะไรมั้ง
“ไม่ก็อะไร พูดให้จบดิ”
“ไม่ก็ขายของช่วยแม่นั่นแหละครับ” เอาจริง ๆ เลยก็คือผมกะว่าจะเป็นช่างฟิตนะ แต่จะรับจ้างเขียนโปรแกรมใต้ดินเหมือนเดิม จะได้มีตังค์แบ่งเบาคุณนายเธอได้ตอนนี้กำลังเก็บเงินสักก้อนออกรถให้แม่สักคัน เกือบได้แล้วด้วยผมกะซื้อสดเลยนะไม่ชอบผ่อนหรอก
“แล้วพี่เอย์ล่ะครับ จบมาพี่จะทำงานอะไร”
“กูเหรอ อืมม เป็นชาวสวนดีไหม ทำสวนลำไยมึงชอบกินไม่ใช่เหรอ เราจะปลูกส้มด้วยปิงชอบไหมครับ” พี่เอย์พูดเล่นผมเลยถองศอกมันไปทีแล้วบอกให้พูดดี ๆ เอาจริง ๆ
“กูทำงานตามใจตัวเองไม่ได้หรอก บ้านกูมีธุรกิจที่ต้องให้สานต่อคุณพ่อคุณแม่เองเขาวางอนาคตไว้ให้กูหมดแล้ว แม้แต่ไอ้ซ่าร์ที่มึงเห็นว่าเป็นถึงดาราไอดอลมันยังติดสัญญากับที่บ้านว่าเมื่อไหร่ตอนไหนจะต้องกลับไปทำ สำหรับกูนะ แค่บริษัทของคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่เท่าไหร่เพราะซ่าร์เองก็ยังพอจะช่วยได้อยู่ ที่หนักเลยก็คือธุรกิจของคุณย่าที่กูต้องดูแลและรับผิดชอบสานต่อให้ท่าน ท่านแก่มากแล้ว แล้วที่สำคัญธุรกิจบางอย่างท่านโอนเป็นชื่อกูเรียบร้อยแล้วด้วยนะ”
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพระจันทร์ตอนนี้มันไกลแสนไกลจังเลยวะ ดูซิเมื่อกี้นี้มันยังใกล้แค่ผมเอื้อมมือไปถึงอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกว่าผมอยู่ห่างจากดวงจันทร์มากมายจริง ๆ ใจผมปวดหนึบขึ้นมา เป็นเพราะคำพูดของพี่เอย์งั้นหรือ? ความแตกต่างของเรามันมีมากเกินไป ใช่ผมรู้ แต่นั่นก็คือเรื่องราวของอนาคต ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่กับผมแล้ว กอดผมอยู่ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เขาคนนี้ยังจะเลือกยืนอยู่ข้างผมเหมือนกับตอนนี้ไหมนะ
“ปิง?”
“พี่เอย์ครับ พี่จะคบกับผมอีกนานไหม?”
“ถามอะไรของมึง” มันเอียงหน้ามาจ้องผม หน้าตานี่คือเครียดขึ้นมาแล้ว แต่ผมยังถามย้ำลงไปอีก
“เราจะคบกันอีกนานไหมพี่?”
“ทำไมถามอะไรแบบนั้น” พี่เอย์จับตัวผมหันมาหาทันที
“พี่เอย์ครับ ถ้าพี่ได้ผมแล้วพี่ยังจะเป็นพี่เอย์คนเดิมของผมอยู่ไหม”“ปิง?”
“พี่จะเปลี่ยนไปรึเปล่า ผมอยากให้เราสองคนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องฐานะหรืออะไร ผมไม่อยากได้เงินของพี่หรอก มันไม่สำคัญกับผมเลย ต่อให้พี่รวยแค่ไหนผมก็ไม่สน ขอแค่พี่ยังเป็นพี่เอย์คนเดิมของผม คนที่ผมจะเรียกคำว่า ‘พี่เอย์’ ได้ตลอดไป”
พี่เอย์จ้องผมนิ่ง มันยกมือขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ ดึงผมเข้าไปกอดไว้เต็มอ้อมแขนมัน ผมรู้สึกนะหัวใจมันเต้นแรงมาก ผมเองก็ไม่ต่าง เราสองคนมองไปที่พระจันทร์บนท้องฟ้าด้วยกัน
พระจันทร์ที่อยู่ห่างไกล จะมีไหมสักวันที่ผมจะคว้าจันทร์ลงมา เก็บไว้เป็นของผมเอง......แค่คนเดียว
“ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป กูก็ยังจะเป็น ‘พี่เอย์’ คนเดิมของมึง กูสัญญา”หวายยยยยย ผมทำไมรู้สึกซาบซึ้งแบบนี้วะเนี่ย รู้สึกดีโคตรๆ เลย คืออยากจะร้องไห้ว่ะ ฐานะเหรอ? หน้าที่การงานเหรอ? ชาติตระกูลเหรอ? ผมอยากจะให้มันวางทุกอย่างของมันไว้แค่ที่ตรงนั้นจะได้ไหม ที่กรุงเทพนั่น บ้านหลังใหญ่ ๆ ของคุณย่ามันนั่น เพราะสำหรับผมแล้วแค่เวลานี้ ณ ตอนนี้ และขณะนี้ ผมมีความสุขเพียงพอแล้ว
เพี๊ยะ!“โอ๊ย อะไรของมึงวะกูกำลังซึ้งเลย” ผมฟาดฝ่ามือใส่แก้มมันไปที พี่เอย์ตกใจหน้าตาตื่น
“ยุงกัดแก้มพี่อ่ะ” ผมเขิน คือมือไม้มันไปเอง
“เหี้ยเหอะ ยุงเห้ไรของมึงมากัดตอนบรรยากาศดี ๆ แบบนี้” อิพี่เอย์แม่งทำเป็นมารู้ทัน
“ยุงดิ ก็พี่พูดอะไรเน่า ๆ ยุงมันเลยมาตอมอ่ะ แถวนี้ยุงเยอะด้วย ผมอุตส่าห์ตบให้เหอะ”
“จิ๊! กูไม่เชื่อ มึงเขินแน่ ๆ มือหนักตลอดๆ”
“ก็เขินดิ พี่มาเป็นผมบ้างจะเขินไหมล่ะ”
“งั้นเข้าบ้าน จะได้ไม่เขิน”
“ไม่เอา อยากยืนอยู่ตรงนี้” ผมดื้อ
“ไหนว่ายุง”
“พี่เอย์ พี่ร้องเพลงให้ผมฟังสักเพลงสิพี่ เพลงไทยนะ”
“เรื่องดิ่ ใครจะไปร้องเพลงให้มึงฟังไม่ได้หน้าด้านอย่างมึงนี่” มันถอยลงไปยืนซ้อนหลังผมอีกครั้งสอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้ จมูกโด่ง ๆ ซุกไซ้อยู่ที่ไหล่หลัง ผมเลยเอียงคอให้มันจูบลงได้ถนัดๆ มันงับหูผมเล่น
“นิดเดียว ท่อนเดียวก็ได้ นะครับนะๆ” ลองอ้อนมันดู คือถ้ามันยอมร้องตอนนี้เสียงของมันจะกระซิบลงที่หูผมพอดีเลยนะ โรแมนติกเหอะ
“หึ ไม่อ่ะ ยืนกอดไว้งี้แหละ”
“โด่ววว” ผมร้องอย่างเสียดายบ่นโน่นนี่นั่นไปเรื่อยแต่ก็ยืนให้มันกอดนะ
เราสองคนมองดวงจันทร์ด้วยกันอีกครั้งนึง เสียงหรีดหริ่งเรไรกรีดร้องราวกับกำลังเฉลิมฉลองเป็นพยานให้กับความรักของสองเรา ผมกับมันต่างก็เงียบกันไป จู่ๆ พี่เอย์สอดมือเข้ามาที่หน้าผากของผม มันค่อยเลื่อนฝ่ามือลงมาปิดตาผมไว้ ก่อนรั้งให้ศีรษะผมเอนชิดเข้ากับบ่าของมัน ผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวรินรดอยู่ที่ริมหู
ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่ม จะเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองที่แสนไพเราะ....
ต่อให้นานเพียงใด......รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้
ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา
ถึงแม้บางครั้งชีวิตต้องเจออะไรกระหน่ำ
แต่ไม่เคยทำให้รักเราเปลี่ยนแปลงไป
....ฉันรักเธออย่างไร ก็รักไม่เปลี่ยนใจเลย....... Tbc.
# พี่เอย์หมาปิงโรแมนติกมากอ่ะ

# ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กันมากๆเลยนะคะ คนอ่านน่ารักค่ะ
