ตอนที่ 14โจวพอล“จินนี่หยุดทำลายความรักของฉันได้แล้ว!”
“หึ! มาถึงก็ใส่ร้ายจินนี่เลยนะพอล ไม่คิดบ้างรึไงว่าจินนี่แค่มาทักทาย” ฟังประโยคของนางฟ้าตัวแสบประจำตระกูลโจวซะก่อนเถอะครับ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ร้ายกาจไม่สมกับหน้าตาที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูสักนิด
นาทีนี้ผมล่ะอยากจับยัยจินนี่มาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน และฟาดก้นแรงๆเป็นการสั่งสอน เผื่อจะเอานิสัยแย่ๆออกจากตัวยัยนี่ได้บ้าง อย่างนิสัยขี้หวงไม่มีเหตุผลและนิสัยปัดความผิดให้พ้นตัว ที่จินนี่กำลังแสดงออกอยู่ขณะนี้
ผมได้ยินได้ฟังข้อความเกลี้ยกล่อมผสมยุแยงของยัยจินนี่ทั้งหมดแล้ว หากถามว่าผมรู้ได้อย่างไร คำตอบคือจากโทรศัพท์เครื่องบางในมือผมนี่อย่างไรเล่า ด้วยขณะที่ผมขับรถใกล้ถึงคอนโดแห่งนี้ ฝูหรงนั้นโทรเข้าเครื่องผม แรกทีเดียวผมก็แปลกใจเพราะเพิ่งวางสายจากเจ้าตัวไม่นาน พอรับสายผมยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก ด้วยมีเพียงเสียงของบทสนทนาที่ฝูหรงกำลังคุยอยู่กับใครบางคน
จนกระทั่งผมจับใจความได้ จึงได้รู้ว่าคนที่ฝูหรงคุยด้วยคือญาติตัวแสบ ที่เคยเป็นตัวการให้รักครั้งแรกของผมต้องล่มทั้งๆที่ยังไม่ทันเริ่มมาแล้ว ประกอบกับข้อความที่ได้ยินจากยัยจินนี่ ทำเอาผมร้อนใจและกรุ่นโกรธเจ้าตัวขึ้นมา ด้วยรู้เจตนาถึงการมาพบฝูหรงของจินนี่ได้ในทันที และผมแทบอยากจะจับญาติตัวแสบทุ่มลงกับพื้นนัก เมื่อเปิดประตูเข้ามาทันได้เห็นจินนี่กำลังยื่นมือมาเหมือนจะตบแก้มฝูหรง ดีที่ผมคว้าตัวคนของตัวเองไว้ได้ทัน
“หยุดแก้ตัวเลยจินนี่ ถ้าไม่อยากทำให้ฉันโกรธเธอไปมากกว่านี้!!” รู้ตัวเลยว่าผมต้องใช้ความอดทนมาก ในการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เข้าไปสั่งสอน คนที่กำลังยกยิ้มและจ้องมายังผมแบบไม่เดือดร้อน แถมเสียงที่ใช้พูดกับยัยตัวแสบยังแอบสั่น ด้วยพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้เผลอตะคอกญาติสนิทออกไปอีก
“เหอะ! พอลนี่ยังไงใส่ร้ายจินนี่ไม่พอ นี่อะไรมีขู่ด้วย เพิ่งมาถึงแท้ๆ รู้ได้ไงว่าจินนี่มาทำลายความรักของพอลกับนายนี่ ไหนล่ะหลักฐาน ชิ! จินนี่ก็แค่มาทักทาย...ใช่มั้ยคะฝูหรง” ยัยแม่มดตัวร้าย! ปฏิเสธได้หน้าซื่อตาใสมาก ยังมีหน้ามายิ้มหวานกระพริบตาปริบๆใส่ฝูหรงได้อีก
นี่ถ้าผมไม่ได้ยินกับหู ผมคงสองจิตสองใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเป็นแน่ ผู้หญิงอะไรร้ายกาจเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด ผมได้แต่ครางเสียงต่ำเรียกชื่อยัยจินนี่ด้วยความหนักใจ ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีจัดการยัยตัวแสบประจำตระกูลอยู่นั้น กลับมีเสียงของบทสนทนาคุ้นหูดังขึ้น
‘ถ้านายยอมออกไปจากชีวิตพอลอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันจะไม่ให้นายต้องไปมือเปล่า แม้สิ่งที่นายจะได้ไป อาจจะไม่มากเท่าสิ่งที่นายหวังจะได้จากพอลในอนาคตก็เถอะ แต่อย่าลืมว่าอนาคตมักไม่แน่นอนและเราก็ควบคุมไม่ได้ซะด้วย หากวันดีคืนดีพอลไปเจอผู้หญิงที่เหมาะสมกับตัวเองเข้า ซึ่งเป็นคนที่คู่ควรพร้อมจะยืนเคียงข้างพาออกหน้าออกตาได้ วันนั้นนายคงได้น้ำตาเช็ดหัวเข่า และอาจจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ เท่าที่นายจะได้จากฉันวันนี้ก็ได้นะ...ใจจริงฉันไม่ได้เกลียดนายเลย เพียงแต่เห็นใจมากกว่า กลัวว่านายต้องเป็นทุกข์เพราะพอลเอาน่ะสิ’ห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความเงียบทันที ที่เสียงหวานๆที่ดังมาจากโทรศัพท์ของคนน่ารักในอ้อมกอดผมจบลง แต่สีหน้าแต่ละคนในห้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมเชื่อว่าตัวเองคงกำลังทำหน้าแปลกใจปนชื่นชม ยามก้มมองคนรักอยู่ในขณะนี้แน่ๆ ซึ่งคนรักตัวน้อยของผมเองก็กำลังอมยิ้มน้อยๆอย่างเจ้าเล่ห์ แต่แก้มใสกลับขึ้นสีระเรื่ออย่างคนที่กำลังเขินสายตาชื่นชมของผมอยู่ จนผมอยากจะฟัดแก้มกลมทั้งคู่ซะเดี๋ยวนี้ ด้วยอยากให้รางวัลคนเก่งช่างคิดเก็บหลักฐานมัดตัวยัยจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าเรานัก
ส่วนจินนี่เองตอนนี้มีสีหน้าคาดไม่ถึงอย่างที่สุด ดวงตากลมๆเบิกกกว้างฉายแววตกใจชัดตา และจ้องมายังฝูหรงอย่างไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินคำพูดของตัวเองอีกครั้ง แถมยังเป็นหลักฐานมัดตัวชั้นเยี่ยมอีกด้วย และผมต้องกลั้นขำสุดความสามารถ เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของฝูหรงที่ใช้พูดกับจินนี่
“ใช่ครับ มิสหมิงอี้ซานแค่มาทักทายผมเท่านั้น ไม่มีเจตนายุแยงให้ผมกับพอลแตกคอกัน และไม่คิดที่จะเอาเงินฟาดหัวผมสักนิดเลย ไม่มีเลยจริงๆ” กระต่ายน้อยของผมยามต้องการเอาคืนใครนี่ก็ดูเอาเรื่องไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเยาะเย้ยจินนี่ทำได้แสบทรวงมาก
ต่อไปผมคงต้องระวังตัวเองอย่างดี ไม่ให้เผลอไปทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆเข้า เพราะไม่อยากคิดว่าผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
หลังจากจินนี่ตั้งตัวได้ว่าถูกมัดด้วยพยานวัตถุอย่างโทรศัพท์ที่ใช้บันทึกเสียงเข้าให้แล้ว เจ้าตัวก็กอดอกฉับก่อนส่งค้อนวงใหญ่ให้เรา และสะบัดหน้าพรืดพร้อมหมุนตัวเดินไปกระแทกก้นนั่งลงบนโซฟา มีจ้องฝูหรงด้วยแววตาไม่ได้ดั่งใจ ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่ และพูดในสิ่งที่ผมได้ฟังแล้วแทบไม่เชื่อหูออกมา
“เฮ้อออ นายนี่มันร้ายกาจกว่าเมื่อห้าปีก่อนเยอะเลยนะ ครั้งนั้นน่ะหูเบาแถมยังร้องไห้ตัวสั่นเป็นลูกนก ไม่เห็นปากเก่งเจ้าเล่ห์เหมือนวันนี้ ชิ!...แต่แบบนี้แหละถึงจะเหมาะสมกับพอล ขืนพอลได้แฟนประเภทเหยาะแหยะ เอาแต่อ้อนให้เอาใจ มีหวังไม่ต้องเป็นอันทำอะไรกันพอดี และขืนได้คนละโมบ หวังมาเกาะกินเป็นตัวดูดเลือดล่ะก็ สมบัติตระกูลโจวมีเท่าไหร่ก็คงไม่พอ ซ้ำร้ายคงได้แต่ปวดหัวไปกับคนรักที่ไม่ได้เรื่องไปตลอดชีวิต”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ผมที่แปลกใจในคำพูดของจินนี่ เพราะฝูหรงเองก็มีอาการไม่ต่างกัน แต่อาจจะเป็นมากกว่าผมสักหน่อย ด้วยกระต่ายน้อยยืนประสานสายตากับจินนี่ โดยใช้ตากลมๆที่กระพริบปริบๆจ้องจินนี่ไม่วางตา แถมยังมีอาการเอียงหัวพร้อมเผยอปากน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู ดีที่แว่นบนจมูกที่กำลังเอียงกะเท่เร่ไม่หล่นลงมา
ผมจึงใช้วงแขนโอบไปรอบเอวบางและดึงร่างน้อยเข้าหาตัว ให้แผ่นหลังบอบบางแนบไปกับอกผม ซึ่งนาทีนี้ผมพอเข้าใจพฤติกรรมของจินนี่ได้บ้างแล้ว ว่ายัยตัวแสบจอมวุ่นต้องการอะไร ถ้าไม่ใช่ต้องการยื่นบททดสอบให้ว่าที่สะใภ้ตระกูลโจว แต่สำหรับคู่ผมและฝูหรงมันเป็นบททดสอบที่โหดร้ายมากเกินไป เรียกได้ว่าเป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออกเอาก็ว่าได้
“หมายความว่าสิ่งที่คุณทำไปทั้งหมด เพราะต้องการพิสูจน์ใจผม!?”
“เหอะ! จะเรียกแบบนั้นก็ได้...แต่ถ้าเป็นไปได้ ใจจริงฉันก็อยากกำจัดนายออกไปให้พ้นทาง ถ้าไม่ใช่พฤติกรรมของนายวันนี้ได้พิสูจน์ตัวเองให้ฉันรู้แล้วว่าไม่ธรรมดา และสำคัญที่ถ้าไม่ใช่เพราะลุงฟู่สือล่ะก็ ฉันไม่มีวันยอม” ปาปาคงไปพูดอะไรบางอย่างกับหลานสาวคนโปรดล่ะครับ ทำให้วันนี้จินนี่ตามมาหาเรื่องฝูหรงถึงนี่
ดูท่าการกระทำทั้งหมดของยัยตัวแสบในวันนี้คงเป็นการเอาคืนเบาๆ ด้วยคงไม่มีวันที่นางฟ้าจอมยุ่งของตระกูลโจว จะยอมรับข้อตกลงหรือยอมรับใครง่ายๆ แต่ขอให้ได้สำแดงฤทธิ์เดชบางอย่างออกมาป่วนสักหน่อยก็ยังดี แม้คนที่ไปคุยด้วยจะเป็นถึงคุณลุงสุดที่รักของเจ้าตัวก็ตาม ดีที่เหตุการณ์ในวันนี้ไม่เป็นไปตามที่ยัยจินนี่ต้องการ
“พอใจแล้วใช่มั้ยยัยตัวแสบ...งั้นมานี่ มารู้จักกับคนรักของฉันอย่างเป็นทางการ” หลังคำพูดของผมนั้น จินนี่ทำท่าแบมือและไหวไหล่ ก่อนจะยอมลุกขึ้นและเยื้องย่างดังนางหงส์มายืนเบื้องหน้าเรา
แต่ก่อนที่ผมจะเอ่ยแนะนำคนทั้งคู่อย่างเป็นทางการตามที่พูดไป ฝูหรงกลับเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปก่อน พร้อมแนะนำตัวเองกับอีกฝ่ายด้วยเสียงสดใส เมื่อผมก้มมองใบหน้าคนที่ผมโอบเอวไว้ ผมก็ต้องคลี่ยิ้มตามรอยยิ้มจริงใจที่คนน่ารักตั้งใจมอบให้ญาติสาวตัวแสบ จินนี่เองแม้จะเชิดหน้ามองฝูหรงอย่างหยิ่งๆ แต่ก็ยอมยื่นมือมาจับด้วย และผมก็ได้แต่ส่ายหัวถอนใจยาวเหยียด ให้กับคำพูดถือดีแฝงความหวังดีของแม่หงส์สาวจอมหยิ่ง
“เห็นแก่พอลและลุงฟู่สือหรอก นายเองก็อย่าได้ใจไป วันนี้แม้ฉันจะยอมรับนาย แต่ให้รู้ไว้ว่าฉันจะคอยจับตามองนายทุกฝีก้าว หากวันใดที่นายนอกลู่นอกทาง วันนั้นฉันจะตามมาเอาคืนให้สาสม เพราะฉันไม่มีวันยอมให้คนตระกูลโจว ต้องเจ็บปวดไปกับคนที่ไม่ใช่สายเลือดของเรา”
“ครับ ผมจะรอ” ผมถึงกับอยากเห็นใบหน้าของฝูหรงยามเอ่ยรับคำจินนี่ จึงก้มหน้ามอง ด้วยอยากรู้นักว่าคนน่ารักกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน ซึ่งผมก็ได้แต่อมยิ้มด้วยความถูกใจ เมื่อเห็นกระต่ายน้อยแสนรักมีสีหน้าจริงจัง และมองไปยังหงส์สาวจอมหยิ่งอย่างไม่เกรงกลัว
หลังจากนั้นจินนี่ก็เอ่ยขอตัว แต่ยังไม่ทิ้งความเอาแต่ใจของหลานสาวคนเดียวของตระกูล ด้วยการขอร้องแกมบังคับให้ผมขับรถไปส่งที่บ้าน คราแรกผมเตรียมปฏิเสธแต่หากพอฟังเหตุผลว่ายัยตัวแสบไม่ได้ขับรถมา เพราะขามาให้คนขับรถที่บ้านมาส่งและให้กลับไปแล้ว ผมฟังก็รู้ว่าตั้งใจไว้แต่แรก บวกกับการออดอ้อนแกมขู่ของจินนี่ที่ใช้กับผม ว่าเจ้าตัวจะฟ้องปาปาถ้าผมปล่อยให้กลับเอง
ผมจึงได้แต่จำใจยอมทำตามที่ยัยตัวแสบต้องการ ก่อนไปผมขอเวลาส่วนตัวจากยัยตัวแสบ ด้วยการรั้งตัวกระต่ายน้อยแสนรักเข้ามาในห้องนอนด้วยกัน ท่ามกลางแววตาหมั่นไส้ของจินนี่
“พอลขอโทษแทนยัยจินนี่ด้วยนะครับ ฝูหรงโอเคใช่มั้ย” ผมเชยคางคนในอ้อมกอดขึ้น และได้แต่ยกยิ้มอย่างสบายใจ เมื่อได้เห็นวงหน้าใสผ่อนคลายไร้ซึ่งแววกังวลอย่างที่นึกกลัว
“อืม ครั้งนี้ญาติพอลทำอะไรฝูหรงไม่ได้หรอก” ฝูหรงอมยิ้มยักคิ้วอย่างกวนๆส่งให้ผม จนผมอดใจไม่ไหวยื่นมือไปหนีบจมูกโด่งเบาๆด้วยความมันเขี้ยว คนน่ารักเองมีพองแก้มต่อว่าและลงมือฟาดเบาๆเข้าที่อกพอให้เจ็บๆคันๆ
“กระต่ายน้อยของพอลฉลาดที่สุด เดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะเรา ฮึๆ...แต่พอลอยากขอโทษแทนจินนี่ และอยากขอบคุณฝูหรงจริงๆ ที่ครั้งนี้หนักแน่นและมีสติรับมือกับจินนี่ได้ แถมยังเป็นการสั่งสอนยัยเด็กแสบนั่น ให้ได้รู้ว่าเหนือหงส์ฟ้าก็ยังมีกระต่ายน้อย ฮึๆ” ผมไม่หัวเราะเปล่า แต่เลือกที่จะประทับจูบบางเบาลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ยื่นน้อยๆอย่างไม่พอใจ พร้อมกับขโมยสูดกลิ่นแก้มหอมๆที่ถูกอัดลมจนพองลอยไปมายั่วตา และจงใจกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
“ขอบคุณนะครับกระต่ายน้อยของพอล” ผมกระตุกยิ้มทันทีที่รู้สึกได้ว่าร่างน้อยสะท้านไปกับปลายลิ้นชื้นที่ผมจงใจเลียไปยังติ่งหูแดงๆ ก่อนเจ้าของความยั่วยวนแบบไม่ตั้งใจจะซุกใบหน้าเข้ากับอกผมมากขึ้น เปิดโอกาสให้ผมลูบมือผ่านแผ่นหลังบอบบาง และซุนจมูกไปตามกลุ่มผมนุ่ม
“จะขะ...ขอบคุณ อะ...ไร นักหนาเล่า เพราะครั้งนี้รู้หรอกว่าเราใจตรงกัน” เสียงสั่นเชียวนะกระต่ายน้อย
“ใจตรงกัน!?...หมายความว่าฝูหรงรักพอลเหมือนที่พอลรักฝูหรงใช่มั้ย” ผมส่งคำถามให้กระต่ายน้อยตัวสั่นทั้งๆที่รู้คำตอบดีแก่ใจ แต่ก็ยังอยากได้รับการยืนยันชัดๆสักครั้ง
ระหว่างที่ฝูหรงเงียบไป ผมไล้จมูกผ่านขมับลงมายังข้างแก้มเนียน และละมือข้างหนึ่งจากสะโพกแน่น เพื่อถอดแว่นอันโตที่บดบังดวงตาคู่สวยออก ก่อนจ้องลึกลงไปในตากลมๆที่กำลังสั่นไหวแฝงแววเขินอาย ผมจึงกระตุ้นให้คนน่ารักได้พูดออกมา ด้วยการระบายยิ้มบางเบาใส่ตาคู่นั้น แต่กลับทำให้แก้มใสที่ผมกำลังคลึงเล่นขึ้นสีจัดยิ่งกว่าเดิม ตามมาด้วยอาการหลบตา ทำเอารอยยิ้มที่ผมมีเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม และถึงขั้นผมฉีกยิ้มปากแทบฉีก กับคำตอบแผ่วหวานที่ดังผ่านริมฝีปากสีสด
“อืม ฝูหรงรักพอลเหมือนที่พอลรักฝูหรง” ไม่ว่าจะได้ยินคำรักมากี่ครั้ง ทุกครั้งผมมีอาการแตกต่างกันไป เรียกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้ง ส่วนครั้งนี้ผมตื้นตันมีอาการหัวใจพองคับอก จนเลือดสูบฉีดไปทั่วร่างและหุบยิ้มไม่ลง
“กระต่ายน้อยของพอล~” ผมเพ้อเรียกฝูหรงด้วยสรรพนามแทนตัวน่ารักๆที่เราเท่านั้นที่รู้กัน ก่อนใบหน้าน่ารักจะหันกลับมามองผม ทั้งๆที่แก้มแดงก่ำแทบระเบิด
“ออกไปกันเถอะ ปล่อยให้จินนี่รอนานแล้ว...อ๊ะ! พอล...อืมมม” ใครจะปล่อยให้กระต่ายน้อยน่ารักหลุดมือไปง่ายๆเล่าครับ ก่อนผมจะต้องทำตามใจญาติสาวแสนเอาแต่ใจ ขอผมทำตามใจตัวเองหน่อยเถอะ ซึ่งคงไม่ต้องบอกล่ะนะว่าทำอะไร ถ้าไม่ใช่ป้อนจูบหวานๆให้คนรักเคลิบเคลิ้มร่างระทวยอยู่กับอก
ริมฝีปากนุ่มๆและปลายลิ้นหวานๆที่เกี่ยวกระหวัดตอบโต้อย่างกล้าๆกลัวๆ พาลให้ความตั้งใจของผมที่จะขอเพียงชิมรสหวานของโพรงปากอุ่น เพียงหอมปากหอมคอนั้นสั่นคลอน ผมเริ่มลงมือสอดมือเข้าชายเสื้อยืดตัวบาง เพื่อสัมผัสผิวเรียบลื่นบริเวณหน้าท้องแบนราบ และรู้สึกได้ว่ากระต่ายน้อยเกร็งตัวขึ้นทันที ก่อนจะครางแผ่วหวิวคาปากเมื่อผมสะกิดยอดอกเล็กๆ ซึ่งผมต้องรวบกอดร่างน้อยเข้าหาอกแทบจะทันที ยามที่ฝูหรงขาอ่อนตัวรูดลงไม่มีแรงยืน
ผมจึงตัดสินใจช้อนร่างบอบบางขึ้น ก่อนเดินไปยังเตียงควีนไซส์และวางร่างเย้ายวนลงนอน พร้อมคร่อมทับอยู่เหนือร่าง นาทีนี้ผมลืมภารกิจที่ต้องทำจนหมดสิ้น ด้วยภายในสายตาตอนนี้มีเพียงร่างบอบบางที่นอนระทวยใต้ร่างเท่านั้น
เจ้าของร่างบอบบางที่มีผิวอมชมพูไปทั่วร่าง และปรือตาฉ่ำเยิ้มมองมายังผมไม่กระพริบ ผมจึงบรรจงจูบปลุกเร้ากระต่ายน้อยอีกครั้ง และเตรียมปลดเสื้อผ้าที่เป็นอุปสรรคขัดขวางระหว่างเราออก แต่แล้วภาระชิ้นโตที่ผมจงใจลืมไว้นอกห้องก็ทำพิษจนได้
“[ปังๆ ปังๆ]...จะจู๋จี๋กันอีกนานมั้ยพอล จินนี่รอนานแล้วนะ!!” สำหรับยัยแม่มดในตะเกียงตัวแสบแสนเอาแต่ใจไม่ได้แค่เคาะประตูให้สติที่เตลิดไปไกลของเรากลับเข้าร่างเท่านั้น แต่เธอกลับตบบานประตูดังลั่น แรงชนิดที่ว่าผมยังแปลกใจว่าจินนี่ไปเอาแรงมาจากไหน และไม่เจ็บมือบ้างรึอย่างไร
อาการของผมน่ะไม่เท่าไหร่ แค่ชะงักมือที่กำลังลูบไล้ยอดอกแข็งเป็นไต และสะดุดลมหายใจที่กำลังสูดกลิ่นกายหอมๆแถวซอกคอ แต่สำหรับกระต่ายน้อยที่กำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสเย้ายวนที่ผมบรรจงสร้างนั้น ถึงกลับผวาพร้อมเบิกตาโตอย่างแตกตื่น และผลักใบหน้าผมออกจากซอกคอตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่หัวยุ่งหน้าแดงก่ำ แถมด้วยการเม้มปากเจ่อๆไว้จนแน่น และวุ่นวายกับการดึงชายเสื้อลงจากอก
ผมที่กำลังหงุดหงิดยัยญาติตัวแสบ พอได้เห็นภาพของคนน่ารักที่กำลังเขินจัดก็ให้นึกเอ็นดูจับใจ จึงเลือกที่จะขยับตัวเข้าไปนั่งซ้อนหลังร่างเล็ก ก่อนจะรวบเอวบางเข้าหาตัว และยกร่างนั้นขึ้นนั่งซ้อนตัก ฝูหรงเองถึงกลับสะดุ้งและบีบเข้าที่ข้อมือผมทั้งสองข้าง แต่ยังคงก้มหน้าชิดอก ผมอดใจไม่ไหวกดจมูกแรงๆ เพื่อสูดกลิ่นแก้มหอมๆไปฟอดใหญ่
“อ่ะ!...จะ จินนี่ รออยู่ เดี๋ยวจะโมโหไปมากกว่านี้” ทั้งๆที่พูดกับผมแต่คนน่ารักกลับไม่คิดจะเงยหน้ามามองกัน
นี่ถ้าไม่ติดว่าผมรู้จักนิสัยของยัยจินนี่ดีล่ะก็ ผมจะไม่สนใจยัยตัวแสบแสนเอาแต่ใจคนนี้เลย เพราะรู้ว่าขืนผมยังร่ำรี้ร่ำไรปล่อยให้ยัยนั่นหงุดหงิดไปมากกว่านี้ จินนี่คงได้หมั่นไส้ผมและคงได้มาก่อความวุ่นวายให้ผมไม่จบสิ้นเป็นแน่
ผมจึงต้องตัดใจและเลือกที่จะทำตามคนน่ารักพูด ด้วยการยกเอวบางขึ้นและประคองให้ร่างเล็กยืนอย่างมั่นคง ก่อนจะตามลูบหัวจัดทรงผมให้เข้าที่ และเชยคางมนขึ้นสำรวจใบหน้าน่ารัก ก่อนจะยกยิ้มถูกใจอย่างไม่รู้ตัว ยามได้เห็นริมฝีปากเจ่อแดงผลของการกระทำของตัวเอง
จนกระทั่งได้เห็นตาคู่สวยเริ่มทอแสงแรงกล้านั่นแหละ ผมจึงเปลี่ยนท่าทีทำเป็นกวาดสายตาหาแว่นประจำตัวของกระต่ายน้อยตาเขียว และลงมือสวมมันคืนลงบนใบหน้าเรียว ก่อนจะจบด้วยการแตะจูบเร็วๆผ่านริมฝีปากเจ่อๆอีกครั้ง หลังจากนั้นก็คว้าข้อมือเล็กที่เจ้าของเตรียมโวยวายให้เดินตามออกมานอกห้อง
คงไม่ต้องบอกว่าคนที่รอให้ผมไปส่งจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หากไม่ใช่นั่งหน้าบูดและจ้องมายังเราตาแข็งโป๊กอย่างเอาเรื่อง ก่อนสายตาคมกริบจะเลื่อนไปจับจ้องยังคนรักข้างตัวผม และปรายสายตาจับจ้องไปที่ริมฝีปากเจ่อแดงของฝูหรง มีหรี่ตามองแถมให้อีก ไม่ต้องมีใครบอกยัยจินนี่คงรู้ล่ะครับ ว่าฝูหรงโดนผมทำอะไรมาบ้าง
ฝูหรงเองก็แสดงพิรุธยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ยัยตัวแสบ ด้วยการเม้มปากไว้แน่นและเบือนหน้าหลบตาทั้งๆที่แก้มแดงก่ำ นาทีนี้ผมทั้งเห็นใจและถูกใจคนน่ารักในเวลาเดียวกัน แต่ก่อนที่ยัยจินนี่จะใช้สายตาซอกแซกสำรวจร่างกายกระต่ายน้อยของผมไปมากกว่านี้ ผมจึงขยับตัวมาบังสายตาคู่ดังกล่าวไว้ ด้วยการหมุนตัวมาเผชิญหน้าฝูหรง และโน้มตัวลงนิดเพื่อให้สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“เดี๋ยวพอลมานะ ฝูหรงอย่าเปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องอีกนะครับ รู้มั้ย” ผมแอบเหน็บยัยญาติตัวแสบไม่ได้จริงๆ ผลก็คือฝูหรงพยักหน้ารับคำแบบไม่มีเสียง ส่วนคนโดนเหน็บกลับส่งเสียงจิ๊จ๊ะ พอให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้ถึงความตั้งใจของผม
หลังจากสั่งลาแล้ว ผมตั้งใจเดินนำจินนี่ออกมาทางประตู แต่ระหว่างเดินสวนกันนั้น ผมกลับนึกขำท่าทางสะบัดค้อนที่จินนี่ตั้งใจส่งมาให้ผม แต่ผมไม่คิดจะต่อความด้วย และก่อนที่บานประตูจะปิดลง ผมระบายยิ้มใส่ดวงตากลมๆที่จ้องส่งผมไม่กระพริบ ที่จริงผมอยากพาฝูหรงมาด้วย แต่ผมยังไม่พร้อมรับมือกับความเอาแต่ใจของยัยจินนี่แม่มดตัวร้ายคนนี้นัก ด้วยผมคาดเดาอารมณ์ยัยนี่ไม่ถูก และไม่อยากให้ฝูหรงต้องมารับมือกับอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของจินนี่อีก
เหตุการณ์บ่ายนี้เหมือนจะเลวร้าย แต่สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดี ตัวปัญหาใหญ่ที่เคยทำลายรักของเราครั้งก่อน กลับไม่ใช่อุปสรรคใหญ่อย่างที่คิดไว้ ผิดคาดที่จินนี่ดันเข้าใจอะไรๆได้ง่าย แต่ก็เป็นผลดีแก่ผมและฝูหรง เพราะทำให้ผมรู้ว่าบททดสอบครั้งเก่า เป็นบทเรียนสำคัญสามารถสร้างเกราะคุ้มกันความรักของเราให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ซึ่งผมหวังเพียงว่ารักครั้งนี้จะไม่มีบททดสอบร้ายๆผ่านเข้ามาอีก ความหวังผมจะเป็นไปได้หรือไม่คงต้องแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต แต่เมื่อฟ้าลิขิตให้ผมและฝูหรงกลับมารักกัน ก็คงไม่ใจร้ายแยกเราให้ต้องห่างกันอีก
ส่วนยัยจินนี่ตัวแสบที่เข้ามาป่วนชีวิตรักของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ครั้งนี้เป็นผลดีมากกว่าผลร้าย แต่ความผิดนี้ยังคงอยู่ เมื่อไปถึงบ้านยัยตัวแสบได้ ผมลากตัวญาติสนิทเข้าพบอาหญิงและอาเขยทันที และเล่าพฤติกรรมทั้งหมดของจินนี่ให้พวกท่านรับรู้ แรกรู้คุณอาทั้งคู่ถึงกลับส่ายหัว ตีหน้าเครียดในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน จนผมเองยังเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจว่าการกระทำดังกล่าว ผมสมควรทำหรือไม่ด้วยซ้ำ
แม้แต่จินนี่ที่แสบซ่าถึงกลับนั่งหน้าเจื่อนไม่กล้าสบตาบุพการีเลยทีเดียว และไม่กล้าต่อว่าผมเหมือนเคย คงรู้ตัวล่ะครับว่าตัวเองทำผิด จนผมเริ่มเห็นใจยัยแม่มดตัวร้ายขึ้นมาไม่ได้ แต่ผมก็ต้องปิดปากที่เตรียมอุทธรณ์แทนยัยจินนี่ เมื่ออาหญิงเอ่ยปรามผมเสียงเข้ม ก่อนหันไปพูดเสียงนิ่งไม่แพ้สีหน้าแววตากับลูกสาวคนเดียว
“จินนี่ ลูกรู้ใช่มั้ยว่าตัวเองทำผิด เรื่องนี้ลุงฟู่สือเคยมาพูดกับลูกแล้วนี่ ว่าให้ปล่อยเป็นเรื่องของพอลกับคนรัก ครั้งนี้มามาจะไม่ยื่นบทลงโทษให้ลูก แต่จะให้ลูกคิดเองว่าความผิดนี้ ลูกสมควรได้บทลงโทษแบบไหน”
ผมไม่ได้อยู่รอฟังหรอกครับว่าจินนี่จะยื่นบทลงโทษอะไรให้ความผิดของตัวเอง เพราะแค่เห็นแววตาสำนึกผิดของจินนี่ มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าเธอจะมีวิธีลงโทษตัวเองอย่างไร ด้วยผมเชื่อว่าบทลงโทษไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน มันก็ไม่เท่าคนทำผิดแล้วรู้สำนึกว่าตัวเองผิดหรอกครับ สำคัญที่การให้อภัยคนทำผิดนั้น ทำได้ยากยิ่งกว่าการเอาคืนเป็นไหนๆ แถมคนที่ทำได้ควรได้รับการยกย่องเสียด้วยซ้ำ เหมือนอย่างที่ฝูหรงยอมให้อภัยจินนี่ในครั้งนี้นั่นเอง
.................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะเหนือหงส์ฟ้าก็ยังมีกระต่ายน้อยที่ถูกอัพเกรดเวอร์ชั่นมาแล้ว

คราวนี้จินนี่นางฟ้าในตะเกียงคงสำนึกได้แล้วจริงๆ (มั้ง!?)
ผ่านไปหนึ่งตัวป่วนแบบชิวๆ แต่ก็ยังมีตามมาอีกเรื่อยๆนะ

ตอนหน้าเรามาพักเรื่องวุ่นๆและติดตามความหวานของสองหนุ่มกันดีกว่า
ทั้งคู่จะมีโมเม้นท์อะไรมาให้เราได้ชื่นหัวใจ พร้อมอมยิ้มเบาๆนั้นต้อง
ติดตามได้ในวันศุกร์ค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
