[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 130018 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
     “เอาน่าๆ นานๆ ได้รวมตัวกันแบบนี้ที คุณก็อย่าโมโหนักเลย เพื่อนๆ ก็แซวเล่นไปงั้น”
     “นั่นสิ พวกผมก็แค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคาสโนวาประจำคณะครับ?”
     แล้วผมควรตอบพวกมันว่าไงดีครับ? เรื่องของผมกับต้นมันยาว แล้วผมก็ขี้เกียจพูดให้ต้นเสียหายด้วย จะให้เล่าว่าเมียผมแกล้งตอแหลว่าเสร็จผมตอนเมาแล้วก็หลอกให้ผมรับผิดชอบเพียงเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ ผมงั้นเหรอ? ถึงพออยู่ใกล้กันจริงๆ แล้วผมจะแพ้ความดีไอ้ต้นมันก็เถอะ แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าถ้าวันนั้นผมไม่เผลอทำร้ายมันซะขนาดนั้นผมก็ไม่สำนึกหรอก ที่ผมไม่อยากนอกลู่นอกทางก็เพราะผมรู้ตัวว่าเคยทำไม่ดีกับต้นไว้เยอะนั่นแหละครับ ใช่ว่าผมลดละเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้จริงๆ เห็นสาวในสเป็กเดินผ่านมาผมก็ยังคิดอกุศลอยากขึ้นเตียงด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ
     และไอ้พวกนี้รู้จักผมดีพอๆ กับที่ผมรู้ว่าพวกมันไม่มีวันเชื่อเรื่องน้ำเน่าที่ว่าบังเอิญได้รู้จักเด็กข้างห้องที่ผ่านเข้ามาในวันที่ผมเหงา เด็นคนนั้นดีจนผมหลงรักเลยตกลงปลงใจใช้ชีวิตด้วยกันทำนองนั้นแน่ๆ แต่จะให้บอกความจริงว่าผมโดนเด็กวางแผนแบล็คเมล์ผมได้ไง เสียศักดิ์ศรีหมดครับ เพราะถ้าวันนั้นไอ้ต้นมันไม่หลอกผม ผมก็คงไม่รู้จักมัน เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาๆ ไหนเลยผมจะสนใจ ผมไม่ใช่เกย์ ผมไม่บ้าพาผู้ชายด้วยกันขึ้นเตียงหรอกครับ ถ้าผมไม่มั่นใจว่าต้นมันรักผมมากจนยอมผมทุกอย่างผมก็ไม่เอามันมาทำเมียหรอก เป็นได้แค่คนรู้จักกันเท่านั้นแหละ
     “เอาหน่า... เรื่องของผมครับ”
     “ใจคอไม่คิดจะเล่าอะไรให้เพื่อนฝูงฟังบ้างเลยรึไงครับ นับตั้งแต่ที่คุณเลิกกับน้องคนนั้นก็เอาแต่ทำตัวเละเทะ แล้วมันยังไงวะ? พวกผมรู้ข่าวอีกทีก็กลายเป็นว่าคุณเบี่ยงเบนไปซะแล้ว”
     “ตอนแรกพวกผมไม่อยากจะเชื่อ”
     “ผมว่าที่ไม่น่าเชื่อคือคุณชัชของเราคบผู้ชายคนนั้นได้นานขนาดนี้มากกว่าว่ะ ฮ่าๆ ลองของแปลกแล้วติดใจได้หลังลืมหน้าเหรอคุณ”
     “อย่าชักใบให้เรือเสียสิวะคุณกล้า!”
     “เออ พวกผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ไอ้เรื่องรสนิยมประหลาดน่ะพวกผมเข้าใจ แต่พวกผมแปลกใจมากกว่าว่าเด็กคนนั้นมีดีอะไรถึงจัดการกับคุณอยู่หมัด แม้แต่กับผู้หญิงผมยังไม่เคยเห็นคุณจริงจังกับใครได้นานขนาดนี้”
     “เหลือเชื่อมากเลยว่ะที่คุณไม่มีข่าววอกแวกให้พวกผมได้ยินบ้างเลย”
     “พวกคุณก็พูดไป ผมดูเหี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “เออ!”
     โอ้โห! พวกมันเล่นตอบมาพร้อมเพรียงกันทั้งสี่เสียงเลยครับ!
     “กับน้องผู้แทนคนนั้นที่คุณเคยคลั่งไคล้นักหนา บอกพวกผมว่ารักสุดๆ ว่าที่แม่ของลูกยังสยบคุณไม่ได้เลยคุณชัช”
     “พวกคุณก็พูดไป ผมไม่เคยนอกใจน้องเขา”
     “ขนาดตอนกำลังตามจีบน้องเขา คุณยังมาเล่าเรื่องสาวที่คุณเพิ่งขึ้นเตียงด้วยให้พวกผมฟัง”
     เวรเอ้ย! เรื่องเหี้ยๆ นี่จำกันจังเลยนะพวกมึง!
     “แต่พอจีบติดแล้วผมไม่เคยนอกใจน้องเขาจริงๆ นี่หว่า”
     “ไม่นอกใจเลยคุณ แล้วไอ้ที่พาหมอไปนวดกระปู๋บ่อยๆ นี่ก็เรียกว่าไม่นอกกายเพราะคุณยังไม่ได้เอาของตัวเองไปยัดใส่รูใครใช่มั้ยวะ?”
     ผมเลี่ยงการตอบคำถามโดยการยกเบียร์ในแก้วขึ้นจิบ ทำไมผมต้องมาโดนไอ้พวกนี้ซักฟอกด้วยวะ!
     เรื่องที่จะให้ผมซื่อสัตย์ขนาดนั้นใช่ว่าผมทำไม่ได้ ผมเองก็ตั้งใจจะหยุดทุกอย่างหลังแต่งงานนะครับ แต่บังเอิญว่าผมกับฟ่างไปกันไม่รอดซะก่อนก็เท่านั้นเอง บางทีมันก็มีเรื่องงานมาเกี่ยวด้วยนี่หว่าจะให้ผมทำยังไง!
     “ตลอดเวลาหลายปีที่คุณคบกับผู้หญิงที่คุณอยากได้ทำแม่ของลูกคุณไม่ได้ลดความเหี้ยลงเลยแม้แต่น้อยคุณชัช ถึงพวกเราจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่ชื่อเสียงคุณก็กระฉ่อนนะครับ คุณมันผู้ชายรักสนุกที่สาวๆ เขาอยากปราบ เรื่องไปลงอ่าง พวกผมก็เข้าใจว่ามันเป็นวิธีการทำงานของคุณ รู้ว่าเรื่องแบบนี้ถ้าลูกค้าต้องการคุณก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เวลาที่พวกผมได้ยินเรื่องของคุณทีไรพวกผมได้แต่เสียดายที่เกียตินิยมอันดับหนึ่งดันกลายไปเป็นผู้แทนเหี้ยๆ มันน่าทุเรศว่ะ เกียรติและจรรยาบรรณของเภสัชกรไม่ได้มีไว้เพื่อยอดขาย!”
     แล้วทำไมมึงต้องเนียนด่ากูด้วยวะพงศ์!
     ผมเถียงอะไรไม่ออก ใช่ว่าผมหาข้อโต้แย้งไม่ได้ แต่เป็นเพราะผมขี้เกียจพูดมากกว่า อาชีพอย่างผมไม่ได้นั่งสบายมีเงินเดือนทำงานไปวันๆ นี่หว่า รายได้ขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้าไม่กระเสือกกระสนแล้วจะเอาที่ไหนกิน คนทางบ้านผมอีก ครอบครัวผมไม่ใช่คนมีฐานะ ผมผิดเหรอที่อยากปลูกบ้านใหม่ให้แม่ ช่วยออกเงินซื้อที่นาให้พี่สาวกับพี่เขย ทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระพี่ชายที่ต้องหาเงินมาหมุนในอู่ ผมยินดีรับภาระของพี่น้องคนอื่นๆ มาใส่บ่าตัวเอง ผมไม่เถียงหรอกว่าผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อเงิน ตอนที่ยังกระเสือกกระสนอยู่ใครจะไปมีอารมณ์เสียสละต่อสังคมวะ!
     “คุณยิ้มแบบนี้อีกแล้วคุณชัช จะไม่เถียงพวกผมหน่อยเหรอ?”
     “เหอะ ผมขี้เกียจ”
     ผมสั่นศีรษะปฏิเสธ ให้เถียงกับไอ้พงศ์เนี่ยนะ? มันด่าผมมาตั้งแต่ผมเลือกไม่ใช้ทุนหันไปสมัครงานเป็นผู้แทนแล้วครับ ขี้เกียจพูด
     “คุณก็เป็นซะอย่างนี้ เฮ้อ...”
     ไอ้พันเหล่มองผมแล้วถอนหายใจ ผมเลยจัดให้มันหนึ่งดอกเพื่อเอาใจ มีแต่มันที่กลับไปทำร้านต่อจากพ่อแม่และผมที่เป็นเซลล์ นอกนั้นอีกสามคนที่เหลือทั้งไอ้ยุทธ ไอ้กล้าและไอ้พัน ทุกคนได้บรรจุมีเงินเดือนหมด
     “ที่พวกคุณด่าผมมาก็ถูกต้องแล้วนี่ ผมไม่รู้จะเถียงอะไร”
     “คุณเปลี่ยนไปมากนะชัช”
     ผมหันไปมองมันอย่างจริงจัง
     “ยังไง?”
     ผมว่ามันมากกว่าที่เปลี่ยนไป นอกจากจะไปดัดฟันจนเลิกเหยินยังตัดผมสั้นเป็นทรงใส่แว่นดูดีมีสง่าราศีขึ้นเป็นกอง ดูหล่อขึ้นจมเลยครับ หึๆ สมเป็นคนกำลังจะมีเมีย
     “คุณดูนิ่งขึ้นนะคุณชัช ไม่เหมือนไอ้หมาบ้าคนเก่า”
     “โตๆ กันแล้วก็ต้องสงบขึ้นบ้าง”
     ผมเฉไฉไปงั้น นี่พวกมันคิดกับผมแบบนั้นจริงๆ เหรอวะ?
     “บอกตามตรง ถ้าไม่ได้คบกันมานาน เห็นนิสัยใจคอกันลึกซึ้ง รู้ว่าคุณเป็นคนที่รักเพื่อนขนาดไหน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณช่วยผมเอาไว้มาก ผมแทบอยากเลิกรู้จักคุณเลยว่ะ กับคนอื่นโคตรเหี้ย!”
     “เฮ้ยๆ คุณก็พูดเกินไปแล้วคุณพงศ์ ไม่ถึงขนาดนั้น”
     ผมไม่ได้มาให้มันด่าผมนะครับ ไอ้ห่าพงศ์เอ้ย!
     “จะคุยเรื่องงานแต่งพันไม่ใช่เหรอวะ พวกคุณนี่ กัดกันไม่เลิกเว้ย!”
     ไอ้ยุทธเบรคสงครามน้ำลายระหว่างผมกับไอ้พงศ์ ส่วนไอ้พันก็เสือกไม่เลิก
     “งานแต่งผมก็ส่วนนึง แต่ผมอยากรู้เรื่องแฟนใหม่คุณมากกว่า”
     เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพวกมึงถึงแห่กันมาแดกร้านแถวคอนโดกูเนี่ย! บอกว่าจองโต๊ะไว้แล้วชวนผมกับต้นออกมากินข้าว แถมยังจงใจโทรชวนผมออกมาแบบกระทันหันอีก นี่ดีนะครับต้นมันออกไปหาเมษแต่เช้าแล้วเหลือแต่ผมเฝ้าห้อง
     “เมียใช่มั้ยวะคุณชัช?”
     ปากเหรอวะนั่น! ไอ้หมากล้า!
     ถ้าผมเป็นไอ้หมาบ้าขี้โมโหอาละวาดไม่เลือก ไอ้กล้าก็เป็นมนุษย์ปากหมาแหละครับ ไหนจะยังไอ้พงศ์ปากเปราะชอบเห่า แม่งกัดผมไม่ปล่อย! ไม่รู้จะแค้นเคืองอะไรผมนักหนาที่ผมเลือกเป็นผู้แทนฯ
     “เออ!”
     “งั้นข่าวที่เขาพูดกันว่าแฟนใหม่คุณเป็น...”
     “พวกคุณรู้แค่ว่าน้องเขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงก็พอ แค่นี้แหละ”
     ผมตอบไปแบบนั้น ใช้ท่าทางการปฏิเสธตัดบทให้พวกมันรู้ว่าผมไม่อยากเล่าอะไร แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าต้นมันเหมือนผู้ชายปกติซะที่ไหน เมียผมโคตรสับสนตัวเองเลย แต่เอาวะ ไอ้ต้นบอกว่าตัวมันปกติ ผมก็ว่าตามมัน
     “โว้วๆ คุณชัชของพวกเราเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ว่ะ เป็นเมื่อก่อนคุณนินทาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บอกผมครบทุกท่า!”
     “เฉพาะผมที่ไหนคุณกล้า คุณเล่าเรื่องน้องแก้มให้ผมฟังบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ แต่พอแต่งงานกับน้องเอินคุณก็ไม่เคยนินทาเมียตัวเองเหมือนกัน”
     “ฮ่าๆ”
     “รักมากดิวะคนนี้?”
     ผมนั่งนิ่ง รู้ดีว่าถ้าไม่ตอบอะไรออกไปให้พวกมันหายสงสัยพวกมันคงซักผมไม่เลิก เฮ้อ... ผมจะพยายามพูดเท่าที่มันจะเซฟที่สุดก็แล้วกันครับ
     “เออ รักมาก”
     “เจอกันได้ไงวะ ได้ข่าวน้องเขายังเด็กมากไม่ใช่เหรอ?”
     “น้องเขาอยู่ห้องข้างๆ เจอกันบ่อยๆ ใกล้ชิดกันก็รักเป็นธรรมดา เลยย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
     “คุณตอแหลคุณชัช คุณข่มขืนน้องเขา พาเด็กไปรถคว่ำเกือบตาย อย่าคิดว่าวงการนี้มันกว้างสิวะ”
     เหี้ย! มันรู้ได้ไงวะ!
     แต่ในระหว่างที่ผมกำลังตกใจ ไอ้พงศ์มันก็พูดต่อ
     “เด็กคนนั้นเป็นหลานชายคนเดียวของเจ้าสัวชื่อดัง แต่คุณกลับดึงเด็กมาอยู่กับคุณ ผมโคตรสงสัยเลยว่าทำ-”
     “ผมไม่ได้หน้าเงินขนาดนั้นว่ะพงศ์!”
     ถึงยังไงผมก็มีศักดิ์ศรีนะครับ ผมไม่ใช่แมงดาเกาะไอ้ต้นกิน!
     “เฮ้ยๆ พวกคุณ ใจเย็นกันหน่อย ผมยังอยากได้เพื่อนเจ้าบ่าวสี่คนอยู่นะครับ”
     ไอ้พงศ์มันยักไหล่กวนตีนใส่ผม! ผมอยากรู้จริงๆ ว่ามันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ถึงเรื่องที่ผมกับต้นรถคว่ำจะมีคนอื่นรู้ก็เถอะ แต่เรื่องที่ว่ามีร่องรอยบาดแผลอย่างอื่นบนตัวต้นตอนที่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลน่ะมันไม่น่าจะมีใครรู้ แล้วยิ่งเรื่องครอบครัวไอ้ต้น เรื่องนี้คนนอกไม่มีทางรู้เด็ดขาดครับ
     “อย่าคิดว่าเรื่องที่ตัวเองทำจะไม่มีใครรู้สิครับ พอดีพยาบาลแถวนั้นเป็นคนรู้จักเมียผม ตอนที่ได้ยินผมยังแปลกใจ แต่เห็นคุณตอนนี้ผมชักเชื่อคุณว่ะ ผมถึงได้สงสัยไง เพราะอะไรเด็กคนนั้นถึงทำให้คุณเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ผมรู้ว่าคุณไม่เกาะใครกินหรอก คุณใจกว้างกับคนอื่นจะตาย เพย์ไม่อั้น สาวๆ ถึงได้โคตรปลื้มคุณ แต่นี่มันผู้ชายนะคุณชัช รักกับผู้ชายด้วยกัน ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอนาคตตรงไหน ไม่มีทางยืนยาวหรอก”
     มีหลายสิ่งที่ผมอยากพูด ไอ้พงศ์กับผมต่างกันมากทั้งนิสัยและพื้นฐานทางครอบครัว ตอนรวมกลุ่มกันใหม่ๆ ผมสนิทกับไอ้กล้า ไอ้กล้ากับไอ้ยุทธและไอ้พันรู้จักกันเป็นแก๊งอยู่แล้ว ส่วนไอ้พงศ์มันก็เป็นบัดดี้กับไอ้ยุทธ พวกเราห้าคนเลยกลายเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่ผมกับไอ้พงศ์นี่แทบจะฟาดปากกันบ่อยๆ ตั้งแต่ปีหนึ่ง ไอ้นี่มันเด็ก ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคนเดียว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ผมก็ยอมๆ มันนะ แต่บางทีก็เหลืออดครับ มันชอบยัยเยียดมุมมองของตัวเองให้คนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ยุทธที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามากๆ คอยดึงมันไว้บ้าง ผมคงรำคาญมันมากกว่านี้เยอะ
     ยิ่งมองหน้ามันก็ยิ่งเซ็ง ในดวงตาของมันไม่มีคำว่า“อะไรควรอะไรไม่ควร”อยู่เลยแม้แต่น้อย ทำอย่างกับผมเป็นนักโทษทำผิดมหันต์งั้นแหละ ทั้งๆ ที่นี่มันเป็นชีวิตผม!
     แม่ผมไม่ใช่ข้าราชการที่จะมีบำนาญกินเหมือนพ่อแม่มัน บ้านผมไม่ใช่ผู้ดีเก่า แล้วผมก็ไม่ใช่ลูกคนเดียว ยังมีพี่มีหลาน ถึงทุกวันนี้แม่ผมจะมีบ้านหลังใหม่อยู่แทนบ้านไม้สองชั้นเสาปูนใต้ถุนสูงที่ผมเคยอยู่ตอนเด็กๆ แต่ก็ยังต้องกินต้องใช้ เงินเดือนน้อยนิดของพี่สาวผมไม่พอเลี้ยงคนสี่ชีวิตหรอกครับ บ้านผมไม่ได้มีสมบัติเก่าอะไรให้ผมเอาไว้ไปหมั้นสาว แหวนทองที่พ่อซื้อให้แม่ก็เสร็จพี่ผมเอาไปขอเมียมาแต่งแล้ว สร้อยทองเส้นโตที่แม่ผมใส่อยู่นั่นก็เงินผมด้วยซ้ำ! ผมไม่ได้โชคดีเหมือนมันที่ได้แต่งงานกับคนรักที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม มีลูกให้ปู่ย่าได้ชื่นใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเทอม ไม่ต้องห่วงเรื่องเรือนหอที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่งั้นคิดว่าผมจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินซื้อคอนโดสองห้องนอนทำห่าอะไรถ้าผมไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับฟ่าง! ผมอุตส่าเตรียมซื้อบ้านเดี่ยวอีกหลังด้วยซ้ำเพราะผมอยากมีลูกใจจะขาด แต่สุดท้ายแล้วเป็นยังไงล่ะ มีใครแลผมมั้ย? หึๆ
     ถ้าผมยังเป็นลูกที่ดีทำให้แม่ผมสบายไม่ได้ ผมจะกล้าเป็นพ่อคนได้ยังไง เรื่องแบบนี้คนที่ไม่ต้องปากกัดตีนถีบอย่างมันจะรู้อะไร!
     “คุณมีลูกสาวสองคนใช่มั้ยพงศ์? ลูกสาวคนโตกี่ขวบแล้วนะ?”
     “คนโตหกขวบกว่าๆ คนเล็กสามขวบ ถามทำไมวะ?”
     “เป็นพ่อคนนี่เหนื่อยมั้ยวะ?”
     แต่ผมไม่รอให้มันตอบหรอก มันพูดไปเยอะแล้วครับ คืนนี้ถึงทีผมพูดบ้าง
     “เหนื่อยแต่คุณก็เต็มใจทำ เลี้ยงลูกจนเติบใหญ่เพื่อที่วันนึงลูกคุณก็ต้องแต่งงานไปกับคนอื่น วันนึงก็แยกบ้านไปเลี้ยงลูกของตัวเอง ไม่ดิลูกที่ดีไม่ทอดทิ้งพ่อแม่แก่ๆ ของตัวเองหรอก พ่อแม่คุณโชคดีที่มีหลานสาวตั้งสองคน ถึงผมกับแฟนจะแต่งงานมีลูกด้วยกันไม่ได้ แต่ผมโชคดีที่มีทั้งหลานชายกับหลานสาว แม่ผมเป็นทั้งย่าและยาย แกไม่เหงาหรอกคุณ แล้วที่ผมโชคดีสุดๆ คือแฟนผมเขาเข้ากันได้ดีมากๆ กับแม่ผม ไม่ต้องคอยปวดหัวเรื่องปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แบบแฟนคนก่อนๆ ผมมั่นใจว่าต่อให้ผมเป็นอะไรไปผมก็มีคนคอยดูแลแม่ผมแทนด้วยซ้ำ ลูกผมก็ไม่มีไม่มีอะไรให้กังวล ไม่ต้องห่วงอะไรอีก พวกคุณว่าอนาคตแบบนี้มันแย่มากเหรอวะ?”
     “นี่คุณเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?”
     ผมกำลังจะอ้าปากถามมันว่าไอ้เป็นไปได้ของมันที่ว่าคืออะไร แต่มือถือผมมันดังขึ้นซะก่อน ไอ้ต้นโทรมา ผมมองหน้าพวกมันที่กำลังมองผมแบบเหลือเชื่อ ผมเลยตัดสินใจคุยมันตรงนั้น ปล่อยให้พวกมันมองกันไป
     “ครับต้น?”
     “เอ่อ... ผมโทรมารบกวนพี่ชัชรึเปล่าครับ?”
     “ไม่เลยคร้าบที่รัก พี่คุยได้”
     ไอ้พวกนั้นมันทำหน้าประหลาดใส่ผมแว๊บนึง
     “อืม... คือ ... พี่ชัชเสร็จธุระแล้วยังครับ?”
     “ทำไมเหรอครับ? อยากให้พี่รีบกลับเหรอ?”
     ผมพูดพร้อมกับเหล่มองไอ้สี่ตัวที่เหลือ
     “เปล่าครับ! ผมแค่ถามดูเฉยๆ ผมไม่ได้ คือ... พอดีผมเสร็จธุระกับเมษแล้วน่ะครับ เลยลองโทรมาถามดูเฉยๆ”
     “นานๆ ทีจะได้เจอกันคงอีกซักพักอ่ะ ว่าแต่เราเถอะ กินอะไรรึยังครับ? มากินกับพี่มั้ย?”
     “เอ๋! อืม... ไม่ดีกว่าครับ พี่ชัชตามสบายเถอะครับ”
     “มาสิต้น จะได้มารู้จักเพื่อนพี่ด้วย”
     ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่พวกมันกลับมองหน้ากันเหมือนผมเพิ่งพูดเรื่องคอขาดบาดตายออกไป
     “นั่งแท็กซี่มาหาพี่ที่ร้านสิเดี๋ยวพี่รอ แป๊ะซะที่นี่อร่อยดีว่ะ อยากให้เรามาชิม ทีหลังจะได้จำไว้ทำให้พี่กิน พี่ชอบรสแบบนี้”
     “เอ่อ... เอางั้นก็ได้ครับ”
     น้ำเสียงไอ้ต้นดูลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจผม พอบอกทางมันเสร็จแล้วผมก็กดวางสาย ผมเหลือบไปมองไอ้พวกเวรนี่
     “ไร? พวกคุณอยากรู้จัก ผมก็จัดให้แล้วไง ทีตอนแรกคะยั้นคะยอให้ผมชวนน้องเขามาดีนัก อยากเจอไม่ใช่เหรอครับ? แต่บอกไว้ก่อนนะ พวกคุณจะคิดยังไงก็ช่างหัวพวกคุณ รู้ไว้ว่าผมรักน้องเขามากก็พอ”
     แล้วไอ้พงศ์มันก็เริ่มหัวเราะขึ้นเป็นคนแรกก่อนที่คนอื่นๆ ที่เหลือจะพากันประสานเสียง แล้วไอ้กล้าก็ปากหมาใส่ผมอีกครั้งก่อนจะหัวเราะต่อ
     “แบบนี้ค่อยสมเป็นไอ้เหี้ยชัชที่ผมรู้จักหน่อย ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฝูงหมาป่า

     “มองหน้าผมทำไมครับ”
     “มองให้แน่ใจว่าคุณใช่ชัยชัชเพื่อนผมจริงๆ รึเปล่า ฮ่าๆ”
     “เออๆ คุณจะด่าอะไรผมก็ด่ามาเหอะไอ้คุณพงศ์ แต่อย่าทำอะไรเมียผมเด็ดขาด”
     “หวงซะด้วย”
     “ผมไม่ได้หวง แต่เรื่องบางเรื่องคุณควรจะหุบปากไว้บ้าง ตำแหน่งคุณจะได้ไม่ย่ำอยู่กับที่”
     “อ้าวๆ ไอ้คุณชัช!”
     “เฮ้ยๆ พอๆ พวกคุณสองคนนี่ จริงๆ เชียว”
     “... เออ! ผมไม่ปฏิเสธหรอกผมปล้ำน้องเขาเองแหละ ... ทะเลาะกันนิดหน่อย น้องเขาเลยหนีผมไป ใครจะไปคิดวะว่ารถคว่ำ แม่งเสือกมีมอร์เตอร์ไซต์ผ่าไฟแดงมา ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นนี่หว่า”
     “สม! ผมเคยเตือนคุณแล้วเรื่องอารมณ์คุณน่ะ แล้วไงวะ? เลิกขาดเลยดิ?”
     “อย่าสอดสิวะไอ้คุณกล้า! ผมยังพูดไม่จบเลย กำลังจะด่าไอ้พงศ์มันอยู่!”
     “อ้าวๆ ยังไม่จบอีก คุณ”
     “ไม่จบเว้ย! เรื่องนี้ผมต้องคุยกับคุณให้รู้เรื่อง เรื่องผมกับน้องเขาอ่ะผมยอมรับผิดทุกอย่าง คุณจะด่าผมยังไงก็ได้ แต่เรื่องครอบครัวน้องเขาอ่ะคุณห้ามเอาไปพูดซี้ซั้วเว่ย!”
     “ผมพูดอะไรซี้ซั้ว?”
     “ผมถามคุณหน่อย คุณรู้ได้ไงว่าน้องเขาเป็นหลานเจ้าสัว? น้องเขาอยู่กับแม่สองคนมาทั้งชีวิตจนมาเจอผมนี่แหละ!”
     “มันมีลับลมคมในอะไรเหรอคุณชัช?”
     “เฮ้ยนี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะเว้ย! นี่มันเรื่องละเอียดอ่อนของเมียผม คนนอกไม่ควรเสือก! เข้าใจตรงกันนะคร้าบ”
     “เออๆ ผมก็แค่ได้ยินเขาเล่าว่ามีอากงแก่ๆ มาเยี่ยมแฟนคุณ ท่าทางรวย แถมเด็กคุณนอนห้องพิเศษจ้างพยาบาลพิเศษเต็มที่ ผมก็คิดว่าคุณคงโชคดีได้แฟนเด็กแถมยังรวย”
     “คนพวกนั้นจ่ายที่ไหนล่ะ นั่นมันเงินผมกับประกัน! ผมให้เพื่อนที่เป็นทนายฟ้องคู่กรณีแทบตายกว่าจะได้ค่าทำขวัญมา รถตัวเองก็เสีย เมียก็เจ็บ ... แม่น้องเขาไม่ตบผมก็บุญเท่าไหร่แล้ว พี่เขาเป็นแอร์ก็ต้องลามาเฝ้าลูก งานก็ไม่ได้ทำทั้งๆ ที่ต้องหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเงินช่วยส่วนนึงจากประกันชีวิตที่พี่เขาทำไว้ให้ลูกนะ ผมเองยังไม่รู้จะหมุนเงินจากไหนมาจ่ายเลย”
     “อ้าว แล้ว?”
     “นี่แหละๆ ผมถึงได้บอกคุณว่าอย่าซี้ซั้วพูดไป เข้าใจตรงกันนะครับเมียผมใช้นามสกุลแม่ พี่น้ำแกฝากลูกไว้กับผม โชคดีเมียผมได้ทุนเลยไม่ต้องลำบากเรื่องค่าเล่าเรียน แค่แฟนคนเดียวผมเลี้ยงได้ ที่ขยันทำงานทุกวันนี้ก็เพื่อเมียคร้าบ พวกคุณรู้กันแค่นี้ก็พอ ที่เหลือมันเรื่องส่วนตัวของแฟนผมเขา พวกคุณไม่รู้ก็อย่าเอาไปพูด เพราะคนที่เสียมันไม่ใช่ผมแต่เป็นแฟนผม ถ้าจะด่าอะไรผมก็มาด่าผมตรงๆ นี่มา”
     “ปัญหาครอบครัวว่างั้น?”
     “เออ! น้องเขาเลือกอยู่กับผมไม่ตามแม่ไปอยู่เมืองนอกครับ พี่เขาอุตส่าไว้ใจผมให้ดูแลลูกเขาผมก็ต้องรับผิดชอบน้องเขาเต็มที่ ผมเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เลี้ยงลูกคนเดียวว่ะ”
     “ตกลงคุณจีบแม่หรือจีบลูกวะ?”
     “หึๆ ไอ้ตอนแรกก็อยากได้คนแม่ว่ะ แต่ไปๆ มาๆ คนที่เข้าตาผมคือคนลูก ผมก็เลยเลยตามเลย แต่พวกคุณคิดดูสิน้องเขาให้อภัยผมทั้งๆ ที่ผมทำกับน้องเขาขนาดนั้น แม่งใจเด็ดจริงๆ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย เป็นคนอื่นผมโดนลากคอเข้าคุกไปแล้ว น้องเขายอมผมทนผมถึงขั้นนี้เลยนะ ผมไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อนเลย”
     “เพราะแบบนี้คุณเลยไม่กล้าหือว่างั้น?”
     “เออดิ น้องเขาดีกับผมขนาดนั้นผมทำร้ายเขาไม่ลงว่ะ ผมเกือบทำให้เด็กคนนึงต้องตายเลยนะคุณ ต่อให้ผมไม่พาน้องเขาไปรถคว่ำไอ้ที่ผมทำกับน้องเขาก็ยับเยินสุดๆ อ่ะรู้สึกตัวเองชั่วมาก ผมยังรู้สึกผิดไม่หายเลย ผมไม่เคยรุนแรงกับผู้หญิงคนไหนแบบนั้นมาก่อนเลยนะ แต่วันนั้นที่ผมทะเลาะกับน้องเขาผมโคตรโมโหอ่ะ พอรู้ตัวอีกทีผมเจ็บกว่าเดิมอีกผมทำร้ายน้องเขาเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง แล้วน้องเขาไม่เหมือนใครที่ผมเคยเจอเลยนะ เขาไม่เรียกร้องอะไรจากผมเลย ไม่โวยวาย แค่หนีผมไปดื้อๆ เขาโกรธผมจนหน้าผมยังไม่อยากจะมองทำอย่างกับผมไม่มีตัวตน ผมโดนผู้หญิงทิ้งมาก็เยอะแต่ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดในใจว่าผมจะไม่ยอมเลิกกับน้องเขาเด็ดขาด มันเหมือนมีอะไรบางอย่างบอกผมว่าห้ามปล่อยน้องเขาไป”
     “คุณทำกับน้องเขาแบบนั้น แม่น้องเขายังไฟเขียวยอมให้น้องเขาคบกับคุณอีกเหรอวะ?”
     “ก็เกือบแหละ ตอนที่ผมต้องโทรไปบอกพี่เขาว่าผมทำอะไรกับลูกเขาไว้บ้างนะ ผมคิดในใจว่าไม่แคล้วคงโดนแล้ว แต่พี่เขาฟังแล้วก็เล่าเรื่องตัวเองกับลูกให้ผมฟัง ไม่ด่าผมซักคำ แต่ผมฟังแล้วโคตรรู้สึกผิดเลยครับ พี่เขาลำบากลำบนเพื่อลูกเขา เลี้ยงลูกเขามาอย่างเหนื่อยยาก แต่ผมกลับทำให้ลูกเขาเกือบตาย! แถมยังทำระยำไว้อีก ตั้งแต่นั้นมาผมเลิกทุกอย่างเลยคุณ ตั้งใจว่าขอลูกเขามาทำเมียแล้วก็จะดูแลให้ดีที่สุด”
     “มิน่า พักหลังถึงไม่ได้ข่าวคาวคุณเลย ฮ่าๆ”
     “โอยจะไปได้ได้ไง๊! พวกคุณไม่รู้อะไร ต้นมันดูแลผมทุกอย่างเลยคร้าบ ซักเสื้อผ้าเก็บกวาดบ้านทำทุกอย่างให้ผมด้วยตัวเองหมด! ขืนผมกลับบ้านแล้วมีอะไรแปลกๆ สิคุณ บ้านแตกตายอ่ะ”
     “เหมือนเมียผมเลยว่ะ เช็คมือถือผมตลอด คุยอะไรกับผู้หญิงไม่ได้เลย ระแวงไปหมด! ขนาดวันก่อนน้องเขาทักมาในเฟสฯ เมียผมซักทันทีว่าใคร มีการไปแอดเฟสฯ น้องเขาไว้ดูด้วยนะ ทำอย่างกับผมจะมีชู้!”
     “เอ้ยๆ แต่ของผมไม่มีแบบนั้นนะ ต้นมันไม่ก้าวก่ายเรื่องงานผม แต่ถ้ามันรู้ว่าผมต้องพาลูกค้าไปเอนเตอร์เทนเหรอ โน่น มานั่งรอผมทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอน แล้วก็ทำหน้าเศร้าๆ ถามผมว่าทำไมต้องไปที่แบบนั้น เอนเตอร์เทนอย่างอื่นไม่ได้เหรอ? บอกว่ามันเป็นห่วงผมบ้างล่ะ ผมงี้ไม่อยากออกไปทำงานเลยคุณ”
     “ห่วงเมีย?”
     “เออสิครับ”
     “ฮ่าๆ”
     “ฟังแล้วท่าทางคุณโคตรมีความสุขกับชีวิตเลยนี่หว่า”
     “อ่ะแน่นอน”
     “รักน้องเขามาก?”
     “เออ คนนี้สุดๆ อ่ะ ผมไม่เคยอยู่กับใครแล้วมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย”
     “คุณก็พูดแบบนี้ทุกที”
     “แต่คนก่อนๆ ก็ไม่สุขเท่านี้ไงคุณ แล้วเขาก็ทิ้งผมไปหมดแล้วด้วย เหลือแต่ต้นนี่แหละยังทนผมได้”
     “ประเด็นคุณคือตรงนี้มากกว่าว่ะ ฮ่าๆ”
     “เออสิวะ!”
     “คุณนี่มันจริงๆ เลยคุณชัช ทีตอนนั้นมีคนดีๆ มาชอบคุณก็ไม่เอา”
     “ก็ตอนนั้นยังหนุ่มยังแน่นผมก็ขอซ่าหน่อยล่ะ แต่ตอนนี้แก่ว่ะ รู้ตัวอีกทีมันไม่ไหว อยากลงหลักปักฐานกับเขาบ้าง เหนื่อยแล้ว”
     “ลงกับใครไม่ลง ลงกับผู้ชายนะคุณ”
     “ทำไงได้วะ น้องเขาบอกไม่ได้เป็นกระเทย ไม่อยากไปแปลงเพศ ไอ้ผมมันก็ชิวๆ ละ เลยๆ ตามเลยครับ”
     “อยากเห็นหน้าคนที่สยบคุณได้จริงๆ”
     “เมียผมน่ารักนะบอกไว้ก่อน เรียบร้อยด้วย ดูเผินๆ ไม่รู้หรอก ไม่ใช่แนวแอ๊บๆ อะไรพวกนั้นแน่นอน แต่เวลาอยู่กับมันนะ ผมไม่รู้สึกว่าต่างอะไรกับเวลาอยู่กับผู้หญิงเลย”
     “ทำไมวะ? เรียบร้อยจัด?”
     “เปล่า! โคตรขี้บ่น”
     “ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชครับผมบอกกี่ครั้งแล้ว เสื้อผ้าต้องโยนให้ลงตะกร้า อย่าทำเลอะ บลาๆ แม่งบ่นผมทุกวันอ่ะ แต่บ่นไปมือมันก็เก็บไปนะ บ้านช่องเป็นระเบียบ ไม่สุรุ่ยสุร่าย เก่งงานครัว แม่ผมโคตรปลื้ม ต่างกับตอนคบกับฟ่างลิบลับ!”
     “ถูกใจแม่คุณเลยสิ”
     “เออ แม่แกบ่นเสียดายที่เป็นผู้ชาย นอกนั้นนะ มันเข้ากับคนในบ้านผมได้ทุกคน โคตรตอแหลอ่ะ”
     “อ้าว? ไหนบอกเรียบร้อยไงครับ?”
     “ไอ้เรียบร้อยน่ะมันเรียบร้อยคร้าบ แต่เมียผมปากจัดสุดๆ อ่ะ เข้าทางแม่ผมโคตรๆ เวลามันโมโหแล้วด่าผมนะ หืม ซิบๆ อ่ะ”
     “สรุปว่าผ่านทุกด่าน?”
     “คร้าบผม เจอคนดีๆ แบบนี้ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ยิ่งคนดีๆ ที่เข้ากับแม่ผมได้เนี่ย ฮ่าๆ”
     “ความดีอย่างเดียวเอาคุณไม่อยู่หรอก”
     “ฮ่าๆ นั่นมันขึ้นกับผมคร้าบ เซียนอยู่นี่เทรนเองกับมือ จากไม่เป็นผมเทรนจนคล่องแล้วครับ ฮ่าๆ”
     “คุณนี่มัน ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     ตอนที่ผมมาถึงร้านผมไม่ได้โทรหาพี่ชัช ผมตัดสินใจว่าจะลองเดินหาโต๊ะเองก่อนถ้าไม่เจอค่อยโทร แต่โต๊ะของพี่ชัชกับเพื่อนหาไม่ยากเลยครับ คุณลุงขี้เมาที่ส่งเสียงดังทั้งห้าคนกับทาวเวอร์เบียร์เกือบครึ่งโหล เฮ้อ... ผมว่าบางทีวันนี้ผมอาจจะต้องเป็นคนขับรถพาพี่ชัชกลับก็ได้ครับ หรือไม่คิดอีกที พี่ชัชโทรตามผมเพราะเหตุนี้หรือเปล่า? ผมถอนหายใจให้กับตัวเองเงียบๆ แล้วเดินเข้าไป แต่พี่ชัชหันมาเห็นผมพอดีเลยยกมือขึ้นเรียกผม
     “ทางนี้ ต้น”
     ทันใดนั้นสายตาของทุกคนในโต๊ะก็หันมามองผมอย่างพร้อมเพรียง! ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วยนะ ผมเกิดอาการประหม่าจนอยากกลับคอนโดชะมัดเลยครับ! ไม่ชอบแบบนี้เลย
     “เอ่อ... สวัสดีครับ”
     ยังไงก็ตามยกมือไหว้ไว้ก่อนดีที่สุดครับ กับผู้ใหญ่ในสังคมไทยยกมือไหว้ไว้ก่อนจะได้ดูนอบน้อม ถ้าเขาเอ็นดูแล้วที่เหลือค่อยว่ากัน
     “มาๆ มานั่งข้างๆ พี่”
     พี่ชัชตบลงข้างๆ ตัวแล้วหันไปโบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟ
     “น้องๆ เอาเมนูให้พี่หน่อย ละขอจานชุดนึง เอ้า! นั่งสิต้น”
     “เอ่อ ครับ”
     บอกตามตรงผมทำตัวไม่ถูกนี่ครับ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ ไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้เลย ผู้ชายที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของพี่ชัชเขยิบที่ให้ผมแล้วสะกิดพี่ชัชให้ขยับตาม ผมก็เลยเดินอ้อมไปอีกด้านแล้วนั่งลงตรงฝั่งขวาของพี่ชัช
     “รับอะไรครับพี่?”
     “ขอน้ำเปล่าสองขวดแล้วก็เอาน้ำแข็งเพิ่มด้วย ต้นอยากกินอะไรมั้ยครับ?”
     ผมมองซากอาหารบนโต๊ะที่ยังเหลือประปรายจานละนิดจานละหน่อย มันก็ยังมีหลายจานอยู่นะครับ เมี่ยงปลาเผานั่นเหลืออีกตั้งครึ่งตัว! ไอ้พวกกินทิ้งกินขว้างเอ้ย!
     “ไม่ดีกว่าครับ ตามใจพี่ชัชเถอะ”
     “งั้นพวกคุณเอาไรเพิ่มมั้ย?”
     “ผมเอาหมูมะนาว”
     “ผมขอทอดมันกุ้ง”
     ยังจะสั่งเพิ่มอีกเหรอครับนั่น! เพื่อนพี่ชัชสั่งอาหารเพิ่มพลางตักของเหลือในจานตรงหน้าไปจัดการในจานของตัว เอง เอ่อ... ผมนึกว่าเขาอิ่มกันแล้วซะอีก ยังไม่อิ่มกันเหรอครับนั่น แล้วพี่ชัชก็ปิดเมนูก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับเด็กเสิร์ฟครับ
     “พี่ขอหมูมะนาว ทอดมันกุ้ง แกงเขียวหวานเนื้อ แล้วก็แป๊ะซะอีกที่ครับ ขอข้าวเปล่าจานด้วย”
     พอพี่ชัชจัดการเรื่องอาหารเสร็จเขาก็หันมายิ้มให้ผม พี่เขาเลื่อนมือมากุมมือผมที่วางอยู่บนตักด้วยครับ พอผมหันไปมองพี่ชัชพี่เขาก็บีบมือผมเบาๆ ก่อนจะคลายออกแล้วปล่อย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าพี่ชัชพยายามให้กำลังใจผม
     “ต้น พวกนี้เป็นเพื่อนพี่สมัยเรียน คนที่นั่งข้างๆ พี่ชื่อพี่กล้า ส่วนคนนั้นชื่อพี่พงศ์ พี่ยุทธ แล้วก็พี่พัน”
     ผมยกมือไหว้พี่ๆ เขาทีละคนตามคำบอกของพี่ชัชอีกครั้ง คือ... พี่ๆ เขาก็ดูยิ้มๆ กันนะครับ แต่... ผมรู้สึกแปลกๆ กับแววตาของพวกพี่เขาจังเลย
     “เอ้า! แนะนำตัวหน่อยเรา”
     คนเป็นเพราะผมมัวแต่อ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก พี่ชัชเลยสะกิดผม ... ก็ผมไม่ชินนี่ครับ
     “เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อต้นน้ำครับ”
     “นี่คุณบังคับขู่เข็นน้องเขามารึเปล่าเนี่ยคุณชัช ฮ่าๆ”
     “ผมบังคับที่ไหน ก็พวกคุณนั่นแหละ หึๆ”
     อื้อ! พี่ชัชนะพี่ชัชมาขยี้หัวผมแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง
     “นี่ต้น แฟนผม คบกันได้สองปีแล้ว คงไม่เปิดตัวช้าไปนะคร้าบ”
     คนอื่นๆ พากันหัวเราะ แต่ผมหัวเราะไม่ออกนะครับ
     “นี่คุณไปหลอกน้องเขามาได้ยังไงเนี่ย”
     “หลอกเด็กชัดๆ ปล่อยน้องเขาไปเถ้อ จะได้ไปเจออนาคตที่สดใสปราศจากคุณ”
     “เด็กที่ไหน แฟนผมอายุเกินยี่สิบแล้วนะคร้าบ เพิ่งเกินมาหมาดๆ เดือนก่อน ฮ่าๆ”
     “พรากผู้เยาว์นี่กว่าคุณ ฮ่าๆ”
     “ฮ่าๆ”
     พี่ๆ เขาแซวพี่ชัชแต่พี่ชัชกลับยิ้มรับคำแซวพวกนั้นด้วยท่าทีสบายๆ แล้วหันมาขยิบตาให้ผม
     “บังเอิญผู้เยาว์คนนี้น่ารักจนผมอดใจไม่อยู่ว่ะครับ”
     พี่ชัช! พูดแบบนี้ได้ยังไงครับ!
     “ดูๆ น้องเขาเหวอเลยคุณ สันดานคุณนี่จริงๆ เล้ย”
     ผมอายคนอื่นเขานะครับ ถึงพี่ชัชไม่อายแต่ผมอาย! ผมทำอะไรไม่ถูกก็เลยหยิบน้ำในแก้วขึ้นดื่ม
     “ใครเทเบียร์ให้น้องเขาดื่มเปล่าวะ? เมาเบียร์หน้าแดงหมดแล้วนั่น”
     โอ๊ย! เพื่อนพี่ชัชแต่ละคน ผมเขินจนไม่อยากจะละสายตาไปจากจานเปล่าตรงหน้าเลยครับ
     “เฮ้ย! รังแกเด็กแบบนี้ไม่อายมั่งเหรอ แต่ละคนลูกโตกันหมดแล้วยังทำตัวปากหมาอีก เมียผมๆ รังแกได้คนเดียวพอ”
     ผมหันขวับไปมองหน้าตัวต้นเหตุ พี่ชัชนั่นแหละตัวดีเลยครับ แถมยังมีการมาโอบผมอีก พี่ชัชบ้าที่สุด! ผมอดไม่ได้เลยเผลอต่อยพี่เขาไปเบาๆ พี่เขารับหมัดผมด้วยท่าทางสบายๆ แล้วหัวเราะ
     “โหดแบบนี้นี่เองถึงคุมคุณอยู่หมัด”
     “อยู่บ้านผมโดนเมียกดขี่ประจำแหละ”
     ยังมีหน้ามายักคิ้วอีกนะครับ!
     “พี่ชัช เมาแล้วพูดมากนะครับ”
     “ฮ่าๆ”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ทั้งเขินทั้งโมโห ผมเลยแกล้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็แอบโทรศัพท์หาเมษ
     “ว่าไงย้า?”
     “ไม่ไหวแล้วอ่ะเมษ”
     “ทำไมยะ?”
     “มีแต่พวกขี้เมาอ่ะ แต่ละคนงี้ปากพอๆ กับพี่ชัชเลย”   
     “เอ้า! ก็ถูกแล้ว คนเราถ้านิสัยไม่เหมือนกันจะคบกันได้ยังไงยะ”
     “แต่ไม่ไหวอ่ะ เรา... เราโดนแซวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว เราเลยหนีมาเข้าห้องน้ำเนี่ย”
     “แกก็ทำตัวปกตินั่นแหละ เป็นตัวของตัวเองไปสิยะ”
     “บ้า! ขืนเราทำแบบนั้น โอ๊ย! เรากลัวถูกคนอื่นมองว่าก้าวร้าวนี่ ไม่รู้คนอื่นเขาจะคิดยังไง เราไม่กล้าหรอก”
     “สมน้ำหน้า คิดซะว่ากรรมตามสนองแล้วกันย่ะแก ทีเวลาแกไปกัดคนอื่นละยะ โฮะๆ”
     “มันไม่ใช่แบบนั้น โอ๊ย! เราไม่รู้จะวางตัวยังไงนี่เมษ เรากลัวทำตัวไม่ดีแล้ว... แล้วพี่ชัชจะ... เราไม่อยากเสียมารยาทกับเพื่อนพี่ชัชนี่”
     “โอ๊ย! นังนี่ โรควิตกจริตขึ้นสมองอีกแล้วนะแก ฉันทายได้เลยว่าผัวแกต้องเป็นหนึ่งในเสียงแซวพวกนั้น ใช่ม๊ะ? ขนาดผัวแกยังเฉยๆ ไม่คิดมากเลย แล้วแกจะคิดมากแทนผัวทำไมย๊ะ? ไม่คิดบ้างเหรอว่าที่เขาแซวก็เพราะต้องการพูดกับแก ลองคนอื่นๆ เขานิ่งเงียบทำเหมือนแกไม่มีตัวตนสิยะ อันไหนจะน่ากลัวกว่ากัน!”
     “นาย... นายคิดแบบนั้นเหรอ?”
     “ย่ะ! สูดหายใจลึกๆ แล้วตั้งสติ โอเค๊? กลับไปที่โต๊ะไปแล้วเชื่อคนสวยซะ แล้วก็แอ๊บเข้าไว้ ฉีกยิ้มเข้านะแก แล้วก็เงียบ คอยเออออนั่งหัวเราะตามคนอื่นๆ ก็พอ ทำอะไรไม่ถูกก็กินซะ ปากจะได้ไม่ว่าง ไม่เผลอหลุดอะไรบ้าๆ ออกไป โอเคป่ะ?”
     “โอเค เราจะพยายาม”
     “ย่ะ”
     “ขอบใจนะเมษ”
     “จ้า”
     ผมกดวางสายพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฮ้า! ผมพร้อมแล้วครับ

     โชคดีที่ตอนผมกลับมาถึงโต๊ะพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอื่น แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี ผมเลยแกล้งวุ่นกับการช่วยเด็กเสิร์ฟเคลียร์จานเก่าก่อนจะลำเลียงอาหารวางลงบนโต๊ะ แล้วหลังจากนั้นผมก็สนใจแต่อาหาร ผมตักแป๊ะซะใส่ถ้วยแบ่งให้พี่ๆ ในโต๊ะแล้วยุ่งกับการแกะก้างออกจากเนื้อปลาให้พี่ชัช เสร็จแล้วก็นั่งทานข้าวของตัวเองไป ส่วนพี่ๆ เขาก็คุยเรื่องงานแต่งงานครับ
     ดูเหมือนผู้ชายที่ชื่อพันกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวมั้งครับ ผมเห็นเขาคุยเรื่องพรีเวดดิ้ง แล้วก็บ่นเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน มีแอบนินทาว่าที่เจ้าสาวด้วยนิดหน่อย แบบนี้ไม่ดีเลยครับ แต่ละคนพูดถึงตอนงานแต่งของตัวเองกันใหญ่ ดูเหมือนทุกคนจะแต่งงานแล้วยกเว้นพี่ชัช...
     “เอ้า! ท่าทางแฟนคุณจะหิวมากนะนั่น ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวเลย”
     “แค่กๆ”
     ผมสำลักเลยครับ! อยู่ๆ ผู้ชายคนที่ชื่อพงศ์ก็มาแซวผม พี่ชัชลูบหลังพร้อมส่งทิชชู่ให้ ผมรับทิชชู่มาเช็ดปากตัวเองพลางคิดว่าจะด่ากลับไปยังไงดี
     “ข้าวอีกจานมั้ยน้อง? เห็นหิวจัดเอาแต่กินไม่พูดไม่จา”
     แล้วมันมีช่องให้ผมพูดตรงไหนกันครับ!
     “ดูๆ น้องเขาจะร้องไห้แล้วนั่น ตาแดงเชียว ฮ่าๆ”
     ผมจะไม่ร้องได้ยังไงครับก็ผมสำลักแป๊ะซะ ไอ้ลุงขี้เมาพวกนี้นี่!
     “พวกคุณก็ แกล้งเด็กอีกแล้วนะคร้าบ”
     แซวผมกันเข้าไป ผมหันไปสบตากับพี่ชัช แต่พี่ชัชกลับยักไหล่
     “ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรน่ะครับ”
     ผมตอบอย่างสุภาพโดยใช้น้ำเสียงนุ่มนวลแล้วยิ้มทั้งๆ ที่ในใจผมกำลังด่าเขาไฟแล่บ! พี่ชัชได้โอกาสเลยเสริมขึ้นทันที
     “แฟนผมบอกว่าคุณพูดมากจนคนอื่นพูดไม่ทันว่ะ ฮ่าๆ”
     ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! พี่ชัชนี่หาเรื่องให้ผมแล้ว ขอซักทีเหอะ!
     “โอ๊ยๆ กลัวแล้วคร้าบที่รัก! หึๆ”
     ผมแอบหยิกพี่ชัชเบาๆ แต่พี่ชัชกลับแกล้งร้องโอดโอยซะโอเวอร์ คนอื่นๆพากันหัวเราะผสมโรงด้วยซะงั้น!
     “พวกคุณก็ชวนน้องเขาคุยดีๆ สิครับ”
     ค่อยยังชั่วหน่อยที่ในกลุ่มยังมีคนดีๆ อยู่บ้าง ผมชอบพี่ยุทธที่สุดในกลุ่มเลยครับ
     “น้องอยู่มหาวิทยาลัยแล้วยังครับ?”
     “ครับ ปีสองแล้วครับ”
     “เหรอ แล้วเราเรียนอะไรล่ะ?”
     แล้วมันกงการอะไรของพวกคุณถึงต้องมาสัมภาษณ์ผมด้วยครับ!
     “ผมเรียนวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ที่จุฬาครับ”
     “อื้อหือ! เรียนรู้เรื่องด้วยเหรอน้อง สาขานี้พี่ได้ข่าวว่าคนไม่เต็มเท่านั้นนี่หว่าถึงจะเรียนได้ เข้าง่ายออกง่ายไทร์เพียบ ยังเหมือนเดิมอยู่ป่ะ?”
     ผมว่าถ้าจะมีใครไม่เต็มก็คุณนั่นแหละครับ!
     “ที่จุฬาเหรอ? งี้ก็เป็นรุ่นน้องพวกพี่ดิ”
     ผมจะทำอะไรได้นอกจากฉีกยิ้มครับ
     “ครับ”
     “เอ้าๆ ซักแก้วให้เกียรติพวกพี่หน่อย”
     แล้วพี่พงศ์เขาก็แกล้งเทเบียร์ใส่แก้วแล้วเอามาวางลงตรงหน้าผม! ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยากให้ผมดื่มหรอก ตอนที่ผมมาถึงเขายังรินน้ำเปล่าให้ผมด้วยซ้ำ พวกเขาแค่อยากแกล้งผม แค่อยากรู้ว่าผมจะหาทางออกยังไงก็เท่านั้นแหละ
     “เฮ้ยๆ แฟนผมไม่ดื่มครับ พอๆ พอเลยพวกคุณ”
     พี่ชัชสุดที่รักของผมรีบหยิบเบียร์แก้วนั้นคืนไปให้พี่พงศ์
     “ไรว้า ผู้ชาย นิดๆ หน่อยๆ น่า น้องเขาก็ยี่สิบแล้วไม่ใช่เหรอ?”
     พี่ชัชน่ะปกป้องผมจริงจังมากครับ ถึงผมจะรู้สึกดีแต่ผมเกลียดค่านิยมงี่เง่าแบบนี้เป็นบ้าเลย! แล้วก็เกลียดวิธีการที่เขาใช้แกล้งผมด้วย
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงว่าพี่ชัชอาจจะดื่มไปเยอะ ถ้าเผื่อพี่เขาขับรถกลับไม่ไหว ผมจะได้ขับกลับแทนได้ครับ”
     “คุณนี่เป็นที่พึ่งพาให้แฟนไม่ได้เลยคุณชัช ฮ่าๆ”
     ให้ตายเหอะ! ยังมีหน้ามาว่าแฟนผมอีก!
     “พี่ชัชเป็นที่พึ่งให้ผมได้เสมอครับ เพียงแต่ผมยังไม่อยากได้เงินประกันชีวิตของพี่เขาเร็วเกินไป”
     ทั้งๆ ที่ผมจงใจกัด แต่พวกเขากลับฮาครืนกันทั้งโต๊ะเลยครับ แปลกจัง...
     “ต้องแบบนี้สิครับอีแก่ขี้บ่นของพี่ ฮ่าๆ”
     พี่ชัช! ใครเป็นอีแก่ขี้บ่นกันครับ! ผมหัวขวับไปมองหน้าพี่ชัช แต่พี่ชัชกลับเอาแต่ยิ้มแล้วหัวเราะ
     “โหดสมราคาคุยจริงๆ ผมไม่แปลกใจละ ทำไมคุณหงอได้ขนาดนี้ ฮ่าๆ”
     “หงอที่ไหน ผมก็แค่เกรงใจแฟนผม รักนะจ้ะต้น”
     ยังมีหน้ามาทำทะเล้นอีกเหรอครับ!
     “ฮิ้ว!”
     “ไอ้เสือสิ้นลายเลยว่ะ ฮ่าๆ”
     คุณลุงพวกนี้นี่!
     “ฮ่าๆ”
     “งี้แล้วสงสัยคุณคงเป็นโต้โผจัดปาตี้ไม่ได้ซะละม้าง คุณชัช”
     ปาร์ตี้! ปาร์ตี้อะไรกันครับ?
     “ถ้าเมียผมอนุญาตก็เอา ถ้าของบประมาณไม่ผ่านก็อดว่ะ น้องเขาคุมกระเป๋าเงินผมอยู่”
     “นั่นๆ น้องเขางงเป็นไก่ตาแตกแล้ว พวกคุณก็อธิบายน้องเขาสิครับ”
     “คืองี้”
     พี่กล้าอ้าปากจะอธิบาย แต่... ผมว่าเขาควรพักให้สร่างก่อนนะครับ เสียงเขาเริ่มอ้อแอ้แล้ว
     “ในวาระที่คุณพันเพื่อนสุดที่รักยิ่งของพวกเราจะสละโสด พวกพี่ก็เลยอยากจะพามันไปเปิดหูเปิดตาหน่อย แต่พวกพี่พนันกันไว้ว่าใครได้แต่งงานคนสุดท้าย”
     แล้วพี่ๆ เขาก็เหล่มองมาทางพี่ชัชก่อนจะพากันหัวเราะ
     “คนนั้นเป็นเจ้ามือครับน้อง”
     “เอาแบบสุดเหวี่ยงอ่ะน้อง”
     พี่กล้ากับพี่ยุทธตอบพร้อมกัน แต่ไอ้ “สุดเหวี่ยง” ที่พี่กล้าพูดมันคืออะไรกันครับ!
     “อ๋อ... เหรอครับ”
     “น้องรู้จักปาร์ตี้สละโสดป่าว แบบนั้นอ่ะน้อง”
     พี่กล้าพูดพลางเต้นยึกยัก ทุเรศเป็นบ้าเลยครับ! ผมว่านี่มันปาร์ตี้อบายมุขแล้ว!
     “งั้นเสียใจด้วยนะครับ เพราะพี่ชัชคงไม่ใช่คนสุดท้าย”
     พอผมพูดออกไปแบบนั้น แม้แต่พี่ชัชยังมองหน้าผมเลยครับ
     “หือต้น?”
     แฟนผมเป็นผีขี้เกียจที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์!
     “พี่ชัชละก็... แก่แล้วขี้ลืมนะครับ”
     “เอ่อ...”
     ผมยิ้มแล้วแกล้งหัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ๆ คนอื่นที่เหลือ ถึงเวลาเอาคืนแล้วครับ!
     “อำอ่ะดิน้อง!”
     “จริงๆ นะครับ ผมกับพี่ชัชผูกข้อมือกันแล้วจริงๆ ตอนที่พี่ชัชพาผมกลับไปเยี่ยมบ้านครั้งแรกไงครับ พิธีแบบนั้นสำหรับชาวเหนือก็คือการแต่งงานไม่ใช่เหรอครับ?”
     สีหน้าพี่ชัชค่อยๆ คลายความงงคล้ายเพิ่งจำได้ สงสัยคงระลึกชาติได้แล้วมั้งครับ น่าโมโหที่สุด!
     “เออ ... จริงด้วยว่ะ”
     “ทำไมพวกกูไม่รู้เลยวะ!”
     “ไม่แปลกหรอกครับ ก็จัดเป็นการภายในเฉพาะญาติสนิททางฝั่งพี่ชัชเท่านั้นนี่ครับ พอดีแม่แกอยากให้พี่ชัชทำอะไรให้มันถูกต้อง แล้วมันก็กระทันหันด้วยเลยเหมือนชวนญาติๆ มาทานข้าวกันซะมากกว่าเพราะพี่ชัชไม่ได้กลับบ้านนานมากแล้ว”
     “คุณนี่อุบเงียบเลยนะคุณชัช”
     “เอ่อ... ผม แหะๆ”
     ลืมล้านเปอเซ็นต์!
     “แหมพี่ชัชจะไปจำอะไรได้ล่ะครับ ก็ เอา แต่ เมา!”
     “ทิ ที่ร้าก...”
     “ถึงจะเป็นการจัดงานเล็กๆ ตามธรรมเนียมถิ่น แต่ก็คงถือว่าแต่งแล้วนะครับ”
     “ไม่เอาดิน้อง แบบนั้นไม่นับครับ ไม่ได้โจะ-”
     “แฮ่ม!”
     พี่กล้าอ้าปากจะพูดแต่พี่ยุทธรีบเบรคพี่กล้าเอาไว้ แต่ไม่ทันหรอกครับ ผมรู้ว่าพี่เขาจะพูดอะไร!
     “พี่หมายถึงว่า ไม่ใช่งานทางการไม่นับครับ ขั้นตอนไม่ครบ บอกข่าวเพื่อนฝูงก็ไม่มี”
     ใช่สิ! ผมจดทะเบียนกับพี่ชัชไม่ได้หนิ!
     “พวกพี่พนันกันว่าแต่งงาน ไม่ได้พนันว่าจดทะเบียนนี่ครับ แล้วคนที่แต่งงานเลี้ยงภายในครอบครัวนี่ผิดสมัยนิยมมากเหรอครับ ผมนึกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนเสียอีก ทำไมต้องไปลำบากลำบนเชิญใครก็ไม่รู้มาด้วย สิ้นเปลืองทั้งๆ ที่บางทีเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอาจจะไม่รู้จักแขกคนนั้นด้วยซ้ำ! แถมสมัยนี้คู่รักบางคู่เขาก็นิยมไม่จดทะเบียนกันนะครับ เวลาหย่ากันจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องทรัพย์สิน”
     สมน้ำหน้า!
     “แล้วที่สำคัญ พวกพี่อยากไปเที่ยวที่แบบนั้น ลูกและภรรยาที่บ้านอนุญาตแล้วเหรอครับ?”
     “ต้นคร้าบ...”
     พี่ชัชสะกิดแขนผมเบาๆ พลางทำหน้าขอร้อง ถึงผมจะขัดใจ แต่ว่า ... เฮอะ! ผมหยุดก็ได้ครับ ใครใช้ให้พวกเขามากวนผมก่อนล่ะ!
     “ยอมแพ้เลยว่ะ”
     “ผมซึ้งเลยคุณชัช”
     “นี่หลังแต่งงานผมจะเจอแบบนี้ด้วยรึเปล่าเนี่ย?”
     “ผมก็สงสัยอยู่ว่าคนแบบไหนที่จะจัดการคุณได้ สมน้ำสมเนื้อดีนะคุณชัช เดาว่าแม่คุณคงปลื้มน่าดู”
     พี่ยุทธยกแก้วให้พี่ชัชซะงั้น! แถมพี่ชัชยังยกแก้วไปชนด้วยซะอีก มันน่าโมโหนัก พี่ชัชจิบเบียร์แล้วหันมามองผม พี่เขามองผมแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแบบนี้ไม่ชอบเลยครับ ทำอย่างกับเห็นผมเป็นเด็กแน่ะ!
     “ปาร์ตี้กินดื่มนิดๆ หน่อยๆ พักสายตาดูกระต่ายเต้นระบำ ทำบุญปล่อยโคเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีของเสี่ยงๆ คร้าบต้น นะพี่ขอนะ นานๆ จะได้เจอกันครบๆ ก๊วน พอต่างคนต่างมีครอบครัวแล้วก็ยุ่งจนไม่ค่อยได้มาแฮงค์เอ้าท์กันเลย”
     แล้วทำไมจะต้องไปสังสรรค์กันในที่อโคจรแบบนั้นด้วยครับ! ให้ตายสิ! ทำไมพี่ชัชถึงต้องมาออกหน้าแทนคนอื่นด้วย ตกลงว่าเพื่อนๆ อยากไปหรือตัวเองอยากกันแน่ครับ!
     “พี่รับรองว่าไม่มีอะไรเกินเลย เชื่อพี่นะครับ”
     ผมโมโหนะครับ!
     “ปากพวกมันก็งี้แหละต้น แต่ไอ้พวกนี้เป็นแฟมมิลี่แมนทั้งนั้น พี่กับพวกมันถึงไม่ค่อยได้เจอกันไง มันมัวแต่เลี้ยงลูกกันอยู่”
     พี่ชัชหัวเราะพลางพยักเพยิดไปทางคนอื่น ออกหน้าแทนเพื่อนเต็มที่เชียวนะครับ เฮอะ!
     “นะครับ อนุญาตนะครับที่รัก นะจ้ะ เมียจ๋า”
     แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ พี่ชัชลงทุนอ้อนผมถึงขนาดนี้เชียว ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแท้ๆ จะให้ผมหักหน้าแฟนตัวเองรึไง นี่แหละน้าแฟนผม หน้าใหญ่กับคนอื่นเสมอ! ลงท้ายผมก็เลยต้องพยักหน้าให้ เท่านั้นแหละครับ
     “เฮ!”
     “เอ้า! ฉลองเว้ย!”
     “ฮ่าๆ”
     เฮ้อ... แค่คิดก็ปวดหัวแล้วครับ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... สกิลสังคมของน้องต้นช่าง... ไม่งามนะคุณลูกขา แต่ฝูงหมาป่าเขาโหดจริงไรจริง

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     “พี่ชัชไม่เป็นไรจริงๆ นะครับ ถ้าพี่ไม่ไหว?”
     “พี่โอเคคร้าบ หน่า พี่สัญญาแล้วไงว่าจะไม่ดื่มมาก ต้องพาพวกมันไปส่งบ้านอีก กลัวขับรถกลับไม่ไหว”
     ในกลุ่มพวกเราห้าคน พวกมันสี่คนไม่มีใครเอารถไปกันเลยครับ แต่ละคนกะไปเมากันเต็มที่ ใช้ให้ผมเป็นสารถีประจำกลุ่มไปรับพวกมันด้วยซ้ำ
     “ครับ งั้น...”
     ต้นมันทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ดูลังเล ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมไป แต่มันก็ไม่ได้ห้ามผม ไม่แม้แต่จะวีนหรือเหวี่ยงใส่ผมด้วยซ้ำ เห็นสายตาเหงาๆ แล้วมันก็อดไม่ได้ ผมดึงตัวมันมาจูบ ต้นมันหลับตาลงแล้วยืนนิ่งให้ผมจูบอย่างว่าง่าย
     “ไม่ต้องห่วงนะครับ แค่พาเพื่อนไปเที่ยว คิดซะว่าพี่ไปทำงานตามปกตินั่นแหละ เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว ถ้ามีอะไรแล้วพี่จะโทรบอกนะครับ”
     “ครับ”

     แล้วผมก็ได้มาปาร์ตี้สละโสดกับเพื่อนๆ พวกมันสี่คนนั่งอยู่ในรถผมสบายๆ พวกเราคุยกันเรื่องรถ มันถามเรื่องรถรุ่นที่ผมใช้ ผมก็ตอบมันไป อธิบายถึงความประหยัดน้ำมันของระบบไฮบริด พูดไปพูดมาก็กลายเป็นถกปัญหาเรื่องค่าน้ำมันที่แพงขึ้น ค่าแก๊สที่แพงตาม ยันพาลไปด่ารัฐบาล ระบายปัญหาหน้าที่การงาน บ่นเรื่องหัวหน้าเฮงซวย ด่าเมียขี้หึง พวกเราคือผู้ชายวันกลางคนห้าคนที่ไม่มีใครโสดอีกต่อไป แต่ละคนมีห่วงผูกคออันใหญ่คล้องอยู่ แม้บางคนอยากถอดแต่ก็ถอดไม่ได้เพราะสงสารลูก ไม่รู้อีกกี่ปีจะมีโอกาสออกมาเฮฮาประสาผู้ชายแบบนี้อีก แต่จะให้ไปทำอะไรเสี่ยงๆ จัดเต็มเหมือนเมื่อก่อนก็ติดแหวนบนนิ้ว พวกผมก็เลยมานั่งกินดื่มในค็อกเทลเล้านจ์ที่ขึ้นชื่อว่ามีโมเดลไนท์โชว์เซ็กซี่อาบน้ำในสระแทน
     ไอ้พวกนี้มันรู้ดีว่าผมเชี่ยวชาญ เพราะผมพาลูกค้ามาเลี้ยงขอบคุณในสถานที่แบบนี้บ่อยๆ ปากพวกมันก็ด่าผม ตำหนิวิธีการทำงาน ด่าสันดานผม แต่ตอนที่จะให้ผมหาร้านให้เสือกบอกผมว่า “ขอร้านที่เด็กแจ่ม แต่ไม่ถือตัว” แม่งเอ้ย!
     ตอนที่ผมพาพวกมันเข้าร้านน้องเซลล์เก่าบางคนจำผมได้รีบตรงเข้ามาทัก เมมเบอร์ผมหมดอายุไปแล้ว แต่เพราะพักหลังๆ ผมไม่ได้มาเหล้าเลยเหลือ น้องเขาเลยตื้อให้ผมเปิดเมมใหม่เดี๋ยวแถมเหล้าเพิ่มให้ ตอนแรกผมก็อยากอยู่นะครับ สันดานเก่ามันกำเริบ กะเอาไว้เผื่อตอนทำงานด้วย แต่พอคิดได้ว่าที่พักหลังๆ ไม่ค่อยได้พาลูกค้ามาสังสรรค์ในร้านแนวนี้มากเท่าไหร่เพราะเกรงใจไอ้ต้นผม เลยลังเล ยิ่งคิดถึงหน้าไอ้ต้นแล้วภายในอกผมก็หน่วงๆ พิกล เลยปฏิเสธน้องเขาไป จะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้มาอีกบ่อยๆ ครับ
     พวกผมเลือกนั่งตรงโซนชั้นลอย เพราะมากันแต่หัวค่ำคนเลยยังไม่แน่น ที่วิวดีๆ เลยยังเหลืออยู่ครับ โซฟาตรงนี้วิวแจ่มมองเห็นสระน้ำได้ชัดเจน แต่ก็ได้แค่มองห่างๆ นั่นแหละครับ ไม่ได้ใกล้ชิด หมดโอกาสสัมผัสหยดน้ำที่กระเซ็นตอนน้องๆ นางแบบลงสระแน่นอน เหมาะกับพวกที่มีห่วงผูกคอแบบพวกผมดีนักแล ได้แค่มองกระพือตัณหาอยู่ห่างๆ แบบนี้เนี่ย เฮ้อ...
     นั่งกันไม่นานนัก เหล้าก็มาเสริฟ สาวๆ ก็มาคลอเคลีย งานนี้ถึงผมไม่ได้เปิดเมมแต่ก็เต็มที่จ่ายค่าดริ้งค์น้องๆ ไม่อั้นครับ กะทิ้งทวนชีวิตโสดผมไปในตัว ถือซะว่าไว้อาลัยให้กับชีวิตที่ต่อไปนี้คงทำได้แค่ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบเองอยู่หน้าทีวีที่คอนโด ไอ้เรื่องจะมานั่งดื่มชิลๆ มีสาวๆ แนบข้างมีคนคอยบริการ เฮ้อ... ชาตินี้คงไม่มีอีกแล้วล่ะครับ
     เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกมันก็เมากันสิครับ ผมเองก็คงต้องมีบ้าง แต่ว่า...
     “หืม อ่อนกว่านี้อีกนิดก็ได้จ้ะน้องกิ๊ก”
     ผมรีบเบรคมือนุ่มๆ ของน้องกิ๊กที่กำลังรินแบล็กลงแก้วผมเสียเข้ม!
     “เข้มไปพี่จะไม่ไหวเอานะครับ”
     ทั้งๆ ที่ผมเบรคน้องเขาเพราะต้องขับรถไปส่งพวกมันนั่นแหละ แต่ไอ้กล้ากลับไม่สำนึกเล้ย ไอ้ปากหมาเอ้ย!
     “เดี๋ยวนี้คออ่อนนะคุณ ฮ่าๆ”
     ผมได้แต่ยิ้มแล้วยักไหล่ ปล่อยมันด่าไปครับ รักเมียต้องอดทน ผมสัญญากับไอ้ต้นไว้แล้วนี่หว่า...
     บนเวทีกำลังเริ่มโชว์เลยครับ เพลินตาผมจริงจริ๊ง น้องๆ นางแบบในชุดบิกินี่หลากหลายสไตล์เดินมาอวดรูปโฉมยั่วยวนแขกด้วยเรือนร่างสุดเร่าร้อน แค่ท่าทางลีลาการโพสสุดร้อนแรงก็ทำเอากระทิงเปลี่ยวทั้งหลายคึกคักจนส่งเสียงเฮเป่าปากแซวไม่หยุด ตามที่แบบนี้โชว์คือโชว์ครับ ดูได้แต่ตาห้ามแตะต้อง ไอ้เรื่องจับลูบๆ คลำๆ ขยำนมเด็กเป็นไปไม่ได้ครับ ต่อให้อ้างว่าเมาไม่รู้เรื่องยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี โชว์คือโชว์ น้องเขาไม่ได้อยากมาขายตัวแลกเงิน ถึงเขาจะทำงานแบบนี้ก็เถอะ ถ้าไปปาร์ตี้ไนท์ตามอาบอบนวดที่เดินโชว์นมปิดแค่จุกก็ว่าไปอย่าง ตามที่แบบนั้นฟัดได้เต็มที่เด็กเขารู้งาน ส่วนตามที่แบบนี้แม้แต่เด็กนั่งดริ้งค์ยังมีข้อห้ามเลยคร้าบ แต่ของแบบนี้มันก็ขึ้นกับฝีมือแล้วแต่ว่าใครจะหลอกล่อเด็กได้ถึงขั้นไหน ถ้าถูกใจโอเคเซย์เยสกันก็อาจจะชวนกันไปจัดหลังเลิกงานได้ครับ ยิ่งถ้าเจอแขกหล่อๆ รวยๆ เผลอๆ แทบจะบริการฟรีให้เราก็มี ไอ้ผมเองพอโดนไอ้ต้นใส่ปลอกคอแล้วก็ต้องหักห้ามใจไม่เอานิสัยเก่าๆ มาใช้ครับ ผมได้แต่จับแก้วตัวเองไว้แน่นเพราะกลัวตัวเองจะมือซนเลื้อยเข้าเดรสสั้นของน้องกิ๊กที่ขยันเอาสะโพกมาเบียดขาผมซะเหลือเกิน วิวในสระก็ดี๊ดี บิกินี่เปียกน้ำโคตรแจ่ม เนื้อสัมผัสข้างตัวก็นิ๊มนิ่มอวบดีจริงๆ แม่คุณ จากที่ผมนั่งยุบหนอพองหนอตอนนี้แทบจะพองอย่างเดียวแล้วครับ!
     เวลาที่ผู้ชายมาเที่ยวที่แบบนี้คงไม่ต้องบอกนะครับว่าพวกเรามาทำอะไร อุตส่าลงทุนเรียกเด็กมานั่งด้วยคงไม่ได้ชวนมาชงเหล้าอย่างเดียวหรอกครับ มันก็ต้องมีสกินชิพกันบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมซนกว่านี้เยอะ น้องๆ ที่มานั่งกับผมแทบไม่อยากลุกจากตักผมเลยแหละ แต่ตอนนี้ผมซนได้แค่สายตาครับ ที่เหลือต้องหักห้ามใจตัวเองสุดชีวิต ผิดกับน้องกิ๊กที่ฮาร์ดเซลล์ผมเหลือเกิน ใจคอน้องเขาจะขายตรงผมให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย เฮ้อ...
     “นั่งนิ่งเชียวคุณชัช เอ้าๆ น้องดูแลป๋าเขาหน่อย ท่าทางเครียดเชียว สงสัยเส้นที่ขมับจะตึง นั่งหน้าเครียด ผ่อนคลายป๋าเขาหน่อยคร้าบ”
     ไอ้เวรกล้า! พอขาดคำก็มีไขมันสองก้อนมาอยู่ตรงหน้าผม ตามด้วยอีกสองที่ด้านล่างบนตัก อื้อหือ... เด็กที่นี่สั่งได้ดั่งใจจริงๆ ถือตัวอีกนิดก็ได้นะน้อง
     “เดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ”
     โอย จ้า... ขาวเว้ย!
     น้องเขาพูดพลางขยับเข้ามาบีบๆ นวดๆ ที่ขมับให้ผม แต่หน้าอกหน้าใจน้องเขาที่ลอยอยู่ตรงหน้าผมนี่ดิคร้าบ ... ต้นเอ้ย พี่ขอโทษว่ะ! ผมพยายามส่ายหน้าหนีนมน้องเขาสุดชีวิตครับ
     “พอๆ พี่หายละครับน้อง”
     “หนูนวดดีมั้ยคะป๋า”
     “วิวดีมากครับ”
     “ฮ่าๆ”
     ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย! พวกมันกะลากผมมาทรมานชัดๆ
     “เฮ้ยๆ ว่าที่เจ้าบ่าวน่ะไอ้พันคร้าบ ไม่ใช่ผม ไปเอ็กซ์คลูซีฟกับมันเถอะครับ”
     พอผมโต้คืนพวกมันบ้าง ไอ้เพื่อนเวรพวกนี้ก็ฮาครืน
     “พวกคุณให้น้องๆ ไปติวให้มันดีกว่าครับ จะได้มีวิชาไปใช้ไม่อายเมีย หึๆ”
     “ถึงผมจะอ่อนปฏิบัติแต่ทฤษฏีผมปึ๊กคร้าบ”
     “อ่านตำรามาเป็นร้อย?”
     “เปล่า ผมโหลดคลิปมาเป็นพัน!”
     “ฮ่าๆ”
     การอยู่กับเพื่อนฝูงนี่มันสนุกจริงๆ ครับ ไม่ได้เจอคนรู้ใจต่อมุกกันแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ววะ รักพวกมันจริงๆ ต่อให้ผมเป็นพวกพูดมากช่างเจ๊าะแจ๊ะ แต่เวลาอยู่กับคนอื่นผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมพูดไปเขาจะคิดยังไงกับผม บางทีต้องชิงไหวชิงพริบกันมันก็เหนื่อยนะครับ แต่กับไอ้คนพวกนี้ด่ามาเหอะ พูดอะไรมาพวกเราก็ไม่โกรธกันหรอก พวกเราคุยกันได้ทุกเรื่องแม้แต่เรื่องระยำก็ยังเอามาเล่ากันขำๆ ได้ ไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน แม้แต่ผมกับไอ้พงศ์ กัดกันเป็นประจำก็ยังมองหน้ากันติดครับ ผมมัวแต่กังวลเรื่องไอ้ต้นจนลืมไปเลยว่าพวกมันไม่มองผมเปลี่ยนไปเพียงเพราะผมคว้าผู้ชายด้วยกันมาเป็นแฟนหรอก เรื่องเหี้ยๆ กว่านี้ผมก็เคยทำมาแล้ว โดนพวกมันด่าซะเละไม่มีชิ้นดี
     “แล้วคุณล่ะคุณชัช ร้างปฏิบัติไปนานยังจะลงถูกรูมั้ยคุณ ฮ่าๆ”
     หนอยๆ ไอ้ยุทธ เอากับเขาด้วยนะมึง!
     “ถูกสิคร้าบ ยังไงเมียผมก็มีรูเดียวโว้ย ฮ่าๆ”
     “ว้าย! คนอะไรคะมีรูเดียว เมียป๋าพิการเหรอคะ?”
     ผมมองไม่ทันว่าน้องคนไหนพูดขึ้นมา แต่ช่างเถอะครับผมไม่ถือ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเลยเอานิ้วชี้ของมือข้างที่ว่างอยู่มาแตะริมฝีปากแล้วทำท่ากระซิบกระซาบ มองน้องๆ ทุกคนก่อนจะเฉลยว่า
     “ความจริงแล้วพี่เป็นเกย์จ้ะ”
     เท่านั้นแหละครับ แม่งฮาครืนกันทั้งโต๊ะ!
     “ต๊าย! จริงเหรอคะป๋า แหม... หนูเสียดายจังเลยค่ะ”
     พอมองก้อนเนื้อสองก้อนที่ขยับเข้ามาใกล้ผมแล้วก็เสียดายเช่นกันครับ น้องกิ๊กนี่ขาวดีจริงๆ เลย หุ่นอวบอัดนิดๆ โดนใจผมอย่างแรง เสียดายน้องเขาผมสั้นไปหน่อยยาวแค่ประบ่า เพราะผมชอบผู้หญิงผมยาว แต่ผมสั้นๆ แบบนี้ก็ดีครับ ไม่มีอะไรมาบังวิวดี ผมเหล่มองไหล่กลมมนเกลี้ยงเกลาเลยไปจนถึงเนินเนื้ออวบอับที่ถูกยัดอยู่ในเกาะอกแล้วก็มึนกับราคะตัวเอง ผมว่าผมเมาแล้วล่ะ
     “หืม... พี่ก็เสียดายจะ”
     “แต่หนูไม่เชื่อหรอกค่ะ ถ้าป๋าเป็นเกย์จริงๆ ป๋าไม่มาที่แบบนี้หรอก”
     น้องฟ้าที่อยู่ในวงแขนของไอ้กล้าพูดขึ้น ผมเลยหันไปทางน้องเขา ความจริงแล้วน้องเขาตรงสเปคผมที่สุดอ่ะ หน้าตาโคตรน่ารัก ดูใสๆ ดี ลุคแนวคุณหนูแรดๆ โดนใจผมอย่างแรง ถึงจะแบนไปนิดแต่ใจถึงจัดเต็ม จะว่าไปไอ้กล้ากับผมนี่ก็เล็งหญิงคนเดียวกันประจำเลย ตอนที่เขาพาเด็กมาให้เลือกผมก็เลยต้องยกผลประโยชน์ให้เพื่อนก่อน เสียสละเพื่อเพื่อนคร้าบ
     “นั่นสิ พี่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน”
     “ฮ่าๆ”
     “แบบนี้พี่ว่าต้องพิสูจน์ พวกน้องเล่นเกมกับป๋ามั้ยจ้ะ ใครตอบถูกเดี๋ยวป๋าชัชเขาให้ทิป”
     “เฮ้ยๆ คุณถามความเห็นผมรึยัง?”
     “อย่างกน่าคุณ ทิปน้องๆ เขาหน่อย ฮ่าๆ”
     ไอ้ผมน่ะไม่ได้งก แต่ผมเกรงว่าเกมที่ว่ามันจะลำบากผมอ่ะสิคร้าบ!
     แล้วหลังจากนั้นน้องๆ แต่ละคนก็ผลัดกันมานั่งตักผม ช่วงสองสามคนแรกนี่ผมยังพอทนไหวนะ แต่คนที่สี่เด็กไอ้พงศ์นี่ดิ น้องนุ่นเธอจัดหนักเหลือเกิ๊น แค่โชว์เซ็กซี่ในสระกับเหล้าผมก็กรึ่มจะตายละ ไหนจะยังหุ่นอวบๆ ของน้องกิ๊ก นี่ยังโดนเวียนเทียนขยี้ตักผมอีก โอย ตายครับ!
     ในที่สุดน้องเขาก็เอียงมากระซิบที่ข้างหูผมตามกติกาป้องกันการลอกคำตอบ
     “เก้าใช่มั้ยคะป๋า”
     “ป๋าขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะคร้าบ”
     ผมส่ายหน้าให้คำตอบของน้องเขาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ น้องเขาทำท่าเสียดายรางวัลนิดหน่อยก่อนจะลุกออกไป เป็นอันว่าไม่มีใครตอบถูกครับ น้องๆ แต่ละคนพากันแกล้งตอบเพื่อเอาใจลูกค้า แต่พอดีไอ้ผมมันคนซื่อสัตย์ ไม่ใช่พวกหลงตัวเองมีเท่าไหร่ใช้เท่านั้นครับฮ่าๆ ผมเลยไม่ต้องเสียตังค์ แต่ทรมานชิบ!
     “ป๋าจะไม่เฉลยหน่อยเหรอค้า หนูอยากรู้”
     “จุ๊ๆ ของแบบนี้ต้องเฉลยกันสองต่อสองค่ะ”
     มาถึงขั้นนี้แล้วนิดๆ หน่อยๆ เราก็อย่าโกรธพี่เลยนะต้น โดนเด็กมันยั่วขนาดนี้ถ้าผมไม่หยอกน้องเขากลับไปบ้างผมก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ครับ!
     น้องๆ เขาแกล้งหัวเราะคิกคักกัน เพื่อนผมแต่ละคนเฮฮา บางคนดื่มด่ำกับเหล้า บางคนกอดสาว บางคนเพลิดเพลินกับการดูโชว์ ส่วนผมถึงจะได้เด็กหน้าตาบ้านๆ ไปหน่อย แต่หุ่นเนื้อนมไข่ของน้องเขาก็เต็มไม้เต็มมือดีครับ ผมแกล้งขยับแขนจากท่าโอบไหล่น้องเขาเลื่อนต่ำลงมาที่เอว เอียงหูคุยกระซิบกับน้องเขาไปเรื่อย เนียนวางมือผิดที่บ้าง ดูน้องกิ๊กเธอก็ไม่ถือตัวอะไรกลับชอบใจเบียดผมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมก็รู้ทันเกมน้องเขานะ ทำไงได้ในกลุ่มผมมันหล่อที่สุดนี่หว่า แล้วผมก็มีเงินด้วย(อย่างน้อยๆ ทุกคนก็แสดงออกว่าผมเป็นเจ้ามือครับ) น้องเขาเลยทำท่าอยากพิสูจน์คำตอบกับผมเต็มที่ แรดได้ใจผมจริงๆ
     ผมสั้นๆ ของน้องเขาสะบัดไปมาตอนที่น้องเขาหันไปชงเหล้าให้ผม ผมก็เลยช่วยเก็บผมปอยนั้นกลับไปเหน็บให้เข้าที่ ผมสัมผัสน้องเขาอย่างนุ่มนวลทิ้งไออุ่นจากปลายนิ้วตัวเองไว้เฉียดๆ ใบหูน้องเขาเพียงเท่านั้น ผมไม่ใช่แขกไร้มารยาทประเภทที่ล้วงควักน้องๆ เขาอย่างน่ารังเกียจพวกนั้นเพราะผมรู้ดีว่าสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ กับการปฏิบัติตัวอย่างสุภาพและคำพูดหวานๆ ของผมนี่แหละทำให้ผมได้ของฟรีมานักต่อนัก แม้ว่าส่วนใหญ่ผมจะปฏิเสธก็เหอะครับ ผมก็กลัวเอดส์เหมือนกันนะคร้าบ ยังไงก็ต้องขอเลือกกินบ้าง  แต่นานๆ ครั้งได้มาทำอะไรแบบนี้มันก็กระชุมกระชวยดีครับ
     การมาเที่ยวที่แบบนี้ปลุกความชั่วในตัวผมได้มากทีเดียว สัมผัสนุ่มนิ่มข้างตัวผมก็ช่วยโหมกระพือไฟกำหนัดในตัวผมได้เป็นอย่างดี พูดกันตรงๆ แบบไม่อายคือตอนนี้ผมอยากมีอะไรกับผู้หญิงมากๆ มันไม่ใช่แค่การมีอารมณ์ แต่ผมต้องการนอนกับผู้หญิง! แล้วก็ขอเป็นผู้หญิงแรดๆ ด้วย! ความอยากมากมายมันแข่งกันแหกปากตะโกนอยู่ในหัวผม แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือ ... นั่งถือแก้วเหล้าแล้วดูเพื่อนๆ ผมสนุกสนานต่อไปครับ เพราะผมต้องเป็นคนพาพวกมันกลับบ้าน และ... เพราะผมมีต้นแล้ว
     ในที่สุดความทรมานของผมก็จบลง ผมถีบไอ้ยุทธลงจากรถเป็นคนสุดท้าย ผมกำจัดภาระออกจากรถตัวเองได้หมดแล้วครับ หลังจากนี้ผมก็กลับคอนโดนอนได้ซักที ผมขับรถกลับด้วยสติอันชัดเจนกับอารมณ์ที่เป็นปกติ นับว่าผมเมาน้อยมากต่างกับครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะส่วนใหญ่แล้วผมมัวแต่ดื่มด่ำกับอย่างอื่นมากกว่า แต่การอยู่กับเมียที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแถมยังสะกิดยากสะกิดเย็นช่วยให้ผมควบคุมความต้องการของตัวเองได้เก่งขึ้นครับ สถานการณ์ในกางเกงผมสงบราบเรียบ ไม่นานนักผมก็มาถึงคอนโด
     การที่ผมเดินเข้าห้องพักมาแล้วเปิดประตูห้องนอนเห็นเมียตัวเองนอนเหงาอยู่บน เตียงขนาดคิงไซส์คนเดียวมันเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกจริงๆ ใช่ว่าผมลืมไปว่าความอยากต้องการระบายกับผู้หญิงของผมเมื่อครู่นี้มันรุนแรงขนาดไหน แต่พอได้เห็นภาพแผ่นหลังบอบบางนั่นตะแคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมเพียงลำพังคนเดียวตรงริมเตียงทางด้านขวาโดยเว้นพื้นที่ฝั่งซ้ายของเตียงเอาไว้ให้ผมแล้วความอยากกอดเมียมันสูงกว่าครับ
     ผมล้วงทุกอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะถอดเสื้อผ้าแล้วคลานขึ้นเตียง พออยู่บนเตียงแล้วผมก็สวมกอดเข้าที่เอวลากมันมานอนกอดกันตรงกลางเตียงทันที ต้นมันดิ้นยุกยิกรู้สึกตัวตื่น
     “อื้อ?”
     เสียงครางหวานๆ ของคนเมาขี้ตาดังขึ้น ผมจูบบอกให้มันรู้ว่าผัวมันกลับมาแล้ว
     “พี่กลับมาแล้วครับที่รัก”
     ต้นมันงึมงัมตอบแล้วพลิกตัวเข้ามากระแซะผม ลูกแกะของผมดิ้นขลุกขลักอีกสองสามทีจนได้ที่แล้วก็นิ่งไป ผมเองก็หลับไปทั้งอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เหอะๆ หวังว่าคนอ่านคงได้อรรถรสของเสือ อา... พี่ชัชนี่เสือตัวพ่อจริงๆ  :m25:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     และแล้วก็ถึงวันแต่งงานของพี่พันครับ ผมตื่นเต้นมากเพราะพี่ชัชจะพาผมไปด้วย! พี่พันกับพี่ชัชเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แล้วแบบนี้การที่พี่ชัชพาผมไปงานแต่งพี่พันด้วยมันจะต้อง... ผมกังวลจังเลยครับ
     “ต้นคร้าบ เห็นสูทสีน้ำเงินเข้มของพี่มั้ย?”
     เสียงพี่ชัชทำให้ผมละสมาธิจากการผูกหูกระต่ายของตัวเอง ผมมองพี่ชัชที่ใส่แต่เสื้อเชิ้ตสีแดงเข้มยังไม่ได้ติดกระดุมกับผ้าเช็ดตัวที่พันไว้หลวมๆ ตรงท่อนล่างแล้วก็หน่ายใจ พี่ชัชพึ่งอาบน้ำเสร็จครับ ผมยังเช็ดไม่แห้งดีด้วยซ้ำ
     “ตัวไหนนะครับ?”
     ให้ตายเถอะ! แล้วก็ไม่รู้จักเตรียม มาถามผมตอนนี้แล้วผมจะรู้มั้ยครับ เมื่อวานผมถามพี่เขาแล้วนะว่าเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่วันนี้แล้วยังต้องให้ผมซักรีดอะไรให้มั้ย พี่เขาก็บอกว่าเอาไปซักแห้งเองแล้วแท้ๆ แต่พี่ชัชไม่ได้ตอบผมหรอกครับ พี่เขามัวแต่ยุ่งกับการเปิดถุงสูทในตู้เสื้อผ้านั่นแหละ
     “เอ่อ... งานเขาให้ใส่สีแดงไม่ใช่เหรอครับ?”
     “นี่ไงแดง”
     พี่ชัชชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตตัวเองก่อนจะบ่นต่อ
     “แม่งคิดได้ไงวะ ธีมงานสีแดง จัดงานไม่เกรงใจคนตัวดำกันบ้างเลย งานนี้สาวๆ ตัวดำตายสนิทอ่ะ สงสัยเจ้าสาวกะฆ่ารักแรกไอ้พันกลางงานแหง๋ๆ พวกมันขาวกันนี่หว่า ไอ้พันก็เออออตามเมีย ไม่ได้คิดถึงเพื่อนมันเล้ย มันคิดถึงผู้ชายที่ต้องแต่งตัวไปงานมั้ยวะเนี่ย มีหวังเชิ้ตแดงกันทั้งงาน ใครจะบ้าใส่กางเกงแดงไปวะ ไม่ใช่เกย์นะว้อยจะได้แต่งนู่นนี่นั่นสีแดงได้ จะให้พี่ใส่สูทแดงเป็นยากูซ่าหรือไง จะใส่สีขาวก็แย่งซีนเจ้าบ่าวอีก แต่งตัวยากชิบหายเลยว่ะต้น”
     พี่ชัชบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียวครับ ผมก็เพิ่งจะรู้นะครับว่าพี่พันมีรักแรกสมัยเรียนผิวคล้ำ แต่ผมว่าพี่ชัชก็ไม่ได้ตัวดำซักหน่อย แค่อาจจะคล้ำแดดไปบ้าง แต่ก็ดูมาดแมนสมชายชาตรีดีออกครับ แฟนของผมทั้งสูงทั้งรูปร่างดี หน้าตาก็คม ยิ่งมีผิวเข้มๆ นิดหน่อยแล้วยิ่งเท่เป็นบ้าเลย!
     “จะดีเหรอครับ ใส่สีน้ำเงินไป ไม่ลองสูทดำตัวที่”
     ผมยังเสนอแนะไม่ทันจบพี่ชัชก็รีบแทรกผมซะแล้ว
     “ไม่ใช่ๆ ตัวที่สีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำแล้วเนื้อผ้าออกเงาหน่อยๆ อ่ะต้น ตัวสีดำมันดูทางการไปหน่อย ใส่แล้วแก่ว่ะ งานนี้พี่ขอดูดีนิดนึง”
     ผมล่ะเพลียครับ สูทพี่ชัชน่ะถ้าไม่สีดำก็กรมท่าแล้วก็เทา มีอยู่สามสีเท่านั้นแหละครับ บางตัวก็มีแต่เสื้อ บางตัวก็สั่งตัดเข้าชุดคู่กับกางเกง เฮ้อ... แล้วผมก็ต้องไปช่วยผีแก่อัลไซเมอร์ของผมหาสูทครับ ผมจะหาเจอมั้ยเนี่ย ชุดทำงานของพี่ชัชก็เยอะซะจริง ทั้งเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คเพียบ เทียบกับชุดอยู่บ้านแล้ว… ผมอยากให้พี่ชัชใส่ใจกับเสื้อผ้าเวลาอยู่บ้านบ้างจังเลยครับ เรื่องที่เสื้อผ้าใส่ไปทำงานนอกบ้านต้องดูดีดูเนี๊ยบผมก็เข้าใจนะครับ แต่... ทำไมเวลาอยู่บ้านนี่อย่างกับยาจก พี่เขาชอบใส่แต่กางเกงเก่าๆ ใส่เสื้อยืดขาดๆ บางทีก็เกือบจะแก้ผ้าเป็นชีเปลือยด้วยซ้ำ! ผมก็เข้าใจนะครับว่าเสื้อผ้าเก่าๆ มันเนื้อนิ่มใส่สบาย แต่บางตัวมันโทรมยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้วแท้ๆ ยังไม่ยอมให้ผมเอาไปทิ้งอีกอ่ะ!
     “เจอละ ขอบคุณครับที่รัก”
     ไม่นานนักก็หาเจอจนได้ครับ
     “อื้อ!”
     พี่ชัชนะพี่ชัช มาขยี้หัวผมได้ยังไง อุตส่าหวีแล้วนะครับ!
     “ฮ่าๆ”
     แล้วพี่ชัชก็เดินฮัมเพลงไปแต่งตัวครับ พี่เขาฉีดดิโอสเปรย์ลงบนตัวซะหอมฟุ้งเลย เสียงไดร์เป่าผมดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่งแฟนของผมก็มีเส้นผมสั้นๆ ที่แห้งและจัดทรงเรียบร้อยแล้วต่างกับผมยุ่งๆ ของผมที่ถูกพี่เขาขยี้จนเละ พี่ชัชหยิบกางเกงเข้าชุดกับสูทมาสวมก่อนจะคาดเข็มขัดหนังสีดำทับ ส่วนสูทสีน้ำเงินเข้มตัวที่ว่าก็คือสูทสีกรมท่าที่สีเข้มจนผมคิดว่ามันคือ สูทสีดำครับ เฮ้อ...แฟนผม
     แต่ก็นะ... พอพี่ชัชใส่สูทพอดีตัวสีเข้มๆ แบบนี้กับเสื้อเชิ้ตสีแดงเข้มพี่เขาก็ดูหล่อมากเลยครับ อย่างกับพวกตัวร้ายเท่ๆ ในหนังเลย ปกติพี่เขาก็ตัวสูงอยู่แล้วเลยใส่สูทได้สมาร์ท แต่พักหลังพี่เขาออกกำลังกายแล้วก็ไม่ดื่มจัดจนเผละเหมือนเมื่อก่อนเลยดูดี ขึ้นตั้งเยอะ พี่ชัชจงใจปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตมากกว่าปกติด้วย เซ็กซี่ชะมัด! แฟนผมหล่อเกินไปแล้วครับ เห็นแล้วผมอิจฉาพี่ชัชเป็นบ้าเลย คนอะไรดูดีชะมัด! ไม่สิ ความจริงต้องบอกว่าบ้านพี่ชัชรูปร่างหน้าตาดีกันทั้งบ้านมากกว่าครับ ตาคมจมูกโด่งกันทั้งบ้านเลย ยิ่งนายเตอร์ยิ่งได้ความขาวมาจากแม่หล่อยันแก่เหมือนพ่อแน่ๆ ครับ เฮ้อ... คิดแล้วก็เศร้า ผิดกับผมเลย ตัวก็เล็ก หน้าตาก็ธรรมดา ไม่มีจุดเด่นอะไรซักอย่าง ... รีบแต่งตัวให้เสร็จดีกว่าครับ
     “วันนี้แฟนพี่น่ารักจัง ใครเลือกชุดให้ครับเนี่ย”
     พี่ชัชถามพลางหัวเราะ ผมรู้สึกเจ็บใจยังไงก็ไม่รู้ครับ!
     “พี่ษาครับ”
     “หืม? มิน่า...”
     ผมก้มลงมองเสื้อเชิ้ตพื้นขาวตกแต่งผ้าสีแดงตรงขอบปกกับแขนเสื้อแล้วก็งง พี่ษาบอกว่างานแต่งแบบนี้ผมใส่เสื้อมีลูกเล่นจับคู่กับหูกระต่ายแฟชั่นแล้ว ก็กางเกงสีดำยังไงก็เซฟครับ เราเป็นเด็กแต่งตัวสบายๆ ให้ดูน่ารักเป็นกันเองจะดูดีกว่าใส่สูทเป็นทางการเพราะมันจะดูเคร่งขรึมเกินไปไม่สมวัย ผมก็เชื่อพี่ษาแล้วนะ แต่ทำไมพี่ชัชถึงได้ทำเสียงแบบนั้นล่ะ?
     “มิน่าอะไรครับ?”
     “มิน่าถึงได้น่ารักเป็นพิเศษครับ ฮ่าๆ”
     “พิเศษ” ที่ว่านั่นมันหมายความว่ายังไงครับ? พี่ชัชนะพี่ชัช! นี่แปลว่าปกติผมแต่งตัวแย่มากรึไง
     เซ็งจังเลยครับ รู้งี้ผมไปซื้อเสื้อผ้ากับเมษก็ดี ถ้าเมษเลือกให้ผมต้องได้เสื้อผ้าที่เป็นแบบเรียบๆ มากกว่านี้แน่ๆ ครับ ไหนจะยังโบว์หูกระต่ายแบบผูกสีชมพูอ่อนนี่อีก ดูอย่างกับบอยแบนเกาหลียังไงก็ไม่รู้ สไตล์แบบนี้คงไม่เหมาะกับคนหน้าจืดๆ แบบผมหรอก!
     “เสร็จแล้วก็รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวรถติด”
     “งอนเหรอเรา ฮ่าๆ”
     มีการมากอดผมอีกแน่ะ! ผมพยายามผลักพี่ชัชที่แกล้งหอมแก้มผมออกไป แต่พอถูกรวบตัวไว้จากด้านหลังแบบนี้แล้วมันก็ขัดขืนลำบากจังเลยครับ
     “พี่ชัชอ่ะ! เดี๋ยวสูทก็ยับหรอกครับ”
     “ไม่เป็นไร งานมันกลางคืน ไม่มีใครเห็นหรอก มาให้พี่หอมซะดีๆ”
     พี่ชัชนะพี่ชัช เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ แต่ว่า... พอถูกพี่ชัชที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จใหม่ๆ กอดแล้วมันก็... อยากซบอีกนานๆ จังเลยครับ แฟนผมตัวหอมจัง
     “ฮั่นแน่! มีแอบยิ้มนะต้น เคลิ้มเลยเหรอครับ?”
     “บ้าละครับ!”

     และวินาทีที่ผมขึ้นลิฟท์มาถึงงานแต่ง บรรยากาศหน้าห้องจัดงานที่เต็มไปด้วยฉากแนวยุทธภพตกแต่งด้วยสีแดงก็ปรากฏสู่สายตา สวยมากๆ เลยล่ะครับ ถึงจะดูแปลกแหวกแนวแต่ก็น่ารักดี ทำเอาผมอดนึกถึงเรื่องที่พี่พันบ่นเรื่องค่าใช้จ่ายจ้างออร์แกไนเซอร์จัดงาน ไม่ได้ พี่พันบ่นสารพัดเรื่องที่เจ้าสาวร่ำร้องอยากให้ครั้งหนึ่งในชีวิตนั้นพิเศษสุดๆ สารพัดอย่างที่ทำเอาตัวเลขค่าใช้จ่ายพุ่งสูงจนค่าสินสอดแทบไม่พอ ตอนแรกที่ได้ยินผมก็ว่าทำไมมันแพงจัง แต่พอเห็นแล้วก็... อืม มันก็สวยดีนะครับ จากเดิมที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลงทุนทำอะไรตั้งมากมาย ทำเอาผมนึกอิจฉาขึ้นมาเลยล่ะครับ ตอนนี้ผมเข้าใจคำว่า“ครั้งหนึ่งในชีวิต”ขึ้นมาแล้ว แต่ว่า... ผมคงไม่มีโอกาสแบบนี้หรอก
     “ต้นทางนี้ครับ”
     เสียงพี่ชัชเรียกผมดังขึ้น ผมเลยเดินไปหาพี่เขา พี่ชัชกำลังรับของชำรวยจากเพื่อนเจ้าสาวอยู่เลยครับ ผมไม่รู้ว่าภายในซองการ์ดงานแต่งที่คล้ายเทียบเชิญนั่นพี่ชัชใส่เงินไปเท่าไหร่ แต่ผมรู้ดีว่าคืนนั้นน่ะหลายหมื่นเชียวครับ ให้ตายสิ!
     “เขียนอะไรอวยพรคู่บ่าวสาวหน่อยครับ หรือเราจะลงชื่อต่อจากชื่อพี่ก็ได้นะ”
     ผมเหลือบมองข้อความที่พี่ชัชเขียน “ในที่สุดคุณก็เลิกทำไร่แห้วหันมาปลูกต้นรักเหมือนคนปกติ ดีใจด้วยที่หาเมียได้สักที - ชัช” เอาล่ะ นี่คือสิ่งที่ผมจะเขียน “ยินดีกับพี่พันด้วยนะครับ ขอให้พี่ทั้งสองครองรักกันตราบนานเท่านาน - ต้นน้ำ” พอผมหันไปมองพี่ชัชก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พลางชี้ให้ผมดูข้อความใกล้ๆ กัน “ใน ที่สุดคุณก็ลงมาอยู่ในนรกขุมเดียวกับพวกผมแล้ว ยินดีต้อนรับสู้นรกไร้ทางออกขุมนี้ว่ะเพื่อน แต่ถ้าคุณมีน้ำยาพอ คุณอาจจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งคืน ไปให้ถึงนะเว้ย ฮ่าๆ - แกล้วกล้า”
     เชื่อเขาเลยคุณลุงพวกนี้!

     พี่พันกับเจ้าสาวยืนต้อนรับอยู่หน้างาน พี่พันใส่ชุดสีขาวผูกหูกระต่ายสีแดง ส่วนเจ้าสาวของพี่พันสวยมากครับ ชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่ประดับด้วยผ้าลูกไม้ปักดิ้นแซมมุกแพรวพราวนั่นดูโดด เด่นตัดกับบรรดาแขกเหรื่อคนอื่นๆ เพราะผิวขาวผ่องของเธอกับปากสีแดงสดนั่น เธอเลยดูสง่างามสุดๆ เป็นความสวยที่เรียบง่ายแต่สามารถรวมจุดสนใจไว้ที่เธอและพี่พันครับ ผมยืนมองเพลินเลยเพราะนี่เป็นการมาร่วมงานแต่งงานครั้งแรกในชีวิตของผม
     “อ้าวๆ คุณชัช มาๆ”
     พอพี่พันหันมาเห็นพี่ชัชก็เรียกพี่เขาเข้าไปถ่ายรูปด้วยกันครับ พี่ชัชเลยหันมาพยักหน้าให้ผม
     “ต้น มา”
     “โว้ว! ควงมาเปิดตัวด้วยเหรอคุณ? สาวร้องไห้กันทั้งงานแน่ๆ”
     เสียงแซวของพี่พันช่วยตอกย้ำความไม่มั่นใจของผม สิ่งที่ผมกลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้วครับ! ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่พี่ชัชจับมือผมแล้วดึงให้ผมเดินตามพี่เขาไปด้วยกัน
     “มาๆ ถ่ายรูปกันหน่อย”
     ผมไม่ได้ใส่ใจว่าพี่ชัชกับพี่พันคุยอะไรกันเพราะผมไม่กล้าฟัง ผมพยายามฉีกยิ้มคงหน้ากากใบนั้นค้างไว้บนหน้าเพียงอย่างเดียว เรื่องอื่นผมไม่กล้าสนใจครับ ผมไม่กล้าสำรวจว่าสายตาของตากล้องตอนที่เขามองผมกับพี่ชัชนั้นเขามองพวกเรา ด้วยสายตาแบบไหน ผมรู้แค่ว่ามีหน้าที่ยืนให้พวกเขาถ่ายรูปให้มันจบๆ ไป...
     “หน้าน้องเขาซีดๆ นะ พาไปนั่งพักข้างในไป ผมให้พวกคุณนั่งโต๊ะเดียวกันนะ ยุทธมันมาคนเดียวว่ะ”
     แล้วพี่ชัชกับพี่พันก็หันมากระซิบกันก่อนจะพยักหน้าสื่อความหมาย หลังจากนั้นพี่ชัชก็จูงผมเข้ามาด้านในห้องจัดงาน
     “ไหวมั้ยครับต้น?”
     จู่ๆ พี่ชัชก็หันมาถามผม แถมพี่เขายังบีบมือผมด้วยครับ ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เขา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แต่ตอนที่ผมกำลังพยายามจะตอบพี่ชัชก็พูดขึ้นมาว่า
     “เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะครับ”
     ด้วยคำพูดเพียงแค่นั้นผมก็น้ำตาไหล ผมรู้ดีว่าการที่พี่ชัชทำแบบนี้คนที่กดดันที่สุดก็คือพี่เขา นอกจากผมจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้วผมยังทำให้มันแย่ลงไปอีกโดยการทำให้แฟนผมเป็นห่วง!
     “เฮ้ย! ไม่เอานะต้น ห้ามร้อง”
     พี่ชัชเอ็ดผมเบาๆ ก่อนจะแหย่ต่อพลางดึงผมไปกอด
     “นี่มันงานแต่งเพื่อนพี่นะต้น ห้ามร้อง คนเขาถือ”
     ผมซบพี่ชัชอยู่สามวิแล้วก็ยิ้มออกมา ผมพร้อมแล้วครับ!
     แล้วพี่ชัชก็จูงผมไปนั่งที่โต๊ะตัวเดียวกับพี่พงศ์ พี่กล้า และพี่ยุทธ พี่พงศ์มากับภรรยาสองคน ส่วนพี่กล้าพาภรรยาที่กำลังอุ้มท้องกับลูกชายมาด้วยแหละครับ สามขวบนี่วัยกำลังซนเลย ผมก็เลยนั่งติดกับภรรยาพี่กล้าแล้วก็นั่งเล่นกับน้องเขา แต่ดูเหมือนแฟนพี่กล้าจะรู้จักพี่ชัชด้วยล่ะครับ เธอเรียกพี่ชัชว่า“เฮีย”อย่างสนิทสนมแถมยังมองมาทางผมบ่อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ออกจะคุยกับพี่ชัชซะมากกว่า
     ผมกับพี่ชัชนั่งลงบนโต๊ะได้แปปเดียว โต๊ะจีนยังมีแค่ออเดริฟวางเสิร์ฟอยู่เลยครับ แต่แฟนผมถูกพี่กล้าดึงตัวไปร่อนทั่วงานอย่างกับเป็นเจ้าบ่าว พวกเภสัชนี่เขาสนิทสนมกันดีนะครับ รุ่นพี่รุ่นน้องมากันเพียบ แฟนผมก็คงกว้างขวางพอตัวถึงได้รู้จักคนโน้คนนี้ไปทั่ว จะว่าไปสาวๆ ในงานหลายคนเลยครับที่แวะเวียนมาเช็คเรทติ้งกับแฟนผม แต่ละคนแวะมาทักทาย “ต๊าย ไม่เจอกันนานเลยค่ะชัช” ซ้ำๆ กันอยู่ได้ พี่ๆ คนอื่นไม่อยู่ในสายตาของพวกเธอ ทุกคนจ้องแฟนผมตาเป็นมัน!
     ผมนั่งเล่นกับน้องเพชรได้ซักพักพวกพี่ๆ เขาก็กลับมากัน
     “ป๊า! ลากเฮียไปตั้งนาน ปล่อยน้องเขาไว้คนเดียว สงสารน้องเขา”
     “ทำไงได้ พาไปหาเพื่อนแต่ระหว่างทางอุปสรรคเพียบ กิ๊กเก่าคุณชัชเขาเยอะ”
     “อะแฮ่มๆ พูดดีๆ หน่อยคุณกล้า อย่าให้ผมแฉ”
     “ไหนๆ มีอะไรเฮีย แฉมาเลยพลอยรอฟังอยู่ อย่าให้รู้ว่าป๊าแอบไปทำอะไรลับหลังพลอยนะ!”
     “โถๆ มีที่ไหน ชัชมันก็พูดไปงั้น เฮ้ย! ไม่ช่วยผมเลยพวกคุณนี่”
     “หึๆ”
     แล้วพี่พงศ์ก็เริ่มอีกแล้วครับ
     “ต้น อยากรู้มั้ยคนไหนกิ๊กเก่านายชัชเขา อยากรู้เดี๋ยวพี่ชี้คนที่ไม่ใช่ให้ ง่ายกว่านับคนที่ใช่”
     “ไม่ถึงขนาดนั้นคุณ แค่พูดคุยสนิทสนมกันเฉยๆ”
     “ตอนเรียนนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนทำงานนี่สิ ขนาดต่างบริษัทยังได้ข่าวว่าไม่เหลือ ฮ่าๆ”
     “พูดไป แค่สานสัมพันธ์เรื่องงาน”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วพวกเขาก็หัวเราะกันสนุกสนาน พี่ๆ เขาแซวกันขำๆ เพราะอาจจะรู้สึกว่าการเลือกประเด็นนี้ขึ้นมาอำกันน่าจะดีกว่าพูดเรื่องของผม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะสงบใจดีรึเปล่าครับ เพราะยิ่งพี่ๆ เขาพูดผมก็ยิ่งกลัว ทั้งๆ ที่ผมควรจะร่วมยินดีและอวยพรแด่คู่บ่าวสาวแต่ใจผมไม่สามารถสงบลงได้เลย ภาพพรีเซนเทชั่นการพบกันระหว่างเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวได้รับคำชมจากแขกเหรื่อมากมาย แต่ผมแทบไม่ได้สนใจ ผมไม่รู้ด้วยว่าเค้กงานแต่งของทั้งคู่มีกี่ชั้น จนกระทั่ง...
     “คุณแม่ขา หนูจะไปหาลุงชัช”
     “โอ้ย ช้าๆ สิคะลูก อย่าวิ่งค่ะน้ำหวาน”
     ผมจำเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ครับ!
     “อ้าวตาล?”
     “ดีค่ะชัช”
     ผมมองผู้หญิงคนนี้ทักทายกับพี่ชัชและคนอื่นๆ ในโต๊ะ เธอไม่ได้รู้จักแค่พี่ชัช กับคนอื่นๆ พวกเขาก็ดูสนิทสนมกันดี
     “นั่งโต๊ะไหนเหรอน้ำตาล นั่งด้วยกันมั้ย?”
     ระหว่างที่พี่ยุทธพูดผมก็แอบสังเกตพี่ชัช พี่เขาไม่มีอะไรผิดปกติ มีแต่หัวใจผมเองที่เต้นเร็วขึ้น
     “ว่าจะไปนั่งกับน้องๆ ที่บริษัทเก่าน่ะยุทธ แต่ยังหาไม่เจอเลย”
     “อยู่มุมโน้นมั้ง โน่นแขกเจ้าสาว มุมนี้แขกเจ้าบ่าว สัดส่วนผิดกันเห็นๆ ความจริงน้ำตาลนั่งกับพวกเราก็ได้ เพื่อนกันทั้งนั้น”
     แทนที่เธอจะตอบคำถามพี่พงศ์ เธอกลับปรายตามาทางผมแล้วยิ้ม แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็งอแง
     “คุณแม่ขา หนูอยากนั่งกับลุงชัช”
     น้องเธอไม่งอแงเปล่าแต่ยังปีนขึ้นมานั่งตักพี่ชัชอีกด้วยครับ พี่ชัชก็ยิ้มๆ เอาใจเด็กก่อนจะชวนคุยสัพเพเหระ
     “พึ่งมาถึงรึไงตาล?”
     “ค่ะ มัวแต่รอเจ้าหญิงแต่งตัวเนี่ย”
     เธอก้มลงมาจับแก้มลูกสาวตัวเองบนตักพี่ชัชก่อนจะพูดต่อ
     “อยู่ๆ ก็ร้องไห้งอแงดื้ออยากตามมาด้วย น้ำตาลเลยมาสายเพราะกว่าเจ้าหญิงจะแต่งตัวเสร็จ เฮ้อ! แล้วนี่เขาเริ่มกันไปนานหรือยังคะ?”
     “ยังๆ จะนั่งกับพวกเรามั้ย เมียยุทธมันไม่มา เก้าอี้ว่าง ฮ่าๆ”
     พี่กล้าแซวพี่ยุทธแล้วหัวเราะ ทุกคนหลุดขำกันนิดหน่อย ผู้หญิงคนนั้นมองตรงมาที่ผม เธอส่งยิ้มให้อย่างท้าทายแล้วก็พูดขึ้น
     “อย่าดีกว่าค่ะ น้ำตาลนัดกับน้องๆ เอาไว้แล้ว ไปค่ะน้ำหวาน ไปกับคุณแม่นะคะ”
     “แต่ว่าหนูอยากอยู่กับลุงชัชนี่คะ”
     น้องเธองอแงครับ เธอไม่ยอมลุกออกจากตักของแฟนผมเลย
     “เอ๊ อะไรเนี่ยคุณชัช! กับเด็กก็ไม่เว้นนะคุณ”
     “ทำไงได้ เสน่ห์ผมมันเกินห้ามใจครับ แม้แต่เด็กยังรักยังหลง ฮ่าๆ รักลุงชัชมั้ยลูก?”
     “รักค่า”
     “ฮ่าๆ”
     ผมรู้ดีนะครับว่าผมไม่ควรถือสาอะไรกับเด็ก ถ้าเพียงแต่น้องเขาจะไม่ใช่ลูกของผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมเกลียดเธอครับ ผมไม่ชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ!
     “ชัช! อย่าให้ท้ายยัยน้ำหวานสิคะ ไปเร็ว ไปกับคุณแม่นะคะ ไปสวัสดีเพื่อนคุณแม่ก่อนนะ แล้วหนูค่อยมาหาลุงชัชอีกทีก็ได้”
     “แต่หนู...”
     “เชื่อฟังคุณแม่นะครับ เด็กดีห้ามดื้อนะ เด็กดื้อไม่น่ารักเดี๋ยวลุงชัชไม่พาเด็กดื้อไปเที่ยวแล้วนะเออ”
     ผมเพิ่งรู้นะครับว่าแฟนผมเคยพาเด็กดีไปเที่ยวด้วย!
     “ก็ได้ค่า หนูจะเชื่อฟังคุณแม่กับลุงชัช”
     น้องเธอยิ้มแก้มปริ และพี่ชัชก็หอมแก้มน้องเขาก่อนที่จะส่งลูกสาวคืนให้แม่ ตอนที่พวกเขาสองแม่ลูกเดินออกไป เสียงแซวพี่ชัชยังคงดังมาจากพี่ๆ ในกลุ่ม พี่ชัชปฏิเสธอ้างไปเรื่อย ผมรู้ดีว่าพี่ๆ เขาแกล้งแหย่ให้พี่ชัชเหงื่อตกไปงั้น ผมเลยได้แต่แกล้งยิ้มทำเป็นไม่ถือสาคำแซวพวกนั้น ถึงผมพอจะเดาได้ว่าพวกเขาคงเคยคบกันแต่พอมาได้ยินชัดๆ อีกทีผมก็เจ็บจี๊ดอยู่ดีครับ พี่ชัชปฏิเสธเรื่องรีเทิร์น เล่าว่าเพราะทำงานด้วยกันเลยกลับมาสนิทกันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ยิ่งฟังผมก็ยิ่งเจ็บ ผมรู้ได้ทันทีว่าพี่ชัชเคยรักผู้หญิงคนนี้มาก ... มากเสียจนแม้แต่เพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ ยังแวะมาแซว สัญชาตญาณของผมบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่กิ๊กชั่วคราวทั่วๆ ไปที่พี่ชัชเคยเหลวไหลด้วย เธอเป็นมากกว่านั้น เพราะอย่างน้อยเพื่อนพี่ชัชเกือบทุกคนก็พากันแซวให้พวกเขากลับมารักกัน!
     ผมอดทนนั่งยิ้มอยู่ตรงนั้นจนถึงคิวเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกมาเดินทักทายแขกเหรื่อ น้องน้ำหวานเธอวิ่งมาหาพี่ชัชเองเดือดร้อนพี่ชัชต้องพากลับไปส่งให้ที่โต๊ะ ตอนที่พี่ชัชลุกออกไปผมเลยขอตัวกับทุกคนในโต๊ะออกมาเข้าห้องน้ำ
     ผู้หญิงที่แวะเวียนมาทักทายพี่ชัชมีทั้งสวยและไม่สวย แต่ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกเหนืออ่างล้างมือคือผู้ชายคนหนึ่ง แตกต่างกับคนพวกนั้น แค่คุณสมบัติพื้นฐานผมก็สู้อะไรคนพวกนั้นไม่ได้แล้ว ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกสร้างมาให้ครองคู่กับผู้ชาย บางทีผมอาจไม่ควรมางานนี้แต่แรก งานแต่งงานไม่เหมาะกับคนไม่สมประกอบแบบผมหรอก
     “ล้างมือนานจังต้น เหม่ออะไรอยู่ครับ”
     “พี่ชัช!”
     พี่ชัชยืนกอดอกมองผมอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ พอพี่เขาเห็นผมสะดุ้งก็เดินเข้ามาใกล้แล้วกอดผม พี่เขาสวมกอดผมอยู่แปปนึงก่อนจะผละออกแล้วจับศีรษะผมโยกไปมา สายตาของพี่ชัชไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเมื่อตอนอยู่ในงานก่อนหน้านี้เลยครับ พี่เขามองสบตากับผมอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมา
     “ไหวมั้ยต้น? ถ้าไม่ไหวพี่จะพาเรากลับ”
     “ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ”
     ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องรีบปฏิเสธพี่เขาแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงผมอยากร้องไห้เสียด้วยซ้ำ!
     “ทนได้รึเปล่าต้น อดทนเพื่อพี่อีกนิดได้มั้ยครับ เชื่อใจพี่ ทำใจให้หนักแน่นแล้วอยู่ข้างๆ พี่นะครับ”
     ไม่ไหวแล้วครับ! ผมเป็นฝ่ายพุ่งไปกอดพี่ชัชเอง โชคดีที่ในห้องน้ำไม่มีคนอยู่ ต่อให้มีคนอยู่ผมก็ไม่สนแล้วครับ พี่ชัชกอดผมโดยที่ไม่กลัวว่าสูทตัวเองจะเลอะคราบน้ำตาผม
     “พี่รู้ว่าเรื่องในวันนี้อาจทำให้ต้นคิดมาก พี่ไม่แน่ใจว่าต้นจะได้ยินเรื่องอะไรบ้าง พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเอาเราไปพูดอะไรต่อ แต่พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่รักต้นครับ พี่ถึงได้พาต้นมาด้วย ต้นทำเพื่อพี่ได้มั้ยครับ? แสดงให้พวกเขาเห็นว่าพี่เลือกคนไม่ผิด ต้นมีดีมากพอที่พี่จะทุ่มเทให้ ทำให้พวกเขารู้ว่าเรารักกันนะครับ”
     “ครับ พี่ชัช”
     ผมจำได้ว่าผมตอบพี่ชัชไปแบบนั้น ผมสัญญาจะอดทนเพื่อพี่ชัชของผม ... ผมทำสัญญาเพื่อกักขังตัวเองไว้กับหมาป่าอีกแล้วสินะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... บีบคั้นกันเข้าไป เค้นกันเข้าไป  :hao5:  ดราม่าอึดอัดหน่วงจิตปวดใจจริงหนอ มันไม่โศกเนาะนิยายเรื่องนี้ มันอึดอัดบีบรัดหัวใจเนาะ ปวดตับใช่มั้ยล่ะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ในที่สุดงานสังสรรค์ก็จบลง ไอ้พันมีเมีย แต่ผมนี่สิ... มีปัญหา ผมรู้สึกได้ว่าระหว่างผมกับต้นมีคลื่นความไม่สงบบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ผมสังเกตเห็นแต่ผมไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงได้แต่มองคลื่นลูกนั้นขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ผมไม่โทษต้น แต่ผมโทษตัวเอง ใครใช้ให้ผมทำตัวเลวไว้เยอะในอดีตล่ะครับ
     คิดไว้ไม่ผิดว่าน้ำตาลจะทำให้ชีวิตรักผมมีปัญหา น้ำตาลอาจจะเคยรักผม แต่เวลานี้เธอไม่ได้รักผมแล้ว เธอแค่อยากเอาชนะผมเพราะความแค้นที่มีต่อผมมันบงการหัวใจเธอ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอรู้ว่าผมกำลังคิดจีบฟ่างอย่างจริงจัง ตอนนั้นเธอก็เข้ามาพัวพันกับผมแบบนี้เหมือนกัน ดีที่ฟ่างสู้คน แต่คราวนี้ ... ต้นไม่ใช่ฟ่าง เด็กผู้ชายคนที่ผมคบด้วยตอนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงมั่นใจในตัวเองแบบฟ่าง แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าต้นรับมือกับปัญหาได้เก่งเท่าฟ่างก็คงจะดี ฟ่างเป็นผู้หญิงที่ผมอยากได้เป็นคู่คิดไว้เดินเคียงข้างกันจริงๆ เธอเก่งพอที่จะรับมือกับเรื่องยุ่งเหยิงในชีวิตของผม แต่ผมคงห่วยเกินไปสำหรับเธอ
     ใช่ว่าผมไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่จะให้ผมตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับน้ำตาลมันก็เป็นไปไม่ได้ พวกเรายังต้องทำงานร่วมกันอยู่ครับ  และอีกอย่างเด็กไม่มีความผิดอะไร ผมรู้ดีว่าตอนนี้น้ำตาลก็เหมือนคนกำลังจมน้ำ ใครผ่านเข้ามาเธอก็คว้าเอาไว้หมด เธอเห็นผมเป็นชูชีพให้ลูกของเธอ หัวอกแม่น่ะผมเข้าใจครับ ผมจะเป็น“ลุงชัช”ให้ใครก็ได้ กับหลานๆ ผมก็ทำแบบนี้ แต่บังเอิญว่าแม่ของเด็กคือน้ำตาล และผมก็เคยคบกับเธอ เรื่องมันถึงบานปลายแบบนี้เพราะเสียงแซวที่ดังขึ้นเนื่องจากเพื่อนร่วมรุ่นบางคนรู้แค่ว่าผมโสดและน้ำตาลเลิกกับแฟน
     ไอ้เพื่อนเวรบางคนถึงขั้นจ้องหา DNA ผมบนหน้าเด็ก ผมไม่ใช่คุณพ่อฉึกๆ นะครับ พวกมันเล่นแซวกันแบบนี้เมียผมไม่คิดมากก็แปลก เพื่อนร่วมรุ่นพวกนี้นานๆ รวมตัวกันที บางคนก็ไม่ใช่คนในแวดวงการทำงานของผม พวกมันเลยไม่รู้ข่าวของผมกับต้น
     ความจริงแล้วแค่ในวงการผู้แทนยังมีคนรู้เรื่องน้อยเลยครับ รู้กันก็เฉพาะคนใกล้ชิดที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ คนในบริษัท หรือพวกที่รู้มาจากคนที่สนิทกับผมอีกที ดังนั้นเสียงแซวในงานนี้ระหว่างผมกับน้ำตาลจึงหนาหนูเป็นพิเศษ บางคนถึงขั้นยุเด็กให้เรียกผมว่าพ่อ และแน่นอนเด็กก็ตอบอย่างไร้เดียงสาว่าอยากให้ผมเป็นพ่อ ไม่ต้องรอให้น้ำตาลยุยงลูกหรอกครับ แต่ระหว่างพ่อที่ไม่เคยเหลียวแลกับคุณลุงใจดีอย่างผมเดาได้ไม่ยาก แล้วจะให้ผมดุเด็กเหรอครับ? หรือจะให้ผมทำตัวขวานผ่าซากประกาศกลางงานแต่งของเพื่อนว่าผมอยู่กินกับเมียที่เป็นผู้ชายอย่างนั้นเหรอ? โลกนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นนะครับ ผมควงต้นไปอย่างเปิดเผย ตอบทุกคนที่ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับต้น แต่ไม่ได้ลากต้นไปเดินเปิดตัวกับคนรู้จักของผมทุกคนก็เท่านั้น เพราะผมกับต้นไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน
     หลังจบงานแต่ง ผมมีโอกาสอยู่กับน้ำตาลสองต่อสอง พวกเราเจอกันที่ออฟฟิสตอนประชุม หลังเสร็จงาน เธอชวนผมคุยแล้วก็เปิดฉากโจมตีผมด้วยคำถามที่ว่า
     “ไม่คิดว่ายัยน้ำหวานเป็นลูกชัชบ้างเหรอ?”
     ผมพอจะรู้ว่าเธอคิดอะไร แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะมาไม้นี้ครับ
     “ม่ายอ่ะ”
     “ทำไมล่ะ แกอาจจะเป็นลูกชัชก็ได้นะ ช่วงนั้นเราก็มีเจอกันบ้างนี่”
     “ชัชใส่ถุงนะตาล”
     ผมยอมรับว่าผมนอนกับน้ำตาล แต่ผมป้องกัน แถมนับเดือนแล้วก็ไม่ใช่ด้วย ดังนั้นผมมั่นใจว่าผมไม่มีทางพลาดแน่ๆ ครับ
     “ก็อาจจะพลาด”
     “ไม่มีทาง เรานอนกันก่อนที่ตาลจะท้องตั้งสามสี่เดือน ตาลท้องสิบสองเดือนรึไง?”
     “น้ำตาลอาจจะโกหกเรื่องวันเกิดยัยน้ำหวานก็ได้”
     “หึๆ ไม่หร้อก ถ้าน้องน้ำหวานเป็นลูกชัชจริงตาลต้องรีบมาตบชัชตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าตัวเองท้องแล้ว ชัชรู้จักตาลดีน่ะ”
     เธอยิ้มแล้วหัวเราะน้อยๆ พลางโคลงหัวไปมาเหมือนขำซะเต็มประดา เธอรู้ดีว่าผมพูดถูก
     “แล้วไม่อยากได้ยัยน้ำหวานเป็นลูกบ้างเหรอ น้ำตาลยกให้ ยัยน้ำหวานติดชัชน่าดู ชัชชอบเด็กผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
     “เป็นแค่ลุงน่ะดีแล้ว”
     “ทำไมล่ะ ตัวเองก็ไม่มีลูกนี่”
     “ชัชรับยัยน้ำหวานเป็นหลานได้ เป็นเพื่อนสนิทคุณแม่ให้แกได้ แต่อย่าให้ชัชเป็นพ่อยัยน้ำหวานเลย ชัชมีเมียแล้ว ขี้เกียจอธิบายให้เด็กฟังว่าทำไมเมียคุณพ่อเป็นผู้ชาย”
     “เมียที่มีลูกด้วยกันไม่ได้แถมยังจืดชืดแบบนั้นเนี่ยนะ? น้ำตาลไม่ยักรู้ว่าชัชหันไปชอบแกงจืด”
     “หืม... รู้ได้ไงว่าจืด อาจจะอร่อยก็ได้นะคร้าบ ต้มจืดก็กินง่ายดีออกซดคล่องคอ กลืนง่าย”
     ผมยักคิ้วให้เธอ แต่เธอกลับยิ้มยั่วผมอย่างรู้ทัน
     “น้ำตาลไม่เชื่อหรอกว่าอย่างชัชจะทนกินแกงจืดชืดๆ ถ้วยเก่าได้นาน ยังไงซะชัชก็ชอบกินแกงเผ็ดรสจัดจ้านอยู่ดี นิสัยคนเราเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
     “ก็แก่แล้ว เลยอยากถนอมสุขภาพบ้างไรบ้าง ให้กินของเผ็ดๆ ทุกวันก็ไม่ไหวนะ เหนื่อย แต่สำหรับต้มจืดชัชกินได้ทุกวันแหละ เพราะคนทำเขาตั้งใจปรุงเพื่อชัชคนเดียว รสมันเลยถูกใจ รู้สึกได้ถึงความรักทุกครั้งที่กิน”
     “พูดเป็นเล่นน่ะชัช”
     น้ำตาลเธอเสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเพราะเริ่มเป๋ไปต่อไม่ถูก ผมเลยเย้าเธอต่อ
     “เอ้าจริงๆ นะ! ต้นมันทำกับข้าวให้ชัชทุกวันเลยรู้เปล่า? เมนูต้มจืดเจ็ดวันไม่ซ้ำกันซักอย่าง หึๆ”
     “ค่ะ แล้วน้ำตาลจะคอยดูว่าชัชจะทนกินแต่แกงจืดไปได้อีกนานเท่าไหร่ ... แล้ว... ไม่อยากได้อะไรหวานๆ ซักหน่อยเหรอคะ?”
      เธอหันกลับมาจ้องตาผมอย่างท้าทาย ผมเหนื่อยกับความอาฆาตของเธอจริงๆ
     “ไม่ดีกว่าจ้ะ แก่แล้วกินหวานเยอะๆ เดี๋ยวเบาหวานจะถามหา”
     “ฮะๆ จริงเหรอ? ชัชเนี่ยนะปฏิเสธของหวาน”
     “เมื่อก่อนชัชอาจจะกินไม่เลือก ชอบของฟรี แต่มีนะ เวลาที่ชัชอิ่มจนไม่คิดจะกินอะไรอีก ต่อให้มีของหวานฟรีมาวางตรงหน้าก็ตาม”
     “เหรอคะ มีด้วยเหรอเวลาแบบนั้น?”
     เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความแปลกใจอย่างเสแสร้ง ผมจับกระแสดูถูกได้ในนั้น เธอยังคงเกลียดผมเพราะเรื่องนั้นอยู่ เธอแค้นผม
     “มีสิตาล เวลาที่ชัชมีแฟนไง เวลาที่ชัชพูดออกจากปากตัวเองว่ารักใครเวลาแบบนั้นแหละที่ชัชอิ่มเป็น เพราะชัชไม่เรียกคู่นอนชั่วคราวว่าแฟนหรอก ชัชไม่เคยนอกใจแฟนตัวเอง”
     น้ำตาลเธอหน้าตึงทันทีครับ เธอรู้ดีว่าผมหมายความถึงอะไร
     “ชัชอาจจะดูเจ้าชู้มักมากฟันไม่เลือก เจ๊าะแจ๊ะกันคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ถ้าให้นับว่าชัชเคยเอากับใครบ้างคงไล่ชื่อได้เยอะ แต่ถ้าชัชไม่คิดจริงจังชัชไม่เรียกคนๆ นั้นว่าแฟนหรอก และชัชก็ไม่เคยนอกใจแฟนตัวเอง ต้นเป็นคนที่สามที่ทำให้ชัชรักมากขนาดนี้ กับฟ่าง... มันน่าเสียดายที่เราไปกันไม่รอด เราเข้ากันไม่ได้หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องบ้านชัช แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ ตาลรู้มั้ยว่าตอนที่ชัชกับต้นรถคว่ำแล้วต้นต้องนอนโรงพยาบาล ฟ่างขับรถพาชัชไปเยี่ยมต้นทุกวันจนชัชหายเจ็บ ฟ่างกลับมาดูแลชัชทั้งๆ ที่ชัชโคตรงี่เง่า ... ชัชยังด่าตัวเองอยู่ทุกวันที่โง่ปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ แบบนั้นหลุดมือไป แล้วสิ่งที่ทำให้ชัชรู้สึกดีที่สุดก็คือผู้หญิงคนนั้นบอกกับชัชว่าอย่าปล่อยให้ต้นหลุดมือเพราะถ้าไม่ใช่ต้นโลกนี้ก็คงไม่มีใครทนชัชได้อีกแล้ว”
     เธอเงียบไปเลยครับ ผมเลยถอนหายใจแล้วพูดต่อ
     “ถ้าตัดเรื่องที่ต้นเป็นผู้ชายออกไป ชัชหาข้อเสียของต้นไม่เจอ แต่ถ้าชัชโอเคกับเรื่องที่ต้นเป็นผู้ชายมันก็เท่ากับต้นไม่มีข้อเสีย สุดท้ายแล้วเราก็แค่อยากได้ใครซักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายทั้งกายและใจไม่ใช่เหรอตาล ตาลเองก็รู้นี่ความรักอย่างเดียวมันไปไม่รอดหรอก ความเหมาะสมอย่างเดียวมันก็ไม่ช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาว เราต้องเลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ โตๆ กันแล้วอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป ต่อให้ตาลเกลียดชัชมากกว่านี้ แค้นชัชยิ่งกว่านี้ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา”
     “ชัชก็พูดได้นี่ ชัชไม่ใช่น้ำตาล! ชัชใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แล้วน้ำตาลล่ะ? ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนั้นเพราะชัชนั่นแหละ ถ้าตอนนั้น...”
     เธอดูแค้นผมมาก จริงอยู่ผมเป็นคนทำให้เธอเสียใจ แต่เธอก็เลือกที่จะพังชีวิตของตัวเอง ผมไม่ได้เลือกให้เธอ ผมนึกเปรียบเทียบเธอกับ“แม่”อีกคนที่ผมรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นเธออดทนเลี้ยงลูกตามลำพังไร้ความช่วยเหลือจากพ่อของเด็ก เธอเองก็เกลียดผู้ชายมักง่ายเช่นกัน แต่เธอยอมลดทิฐิของตัวเองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของเธอ และที่สำคัญก็คือเธอไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความแค้นนั้น เธอมีความรักครั้งใหม่ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในต่างแดน พี่น้ำ แม่ยายผมเอง
     “ชัชอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาลเสียใจ แต่คนที่เลือกทางเดินชีวิตก็คือตาลเองนะ แค้นชัชไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะให้ชัชขอโทษตาลกี่ร้อยกี่พันครั้งเราก็เปลี่ยนเรื่องในอดีตไม่ได้”
     น้ำตาลคนสวยของผมเธอตบผมครับ เธอตบผมแล้วก็ร้องไห้ออกมา ผมอดไม่ได้ที่จะกอดเธอ
     “ชัชมันเห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด ฮือๆ”
     “แล้วคิดว่าชัชไม่เสียใจเหรอที่ตาลทำแบบนั้นกับชัช คิดว่าชัชไม่เจ็บเหรอ ตาลมีทิฐิ ชัชก็มีศักดิ์ศรีของชัชนะ ตาลรู้มั้ยว่าชัชเฝ้าถามตัวเองกี่พันครั้งว่าชัชทำผิดอะไรทั้งๆ ที่ชัชไม่เคยทำผิดกับตาล แต่โอเค... ชัชยอมรับว่าชัชเลวมากที่ชัชทำแบบนั้นกับตาลแทนที่เราจะคุยกันดีๆ พวกเราเอาแต่แก้แค้นกันเพราะทิฐิมันบังตา ชัชไม่ควรทำกับคนที่ตัวเองรักแบบนั้น ตาลให้อภัยชัชได้มั้ย ชัชขอโทษ”
     นานมากแล้วที่ผมไม่ได้กอดน้ำตาลแบบนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่เราเปิดอกเถียงกันเรื่องนั้นตรงๆ ในที่สุดผมก็ได้ขอโทษเธอ
     “ไม่มีวัน! ถ้าชัชอยากให้น้ำตาลให้อภัยชัชก็เลิกกับเด็กคนนั้นสิ แล้วมาดูแลน้ำตาลกับลูกชดเชยในสิ่งที่ชัชเคยทำไว้”
     “ไม่ได้หรอกตาล ต้นไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วชัชก็ไม่ได้รักตาลแบบนั้นแล้ว สิ่งที่ชัชมีให้ตาลเหลือเพียงความปรารถนาดีแบบเพื่อนเท่านั้น ชัชสงสารยัยหนูก็จริงแต่ความรู้สึกผิดมันไม่ใช่ความรักนะตาล ให้ชัชเป็นลุงช่วยตาลดูแลลูกน่ะชัชทำได้ แต่ถ้าจะให้ชัชทิ้งต้นชัชทำไม่ได้หรอก”
     “ไม่มีทางที่ชัชจะกลับมารักน้ำตาลอีกครั้งจริงๆ เหรอ?”
     “ขอโทษนะ ชัชยินดีชดใช้ให้ตาลทุกอย่าง แต่ระหว่างเราให้มันเป็นแค่อดีตเถอะ ตาลก็รู้นิสัยแบบเราสองคนช้าเร็วยังไงก็ต้องเลิกกัน ไปกันไม่รอดหรอก ชัชมันก็เป็นไอ้งี่เง่าที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองคนเดิมนั่นแหละ ตาลทนชัชไม่ได้หรอก”
     ผมจำได้ว่าผมบอกเธอไปแบบนั้น ผมนึกว่าเธอจะให้อภัยผม แต่แล้วผมก็ถูกเธอเล่นงานเสียยับเยิน เธอให้ผมชดใช้ความแค้นของเธอด้วยต้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เป็นพระเอกที่ถูกด่าเยอะมาก ... ก็สมควร เขียนให้เลวนิไม่ได้เขียนเอาดี ชอบกันไม่ใช่เหรอคาสโนว่า เจ้าชู้ พระเอกเลวๆ โหดๆ นี่ไง เลวของแท้เลย สะใจมั้ย เหอะๆ ถึงจะเลวก็มีสเน่ห์นะจ้ะ กรั่กๆ

เชื่อว่าพอลงตอนต่อไปต้องมีคนแช่งพี่ชัชอีกตรึม!  :hao7: จบบทนี้จ้า เจอกันบทหน้า 18

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 15

P1P2 ป่าน&ไปป์

      นี่คือวิกฤตของชาวแก๊งหก! เรื่องราวน่ากลัวนี้เริ่มต้นจากเชื้อร้ายตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า“ไวรัส” สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เป็นต้นเหตุของโรคหวัดเข้าเล่นงานโอมอย่างจัง แต่ความโหดร้ายของการสอบนั้นน่ากลัวกว่า โอมผู้แข็งขันจึงไม่สามารถพักผ่อนจำต้องฝืนสังขารพาร่างกายอันหนักอึ้งมาเข้าห้องเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะกลัวพลาดเนื้อหาที่อาจารย์จะออกสอบ เขามุมานะอ่านหนังสืออย่างหนักจนร่างกายอ่อนแอของตัวเองรับไม่ไหวได้แต่นอนซมอยู่กับบ้าน
     แต่ถ้าจะหาตัวการของเรื่องละก็ ทุกคนสมควรกล่าวโทษไปป์! เนื่องจากนายไปป์ตัวดีไม่ระมัดระวังไปเยี่ยมเยือนโอมถึงบ้านและหยิบน้ำกับขนมของโอมมารับประทานแล้วก็เที่ยวไปแจกจ่ายเชื้อโดยการรับประทานขนมของเพื่อนคนอื่นๆ ต่ออย่างไม่เกรงใจใคร โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั้นกำลังเป็นพาหะของเชื้อร้ายตัวนี้ ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเชื้อร้ายจึงแผลงฤทธิ์ใส่คนทั้งห้า และผลของมันก็ทำให้หนุ่มไปป์นอนซมลุกจากเตียงไม่ขึ้น สาวเมย์เกิดอาการตัวร้อนเป็นไข้คล้ายจะเป็นลมทั้งวัน แม้แต่สาวแก้วเองก็เพลียๆ พากันรีบกลับบ้านไปพักผ่อน เหลือแต่หนุ่มต้นที่เหมือนจะรู้แกวชิงกินยาตัดหน้านอนหลับเป็นตายตั้งใจสู้กับเชื้อร้ายด้วยการพักผ่อนนั่งอ่านหนังสือตามลำพังในมหาวิทยาลัย เพราะหนุ่มโอมยังนอนซมเป็นวันที่สาม ส่วนสาวป่าน เธอคือคนที่แกร่งที่สุด เชื้อร้ายพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้เลย! เธอแข็งแรงและปลอดภัย สมบูรณ์ครบร้อยเปอเซ็นต์!
     ดังนั้น เมื่อได้ข่าวว่ายอดชายนายไปป์ล้มหมอนนอนเสื่อ ป่านจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเพื่อน เธอนั่งรถสาธารณะไปยังซอยวกวนของถนนลาดพร้าวเจ็ดสิบเอ็ด หมู่บ้านจัดสรรเก่าแก่โครงการเล็กๆ ในซอยลึกนั้นเป็นที่อยู่ของเพื่อนเธอ การต้องเข้าไปในซอยเปลี่ยวนั้นน่าหวาดกลัวพอๆ กับการซ้อนท้ายพี่วินมอเตอร์ไซต์หัวทองที่ชอบขับฉวัดเฉวียนเร่งทำรอบ แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวของป่าน เธอบ่นอุบด้วยความเซ็งถึงความลำบากของการเดินทาง
     และเมื่อการเดินทางอันทรหดได้ผ่านพ้นไป เธอก็มาถึงบ้านของเพื่อนสนิท บ้านสองชั้นหน้าตาคล้ายกันแตกต่างกันไปตามแต่รสนิยมของเจ้าของปลูกอยู่ชิดเสียจนหลังคาแทบจะเกยทับกัน แม้เธอจะไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนักหากจะนับก็เป็นเพียงครั้งที่สามตั้งแต่รู้จักกันมา แต่ทว่าเธอจำได้อย่างแม่นยำว่าบ้านของเพื่อนเธอนั้นหลังไหนแม้เธอจะจำลักษณะและเลขที่บ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอจำได้แม่นยำก็เพราะเธอรู้ดีว่าบ้านหลังข้างๆ ของบ้านเพื่อนเธอนั้นเป็นบ้านร้าง...
     ป้ายประกาศขายเก่าๆ สีซีด ทั้งฝุ่นและคราบควันรถเกาะจนแลดูกระดำกระด่าง ตัวบ้านภายนอกที่ปรากฏสู่สายตาก็เช่นกัน ทั้งสีลอกร่อนกระเทาะหลุดเป็นแผ่นๆ หญ้าขึ้นหรอมแหรมประปรายตามพื้นสนามว่างๆ ซากต้นไม้แห้งตายยืนต้นอยู่บ่งบอกให้รู้ว่าครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยเป็นสวนขนาดหย่อมที่มีคนคอยเอาใจใส่ บ้านหลังนี้ประกาศขายแต่ไม่เคยขายได้ มันร้างมาเกือบสิบปีแล้ว มันขายไม่ออกเพราะสาเหตุบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด สำหรับเธอมันก็ช่วยให้รู้ว่าบ้านหลังข้างๆ นั้นคือบ้านของเพื่อนเธอ
     ป่านล้วงเข้าไปในกล่องจดหมายเขรอะสนิมของบ้านร้าง เธอล้วงเอากุญแจสำรองออกมาและไขประตูรั้วบ้านหลังข้างๆ กันเข้าไปในอาณาเขตของบ้าน หลังจากนั้นก็หยิบกุญแจที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกขึ้นมาจากอ่างบัวในสวน ไปป์จอมพิลึกช่างหาที่เก็บกุญแจสำรองได้ประหลาดดีแท้! แต่แล้วเธอก็หย่อนกุญแจสำรองสำหรับไขเข้าตัวบ้านได้ที่เดิม เพราะเพื่อนของเธอไม่ได้ล็อกประตูบ้าน!
     ป่านเดินผ่านห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารที่อยู่ติดกันของชั้นล่างตรงไปยังบันได เธอตรงขึ้นไปชั้นสองอย่างไม่ลังเล เธอรู้ดีว่าห้องของเพื่อนนั้นคือห้องทางด้านหลัง ป้ายรูปไปป์สูบยาถูกแขวนไว้หน้าห้องนอน และเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ปิดผ้าม่านจนทึบแสง เธอก็พบกับเจ้าของบ้านนอนซมอยู่บนเตียง แต่เพื่อนของเธอไม่ได้หลับ เขาเอ่ยทักเธอขึ้น
     “ป่าน เราหิวข้าว”
     “นี่อย่าบอกนะว่าแกยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง!”
     “เช้า... เราลุกไม่ขึ้น หิวอ่า”
     “อิไปป์!”
     ว่าแล้วเธอก็รีบพุ่งลงมายังชั้นล่าง เธอไม่คิดว่าเพื่อนจะอาการหนักเช่นนี้จึงไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมาฝาก สาวแว่นเปิดตู้เย็นของเจ้าของบ้านพบเพียงอาหารแช่แข็งจากร้านสะดวกซื้อ “ผัดพริกแกง” อันนี้ก็เผ็ดไป เธอคิด แต่เมื่อมองไปทางตู้เก็บอาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับกับโจ้กกระป๋องแบบเติมน้ำร้อน ผงชูรสทั้งเพ! เธอเซ็ง แต่เพื่อสุขภาพกระเพาะของเพื่อน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ไข่แบบกินกันตายให้กับเพื่อนชาย
     ไปป์ซดบะหมี่อย่างหิวโหย เขาทานไปบ่นไปส่งเสียงครวญครางพลางอ้าปากที่ลิ้นพองเพราะความร้อนเป็นระยะ
     “ช้าๆ ก็ได้แก ลวกปากละนั่น”
     “ก็มันหิวอ่า”
     “ขี้เกียจเองอ่ะ ช่วยไม่ได้”
     “เราไม่สบายนะ มันปวดหัวจนลุกไม่ขึ้นเลย ตัวก็ร้อน”
     “ย่ะ ละนี่ถ้าฉันไม่มาแกจะทำไงย๊ะ”
     “นอนจนกว่าจะลุกไหว แต่ไม่หรอก เรารู้ว่ายังไงเธอก็ต้องมาหาเรา”
     คนป่วยยิ้มก่อนจะยกชามขึ้นซดน้ำซุปซะเกลี้ยง
     “เชอะ!”
     สาวแว่นโบกไปที่หน้าผากของคนป่วยเบาๆ เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอพูดถูกแต่ทว่าก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เมื่อเช้านี้ตอนที่เธอกำลังโดนสารรถเมล์มายังมหาวิทยาลัย อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนส่งเสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “ป่าน ช่วยด้วย ลุกไม่ขึ้น” เธอเป็นห่วงเพื่อน แต่การเรียนสำคัญกว่า กระทั่งเรียนเสร็จเธอจึงรีบบึ่งมาหาเพื่อนเพื่อดูอาการทันที
     “แกนะแก สร้างความเดือดร้อนให้ฉันจริงๆ กินเสร็จละก็เอาชามมา ฉันจะเอาไปล้าง ละขยะในถังหัดเอาไปทิ้งบ้างเหอะ กล่องอาการสำเร็จรูปทิ้งจนปิดฝาถังขยะไม่ลงละอ่ะแก ในซิงค์ก็มดเต็ม”
     “ฝากหน่อย เดี๋ยวหายละเลี้ยงหนัง”
     “ย่ะ หลังสอบเสร็จฉันจัดแน่”
     หลังจัดการกับความรกของห้องครัวเสร็จเธอก็แถมบริการทำความสะอาดปักกวาดเช็ดถูห้องนั่งเล่นและห้องครัวให้ด้วย โชคดีที่มีฝุ่นไม่มากเพราะส่วนใหญ่แล้วเพื่อนของเธอมักจะปิดบ้านทึบตลอดแทบไม่เปิดหน้าต่างให้แสดงแดดได้ส่องเข้ามาฆ่าเชื้อโรคเลยแม้แต่น้อย เธอหอบถุงขยะใบใหญ่ออกไปทิ้งยังถังขยะหน้าบ้าน อดคิดไม่ได้ว่าช่างเป็นหมู่บ้านที่เงียบเหงาเสียจริง
     เมื่อเธอกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง เพื่อนของเธอก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอเหลือบไปเห็นยาที่ยังไม่ได้ถูกแกะรับประทานแล้วก็โมโห “อิไปป์ดื้อ!” แต่เมื่ออังมือบนหน้าผากของเพื่อนแล้วก็ต้องตกใจ เพื่อนของเธอตัวร้อนจี๋! ป่านปลุกไปป์ทันที
     “อิไปป์ แกตื่นๆ ลุกมากินยาเลยแก”
     “งื้อ ง่วง อิ่มแล้ว จะนอน”
     “อย่าพึ่งนอนสิยะ ลุกขึ้นมากินยาก่อนแก๊ เฮ่ยแกตัวร้อนมากนะ เดี๋ยวน็อคหรอก หาหมอป่ะ”
     ไม่มีสัญญานตอบรับจากคนป่วยที่ท่านเรียก ไปป์เกเรไม่ยอมทานยาดึงผ้าห่มมาคลุมโปงไปทั้งตัว! ป่านสุดทนกระชากผ้าออกก่อนจะเคาะกะโหลกคนป่วยดื้อไม่ยอมทานยา
     “อย่างอแงอิไปป์ กินยาเดี๋ยวนี้ ละเดี๋ยวฉันจะเช็ดตัวให้ ไม่งั้นฉันจะบังคับพาแกไปหาหมอ”
     “ขี้เกียจอ่า ง่วง เหนื่อย เพลีย โอ้ย หมดแรง”
     คนป่วยดื้อแพ่งเถียงคำไม่ตกฟากด้วยเสียงงัวเงีย แต่ในที่สุดป่านก็จับไปป์เช็ดตัวได้สำเร็จ เธอจับคนป่วยถอดเสื้อราวกับแก้ผ้าให้ลูกชายวัยอนุบาลก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดตามแขนขาและหน้าอก เธอไม่รู้สึกเขินอายที่ต้องทำเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งคนป่วยที่อยู่บนเตียงก็ยังยอมชูมือยกขานอนคว่ำนอนหงายให้เพื่อนสาวเช็ดตัวให้อย่างสะดวก นอกจากนี้ป่านยังดึงดันให้คนป่วยลุกขึ้นมาเปลี่ยนกางเกงบ็อกเซอร์ ก่อนจะใช้ผ้าอีกผืนที่เล็กกว่าชุบน้ำวางพาดไว้บนหน้าผากเพื่อลดอุณหภูมิ ป่านรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่คนเข้าไปทุกที
     “นี่แกเป็นเพื่อนหรือเป็นลูกฉันกันแน่ยะอิไปป์”
     “ขอบใจนะพีหนึ่ง”
     “ย่ะ พีสอง”
     “ละวันนี้อาจารย์สอนไรมั่ง?”
     “เก็งข้อสอบทั้งนั้นเลยแก แต่ต้นฝากชีทสรุปฯ มาให้แกละ ครบทุกวิชา!”
     “โหย ต้นโหดอ่า”
     “ก็คราวนี้มันท่าทางยาก เตรียมตัวตายกันได้เลย มันฝากฉันมาติวให้แกเนี่ย”
     ป่านเปิดกระเป๋าหยิบชีทออกมาส่งให้เพื่อน ไปป์ยื่นมือไปรับมาพลิกเปิดดูสองสามทีแล้วก็เอากระดาษมาวางปิดหน้าทำท่านอนตาย
     “ตาย ตาย ตาย ตายแน่ๆ คราวนี้ แงๆ”
     “เออ ถ้าแกไม่รีบหายแล้วรีบอ่านแกได้ตายจริงๆ แน่อิไปป์ ฉันเองก็ต้องกลับไปอ่านพวกนี้เหมือนกัน”
     “เง้อ! นายจะทิ้งเราไว้คนเดียวจริงๆ เหรอพีหนึ่ง!”
     “ละแกจะให้ฉันอยู่ค้างกับแกรึไง”
     “งึมๆ ไม่ได้เหรอ”
     “แกไม่ไหวเหรอ?”
     “ค่อนข้าง ถึงอยากอ่านก็ลำบาก มันลุกไม่ขึ้น เธออยู่ติวให้เราหน่อยจิ”
     “อิขี้เกียจ”
     “นะ พรุ่งนี้จะได้ลากเราไปมหาวิทยาลัยไหว วิชานั้นเราโดดไปเยอะละ ไม่อยากอ่ะ”
     “เอางั้นก็ได้แก งั้นขอโทรบอกพ่อฉันก่อน”
     แล้วคุณเพื่อนก็จัดแจงโทรไปขออนุญาตผู้ปกครองของตนโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่ต้องขออนุญาตคนที่บ้านมาค้างบ้านเพื่อนผู้ชายแต่อย่างใด
     “อิไปป์มันไม่สบายมากๆ เลยค่ะพ่อ หนูกลัวมันไม่ไหวอ่ะ ม่ายค่ะพ่อ ไม่มีคนอื่นอยู่ค่ะ อ๋อ! หนูตั้งใจจะเข็นมันให้หายให้ได้ก่อนวันพรุ่งนี้ค่ะ หา? ให้ลากมันกลับบ้านเรา โอเคค่ะพ่อ พรุ่งนี้ถ้ามันยังท่าทางแย่ๆ หนูจะพามันกลับบ้านด้วย ชุด? ไม่เป็นไรมั้งคะ น่าจะยังซักทันอยู่”
     ไปป์มองดูเพื่อนสาวคุยโทรศัพท์อย่างลุ้นระทึก แต่แล้วป่านก็หันมา
     “อิไปป เครื่องซักผ้าบ้านแกอบผ้าได้ป่ะ?”
     “ได้จิ”
     แล้วสาวแว่นก็หันไปคุยกับพ่อของตนต่อ เธอกรอกเสียงลงไปอย่างไร้กังวล
     “มี ค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วง อย่างอื่นก็ยืมมันก่อนได้ พวกหนูไม่ถือ พระ? มีค่ะมี สบายมาก พ่อบอกแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าแม่ถามฝากบอกว่าหนูไปค้างกับแก้ว เดี๋ยวหนูโทรไปเตี๊ยมกับแก้วให้ หา? อ๋อ ฮ่าๆ ได้เลยค่ะพ่อ”
     ป่านหัวเราะคิกคักก่อนจะกดวางสาย เธอหันไปส่งยิ้มให้ไปป์
     “โอเคมั้ยพีหนึ่ง?”
     “โอเคอยู่พีสอง”
     “ดีจังที่คืนนี้ป่านจะนอนกับเรา เราไม่อยากนอนคนเดียว”
     “แก... ... เหรอ?”
     แต่ทว่าไปป์ไม่ตอบ หนุ่มน้อยประจำกลุ่มยิ้มให้แล้วทิ้งตัวลงนอนหลับตา
     “ง่วงอ่ะ ขอนอนแปป เดี๋ยวค่ำๆ ค่อยตื่นมาอ่านหนังสือ แต่ตอนเย็นจากินโจ้ก”
     “โจ้กอะไรของแกอีก?”
     “โจ้กชามดินเผาหนึ่งในยุทธภพ! ถัดไปอีกสิบซอยเปิดขายตอนห้าโมงเย็น”
     “อิไปป์! แล้วฉันจะไปสรรหามาให้แกได้ยังไง”
     “จักรยานเราไง จอดอยู่หน้าบ้าน”
     “อิเพื่อนนรก! ฉันไม่น่านั่งติดกับแกวันสอบสัมภาษณ์เลย ดวงซวยอะไรของฉันเนี่ย แกนี่เกิดมาเบียดเบียนฉันจริงๆ ลำบากอะ”
     “เป๋าตังค์อยู่ในกางเกงตัวที่ใส่เมื่อวาน”
     “อิคนซกมก!”
     ถึงปากจะพูดเช่นนั้นแต่สาวแว่นก็เดินไปล้วงในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่เมื่อวานของเพื่อนแล้วหยิบเงินออกมา แต่ทว่าพอหันไปมองหน้าเจ้าของบ้านที่นอนหลับตายิ้มกริ่มอยู่บนเตียงแล้วเธอก็ตัดสินใจว่าจะใช้เวลานี้จัดการธุระลับๆ ของผู้หญิงเสีย เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใช้ข้าวของส่วนตัวของเพื่อนชายมาผลัดเปลี่ยน ก่อนจะลงมือซักชุดนักศึกษาของตัวเองตากเอาไว้หลังบ้าน ติดขัดก็แต่เรื่องชุดชั้นใน... “เอาวะ ไว้ค่อยซักคืนนี้น่าจะแห้งทัน”
     เมื่อจัดการ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วป่านก็เดินกลับมายังห้องนอนของเพื่อน เธอหยิบสมุดเลคเชอร์ของตัวเองออกมานั่งทบทวนบทเรียนตรงโต๊ะเขียนหนังสือข้างๆ เตียง ไปป์นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่สีหน้าไม่สู้ดีของไปป์นั้นน่าเป็นห่วง เธอเลยหยิบผ้าผืนที่วางอยู่บนหน้าผากของเพื่อนไปชุบน้ำเย็นแล้วนำมาวางแปะให้ใหม่ก่อนจะยกมือขึ้นพนมแล้วสวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ปกป้องเพื่อนเธอ
     จนกระทั่งเข็มนาฬิการชี้ไปที่ห้าโมงเย็น เธอเดินลงไปดูชุดนักศึกษาของตัวเองที่ตากไว้ “ผ้าแห้งดีแล้ว” เธอคิดอย่างยินดีรีบนำเสื้อกับกระโปรงไปรีดก่อนจะใส่ไม้แขวนๆ ไว้หน้าตู้เสื้อผ้าของเพื่อน ป่านเช็คอาการของเพื่อนอีกครั้งแล้วคว้าจักรยานปั่นออกจากบ้านไปซื้อโจ้กอย่างที่เพื่อนต้องการ “ทำไมฉันต้องมาลำบากเพราะแกด้วยย๊ะอิเพื่อนเวร!” แม้ในใจเธอจะก่นด่าไปป์เช่นนั้นตลอดเวลาแต่ทว่าสองขาเธอก็ออกแรงปั่นไปยังจุดหมายปลายทางร้านโจ้กชามดินเผาเจ้าอร่อยหนึ่งในยุทธภพ!
     ดังนั้นเมื่อไปป์ตื่นขึ้นมาในตอนหัวค่ำ โจ้กของโปรดก็วางรอให้เขารับประทาน
     “กินเร็วๆ เลยแก แล้วมาอธิบายสูตรนี้ให้ฉันฟังเร็วเข้า งงว่ะ แก้มาสามรอบละแต่ยังแก้ไม่ได้”
     “ละพีหนึ่งล่ะ”
     “ฉันจะรอแกทำม๊าย ซัดไปตั้งแต่แกยังไม่ตื่นละ”
     ไปป์ยิ้มให้ป่าน แล้วลงมือทานอาหารเย็นของตนอย่างมีความสุข เมื่อทานเสร็จเพื่อนสาวก็เก็บชามไปล้างให้เขา แต่ชายหนุ่มรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงลุกขึ้นไปทำธุระ และแล้ว...
     “ป่าน นายตากชั้นในไว้ในห้องน้ำเหรอ?”
     “เออ ของฉันเองแหละ ไม่อยากตากไว้นอกบ้าน”
     “อ้าว ละตอนนี้นายใส่อะไรอยู่อ่ะพีหนึ่ง?”
     “ของแม่แกไง ยืมมาใส่ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันซักคืนให้”
     “งึมๆ ดีละๆ นึกว่านายโป๊ ไม่งั้นเราจาให้ยืมของเรา”
     “อิปัญญาอ่อน แกมีเสื้อในให้ฉันยืมรึไงย๊ะ?”
     “เออนั่นสิ ลืมไปว่าผู้หญิงต้องมีข้างบนด้วย”
     “บ็อกเซอร์ข้างล่างของแกฉันก็ไม่ใส่ย่ะ ซักบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”
     “เฮ้ย ซักทุกวันน้า เราไม่ในกางเกงในซ้ำกันหรอก คัน”
     เสียงคุยดังขึ้นพร้อมๆ เสียงน้ำไหลเป็นสายกระทบโถส้วม คนทั้งสองคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติโดยปราศจากความเขินอาย ไม่รู้ว่าป่านขาดความละเอียดอ่อนแบบผู้หญิงหรือว่าไปป์ปัญญาอ่อนเกินไปกันแน่ ชายหญิงทั้งสองจึงไม่มีความกระอักกระอ่วนใดใดเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งไปป์รู้สึกดีขึ้นจากอาหารและการปฐมพยาบาล ไปป์กับป่านก็มานั่งติวเตรียมสอบกันอย่างจริงจัง แม้ว่าหนนี้จะไม่มีต้นอยู่ด้วย แต่ในชีทที่ต้นฝากมาให้ไปป์ก็มีลายมือที่ต้นเขียนคำอธิบายกำกับเพิ่มให้ไปป์เป็นพิเศษราวกับรู้ล่วงหน้าว่าไปป์จะต้องสงสัยตรงนั้น ดังนั้นไปป์จึงทำความเข้าใจกับเนื้อหาได้ไม่ยาก
     นักศึกษาเตรียมสอบทั้งสองถกกันเรื่องวิชาการจนกระทั่งทะลุปรุโปร่งก่อนจะชักชวนกันเข้านอน ป่านดึงเตียงเสริมออกมากางแล้วจัดแจงเตรียมหมอนและผ้าห่มพร้อมนอน แต่ทว่า...
     “อิไปป์ ยาก่อนนอน”
     “ง่า ไม่กินได้ป่าว”
     “อยากหายป่ะ เลือกเอาจะหายหวัดหรือหายไปจากโลกนี้”
     “โหดร้าย จะฟ้องต้น”
     “ฟ้องมันให้มาด่าแกซ้ำเรอะ! กินๆ ฉันง่วงละ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามาซักเสื้อผ้าคืนให้แกอีก”
     “นายทิ้งไว้ก็ได้เดี๋ยวเราซักเอง”
     “แกจะซักชั้นในที่ฉันใส่ให้ด้วยรึไงย๊ะ อิบ้า!”
     “เออ ลืมไป แหะๆ”
     แล้วป่านก็บังคับขู่เข็ญไปป์ให้ทานยาได้สำเร็จ คนทั้งสองเข้านอนและหลับไปในที่สุด แต่ทว่ากลางดึกอยู่ๆ ป่านก็ต้องสะดุ้งเมื่อไปป์ตะโกนลั่น!
     “ไม่เอานะพี่ตาผมไม่ให้พี่เอาต้นไป ฮือๆ อย่าพาต้นไป”
     “อิไปป์ ไปป์!”
     ป่านตกใจทั้งร้องเรียกและเขย่าตัวไปป์เพื่อปลุก แต่ไปป์ก็ไม่ตื่นยังคงตะโกนโวยวายอยู่ในความฝันจนป่านต้องตบหน้าไปป์!
     “แก ตื่น!”
     ไปป์ลืมตาขึ้นพร้อมกับคราบน้ำตา เขาโผเข้าหาป่านแล้วร้องไห้ เสียงของไปป์ฟังดูทั้งสับสนและไร้สติ
     “ป่านๆ พี่ตาจะเอาต้นไปอยู่ด้วย พี่ตามาบอกเรา ฮือๆ เขาบอกจะพาต้นไปเกิดใหม่ด้วยกัน เราไม่ยอมนะป่าน เราไม่ให้ต้นทิ้งเราไปนะ”
     “เฮ้ยแก ใจเย็นๆ มันก็แค่ความฝัน”
     “ป่านโทรหาต้นนะ ต้นไม่เป็นอะไรนะ โทรสิป่าน”
     “แกตั้งสติหน่อย อิไปป์”
     “ฮือๆ ป่าน”
     ป่านพยายามปลอบ แต่ถ้อยคำที่สับสนของไปป์ทำให้เธอรู้ว่าไปป์ไม่ได้ฟังเธอเลย ไปป์กำลังสับสน เพื่อนของเธอกำลังกลัว
     “แก๊! หยุด มีสติหน่อยไปป์ นี่มันตีสอง ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก แกแค่ฝัน โอเคนะ ไม่มีอะไรนะแก นอนต่อนะ นอนๆ”
     ป่านโอ๋ไปป์ในอ้อมอกราวกับแม่นกกกลูก
     “แต่พี่ตา ... พี่ตามาหาเรา”
     “แก ห้ามพูดแบบนี้นะ! เขาจะมารึไม่มาฉันก็ไม่ให้ใครพาต้นไปไหนทั้งนั้น ป่านนี้มันคงหลับอยู่ถ้าแกโทรไปกวนระวังมันจะด่าเข้าให้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าแกหายแกก็ได้เจอต้นแล้ว นะหลับต่อนะไปป์”
     “แต่ป่าน...”
     ไปป์งอแงพลางมองไปทางหนึ่งของห้องแต่ป่านกลับไม่สนใจ เธอกอดไปป์เอาไว้และชวนเขาสวดมนต์ก่อนที่คนทั้งคู่จะหลับไปด้วยกันทั้งแบบนั้น
     ป่านรู้ดีว่าเวลาที่ไปป์ไม่สบาย ไปป์จะอ่อนไหวกับบางเรื่องเป็นพิเศษ เธอจึงอดเป็นห่วงไม่ได้จนต้องรีบมาหาเพื่อนถึงที่บ้าน
     ไปป์อาศัยอยู่คนเดียว เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น คุณแม่ของไปป์จึงตัดสินใจย้ายไปหางานทำที่ต่างจังหวัดเพื่อที่คุณพ่อของไปป์จะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ อีก พวกเขาพยายามทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่าเดิม คนทั้งคู่ประกาศขายบ้าน แต่ทว่านานแล้วก็ยังขายไม่ได้เสียที เช่นเดียวกับบ้านร้างหลังข้างๆ มิหนำซ้ำไปป์ยังพยายามมุ่งมั่นจนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของกรุงเทพฯได้ ตามมาด้วยการสอบติดมหาวิทยาลัยใจกลางกรุง ไปป์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในบ้านหลังเดิมแม้ว่าเขาจะดูแลตัวเองได้แค่ระดับตามมีตามเกิด ทุกคนรู้ดีว่าไปป์ยึดติดกับบ้านหลังนี้ ไม่สิ... ไปป์ยึดติดกับบ้านหลังข้างๆ นี้ ดังนั้นนานๆ ทีเมื่อพ่อหรือแม่ว่าง พวกเขาก็จะกลับเข้ามายังกรุงเทพเพื่อดูแลไปป์ ทุกคนวางใจที่เห็นไปป์อาการดีขึ้น กลายเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง จะมีก็เพียงบางครั้งเท่านั้นที่ไปป์พูดไม่รู้เรื่อง นั่นคือเวลาที่ไปป์ไม่สบาย... เหมือนตอนนี้
     ป่านรู้ดีว่าไปป์พิเศษ เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ไปป์กลัวแท้จริงแล้วเป็นเช่นไรกันแน่ แต่เธอเองก็สัมผัสได้ว่าโลกเรานี้มีเรื่องพิศวงไม่น้อย และหนึ่งในนั้นก็คือการที่ความพิเศษของไปป์เข้มข้นขึ้นในยามที่เขาไม่สบาย ป่านจึงเป็นห่วง เธอรักไปป์และไม่อยากเห็นเพื่อนต้องเผชิญกับความกลัวตามลำพัง ป่านรู้ดีว่าเวลาที่เพื่อนของตนไม่สบายเขาจะงอแงและไม่ค่อยมีสติ แตกต่างจากตอนปกติที่ยังเป็นคนร่าเริงสดใสสามารถต่อสู้กับความกลัวของตัวเองได้อย่างมีสติ ปมในใจของไปป์มืดมนเกินไป แม้แต่เธอยังไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ความผูกพันคือพันธะที่แข็งแกร่งที่สุดมันเหนี่ยวรั้งทุกสะสารที่มีความรู้สึกเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมตัดใจพันธะนี้จะไม่มีวันสูญสลาย
     ไปป์พิเศษ พิเศษทั้งในแง่ของสิ่งที่อธิบายไม่ได้และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอย่าง “บุคลิก” และเธอเคยเห็นบุคลิกทั้งหมดของเพื่อนคนนี้มาแล้ว เธอได้แต่ภาวนาขออย่าให้เด็กคนนั้นกลับมา!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... หนุ่มน้อยทานตะวันเริ่มดาร์ก ไปป์เริ่มคลั่งแล้น!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ความชั่วร้ายของหมาป่า

ชัยชัช

     ผมมองผู้ร่วมเตียงที่นอนตะแคงหันหลังให้ผมก่อนจะพยายามลุกออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ ร่างที่นอนตะแคงหันหลังให้ผมนั้นเป็นผู้ชาย แต่ว่าส่วนเว้าส่วนโค้งทั้งเนินสะโพกและไหล่กลับดูบอบบางไม่บึกบึนเหมือน ผู้ชายวัยฉกรรจ์ทั่วไป เมียผมเป็นผู้ชายตัวเล็ก
     เมื่อคืนต้นบ่นว่ารู้สึกไม่ค่อยดีตัวรุมๆ มันเลยขอตัวนอนตั้งแต่หัวค่ำ ส่วนผมก็มีงานต้องออกแต่เช้ามืดเลยมัวแต่ยุ่งรีบเตรียมเอกสารให้เสร็จจะได้ รีบนอนรีบตื่น เราเลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่ผมใจไม่ดีเลยครับ เพราะจนผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วต้นก็ยังไม่ตื่น ทั้งๆ ที่ปกติมันรู้สึกตัวง่ายจะตาย สงสัยมันจะเป็นหนัก ผมอดไม่ได้ที่จะปลุกมัน เข็มนาฬิกายังชี้อยู่ที่เลขสี่ ยังพอมีเวลา ผมน่าจะเหยียบทัน ขอผมสั่งเมียหน่อยเถอะ
     ขนาดแสงไฟสว่างแบบนี้มันก็ยังไม่ตื่น แต่หน้าตามันก็ไม่ได้ดูผิดปกติอะไร ผมอังมือตรงหน้าผากและตามซอกคอ อุณหภูมิอุ่นนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับร้อน ต้นมันหลับตาพริ้มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะหลับสนิทไร้การตอบสนอง มองแล้วไม่อยากไปทำงานเลยครับ อยากมองหน้าเมียแบบนี้ไปนานๆ
     ผมไม่เคยต้องห่วงใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เพราะต้นมันเด็กกว่าผมมากรึเปล่า? ผมรู้สึกเหมือนได้เมียแถมลูก ไม่อยากไปไหน อยากอยู่กับมัน เป็นห่วงมัน อยากดูแลมัน ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ตอนคบกับผู้หญิงคนไหนเลย ว่าแล้วก็ทนไม่ไหว ขอลวนลามคนหลับซักเล็กน้อยครับ แก้มไอ้ต้นนี่ทั้งนิ่มทั้งหอม ผมมันก็เส้นเล็กนุ่มดีลูบแล้วเพลินมือครับ
     “อือ...”
     สงสัยผมจะลวนลามหนักมือไปหน่อย ต้นมันเลยส่งเสียงหวานๆ ประท้วงผมแต่เช้ามืด ผมทนไม่ไหวก้มลงสัมผัสปากซึ่งกันและกัน
     “พี่ชัช...”
     ต้นมันพยายามลืมตา แต่กระพือขนตาได้สองสามทีแล้วมันก็หลับตาต่อยอมแพ้ให้กับความง่วง ได้แต่พลิกตัวมาหาผมแล้วซุกแถมยังคว้ามือผมไปกอด โอย... เจอแบบนี้ไม่อยากไปไหนแล้วครับ อยากล้มตัวลงแล้วนอนกอดเมียให้ชื่นใจชะมัด!
     “พี่ต้องไปแล้วนะครับ ต้นดูแลตัวเองดีๆ กินยาด้วยนะ”
     “จะไปเลยเหรอครับ”
     “ครับ”
     ขอหอมแก้มมันอีกซักทีเหอะ คนอะไรขนาดตอนเมาขี้ตายังน่ารักเลย
     “ไม่ทานอะไรก่อนเหรอครับ”
     “เดี๋ยวพี่ไปหากินข้างหน้าเอา เราเถอะถ้าวันนี้ไปไม่ไหวก็หยุดนะครับ”
     “ผมไหวครับ”
     มันตอบผมพร้อมๆ กับลืมตาขึ้น ท่าทางฝืนตัวเองน่าดู เฮ้อ...ไอ้ต้นนะไอ้ต้น ขยันเกินไปแล้ว
     “พี่ชัชขับรถดีๆ นะครับ”
     “คร้าบๆ พี่รู้แล้ว”
     ผมยิ้มให้มันแล้วขยี้หัวมันเล่น แต่มันกลับยันตัวลุกขึ้นมากอดผม วินาทีนั้นผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างบอกไม่ถูก เพราะผมรู้สึกไม่ดีผมเลยกอดต้นอยู่นาน ผมกอดมันอย่างกับกลับว่าจะไม่มีโอกาสได้กอดมันอีก ผมจูบมันหอมมันซะทั่วตัว ต้นมันทิ้งตัวเอนซบผมแล้วครางงึมงึม แต่คำพูดส่งท้ายที่มันพูดชัดที่สุดคือการบอกกับผมว่า
     “รับไปรีบกลับนะครับพี่ชัช ผมเหงา”
     มันอาจจะเป็นแค่คำพูดส่งผมไปทำงานตามปกติก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมวันนั้นผมถึงได้ตอบมันไปว่า
     “คร้าบ พี่รักต้นนะ พี่สัญญาพี่ไม่ทิ้งเราไว้คนเดียวหรอก”
     แล้วหลังจากนั้นผมก็จัดการห่มผ้าห่มปล่อยให้มันนอนต่อก่อนจะออกจากห้องขับรถ ไปทำงาน แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป อกผมมันโหวงๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “เราว่าวิชานี้ไม่ยากหรอก นายลองทำความเข้าใจทฤษฎีให้ได้ เดี๋ยวพอจำได้ก็ไม่งงแล้ว”
     “กูไม่เก่งเหมือนมึงนี่หว่า”
     “นี่ไง เราก็สรุปไว้ละเอียดแล้วนะ”
     “แล้วจารย์เขาจะออกตรงไหนบ้างอ่ะ?”
     “นายก็อ่านตามนี้แหละ แต่ต้องจำสูตรให้ได้ อาจารย์คงไม่เอาอย่างอื่นมาออกสอบหรอก”
     “เออๆ ขอบใจมึงมากนะต้น”
     “ไม่เป็นไรหรอกเอก อย่าลืมเอาไปให้นนด้วยนะ”
     “เออ”
     เอกรับคำผมแต่ยังทำหน้ายุ่งอยู่ ท่าทางจะเครียดกับการสอบพอสมควรเลยครับ เฮ้อ...จะไหวมั้ยน้อ...
     “เฮ้ย! พวกมึงจะนั่งมองหน้ากันอีกนานมั้ยวะ เสร็จธุระแล้วก็ลุกได้ละไอ้เอก ตากูแล้ว”
     ให้ตายเหอะมิวนิค! ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ยักษ์บ้าตัวนี้ ส่วนเอกนั้นเขาแค่พูดลอยๆ ขึ้นมา
     “น่ารำคาญว่ะ ลำบากหน่อยนะต้น วันนี้หมาเฝ้าบ้านไม่อยู่”
     “บ้า หึๆ”
     เอกนะเอก เรื่องอะไรไปว่าไปป์ แต่ผมก็ขำนะ เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก็วันนี้ลูกหมาน้อยของผมไม่สบายเลยลาหยุดครับ นี่ดีนะที่ผมค่อยยังชั่วแล้วเลยมาเรียนได้ แต่เมย์สิครับท่าทางไม่ค่อยไหว พอเรียนเสร็จก็เลยรีบกลับไปพัก แก้วก็เลยกลับบ้านไปพร้อมเมย์ ส่วนโอมรายนี้โดนไปเต็มๆ ครับ นอนซมลุกไม่ขึ้นคนแรก ไปป์ไปเยี่ยมโอมแต่ไม่ระวังติดหวัดกลับมาอีกคนแล้วก็เอาเชื้อมาแพร่ใส่พวก เรา มีแต่ป่านเท่านั้นที่แข็งแรงที่สุดทำท่าจะไม่เป็นอะไรเลย พอเลิกเรียนก็เลยรีบกลับบอกจะไปเยี่ยมไปป์
     คงเพราะผมเผลอเลยมัวแต่นั่งขำกับคำพูดของเอก ส่วนเอกก็ไม่ใส่ใจคำพูดของมิวนิค ยักษ์เกเรที่ไม่มีใครสนใจเลยอาละวาดฟาดงวงฟาดงา
     “มึงจะนั่งยิ้มให้ไอ้เอกอีกนานมั้ยต้น สอนข้อนี้เลย เร็วๆ”
     ไอ้ยักษ์บ้า!
     “ไอ้ควายเอ้ย!”
     เอกหันไปด่ามิวนิคก่อนจะหันกลับมาพูดกับผม
     “ต้นกูไปก่อนนะ วันหลังค่อยไปหาที่เงียบๆ ติวกันสองคน”
     “กูไม่อนุญาต! เฮ้ยต้น! มึงจะไปไหน?”
     “กลับ”
     “แล้วโจทย์กูล่ะ?”
     “นั่นชีท อ่านเอาเองแล้วกันครับ ผมไปล่ะ”
     “เฮ้ยต้น! ทีไอ้เอกมึงยัง-“
     “ก็ถามเป้เอาสิครับ เป้ก็อธิบายได้เหมือนผมนั่นแหละ ส่วนเอกเขาไม่มีใคร แล้วผมก็ติวให้เอกมาตั้งนานแล้วด้วย ตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง!”

     ผมหนีมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียวที่หอสมุด แต่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวครับ ผมคิดถึงพี่ชัช ผมนึกถึงเรื่องที่ผมคุยกับพี่ฟ่าง ผมคิดถึงผู้หญิงคนนั้น... ผมรู้ดีครับว่าผมควรจะเชื่อใจพี่ชัช คนรักกันก็ควรจะเชื่อใจกัน สองปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าพี่เขารักและจริงใจกับผมมากแค่ไหน ความจริงสิ่งที่พี่เขาทำให้ผมนี่มันมากกว่าที่ผมหวังไว้ซะอีก แต่... ไม่รู้ทำไมผมถึงกลัว ผมมีลางสังหรณ์ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาแย่งพี่ชัชไปจากผม คำพูดของพี่ฟ่างผุดขึ้นในหัว
     “ระวังยัยป้านั่นไว้หน่อยก็ดีนะต้น คนบางคนถือคติที่ว่าถ้าตัวเองไม่มีความสุข คนอื่นก็ห้ามมีความสุข ชัชน่ะชอบใจอ่อนเพราะความสงสาร”
     พี่ชัชก็ใจอ่อนกับผมเพราะความสงสารเหมือนกัน พี่เขาถึงได้ยอมเปิดโอกาสให้ผมเข้าไปใกล้ชิด ผมอยากบอกพี่ฟ่างแบบนั้นแต่กลับพูดไม่ออกเลยได้แต่ปล่อยให้พี่เขาพูดต่อ
     “ชัชน่ะไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเลย บางครั้งก็ตามมารยาผู้หญิงไม่ทันหรอก พี่กลัวชัชจะเสียทีให้ยัยป้านั่น”
     “แต่ถ้าเกิดเขาสองคนกลับมารักกันจริงๆ ละครับพี่ฟ่าง ใครๆ ก็บอกว่า... พวกเขาเหมาะสมกัน”
     “โอ๊ย! พี่ค้านหัวชนฝาเลยต้น! ต้นก็รู้ว่าชัชน่ะนอกบ้านกับในบ้านต่างกันขนาดไหน งี่เง่าอย่างชัชน่ะต้องใจเย็นแบบต้นถึงจะเอาอยู่ ยัยป้าอำมหิตคนนั้นไม่เหมาะกับชัชหรอก”
     “แต่ถ้าเขารักกัน...”
     “อย่าคิดแบบนั้นนะต้น! ห้ามน้อยใจตัวเองนะรู้มั้ย แล้วต้นไม่รักชัชรึไง ที่สำคัญชัชรักต้นมากนะ มั่นใจตัวเองหน่อยสิจ้ะ”
     “แต่ผมกลัวนี่ครับพี่ฟ่าง เขาเคยคบกันมาก่อน บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะยังรักพี่ชัชอยู่ก็ได้”
     “แล้วไง? มันสำคัญตรงที่ตอนนี้ชัชรักใครจ้า แล้วพี่บอกได้เลยว่าชัชเลือกต้น พี่ว่าต้นกับชัชเหมาะกันมากเลยนะ ชัชเปลี่ยนไปในทางที่ดีตั้งหลายอย่าง และที่สำคัญต้นทนญาติพี่น้องครอบครัวชัชได้”
     “หึๆ พี่ฟ่างก็”
     “ก็มันจริงนี่! พี่เข็ดจนวันตายเลย คราวหน้าพี่จะหาแต่ผู้ชายที่ไม่มีญาติพี่น้องมาเป็นแฟน แต่งกับลูกแถมแม่ไม่พอยังมีหลานมาให้เลี้ยง”
     “แม่แกก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกครับ”
     “กดขี่จะตาย พี่ล่ะนับถือต้นเลย ทนได้ยังไง”
     “ครับ”
     “เห็นมั้ย ต้นน่ะแหละเหมาะกับชัชที่สุดแล้ว ที่สำคัญพี่ไม่เชื่อหรอกจ้ะว่ายัยป้านั่นจะรักชัชจริง”
     “ทำไมเหรอครับพี่ฟ่าง?”
     “ยัยนั่นเข้ามาวุ่นวายกับพี่และชัชก็จริง ตอนที่ชัชกำลังจะจีบพี่ แต่ตอนที่พี่กับชัชเลิกกันเค้าก็ไม่ได้สนใจชัชเลยนะ ทั้งๆ ที่ช่วงนั้นชัชทำตัวเละเทะมาก เค้าไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ชัช ไม่แม้แต่จะฉวยโอกาส ถ้าเค้าอยากได้ชัชจริงเค้าไม่ปล่อยหรอก”
     “แต่เค้าอาจจะยุ่งๆ อยู่ก็ได้นี่ครับ เค้าเพิ่งกลับมาติดต่อกันบ่อยช่วงหลังๆ นี่เอง พี่ชัชบอกว่าเพราะอยู่บริษัทเดียวกัน พอได้ใกล้ชิดถ่านไฟเก่าอาจจะ...”
     “ถ้าอย่างนั้นต้นก็ดับไฟซะสิ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลย ต้นรักชัชแค่นั้นก็พอ ชัชเป็นผู้ชายของต้นแล้วนะ จับไว้ให้แน่นเลย ยังไงชัชก็ไปไหนไม่รอดหรอก ถึงชัชจะขี้หลีไปหน่อยแต่ชัชเป็นคนจริงจังนะ ถ้าเขาบอกว่ารักคือรัก ต้นต้องมั่นใจในตัวเอง เชื่อในความรักของต้นกับชัชนะ พี่เอาใจช่วยจ้ะ”

     ผม... ต้องมั่นใจในตัวเอง ... เฮ้อ มันทำยากนะครับ ถ้าผมมีดีได้ซักครึ่งนึงของพี่ฟ่างก็ดีสิ ผมเครียดจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ใกล้สอบแล้วแท้ๆ ไปหาของหวานทานแก้เครียดดีกว่าครับ อยากทานอะไรหวานๆ เป็นบ้าเลย

     ผมนั่งทานไอศกรีมคนเดียวกะว่าจะทำใจให้สบายๆ แล้วดื่มด่ำกับรสหวานเย็นของไอศกรีมแสนอร่อย นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้อยู่คนเดียวแบบนี้ พักหลังผมไปไหนมาไหนกับเพื่อนตลอด แล้วแม็กซ์ก็มาหาผมบ่อยๆ ด้วย ผมก็เลยไม่ค่อยได้อยู่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ผมนึกถึงคำเตือนของอาร์ทที่บอกว่าอย่าอยู่คนเดียว ความจริงการอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้เลวร้ายมากซักหน่อย ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ คนที่ไม่รู้จักกันก็มาเกลียดผม แต่คงไม่มีใครบ้ามาทำอะไรหรอกครับ ผมไม่เคยไปทำอะไรให้ใครซักหน่อย แล้วจะมีคนโกรธแค้นผมถึงขั้นจะมาทำร้ายกันได้ยังไง
     “ได้ข่าวว่าไม่สบาย ไหงมานั่งกินไอติมแบบนี้ล่ะต้น”
     พอผมหันไปตามเสียงทักก็เจอเข้ากับคิวว์ที่ถือถ้วยไอศกรีมยืนยิ้มอยู่
     “นั่งด้วยคนนะ”
     โดยไม่รอให้ผมตอบ เขาก็นั่งลงข้างๆ ผม ผมก็เลยเขยิบแบ่งที่ให้เขานั่ง
     “เป็นหวัดไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวยกแก๊ง”
     “ข่าวผิดแล้ว ยกเว้นป่านไว้คนนะ”
     “โห! อึด ถึก แกร่ง”
     “ฮ่าๆ”
     คิวว์ก็พูดซะผมขำเลย ผมหลุดขำ ส่วนคิวว์ก็เอาแต่ยิ้ม
     “เดี๋ยวก็น็อคแบบไปป์หรอก ซ่านะเนี่ย กินของเย็นๆ แบบนี้ได้ไง มาๆ เราเสียสละเอง”
     ว่าแล้วคิวว์ก็จ้วงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ของผมเข้าปาก! คำสามคำผุดขึ้นในใจผม ‘เนียน กิน ฟรี’
     “บ้าละคิวว์! อย่ามาเนียน”
     “ขอมั่งสิ แบ่งเราหน่อยนะ”
     ผมมองถ้วยที่มีก้อนของหวานสีน้ำตาลแล้วก็เซ็ง
     “อยากทานทำไมไม่สั่งเอง”
     “ก็ตอนแรกอยากกินช็อกโกแลต แต่ตอนนี้อยากชิมสตรอเบอร์รี่ แล้วทำไมมานั่งคนเดียวแบบนี้ล่ะ”
     “อยากกินอะไรเย็นๆ ให้สมองมันโล่งมั้ง”
     ผมตอบไปแบบนั้น
     “รำคาญมิวนิคเหรอ หึๆ”
     ผมเหล่มองคิวว์ แต่ไม่ตอบอะไร แกล้งตักไอศกรีมเข้าปาก
     “คนอื่นเขาเครียดเรื่องสอบแทบตาย มีแต่นายมั้งที่สบายๆ”
     “เราเนี่ยนะ? ถ้างั้นแล้วนายล่ะ ไม่รีบกลับไปอ่านหนังสือเหรอไง”
     “แวะมาเติมพลังก่อน สอบก็เครียด งานก็เครียด”
     คิวว์พูดแล้วทำเสียงง๊องแง๊งซะน่ารักเลยครับ แถมยังเหยียดแขนซบหน้าลงบนโต๊ะอีก ท่าทางของคิวว์เป็นธรรมชาติมาก เขาดูสบายๆ ทั้งๆ ที่คนแถวนี้แอบให้ความสนใจเขาอยู่ ก็คิวว์เป็นนายแบบนี่ครับ ถึงจะไม่ใช่ดาราดังมากแต่ก็มีงานโฆษณาหลายตัว เล่นMVด้วยนะครับ เอาเป็นว่าคิวว์เป็นหนุ่มหล่อที่คนจำหน้าได้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้หนุ่มหล่อคนนั้นกำลังทำเสียงครวญครางแหกปากระบายความเครียดอยู่
     “คิวว์ เบาหน่อย คนมองนายอยู่นะ”
     “โอ๊ย เครียดๆๆๆ คิวว์เครียดคร้าบ!”
     คิวว์พ่นถ้อยคำประหลาดๆ ออกมาแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะจ้วงไอศกรีมในถ้วยทานจนเกลี้ยงภายในไม่กี่คำ แถมยังยกถ้วยเทส่วนที่ละลายขึ้นดื่มอีกด้วยครับ!
     “เชื่อเค้าเลย!”
     “ทำไมล่ะ?”
     “นายเป็นดารานะ น่าจะเก็กๆ บ้าง ไม่อายเค้าเหรอไง”
     “ยังไม่ได้เป็นดารา เป็นแค่นายแบบโฆษณา นายแบบก็เครียดได้นะต้น”
     คนเครียดหันมายิ้มให้ผมซะงั้น อิจฉาคนหล่อชะมัดเลยครับ ขนาดเครียดยังยิ้มได้ดูดีเป็นบ้า! ผมตักไอศกรีมของตัวเองทานบ้าง คิวว์ที่ทานเสร็จแล้วนั่งจ้องผมทานไม่ลุกไปไหน เขามองผมอยู่นานแล้วก็พูดขึ้น
     “ต้นนี่ มองๆ ไปมองมาก็น่ารักดีเนอะ ไม่น่าใส่แว่นเลยอ่ะ ทำไมไม่ใส่คอนแทคเลนส์ล่ะ ความจริงถ้านายแต่งตัวอีกนิดนายจะน่ารักสุดๆ ไปเลยล่ะเราว่า”
     พูดไม่พูดเปล่าเขายังขยับเข้ามาใกล้จนผมเขิน โดนคนหล่อๆ อย่างคิวว์จ้องระยะประชิดผมก็เขินเป็นนะครับ จะจ้องทำไมก็ไม่รู้ บนหน้าผมไม่มีเลขให้จ้องซะหน่อย!
     “สายตาสั้นมากเหรอ? เสียดายตาออกจะสวยแท้ๆ สีดำสนิทดีจัง แปลกดี”
     ผมเอนตัวหนีใบหน้าของคิวว์เล็กน้อย แต่แล้วคิวว์ก็พูดขึ้น
     “อ้าว! หน้าแดงทำไมอะต้น?”
     ผมเขินก็เพราะเขามาจ้องผมใกล้ๆ นั่นแหละ! คิวว์หัวเราะเสียงใสแล้วก็ถอยออกไปครับ แต่ดันหย่อยนระเบิดแกล้งผมต่อด้วย!
     “ต้นนี่หน้าแดงง่ายจัง แต่หน้าตอนเขินน่ารักดีนะ มิน่า มิวนิคมันถึงหลงรักนาย ฮะๆ”
     “บ้า! นะ นะ นายพูดอะไรของนาย!”
     “อะไร? ต้นไม่รู้เหรอ เขารู้กันทั้งภาคแล้ว ฮ่ะๆ”
     ผมทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ตักไอศกรีมทาน มันสับสนนะครับ
     “โห! แดงเถือกไปถึงคอ”
     “บ้า!”
     “ฮ่าๆ”
     “แบบนี้แสดงว่ารู้อยู่แล้วใช่มั้ย”
     “รู้อะไร?”
     “หึๆ”
     “ต้นนี่น้า ใจร้ายจัง สงสารมิวนิค อกหักแหง๋ๆ”
     “เรามีแฟนอยู่แล้วนะ! ละมิวนิคเขาก็แค่ชอบเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเราซักหน่อย”
     “อืม... ทุกคนชอบต้นทั้งนั้นแหละ ต้นน่ารักขนาดนี้ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว เอาล่ะ! เราตัดสินใจละ ไปกับเราเหอะ”
     จู่ๆ คิวว์ก็ดึงมือผมให้ลุกขึ้นตามเขา
     “อะไร? ไปไหน?”
     “ว่างไม่ใช่เหรอ ไปช่วยงานเราหน่อยนะ”
     “เฮ้ยคิวว์! เดี๋ยวๆ”

     แล้วคิวว์ก็ลากผมมาที่บริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง โฮมออฟฟิศสี่ชั้นถูกปรับแต่งให้เป็นสตูดิโอขนาดย่อม ผมถูกคิวว์ลากมาถ่ายรูป! และตอนนี้ผมก็กำลังจะถูกจับแต่งหน้า!
     “เอ่อ... ไม่ดีทั้งคิวว์ คือเรา...”
     “นะ นะ ช่วยหน่อยนะ ถ้าต้นไม่ช่วยก็ไม่มีใครช่วยเราแล้ว”
     “แต่... แต่ว่าเรา ไม่เหมาะหรอก”
     ให้ผมถ่ายรูปเป็นนายแบบไม่ไหวหรอกครับ!
     “เอาไงคะคุณน้อง พี่ไม่ได้ว่างทั้งวันนะคะ”
     “ขอผมคุยกับเพื่อนแป็บนึงนะครับ”
     คิวว์หันไปบอกพี่ช่างแต่งหน้า พี่เขาพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป คิวว์เลยหันมาอ้อนวอนผมอีกรอบ
     “ความจริงเราก็ไม่อยากทำงานนี้หรอก แต่มันก็เป็นโอกาสใช่มั้ยล่ะต้น พิสูจน์ฝีมือ เราไม่อยากเรื่องมากปฏิเสธงานทั้งๆ ที่เราอาจจะแคสไม่ผ่านก็ได้ แต่ตอนที่คุยกันแล้วนายยิ้ม เหมือนเราจะจับความรู้สึกบางอย่างได้อ่ะ เราก็พูดไม่ถูก ผู้ชายปกติที่ไหนจะมองผู้ชายด้วยกันแล้วหลงรัก เราทำยังไงก็ไม่เข้าใจอารมณ์นี้ซักที แต่นายทำให้เรารู้สึกว่านายน่ารักได้อ่ะ เอ้ยๆ ไม่ใช่ คือแค่รู้สึกว่านายน่ารักดี เราไม่ได้คิดอะไรแบบน้าน ... เราคิดว่ามันอาจจะทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของเกย์ได้ดีขึ้น เลยต้องขอให้นายมาช่วย”
     ผมควรจะโล่งอกรึเปล่าครับที่คิวว์ไม่ได้คิดอะไรแผลงๆ เหมือนมิวนิค ตอนปีหนึ่งสองคนนี้ยิ่งเคยสนิทๆ กันอยู่ก่อนที่คิวว์จะงานยุ่งจนไม่ซี้กับก๊วนพวกนั้นเหมือนก่อน ไม่สิจริงๆ ต้องบอกว่าคิวว์เคืองที่มิวนิคแย่งจีบผู้หญิงที่ตัวเองชอบมากกว่า คิวว์เลยทุ่มเทให้งานในวงการเต็มตัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
     ส่วนงานที่ว่าของคิวว์คือรายการอะไรซักอย่างที่ให้คนมาจับผิดเกย์ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสังคมต้องมาจับผิดเกย์ด้วย แล้วคิวว์ก็ถูกบริษัทส่งเข้าไปแคสเป็นตัวหลอกในเทปเกี่ยวกับคู่รักเกย์อะไรซักอย่าง ในแง่ของคิวว์มันคือการแสดง คิวว์มุ่งมั่นกับการสร้างความเชื่อว่าเขามีความรักให้กับผู้ชายอีกคน เป็นคู่เกย์แมนๆ ที่รักกัน ดังนั้นบุคลิกจะไม่ออกทางตุ้งติ้งแต่ต้องหลอกคนด้วยสายตาและการแสดงความรู้สึกแทน แต่สำหรับผม ผมอยากเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักพี่ชัชก็แค่นั้น ผมไม่ได้อยากถูกสังคมจับผิด ไม่อยากให้ใครมาจับจ้องความรักของเรา
     “นะต้น ช่วยเราหน่อยนะ เขาไม่ถ่ายเห็นหน้าชัดหรอก จะถ่ายเจาะที่อารมณ์เรามากกว่า แค่คลิปแนะนำตัวแล้วก็ภาพนิ่งไม่กี่ภาพเอง”
     “เราเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากว่างั้น”
     “โห! คม ตรง บาด ซิบๆ”
     “บ้า!”
     “ยอมนะ นะ”
     “อือ ก็ได้”
     แล้วผมก็ถูกจับแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า คิวว์ก็เช่นกัน เฮ้อ... ราศีดารากับคนธรรมดาๆ อย่างผมมันต่างกันลิบลับเลยครับ ตอนที่เขาเรียกไปเข้ากล้องผมก็เกิดสั่นขึ้นมา ผมเงอะงะทำตัวไม่ถูกเพราะผมต้องนั่งคร่อมตักคิวว์! แถมยังต้องโอบไหล่คิวว์ไว้อีก พวกเราต้องจับมือกันทำท่าหวานชื่น! พวกเขาจะถ่ายเจาะสีหน้าของคิวว์ จะเห็นแค่หลังกับมือของผม แต่... ผมเขินนะ ให้ผมมาทำแบบนี้กับคนอื่นผมทำไม่ได้หรอก ขืนพี่ชัชรู้ผมตายแน่!
     พวกทีมงานเขาหัวเราะ แซวคิวว์ว่าจะไหวเหรอ ถ่ายกับนายแบบอีกคนก็ดีอยู่แล้ว แต่คิวว์บอกว่าขอเลือกผมแทนเพราะผมส่งอารมณ์ได้ดีกว่า รู้สึกอารมณ์นี้มันใช่กว่า พวกเขาเลยยอมพัก บอกว่าอีกสิบนาทีค่อยมาถ่ายใหม่ คิวว์ขอตัวไปคุยกับตากล้อง ปล่อยให้ผมนั่งพักคนเดียว แล้วผมก็ได้ยินคำนินทาที่ตราหน้าว่าคิวว์ก็แค่พวกอยากดัง อาศัยบารมีครอบครัวดันตัวเองเข้าในวงการทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีฝีมือมากมาย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เลิศ
     คิวว์คือผู้ชายนิสัยดีที่ยิ้มง่ายที่สุดเท่าที่ผมรู้จักในภาค! อยู่กันมาจะสองปี ผมยังไม่เคยเห็นคิวว์คิดร้ายกับใคร คนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนผมแบบนี้!
     “คิวว์ เราพร้อมแล้วหล่ะ”
     พวกปากหอยปากปูเอ้ย! ตัวเองก็ไม่ได้ดูดีอะไรนักหนา หน้าที่ไปศัลยกรรมมาก็งั้นๆ ตัวเตี้ยกล้ามปู จะแมนก็ไม่แมนแถมยังสาวแตก มีสิทธิ์อะไรมานินทาเพื่อนผมว่าหน้าเน่าขายเป้า! ถึงเพื่อนผมจะไม่ได้หล่อระดับพระเอกแต่ก็ดูดีจะตาย!
     “โห เป็นไรไป ไฟลุกเชียวต้น?”
     “เอ่อ...”
     “หายเกร็งก็ดีแล้ว สบายๆ นะต้น ปล่อยตัวเล่นไปตามที่เรานำ นอกนั้นเราจัดการเอง”
     “เฮ้ย บ้า!”
     ผมว่าคำพูดมันแปลกๆ ละ!
     “ฮ่าๆ แบบนี้แหละ นั่นๆ หน้าแดงแล้ว”
     ไม่รู้ทำไมผมถึงเขินกับคำพูดเมื่อกี้ของคิวว์ เผลอใจเต้นโครมครามเลยครับ สายตาของคิวว์เมื่อกี้นี้เหมือนไม่ใช่คิวว์ที่ผมรู้จักเลย พวกดาราเป็นแบบนี้นี่เอง
     แล้วผมก็ถูกคิวว์ลากไปถ่ายรูป สถานการณ์ที่ผมได้รู้ว่าการที่หัวใจของเราเต้นเร็วติดต่อกันตลอดเวลาแถมยัง เขินจนเราไม่กล้าสู้สายตาอีกฝ่ายแบบนอนสต็อปมันเป็นยังไง นอกจากพี่ชัชแล้วก็มีแต่คิวว์นี่แหละครับที่ใช้สายตาได้เข้มข้นขนาดนี้ ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าคิวว์ชอบพี่คนนึงอยู่ผมคงนึกเข้าข้างตัวเองว่าคิวว์ชอบผม ตอนที่เขาให้โพสกอดกันผมแทบบ้าตาย! ทุกส่วนบนร่างกายตัวเองที่ถูกคิวว์สัมผัสมันร้อนอย่างกับถูกไฟเผา! ผมที่ไม่เคยคิดอะไรกับผู้ชายคนอื่นนอกจากพี่ชัชรู้ตัวดีว่าเผลอเคลิ้มเพราะสายตาของคิวว์
     “โอเค พอได้ครับ”
     อย่างกับเสียงสวรรค์เลยครับ เฮ้อ!
     “ขอบใจนะต้น เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเย็น”
     “อือ...”
     “เฮ้ย! มองเราดิ อย่ามองพื้น ต้นนี่ตลกดีอ่ะ”
     คิวว์แกล้งผม!
     “รุ รู้แล้วน่ะ ไป...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
     ก็ผมยังเขินคิวว์อยู่นี่ครับ ถึงจะรู้ว่านั่นคือการแสดง รู้ว่าคิวว์ไม่ได้คิดอะไรกับผม แต่มันห้ามกันไม่ได้นี่ หัวใจของผมเต้นเร็วจี๋เหมือนผมพึ่งวิ่งร้อยเมตรมายังไงยังงั้น!
     “ฮะๆ”
     คิวว์หัวเราะขึ้นแล้วจู่ๆ ก็ดึงผมเข้าไปยืนใกล้ๆ เขากอดคอผมแล้วก็ยกมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปคู่
     “เฮ้ย! ทำไรอ่ะ”
     “ถ่ายรูปไง ได้ทำงานด้วยกันทั้งที ถ่ายเป็นที่ระลึกหน่อย”
     “อะ อะ เอางั้นเหรอ”
     “อาฮะ”
     แล้วผมก็ถูกรัวรูปคู่ คิวว์พยายามให้ผมทำหน้าทะเล้นคู่กันด้วยครับ เชื่อเค้าเลย... แต่ค่อยยังชั่วหน่อยที่คิวว์กลับมาเป็นคิวว์ที่ผมรู้จักแล้ว หัวใจผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยจนเกินไป เฮ้อ...

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     หลังจากนั้นคิวว์ก็พาผมไปหาอะไรทานใกล้ๆ ก่อนจะส่งผมกลับคอนโด แต่ระหว่างทางตอนที่รถติด คิวว์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วก็หัวเราะ เขาโยนโทรศัพท์มาให้ผมดู ‘สัสคิว’ เอ่อ... ช่างเป็นข้อความไลน์ที่... ผมพูดไม่ออก
     “มิวนิคมันคลั่งเลยต้น ฮะๆ”
     คิวว์พูดด้วยท่าทางสบายๆ เขาขยับตัวมากดโทรศัพท์เปิดหน้าอินสตาแกรมให้ผมดู รูปคู่ที่เขากับผมถ่ายเล่นกันเมื่อกี้มีบางคอมเม้นท์ที่เดาได้ไม่ยากว่าใคร
     “ขำอ่ะ ท่าทางมิวนิคมันชอบนายมากนะ”
     “บ้า ไม่มีอะไรหรอก”
     ผมตอบพลางเลื่อนดูรูป คิวว์โพสไว้ว่า ‘ถ่ายรูปคู่กับเพื่อน♡♡’ เขินตัวเองชะมัดเลยครับ แต่อยู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ แต่ละรูปมีคนกดชื่นชอบเป็นพัน อินสตาแกรมคิวว์มีคนติดตามตั้งเยอะ! และคิวว์เป็นดารา!
     “นายอัพรูปลงสาธารณะแบบนี้ไม่กลัวเสียหายเหรอ?”
     “เสียหายอะไร ถ่ายเล่นกับเพื่อน”
     “แต่เรา... เป็น”
     “อย่ามองตัวเองในแง่ลบแบบนั้นสิต้น ไม่ว่านายเป็นอะไรเราก็เป็นเพื่อนกันนะ ยกเว้นนายกลัวแฟนนายหึงอะ ถ้าเป็นแบบนั้นเราขอโทษ ลืมคิดเรื่องนี้ไป แหะๆ”
     “ไม่ได้ใช้เราสร้างกระแสให้ตัวเองใช่มั้ยเนี่ย?”
     ผมก็รู้นะว่าคิวว์ตั้งใจแกล้งใคร แท็กไปหามิวนิคแบบนั้น เลยอดไม่ได้ที่จะปากเสียใส่คิวว์ แต่คิวว์กลับหัวเราะ
     “อาจจะมั้ง ฮะๆ หรือเราจะจีบนายดี? มิวนิคต้องบ้าแน่ๆ”
     “นายนี่ก็ชอบแหย่มิวนิคจัง แค้นอะไรกันนักหนา กะอีแค่แย่งสาวกัน”
     “ก็แย่งสาวนี่ละเรื่องใหญ่ของผู้ชาย เคืองกันยันลูกบวชอ่ะต้น อ๊ะ! แต่เรื่องนั้นไม่เกี่ยวนะ ที่เราชวนนายมาด้วยเพราะเรื่องงานจริงๆ เราไม่เอางานไปปนกับเรื่องเล่นๆ หรอก ส่วนเรื่องแกล้งมิวนิคมันผลพลอยได้”
     “นายนี่นะ หึๆ”
     “ต้นไม่ชอบพวกโซเชี่ยลใช่มั้ยล่ะ โทษทีนะ”
     “ก็ไม่เชิงหรอก เรา... เราไม่รู้จะทำอะไรละมั้ง”
     “นั่นสิ ก็ต้นเป็นคนเงียบๆ นี่เนอะ ละแฟนต้นล่ะ?”
     “อืม ไม่รู้สิ เราไม่กล้าก้าวก่ายสังคมของพี่เขาหรอก บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องงานด้วยก็ได้ เรากลัวทำให้พี่เขาลำบาก”
     “ดีจังน้า... เป็นคนอื่นคงบังคับขึ้นสเตตัสไปแล้ว แฟนต้นโชคดีเนอะ”
     “ไม่รู้สิ...”
     “ห๊ะ?”
     “เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก! ว่าแต่ บทที่นายไปแคสก็แปลกดีนะ”
     ผมพูดไม่ออกว่าควรจะบอกว่า “ดีจังที่ยอมรับเกย์” หรือ “ทำไมถึงใช้ประเด็นนี้เป็นจุดขาย” เลยตัดสินใจพูดแค่นั้น
     “แล้วต้นคิดไงล่ะ?”
     “เอ่อเรา...”
     “ไม่ตื่นเต้นดีใจเลยเหรอ ได้ใกล้ชิดกับเราแบบนั้น ฮะๆ”
     “บ้า!”
     คิวว์พูดแหย่ผมแต่แล้วก็กลับมาใช้น้ำเสียงจริงจังคุยให้ผมฟัง
     “ไม่เฉพาะแต่กลุ่มตุ๊ดเกย์กระเทยที่เยอะขึ้นนะต้น ผู้หญิงเองก็เยอะ บางทีผู้ชายอย่างเราก็โดนขายด้วยเหมือนกัน ขายรูปร่างหน้าตา ขายอิมเมจ ขายความฝันให้คนดูเอาไปจิ้น ชอบไม่ชอบก็ต้องทำ มันคืองาน นักแสดงก็ต้องแสดงให้ได้ทุกบทใช่มั้ยล่ะ งานนี้เขาต้องการตัวหลอกที่ชัวร์จริงๆ ว่าไม่ได้แอ๊บแมน บริษัทเลยเสนอเราไปแคส มันก็เป็นโอกาสของเรานะต้น ถึงจะเป็นก้าวเล็กๆ แต่ถ้าเราทำได้เข้าตาเราก็มีสิทธิ์ไปต่อในบทอื่นๆ”
     “ทำไมนายไม่เรียนด้านนั้นไปเลยล่ะ”
     “เราโลภน่ะ ตอนนี้ยังหล่อก็อยากทำตรงนี้ให้ได้มากที่สุดก่อน แต่เราก็ไม่ทิ้งความฝันที่อยากทำงานกับนาซ่าหรอกนะ”
     คิวว์หันมายิ้มให้ผม แต่แหม... นาซ่าเลยเหรอครับ ความฝันของคิวว์ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
     “พูดแล้วก็ขอบคุณนายด้วยนะ ถ้าไม่มีนายคอยช่วยติวเราคงลำบาก”
     “ฟังที่นายพูดแล้วน่าอิจฉาจังเลยนะ ทั้งความฝันของนายทั้งงานขายฝันพวกนั้นด้วย”
     “ก็ชีวิตจริงมันไม่สวยงามละมั้ง คนเราถึงได้ชอบอยู่กับความฝัน ได้เสพในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้จิ้น จับคู่คนนู้นคนนี้ กระแสแนวนี้กำลังมาแรงเลย แล้วนายล่ะ ไม่เคยจิ้นอะไรบ้างเลยเหรอ?”
     “บ้า! เรามีแฟนแล้วนะ จะให้ไปจิ้นได้ยังไง”
     “ฮะๆ ต้นนี่น่ารักชะมัดเลย จริงจังเกินไปแล้ว คนเราต้องอยู่กับความฝันบ้างนะต้น เพราะความฝันคือความหวัง”
     คิวว์หันมาขยิบตาให้ผม บางทีคิวว์ก็ชอบพูดอะไรยากๆ แบบที่คิดว่าคม ถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นแค่ไอ้ขี้เก็ก แต่สำหรับคนหล่อยิ้มง่ายอย่างคิวว์ มันดูดีเป็นบ้าเลยครับ คิวว์สามารถพูดอะไรคมๆ ได้อย่างมั่นใจ เท่จริงๆ
     “แต่เราไม่กล้าฝันมากหรอกคิวว์ เรากลัว”
     “ก็ฝันในสิ่งที่เป็นไปได้สิ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อนค่อยขยายไปสู่สิ่งที่ใหญ่ขึ้น ความฝันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเสมอไปหรอกนะต้น มันเป็นได้ทั้งแรงผลักดันและจินตนาการที่ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไป เออ! แต่ฝันเฟื่องมากไปก็ไม่ดีนะ แบบน้องคนนั้นที่มีเรื่องกับนายไง แบบนั้นเรียกแยกระหว่างความจริงกับความฝันไม่ออก แฟนคลับแบบนี้น่ากลัวนะ ทำลายไอดอลของตัวเองชัดๆ”
     ผมเข้าใจมุมมองของดาราแบบคิวว์นะครับ ผมเองก็อยากจะพูดว่าไม่แคร์หรอก แต่พอนึกถึงว่ามีคนได้ยินเรื่องไม่ดีของผมแล้วก็เอาผมไปด่าทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเลยซักนิดแล้วมันก็อดเจ็บแปลบไม่ได้ ผมถูกใครก็ไม่รู้เอาไปด่าในโลกโซเชี่ยล มีคนเข้ามาซ้ำเติมผมมากมายอย่างสนุกปากทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักตัวตนผมเลยซักนิด บางทีผมก็อยากถามว่าผมไปทำอะไรให้พวกเขา มาจับจ้องผมทำไม ผมเกลียดคนพวกนี้ที่สุดเลยครับ!
     เพราะแบบนี้ ผมถึงต้องนิ่ง ผมไม่อยากมีเรื่อง ผมเหนื่อยที่ต้องไปคอยตอบโต้ใครต่อใคร ผมถึงได้พยายามอยู่ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมไม่ใช่ดาราหน้ากล้องที่ยิ้มสู้ทุกอย่างเหมือนคิวว์ ผมแก้ปัญหาไม่เก่ง มนุษย์สัมพันธ์แย่ แถมยังมีแต่ความลับที่บอกใครไม่ได้...
     “แล้วความฝันของต้นล่ะ? ต้นฝันอะไรไว้เหรอ?”
     คิวว์ถามพลางขับรถไปเรื่อยๆ อีกไม่ไกลก็จะถึงคอนโดผมแล้ว ... นั่นสิครับ ความฝันสูงสุดของผมคืออะไร? ผมถามตัวเองซ้ำเพราะผมเองก็ไม่รู้ แต่แล้วภาพของคนสามคนที่ประกอบด้วยผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กก็ปรากฏขึ้นในหัว...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ปักป้ายเตือนตัวโตๆ ว่า ตอนต่อไปมี NC หือ!  o22  จะว่าไปนิยายเรื่องนี้ก็มีประปรายอยู่แล้วมิใช่เหรอ? ทำไมต้องเตือนอีก?

ก็มัน ..... มันเป็น นอมอล น่ะสิ   :a5:   ดังนั้นคนที่รับแต่Yเกลียดชายหญิงกรุณาติดเบรคตัวเองไว้บ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่เตือน

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ในที่สุดงานสัมมนาวันที่สองก็จบลงครับ ผมกะจะชิ่งตั้งแต่คืนที่สองนี่แหละ พรุ่งนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากตื่นสายๆ ละเลียดเบรคฟาสต์แล้วก็นั่งรถกลับกรุงเทพแวะกินอาหารเที่ยงที่ร้านชื่อดังระหว่างทาง แต่ผมเอารถมาเองเลยกะจะซิ่งกลับก่อน ผมหนีขึ้นมาแพ็คกระเป๋าแต่เก็บของได้แปปเดียวก็มีเสียงเคาะประตู พอเปิดประตูก็เจอน้ำตาลยืนอยู่
     “น้ำตาลไม่เห็นชัชในงานเลยขึ้นมาตาม หมอเจตน์ถามหาแน่ะ”
     “หมอแกมีไรเหรอ?”
     “ก็คุยกับชัชถูกคอมั้ง ชัชไม่ไหวเหรอ น้ำตาลจะได้ไปบอกแกว่าไม่เจอชัช”
     “เฮ้ยอย่าๆ เดี๋ยวชัชลงไปคุยกับแกอีกแปปก็ได้”
     “แล้วนี่ทำไรอยู่เหรอคะ?”
     “เก็บกระเป๋าไง”
     “แหม เตรียมพร้อมเชียวนะคะ พรุ่งนี้กลัวตื่นสายเหรอ”
     ยัยน้ำตาล สีหน้าอมยิ้มรู้ทันผมนั่นมันอะไรกัน ถ้าเป็นเรื่องงานไม่มีคำว่าสายสำหรับผมคร้าบ ยัยนี่ชอบขุดเอาเรื่องสมัยเก่าๆ มาทับถมกันอยู่เรื่อย
     “ชัชกะจะกลับคืนนี้เลย พอดีเอารถมาเอง”
     “อ้าว! ไม่รอกลับพรุ่งนี้ล่ะ เขาจะพาไปแวะอีกหลายที่เลยนะ”
     “ไม่อ่ะ อยากกลับเลยมากกว่า จะหนีงานแล้วปล่อยเด็กๆ พาหมอเที่ยว”
     “งั้นน้ำตาลกลับด้วยสิ แวะไปส่งน้ำตาลได้มั้ยคะ”
     หือ? เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ เห็นผมเป็นเบ๊ขึ้นมาทีไรใช้ลูกอ้อนกับผมตลอด
     “เอางั้นเหรอ? ชัชไม่มีปัญหาหรอกแต่งานตาลล่ะ?”
     “เดี๋ยวน้ำตาลไปคุยกับพี่นกเอง”
     “อืมๆ งั้นชัชไปหาหมอเจตน์ก่อนนะ คุยเสร็จแล้วก็กลับเลยแหละ ตาลก็เก็บของรอเลยละกัน”
     “ค่ะ ตกลงตามนี้นะคะ?”
     “คร้าบ”
     แล้วผมก็ลงไปในห้องอาหารอีกรอบ นั่งคุยกับอาจารย์แกอีกเกือบๆ สองชั่วโมง บอกน้องคนอื่นๆว่าผมหนีกลับ แล้วก็มานั่งรอยัยน้ำตาล รอไม่นานเธอก็ลากกระเป๋าเดินมาจิกให้ผมไปช่วยยกให้ เฮ้อ...
     หลังจากนั้นผมก็บึ่งรถกลับกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ความเหนื่อยมันรุมเร้า นาฬิกาบอกเวลาใกล้สี่ทุ่ม จากกำแพงเพชรเหยียบดีๆ น่าจะถึงกรุงเทพราวๆ ตีหนึ่ง...
     “ชัช! ยังโอเคมั้ยจ้ะ?”
     “หืม! เคจ้ะ”
     ผมตอบน้ำตาลโดยอัตโนมัติ แต่หนึ่งวินาทีหลังจากนั้นผมก็สำนึกได้ว่าเมื่อกี้ผมหลับใน! ผมวูบไปพักหนึ่งครับ ดีที่ได้เสียงยัยน้ำตาลมาช่วย ไม่งั้นคงพาเพื่อนลงข้างทางแน่ๆ
     “ชัช เปลี่ยนให้น้ำตาลขับมั้ยคะ ท่าทางชัชเพลียมากเลยนะ”
     ถ้าผมบอกว่าไม่ไหวยัยน้ำตาลต้องตกใจแน่ๆ ครับ ทำไงได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ศักดิ์ศรีของผมมันรั้นบังคับให้ผมจบสิ่งที่ตัวเองเริ่มเอาไว้ ผมดื้ออยากขับรถกลับเองจะมาขี้เกียจเอากลางทางได้ยังไงครับ
     “ชัชยังไหวจ้ะ นี่เข้าเขตอยุธยาแล้ว เดี๋ยวก็ปทุมละ ใกล้จะถึงบ้านตาลแล้ว”
     “แต่คอนโดชัชยังต้องไปต่ออีกนี่คะ ไปคนเดียวเกิดไปวูบกลางทาง”
     “โอ๊ย! สบายๆ คร้าบ ตาลไม่ต้องห่วง”
     “ห่วงสิ น้ำตาลฝากชีวิตไว้กับชัชนะ”
     เพื่อนร่วมทางผมบ่นเสียงสูงแถมยังทำหน้างอนผมอีก หึๆ
     “ไม่พาลงข้างทางหรอกน่า คันนี้ยังผ่อนไม่หมดเลย ยังไม่อยากเคลมคร้าบ กะขับดีๆ เอาไว้ลดเบี้ยประกัน ฮ่าๆ”
     “ชัชนี่ละก็...กวนน้ำตาลได้แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย แอบหลับอีกน้ำตาลจะหยิกชัชเลยคอยดู!”
     “แหม โหดนะครับ ฮ่าๆ”
     แล้วผมก็ตื่นตัวประคองสติขับมาถึงบ้านยัยน้ำตาลจนได้ เธอเสนอให้ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตาในบ้านของเธอรอระหว่างที่เธอต้มน้ำร้อนชงกาแฟให้ผม ผมเองก็ไม่อยากปฏิเสธในเมื่อความง่วงมันบังตาตัวเองขนาดนี้นี่ครับ ผมจะน็อกให้ได้เลย
     บ้านที่มีคนอยู่สามคนจึงได้รับแขกผู้ชายอย่างผมเพิ่มตอนตีหนึ่ง เด็กรับใช้บ้านนี้มีห้องส่วนตัวเล็กๆ ด้านล่างของบ้านครับ แต่ส่วนมากในวันที่น้ำตาลไม่อยู่ เธอก็จะขึ้นไปนอนกับน้องน้ำหวานบนชั้นสองของบ้าน เปิดแอร์นอนสบายกับลูกเจ้าของบ้าน อาหารสามมื้อกินอยู่ฟรีมีเงินเดือน งานบ้านไม่หนัก โคตรสบายอ่ะ อย่างกับคุณนายเจ้าของบ้าน!
     “ชัชรอน้ำเดือดแปปนึงนะคะ น้ำตาลขอเอาของไปเก็บก่อน แล้วเดี๋ยวจะมาชงกาแฟให้”
     นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงยัยน้ำตาลหลังจากที่เธอเชิญผมเข้าบ้านแล้วปล่อยให้ผมนั่งรอบนโซฟานุ่มๆ ก่อนที่เธอจะหายไป ผมไม่รู้ว่าเธอไปเก็บของหรือต้มน้ำกันแน่เพราะผมไม่ได้สนใจ ผมตั้งใจจะตักตวงเวลาแห่งความสุขช่วงนี้ไว้ให้มากที่สุด ผมหลับตาลงแล้วปล่อยให้สติตัวเองดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา ก็ผมง่วงนี่หว่า! ฝืนขับมาถึงนี่ได้โดยไม่ลงข้างทางก็ปาฏิหาริย์แล้ว ขอผมพักสายตาซักแป็บเหอะ เดี๋ยวน้ำเดือดแล้วยัยน้ำตาลก็มาปลุกผมเองแหละ
     “ชัชคะ ชัช อ้าว!”
     สัมผัสเย็นๆ ชื้นๆ ประคบลงบนหน้าช่วยลากสติผมกลับมาจากโลกแห่งการหลับใหล เอาจริงๆ คือผมสะดุ้งเลยแหละ ผมต้องตั้งสติอยู่พักนึงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่ แต่พอผมนึกขึ้นได้แล้วหันไปมองยัยเพื่อนตัวดีเพื่อจะถามเวลา
     “กี่โมงแล้วตาล?”
     แม่เจ้าโว้ย! ชุดนอนแหล่มเป็ด! ไม่ยักรู้ว่าแม่ม่ายสาวโสดยามนอนคนเดียวก็ใส่ชุดยั่วผัวแบบนี้นอน สายเดี่ยวผ้าซาตินตกแต่งลูกไม้โคตรเซ็กซี่ ยังดีที่มีเสื้อคลุม แต่ไอ้เสื้อคลุมพร้อมถอดแบบนั้นมันก็ไม่ได้ปิดเนินอกขาวๆ นั่นเล้ย... ผมรู้ว่าน้ำตาลเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ผมยกมือสนับสนุนนโยบายนี้นะ แต่ผมอยากรู้ว่าสองเต้านั่นจะเปลี่ยนรูปร่างไปมากขนาดไหนนับจากวันที่ผมเคยสัมผัส เท่าที่มองผ่านๆ จากสายตาอันชั่วช้ากับระบบประมวลผลหื่นๆ ในสมองของผม เพื่อนผมคนนี้ยังดูแลรูปร่างได้สวยเซี๊ยะน่าเจี๊ยะครับ!
     “จะตีสามแล้วค่ะ”
     เธอตอบพลางเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมต่อเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ผมนี่ดิ โคตรทุกข์!
     “เฮ้ยจริงดิ! แล้วทำไมตาลไม่ปลุกชัช”
     “ปลุกแล้วแต่ไม่ตื่น น้ำตาลเห็นชัชเพลียเลยปล่อยให้นอนต่อ จะได้พักหน่อย”
     “เวร...”
     ผมเผลอสบถออกมาจนคนใกล้ตัวงอน ยัยน้ำตาลสะบัดเสียงงอนใส่ผมเป็นสาวๆ ไปได้
     “ฮึ๊! รู้งี้น้ำตาลหนีไปนอนดีกว่า ไม่มาปลุกหรอก ปล่อยให้ชัชนอนตากยุงข้างล่างนี้ก็ดี”
     แน่ะๆ มีเชิดหน้าด้วย น่ารักนะเนี่ย... ผมแพ้สาวขี้งอนซะด้วยสิ
     “แหม... ขอโทษคร้าบ ขอบคุณตาลนะ อุตส่าดูแลชัช”
     “ค่ะ แล้วนี่จะเอายังไงต่อคะ จะนอนต่อมั้ย ถ้าชัชไม่ไหวชัชนอนบ้านน้ำตาลได้นะ ข้างบนน้ำตาลทำห้องไว้ให้แล้ว น้ำตาลไปนอนห้องยัยน้ำหวานแทนได้ แต่ถ้าจะกลับเลยน้ำตาลชงกาแฟไว้ให้แล้ว แต่อยากให้ชัชไปล้างหน้าล้างตาซักหน่อย จะได้สดชื่น น้ำตาลกลัวชัชไปน็อกกลางทาง”
     ความจริงผมยังง่วงอยู่เลยครับ แต่จะค้างบ้านยัยนี่ได้ไง ผมต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
     “เดี๋ยวชัชกลับเลยดีกว่า”
     “เอางั้นเหรอ ขับกลับไหวแน่นะ?”
     “ไหวคร้าบ”
     เธอส่งกาแฟให้ผม หือ... รสที่ผมกินเลยนี่หว่า
     “อยากต่ออีกซักงีบก่อนมั้ย หน้าชัชง่วงมากเลย”
     “ไม่อ่ะ เดี๋ยวขอใช้ห้องน้ำหน่อยละกัน อยากล้างหน้า”
     “เอาสิ แต่ไปใช้ข้างบนดีกว่า ข้างล่างนี่เด็กใช้ ค่อนข้างสกปรกน่ะ”
     น้ำตาลเธอบอกผมพลางย่นจมูก ดูๆ ไปก็น่ารักดีนะครับ ถึงจะบ่นแต่เธอก็อนุญาตเด็กเอง ช่างเป็นนายจ้างแสนดี มิน่าคนใช้ถึงได้ไม่ฆ่าหมกลูกเธอ ฮ่าๆ
     แล้วเธอก็นั่งเป็นเพื่อนผมซดกาแฟ ชายชุดนอนร่นขึ้นไปถึงหน้าขาเพราะความสั้น น้ำตาลนั่งไขว้ห้างอยู่ข้างๆ ผม เธอล้างเครื่องสำอางออกหมดเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
     ผมชอบผู้หญิงสวยนะ แต่ถ้าคนเราจะฉาบสีสันไปโบกหน้าเยอะขนาดนั้นทั้งขนตาปลอม ทั้งคอนแทคเลนส์ ผมกลับชอบผู้หญิงที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่รู้ว่าใครมันเป็นคนเริ่มเทรนบ้าๆ นั่น ไอ้เทรนที่ถ้าไม่ได้ติดขนตาปลอมไม่เขียนคิ้วไม่กรีดอายไลนเนอร์แล้วไม่กล้าออกจากบ้านเนี่ย โคตรอันตรายสำหรับผู้ชายอย่างผมเลยครับ!
     ตอนเลิกกับฟ่างใหม่ๆ ผมเคยคั่วอยู่คนนึง ตอนดึกผมเมาทุกอย่างก็ยังโอเคอยู่ครับ แต่พอตอนเช้าผมตื่นแล้วเกิดอยากจะฟัดกันอีกรอบนี่ดิ หันมาหาคนข้างๆ แล้วถึงกับผงะ! ตกใจว่าใครวะ? แต่ฟ่างไม่ใช่แบบนั้นครับ ฟ่างน่ารักตลอดเวลา ต่อให้ตื่นมาเขียนคิ้วไม่ทันก็ยังน่ารักในสายตาผม แต่หลังๆ เธอจิ๊กตังค์ผมไปสักคิ้วสามมิติครับ ดีชะมัดที่ไอ้ต้นเป็นผู้ชาย มันเลยไม่เคยขอเงินผมไปอัพหน้า
     ส่วนน้ำตาลผมคงต้องบอกว่าพอเธอลบคราบสาวมั่นพวกนั้นออกไป เธอก็กลายเป็นผู้หญิงสวยคนนั้นที่อยู่ในความทรงจำผม ... คนที่ผมเคยจีบ
     “นี่จะนอนแล้วสิ?”
     น้ำตาลเธอหันมามองผมแล้วยิ้มให้
     “ค่ะ รอชัชนั่นแหละว่าจะเอายังไง น้ำตาลจะได้ปิดบ้านนอนซะที”
     หือ! เจ็บอ่ะ
     “แหม นอนดึกกลัวตีนกาขึ้นเหรอครับคนสวย ไหนๆ มาดูซิ ตีนกาขึ้นกี่เส้นแล้ว”
     “อุ๊ยไม่เอา! มีที่ไหนล่ะ ชัช!”
     ผมแกล้งเธอ ผมจงใจนั่นแหละ และเธอก็โมโหปนเขินผมจริงๆ เลยเบี่ยงตัวหลบสายตาผมไปมาเอามือมาบังหน้าให้วุ่น ผมเลยแกล้งดึงมือเธอไว้
     “ไหนๆ ปกติโบกซะหนา พอล้างออกแล้วเยอะเหมือนกันนะตาล ฮ่าๆ”
     “ปากนะชัช!”
     เราแกล้งกันอยู่อย่างนั้นจนผมรู้ตัวอีกทีก็กอดน้ำตาลซะแล้ว เสื้อคลุมเลื่อนหลุดลงมาเพราะการดิ้น เหลือผ้าปิดหัวไหล่กลมมนนั่นเพียงข้างเดียว ... เย้ายวน
     “เอ่อ... ชัชว่าชัชไปล้างหน้าดีกว่าว่ะ”
     ผมทำเหี้ยอะไรลงไปวะ! เมื่อกี้ผมเกือบจะจูบน้ำตาล!
     “อืม งั้นเดี๋ยวน้ำตาลเอาแก้วไปเก็บก่อนนะ ห้องน้ำอยู่ชั้นสองตรงกลางนะ”
     ผมขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน ยืนสงบสติอารมณ์ตัวเองในห้องน้ำ ข้อเท็จจริงที่ผมพึ่งตระหนักได้ทำให้ผมตกใจ ความง่วงไม่หลงเหลืออยู่ในสมองผมอีกแล้ว แต่ผมก็ยังล้างหน้า ใช้สายน้ำเย็นๆ สาดเข้าไปดับไฟในตัว
     “ชัชคะ เสร็จแล้วใช้ประตูนี้นะ อีกฝั่งยัยน้ำหวานหลับอยู่”
     เสียงเตือนของเพื่อนทำให้ผมรู้ตัว ผมถอนหายใจแล้วเปิดประตูเข้าไปยังห้องนอนของเพื่อน น้ำตาลกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าก้มลงหยิบผ้าขนหนูออกมา ผมไม่น่าออกมาตอนนี้เล้ย!
     “อ้าวชัช?”
     พอเธอหันมาเห็นผมก็ปิดเก๊ะแล้วลุกขึ้น ทำท่าเดินมาหาผม
     “นี่ตั้งใจจะยั่วชัชรึเปล่า?”
     น้ำตาลชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม
     “ก็แล้วแต่จะคิด”
     เธอตอบแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าผมก่อนจะยกผ้าขนหนูผืนนั้นมาซับหยดน้ำเปียกๆ ให้
     “ล้างหน้ายังไงคะ เปียกไปหมดทั้งตัว”
     ผมจับมือของเธอเพื่อหยุดการกระทำนั้น น้ำตาลมองหน้าผมแล้วรู้สึกตัว
     “ขอโทษค่ะ น้ำตาลลืมตัว แล้ว... เสื้อเปียกเชียวค่ะ น้ำตาลเอาไปเป่าให้นะ”
     เธอเฉไฉทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
     “ตาลไม่ต้องทำดีกับชัชขนาดนี้ก็ได้”
     “น้ำตาลทำอะไรผิดอีกรึไงคะ”
     “เปล่าตาลไม่ผิด แต่ตาลทำให้ชัชรู้สึกผิดเพราะชัชรู้สึกเหมือนตาลยังรักชัชอยู่”
     น้ำตาลหันหลังตั้งใจจะเดินหนีผมเพราะพูดไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงเกิดบ้าดึงตัวเธอเข้ามากอด ผมซบลงบนผมหนาเป็นลอนนั่นแล้วก็พร่ำขอให้เธอให้อภัย
     “ขอโทษ ขอโทษนะ ชัชขอโทษนะครับ”
     ผมเดาเอาเองว่าน้ำตาลคงทั้งรักทั้งเกลียดผม
     “ชัชรู้สึกดีกับตาลนะ แต่เราสองคนคงกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ตาลอย่าทำให้ชัชรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย เลิกมองชัชเหอะ”
     “ทีเมื่อก่อนชัชไม่เคยขอโทษน้ำตาล ไม่เคยรู้สึกผิด แล้วตอนนี้จะมาบอกว่ารู้สึกผิดเหรอคะ น้ำตาลไม่ได้จะเอาอะไรกับชัชแล้วนี่ ชัชบอกให้เราเป็นเพื่อน น้ำตาลก็ทำ”
     “ครับ ยิ่งตาลดีกับชัชๆ ยิ่งรู้สึกผิด แต่ยังไงชัชก็... ชัชมีคนอื่นแล้ว”
     “น้ำตาลดีใจนะที่ชัชตัดน้ำตาลไม่ขาด ให้ชัชทรมานเพราะความรู้สึกผิดนั่นแหละสมน้ำหน้า!”
     “โธ่ตาล... ทำยังไงตาลถึงจะให้อภัยชัช”
     “ถ้าน้ำตาลรู้ว่าทำยังไงน้ำตาลถึงจะเลิกเกลียดชัชน้ำตาลทำไปนานแล้ว ถ้าชัชทำให้น้ำตาลเกลียดอย่างเดียวก็ดี กับคนอื่นน้ำตาลยังไม่ตัดยากขนาดนี้เลย ชัชนั่นแหละที่ดีเกินไป ชัชดีกับผู้หญิงทุกคนเกินไปแม้แต่คนอย่างน้ำตาล น้ำตาลถึงต้องทั้งรักทั้งเกลียดตัดชัชไม่ขาดแบบนี้!”
     “ชัชขอโทษ”
     “ต่อให้น้ำตาลให้อภัยชัชความรู้สึกพวกนั้นมันก็ไม่หายไปหรอก”
     เรากอดกันอยู่นาน ผมกอดน้ำตาล น้ำตาลซบอกผมแล้วร้องไห้ ผมลูบผมเธอ กระชับอ้อมแขน กอดเธอให้แน่นขึ้นจนกระทั่งเธอสงบ น้ำตาลสงบอย่างน่าประหลาด
     “ชัชยังรักน้ำตาลรึเปล่า?”
     เธอถามผม ใครมันจะลืมรักครั้งแรกได้ลงวะ! แต่ผมพูดออกไปไม่ได้หรอก
     “รัก แต่แบบเพื่อนนะ ที่เหลือความรู้สึกผิดล้วนๆ เลย”
     “ถ้าอย่างนั้นน้ำตาลขออะไรชัชอย่างนึงได้มั้ย”
     “อะไรอ่ะ ถ้าทำให้ได้ชัชยินดีหมดแหละ ยกเว้นเรื่องกลับไปคบกัน”
     “งั้นนอนกับน้ำตาลสิ”
     “เฮ้ย!”
     ผมตกใจนะ ไม่คิดว่าเธอจะยื่นข้อเสนอแบบนี้
     “ทำไมล่ะ คิดซะว่าสงสารผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทิ้ง ถ้าชัชไม่พูด น้ำตาลไม่พูด เรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้”
     “ไม่ได้หรอกตาล ชัชทำไม่ได้ ชัชไม่อยากนอกใจต้น”
     ผมเห็นความโกรธในดวงตาของเธอ แต่แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นการยั่วยวน
     “แต่น้ำตาลอยากให้ชัชชดใช้ให้นี่ ทำให้น้ำตาลมีความสุขไม่ได้เหรอ น้ำตาลอยากให้ชัชทำให้ ต้องเป็นชัชเท่านั้น”
     “ตาล...”
     “นะคะ น้ำตาลรู้ว่าชัชทำได้”
     น้ำตาลแตะที่มือของผม
     “ชัชไม่ถือเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ น้ำตาลรู้นะว่าชัชต้องการผู้หญิง”
     “ตาลต้องการแบบนี้จริงๆ เหรอ นี่มันเหมือนกับขอให้ชัชเลิกกับต้นเลยนะ”
     “ใช่ น้ำตาลอยากให้ชัชทำผิดต่อคนที่ชัชรัก อยากให้ชัชรู้สึกผิดแบบที่ชัชไม่เคยมีให้น้ำตาล แต่ว่า ... น้ำตาลก็หวังว่าบางทีชัชอาจจะกลับมารักน้ำตาลอีก”
     “ตาลก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
     “แต่น้ำตาลรู้ว่าชัชช่วยน้ำตาลได้ น้ำตาลก็เหงาเป็นนะชัช ช่วยคลายเหงาให้เพื่อนคนนี้หน่อยไม่ได้เหรอคะ เราไม่ต้องมีเซ็กกันจริงๆ ก็ได้ ผู้หญิงคนนึงอ้อนวอนชัชอยู่ตรงหน้านี้นะคะ ชัชจะใจร้ายกับน้ำตาลอีกกี่ครั้งกัน”
     น้ำตาลใช้คำพูดของเธอหลอกล่อผม และเรือนร่างของเธอก็ยั่วยวนผมด้วยเช่นกัน
     “นะคะชัช เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากเรา ช่วยน้ำตาลด้วยนะคะ เด็กคนนั้นรักชัชมากจนให้อภัยชัชได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้เองไม่ใช่นอกใจกันจริงๆ ซักหน่อย”
     “ตกลงใส่ชุดนี้มายั่วชัชจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย?”
     ผมถามพร้อมกับอุ้มน้ำตาลไปที่เตียง เธอหัวเราะแล้วตอบผม
     “เปล่าค่ะ นี่ชุดนอนปกติ”
     “จริงเหรอ?”
     ผมนั่งลงตรงขอบเตียงพลางจัดให้น้ำตาลคุกเข่าคร่อมอยู่บนหน้าขา เธอโอบไหล่ผมเอาไว้เพราะกลัวตก
     “จริงสิ เวลาที่น้ำตาลใส่ชุดแบบนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองสวยเซ็กซี่น่ะ เป็นการสร้างความมั่นใจให้ตัวเองนะ”
     “อืม... จริง มิน่าเพื่อนชัชเซ็กซี่ขึ้นทุกครั้งที่เจอ”
     “คิกๆ”

     สองมือของผมกอบกุมเนินอกของน้ำตาลและสัมผัสมันด้วยปากอย่างหิวกระหาย ผมทั้งดูดทั้งเล็มผ่านเนื้อผ้าเรียบลื่นนั่นจนความเปียกชุ่มบนเนื้อผ้าประจานความตะกละตะกลามของผม น้ำตาลแอ่นอกครางแผ่วเบาราวกลับกลัวหนูน้ำหวานในห้องข้างๆ จะตื่น เธอแอ่นตัวรับการแตะต้องจากผมพลางขยำหัวผมซะแน่น แต่ในขณะเดียวกันก็เสียดสีหน้าท้องไปมาเหมือนบ่งบอกความนัย ผมไม่รอช้าเลื้อยมือฝ่าไปใต้ชุดนอน สะโพกกลมมนที่ผมสัมผัสได้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าลูกไม้ เธอชันตัวขึ้นเพื่อให้ริมฝีปากของผมสร้างรอยประทับอุ่นๆ บนหน้าท้อง ในยามที่ผมไล้มือตามร่องจากด้านหลังมายังด้านหน้าเธอก็บิดตัวครางเรียกชื่อผมเบาๆ เธอกางขาแยกจากกันเปิดกว้างให้ผมมากขึ้น นิ้วของผมสัมผัสจุดเร้นลับของเธออย่างชำนาญ ปลายนิ้วที่หยอกเอินลูบไล้เบาๆ สลับกับการบดขยี้ทำให้เธอสั่นไปทั่วทั้งร่าง เพียงไม่นานคราบชื้นแฉะก็ปรากฏให้ผมได้สัมผัสผ่านเนื้อผ้าของกางเกงในลูกไม้ตัวนั้น ผมแทรกนิ้วเข้าไปควานหาจุดกำเนิดของความเปียก เมือกลื่นๆ เลอะอยู่เต็มมือผม น้ำตาลครางพลางซบลงกับไหล่ เสียงเรียกชื่อผมดังไม่ขาดปาก
     “ดีค่ะ ช่วยน้ำตาลที อา ชัช..”
     เธอแยกขาคร่อมผมพลางพรมจูบซอกคอผมระบายความรู้สึก สองแขนที่โอบรัดนั้นทำให้ผมขยับตัวลำบากได้แต่ฝังหน้าลงบนอกอิ่มคู่อวบนั่น ปลายนิ้วผมขยับด้วยความคล่องแคล่ว ทั้งถูไถและบดขยี้ก่อนจะแทงเข้าไปเพื่อปลดปล่อยความสุขสมให้เธอ ถ้ำแห่งนั้นตอบสนองต่อนิ้วของผมราวกับต้องการดูดกลืนไม่ให้ผมชักนิ้วออกมาได้อีก แรงบีบที่ปะทะเข้ามาเป็นระลอกทำเอาผมดึงนิ้วออกมาอย่างยากลำบาก
     น้ำตาลแอ่นตัวเอนไปด้านหลังทั้งครางทั้งดิ้นขย่มนิ้วผมเป็นจังหวะ ผมใช้ปากเขี่ยสายชุดนอนเส้นจิ๋วนั่นออกไปให้พ้นไหล่ก่อนจะดึงมันร่นลงมาเผยให้เห็นเต้าขาวๆ ลอยยั่วอยู่ตรงหน้า โดยไม่รอช้าผมก็ได้โอกาสครอบครองสิ่งที่ผมโหยหา แต่ไม่ว่าผมจะขยำซักเท่าไหร่ น้ำนมสีขาวบริสุทธิ์ก็ไม่ไหลออกมา ‘เสียดายชะมัด’ ผมพับความคิดพิเรณหนึ่งในสิ่งที่อยากทำเก็บเข้ากรุแล้วขยับมือเรียกน้ำลื่นๆ ให้หลั่งออกมามากกว่าเดิมจนในที่สุดประตูสวรรค์ก็เปิดออก น้ำตาลก้าวพ้นช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแล้ว และเมื่อผมดึงมือออกมาชูตรงหน้าเธอพร้อมกับยิ้ม คราบที่เยิ้มอยู่บนมือผมก็ทำให้เธอเขินอาย แต่เธอกลับดึงมือข้างนั้นเข้าไปหาเธอก่อนจะเลียจนมันสะอาด
     “ถึงตาชัชแล้วค่ะ”
     น้ำตาลบอกกับผมพลางกอบกุมส่วนนูนเด่นตรงเป้ากางเกง เธอรูดซิบเปิดมันออกก่อนจะก้มเข้ามาใกล้ น้ำตาลก้มลงมาจะใช้ปากให้ผมแต่ผมเบรกเธอไว้
     “อย่าดีกว่าตาล”
     “แล้วชัชจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอคะ?”
     เธอลูบเป้าของผมเพื่อหยอกมัน
     “ไม่อยากให้ใช้ปากน่ะ ชัชจัดการตัวเองได้”
     “ถึงขั้นนี้แล้วนะคะ ชัชให้น้ำตาลทำให้นะ”
     “อย่าเลย”
     แต่น้ำตาลไม่ฟังผมเลยครับ เธอจัดการคว้ามันออกมาเล่นซะแล้ว เพราะผมจับไหล่ขืนตัวเธอไว้เธอเลยได้แต่ส่งมือมาแกล้งผม
     “ตาลปล่อยเถอะ”
     “อะไร? จะไม่ไหวแล้วเหรอ เร็วไปรึเปล่าคะ? คิกๆ”
     “ชัชไม่อยากทรยศต้น”
     น้ำตาลชะงักไปครับ เธอคงคิดไม่ถึงว่าผมจะพูดถึงคนอื่นตอนนี้
     “ทั้งๆ ที่ชัชทำแบบนี้กับน้ำตาล?”
     “ชัชยอมช่วยตาล ถ้าตาลอยากเห็นชัชเลว ชัชก็จะเลว ชดใช้ให้ตาล แต่ถ้าจะให้ชัชมีความสุขทั้งๆ ที่มันผิดต่อต้นชัชไม่อยาก โอ้ย! ตาลคร้าบ”
     เธอโกรธผมแน่ๆ ถึงได้ขยี้หัวซะผมคราง เสียวนะครับ สติก็ต้องประคอง ทั้งๆ ที่ผมแข็งสุดๆ มาตั้งแต่ตอนล้วงแล้ว!
     “งั้นน้ำตาลยิ่งอยากแกล้งชัชมากกว่าเดิมอีกค่ะ ขอน้ำตาลเอาคืนชัชให้สะใจหน่อยเถอะ น้ำตาลจะทำให้ชัชรู้สึกผิดเพราะน้ำตาล”
     นางมารร้าย แฟนเก่าผมเป็นนางมารร้าย!
     “โอ้ย โอเคคร้าบ ยอมแล้ว เสียวครับตาล”
     จะให้ผมทำอะไรได้ครับ ตัวประกันอยู่ในมือเธอแล้ว โดนขนาดนี้ผมก็ไม่ไหวนะครับ ต้องข่มความอยากอะไรตั้งหลายอย่างในหัว อย่างน้อยๆ ก็ภาพที่ผมอยากผลักยัยเพื่อนตัวดีล้มลงบนเตียงแล้วยัดตัวประกันเข้าไปในรูลื่นๆ ฉ่ำเยิ้มความต้องการก่อนจะกระแทกแบบสดๆ ให้ได้ยินเสียงบรรเลงของเนื้อกระทบเนื้อทุกครั้งที่เกิดการเสียดสี ชิบ!
     “เดี๋ยวตาล!”
     ผมได้สติแต่ผลักน้ำตาลออกไม่ทัน! หลักฐานแห่งการทรยศของผมเลอะอยู่บนมือของน้ำตาลและมือผมที่กุมมือเธอไว้อีกที พวกเราร่วมมือกันทำร้ายต้น!
     “โทษที บอกไม่ทัน เลอะเลย”
     “เดี๋ยวตาลไปหยิบทิชชู่ให้นะคะ”
     “ตาลไปล้างมือเถอะ ชัช...”
     น้ำตาลยิ้มให้ผมแล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือตัวเอง ก่อนจะส่งมาให้ผมจัดการตัวเองบ้าง ผมเช็ดคราบข้นๆ ที่มันเลอะอยู่ทั้งบนแสล็กและกางเกงในของผมออกก่อนจะเดินไปทำความสะอาดตัวเองในห้องน้ำอีกรอบ อยากกลับห้องชะมัดเลยครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อุตส่ารอเผือก เมื่อจับชู้ได้3ครั้ง18+ ยกมือมา ใครตามเผือกกระทู้นี้บ้าง? นังชู้แรงส์มาก อ่านแล้วรู้สึกพี่ชัชดีกว่าเย้อ อย่างน้อยๆ พี่ชัชก็ยังสำนึก(นิดๆ)

จริงๆ เรามองว่า ถ้าน้ำตาลไม่ใช่แฟนเก่า ถ้าพี่ชัชไม่เคยทำน้ำตาลเจ็บ ถ้าพี่ชัชไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำผู้หญิงเขาแค้น พี่ชัชจะไม่ยอมน้ำตาลเด็ดขาด!
คือ... เสือกจะมาเป็นสุภาพบุรุษเอาแบบโง่ๆ เอาตอนนี้ไง ลืมคิดถึงใจต้น กะว่าตัวเองเอาต้นอยู่ยังไงก็ต้องยอมให้อภัย เลยยอมเสี่ยงแลกหมัดกับน้ำตาล
เพราะอาเจ้นี่แค่อยากจะแก้แค้นเท่านั้น ทำไงก็ได้ให้พี่ชัชไม่มีความสุขในชีวิตคู่ คืออิจฉาว่าตอนตัวเองทำไมไม่ดีแบบนี้ ทำไมกับคนนี้ที่เป็นแค่เด็กผู้ชายพี่ชัชถึงยอมศิโรราบหมดใจ พูดง่ายๆ พวกพวกอาฆาตแค้น อีพี่ชัชก็เสือกโง่เกิ๊น! ไปยอมแลกกับเขาทำไม

ลองสังเกตดูนะ ในโลกนี้มันจะมีคนประเภทนี้อยู่จริงๆ คือยอมเจ็บ ยอมเข้าเนื้อตัวเองเพื่อให้ทุกอย่างจบ แต่กับบางคนเขาจะไม่ขอรับผิดอะไรเลย เวลามีปัญหาคนอื่นผิดหมด ตัวเองไร้มลทินไม่มีแม้แต่เปอเซ็นต์(คุ้นๆ ว่าเป็นตัวเอกแถวๆ นี้แหละ)
แต่อย่าไปยุ่งกะพวกเมษเชียวนะถ้าฮีไม่ผิดมีสวนกลับ คนเจอสวนจะโดนจนเละ! พวกเมษนี่แมนก็จริงแต่ถ้าไม่ผิดเอามีดมาจ่อก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใครเหอะๆ

ไม่อยากให้มองแต่พี่ชัชเลว จริงอยู่ความเลวเขาเยอะแต่ส่วนสำนึกผิดมันก็มี อารมณ์มันกึ่งๆ ไปหมด ตอนแต่งนะคิดแล้วคิดอีกต้องบรรยายแบบไหนถึงจะดูสำนึกผิดนะแต่ก็เคลิ้มไปตามอารมณ์ด้วย ต้องรู้สึกผิดต่อน้ำตาลด้วยเลยยอมแต่คือยอมเลวเพื่อเพื่อนนะ ไม่ใช่ทำไปเพราะตัวเองอยากทำ คิดสารพัด
ตอนลงฉากนี้ในเด็กดี มีแต่คนด่า อา... สงสารใจคนแต่งบ้างเถอะ  :ling2:  ผู้ชายเจ้าชู้มันก็ต้องออกมาแบบนี้ดิ จะให้มาเจ้าชู้ฟันดะแต่ใจแข็งไร้รักอะไรล่ะ แบบนั้นเขาเรียกมักมาก ส่ำส่อน เอาอย่างเดียวหัวใจไม่เกี่ยว ไม่ใช่เจ้าชู้!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     ผมไม่แน่ใจว่าพี่ชัชกลับมาราวๆ ตีสี่หรือตีห้า รู้แต่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง พี่ชัชคงทำอะไรนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ แล้วหลังจากนั้นพี่เขาก็ดับโคมไฟก่อนจะคลานขึ้นเตียงมานอนกอดผม แต่สิ่งที่มันไม่ปกติคือครั้งนี้แฟนของผมทั้งจูบทั้งหอมผมเป็นพิเศษ เสียงงึมงำของพี่ชัชทั้งบอกรักและขอโทษผมอยู่นาน ผมได้แต่แปลกใจ แต่ผมไม่ไหวหรอกครับ ง่วงจะตายอยู่แล้ว ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบแทบตาย ไหนจะต้องทำชีทสรุปแจกชาวบ้าน ไว้พรุ่งนี้คอยตื่นมาคุยก็ได้ครับ ยังไงก็วันหยุดอยู่แล้ว ก่อนที่จันทร์นี้ผมจะโดนเชือดในห้องสอบ!

     ยอมรับเลยครับว่าตอนนั้นผมห่วงแต่เรื่องสอบในวันมะรืน ใครจะไปคิดว่าจะมีเรื่องที่สำคัญกว่าการสอบเกิดขึ้นกับผม ผมถูกแฟนนอกใจ!

     เช้าวันอาทิตย์ผมตื่นเช้าทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ พี่ชัชยังหลับอยู่ แฟนผมกลับมาตอนใกล้รุ่ง ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรก พี่ชัชชอบฝืนขับรถกลับทันทีที่เสร็จงานอยู่แล้ว ซึ่งผมก็แอบดีใจปนเป็นห่วงนะครับที่พี่เขารักผมขนาดนี้ แต่ผมกลัวเกิดอันตรายขึ้นกับพี่เขานี่นา ฝืนขับรถกลับแล้วก็มานอนอืดทั้งวัน เฮ้อ... แถมยังทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ให้ผมจัดการเป็นประจำ
     ดังนั้นวันนี้ผมตั้งใจว่าจะรีบทำงานบ้านที่เหลือให้เสร็จแล้วจะได้อ่านหนังสือต่อ ดีที่ผมซักรีดเสื้อผ้าไปแล้วเมื่อวาน ตอนนี้ก็แค่จัดการกับกระเป๋าใบนั้น
     อืม... คงไม่มีเสื้อผ้าตัวไหนที่พี่ชัชจะใส่เร็วๆ นี้หรอกมั้งครับ จะมีสูทหรือเสื้อแจ็กเก็ตที่จะใส่ต่อรึเปล่าน้า?
     ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะจัดการกับเสื้อผ้าใช้แล้วของพี่ชัช แต่ทันใดนั้นบางสิ่งบางอย่างก็ทำให้ผมชาวาบไปทั้งตัว!
     กางเกงของพี่ชัชเปื้อนคราบอะไรบางอย่างจนผ้าแข็งขึ้นเงาเล็กน้อย มีร่องรอยของการทำความสะอาดด้วยทิชชู่ แต่กางเกงของพี่ชัชเปื้อนอะไรบางอย่างที่มันทำให้ทิชชู่ติดหนับเหมือนกาว!
     ผมรู้สึกไม่ดีเลยครับ สมองผมมันตื้อไปหมด แม้กระทั่งมือยังสั่นแบบที่ผมห้ามตัวเองไม่อยู่ ผมพยายามปฏิเสธว่ามันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แต่เสียงกรีดร้องภายในตัวผมมันสั่งให้ผมก้มลงไปพิสูจน์ ผมลังเลอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจยกกางเกงตัวนั้นขึ้นมาใกล้ๆ ผมก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นของมันพลางภาวนาว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด แต่ทว่ากลิ่นที่คุ้นเคยนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ผมไม่ได้หน้ามืดเพราะกลิ่น แต่ผมหน้ามืดเพราะความจริงที่รับรู้!
     มีคนบอกว่าผมชอบคิดมาก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมเองก็ไม่สามารถทำใจให้คิดไงแง่ดีได้เลยจริงๆ ผมจะต้องเพ้อถึงขนาดไหนกันถึงจะมโนให้การมีคราบอสุจิเปื้อนอยู่บนกางเกงของแฟนผมเป็นเรื่องธรรมดา!
     ผมคุ้ยไปในตะกร้าหากางเกงในตัวที่พี่ชัชใส่เมื่อวานทันที มันเปรอะเปื้อนไม่ต่างกัน!
     เกิดอะไรขึ้นกับแฟนผมเหรอครับ? หรือผมควรทำตัวโลกสวยหลอกตัวเองต่อไปว่าแฟนผมอาจจะมีอารมณ์กะทันหันจนต้องช่วยตัวเองเลอะเทอะขนาดนี้ ผมหาคำตอบไม่ได้จริงๆ ยิ่งมองพี่ชัชที่หลับอยู่บนเตียงก็ยิ่งสับสน ผมควรทำอย่างไรดี?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมตื่นตอนเที่ยงกว่าๆ ต้นไม่อยู่ในห้องนอน หลังจากที่นอนพลิกไปพลิกมารวบรวมความคิดที่กระจัดกระจายของตัวเองเสร็จผมก็ ตัดสินใจลุกขึ้น คงเพราะความรู้สึกผิดผมถึงได้ไม่รีบร้อนออกไปหาเมียตัวเองแต่กลับคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้ามาอาบน้ำแปรงฟันในห้องน้ำแทน ผมพยายามยื้อเวลา
     ผมรู้ตัวดีว่าผมทำผิดต่อต้น แต่ผมยอมเลวถ้ามันจะทำให้น้ำตาลสะใจ เธอจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ผมรู้ดีว่าเธออยากเห็นผมทรมาน ผมกับต้นจะต้องมีปัญหากัน ต้นต้องเสียใจ และผมเองก็ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เป็นคนทำให้ต้นเสียใจ ผมยอมเลวเพื่อให้น้ำตาลชนนะเกมนี้ ผมอยากให้เธอชนะถ้านั่นมันจะทำให้เธอหายแค้นผมได้ ถือว่าผมชดใช้ให้เธอแล้วต่อไปนี้ไม่มีอะไรติดค้างกัน
     แต่ยังไงเสียสิ่งที่ผมทำมันก็คือการทรยศต้น เป็นการทรยศที่ผมเต็มใจ ผมรู้ว่าต้นรักผม และผมเชื่อว่าต้นจะรักผมมากพอที่จะให้อภัยผม เพียงแต่... ผมควรจะอธิบายกับต้นยังไง? ต้นไม่ใช่ฟ่าง ต้นเปราะบางมากกว่านั้น ผมจะทำยังไงถึงจะทำให้ต้นเสียใจน้อยที่สุด
     “เฮ้อ! กล้าๆ หน่อยไอ้ชัช อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะ!”
     ผมยิ้มให้กำลังใจผู้ชายในกระจกแล้วแต่งตัว

     ตอนที่ผมเปิดประตูออกมา ต้นนั่งอยู่ที่โซฟามีชีทวางอยู่บนตัก เป็นภาพที่ผมคุ้นตา ตันมักใช้เวลาว่างอ่านหนังสือ แต่คราวนี้ต้นดูเหม่อลอย ตาของต้นไม่ได้จับจ้องอยู่บนกระดาษพวกนั้น มันมองออกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า แต่พอต้นเห็นผมต้นก็สะดุ้งแล้วรีบลุกไปยืนหันหลังให้ผมสาละวนอยู่กับการอุ่นอาหาร
     “ตื่นแล้วเหรอครับ รอผมแป็บนึงนะครับ เดี๋ยวขออุ่นแกงก่อน”
     ผมรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของมัน แต่ผมยังไม่แน่ใจ
     “หิวจังเลยคร้าบที่รัก”
     ผมเดินเข้าไปกอดต้น ไหล่ของมันสั่นเล็กน้อย แต่เมียผมก็ทำเป็นไม่มีอะไร เกิดความไม่สบายใจขึ้นในอกผม!
     “พี่ชัชไปนั่งรอที่โต๊ะก็ได้ครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมยกไปให้”
     มันไม่ใช่น้ำเสียงหรือคำพูดที่แปลกไป ท่าทางปกติกับใบหน้าที่เหมือนใส่หน้ากากนั่นก็ไม่มีพิรุธ แต่ผมสัมผัสได้จากแววตาของต้น มีความคลางแคลงซ่อนอยู่ในนั้น
     “ไม่เอา คิดถึงเมีย ขอกอดหน่อยนะครับ”
     “พี่ชัชก็ อย่าสิครับ”
     ต้นแกล้งหัวเราะแล้วขืนตัวหนีผม ชั่วขณะที่เราประสานสายตากันผมเห็นความระแวงอยู่ในนั้นก่อนที่ต้นจะยิ้มแล้วทำตัวตามปกติ
     ต้นพยายามทำตัวเป็นปกติ มันใส่หน้ากากต่อหน้าผมอีกแล้ว แต่สายตาของมันที่มองมายังผมนั้นหลอกกันไม่ได้ ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่และนั่นก็ทำให้ผมกลัว จนกระทั่งผมกินข้าวเสร็จมันก็แกล้งขอตัวไปอ่านหนังสือต่อ มันหนีผม!
     บางทีต้นอาจจะระแคะระคายอะไรบางอย่าง ลางสังหรณ์ผมบอกแบบนั้น ผมควรจะทำอย่างไรดี? จะเริ่มแบบไหน จะพูดกับต้นยังไง แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ต้นทำเหมือนไม่อยากรับรู้อะไร จริงสิ! ต้นไม่ถามผมเลยว่าผมกลับมาถึงตอนกี่โมง ทำไมผมถึงกลับมาก่อนทั้งๆ ที่ผมบอกจะกลับเย็นนี้ มันไม่บ่นเรื่องที่ผมชอบฝืนขับรถเลยด้วยซ้ำ!
     นี่มันกี่โมงแล้ววะ? ตายละ! ผมยังไม่ได้โทรหาเด็กๆ เลย ไม่รู้งานเรียบร้อยดีมั้ย ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานผมไม่ได้เก็บของ พอกลับมาถึงก็อาบน้ำนอนเลย โทรศัพท์ผมน่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมกะจะเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอน แต่พอเปิดประตูเข้าไปภาพที่ผมเห็นคือต้นนั่งคุยโทรศัพท์ในสภาพน้ำตาคลอ!
     “เป็นไรครับต้น!”
     ผมถามด้วยความตกใจแล้วเดินเข้าไปหา แต่มันกลับกระซิบใส่โทรศัพท์แล้ววางสาย
     “ไม่ได้เป็นไรครับ”
     มันโกหกแล้วแกล้งยิ้มให้ผม!
     “โกหกไม่เนียนเลยที่รัก น้ำตาไหลพรากแบบนี้”
     ผมช้อนคางมันขึ้นมาให้สบตากับผมแล้วปาดน้ำตาให้มัน
     “มีอะไรก็บอกพี่ได้นะครับ”
     ชั่วขณะผมเห็นสายตาแข็งกร้าวแบบเดียวกับวันนั้น สายตาที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ มันคือความเกลียดชัง!
     “ผมเครียดเรื่องสอบนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรหรอก”
     “ไม่มีอะไรได้ไงครับ ร้องไห้ขนาดนี้ ข้อสอบยากมากรึไง”
     “ร้องไห้เครียดเรื่องสอบก็ยังดีกว่าร้องไห้เพราะเรื่องอื่นไม่ใช่เหรอครับ?”
     “ต้น?”
     “พี่ชัชต่างหากละครับ มีอะไร?”
     ผมพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่จ้องตามัน พยายามค้นหาว่าที่มันพูดหมายถึงอะไร จะใช่เรื่องที่ผมกลัวรึเปล่า แต่แล้วมันกลับพูดต่อ
     “เข้ามามีอะไรรึเปล่าครับ ต้องการอะไรรึเปล่า?”
     “เอ่อ... พี่มาเอาโทรศัพท์น่ะ เมื่อวานไม่ได้เอาออกจากกางเกง”
     “ผมซักเสื้อผ้าพวกนั้นแล้วครับ เอาของออกมาให้หมดแล้ว แต่ไม่เจอโทรศัพท์ครับ”
     “อ้าวเหรอ! แล้วมันหายไปไหนหว่า?”
     “หล่นที่ไหนรึเปล่าครับ?”
     “นั่นสิ”
     เพราะโทรศัพท์อันเป็นอวัยวะที่สามสิบสามเครื่องมือทำมาหากินของผมหาย ผมเลยพักเรื่องของเราไว้ก่อน ต้นช่วยผมหาโทรศัพท์เหมือนทุกที่ผมหาของไม่เจอ เราสองคนกำลังเล่นเกม“ปกติ”
     “เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ?”
     “เมื่อวานพี่ยังโทรคุยกับน้องอีกคนในรถเลย”
     “หล่นในรถรึเปล่าครับ”
     “เออว่ะ งั้นพี่ไปดูในรถก่อนนะ”
     “ผมไปด้วยสิครับ เผื่อเอาโทรศัพท์ของผมยิงหา”
     “เออๆ กดตอนนี้เลยสิ เผื่อหล่นในห้อง”
     แต่มันไม่มีเสียงริงโทนดังครับ พวกเราเลยเดินลงไปที่รถผม ไม่ว่าผมจะตรวจดูทุกซอกทุกมุมขนาดไหนก็ไม่เจอ และไม่ว่าต้นจะเพียรโทรเข้าเครื่องผมมากแค่ไหนก็ไม่มีทั้งเสียงตอบรับที่ปลายสายและเสียงริงโทนดังขึ้น
     ผมทำโทรศัพท์หาย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     พวกเราไม่เจอโทรศัพท์ของพี่ชัชในรถ แต่ผมสิ ผมค้นพบอะไรบางอย่าง กลิ่นน้ำหอมนี่ชวนให้รู้สึกวิงเวียนมากกว่าเดิม
     “พี่ชัชเปลี่ยนน้ำหอมในรถรึไงครับ? กลิ่นฉุนเชียว”
     เงื่อนงำที่เริ่มเผยปมออกมาทำให้ผมเก็บอาการไม่อยู่ ความจริงมันเหลือแค่กลิ่นหอมจางๆ เท่านั้นไม่ได้ฉุนอะไรมากมาย แต่สำหรับผมมันน่าขยะแขยงมาก! ผมได้แต่หวังว่าหน้าผมคงจะยิ้มตามปกติไม่ใช่การยิ้มสมเพชตัวเอง!
     “หืม? เปล่านี่ครับ”
     “แต่เหมือนกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงเลยนะครับ คล้ายน้ำหอมพี่ฟ่าง”
     ผมแกล้งใช้น้ำเสียงจริงจังทำเป็นหึงหวง แต่ท่าทีของพี่ชัชที่ควรจะกะล่อนใส่ผมเวลาที่ผมโกรธกลับดูจริงจังยิ่งกว่าผมเสียอีก พี่ชัชไม่หลบตาผม ไม่ยิ้ม แต่พูดขึ้นเรียบๆ สายตาของพี่ชัชพยายามบอกอะไรบางอย่างกับผม แต่ผมไม่อยากรู้อะไรแล้วครับ!
     “พอดีเมื่อวานเพื่อนพี่เขาขอติดรถกลับมาด้วยน่ะ”
     “เหรอครับ”
     ผมไม่กล้าถามอะไรต่อแล้วครับ มือที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นจนเกือบจะทำมันร่วง แถมน้ำตาก็พาลจะไหล ในหัวผมคิดอะไรไม่ออก มีแต่ชื่อของผู้หญิงคนนึงปรากฏขึ้น!
     “ช่างมันเถอะต้น คงไม่อยู่ในรถหรอก กลับห้องกันเถอะ”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมแบบเหนื่อยๆ เรากลับขึ้นมาบนห้อง ผมตั้งใจจะปลีกตัวไปอ่านหนังสือในห้องนอนต่อแม้จะรู้ดีว่าอ่านเท่าไหร่ก็คงไม่เข้าหัวเพราะไม่มีสมาธิ แต่หวังว่ามันคงช่วยให้ผมมีอะไรทำจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน แต่พี่ชัชไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น พี่เขาตามผมมาแล้วก็กอดผมไม่ยอมปล่อย ผมควรจะแกล้งทำเป็นเขินแล้วยิ้มก่อนจะหันไปดุพี่ชัช แต่ผมไม่มีอารมณ์จะแสดงละคร ผมทนไม่ไหวแล้วครับ!
     “ปล่อย!”
     “พี่ไม่ปล่อย พี่รักต้นนะครับ”
     “ผมไม่อยากคุยอะไรตอนนี้! เราไม่มีอะไรต้องคุยกันหรอกครับ”
     “แต่พี่มีเรื่องจะบอกต้น ฟังพี่นะครับ”
     “ผมไม่อยากฟัง!”
     ตอนที่ผมพูดคำว่าไม่โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมสะบัดตัวออกมาจากอ้อมกอดของพี่ชัชแล้วรับสายเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเบอร์นั้น
     “สวัสดีค่ะ นั่นใช่น้องต้นรึเปล่าคะ?”
     ผมจำเสียงนังปีศาจนี่ได้! ผมยืนน้ำตาไหลหันไปมองพี่ชัชแล้วกรอกเสียตอบไป
     “ครับ”   
     “เอ่อ ชัชเขาถึงห้องรึยังคะ พอดีพี่ติดต่อเขาไม่ได้เลยก็เลยโทรมาเช็ค”
     “ครับ พี่ชัชถึงห้องเรียบร้อยแล้วครับ พี่น้ำตาล!”
     สีหน้าพี่ชัชตอนที่ผมพูดชื่อนี้ออกมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกแทงเข้าที่หัวใจ พี่ชัชไปทำอะไรไว้เหรอครับถึงได้ทำสีหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นกับผม ทำไมถึงมองผมด้วยสายตาขอโทษขนาดนั้น
     “เหรอจ้ะ เอองั้นพี่ขอคุยกับชัชหน่อยได้มั้ย พอดีงานด่วนน่ะค่ะ”
     “ได้สิครับ เดี๋ยวผมเรียกพี่ชัชให้ ว่าแต่พี่น้ำตาลมีเบอร์ผมได้ยังไงครับ?”
     “พี่ก็ขอมาจากชัชไงคะ เผื่อมีอะไรด่วนๆ จะได้ติดต่อเราได้ เกิดชัชเป็นอะไรไปอีก”
     เอาเบอร์มาจากโทรศัพท์แฟนผมสิไม่ว่า!
     “รอบคอบจังเลยนะครับ ขอบคุณที่คอยดูแลพี่ชัชมาตลอด ทั้งๆ ที่เป็นซิงเกิ้ลมัมก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว ยังอุตส่าแบ่งเวลามาดูแลผู้ชายของผมอีก”
     ปลายสายเงียบไปครับ เธอคงไม่คิดว่าผมจะกล้าเปิดศึกตรงๆ แบบนี้ พี่ชัชเองก็ดูอึ้งไปเหมือนกัน ผมเลยแกล้งพูดกับพี่ชัชเสียงดังๆ ให้เหมือนคนตะโกน
     “พี่ชัชครับ พี่น้ำตาลโทรมาครับ บอกว่ามีเรื่องงานจะคุยด้วย”
     พี่ชัชยื่นมือมาจะรับ แต่ผมไม่ปล่อยโทรศัพท์ให้ ผมถือโทรศัพท์ไปจ่อไว้ที่หูพี่เขาแล้วทำปากว่า “พูด”  พี่ชัชมองตากับผมไม่กล้าหลบแล้วก็ทำตามที่ผมพูด
     “มีอะไรเหรอตาล”
     ทันทีที่พี่ชัชตอบผมก็กดสปีกเกอร์ แล้วเสียงจากปลายสายก็ดังเข้ามา
     “ชัช! ชัชลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำบ้านน้ำตาลนะคะ มีสายยัยแป้งโทรเข้ามาด้วยแต่น้ำตาลไม่กล้ารับ จะเอายังไงดี?”
     ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วครับ ผมกดปิดโทรศัพท์แล้วเดินหนีพี่ชัช แต่พี่เขากลับขวางผมไว้แถมยังรวบตัวผมไปกอดไว้แน่นกว่าเดิม
     “ต้นฟังพี่ก่อน!”
     “ผมไม่ฟัง!”
     ผมตะโกนกลับ สะบัดตัว พยายามดิ้นให้หลุดจากแฟนทรยศ!
     “ต้นอย่าทำแบบนี้”
     “พี่ชัชนั่นแหละ พี่ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ปล่อยผม ผมไม่อยากฟัง!”
     “ต้น! ใจเย็นๆ มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ต้นเข้าใจ”
     “แล้วผมควรจะเข้าใจว่ายังไงเกี่ยวกับคราบน้ำนั่นบนกางเกงของพี่ แถมยังไปลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำบ้านเขา พี่จะให้ผมเข้าใจว่าอะไร ฮือๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ต้นทั้งดิ้นทั้งร้องไห้ มันสะบัดตัวเตะขาสะเปะสะปะพยายามจะหนีผม เสียงตะโกนของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผมได้แต่กอดมันไว้ คิดอะไรไม่ออก แต่อยู่ๆ แรงต่อต้านในอ้อมกอดผมก็หายไป ร่างของต้นนิ่งแล้วมีสภาพไม่ต่างกับหุ่นกระบอกที่เชือกขาด ต้นเป็นลม!
     “ต้น!”
     ผมเรียกชื่อของคนที่ผมรักแต่ไร้การตอบสนอง ผมทำให้แฟนตัวเองเสียใจจนเป็นลม ร่างของต้นอ่อนปวกเปียกไม่ได้สติ ผมอุ้มมันไปวางบนเตียงแล้วรื้อกล่องยาหายาดมมาปฐมพยาบาล ผมไม่รู้ว่าถ้ามันฟื้นขึ้นมาแล้วผมควรจะทำยังไงต่อดีแต่ผมอยากให้มันฟื้น การเห็นคนที่เรารักหมดสติแบบนี้มันทรมานครับ
     ผมทำร้ายคนที่ผมรักที่สุดไปแล้ว ความรู้สึกผิดนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยสำนึก!

     ไม่นานเปลือกตาของต้นก็เริ่มขยับ เมียผมรู้สึกตัวแล้ว!
     “ต้น! โอเคมั้ยครับ?”
     พอได้สติมันไม่ได้ปัดแค่ยาดมออก มันผลักไสผมทั้งตัวให้ออกห่างจากมัน!
     “ต้น ฟังพี่ก่อน”
     ผมยึดมือของต้นไว้แล้วขอร้องมัน แต่ต้นกลับร้องไห้ออกมา ผมเลยดึงมันมากอด คราวนี้ต้นไม่ปฏิเสธผม แต่เสียงร้องไห้ของต้นโหยหวนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยได้ยิน ต้นสะอื้นแทบขาดใจ ผมเองก็น้ำตาไหล พูดอะไรไม่ออก พยายามจะกอดต้นให้แน่นกว่าเดิม
     เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ต้นสงบขึ้น หัวของมันพิงอยู่กับอกผม ผมลูบหลังปลอบมันไปเรื่อย พยายามหาคำพูดดีๆ มาอธิบายให้มันเข้าใจ
     “ฟังพี่ก่อนนะครับคนดี ฟังแล้วจะโกรธจะเกลียดพี่ก็ไม่ว่า”
     “ผมไม่อยากฟัง ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว!”
     “แต่พี่อยากบอกนะครับ เชื่อพี่ พี่รักเราที่สุดในชีวิตนะ”
     “คนที่เขารักกันเขาทำแบบนี้เหรอครับ พี่ชัชทำกับผมได้ยังไง ฮือๆ
     “พี่ขอโทษ ... แต่พี่อยากให้ต้นให้โอกาสพี่อธิบาย”
     “มีอะไรต้องพูดอีกครับ พี่ชัชทรยศผมได้ยังไง หรือเพราะผมไม่ดีพอ เป็นเพราะผมไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ยครับ พี่เบื่อผมแล้วใช่มั้ย”
     ยิ่งพูดเสียงมันก็ยิ่งสั่น ต้นร้องไห้โฮออกมาอีกรอบ เสียงตัดพ้อของต้นเหมือนคมมีดกรีดลงบนหัวใจผม
     “ไม่ใช่ครับ พี่...”
     ผมนึกคำแก้ตัวดีๆ ไม่ออกเลยครับ ปกติผมมักจะตอแหลเอาตัวรอดได้เสมอ แต่หนนี้ผมรู้ว่าผมผิดจริงๆ ความผิดที่ก่อทำให้ผมไม่กล้าแก้ตัว
     “พี่ชัชชอบผู้หญิง ผมทำให้พี่มีความสุขไม่ได้ใช่มั้ยครับ สุดท้ายพี่ก็เบื่อผมเพราะผมเป็นผู้ชาย”
     ผมพูดอะไรไม่ออก ถึงผมจะไม่ได้ทำไปเพราะเหตุผลพวกนั้น ต้นทำให้ผมอิ่มทั้งกายและใจจนไม่คิดไปซนที่ไหนอีก แต่สิ่งที่มันพูดก็เป็นเรื่องจริง ผมชอบผู้หญิง ผมยังคิดถึงรสชาติแบบที่เคยกิน ผมตัดสินใจบอกมัน
     “พี่ไม่ได้มีอะไรกับน้ำตาล”
     ต้นมันเถียงผมทันทีครับ
     “แต่ผมเห็น-”
     “แต่พี่ไม่ปฏิเสธว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น”
     ผมตัดบทมันก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปไกล ถึงเวลาที่ผมต้องสารภาพความจริงแล้ว!
     “ต้น รักพี่มั้ยครับ”
     ผมถามแต่ต้นไม่ตอบ ผมเลยกระชับอ้อมแขนของตัวเองแล้วก้มลงไปจูบกระหม่อมมัน ต้นเองก็ขยับซุกเข้ามามากกว่าเดิม มันพยายามกลั้นสะอื้น
     “พี่อยากรู้ว่าเรารักพี่มากแค่ไหน ความรักของเราสองคนหนักแน่นพอจะอภัยซึ่งกันและกันได้รึเปล่า?”
     “พี่ชัชจะบอกว่า พี่ลองใจผมเหรอครับ?”
     “ไม่ใช่ครับ พี่ไม่ได้ลองใจ เรื่องนี้พี่ผิดจริงๆ แต่พี่อยากถามเราว่าต้นจะให้อภัยความพลั้งเผลอครั้งนี้ของพี่ได้รึเปล่า พี่สัญญาว่าจะไม่มีอีกแน่ๆ ครับ ทุกอย่างมันจบลงละต้น พี่ชดใช้ให้เขาหมดแล้ว เหลือแต่เรื่องของเรา ต้นจะยอมให้อภัยพี่อีกซักครั้งได้มั้ยครับ อย่าพึ่งหมดรักพี่เลยนะ”
     พอผมพูดจบ ต้นมันก็สะอื้นหนักกว่าเดิม มือของมันกำเสื้อผมซะแน่น ผมรู้ดีว่าผมเห็นแก่ตัว ผมเห็นแก่ตัวที่ขอให้มันทนคนเห็นแก่ตัวแบบผม!
     “พี่มันงี่เง่า ห่วยแตก ถึงปากจะบอกว่าจะรักใครแต่พี่กลับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก สมควรแล้วที่จะโดนทิ้ง แต่พี่ขอร้องเราได้มั้ยต้น อย่าทิ้งพี่ไปนะครับ พี่รักเรามากนะ ไม่มีเราพี่คงอยู่ไม่ได้ ให้อภัยพี่อีกซักครั้ง อดทนกับผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้อีกนิด แล้วพี่จะเป็นคนดีกว่าเดิมครับ ต้นทำให้พี่อยากเป็นผู้ชายที่ดีนะรู้เปล่า?”
     พูดถึงตรงนี้ผมก็ร้องไห้ เราสองคนกอดกันร้องไห้ครับ ผมรู้ดีกว่าต้นโกรธผมมาก และต้นก็เกลียดที่ผมใช้วิธีมัดมือชกแบบนี้ด้วย เพราะทั้งต้นและผมต่างก็รู้ดีว่าต้นรักผมมาก เรื่องนี้อาจจะทำให้ต้นเกลียดผม แต่มันจะไม่มีวันเลิกรักผม ผมจะต้องอยู่กับคนที่ทั้งรักทั้งเกลียดผมด้วยความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต น้ำตาลเธอทำสำเร็จแล้ว เธอทำให้ผมจมอยู่กับความระแวงหวาดกลัวการถูกหมดรัก!
     จนกระทั่งเสียงสะอื้นของต้นแผ่วไป ผมดันตัวมันออกแล้วจับมันให้มาเผชิญหน้ากัน ตาของต้นบวมแดง เปรอะคราบน้ำตาเต็มไปทั้งหน้า ผมทำให้แฟนร้องไห้หนักมาก ผมจูบลงบนเปลือกตาของมัน ไล้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้แต่ผมอยากมองใบหน้านี้ให้นานๆ ใจของผมมันสั่งให้จำภาพของต้นเอาไว้ให้ดี ผมจะไม่ทำให้มันต้องทำหน้าแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สาม!
     “ตาบวมหมดแล้วแฟนพี่”
     ผมขยับตัวจะจูบมันแต่คราวนี้ต้นกลับผลักผมออก
     “ที่บอกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ พี่ชัชมีอารมณ์กับพี่น้ำตาลเหรอ?”
     เสียงของมันสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด ผมรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของต้น ต้นกำลังประเมินผม!
     ผมเรียบเรียงคำพูดในหัว พยายามใช้ความถนัดของตัวเองเพื่อพลิกลิ้นในสถานการณ์นี้ แต่กลับพบว่าตัวเองทำไม่ได้ ผมไม่อยากโกหกต้น
     “พี่... พี่ก็มีกับผู้หญิงทุกคนแหละต้น”
     “แปลว่ามี แล้วเกิดอะไรขึ้นพี่ชัชถึงได้ไปมีอารมณ์จนลืมมือถือไว้ในห้องน้ำบ้านเขาล่ะครับ”
     “ที่รัก...”
     ผมพยายามอ้อนวอนมัน แต่สายตาแข็งกร้าวของต้นไม่เปิดโอกาสให้ผมเลยแม้แต่น้อย ถึงเวลาแล้วครับ
     “พี่เสร็จงานดึกตั้งใจจะกลับพอดีน้ำตาลเขาขอกลับพร้อมพี่ แต่เพราะพี่เหนื่อยมากก็เลยวูบๆ ไป น้ำตาลเขาเป็นห่วงเลยชวนพี่ไปพักที่บ้านเขา แต่ระหว่างรอกาแฟพี่เผลอหลับ...”
     เป็นครั้งแรกที่ผมต้องมานั่งสาธยายความผิดของตัวเองให้แฟนฟัง ตอนคบกับน้ำตาลผมไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ตอนอยู่กับฟ่างผมชอบตอแหลเอาตัวรอด แต่กับต้น สายตาของมันสะกดผมให้พูดแต่ความจริง และยิ่งความจริงออกจากปากผมมากเท่าไหร่ แววตาของมันก็ยิ่งทิ่มแทงผมมากเท่านั้น
     “พี่... ตอนที่พี่อยู่กับเขา เราใกล้ชิดกันนิดหน่อย พี่...”
     “พี่ชัชก็เลยมีอารมณ์ ห้ามนิสัยตัวเองไม่อยู่”
     ผมจับร่องรอยความสมเพชได้จากเสียงของต้น แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้โมโห ผมกลับกลัวมากกว่า
     “ใช่พี่ไม่เถียง พี่มีอารมณ์ แต่ที่พี่ทำไปไม่ใช่เพราะพี่ห้ามตัวเองไม่อยู่”
     “ถ้างั้นมันเพราะอะไรล่ะครับ”
     “มันเป็นเรื่องระหว่างพี่กับน้ำตาล พี่ติดค้างเขา เขาขอให้พี่ชดใช้ให้”
     “ชดใช้ด้วยวิธีนี้น่ะเหรอครับ? ถ้าผมติดค้างใครผมต้องยอมให้คนๆ นั้นเอาผมด้วยรึเปล่า?”
     ความกลัวแล่นไปตามสันหลังตรงเข้าสู่สมอง หัวใจผมเหมือนถูกบีบ!
     “อย่าประชดพี่แบบนั้นนะต้น!”
     “ห้ามประชด แต่ถ้าเป็นความพึงพอใจคงไม่ว่าสินะครับ ทำเหมือนที่พี่ชัชทำ!”
     “ต้น! เราคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้เหรอครับ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่สัมผัสภายนอกผิวเผิน พี่ไม่ได้นอนกับเขาจริงๆ ซะหน่อย!”
     “พี่ชัชมีเหตุผลแต่ผมไม่มีเหรอครับ! ความเจ็บปวดที่ถูกแฟนตัวเองแอบไปทำอะไรกับผู้หญิงคนอื่นมันไร้เหตุผลเหรอครับ?”
     น้ำหยดเล็กๆ ก่อตัวขึ้นที่หางตาของมัน ผมทำผิดอีกแล้ว!
     “พี่ขอโทษ”
     “ผมไม่ควรเรียกร้องเลย ผมไม่มีสิทธิ์อะไรแท้ๆ ผมไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่ซักหน่อย แค่พี่ชัชให้ความเมตตาหยิบยื่นความรักให้ก็ดีถมไปแล้ว”
     “ทำไมพูดแบบนี้ละครับ พี่รักเรานะ”
     “นั่นสิครับ พี่ชัชอุตส่ารักผู้ชายแบบผมๆ ยิ่งต้องสำนึกบุญคุณพี่ชัช!”
     เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้ผมเป็นคนทำมันเอง ผมผิดเอง!
     “ต้นครับ”
     ผมพยายามจะกอดมัน แต่มันไม่ยอมครับ
     “ปล่อยเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
     “ไม่ครับ พี่รักเรานะ พี่ผิดเองพี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะ”
     “ผมว่าอะไรพี่ชัชไม่ได้หรอกครับ ผมเองต่างหากที่ผิด เป็นผู้ชายแล้วยังไม่เจียมไปรักเสืออย่างพี่ ไม่แปลกหรอกที่จะโดนเบื่อ ที่ทุกวันนี้พี่ชัชยังยอมทนอยู่กับผมก็เหลือเชื่อแล้ว แค่พี่ไม่ทิ้งผมก็บุญละครับ”
     ถ้าคำพูดของมันเป็นมีด หัวใจผมคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี แต่ละคำของมันบาดลึกทำลายหัวใจผมย่อยยับ ฉากวันคืนเก่าๆ ที่ผมตามไปง้อมันกลับคืนมา ต้นมันกำลังจะทิ้งผม!
     “ปล่อยเถอะครับ ผมจะไปล้างหน้า ยังเหลือหนังสือที่ต้องอ่านอีกเยอะเลย พรุ่งนี้ผมมีสอบวิชายากด้วยครับ”
     “แต่ที่รักครับ พี่...”
     “พอเถอะครับ! สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้ พี่ชัช...”
     ต้นเองก็ดูสับสนไม่แพ้ผม พวกเราต่างคนต่างกลัวการถูกหมดรัก เพียงแต่ต้นมีความเกลียดชังที่เกิดขึ้นจากความผิดหวังเป็นตัวแปร... แต่ในที่สุดมันก็ตัดสินใจได้
     “อาทิตย์หน้าผมมีสอบทั้งอาทิตย์ ขอร้องล่ะครับ ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว”
     “ครับ”
     ทั้งๆ ที่มันบอกผมว่าจะไปล้างหน้า แต่ผมกลับได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากในห้องน้ำ ต้นสร้างกำแพงขึ้นมาขวางผมไว้ และผมไม่กล้าทลายกำแพงนั้นเพราะผมคือต้นเหตุของความเจ็บปวดนั่น
     ตอนเข้านอน ต้นนอนตะแคงหันหลังให้ผมตามปกติของท่าที่มันถนัด แต่แผ่นหลังของมันในวันนี้กลับดูเปราะบาง ไหล่ของมันสั่นน้อยๆ เสียงสูดจมูกเบาๆ ดังขึ้นเป็นระยะ แต่ผมกลับไม่กล้าคว้าตัวมันมากอด ผม... ผมมันโคตรเหี้ยเลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมพยายามไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากเนื้อหาที่ผมทบทวนแต่ผมกลับไม่มีสมาธิ ทั้งๆ ที่ผมมีสอบควรจะนอนพักผ่อนแต่หัวค่ำแต่ผมกลับไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย ผมนอนไม่หลับแถมยังน้ำตาไหลทั้งคืน
     ในหัวผมพาลแต่จะคิดเรื่องพี่ชัชกับผู้หญิงคนนั้น ผมเคยทำใจไว้ตั้งแต่ตอนตกลงคบกับพี่เขา ใครๆ ก็รู้แฟนผมเป็นผู้ชายขี้เอา! พี่ชัชเป็นเสือผู้หญิงจอมกะล่อน ผมมันโง่เองที่คิดว่าความดีจะเปลี่ยนผู้ชายหมาๆ ให้กลายเป็นคนดีได้ ขนาดผู้หญิงดีๆ ที่ครบเครื่องทุกด้านอย่างพี่ฟ่างยังทำไม่ได้เลย แล้วผู้ชายจืดชืดอย่างผมจะทำได้ยังไง ได้เวลาตื่นจากฝันแล้วสินะ แต่เวลาฝันหวานของผมมันช่างสั้นจริงๆ แค่สองปี ... แค่สองปีพี่ชัชก็เบื่อผมแล้ว
     ผมเคยบอกตัวเองให้ทำใจ แต่สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างพี่ชัชกับผู้หญิงคนอื่นผมจะรู้สึกยังไง ผมรู้แต่ผมเกลียดยัยป้านั่น! จงใจอ่อยแฟนผมมาตลอดชัดๆ แล้วพี่ชัชก็ติดกับทั้งๆ ที่รู้ดี แบบนี้ใช่มั้ยครับที่เขาเรียกหญิงร้ายชายโฉด!
     ผมนอนร้องไห้ทั้งคืนจนเช้า ปวดหัว ปวดตา แถมยังปวดหัวใจสุดๆ ผมเสียใจมากจนไม่อยากมองหน้าพี่ชัช! แต่สิ่งที่ต้องทำก็ยังต้องทำ ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตอนตีห้าตามปกติ ภาพสะท้อนในกระจกสภาพแทบดูไม่ได้ ไม่รู้ถ้าผมโกหกคนอื่นว่าผมตาแดงเพราะอ่านหนังสือทั้งคืนแล้วจะมีใครเชื่อผมบ้าง
     พอผมอาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาจากห้องน้ำ ปกติพี่ชัชมักจะยังไม่ตื่น แต่วันนี้พี่เขาตื่นแล้วครับ หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้นอนเหมือนผม พี่เขาดูแก่ขึ้นไปอีกหลายปี สีหน้าและแววตาของพี่เขาชวนให้ผมนึกถึงตอนนั้น ตอนที่พี่เขาเข้ามาขอโทษผมวันนั้น ตอนนั้นผมให้โอกาสพี่เขาเพราะมันเป็นเรื่องระหว่างเรา แต่ว่าคราวนี้มันมีมือที่สาม มันทำใจให้อภัยยากกว่ากันเยอะเลยครับ
     “เช้านี้พี่ว่าง ให้พี่ไปส่งเรานะครับ”
     “แล้วแต่พี่ชัชครับ”
     ผมพยายามไม่สนใจ ไม่มองหน้าพี่เขาแล้วรีบใส่เสื้อผ้า
     “ที่รัก”
     พี่ชัชลุกขึ้นมากอดผม แต่พอคิดว่าพี่ชัชทรยศผมแล้วผมก็รู้สึกแค้น ผมไม่อยากถูกผู้ชายที่นอกใจผมกอดเลยเบี่ยงตัวหลบ
     “ถ้าจะไปส่งผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวจะสายแล้วรถติด”
     “ครับ”
     พี่ชัชชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ยอมผมแต่โดยดี พี่เขาคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลยได้แต่งตัวสงบๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงน้ำตาไหลอีกแล้ว
     พี่ชัชจะทำหน้าเสียใจทำไมในเมื่อผมต่างหากที่เป็นคนเสียใจ ท่าทางของพี่เขาเหมือนรู้สึกผิด พยายามขอให้ผมยกโทษให้ ทำให้เหมือนผมกลายเป็นคนผิดที่ไม่ยอมให้อภัย ผมผิดเหรอครับที่ยังทำใจให้อภัยพี่เขาไม่ได้ ผมผิดเหรอที่เสียใจ ถ้าใครรู้ช่วยบอกผมทีสิ เราควรจะใช้เวลาสำหรับโกรธแฟนที่นอกใจกี่วัน!
     ผมออกมาต้มน้ำร้อนชงกาแฟให้พี่ชัช ปิ้งขนมปัง ทอดไข่ดาว ผมทำทุกอย่างตามปกติเหมือนที่เคยทำแม้แต่ในวันแบบนี้ จะว่าไปผมก็ทำให้พี่ชัชทุกอย่าง ทั้งทำอาหาร ทำงานบ้าน ซักรีดเสื้อผ้า ผมขาดตกบกพร่องตรงไหนเหรอครับ? ผมก็ทำเท่าที่ทำได้แล้ว ถ้ามันจะมีเรื่องที่ผมสู้ใครไม่ได้มันก็มีอยู่เรื่องเดียว ผมรู้ดีว่าผมแพ้ผู้หญิงพวกนั้นตรงไหน ผมไม่เก่งเรื่องบนเตียง แถมยังเป็นผู้ชาย ผมมันก็แค่ท่อนไม้จืดสนิทคงเทียบกับผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ แถมผมยังไม่ค่อยยอมพี่ชัชบ่อยๆ แต่ร่างกายของผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกันนี่ครับ ผมไม่สามารถพร้อมตลอดเวลาที่พี่ชัชต้องการซะหน่อย ถ้าผมเป็นผู้หญิงแล้วถูกพี่ชัชเล้าโลมผมก็คงจะพร้อมเลย แต่ร่างกายผมมันไม่ใช่ ผู้ชายมีอารมณ์มันไม่ได้แปลว่าพร้อมสำหรับการถูกสอดใส่นะครับ!
     ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกดีหรือไม่ต้องการพี่ชัช ผมเองก็ชอบที่จะถูกกอด ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่เราทำแบบนั้นกัน แต่ผมต้องการเรื่องนี้น้อยกว่าพี่ชัช ความจริงผมว่าผมก็พยายามเต็มที่แล้ว ผมช่วยพี่เขาเท่าที่ผมจะทำได้ อะไรที่ไม่เคยผมก็พยายาม แต่ความพยายามของผมคงสู้ความเชี่ยวชาญของผู้หญิงกร้านโลกแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ คิดแล้วก็สมเพชตัวเองชะมัด! นี่ผมจะทนทำตัวเป็นคนดีไปทำไม สุดท้ายเรื่องบนเตียงก็สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายอยู่ดี ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้หรอก บ้าจริง! น้ำตาผมหยดลงบนขนมปังในจาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ต้นมันเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าผมมองมันอยู่ มันนั่งเหม่อทาเนยที่ขนมปังท่าทางซังกะตายแต่แล้วก็น้ำตาไหลจนต้องรีบคว้าทิชชู่มาเช็ด ต้นมันทิ้งขนมปังแผ่นนั้นแล้วลุกไปปิ้งขนมปังแผ่นใหม่ ท่าทางของเมียที่ดูสับสนไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกแย่มากครับ ทุกอย่างเป็นความผิดผม!
     “ต้น”
     ผมเรียกต้นเบาๆ แต่มันกลับสะดุ้ง มันหันมามองผมแล้วรีบเฉไฉ
     “ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วครับ พี่ชัชรีบทานเถอะ เดี๋ยวออกสายแล้วรถติด”
     ผมชักท้อครับ ผมต้องทำยังไงต้นมันถึงจะให้อภัยผม รักผมเหมือนเดิม ผมเดินเข้าไปกอดมัน
     “ปล่อยครับพี่ชัช!”
     “ขอพี่กอดเราหน่อยไม่ได้เหรอครับ”
     ผมรัดมันแน่นจนมันขัดขืนผมไม่ได้ ผมจูบลงบนผมมันแล้วถามมันตรงๆ
     “พี่รักเรานะครับ รักมากกว่าที่เคยรักใคร แล้วต้นล่ะครับ รักพี่รึเปล่า? ตอนนี้ต้นยังรักพี่อยู่มั้ย?”
     ต้นมันนิ่งไป ผมเลยจับมันหันมามองหน้ากัน ดวงตาของต้นสะท้อนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผมพยายามค้นหาความรักในแววตาของมัน
     “ถ้างั้นพี่ชัชก็บอกผมมาก่อนสิครับ พี่รักผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า? ที่พี่ทำลงไปมันแต่ความใคร่หรือเพราะความรัก
     “พี่...”
     “ถ้าพี่ทำไปเพราะความใคร่ผมก็จะได้เข้าใจว่าพี่ซน ผมคงทำอะไรไม่ได้เพราะดันไปหลงรักผู้ชายไม่รู้จักพอ แต่ถ้าพี่ทำไปเพราะความรัก หรือแม้แต่ความสงสาร ผม ... ผมคงสมเพชตัวเองที่แฟนไม่ซื่อสัตย์ เขาสงสารผู้หญิงคนอื่นมากกว่าผู้ชายที่เขาเรียกว่าเมีย
     ถ้อยคำของต้นบาดลึก แฟนผมชอบประชดเวลาโกรธเสมอ และทุกคำของมันก็ทำให้ผมจุกจนเถียงไม่ออก
     “พี่รู้ว่าต้นโกรธพี่”
     “ครับ ผมโกรธ ผมผิดหวังในตัวพี่ชัชมาก แล้วตกลงพี่ทำไปเพราะอะไรล่ะครับ ถ้ามันเพราะอย่างแรกผมจะได้ทำใจ ไม่รู้พี่จะเผลออีกเมื่อไหร่ เพราะยังไงผมก็เป็นผู้ชาย คงปรนนิบัติพี่ได้ไม่ถึงใจ อีกหน่อยพี่อาจจะเบื่อผมขึ้นมาอีกก็ได้”
     “พี่ไม่มีวันเบื่อเราหรอกครับ พี่ไม่ทิ้งเราหรอก”
     “ครับ พี่ชัชเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ พี่ไม่ทิ้งผมหรอก แล้วผมล่ะ? ผมต้องทนอยู่กับคนที่หมดรักกันแล้วแบบนั้นเหรอครับ? ถ้าพี่มีคนอื่นที่พี่คิดว่าดีพร้อมกว่าผม สามารถแต่งงานมีลูกกับพี่ได้พี่ก็บอกผมมาเถอะครับ”
     “พี่ไม่ได้หมดรักเรานะครับ พี่ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นเลย มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบอ่ะต้น เราจะให้อภัยพี่ไม่ได้เลยเหรอครับ”
     “แล้วพี่ชัชจะเผลอเพราะอารมณ์ชั่ววูบอีกมั้ยล่ะครับ?”
     ต้นมันถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ผมควรจะรับปากให้สัญญากับต้นว่าจะไม่ทำอีก แต่ลึกๆ แล้วผมเองก็ไม่มั่นใจเลยลังเล
     “ผมถามจริงๆ เถอะครับ ที่พี่ชัชรักผม พี่ชัชรักผมเพราะอะไร? พี่ชัชรักผมเพราะผมรักพี่ชัชใช่มั้ยครับ ถ้าวันนึงมีผู้หญิงคนอื่นที่ดีกว่าผมทุกอย่างและเขาก็รักพี่ชัชมากปรากฏตัวขึ้น พี่ชัชยังจะรักผมอยู่มั้ย?”
     ผมเคยสัญญาว่าจะทำให้มันมั่นใจว่าผมรักมัน แต่วันนี้ผมกลับทำให้มันลังเล ต้นกำลังกลัวที่จะรักผม ผมจำครั้งที่มันหึงฟ่างได้ คราวที่ผมไปเจ๊าะแจ๊ะกับสาวๆ คนอื่นหรือแม้แต่ตอนที่ผมต้องพาหมอไปเที่ยวมันยังไม่โกรธผมขนาดนี้ แม้ผมจะถอนหนามพิษของรักแรกออกจากอกตัวเองได้แล้ว แต่พิษร้ายก็ลามไปทั่ว น้ำตาลแพร่ความระแวงใส่ในตัวต้น เธอทำให้เรื่องแย่ๆ กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งกับคนที่ผมรัก เพราะเธอรู้ดีว่าครั้งนี้ผมจะไม่มีวันทำกับต้นเหมือนที่ผมทำกับเธอ น้ำตาลคือยาพิษสำหรับต้น!
     “พี่รู้ว่าพี่รักต้นไม่เท่ากับที่เรารักพี่ แต่ผู้ชายคนนี้กำลังปรับปรุงตัวเพื่อต้นอยู่ ต้นจะไม่ให้โอกาสพี่หน่อยเหรอครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
โอม

     ไม่รู้ว่าช่วงที่ผมไม่สบายเกิดอะไรขึ้นกับต้น ผมถามคนอื่นๆ แต่เขาก็บอกว่าก่อนหน้านี้ต้นยังดูปกติ บางคนบอกว่าต้นอาจจะเครียดเพราะเป็นช่วงสอบ แต่ต้นจะเครียดจนถึงขึ้นเหม่อแล้วร้องไห้เลยเหรอครับ? ต้นแยกตัวออกจากกลุ่ม บอกว่าอ่านหนังสือไม่ทันอยากไปนั่งทบทวนคนเดียวเงียบๆ ปฏิเสธทุกคนแม้แต่ไปป์ ผมว่าคงไม่ใช่เรื่องสอบแล้ว
     ผมเป็นห่วงต้นมาก นอกจากต้นจะเหม่อแล้วต้นยังตาแดงแอบน้ำตาซึมตลอดเวลาเหมือนมีปัญหาทุกข์ใจมาก ตอนเข้าห้องสอบก็เหมือนไม่มีสมาธิ ผมแอบมองเห็นต้นเหม่อไม่สนใจข้อสอบต่างจากปกติ
     พวกเราพยายามชวนต้นคุยเผื่อต้นจะมีเรื่องกลุ้มใจ แต่ต้นก็ปฏิเสธ ต้นพยายามยิ้มแล้วทำเป็นไม่มีอะไร ไม่ยอมปริปากเรื่องปัญหา
     ผมรู้สึกว่าต้นเปลี่ยนไป ระยะหลังพวกเราหกคนสนิทกันมากขึ้น ถึงต้นจะไม่ชอบพูดเรื่องตัวเองเหมือนก่อนแต่ก็ร่าเริงขึ้น แต่ตอนนี้ต้นดูซึมเศร้าเก็บตัวไม่ยอมสนใจใครเลย ผมคิดว่าต้องมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับต้นแน่นอน
     ไปป์เองก็พยายามชวนต้นคุยเรื่องสอบ ไม่พูดเล่นกวนใจต้นต่างจากตอนปกติ ผมไม่สบายใจเลยครับ เป็นห่วงต้นเหลือเกิน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมไหว้ทักทายคุณแม่ของเมษก่อนจะเดินตามเขาขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน
     “เอ้า เข้ามาๆ”
     เมษเชิญผมเข้าห้องนอนของเขา ผมนั่งลงบนเตียง ส่วนเจ้าของห้องกลับเลือกนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
     “ขอบคุณนะ ขอโทษที่มารบกวนเอาตอนสอบ”
     ผมซึ้งใจจริงๆ ที่เมษอยู่กับผมทุกครั้งที่ผมมีปัญหา
     “ไม่เป็นไรย่ะ แล้วนี่แกจะอยู่กินข้าวกับฉันมั้ยยะ? ฉันจะได้บอกแม่ให้ทำของโปรดแกให้”
     “ไม่ดีกว่า เราเกรงใจ แค่นี้ก็ลำบากนายมากแล้วเมษ”
     “เกรงใจอะไรกัน ถ้าแกไม่ไหวแกค้างกับฉันก็ได้นะ”
     “อย่าเลย พี่ชัชไม่ยอมหรอก เดี๋ยวจะมาอาละวาดที่นี่เปล่าๆ”
     ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวในอดีต แต่พอนึกแล้วน้ำตาผมก็ไหล
     “แก! อย่าร้องสินังต้น ถ้าผัวแกมาอาละวาดนะฉันจะไปตบมันให้เลย! หนอยๆ ทำแบบนี้กับแกได้ยังไง”
     เมษโอ๋ผมก่อนจะพูดเอาใจ แต่ผมรู้ว่าเมษจะปกป้องผมอย่างที่พูดจริงๆ
     “พี่ชัชยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่อ่ะเมษ ฮือๆ
     ผมอ่อนแอเสมอเวลาอยู่กับเมษ ผมไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เมษเข้ามาปลอบผม ถึงไหล่ของเมษจะบอบบางแต่มันก็เป็นที่พึ่งให้ผมได้เสมอ
     “โอ๊ย! อย่าคิดมากสิแก ผัวแกอาจจะแค่ซนเฉยๆ ก็ได้ ผัวแกเจ้าชู้จะตาย”
     “เขารักกัน เรารู้ ยัยป้านั่นยังรักพี่ชัชอยู่ พี่ชัชเองก็ยังตัดเขาไม่ขาด เราเห็นแววตาเขา”
     “ตัดไม่ขาดแกก็ตัดเองไปเลยสิ ยื่นคำขาดไปเลยว่าพี่เขาจะเลือกใคร พี่ชัชรักแกจะตาย ยังไงก็ต้องเลือกแก”
     “แต่เรากลัวอ่ะเมษ ถ้าพี่ชัชมีคนอื่นอีกล่ะ มันเจ็บนะ เราทุ่มเทเพื่อพี่เขาทุกอย่างแต่ทำไมพี่ชัชทำกับเราแบบนี้ เพราะเราเป็นผู้ชายใช่มั้ยเมษ! ถ้าเกิดเราเป็นผู้หญิงพี่เขาคงไม่เบื่อไปหาผู้หญิงคนอื่นใช่มั้ยเมษ ฮือๆ เราเกลียดผู้หญิงคนนั้น!”
     “ใจเย็นๆ แก พี่เขายังไม่ได้ทิ้งแก แค่เผลอ!”
     “นั่นแหละ เพราะพี่เขาเบื่อเราแล้วใช่มั้ย เพราะเราเป็นผู้ชายใช่มั้ย!”
     “นี่ฟังฉันนะนังต้น! สันดานอย่างผัวแกน่ะ ต่อให้แกเป็นผู้หญิงมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ คนมันมักมากแบบนั้นน่ะ”
     เมษพูดแรงๆ เพื่อเตือนสติผม ใช่ว่าผมไม่รู้ ผมรู้แต่ผมพยายามหลอกตัวเอง ที่ผ่านมาผมคิดว่าพี่ชัชรักผมมากพอจะหยุดนิสัยแย่ๆ พวกนั้น แต่ผมคิดผิด ในที่สุดพี่เขาก็เบื่อผม
     “แกรักพี่เขามากเลยเหรอ?”
     “ใช่ เรารักพี่ชัชมาก เพราะงั้นเราถึงได้เสียใจมากที่พี่เขาทรยศเรา ทั้งๆ ที่พี่เขาบอกว่ารักเราแต่ก็ไปทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่น แล้วยังมาขอให้เราให้อภัยเขาอีก พี่เขาถามเราว่าเรารักเขามากพอจะให้อภัยการเผลอของเขาครั้งนี้ได้มั้ยเรา เจ็บอ่ะเมษ!”
     “โอ๊ย! แล้วแกจะเอายังไงต่อ ยังไงเรื่องมันก็เกิดไปแล้ว แกกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนังต้น ตกลงแกจะรักหรือจะเลิก ถ้าคิดจะรักก็ต้องทน ยังไงผัวแกก็เปลี่ยนนิสัยยาก”
     “เราไม่รู้อ่ะเมษ มันสับสนไปหมด เราทำใจไม่ได้อ่ะ”
     “งั้นก็เลิก”
     “ไม่นะ เราไม่อยากเลิกกับพี่ชัช! เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เขา!”
     “แล้วแกจะทนกล้ำกลืนความเจ็บปวดอยู่กันไปแบบคาราคาซังทั้งๆ ที่ยังให้อภัยพี่เขาไม่ได้เหรอ? แกจะยื้อไปทำไม อย่างว่าฉันแส่เลยนะ ฉันอยากให้แกเลิกซะ บอกตามตรงฉันกลัวอารมณ์ผัวแกจริงๆ ตอนดีก็ดีใจหายแต่ตอนร้ายน่ากลัวเป็นบ้า! ตอนพาแกไปรถคว่ำก็มาขอโอกาสแกดิบดีแล้วยังกล้านอกใจแกอีกเนี่ยนะ! ยิ่งฟังแกพูดแล้วรู้สึกเห็นแก่ตัวมากอ่ะ นี่คงได้ใจคิดว่าแกรักมันมากจนต้องยอมมันทุกอย่าง เห็นแกเป็นของตาย ผู้ชายแบบนี้นะนังต้น ต่อให้แกดีอีกเท่าไหร่มันก็ไม่พอหรอก”
     “แต่เรารักพี่เขามากนี่”
     “โอ๊ย งั้นก็ไม่ต้องเลิกสิยะ!”
     “ก็เรากลัวนี่เมษ พี่ชัชเขาขอโอกาสกับเรา เราอยากเชื่อใจพี่เขา แต่ว่า... เรา”
     “แกระแวงสันดานผัวตัวเอง”
     “เราไม่ไว้ใจยัยป้านั่น! เขาต้องทำงานด้วยกัน เรากลัว”
     “นี่แก เคยได้ยินมั้ย ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ถ้าผัวแกไม่ได้เล่นด้วยแต่แรกมันก็ไม่เกิดเรื่อง”
     “แล้วเราควรทำยังไงดีเมษ?”
     ผมสับสนที่สุดในชีวิตเลยถามเมษออกไปแบบนั้น แต่เมษไม่ได้ตอบคำถามผม เมษถอนหายใจแล้วยื่นกระดาษทิชชู่ให้ผมเช็ดน้ำตาแทน
     “ตั้งสติก่อนเลยย่ะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ รอดูอาการพี่เขาไปซักระยะ ยังไงก็ตามอย่าให้เรื่องนี้มาทำลายชีวิตแก นี่มันช่วงสอบ แกอย่าพึ่งคิดมากเรื่องนี้ หยุด! ไม่ต้องพูด ฉันรู้ว่ามันทำยาก แต่แกควรลืมๆ เรื่องนี้ไปก่อน การสอบสำคัญกว่านะแก แล้วอีกอย่างถ้าขืนแกยังซึมอยู่แบบนี้แล้วเรื่องรู้ถึงหูอิแม็กซ์ ฉันว่า...”
     “ไม่ได้นะ! จะให้แม็กซ์รู้ไม่ได้นะ!”
     “ช่าย แต่แกอย่าลืมสิ ถ้าแกทำตัวผิดปกติแล้วอิอาร์มปากสว่าง แกคิดว่าแกจะปิดแม็กซ์ได้เหรอ? แล้วถ้าแม็กซ์รู้...”
     ผมเห็นเค้าความยุ่งยากก่อตัวขึ้นครับ แม็กซ์กับพี่ชัชเกลียดกันอย่างกับอะไร ถ้าแม็กซ์รู้ว่าพี่ชัชทำให้ผมเสียใจ แม็กซ์ไม่ปล่อยพี่ชัชไว้แน่! ผมไม่อยากให้แม็กซ์มาทำอะไรพี่ชัช ถึงผมจะเสียใจมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่อยากเห็นแม็กซ์มีปัญหากับพี่ชัช ต่อให้เขาจะทำเพื่อผมก็ตาม และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ ผมกลัวแม็กซ์จะเลิกถอดใจ

     ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมกลัวในวันนั้นจะเป็นความจริง แม็กซ์ไม่เคยถอดใจเรื่องของผม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ชีวิตคู่ของผมช่วงนี้เหมือนสงครามเย็น โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เราสองคนทะเลาะกัน ไม่ดิ! เรียกว่าต้นโกรธผมจะถูกกว่า เพราะผมนอกใจมัน และด้วยความที่ช่วงนี้เมียผมมีสอบมันเลยมีข้ออ้างหลบหน้าผม บอกว่าติวบ้างล่ะ เข้าห้องสมุดบ้างล่ะ กลับมาก็หมกตัวเอาแต่อ่านหนังสือไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่หน้าผมมันยังไม่มอง
     ไอ้ผมก็รีบทำงานกลับบ้านมารอมันทุกวันแต่มันดันกลับมาซะดึก แถมไม่พอ มันไม่ยอมสบตาผมเลยแม้แต่น้อย ผมก็รู้นะครับว่าผมผิดแต่ต้นมันทำแบบนี้อึดอัดเป็นบ้า! ให้มันโกรธผมวีนใส่ผมเลยยังจะดีกว่า แต่นี่มันเล่นเงียบ คุยกันทีไรก็ประชดผมกลับสองสามประโยคแล้วหนี ผมรู้ว่ามันยังไม่หายโกรธผมแต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงมันถึงจะหายโกรธ
     วันนี้ก็เหมือนเคยมันกลับมาซะดึก พักหลังมันไม่โทรรายงานผมอย่างเคย ปล่อยให้ผมเป็นห่วงว่าเมียหายไปไหน พอกลับมาถึงก็หนีเข้าห้องนอน ผมซื้อขนมจีนเขียวหวานของชอบมาให้มันก็ไม่กิน ต้นอ้างว่าเหนื่อยขอตัวอาบน้ำนอนพรุ่งนี้ต้องไปสอบแต่เช้า ดีที่ผมเตรียมรับมือไว้แล้ว
     พอมันเข้านอนผมก็เข้านอนตามมัน ผมนอนลงข้างๆ แล้วยื่นแขนออกไปกอดมัน ผมหอมแก้มอ้อนมันแต่ต้นกลับขืนตัวหนีผม ปฏิเสธจูบของผม หรือมันจะรังเกียจผมแล้ว?
     “อย่าครับพี่ชัช”
     “กอดนิดเดียวเองครับที่รัก เราไม่ได้นอนกอดกันนานแล้วนะ”
     ผมคิดถึงลูกแกะช่างมุดของผมนี่หว่า อยากให้มันหายโกรธผมแล้วมาอ้อนผมเหมือนเดิมเร็วๆ
     “พรุ่งนี้ผมมีสอบแต่เช้า ผมอยากนอนสบายๆ ครับ”
     ต้นมันปฏิเสธผมจริงจังจนผมเจ็บแปล๊บในอกเพราะความเย็นชาของมัน ชักท้อแล้วครับ หรือต้นจะไม่มีวันให้อภัยผมจริงๆ?
     “โอเคๆ โอเคครับ พี่ไม่กวนเราก็ได้ แล้วเหลือสอบอีกเยอะมั้ยครับ?”
     “เหลืออีกไม่กี่ตัวครับ”
     “งั้นสอบเสร็จเราไปเที่ยวกันสองคนมั้ยครับ ขับรถไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วน้า ต้นอยากไปไหนมั้ยครับ เราปะ-”
     “พอเถอครับผมง่วงแล้ว!”
     มันตัดบทผม!
     “พี่รู้ว่าเราโกรธพี่ แต่ตอนนี้พี่ชักไม่แน่ใจว่าเราถึงขั้นเกลียดพี่รึเปล่า พี่ต้องทำยังไงต้นถึงจะพอใจ บอกพี่มาสิครับ จะให้พี่ทำยังไงเราถึงจะให้อภัย”
     มันอยากนอน ผมก็จะให้มันนอน!

     เราสองคนแทบไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยแม้กระทั่งหลังมันสอบเสร็จ พวกเราอยู่ด้วยกันแต่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง มันตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้ผม ไปเรียนกลับมาเตรียมข้าวเย็นรอ ดูแลผมเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนผมก็มีหน้าที่ทำงานหาเงินเข้าบ้าน สิ่งที่แตกต่างจากเดิมก็คือต้นมันไม่เคยยิ้มให้ผมอีกเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเซ็ก แค่การหันมามองหน้าผมสบตากันตรงๆ มันยังไม่ทำ!
     ทั้งที่เราอาศัยร่วมกันในห้อง นอนคู่กันบนเตียงอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแต่เหมือนอยู่กันคนละโลก ผมจะต้องเสียต้นไปจริงๆ เหรอ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     พี่ชัชพูดเหมือนผมเป็นคนผิด! ทำไมเวลามีอะไรเกิดขึ้นทุกคนถึงชอบทำเหมือนผมเป็นคนผิดทั้งๆ ที่เรื่องที่เกิดผมไม่ใช่คนเริ่ม! ผมเป็นเหยื่อที่ต้องมาทนรับผลจากการกระทำของคนอื่นแท้ๆ แต่ผมกลับต้องถูกด่าเพราะว่าผมซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ผมเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อเชื้อไขมีหัวใจเจ็บเป็นรู้สึกเป็นนะครับ! ทำไมทุกคนถึงเอาแต่พูดว่าผมดราม่า หรือผมควรจะเป็นรูปปั้นยืนนิ่งๆ ไร้ชีวิตไม่คิดไม่รู้สึกไม่ตอบโต้อะไรใคร ถ้าไม่รักไม่สนิทสนมไม่ผูกพันไม่คาดหวังเราก็จะไม่ต้องเจ็บแท้ๆ บางทีโลกนี้อาจจะไม่ต้องการให้ผมเกิดมาจริงๆ ก็ได้ ผมน่าจะตายๆ ไปซะตั้งแต่ตอนที่คุณแม่พยายามเอาผมออก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... จบบทที่18 ยังมีแฟนคลับอยู่มั้ย?  :hao5:  ดราม่ารัวๆ อย่าพึ่งฆ่าคนแต่งน้า
บอกเหมือนทุกๆ ครั้งที่ย้ำในเด็กดี จบแฮปปี้จ้า มั่นใจว่าจบสวยด้วย แต่ยังไม่จบง่ายๆ เหอะๆ ก่อนจะจบมันต้องมีฉากของเหล่าฮาเรมซักนิด!
แบบมันเลือกไม่ถูกอ่ะ จะเอารั่ว เอาเฮฮา เอาฮาเรม เอาอบอุ่น หรือเอาดราม่า ลงท้ายเลยยัดทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันไว้หมดเยย! แถมใช้มุกเสียดสีประชดประชันสังคมใส่ลงไปอีกติ๊ด เหมาะสำหรับคนชอบความเรียลแบบปวดตับไตไส้พุง หึๆ

ติดตามกันไปนานๆ น้า คิดถึงคนเม้นจัง พักนี้เห็นแต่คุณ bebe คนเดียว คุณ batandty ก็ไม่มาทวง (สงสัยเพราะเราขยัน ฮ่าๆ) คนที่เคยตามอ่านภาคแรกเคยเม้นตอนภาคแรกสงสัยเลิกอ่านไปแล้วมั้ง เหอะๆ หายไปหมดเยย แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านจ้า
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เนื่องจากไม่มีคนเม้นท์ เค้าเลยอาศัยกำลังใจจากยอดวิว

อุตส่ารอ ร้อ รอ เลขดีเลขสวย เลขอินฟินิต 8888

วันนี้ก็อัพ อัพไปปุ๊ปกดเข้ากระทู้เช็คเนื้อหา รีเฟรชกลับมาอีกที





 :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze: :freeze:

ใคร๊! ใครมันทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ของเก๊า!  o9 o9 o9 o9 o9 o9


อุตส่าห์ทำใจกับเม้น ไม่กล้าคาดหวังว่าจะมีคนอ่านถึงหมื่น แต่แค่เลขสวยๆ เก็บสถิติให้ชื่นใจ แง๊ๆ อด!

(แล้วคนอ่านก็รู้ทันทีว่าต้นแบบความปัญญาอ่อนของไปป์มาจากไหน)


แต่ยังไงก็ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนนะขอรับ  o1


โอ๊ะ ได้เปิดบริสุทธิ์คุณ กาสะลอง ใช่ที่ไหนละเว้ย!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะค้า รักจังเยยอ่ะ  :mew1:

ดีใจค่ะ ดีใจที่ทุกคนชมพี่ชัชว่าเฮียมาก  :hao5:  แต่งได้เลวสมจริงเกินไปใช่มั้ย
ทีเรื่องอื่นพระเอกก็ข่มขืนนายเอก เจ้าชู้ เอากับผู้หญิงไม่เลือก เรื่องอื่นก็ใช้มุกชะนีราวีตั้งเยอะ บลาๆ :o11: 
ฮ่าๆ ชอบล้อพล็อตนิยายวายเรื่องอื่นอ่ะค่ะ แม็กซ์มันถึงได้โคตรพระเอกไงคะ แต่เดี๋ยวมันจะได้ป้ายไฟมากกว่านี้อีก จะทั้งแมนทั้งน่าสงสารจนคนอ่านอยากลุกขึ้นมากระซวกพี่ชัชทิ้ง ส่วนพี่ชัชก็เรียลเกินทน คือผู้ชายจริงๆ แบบจับต้องได้ เอาหินปาไปบนถนนเดี๋ยวก็เจอ

อันนี้ต้องลุ้นจริงๆ ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ถ้าคนอ่านไม่ลุกขึ้นมาฆ่าคนแต่งนะคะ ฮ่าๆ บทหน้านี่แหละ คนแต่งโดนด่าอื้อเยย... เพราะโหดร้ายกับ...มาก!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2014 13:41:35 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ กาสะลอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่องมันแปลก  อ่านๆไปนายเอกมันดราม่าดีจริงๆ แต่ยังไม่คิดจะเม้นจนวันนี้ ทนไม่ไหวคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่พออ่านแล้ว ทำไมอีชัชมันเหี้ยแบบนี้ อ่านมาเรื่อยๆ บอกตรงไม่เคยคิดว่าอิชัชมันจะเป็นพระเอกของเรื่องได้เลย  มาดพระเอกมันควรเป็นแม็กจริงๆ แต่อิชัชมันคือผช. ที่มีจริงๆในโลกใบนี้  อ่านไปสงสารต้นจริงๆปากมันบอกรักแต่ใจมันยังรักมากแค่ไหน รู้อยู่ว่าต้นเป็นเด็กที่มีปมถ้าต้องเจอกับเรื่องพวกนี้อีกจะเป็นไง   ถ้าต้นยอมคืนดีมันก็เหมือนง่ายไปถึงจะบอกว่ารักมากก็ตามเถอะ อยู่ๆไปจะทำใจได้จริงเหรอยิ่งเป็นคนคิดมาก แต่จะให้แม็กเป็นพระเอกแทนมันก็ไม่ใช่นิสัยต้นที่จะเลือกแม็กนะเราว่า เป็นเราจะหนีแม่งไปอยู่กับแม่ดูทุกคนวุ่นวายกับต้นจัง 
    เราอยากอ่านต่ออยากรู้ว่าคนเขียนจะเขียนเรื่องยังไงให้ต้นยกโทษให้อิชัช โดยไม่มีปมในใจ
    อยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าคนเขียนจะทำเขียนยังไงให้เรารู้สึกว่าอิชัชมันรักต้นจริง และมากพอที่จะทำให้ต้นยกโทษให้
   มาต่ออีกเถอะอึดอัดมาก
   แต่ข้อสำคัญเขาจะรักกันโดยยอมรับความเป็นจริงได้ไหมว่าเขาคือผชกับผช ไม่ใช่ยังมานึกสภาพครอบครัว ที่ต้องมี พ่อ แม่ ลูก
  คนแต่งจ๋าช่วยหน่อย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ความโชคร้ายของเด็กเลี้ยงแกะ

แม็กซ์

     ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้น ช่วงที่ผ่านมาผมยุ่งกับการสอบ ผมโทรหาต้นแต่ต้นไม่รับและไม่โทรกลับ ผมคิดว่าต้นก็คงวุ่นเรื่องสอบเหมือนกัน แต่ไอ้อาร์มส่งข่าวบอกผม ต้นแปลกไป ในความแปลกที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนนั้นทุกคนสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ซุกซ่อนอยู่ในแววตาของต้น
     และเมื่อผมมาถึง ต้นที่ผมเห็นไร้ชีวิตชีวา เพื่อนของผมผอมลง ต้นยิ้มทักทายผมแต่เบื้องหลังหน้ากากใบนั้นผมได้ยินเสียงร้องไห้
     “คืนนี้ไปนอนบ้านแม็กซ์ป่ะ”
     “อะไรของนาย? บ้าป่ะ! อยู่ๆ ก็มาชวน”
     “ไม่ได้บ้า เอาจริง มาเป็นแฟนแม็กซ์เหอะ แม็กซ์จะดูแลต้นให้ดีกว่ามัน”
     “พล่ามไรเนี่ย”
     ต้นพยายามกลบเกลื่อน เพื่อนของผมก้มหน้าลงแล้วแกล้งยิ้มก่อนจะแอบลอบมองสีหน้าของเพื่อนในกลุ่ม ต้นไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ แต่ที่ต้นไม่รู้คือทุกคนรู้แค่ไม่มีใครพูด ทุกคนทำในสิ่งที่ต้นต้องการ แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่แตะต้องเรื่องที่ทำให้ต้นไม่สบายใจ ต้นเก่งเสมอในเรื่องนี้ เพื่อนผมเป็นที่รักของคนอื่นเสมอ และผมก็รักต้นสุดหัวใจ ดังนั้นผมจะไม่มีวันให้อภัยมัน!
     “งั้นก็บอกแม็กซ์มาดิ มันทำอะไรต้นอีก ต้นถึงได้เสียใจแบบนี้”
     “แม็กซ์!”
     ต้นตะคอกผมแล้วก็น้ำตาไหล ผมเซ็งที่ต้นไม่ยอมปริปากอะไรอีกแล้ว เมื่อไหร่ต้นจะเลิกปกป้องมัน!
     “กลับบ้านกับแม็กซ์ๆ จะไปส่ง”
     “เรา!”
     “เคยบอกแล้วไง อยากไปไหนอยากทำอะไรแม็กซ์จะพาไป อย่ามานั่งหลอกตัวเองไปวันๆ น่ะต้น ถ้าไม่อยากกลับห้องแม็กซ์จะอยู่เป็นเพื่อนเอง จะได้ไม่ต้องมานั่งฝืนยิ้มต่อหน้าคนอื่นแบบนี้”

     ผมพาต้นไปหาที่เงียบๆ คุย แมคใกล้ๆ โรงเรียนเก่าของพวกเราเป็นตัวเลือกที่ดี ผมสั่งเฟรนช์ฟรายส์ให้ตัวเองและไม่ลืมเลี้ยงพายต้น เด็กรุ่นน้องร่วมสถาบัน คนทำงาน ติวเตอร์กระจายอยู่ตามโต๊ะต่างๆ ไม่มีใครสนใจใคร ภาพเหล่านี้ทำให้ผมนึกถึงอดีต ผมโดนต้นหักอกที่นี่
     “อุตส่าห์เลี้ยง ไม่กินเสียของว่ะ”
     “โทษที เรายังไม่ค่อยหิว”
     “งั้นจะเปิดปากได้ยัง?”
     “ก็ไม่มีอะไรนี่”
     “ต้นก็รู้ว่าโกหกแม็กซ์ไม่ได้”
     “มันไม่มีอะไรหรอกแม็กซ์ ลิ้นกับฟันมันก็ต้องมีบ้าง”
     “ต้นไม่ไว้ใจแม็กซ์เหรอ?”
     ต้นมองหน้าผม ในแววตาของต้นมีความลังเล แต่ต้นก็เลือกปิดปากเงียบ
     “คิดว่าปิดได้ก็ปิดไป สุดท้ายแม็กซ์ก็รู้ทุกทีแหละ อย่าให้รู้ละกันว่ามันทำอะไรต้น ไม่งั้นแม็กซ์เล่นมันแน่!”
     “ไม่ใช่นะแม็กซ์ พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรเรา!”
     “มันทำต้นเสียใจต้นยังไปปกป้องมันอยู่ได้!”
     “ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง! เรากับพี่ชัชไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พี่เขาไม่ได้ทำอะไรเรา!”
     “มันไม่มีกับต้นแต่ไปมีกับคนอื่นอะดิ มันมีคนอื่นใช่มั้ยต้นถึงได้ซังกะตายแบบนี้”
     สีหน้าของต้นดูตกตะลึง ต้นตกใจที่ความลับของตัวเองถูกเปิดเผย แปลว่าผมเดาถูก มันนอกใจเพื่อนผมจริงๆ!
     “มันไม่ซื่อสัตย์ก็เลิกเล้ย จะไปรักมันทำไม แม็กซ์ยังว่าง”
     “นายก็นอกใจแฟนบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”
     “ผู้หญิงพวกนั้นแค่ควงกันเฉยๆ ไม่ได้รัก แต่แม็กซ์รักต้น แม็กซ์ไม่ทำแบบนั้นกับคนที่แม็กซ์รักหรอก”
     “แล้วคนที่ทำทั้งๆ ที่บอกว่ารักล่ะ”
     “พวกเหี้ยไง มันไม่รักใครจริงนอกจากรักตัวเอง”
     ผมพูดเท่ๆ ไปงั้น แต่ก็รู้ตัวดีว่าผมเองก็เหี้ยพอกัน ผมฉวยจังหวะที่ต้นกำลังมีปัญหาสร้างโอกาสให้ตัวเอง
     “แม็กซ์จะรักเราได้ยังไง เราเป็นผู้ชาย”
     “รักได้ไงไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว”
     “เราไม่ใช่ผู้หญิง มันไม่เหมือนกันหรอกแม็กซ์ ยังไงผู้หญิงก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ”
     ต้นพูดด้วยท่าทางเจ็บปวดแล้วก็น้ำตาไหล ต้นคิดมากเรื่องนี้นี่เอง ไอ้เหี้ยนั่นมีผู้หญิงอื่น!
     “เราเป็นผู้ชาย แต่งงานจดทะเบียนทำอะไรก็ไม่ได้ ท้องก็ไม่ได้ ร่างกายก็แตกต่างกัน ไม่มีหน้าอก ต่อให้ดีแค่ไหนก็ไม่มีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะชอบเราหรอก”
     “ได้ไม่ได้ลองไปกับแม็กซ์ซักคืนเดี๋ยวก็รู้ แม็กซ์ไม่แคร์เรื่องพวกนั้น แม็กซ์ชอบที่ต้นเป็นแบบนี้ อยากอยู่กับต้น อยากกอด อยากทำ ไม่รู้ตัวรึไงว่าเกือบโดนลักหลับไปกี่ครั้ง”
     “พ่อแม่แม็กซ์ไม่มีวันยอมหรอก ผู้ชายกับผู้ชายรักกันไม่ได้หรอกแม็กซ์”
     “ไม่มีคำว่าไม่ได้หรอกต้นถ้าคนเราพยายาม มันอาจจะมีอุปสรรคแต่แม็กซ์พร้อมจะสู้ ถ้าต้นเลือกแม็กซ์ๆ จะทำให้ทุกคนยอมรับต้นให้ได้ แค่ต้นเป็นตัวเองแบบนี้ก็น่ารักแล้ว ไม่มีใครเกลียดต้นลงหรอก แม็กซ์จะทำให้ต้นมีความสุขเอง”
     “แต่ความรักกับความเหมาะสมมันคนละเรื่องกันไม่ใช่เหรอ เราไม่เหมือนผู้หญิงหรอกนะ เรื่องนั้นเราก็ไม่เก่ง ทำให้นายมีความสุขไม่ได้หรอก”
     “ก็ไม่ได้ให้ทำ ให้เป็นคนโดนทำ”
     “ผู้ชายด้วยกันมีลูกไม่ได้หรอกนะ นายเป็นลูกชายคนเดียวนะแม็กซ์!”
     “ต้นก็หลานชายคนเดียวเหมือนกัน เรื่องเด็กไม่ยากหรอก คนรับจ้างอุ้มบุญเยอะแยะ มีเงินหน่อยก็จ้างได้ บ้านแม็กซ์รวย ถ้าป๊ากับม๊าอยากอุ้มหลานแม็กซ์จะทำให้ แต่ยังไงแม็กซ์ก็รักต้น ต้นฝันอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นใช่มั้ยล่ะ แม็กซ์ให้ต้นได้แน่ๆ
     ผมไม่รู้ว่าต้นจะใจอ่อนรึเปล่า เพราะต้นมองตรงมาที่ผม เราสบตากันอยู่นานก่อนที่ต้นจะหลบตาผมแล้วตัดบท
     “รีบทานเถอะ เราอยากกลับแล้ว”
     “เฮ้อ สรุปว่าแม็กซ์แห้วใช่ป่ะ?”
     “แม็กซ์ก็รู้ว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนาย”
     “ก็รู้ แต่ขอแม็กซ์หวังไม่ได้รึไง อย่างน้อยต้นก็ไม่ทำหน้าเบื่อใส่เวลาแม็กซ์บอกรักต้นแล้ว บางทีซักวันต้นอาจจะใจอ่อนยอมรับรักแม็กซ์จริงๆ ก็ได้”
     ต้นก้มหน้าลงแล้วนิ่งไป แต่ผมเห็นความสับสนในดวงตาของต้น มันไม่ใช่ความรังเกียจเหมือนเมื่อก่อน ต้นไม่ได้เย็นชาใส่ผม ผมยังมีหวัง!

     หลังกินเสร็จผมขับรถมาส่งต้นที่หน้าคอนโด ต้นกลับไปซึมอีกแล้ว เอาแต่นั่งเหม่อน้ำตาไหล เห็นละเจ็บใจชะมัด!
     “แน่ใจนะว่าอยากกลับจริงๆ แม็กซ์พาไปเที่ยวแถวๆ นี้ก่อนได้นะ”
     “เอ่อ เรา...”
     เพื่อนผมใจลอยอีกแล้ว
     “ถึงละ”
     “ขอบคุณที่มาส่งนะ”
     ต้นพยายามฝืนยิ้มให้ผม ต้นจะรู้มั้ยว่าผมเจ็บที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดแบบนี้ ผมดึงต้นมากอด ต้นตกใจดิ้น แต่ผมแข็งแรงกว่า
     “ถ้าไม่อยากกลับแล้วบอกให้มาส่งทำไม ทำหน้าแบบนี้แม็กซ์ไม่ปล่อยต้นไปหรอก เลิกกับมันเหอะ”
     ต้นนิ่งเลิกขัดขืน แต่ตัวสั่น ต้นตอบผมด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนคนร้องไห้
     “เพราะเรารักเขาไง! เราทั้งรักทั้งเกลียด เจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว แต่เราก็ยังเลิกรักเขาไม่ได้ เราเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่เราก็ไม่อยากถูกทิ้ง!”
     “แม็กซ์จะรอวันที่ต้นตัดใจจากมันได้”
     “ไม่มีทางหรอกแม็กซ์ เราทำไม่ได้ เขาเป็นทุกอย่างของเรา ไม่มีทาง! นายเข้าใจมั้ย? เราไม่อยากเสียเขาไป เรารักเขา!”
     ต้นร้องไห้เหมือนคนบ้า ผมเองก็บ้าพอกัน ผมบ้าหลงรักต้นที่ตะโกนว่ารักคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง พวกเรามันบ้า!
     “ตัดไม่ได้ก็ไม่ต้องตัด รักก็คือรัก ต้นรักมัน แม็กซ์รักต้น แค่นี้ก็พอแล้ว ต้นยังมีแม็กซ์นะ”
     ต้นซบหน้าลงแล้วร้องไห้แบบกลั้นเสียง ถึงจะรู้ว่าต้นไม่ได้กอดผมเพราะความรักแต่ผมก็ดีใจ อยากหยุดเวลาไว้แบบนี้ ต้นไม่ต้องรักผมก็ได้ ขอแค่ให้ผมได้รักต้นก็พอ แค่ได้ดูแลต้นแบบนี้ก็พอ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     พูดกันตรงๆ ผมเครียดครับ เป็นปัญหาชีวิตคู่ครั้งที่เครียดที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผมเลย ครั้งนี้ผมไม่ได้หงุดหงิดโมโหเลยแม้แต่น้อย กลับกันผมชักจะเหนื่อยและท้อจนแทบไม่มีแรงทำอะไร ต้นเย็นชากับผมมากจนผมกลัว ผมกลัวมันจะเลิกรักผม แต่กลัวที่สุดคือกลัวว่ามันจะประชดผมเหมือนที่น้ำตาลเคยทำ!
     วันนี้ช่วงบ่ายผมโดดไปหาไอ้เอก ตั้งใจจะไปปรับทุกข์กับมัน ในชีวิตผมก็มีแต่มันนี่แหละที่พอจะคุยเรื่องปัญหาได้โดยไม่ต้องแคร์อะไรและมั่นใจว่ามันจะเก็บเรื่องเหี้ยๆ ของผมไว้เป็นความลับ ต่อให้มันด่าผมว่าเหี้ยแต่มันก็จะยังเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิม ถึงคราวคับขันมันก็เป็นที่พึ่งให้ผมได้เสมอ ผมคิดว่ามันน่าจะว่างไปแดกเหล้าเป็นเพื่อนผม โชคไม่ช่วย มันติดเคส เราเลยไม่ได้คุยกันมาก มันรู้แค่ผมทะเลาะกับต้นเพราะน้ำตาล แต่ผมยังไม่ลงลึกรายละเอียด มันสัญญากับผมว่าพรุ่งนี้จะโทรหา บอกให้ผมใจเย็นอย่าพึ่งอาละวาด แต่ที่มันไม่รู้คือผมเล่นสงครามเย็นมาเป็นอาทิตย์แล้วครับ!
     ผมเลยกลับคอนโดแบบเซ็งๆ ใครจะไปคิดว่าผมกลับมาเห็นช็อตเด็ดเมียตัวเอง ตอนแรกผมไม่ทันได้ใส่ใจว่าเบ๊นซ์คันที่จอดขวางอยู่หน้าทางเข้าเป็นของใคร ผมก็แค่สบถด่าพวกเกะกะขวางทางกะจะมองหน้าคนขับมันซะหน่อย แต่แล้วภาพที่ผมเห็นทำเอาผมช็อก เมียผมมัวแต่กอดกับกิ๊กเก่าจนไม่ทันสังเกตรถผัว!
     ผมวนรถออกมาแล้วจอดซุ่มอยู่ห่างๆ ใช้เวลาพอสมควรกว่าเมียผมจะลงจากรถ ไม่รู้ว่ามัวทำอะไรอยู่!
     ต้นเดินขึ้นคอนโดไปแล้วแต่ผมต้องนั่งสงบสติอารมณ์ในรถอยู่นาน บางทีมันอาจไม่มีอะไร ใช่แล้ว! มันไม่มีอะไรหรอก ต้นไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ภาพที่มันอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่นก็ทำให้ผมจี๊ด มันปฏิเสธผมแต่กลับไปซบคนอื่น! หรือมันจะทำไปเพราะประชดผม? เรื่องเก่าๆ ย้อนกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้งเหรอ?

     กว่าผมจะลากสังขารตัวเองขึ้นห้องได้ก็ลำบากพอดู สองขาผมหนักอึ้งแต่หัวใจผมทรมานยิ่งกว่า ต้นมันขยี้หัวใจผมซะแล้ว
     ภาพที่ผมเห็นเมื่อเปิดประตูเข้าห้องพักก็คือไอ้ต้นกำลังทำข้าวเย็นให้ผม ตาทั้งสองข้างมันแดงจัดแบบที่ดูก็รู้ว่าร้องไห้มา ไม่รู้ไปออดอ้อนออเซาะอะไรกันไว้บ้าง ในสายตาไอ้ต้นผัวมันคงเลวมากจนต้องไปร้องห่มร้องไห้กับชู้!
     มันเหลือบมามองผมแล้วทำกับข้าวต่อไปเงียบๆ ปกติผมต้องพยายามอ้อนมัน แต่วันนี้ผมไม่มีแรง ผมไม่มีอารมณ์จะปั้นหน้าง้อมัน ผมเหนื่อย
     ผมทิ้งสัมภาระแล้วตรงเข้าไปกอดมัน ต้นตกใจพยายามผลักผมออก แต่ผมใช้กำลังบังคับให้มันหันหน้ามารับจูบจากผม มันทั้งดิ้นทั้งร้อง พอมือมันเป็นอิสระมันก็ตบผมแล้วผลักออก
     เมียผมยืนหายใจหอบ น้ำตาไหล ผมหน้าชาไปครึ่งซีก เจ็บจนน้ำตาไหลเช่นกัน ไอ้ต้นมันตบผม!
     “ทำไมอ่ะต้น ผัวจะกอดเมียหน่อยไม่ได้รึไง?”
     เราสองคนตะเบ็งเสียงใส่กันแต่เสียงผมดังกว่า
     “เป็นบ้าอะไรครับ!”
     “พี่ก็เป็นผัวต้นไง! ทีผัวกอดทำเย็นชาแต่ไปซบคนอื่นหน้าตาเฉย อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะ!”
     ผมหลุดปากไปเพราะความริษยาครอบงำสติ รู้ดีว่าหึงต้น แต่ผมหน้ามืดเกินกว่าจะยั้งปากตัวเองทัน แต่ต้นมันย่นคิ้วทำหน้างง
     “พี่ชัชพูดเรื่องอะไร?”
     โอ้โห เมียผมโคตรตอแหล! เอารางวัลตอแหลแห่งปีไปเลย มันคิดว่าผมโง่มากรึไง?
     “ให้ใครมาส่งล่ะ? ผัวขอไปรับทำรำคาญ ขอกอดทำรังเกียจ ทีมันล่ะต้น!”
     ต้นมันจนด้วยหลักฐาน แต่การที่มันไม่ปฏิเสธแบบนี้ยิ่งทำให้ผมเจ็บ!
     “เราถึงขนาดตบพี่!”
     “ก็เพราะพี่ชัชไม่มีเหตุผล”
     “งั้นแล้วเรามีเหตุผลอะไรถึงไปให้มันกอดแต่ไม่ยอมพี่ล่ะ! คิดจะประชดพี่ด้วยวิธีนี้มันไม่แรงไปหน่อยเหรอต้น! หรือเราจะไปคบกับมันจริงๆ”
     “ผม ...”
     ต้นสูดหายใจจ้องหน้าผมด้วยแววตาเอาเรื่อง แต่ทั้งๆ ที่สายตาของมันแข็งกร้าวตรงขอบตามันกลับมีหยดน้ำก่อตัวขึ้น มันสั่นไปทั้งตัว ผมลืมไปได้ยังไงว่าเมียผมรักศักดิ์ศรีเป็นที่หนึ่ง!
     “อย่า คิด ว่าคนอื่น จะเป็นเหมือนตัวเองสิครับ”
     ผมยังโกรธอยู่ แต่ความโมโหของผมหายไปกว่าครึ่งเมื่อเห็นต้นที่โกรธจนตัวสั่น มันโกรธจนพูดไม่ออก ผมเองก็นึกไม่ออกว่าเคยทะเลาะกับมันครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้รึเปล่า การทะเลาะที่ไม่มีการยอมลดลาให้กันแบบนี้นี่น่าจะเป็นครั้งแรก
     “งั้นแล้วต้นไปกอดมันทำไมล่ะ ทีพี่-”
     ผมยังพูดไม่จบต้นก็ตะโกนสวนขึ้นมา
     “แม็กซ์เขากอดผมเอง! ผมไม่ได้ทำ”
     ปกติเวลาผมร้อน ต้นจะเย็น แต่คราวนี้ต้นมันไม่สนใจจะดับไฟให้ผม เราทั้งคู่ไม่เหลือสติกันอีกแล้ว ต้นไม่ยอมลงให้ผมอีกต่อไป
     “แต่ต้นก็ยอมมัน! แล้วพี่ล่ะ? พี่เป็นผัวต้นนะ!”
     “ถ้าพี่ชัชเป็นผัวผมแล้วไปมั่วกับผู้หญิงอื่นทำไม! อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะมีสันดานมักมากแบบตัวเองเลย แม็กซ์เขามีเกียรติพอครับ เขาไม่มั่วกับคนมีเจ้าของหรอก แล้วผมก็ไม่ได้ร่านด้วย!
     พอพูดจบต้นก็เดินหนีผมเข้าห้องนอน ปล่อยให้ผมยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ฟังแล้วเหมือนต้นมันด่าผม ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือมันชมไอ้เด็กเวรนั่น!
     ผมดีรู้ว่าต้นเจ็บและผมเป็นคนผิด ก็เพราะแบบนี้ไม่ใช่รึไงผมถึงได้กลัว ผมกลัวโดนต้นทิ้ง กลัวมันจะเลิกรักผม กลัวมันคิดบ้าๆ ประชดผม ผมกลัวไอ้เด็กเวรนั่น ไอ้พวกที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่างผิดกับผม ผมที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับหลายชายคนเล็กของเจ้าสัว ผมจะต้องทำยังไงให้ต้นไม่ทิ้งผมไป?
     เสียงร้องไห้โฮของต้นที่ดังมาจากในห้องทำเอาผมไม่กล้าเปิดประตู ผมกลัวจะเห็นภาพของต้นที่ต้องร้องไห้เพราะผม ผมยังไม่อยากถูกตอกย้ำความเหี้ยของตัวเองตอนนี้ ผมมันโคตรเลวเลย!
 
     ผมตัดสินใจออกมาหาอะไรดื่มเงียบๆ ทบทวนตัวเอง
     ถ้าต้นมันขอเลิกกับผมแล้วผมจะทำยังไงดี? ชีวิตที่ไม่มีมัน? ไม่! ไม่มีทางเด็ดขาด ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไป ต้นเป็นของผม เป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมเกลียดพี่ชัช! แต่ผมก็รู้อีกนั่นแหละว่าคำว่าเกลียดมันคือ“รัก” และเพราะรักผมถึงได้เกลียดเวลาที่ถูกพี่ชัชทำร้ายจิตใจแบบนี้
     ผมร้องไห้อยู่พักใหญ่กว่าจะสงบ อันที่จริงต้องบอกว่าผมแหกปากคร่ำครวญต่างหาก มีเสียงเท่าไหร่ผมงัดออกมาใช้ไม่อั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ คงเพราะมันสุดจะทนแล้วครับ ผมเกลียดพี่ชัช! ผมถามตัวเองซ้ำๆ ว่าผมจะทนอยู่กับคนใจร้ายแบบนี้ทำไม ผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ชอบระแวงและดูถูกผม! พี่ชัชดูถูกผมทุกครั้งที่เราทะเลาะกันเรื่องแม็กซ์
     คนที่ผมเกลียดไม่ได้ตามเข้ามาในห้อง เขาเข้ามาไม่ได้หรอกเพราะผมล็อกประตูเอาไว้ พอผมสงบลงแล้วก็นึกถึงต้มจืดที่ตัวเองทำค้างไว้! ผมยังไม่ได้ปิดเตา!
     บางทีผมก็เกลียดที่ตัวเองมีความรับผิดชอบดีเกินไป!
     ผมปั้นหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หน้ากากแห่งความเย็นชาใบที่หนาที่สุดถูกเอาออกมาใช้ แล้วผมก็เปิดประตูออกไปพบกับความว่างเปล่า พี่ชัชไม่อยู่แล้ว แฟนผมหายไป ... หึ
     ต้มจืดในหม้อเดือดจนน้ำแห้ง เตาไฟฟ้าตัดไฟไปนานแล้ว ผมเทสิ่งที่อยู่ในหม้อทิ้ง เก็บของในครัวมาล้างทำความสะอาดแล้วอาบน้ำเข้านอน
     ผมเหนื่อยจนไม่อยากคิดอะไร ถ้าผมหลับไปเลยเมื่อผมลืมตาตื่นก็จะเป็นอีกวัน ผมได้แต่ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยตั้งแต่เราทะเลาะกันทั้งๆ ที่มันไม่ช่วยอะไร แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะ? ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว และผมก็ไม่อยากคิดอะไรแล้วด้วย ผมแค่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วยังเป็นที่รักของพี่ชัชอยู่...
     แต่พี่ชัชทำร้ายจิตใจผมไม่พอพี่เขายังดูถูกผมด้วย ทำไมใครต่อใครถึงคิดว่าผมร่านกันจัง ทั้งๆ ที่ผมมีแค่พี่ชัชคนเดียว
     น้ำตาของผมไหลเปียกหมอนจนต้องพลิกด้านแล้วสั่งให้ตัวเองหยุดร้อง ผมควรนอนได้แล้ว ผมต้องหยุดร้องไห้ซักที ก่อนที่หมอนจะเปียกจนนอนไม่ได้
     แล้วผมก็หลับไป...

     ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่ถูกพี่ชัชจูบ!
     น้ำหนักที่ทับอยู่บนตัวผมให้ความรู้สึกคุ้นเคย กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์กับสัมผัสสะเปะสะปะก็ชินชา พี่ชัชเมามาอีกแล้ว
     เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่เขาเมาแล้วมาลวนลามผม นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเขาก็ทำแบบนี้กับผม แต่ตอนนั้นเขานึกว่าผมเป็นพี่ฟ่างและผมเอาตัวรอดได้ ส่วนครั้งอื่นๆ ผมก็เลยตามเลยบ้างปฏิเสธบ้างแล้วแต่อารมณ์ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ และสัมผัสของพี่ชัชก็รุนแรงกว่าปกติ!
     ผมพยายามผลักพี่ชัชออก แต่พี่เขาไม่ยอมกลับซุกไซ้ผมมากกว่าเดิม
     “พี่ชัช! ไม่เอานะครับ”
     “หน่า โต้น
     พี่ชัชเมาแอ๋! แฟนผมส่งเสียงอ้อแอ้พยายามจะถอดกางเกงผม พอถอดเสื้อผมไม่ได้ก็พยายามจะถอดกางเกง ไอ้แฟนบ้าเอ้ย!
     “หยุดนะครับ! ดึกแล้วผมจะนอน”
     “นอนเฉยๆ ให้พี่ทำเถอะน่ะ! ยอมพี่นะครับคนดี เราไม่ได้ทำกันนานแล้วน้า เป็นของพี่นะ”
     พี่ชัชพล่ามพลางรูดซิบตัวเอง บ้าแล้ว!         
     ผมพยายามจะหนีแต่กลับถูกดึงกางเกงลงไปคาไว้ที่เข่า พี่ชัชไม่เคยหยาบคายแบบนี้กับผม!
     “ยอมผัวนะครับคนดี ต้นเป็นเมียพี่นะ เมียต้องยอมให้ผัวเอาสิ”
     ผมสังหรณ์ใจว่าแฟนผมไม่มีสติ! คุยไม่รู้เรื่องแล้วครับ พี่ชัชใช้กำลังกดผมลงกับเตียง พยายามปลุกอารมณ์ผม แต่พี่ชัชในเวลานี้กลับทำให้ผมกลัว!
     “พี่ชัช! มีสติหน่อยครับ!”
     ในที่สุดผมก็ผลักพี่ชัชออกไปได้ ผมรีบกระเถิบหนีผีร้ายที่กำลังคุกคามผม หวังให้พี่เขาได้สติ แต่นอกจากพี่ชัชจะไม่ได้สติแล้วดูท่าคงโมโหมากกว่าเดิม
     “กล้าผลักผัวตัวเองเหรอต้น!”
     พี่ชัชตะคอกผมกลับแล้วดึงแขนผมอย่างแรง!
     “เดี๋ยวนี้ทำเล่นตัวนักนะ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ จะหวงตัวไว้ให้ใครห๊ะ!”
     ผมคิดว่าบางทีพี่ชัชอาจจะไม่ได้ทำไปเพราะเมา พี่เขาตั้งใจใช้กำลังบังคับผมตั้งแต่ต้น พอความคิดนี้ปรากฏในหัวผมก็สั่นไปทั้งตัว
     ผมเกิดความรู้สึกบางอย่าง พี่ชัชเห็นผมเป็นอะไร ของตายเหรอ?
     “พี่ชัชเห็นผมเป็นอะไร?”
     ผมหลุดเสียงถามออกไปเบาๆ แต่พี่เขาได้ยิน แฟนผมไม่ได้เมาจนไร้สติ!
     “ต้นก็เป็นเมียพี่ไง ผัวจะเอาเมียผิดด้วยเหรอ!”
     พอที!
     “ผมเกลียดพี่ชัช!”
     ทันทีที่ผมพูดจบผมก็รู้สึกเจ็บจากแรงปะทะ!
     ผมอึ้ง! รสเค็มปะแล่มเกิดขึ้นในปาก ผมยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก จนกระทั่งความชาหายไปเหลือแต่ความเจ็บแผ่ซ่านอยู่บนแก้ม ผมถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ชัชตบผม!
     “ลองพูดอีกทีสิเจ็บตัวแน่ไอ้ต้น! พี่ไม่มีวันยอมหรอก ต้นเป็นของพี่ต้องรักพี่เข้าใจมั้ย!”
     ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมรู้ว่าตัวเองถูกผลักลงกับเตียง ผมได้แต่น้ำตาไหล ผมมีสติรับรู้อยู่แค่นี้
     “เป็นเมียพี่ พี่กอดเราได้คนเดียว ห้ามปฏิเสธพี่!”
     ผมรู้ว่าชุดนอนผมถูกกระชากออกไปแล้ว
     “ต้นต้องรักพี่ เป็นของพี่ ห้ามทิ้งพี่ไปไหน!”
     พี่ชัชก้มลงมาทับผม ผมรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปคืออะไร พี่ชัชกำลังจะข่มขืนผม พี่เขาถึงขั้นตบผมด้วยซ้ำ! หัวใจผมแหลกสลายไม่มีชิ้นดี!
     ความทรงจำเก่าๆ ย้อนกลับมา ผมรักผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้ได้ยังไง พี่ชัชทำแบบนี้กับผมได้ยังไง!
     ทั้งๆ ที่ผมดีกับพี่เขาทุกอย่างแต่พี่เขาก็ยังทรยศผม แถมยังทำแบบนี้กับผม... อีกแล้ว พี่ชัชกำลังข่มขืนผม พี่เขาเห็นผมเป็นอะไร ...
     ผมร้องไห้ ดิ้นสุดชีวิต แต่ยิ่งขัดขืนพี่ชัชก็ยิ่งรุนแรงกับผม แรงบีบจากมือพี่เขาไม่มีความปราณีให้ผมเลยแม้แต่น้อย แขนผมถูกกดจนชา เล็บของพี่ชัชจิกเข้าเนื้อ แต่ความเจ็บนี้ไม่เท่ากับความรวดร้าวที่เกิดขึ้นในใจ พี่เขาหยาบคายใส่อย่างกับผมไม่ใช่คนรัก
     พี่ชัชไม่สนใจอะไรอีกนอกจากความต้องการของตัวเอง พี่เขาไม่สนใจแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผมตอนที่พี่เขาล่วงเกินผมสำเร็จ และแล้วผมก็ถูกแฟนตัวเองข่มขืนเป็นครั้งที่สอง!
     ผมหมดแรงจะต่อต้าน ได้แต่ปล่อยให้พี่ชัชหาความสุขจากตัวผม ความเจ็บปวดเหมือนร่างกายถูกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ นี้ช่างทรมาน แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการที่คนที่ผมรักเป็นคนหยิบยื่นความทรมานนี้ให้เอง
     ผมไม่มีแรงแม้แต่จะร้อง ทำได้แค่นอนสะอื้น แต่พี่ชัชก็ไม่พอใจ
     “ครางสิต้น เอากับพี่มันไม่ถึงใจรึไงถึงได้ปฏิเสธ! มีคนอื่นรึไงห๊ะถึงได้เลิกรักพี่”
     “โอ๊ย!”
     พี่ชัชรุนแรงกับผมจนผมต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พี่เขาก้มลงมาจูบผมพยายามสอดลิ้นเข้ามา พอผมหันหน้าหนีพี่เขาก็บีบคางผมให้อ้าปาก คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอ? ผมเกลียดพี่ชัช! ผมได้แต่ภาวนากับสิ่งศักดิสิทธิ์ให้มันจบลงซะที!
 
     ผมไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปตั้งแต่ตอนไหน แต่พอผมรู้สึกตัวก็พบว่าพี่ชัชหลับไปแล้ว พี่เขานอนทับอยู่บนตัวผมทั้งๆ อย่างนั้น ผมรวบรวมแรงผลักพี่เขาออกไป พอร่างกายผมเป็นอิสระแล้วก็รู้สึกแสบเหมือนมีแผลฉีกขาด ผมพยายามลุกขึ้นจะไปห้องน้ำ แต่ว่า... ผมกลับทำไม่ได้ ผมลุกไม่ไหว ไม่มีแรง เจ็บไปทั้งตัว สุดท้ายเลยได้แต่นอนร้องไห้เงียบๆ อยู่ข้างๆ คนที่ทำร้ายผมให้เจ็บแบบนี้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 :hao5:

ออฟไลน์ กาสะลอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ย!...ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัด มองไม่ออกเลยมันลงเอยด้วยดียังไง

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ตอนที่ผมตื่นผมมองหาต้นเป็นอย่างแรก ใช่ว่าผมไม่รู้ตัวว่าเมื่อคืนผมทำระยำอะไรไป ผมไม่ได้เมามาก ผมมีสติ แต่ผมไม่สามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายของตัวเองเพราะความกลัว ผมกลัวต้นจะทิ้งผมไป
     ดังนั้นเมื่อผมตื่นมาแล้วไม่เจอต้นผมถึงได้คลั่ง ภาพเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตตามมาหลอกหลอน ผมผลุนผลันออกจากห้องนอนคิดกลัวสารพัด แต่พอเปิดประตูออกมาก็เห็นมันนั่งอยู่ที่โซฟา
     ต้นมันพูดโทรศัพท์ว่า “อืม ฝากด้วยนะโอม” แล้วมันก็วางสายทันทีที่เห็นผม
     ผมแทบเข่าอ่อน ความกังวลในใจสลายไปทันตา โชคดีที่ผมยังจับลูกบิดประตูอยู่เลยไม่ล้มลงไป ผมกลัวมันหายไปเหมือนวันนั้น
     “พี่...”
     ผมอยากจะพูดอะไรกับมัน แต่ภาพที่เห็นทำเอาพูดอะไรไม่ออก ผมเพิ่งเห็นสภาพของต้นชัดๆ เต็มตา ต้นเหลือบตาบวมแดงคู่นั้นมามองผม สายตาตัดพ้อของมันแทนคำพูดนับสิบ เพียงแค่ตวัดตามองผมแว๊บเดียว ความโหดร้ายที่ผมทำกับมันก็ฉายชัดออกมาผ่านแววตาคู่นั้น ต้นมันเกลียดผมแล้ว!
     “อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะครับ”
     ต้นหลบตาผมแล้วพูด ชุดอยู่บ้านแบบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของมันทำให้ผมเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ ตามตัว โดยเฉพาะบนแก้มที่เห็นชัดมาก ผมอยากพุ่งไปกอดต้นแต่ก้าวขาไม่ออก ผมรู้ดีว่าผมผิดและต้นมีสิทธิ์เกลียดผม
     “วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”
     ผมรู้ดีว่าผมถามอะไรโง่ๆ ออกไป เหตุผลที่ทำให้เด็กรักเรียนอย่างมันต้องหยุดเรียนมีอยู่เรื่องเดียว
     “ผม... รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะครับ”
     ต้นก้มหน้าซ่อนน้ำตาแล้วตอบ มือของต้นสั่นทั้งๆ ที่กำโทรศัพท์แน่น ผมทำร้ายต้น!
     “เออ แล้ว... กินยาไรยัง?”
     “ครับ”
     ต้นตอบผมแบบนั้นทั้งๆ ที่เราทั้งคู่รู้ดีว่าร่องรอยพวกนี้ใช่ว่ากินยาแล้วจะหาย ผมอยากขอโทษต้น
     “อยากให้พี่พาไปหาหมอมั้ย พี่...”
     “พี่ชัชรีบอาบน้ำเถอะครับ สายมากแล้วเดี๋ยวจะไปทำงานไม่ทัน”
     ให้มันด่าผมยังดีกว่าตัดบทผมแบบนี้ ต้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยิ่งมันทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิด ต้นมันห่างผมไปทุกที เสียงของต้นที่พูดว่าเกลียดยังก้องอยู่ในหู ต้นเกลียดผมแล้ว และผมก็สมควรถูกเกลียด ต้นเกลียดผมจนไม่แม้แต่จะมองหน้า
     พอผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมานั่งกินมื้อเช้า ต้นมันก็เดินหนีเข้าห้องนอน อ้างว่ารู้สึกไม่ค่อยดี ผมตรงเข้าไปหากะจะประคองมันไปนอน แต่มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ไถ่โทษ ผมเลยได้แต่มองตาม กลายเป็นไอ้งั่งทำอะไรไม่ถูก เดินคอตกกลับมานั่งกินไข่ดาวที่มันทอดให้
     ผมกินไข่ดาวเคล้าน้ำตา ต้นมันดีกับผมมากแต่ผมกลับตอบแทนมันด้วยความโหดร้าย ผมทรยศต้น ทำเลวกับต้นเพราะหึงจนหน้ามืด ผมถามตัวเองว่าต้นขาดตกบกพร่องตรงไหน คำตอบที่ได้คือต้นดีเกินไปสำหรับผู้ชายเหี้ยๆ อย่างผมด้วยซ้ำ ไข่ดาวจานนี้คือคำตอบ!

     ผมมันขี้ขลาด เพราะผมกลัวต้นจะทิ้งผมไป กลัวต้นเปลี่ยนใจไปรักไอ้เด็กเวรนั่น ผมถึงได้ใช้วิธีเลวๆ แบบนั้น ผมขืนใจต้น ผมทำลงไปเพราะอยากจะกอดต้นให้มั่นใจว่ามันยังเป็นของผมอยู่ แต่พอมันบอกว่าเกลียดผมๆ เลย... ขาดสติ ผมนี่แม่งโคตรเหี้ยเลย!
     ผมไม่โทษใครนอกจากโทษตัวเอง น้ำตาทำให้วิสัยทัศน์ของผมแย่ลง ผมขับรถไปน้ำตาไหลไป ผมไม่ได้ร้องเพราะต้นเกลียดผม ผมร้องเพราะความเลวของตัวเอง ผมทำร้ายคนที่ผมรักได้ยังไง!
     ผมทำร้ายต้นซ้ำแล้วซ้ำอีก สมควรแล้วที่ต้นจะเกลียดผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สหายผู้คอยห่วง

     “ต้นว่าไงมั่งแก?”
     “ต้นบอกว่าไม่สบาย วันนี้คงหยุดน่ะ”
     “เออๆ เป็นห่วงมันว่ะ แล้วมันบอกอะไรแกอีกมั่ง”
     “เอ่อ เราไม่กล้าถาม”
     “แกนะแก เป็นฉันหน่อยไม่ได้”
     “เพราะโอมไม่ใช่คนพูดมากเหมือนมึงไงป่าน”
     “ยุ่งละอิมิว มาเสือกอะไรย๊ะ!”
     “ก็กุ! ... เออน่ะ แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับต้น”
     “หูหนวกรึไงยะ โอมก็พึ่งบอกว่าต้นไม่สบาย”
     “หุบปากไปยัยเตี้ย กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ตกลงต้นทะเลาะกับแฟนจริงป่ะ?”
     “แกเอาที่ไหนมาพูด!”
     “ที่เมื่อวานไอ้ขี้เก็กมันพูดไง พวกมึงก็เห็นต้นซึมเป็นอาทิตย์ กูอยากรู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับต้น”
     “จะเกิดอะไรก็เรื่องของต้นย่ะ อย่าเสือก!”
     “เฮ้ย! พวกมึงไม่ห่วงต้นเลยเหรอวะ”
     “พอเถอจะ! ใช่ว่าพวกเราไม่ห่วงต้นนะจ้ะ แต่ถ้าต้นไม่อยากเล่า พวกเราก็ไม่กล้าซักหรอก”
     “ใช่ๆ อย่างน้อยต้นก็ยังมาเรียนทำตัวปกติน่ะ มันคงไม่มีอะไรมากหรอก”
     “ปกติตายอ่ะ! ข้าวปลาไม่กิน เอาแต่นั่งเหม่อคนเดียว มาเรียนเหมือนมานั่งร้องไห้ ตอนเย็นก็ไม่ยอมกลับนั่งแช่ในห้องสมุด แล้ววันนี้ก็หยุดอีก พวกมึงว่านี่ปกติเหรอ?”
     “แล้วแกจะให้พวกฉันทำยังไงวะ! ให้บังคับมันให้พูดรึไงแก แกคิดว่าพวกเราที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่ห่วงต้นมันเหรอ?”
     “ไม่ไหวแล้ว! เราไปก่อนนะ”
     “อ้าว! เอ๊ะ อิไปป์! แกจะไปไหน?”
     “ปล่อยเราป่าน เราจะไปหาต้น!”
     “เฮ้ย! ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพอต้นหายมันก็มาเรียนเอง ไปป์! แก กลับม๊า! เฮ้ย ฟังกันมั่งดิวะ!”
     “ไรอีกวะ ไอ้ไปป์เป็นไรไปอีกอ่ะป่าน?”
     “ยังจะมาถามอีก เพราะแกนั่นแหละอิมิว ไม่น่าพูดมากเลย”
     “อ้าว! กูผิดอีก?”
     “เออ! เมย์ฝากเก็บชีทด้วยนะ ฉันจะไปตามอิไปป์”
     “ได้ๆ”
     “ไอ้สองคนนั้นเป็นอะไรของมันอ่ะ?”
     “ฉันจะไปรู้แกเหรอ ไปเหอะแก้ว รำคาญ!”
     “ขอโทษนะมิวนิค ไปก่อนนะจ้ะ”
     “เกิดอะไรขึ้นกับไปป์วะโอม? พักนี้ทำตัวแปลกๆ”
     “ไม่รู้สิ”
     “มึงเคยรู้อะไรมั่งมั้ยวะ?”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ป่านนี้พี่ชัชคงออกไปทำงานแล้ว ผมขังตัวเองอยู่ในห้องนอนกี่ชั่วโมงแล้วนะ? ภาพสะท้อนในกระจกแทบดูไม่ได้ ผมปากแตก แก้มก็บวม ช้ำ ตามแขนขามีรอยเต็มไปหมด แค่ตาแดงๆ นี่ก็แย่มากพอแล้ว ถ้าขืนมีใครเห็นสภาพนี้คงแย่มากกว่าเดิม ผมคิดว่าผมเก็บอาการได้ดีแล้วซะอีก แต่หน้ากากของผมถูกแม็กซ์ถอดออกอีกแล้ว
     โชคดีที่แผลตรงนั้นไม่รุนแรงมาก อย่างน้อยๆ เช้านี้ผมก็ลุกไหว ไม่ได้สาหัสจนไข้ขึ้นเหมือนครั้งแรก... หรือผมควรพูดว่าผมชิน การมีอะไรกับพี่ชัชบ่อยๆ คงทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้นละมั้ง คิดแล้วน่าขำชะมัด ผมเพิ่งมีแฟนได้สองปีก็กลายเป็นของตายเก่าเก็บน่าเบื่อจนพี่ชัชต้องออกไปหาอะไรที่มันเร้าใจกว่าผม ผมเอาพี่ชัชไม่อยู่จริงๆ นั่นแหละ ความดีไม่ช่วยอะไรเลย สุดท้ายทุกอย่างก็แพ้... เรื่องอย่างว่า นี่ไม่รวมถึงเรื่องที่ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายจืดชืดน่าเบื่อแบบผมคงไม่เหมาะกับพี่ชัช
     ผมคิดวนไปวนมาเป็นร้อยรอบ แต่สุดท้ายผมก็ไม่อยากปล่อยมือเพราะคำๆ เดียว ‘ผมรักพี่ชัช’ ผมจะยื้อความรักของผมไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?
     ผมนอนลงบนเตียงที่เดิม ตรงที่เมื่อคืนนี้ผมถูกพี่ชัชทำร้าย ผมนึกถึงวินาทีที่ตัวเองหน้าชาเพราะแรงตบของพี่ชัชผมก็น้ำตาไหลอีกรอบ พี่ชัชใจร้ายกับผมเหลือเกิน...

     ผมหลับไปได้ครู่เดียวเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ตอนแรกผมนึกว่าพี่ชัชลืมของ แต่คิดอีกทีพี่ชัชมีกุญแจ แล้วใครกัน? ผมลังเลว่าควรจะลุกไปดูดีมั้ย? แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังมาจากหน้าประตู ไปป์!
     ไปป์มาที่นี่ได้ยังไง! ผมควรจะทำยังไงดี ถ้าไปป์เห็นสภาพของผมละก็...
     ไปป์ทุบประตูแรงมาก! เสียงตะโกนของไปป์ก็ดังจนผมกลัวเพื่อนบ้านรำคาญ หรือผมควรจะแกล้งทำเป็นไม่อยู่ดี?
     ผมลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ผมไม่พร้อมเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้นในตอนนี้ แต่ในที่สุด เสียงทุบประตูอย่างบ้าคลั่งของไปป์กับเสียงห้ามของป่านก็เร่งรัดผม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ป่าน

     “อิไปป์ เบาๆ เดี๋ยวคนก็แห่มากันหรอก!”
     “ต้นไม่เปิดประตูอ่ะป่าน”
     “มันอาจจะไม่อยู่มั้ง”
     “ต้นๆ ต้นเปิดสิ ต้น!”
     โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย! ทำไมมันต้องมาคลั่งเอาตอนนี้ด้วยวะ!
     ห่วงต้นก็ห่วง แต่ห่วงอิไปป์มากกว่า เป็นอาทิตย์แล้วมันยังไม่กลับเป็นปกติซะที! ทำไมคราวนี้เฮี้ยนจังวะ
     แต่อยู่ๆ ประตูก็เปิด ต้นแง้มประตูออกมาหาพวกเรา อ้าว! อยู่นี่หว่า
     “ป่าน ไปป์”
     “ต้น! นายไม่เป็นไรใช่มั้ยต้น?”
     ฉันกำลังงงเพราะมัวแต่ห่วงอิไปป์เลยยังไม่ทันสนใจต้น แค่พริบตาเดียวเท่านั้นอิไปป์ก็ดันประตูเข้าไป!
     “อื้อ!”
     ต้นตกใจแต่ไม่ยอมถอยดันประตูกลับไม่ให้พวกเราเข้าไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยดึงไปป์ไว้ แรงควายจริงๆ
     “อิไปป์!”
     “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย นายเปิดประตูให้เราเข้าไปสิต้น!”
     “โอ้ย! นายอย่าดันสิไปป์”
     “เปิดสิต้น!”
     “โอ้ย!
     ต้นแพ้แรงอิไปป์จนได้ ซวยแล้วเดี๋ยวต้นก็โกรธหรอก แต่แล้วสภาพของต้นก็ทำให้ฉันอึ้ง!
     “ต้น เกิดอะไรขึ้นกับแก!”
     ตายละวา ไปป์! ฉันหันไปดูมันแล้วก็เห็นว่าไปป์ยืนนิ่งไปแล้ว สภาพแบบนี้สงสัยต้องพามันไปรดน้ำมนต์ซักหน่อย
     “ต้น นาย...”
     อิไปป์เริ่มร้องไห้ออกมาแล้วเดินเตาะแตะไปกอดต้น ต้นงงเป็นไก่ตาแตก แต่ฉันยังอึ้งกับร่องรอยบนหน้าแกอยู่ ไปโดนใครซ้อมมาวะ!
     “อย่าทิ้งเราไปนะต้น นายต้องไม่เป็นไรนะ นายต้องอยู่กับเรานะ ฮือๆ”
     ช่างเรื่องต้นไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้อิไปป์สำคัญกว่า ถึงสภาพต้นจะดูไม่ได้แต่ก็ดูมีสติกว่าอินี่เยอะ!

     กว่าเราสองคนจะปลอบไปป์ให้สงบก็นานพอดู ไปป์ปกติก็ว่าเด็กแล้วตอนนี้มันยิ่งทารกเลย มันยึดโซฟานอนจับมือต้นไม่ยอมปล่อย หน้าต้นนี่เหวอสุดชีวิตเลย แล้วฉันจะอธิบายให้ต้นฟังยังไงวะเนี่ย ต้นมันจะเชื่อเหรอ? ดีไม่ดีจะมองไปป์แปลกๆ รู้งี้น่าจะห้ามมัน ไม่น่าให้มันมาเลย
     แต่เฮ้ย! ไม่สิ ถ้าฉันไม่ตามไปป์มาก็คงไม่รู้ว่าต้นมีสภาพเป็นแบบนี้
     “แก ... แกอย่าถือสามันนะ คือ ช่วงนี้มันไม่ค่อยสบายอ่ะ เลยเพี้ยนๆ”
     ดีนะที่อิไปป์หลับง่าย เลยด่ามันได้สะดวกปาก ไปป์ยิ่งเกลียดคำพวกนี้อยู่
     “ไปป์ดู... แปลกๆ ไปนะ”
     “เอ่อ ... ฮ่าๆ คงงั้นมั้ง”
     สายตาของต้นจริงจังมากจนฉันไม่กล้าสบตาเลยวุ้ย!
     “ป่าน ไปป์เป็นอะไรเหรอ?”
     “เอ่อ มัน ... มันก็แค่ไม่สบายอะแก คือ ... แต่มันห่วงแกนะ แต่แบบ... ช่วงนี้มันเพี้ยนๆ เลยทำไรแปลกๆ แก ... แกอย่าโกรธมันเลยนะ มันรักแกจริงๆ”
     “ช่างเถอะ เราไม่โกรธไปป์หรอก”
     ดีจังที่ต้นไม่โกรธเรื่องที่ไปป์มันบุกมาหาถึงที่นี่ โล่งอกที่ต้นไม่ถามอะไรมากฉันเลยไม่ต้องอธิบาย จำไม่ได้แล้วว่าใครตั้งสมญานามให้ต้นว่าเป็นแม่อิไปป์ แต่ต้นที่กำลังลูบหัวไปป์ตอนหลับนี่โคตรแผ่ออร่าคุณแม่เลย
     ไม่ใช่แค่แกหรอกนะไปป์ ต้นมันก็รักแกมากเหมือนกัน
     “เหมือนเด็กเลยเนอะ ไปป์นี่โชคดีนะ มีป่านคอยดูแล”
     “โชคดีของมันโชคร้ายของฉันอะสิ!”
     “แต่ป่านก็ยังไม่ทิ้งไปป์ไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าไปป์จะเป็นยังไงป่านก็ยังอยู่ข้างๆ ไปป์”
     แกพูดถึงฉันกับไปป์หรือแกพูดถึงใครกันแน่วะต้น ทำไมแกต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นด้วยวะ ถามมันตอนนี้ดีมั้ยน้า ...
     เฮ้อ! เอาก็เอาวะ!
     “ก็เพื่อนกันนิ แล้ว ... แล้วแกล่ะ คือแบบว่า ... ถ้าแกมีเรื่องอะไร”
     “มันไม่มีอะไรหรอกป่าน”
     ทำไมแกชอบตัดบทปฏิเสธชาวบ้านเขาจังเลยวะ! โอ๊ยหงุดหงิด!
     “ถึงขั้นนี้แล้วแกจะยังบอกว่าไม่มีอีกเหรอต้น!”
     ให้ตายเหอะ! ถ้าฉันไม่ห่วงแกฉันไม่เสือกหรอก
     “เกิดแกโดนทำร้ายมากกว่านี้ล่ะ”
     “พอเถอะป่าน!”
     “ไม่พอ! ฉันไม่หยุด นี่มันทำร้ายร่างกายนะต้น! ถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบนี้ เกิด...”
     ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้ามันซ้อมแกหนักกว่านี้ละต้น ทำไมแกไม่ห่วงตัวเองบ้างวะ!
     “มันไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเข้าใจผิด”
     “เข้าใจผิดอะไรของแก”
     ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! ไอ้คนปากหนัก! ไอ้เพื่อนบ้า!
     ฉันจับคางมันหันมาดูแก้มชัดๆ ร่องรอยที่เห็นไม่ใช่น้อยๆ ต้นมันรีบจับมือฉันออก แต่ที่ข้อมือมันก็มีรอยช้ำเป็นจ้ำโคตรน่ากลัว ถึงขั้นนี้แล้วมันยังจะโกหกฉันอีกเหรอวะ!
     “หลักฐานเห็นอยู่ทนโท่แบบนี้แกยังจะว่าเข้าใจผิดอีกเหรอต้น แกนั่งซึมมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ แกไม่อยากให้พวกฉันยุ่ง พวกฉันก็ไม่ยุ่ง แต่สภาพนี้ไม่ยุ่งไม่ได้แล้วว่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย”
     วันนี้ฉันจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องให้ได้! เอาวะ อย่างน้อยๆ ก็ทำเพื่ออิไปป์ และเพื่อตัวอิต้นมันด้วย
     เอ้า! นั่งน้ำตาไหลอีก ทำไมต้นมันถึงไม่พูดอะไรออกมาบ้างนะ
     “แก จนป่านนี้แล้วแกยังไม่ไว้ใจพวกเราอีกเหรอต้น ถึงพวกเราจะไม่สนิทกับแกมากเท่าเพื่อนคนอื่นๆ ของแกแต่พวกเราก็ห่วงแกนะ”
     “ไม่ใช่นะป่าน! เรา ... เรารู้ว่าพวกเธอหวังดีกับเราจริงๆ แต่ ... ขอร้องล่ะ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำยังไง มันสับสนน่ะป่าน”
     “งั้นแกก็เล่าให้ฉันฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
     เงียบอีกแล้ว ชาตินี้ฉันจะรู้เรื่องมั้ยวะ!
     “เขาทำร้ายแกเหรอต้น? ทะเลาะกันเหรอ?”
     “ไม่ใช่หรอก! เอ่อ ... พี่เขาแค่เมาน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
     “ผู้ชายที่เมาแล้วซาดิสแบบนี้ถ้าเลิกได้ก็เลิกเถอะ แกจะทนเขาไปทำไม แกก็มีพี่สาวไม่ใช่เหรอ ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเขาหรอก”
     “ไปกันใหญ่แล้ว! มันไม่มีอะไรหรอกป่าน”
     “ไม่มีอะไรได้ไงล่ะ แล้วไอ้ที่แกนั่งเหม่อน้ำตาไหลมาทั้งอาทิตย์ล่ะ สอบแกก็ทำไม่ได้ ถ้ามีความรักแล้วฉุดตัวเองให้แย่ลงแบบนี้แกจะทนไปทำไม”
     “ก็เพราะเรารักเขาไง ไม่ว่าเขาทำให้เราเสียใจมากแค่ไหน เราก็เลิกรักเขาไม่ได้ เราถึงได้เจ็บแบบนี้ไงป่าน”
     แกรักหรือแกหลงมันวะต้น แกจะรู้ตัวมั้ยว่าแกยิ้มโคตรเศร้า ฉันเกลียดการฝืนยิ้มเฟคๆ แบบนี้ของแกเป็นบ้า!
     “เราไม่เป็นอะไรหรอก แผลพวกนี้เล็กน้อยน่ะ ยังไงเราก็เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ หึ ... ต่อให้พี่ชัชทำร้ายเรามากกว่านี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเราไม่ใช่ผู้หญิง ที่เราหยุดก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นแตกตื่นเท่านั้นแหละ”
     ฉันทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
     “ทำไมแกต้องดูถูกตัวเองด้วยวะต้น! มันไม่เกี่ยวหรอกว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่คนที่ทำร้ะ-“
     “เรารู้ป่าน เรารู้ ฮึก พี่ชัชเขาก็แค่ ... พี่เขาแค่อารมณ์ร้อน ขี้โมโหไปหน่อย พอดีช่วงนี้มีปัญานิดหน่อยน่ะ ละเมื่อคืนพี่เขาเมาก็เลย ... ช่างเถอะ แต่เราโอเคนะป่าน เราโอเคจริงๆ นะ”
     อิต้นนั่งน้ำตาร่วง มันยิ้มเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แววตากับเสียงไม่ชวนให้คล้อยตามเลยซักนิด ฉันต้องทำใจให้เชื่อเรื่องโกหกของแกใช่มั้ย ฉันควรจะเชื่อว่าแกสบายดีจริงๆ งั้นสิต้น สายตาแกมันขอร้องฉันว่าให้หยุดชัดๆ
     สงสารต้นชะมัด แต่ถ้ามันไม่รักตัวเอง พูดให้ตายยังไงมันก็คงไม่ฟัง จะทำยังไงดีวะ ... โอ้ย!
     “เออ เอาเหอะ ตามใจแก”
     “ขอบคุณที่เข้าใจเรานะป่าน”
     ถ้าต้นมันจะยิ้มเศร้าแบบนี้สู้มันทำหน้าเย็นชาใส่ฉันจะดีกว่า กลัวลางสังหรณ์อิไปป์จริงๆ เลย
     “แกดูแลตัวเองดีๆ นะต้น”
     “อืม”
     สีหน้ามันค่อยดีขึ้นหน่อย เอาวะ ในเมื่อเพื่อนไม่ให้ยุ่ง ฉันก็จะไม่เสือก!
     “เอ่อ เรามีเรื่องจะขอร้องเธออย่างนึง”
     “ฉันรู้ ฉันไม่บอกคนอื่นหรอก”
     คนอื่นที่ไม่ใช่พวกเรานะต้น จะให้ฉันปล่อยแกไปแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีทาง!
     “ขอบคุณนะ”

     เสร็จธุระกับต้นแล้วยังต้องมีธุระอิไปป์ต่อ กว่าจะลากมันออกจากห้องต้นได้ เอาวะ โดดก็โดด! ยังไงวันนี้ก็ต้องพามันไปวัดให้ได้
     “ไปป์ ไปวัดกัน”
     “ไม่ไป”
     ทีงี้ล่ะเดินนำฉันลิ่วๆ เลยนะแก นี่ดีนะขาฉันยาวเลยจ้ำตามแกทัน
     “อย่าดื้อน่ะ”
     “จะกลับบ้าน”
     อย่ามางอแงใส่ฉันนะว้อย แกเป็นเด็กรึไง ไอ้ท่าทางเอาแต่ใจคุณชายเกาหลีนั่นมันอะไรกันวะ!
     “จะกลับไปหมกมุ่นกับพี่สาวสุดที่รักของแกรึไง”
     “อย่ามาว่าพี่ตานะ!”
     อ๊ะๆ มีตวาดกลับ แกกล้าแข็งข้อกับฉันงั้นรึไอ้ไปป์P2!
     “ถ้าแกดื้อ ฉันจะให้พ่อฉันนิมนต์พระไปบ้านแก เอาแบบชุดใหญ่เลย ละฉันจะเอาสร้อยพระให้แกใส่ติดตัวด้วย แล้วถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันก็จะ ไม่ เป็น เพื่อน กับ แก!”
     เอาซี้! ถ้าแกคิดว่าจะหือกับฉันได้ หึๆ
     “ทำไมต้องบังคับเราด้วยอะป่าน”
     อย่ามาทำสายตาแบบนั้นใส่ฉันนะโว้ย ฉันพยายามช่วยแกอยู่นะ! ไอ้บ้านี่!
     “ป่านก็รู้ว่าเราเกลียดวัด!”
     “ฉันจะชวนแกไปทำบุญให้จิตใจมันปลอดโปร่ง เผื่อผลบุญจะช่วยคนที่แกรักได้ แกจะได้เลิกบ้าแบบนี้ด้วย”
     “เออสิ เรามันบ้านี่!”
     “ใช่! แกบ้า แกไม่มีสติ! แกรั้งเขาไว้เพราะความเห็นแก่ตัวของแก ทำให้เขาเป็นห่วงจนไม่ยอมไปไหน ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต มีแต่แกรึไงที่เจอกับความสูญเสีย! คิดบ้างมั้ยว่าไอ้ต้นมันก็มีปัญหาของมัน แล้วแกยังเป็นแบบนี้อีก สภาพแกแบบนี้ช่วยอะไรมันได้วะ ดูสารรูปตัวเองสิ!”
     อย่ามาร้องไห้นะโว้ย ไอ้ลูกหมานี่!
     “กรรมใครกรรมมัน แกขวางใครไม่ได้หรอก ถ้าแกคิดจะช่วยใครแกต้องมีสติก่อน แกไม่ควรทำให้คนที่รักแกเป็นห่วง โตได้แล้วนะไปป์”
     เงียบไปเลยแฮะ ... หรือจะด่ามันแรงไป?
     “รู้แล้ว ฮือๆ ขอโทษนะป่าน”
     “เฮ้ยๆ เออๆ แกขอโทษฉันเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องกอด นี่มันกลางถนน ฉันอายเขา”
     ตกใจหมด! อี๋! น้ำมูกอิไปป์ เสื้อฉัน!
     “โทษที”
     แกนี่น้าอิไปป์ เด็กจริงๆ ร้องไห้งอแงเป็นเด็กไปได้
     “เออๆ ฉันก็ขอโทษแกเหมือนกันนะที่เรียกแกว่าบ้า”
     “อืม ช่างมันเถอะ ก็มันเรื่องจริง”
     ค่อยยิ้มได้ซะทีนะอิไปป์ เฮ้อ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
หมอเอก

     “มาหากูถึงที่มีธุระอะไรวะ เรื่องใหญ่รึไง?”
     “ไม่ทันแล้วว่ะไอ้หมอ”
     “เป็นอะไรของมึง ทำหน้าเศร้าแบบนี้ โดนบอกเลิกรึไง”
     ผมพูดแซวมันขำๆ แต่ใครจะคิดว่าเดาถูก!
     “ถ้าต้นจะบอกเลิกกูๆ ก็ไม่แปลกใจหรอก กูสมควรโดน”
     “เฮ่ย! อาการหนักนะมึง ตกลงมึงจะเลิกกันจริงๆ เหรอ?”
     เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนผมวะ! ชัชไม่เคยท้อแบบนี้มาก่อน
     “กูไม่รู้”
     “ยังไงวะ”
     “ต้นเย็นชากับกูมาก กูกลัวโดนทิ้งว่ะ”
     “แล้วมึงไปทำอะไรมาล่ะ”
     “กูมันเหี้ยไง”
     ผมรู้ว่าเพื่อนผมเหี้ย แต่คราวนี้มันทำอะไรมาวะ
     “เล่าให้เคลียร์ดิ กูงง”
     “เมื่อคืน ... กูข่มขืนต้น”
     “ไอ้ชัช! สันดานมึงนี่!”
     “เออกูรู้ แต่ตอนนั้นกูเมานี่หว่า กูกลัวต้นจะทิ้งกูไปกับไอ้เด็กเวรนั่น ต้นเย็นชากับกูมาเป็นอาทิตย์ กูก็เลย ...”
     “มึงก็เลยเลือดขึ้นหน้า จริงๆ เล้ย”
     นิสัยใจร้อนของมันเกินเยียวยาจริงๆ
     “กู ... กูตบหน้าต้นไปทีนึงด้วยว่ะ ต้นช้ำไปทั้งตัวจนต้องหยุดเรียน”
     นี่มันสติแตกถึงขั้นนั้นเลยเหรอวะ!
     “เวร! ทำไมวะ? มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นี่หว่า มึงหลุดกับเด็กคนนี้สองครั้งแล้วนะ”
     “กูก็ไม่รู้ แต่พอกูได้ยินมันตะโกนว่าเกลียดกูๆ ก็หน้ามืดอ่ะ มือมันไปเอง”
     “สติมึงหายไปไหนหมด”
     “สติกูไม่อยู่ตั้งแต่เห็นมันกอดกับไอ้เด็กเวรนั่นแล้ว!”
     เพื่อนผมพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน อะไรจะแค้นฝังใจขนาดนี้วะ มันไปแย่งเขามาแท้ๆ
     “เด็กมึงรักมึงหลงมึงจะตาย คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง มึงขี้หึงเกินไปแล้ว”
     “ไม่ใช่ว่ะไอ้หมอ”
     อ้าว! มันกลับมาซึมอีกแล้ว เพื่อนผมอาการหนักน่าจับไปคัดกรองโรคซึมเศร้าว่ะ หงอยแบบนี้ไม่สมเป็นมันเลย
     “ยังไงวะ?”
     “ต้น ... กูทำให้ต้นเสียใจ ต้นโกรธจนไม่ยอมมองหน้ากู กูพยายามง้อแล้ว แต่... ต้นปฏิเสธกูตลอด นอนอยู่ด้วยกันทุกคืนแต่เหมือนอยู่ไกลกันคนละโลก ละเมื่อวานที่กูมาหามึงละมึงไม่ว่าง กูก็เลยกลับคอนโด กูไปเห็นต้นกับไอ้เด็กเวรนั่น เมียกูร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น มึงจะให้กูคิดอะไรอีกวะ กูโคตรกลัวเลย กูกลัวต้นจะทิ้งกูไปจริงๆ”
     “มึงก็เลยสติแตก”
     “เออ ... ทำนองนั้น กูออกไปดื่ม พอกลับมาก็เลย ...”
     ผมส่ายหน้าให้ชัช ถ้ามันทิ้งนิสัยนี้ไปได้เรื่องก็คงไม่เกิด มันไม่ผิดที่มันดื่ม แต่ใจร้อนแล้วไปดื่มจนเมาขาดสติใช้แต่อารมณ์นี่ล่ะที่ผิด!
     “แล้วตกลงมึงไปทำเหี้ยอะไรเมียถึงได้ทิ้ง”
     “กู ... กูเผลอกับแฟนเก่านิดหน่อย”
     “ไอ้สัส!”
     “กูรู้กูผิด แต่ กูก็พยายามง้อต้นแล้วนะเว่ย มึงไม่เข้าใจหรอก เรื่องแม่ง...”
     “ไหนมึงบอกรักเด็กคนนี้มากไง แล้วมึงก็ออกลาย สมควรโดน”
     “ไม่ใช่เว่ย! กู ... มึงไม่เข้าใจ เหี้ย! กูจะพูดยังไงดีวะ”
     สีหน้ากลัดกลุ้มของมันโคตรน่าถีบเลยครับ
     “เออ ระบายมา วันนี้กูว่าง เดี๋ยวฟังจบแล้วกูค่อยด่าทีเดียว”
     “กูชอบผู้หญิง”
     “กูรู้”
     “ตั้งแต่ที่กูคบกับต้นกูไม่ได้เอากับผู้หญิงอีกเลย มึงเข้าใจมั้ย? มีนมมาอยู่ตรงหน้ากูเนี่ย กูจะทนได้ไงวะ!”
     “ความเงี่ยนไม่เข้าใครออกใคร แต่มึงมีพันธะแล้วนะชัช”
     “ใช่! กูรู้! ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่กูก็รัก กูไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ มึงรู้มั้ยขนาดตอนกูอยู่กับฟ่างกูยังเหี้ยกว่านี้เยอะ แต่กับต้นกูไม่กล้าว่ะ กูกลัวต้นเสียใจ กูรู้ว่าต้นไม่เหมือนฟ่าง กูทำไม่ลง”
     “มึงทำไม่ลงแล้วมึงเผลอได้ยังไง”
     “น้ำตาลเป็นแฟนเก่ากูตอนเรียน กู ... เขาเคยทิ้งกูไปเพราะกูเจ้าชู้ เขาไปมีคนอื่นประชดกู”
     “ก็สมควรโดนแล้วนี่หว่า”
     “กูคุยเล่นเฉยๆ ไม่มีอะไร แต่เขาไปนอนกับคนอื่นประชดกูนะเว่ย! กูรับไม่ได้ว่ะ”
     “มึงมันเหี้ยไง! ตัวเองเหี้ยไม่เป็นไร มีข้ออ้างสารพัด แต่รับไม่ได้ถ้าจะโดนเอง”
     “เออ! กูหวงของๆ กูแล้วไงอ่ะ กูผิดมากจนเขาต้องประชดกูแบบนั้นเหรอวะ! กูก็แค่คุยไม่ได้ไปเอากับใครนี่หว่า!”
     “แล้วไงต่อ?”
     ไอ้นี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ
     “น้ำตาลโดนคนอื่นหลอกฟัน เขากลับมาหากู กูก็เลยทำดีกับเขาเหมือนเดิมแต่กูไม่ยอมกลับไปคบกับเขา จนเขาทนไม่ไหวเลยสาปส่งกู”
     “มึงนอนกับเขา เอาฟรี ให้ความหวัง แต่ไม่รับเดนคนอื่น โคตรเห็นแก่ตัวเลยมึง”
     “เออน่ะ กูรู้กูเหี้ย”
     “แล้วอีท่าไหนถึงกลับมาเจอกันอีก”
     “ก็ทำงานด้วยกัน”
     “มึงใจอ่อน?”
     “เออ กูคิดว่าเป็นเพราะกูรึเปล่าเขาถึงทำตัวแบบนั้น กูรู้ว่ากูผิดนะที่ทำแบบนั้นกับเขา แต่กูสงสารเขาอ่ะ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมันเหี้ยก็ยังไปยุ่ง ทำเหมือนคนไม่มีอะไรจะเสีย ประชดชีวิตไปเรื่อย พอกูเห็นผู้หญิงคนนึงที่ต้องเจอแต่เรื่องเหี้ยๆ เพราะกูๆ ก็เลย...”
     “ชัชเอ้ย...”
     ไอ้เวรนี่มันใจอ่อนจริงๆ เล้ย นิสัยสุดโต่งเป็นบ้า!
     “กูรู้ว่าเขาแค้นกู เขาอยากเห็นกูเลิกกับต้น แต่จริงๆ กูก็ผิดแหละ กูหน้ามืดเอง แต่กูก็คิดนะ ถ้าเป็นคนอื่นกูคงปฏิเสธได้ง่ายกว่านี้”
     สรุปก็คือเพื่อนผมมันยังมีเยื่อใยแต่ปากแข็ง
     “พอเด็กมึงรู้เรื่องเลยบ้านแตก”
     “ไม่หรอก ให้ต้นโวยวายมาเลยยังดีกว่า นี่ประชดกูสองสามคำแล้วก็เดินหนี เอาแต่เงียบ หน้ากูก็ไม่มอง แต่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้กูทุกวัน เมื่อเช้าก็ด้วย ทั้งๆ ที่สภาพดูไม่จืด กูโคตรรู้สึกผิดเลย กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วว่ะไอ้หมอ”
     “แหกมั้ย?”
     “กูจะไปรู้เหรอ! กูไม่ได้ดู ... แต่ก็ได้เลือดเหมือนกัน กูเห็นเลือดติดอยู่บนผ้าปู”
     “ต้องถึงมือกูมั้ย”
     “กูไม่รู้ วันนี้ต้นหยุด กู ... กูไม่กล้าสู้หน้าต้น”
     “ละอายเป็นด้วยเหรอมึง หึๆ”
     “ไม่ตลกว่ะ”
     “มึงไม่กล้ากลับห้องเลยมาหากู ระวังเหอะกลับไปแล้วเมียจะหายอีกรอบ”
     “กูไม่รู้ ... แต่ถ้าต้นจะหนีกูไปกูก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรอก ใครจะทนอยู่กับคนแบบกูได้”
     เพื่อนผมมันบ้าไปแล้ว เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวซึม เฮ้อ ... แต่ก็สมน้ำหน้ามันว่ะ ฮ่าๆ
     “มึงอยากให้มีคนทนมึงได้ก็ปรับตัวสิวะ”
     “กูก็ปรับอยู่”
     “ปรับไรของมึง พลาดกับแฟนเก่า สันดานเดิมชัดๆ”
     ผมไม่อยากตอกย้ำมันเล้ย แต่นิสัยชัชเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เสือมันต้องไร้รัก เสือรักอิสระไม่ชอบการผูกมัด แต่ชัชมันไม่ใช่เสือ หมาที่ยังจำเจ้าของเก่าอย่างมันเหมาะจะถูกใส่ปลอกคอล่ามโซ่ ชัชมันก็แค่หมาที่ชอบกินไม่เลือก
     “ถามจริงเถอะ คนนี้รักมากเหรอ?”
     “เออ เคยรักมาก แต่พอเขาทำแบบนั้นกับกูๆ ก็เจ็บจนตั้งใจว่าจะไม่มีวันคืนดีกับเขา”
     “ทิฐิสิมึง”
     “ก็กูรู้แล้วว่านิสัยไปกันไม่ได้อ่ะ”
     เถียงผมอีก ไอ้นี่มันจะยอมรับดีๆ ซักครั้งได้มั้ยวะ ชัชมันหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้ตลอดจริงๆ
     “กับฟ่างกูก็เห็นไปกันไม่ได้ เพราะมึงมันคิดแต่ว่าฟ่างเข้าใจมึง ฟ่างไม่เรื่องมาก เป็นคนง่ายๆ สุดท้ายวันนึงเขาก็ทนมึงไม่ได้”
     “เออกูรู้กูเหี้ย! พอใจยัง?”
     ก็เป็นเสียแบบนี้ ...
     “ยัง กับเด็กคนนี้สเป็กมึงสุดๆ มึงก็ยังพลาด เพราะมึงคิดเข้าข้างตัวเอง มึงคิดว่าเด็กรักมึงมากยังไงก็ต้องยอมทนมึง แต่มึงนึกไม่ถึงว่าเขาจะทนอยู่กับมึงสภาพนี้ มึงเลยกลัวขึ้นมา”
     “เออ! มึงพูดถูก”
     สีหน้ามันหงุดหงิดไม่ยอมรับผิดชัดๆ
     “มึงรู้มั้ยปัญหาของมึงคืออะไร?”
     “กูใจร้อน กูรู้”
     “ไม่ใช่ มึงลองถามตัวเองดีๆ เถอะ มึงรักเด็กคนนี้หรือมึงรักตัวเอง กูว่ามึงลองคิดทบทวนดูดีๆ เถอะไอ้ชัช ไม่งั้นมึงคบอีกกี่คนก็ไปกันไม่รอดหรอก”
     ผมทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แต่สิ่งที่ผมไม่ได้บอกมันก็คือถ้ามีใครสักคนที่จะไปกับมันรอด ผมว่าก็คือเด็กคนนี้แหละ จะหาใครหลงรักมันไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้ได้อีก จะรักหรือจะหลงก็ช่าง จะคบกันเพราะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคนสองคนคือส่วนเติมเต็มที่ปรับตัวเข้ากันได้ ที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสำหรับผมชีวิตคู่คือความสมดุล ถ้าทุกเรื่องตกลงกันลงตัวก็อยู่กันยืด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงห้องตอนห้าทุ่มเพราะรู้ดีว่าต้นน่าจะหลับแล้ว ผมละอายจนไม่กล้าสู้หน้ามันก็เลยนั่งดื่มกับไอ้หมอเอกปล่อยเวลาไปเรื่อย แต่คราวนี้ผมไม่กล้าดื่มหนัก กลัวตัวเองเมาจนขาดสติอีก
     แล้วคุณรู้มั้ย ผมกลับมาเจออะไร?
     มีข้าวผัดวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว โป๊ะไข่ดาวแบบไข่แดงสุกเยิ้มๆ อย่างที่ชอบผม ผมโคตรอิ่มเลย กินอะไรไม่ลงเพราะเหล้าเต็มท้อง แต่ผมกลับนั่งลงแล้วทานข้าวผัดเย็นชืดที่ทำไว้นานแล้วจานนั้น ผมไม่ได้เหยาะพริกน้ำปลาแต่ไข่ดาวโคตรเค็มเพราะน้ำตาตัวเอง
     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมปวดใจจนเสียน้ำตา แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ฟูมฟายเพราะผมรู้ดีว่าผมไม่มีสิทธิ์
     พอกินข้าวคลุกน้ำตาเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเผชิญกับความเหี้ยของตัวเอง ผมไม่ได้เปิดไฟดวงใหญ่ เปิดแต่โคมไฟพอให้หยิบเสื้อผ้าจากตู้ไปอาบน้ำได้
     เมียผมสะดุ้ง แต่มันยังแกล้งทำเป็นหลับ ต้นนอนนิ่งหลับตาพริ้มแต่จังหวะการหายใจของมันไม่สม่ำเสมอ ถึงมันจะใส่ชุดนอนแขนยาวแต่รอยที่หน้าก็ยังพอมองเห็น ... ไม่รู้พรุ่งนี้มันจะหยุดอีกรึเปล่า?
     ผมอาบน้ำไปฟุ้งซ่านไป ต้นมันจะเอายังไงกับผม? มันจะเลิกกับผมมั้ย หรือมันจะอยู่กับผมสภาพนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่มันไม่อยากทนผมอีก ผมคิดแต่ในทางร้ายเพราะผมมองไม่เห็นเลยว่าต้นมันจะกลับมารักผมได้ยังไง
     จนกระทั่งผมอาบน้ำเสร็จ ผมยืนนิ่งอยู่นาน อยากคลานขึ้นเตียงไปกอดมันเหมือนทุกครั้งแต่ไม่กล้า ต้นมันนอนหันหลังให้ผม...
     เอาวะ! ผมขยับเข้าไปใกล้มัน เหมือนต้นมันรับรู้ได้ว่าผมอยู่ข้างหลังมันห่างกันไม่ถึงคืบ หลังมันสั่นน้อยๆ เหมือนกลัวผม
     ผมรู้ดีว่ามันแกล้งหลับ มันตื่นตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องแล้วแต่มันไม่อยากเผชิญหน้ากับผม ผมจะไม่บังคับมันหรอก สมควรแล้วที่มันจะเกลียดผม
     ผมลูบหัวมัน แตะลงบนรอยช้ำที่แก้ม แก้มใสๆ ของมันต้องมีรอยช้ำเพราะมือผม ผมตั้งใจจะปกป้องดูแลมันแท้ๆ แต่มือคู่นี้ของผมทำร้ายมันมากี่ครั้งแล้ว?
     ผมอดใจไม่ไหว นานมากแล้วที่ไม่ได้สัมผัสมันแบบนี้ ผมอยากกอด อยากจูบ อยากหอมแก้มมันเหลือเกิน ผมต้องต่อสู้กับความละอายของตัวเอง เพราะรู้ดีว่าต้นกลัวผม ต้นเผลอขมวดคิ้ว ตัวมันเกร็งไปหมด มันกลัวผมจะทำร้ายมันอีก มีใครบ้างจะไม่กลัวผู้ชายสารเลวที่เคยขืนใจตัวเอง
     ผมจรดจมูกลงบนแก้มช้ำๆ นั่น สัมผัสเบาๆ ก่อนจะเลยไปกระซิบที่ข้างหู
     “พี่ขอโทษนะครับคนดี ผัวรักเมียนะครับ”
     ผมปิดท้ายด้วยจูบบนหน้าผากก่อนจะถอยออกมา ผมไม่ได้ล้มตัวลงนอนกอดมันในทันที ดังนั้นผมถึงได้เห็นว่าไหล่ของเมียผมสั่นแล้วก็มีเสียงสูดจมูกเบาๆ ต้นมันร้องไห้
     ไม่ไหวครับ! ผมเองก็น้ำตาไหลเหมือนกัน ผมทนไม่ไหวแล้ว! ผมขยับไปใกล้ต้นแล้วกอดมันเอาไว้ ต้นสะดุ้ง แต่ผมก็ปลอบมันด้วยเสียงสะอื้นของผมเอง ผมแค่อยากกอดมันอีกครั้ง อยากเก็บมันไว้แนบอกแบบนี้ตลอดไป
     “พี่ขอโทษ พี่รักเรานะ”
     ผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัว ผมทรยศต้น ทำร้ายมัน แต่ผมไม่อยากเสียมันไปจริงๆ แม้ว่ามือคู่นี้จะทำให้มันต้องเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ผมก็ไม่อาจปล่อยมันไป ผมจะไม่ยอมสูญเสียมันเด็ดขาด!
     ผมนอนร้องไห้กอดมันที่นอนน้ำตาไหลเกือบทั้งคืน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     พี่ชัชพูดว่ารักผมอย่างนั้นเหรอ?
     ถ้ารักแล้วเมื่อคืนนี้มันคืออะไร? ถ้ารักแล้วทำไมถึงไปทำแบบนั้นกับคนอื่น? พี่ชัชเห็นผมเป็นอะไร?
     คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอครับ?
     ผมอยากผลักพี่ชัชออก ปัดแขนที่กอดผมอยู่ทิ้ง ไม่ใช่ผู้ชายใจร้ายคนนี้รึไงที่ทำให้ผมเหมือนตกนรกทั้งเป็นเมื่อคืน!
     พี่ชัชรั้งผมไว้ด้วยคำว่ารัก ขังผมไว้ด้วยความเห็นแก่ตัว แต่ความรักของเราไม่เท่ากัน ผมมอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้พี่เขา ทั้งตัวและหัวใจก็ให้ไปหมด แต่กลับเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ในโลกของพี่ชัช
     ผมไม่เคยขอให้เขาลืมอดีต แต่ผมอยากให้ปัจจุบันของพี่ชัชมีแต่ผมเหมือนที่อนาคตของผมก็มีแต่พี่ชัช ผมอยากเป็นคนสำคัญเป็นใครคนนั้นที่พี่เขารักสุดหัวใจ แต่พี่ชัชมีใครคนอื่นในใจเสมอมา เขายังตัดกันไม่ขาด ในหัวใจของพี่ชัชพื้นที่ของผมคงมีนิดเดียว ใครอีกคนคงสำคัญมากกว่าผม พี่ชัชถึงไม่สนใจแฟนคนปัจจุบันอย่างผมเลย
     ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทรยศพี่ชัช แต่พี่เขากลับหักหลังผม กล่าวหาผมเพื่อปัดความผิดของตัวเอง พี่ชัชทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!
     ผมเกลียดอ้อมแขนแข็งแกร่งนี่เหลือเกิน มันรัดผมแน่นเหมือนกรงขังจนผมหนีไปไหนไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นความอบอุ่นที่ผมโหยหา ผมจะต้องทำยังไงถึงจะได้รับสัมผัสนี้ตลอดไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มีต้นที่ไหน มีไปป์ที่นั่น ถ้าไปป์ไม่สำคัญ คนแต่งคงไม่เชียร์ ...  :impress2: ไปป์นี่ตัวตัดดราม่าจริงๆ เนาะ ส่วนหมอเอกก็ด่าได้สะใจละซี่ เหอๆ

แบบว่า... บางทีสาระของเรื่องก็ชอบไปอยู่ที่ตัวละครรอง เหมือนเวลาที่คนเราตั้งกระทู้เครียดๆ ปรึกษาปัญหาชีวิต บางทีมุมมองจากคนนอกอาจจะดีกว่าความคิดของคนใน
แต่จากกระทู้ "เมื่อจับชู้ได้3ครั้ง18+" เราทึ่ง! เจ้าของกระทู้เขาก็ตัดสินใจแล้วแท้ๆ แต่มีคนไปด่าเขา อารมณ์ประมาณด่าว่า "ผู้หญิงก็งี้แหละ ตอนทะเลาะก็ฟูมฟาย พอเคลียร์กันได้ก็กลับไปดีกัน คนอื่นกลายเป็นหมา" แล้วทุกคนก็พากันยุว่าให้เลิก ออกมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว บางทีก็อยากถาม มึงไปให้ค่านมลูกเขาป่ะ มึงจะไปเป็นพ่อให้ลูกเขามั้ย?
บางทีคนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านก็เอามันเข้าว่า ยุเอาสะใจ คิดแบบฟาดฟัน เอาคืน เอาถูกต้อง(ที่ถูกใจตัวเอง) โดยไม่เคารพการตัดสินใจของคนในเหตุการณ์ แถมยังไปด่าเขาอีก คนแสดงความเห็นลืมไปเปล่า? ชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตมรึ๊ง!

ก็เป็นสัจธรรมอีกอย่างที่เราได้จากกระทู้ดราม่าในพันติ๊บอ่ะนะ อ่านแล้วทำให้นึกถึงพี่ชัชตอนนี้พิกล (จริงๆ บทที่19นี้ลงในเด็กดีไว้หลายอาทิตย์แล้ว)  เออเนอะ..... ถ้าผัวของเจ้าของกระทู้สำนึกผิดจริงๆ แล้วเขาปรับตัวได้ดี อีก6ปีต่อมาครอบครัวเขาอยู่กันอย่างมีความสุข พ่อแม่ช่วยกันเลี้ยงลูก อบอุ่นล่ะ? ..... เข้าใจว่าผู้ชายเลวๆ มันมีเยอะ แต่ผู้ชายเลวๆ ที่จะปรับตัวมันไม่มีเลยเหรอ? คนเฒ่าคนแก่คนสมัยก่อนที่ผู้ชายมันเจ้าชู้มากๆ แต่ก็ยังอยู่กันจนเป็นคุณตาคุณยายนี่เขาอยู่กันยังไงนะ? เพราะผู้หญิงสมัยก่อนไม่มีทางเลือกรึเปล่า? หรือเพราะผู้หญิงสมัยนี้มีทางเลือกเลยไม่จำเป็นต้องอดทน? แต่คนบางคนเอาประสบการณ์กับความกลัวของตัวเองไปยัดเยียดให้คนอื่นรึเปล่า?

อยากบอกว่า ณ. จุดนี้ คนแต่งอินกว่าคนอ่านอีก  :serius2:  เสพอารมณ์ของคนในพันติ๊บ อีโมชั่นนอลมาเต็ม! ลงนิยายตัวเอง รับฟังความเห็นของคนอ่านที่ส่วนใหญ่จะด่าพี่ชัช เครียดกับการปรับตอนจบให้ออกมาสวยที่สุด เฮ้อ...
ไม่เชื่อลองไปหาอ่านดู กระทู้จับชู้มันส์จริงๆ คนแต่งยังอินจัดเลยเห็นมั้ย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ผมเข้าหน้าต้นไม่ติด มันไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจง้อต้น เพียงแต่ผมไม่กล้าสู้หน้ามัน ผมทนบรรยากาศอึดอัดรอบๆ ตัวมันไม่ไหว จะเอาอะไรมันก็ไม่พูด ผมกลัวจะโมโหแล้วลงกับมันอีก ครั้นจะให้ผมยิ้มแย้มตื้อมันแบบกะล่อนๆ ผมก็ทำไม่ได้เพราะความรู้สึกผิดมันกัดกินในใจ ผมอยากคุยกับมันดีๆ ให้เคลียร์ ไม่อยากให้มันเมินกันแบบนี้เลย
     ผมหวังว่าต้นจะสังเกตเห็นที่ผมพยายามเอาใจมัน ผมพยายามซื้อของชอบของมันมาให้ แต่ทำได้ไม่กี่วันผมก็จนแต้มคิดอะไรไม่ออก นอกจากพวกกับข้าวที่เป็นแกงกะทิกับคุ๊กกี้แล้วไอ้ต้นมันชอบอะไรอีกวะ? ผมเป็นแฟนที่แย่จริงๆ แบบนี้แล้วเมื่อไหร่มันจะหายโกรธผม
     ต้นมันทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะให้ผมเห็นอีกเลย มันหมกตัวอยู่กับตำรา เอาแต่อ่านหนังสือ พูดคุยกับผมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเย็นชา เหินห่าง ผมเกลียดเวลาแบบนี้เป็นบ้า! ผมรับมือกับมันไม่ถูกจริงๆ ครับ ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไง ต้นมันแตกต่างกับผู้หญิงที่เคยเจอลิบลับ

     จนเวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์ อยู่ๆ ต้นก็เดินมาหาผมแล้วขอไปค้างบ้านปู่
     “ผมขออนุญาตไปค้างบ้านคุณปู่ซักระยะได้มั้ยครับ?”
     ผมสังหรณ์ใจว่าตัวเองกำลังจะโดนทิ้งครับ
     “ต้นจะไปกี่วันเหรอครับ?”
     ผมยิ้มให้มัน แต่มันหลบตาผมแล้วเงียบอยู่ครู่นึงก่อนจะตอบ
     “ไม่รู้สิครับ คงซักพัก”
     มันพูดเสียงเรียบตีหน้านิ่งจนผมหนาว
     “จะไปนานเหรอต้น”
     “ครับ ช่วงนี้ลุงไกรบอกว่าไม่ค่อยสบาย ผมอยากไปดูแลท่านครับ”
     เมียผมโคตรตอแหล! มันคิดว่ามันโกหกผมแบบนี้แล้วผมจะเชื่อรึยังไง ความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจแต่ผมพยายามระงับมัน!
     “เราจะหันหน้ามาคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอต้น”
     “ก็ไม่มีอะไรต้องคุยนี่ครับ”
     นี่นะไม่มีอะไรต้องคุยของมัน! มันจะโกรธจะเกลียดจะด่าว่าอะไรผมก็พูดออกมาตรงๆ สิ มันอยากให้ผมชดใช้ความผิดยังไงก็บอก จะขอสัญญาอะไรกับผม จะเอายังไงขอแค่มันพูดออกมา ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยวะ!
     “จะหนีปัญหาไปถึงเมื่อไหร่? ทำไมต้องทรมานพี่แบบนี้ด้วย!”
     ผมหมดแรง ท้อ เหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้ว ผมรู้ดีว่าผิด แต่ถ้าต้นเอาแต่เงียบแบบนี้ผมรับมือไม่ถูก
     “ผมทำให้พี่ชัชทรมานเหรอครับ?”
     ต้นมันพูดเสียงสั่นแล้วก็เริ่มน้ำตาไหล เวร! ผมทำให้มันร้องไห้ อะไรกันนักกันหนาวะ! หงุดหงิดชะมัดเลยครับ ทั้งโมโหตัวเองที่เผลอจนทำมันร้องไห้แล้วก็โมโหต้นที่ไม่ยอมคุยกับผมดีๆ
     “โอเคๆ อยากไปไหนก็ตามสบายเลยต้น พี่ไม่ห้าม พี่เป็นคนผิดเอง พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเราหรอก อยากทำอะไรก็ตามสบายเลย!”
     ใช่ดิ! หัวใจผมอยู่ในกำมือมันแล้วนี่ อยากจะทำอะไรก็ทำเลย
     “ห่างกันซักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”
     ถึงอยู่ด้วยกันก็เหมือนไม่อยู่ บางทีไม่เห็นหน้ากันซักพักต้นมันอาจจะคิดตกว่าจะเอายังไงกับผม

     ผมอนุญาตมันไปแบบนั้นแต่ใครจะคิดล่ะว่ามันจะเก็บเสื้อผ้าไปคืนนั้นเลย! แม่งเอ้ย! เมียผมหนีออกจากบ้านอีกแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ร่องรอยตามตัวผมหายหมดแล้ว แต่แผลในใจผมยังไม่จางหายไปซะที ผมรักพี่ชัชมาก แต่พี่เขาก็ทำให้ผมช้ำมากเช่นกัน พี่เขาทำเหมือนผมเป็นที่ระบายอารมณ์ เขาทำร้ายผม ความเจ็บปวดที่เจอพวกนี้ทำให้ผมสับสนจนคิดอะไรไม่ออก
     เวลาเห็นหน้าพี่ชัชก็จะรู้สึกเจ็บแปลบในอก ความจริงที่ว่าพี่เขาทรยศผมมันคอยทิ่มแทงหัวใจ ลืมไม่ได้ มิหนำซ้ำพี่ชัชยังทำแบบนั้นกับผม ผมเสียใจจนไม่อยากเห็นหน้าพี่เขาอีก ผมเป็นแฟน เป็นคนรัก ไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ให้ใคร แต่ว่า... ผมรักพี่ชัชมากเหลือเกิน สับสนจังเลยครับ อยากหนีไปให้พ้นๆ ไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย ผมรับมืออะไรไม่ไหวแล้วตอนนี้!
     “ผมขออนุญาตไปค้างบ้านคุณปู่ซักระยะได้มั้ยครับ?”
     ผมตัดสินใจไปขออนุญาตพี่ชัช ผมอยากพักสมองซักระยะ พี่ชัชพึ่งกลับจากทำงาน ผมก็เลยเอาน้ำไปเสิร์ฟแล้วลองขอดู
     “ต้นจะไปกี่วันเหรอครับ?”
     ผม... ผมอยากอยู่คนเดียวซักพักครับ
     “ไม่รู้สิครับ คงซักพัก”
     ผมไม่อยากอยู่กับคนใจร้ายแบบพี่
     “จะไปนานเหรอต้น”
     ถ้าผมหายไปนานๆ แล้วพี่ชัชจะคิดถึงผมมั้ย? ผมมีค่าสำหรับพี่ชัชรึเปล่า บอกผมทีสิครับว่าผมมีความสำคัญสำหรับพี่รึเปล่า...
     “ครับ ช่วงนี้ลุงไกรบอกว่าไม่ค่อยสบาย ผมอยากไปดูแลท่านครับ”
     “เราจะหันหน้ามาคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอต้น”
     “ก็ไม่มีอะไรต้องคุยนี่ครับ”
     ผมรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ผมยังทำใจไม่ได้นี่ครับ ขอเวลาให้ผมซักพักไม่ได้เหรอ
     “จะหนีปัญหาไปถึงเมื่อไหร่? ทำไมต้องทรมานพี่แบบนี้ด้วย!”
     ผม... ผมเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมดนี่เหรอ?
     พี่ชัช ... การอยู่กับผมมันทรมานเหรอครับพี่ชัช
     “ผมทำให้พี่ชัชทรมานเหรอครับ?”
     ทำไมพี่ชัชพูดแบบนี้กับผม ผมทำอะไรผิด คนที่ผิดคือพี่แท้ๆ ไม่ใช่ผม! ผมต้องก้มหน้าก้มตาให้อภัยพี่ทันทีเลยเหรอครับ ผมเป็นอะไรสำหรับพี่ชัชกันแน่
     “โอเคๆ อยากไปไหนก็ตามสบายเลยต้น พี่ไม่ห้าม พี่เป็นคนผิดเอง พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเราหรอก อยากทำอะไรก็ตามสบายเลย!”
     พี่ชัชพูดเหมือนไล่ผมเลย ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ผมด้วย ... ผมทำให้พี่หงุดหงิดอีกแล้วสินะ
     “ห่างกันซักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”
     หมายความว่ายังไง? พี่ชัชเบื่อผมแล้วเหรอครับ ผมมีค่าให้พี่ใส่ใจแค่นี้เองสินะ ถึงผมหายไปพี่ก็คงไม่แคร์ ผมจะเป็นตายร้ายดียังไงพี่ก็คงไม่สนใจผมแล้วใช่มั้ย ขนาดความรู้สึกผมพี่ยังไม่สนเลย
     พี่ชัชไม่สนใจผมแล้ว ... เวลาแห่งความสุขของผมหมดลงแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     “ไงต้น”
     “อ้าว? ดีอาร์ม”
     “ช่วงนี้ดูว่างๆ นะ อยู่อ่านหนังสือในหอสมุดถึงดึกทุกวัน ไม่รีบกลับไปทำกับข้าวให้แฟนเหรอ?”
     ต้นยิ้มแล้วเลือกที่จะเงียบ ต้นยิ้มแต่แววตาของต้นไม่สดใสเท่าที่ควร ต้นไม่แม้แต่จะชักสีหน้าใส่ผม เฮ้อ...
     “ตกลงหายกลุ้มใจยัง?”
     “ก็ไม่มีอะไรซักหน่อย”
     “หมกตัวอยู่กับตำรา ไม่ยอมกลับบ้านเนี่ยนะ”
     “เรารอกลับพร้อมอาจารย์เขาหรอก”
     “อ้าวจริงดิ?”
     “อืม เรา... เราไปค้างที่บ้านคุณปู่น่ะ พอดีคุณลุงเขาไม่ค่อยสบาย”
     ลองแบบนี้สงสัยจะเรื่องใหญ่ ถึงผมจะดีใจกับแม็กซ์แต่ถ้าต้องเห็นต้นร้องไห้ทุกวันผมก็รู้สึกไม่ดีเลย
     “แล้วต้องรออาจารย์เลิกช้าแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ? อยู่คนเดียวเหงาแย่”
     “เอ่อ...”
     “ไม่ชวนแม็กซ์มันไปเที่ยวล่ะ ละค่อยให้มันไปส่ง”
     “เรา ... เราอยากอยู่คนเดียวซักพักน่ะอาร์ม เรายังไม่อยากเจอแม็กซ์”
     “ทำไมอะ แม็กซ์มันทำอะไรให้ต้นไม่พอใจเหรอ?”
     “เปล่าหรอก เรา...”
     “กลัวมันตื้อ? หึๆ”
     งั้นก็แปลว่าเพื่อนผมหมดสิทธิ์ ต้นยังรักแฟนมันอยู่
     “เราไม่ได้รำคาญแม็กซ์หรอกนะอาร์ม แม็กซ์ดีกับเรามาก แต่...”
     “ต้นยังรักแฟนอยู่?”
     ถ้าแม็กซ์มันได้มาเห็นรอยยิ้มเศร้าๆ ของต้นแบบที่ผมเห็นมันต้องอาละวาดแน่ๆ
     “แล้วตกลงเลิกกันยัง?”
     ถ้าเป็นปกติต้นต้องด่าผมแล้ว แต่นี่กลับยิ้มเศร้าๆ แทน เฮ้อ...
     “ไม่รู้สิ ขึ้นกับว่าพี่เค้าจะเบื่อเราจนทนไม่ไหวเมื่อไหร่มั้ง”
     ต้นคงอัดอั้นมากจริงๆ ถึงยอมเปิดปากกับผมแบบนี้ น้ำตาของต้นหยดลงบนหน้าหนังสือจนต้นต้องรีบเช็ด ผมเห็นต้นปาดน้ำตาตัวเองแล้วก็ปวดใจชะมัด ไม่อยากเห็นเพื่อนร้องไห้เลยน้า
     “เก็บตัวอยู่คนเดียวแบบนี้คนอื่นเขาเป็นห่วงนะ”
     “เรารู้ แต่ขอเวลาเราพักบ้างเถอะ เราใส่หน้ากากร่าเริงทั้งวันไม่ไหวหรอกนะอาร์ม”
     “ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน คุยกับพี่ๆ นายก็ได้ จะได้ไม่ต้องคิดมากไง”
     “เราไม่อยากให้พี่ๆ แกเป็นห่วงน่ะ เดี๋ยวเรื่องมันจะไปถึงหลานเราละมันจะไปกันใหญ่”
     “ไม่คิดว่าคนอื่นเขารู้แล้วบ้างเหรอ ต้นเป็นแบบนี้ใครๆ ก็ดูออก”
     ต้นเงียบไม่ยอมตอบ เฮ้อ...
     “ถึงได้หนีมาอยู่คนเดียวแบบนี้ใช่มั้ย?”
     “เรายังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครทั้งนั้นแหละอาร์ม”
     “โอเค แต่เราอยากเห็นต้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมไวๆ นะ เป็นห่วง”
     “ขอบใจนะ”
     “อืม กลับๆ กับเรามั้ย? เดี๋ยวไปส่ง”
     “อย่าเลย รถติดเปล่าๆ”
     ต้นนี่นา โกหกไปเรื่อยจริงๆ
     “ไปเถอะ อยู่แบบนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน”
     “อืม...”

     “เออ สรุปว่าต้นยังไม่เลิกกับแฟน แค่อยากอยู่คนเดียวซักพัก”
     “มึงก็เชียร์กูเยอะๆ ดิ”
     “จะให้กูเชียร์ยังไงวะ ต้นยังรักแฟนมันอยู่”
     “ไม่รู้ แต่มึงต้องช่วยกู”
     “มึงก็ลุยเองดิ”
     “มึงไม่เข้าใจ ถ้ากูลุยเองเดี๋ยวต้นก็รำคาญกูอีก กูต้องถอยออกมาบ้าง ต้นจะได้ไม่อึดอัด”
     “กูไม่ชอบยุให้คนเลิกกัน มันบาปนะเว้ย!”
     “แล้วมึงอยากเห็นต้นร้องไห้แบบนี้เหรอวะ?”
     “ถ้าเขาดีกันเดี๋ยวต้นก็ยิ้มเองแหละ”
     “อ้าวสัสอาร์ม! แล้วเพื่อนมึงละวะ”
     “มึงก็เงี่ยนต่อไปไง! ไหนบอกกูว่าแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็พอ”
     “ก็โอกาสเสือกหล่นมาหน้ากูนี่หว่า ไม่ให้กูเสียบตอนนี้จะให้กูรอตอนไหน กูถามมึงหน่อยเหอะ ไอ้เหี้ยนั่นทำกับต้นสารพัด มึงว่าดีแล้วเหรอที่ต้นคบกับมันต่อ ถ้าเป็นกูๆ ไม่ทำให้ต้นร้องไห้แบบนั้นหรอก”
     “แต่มีผู้หญิงร้องไห้เพราะมึงเป็นร้อย”
     “ก็ผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่ต้น กูรักต้น กูไม่มีทางทำให้ต้นเสียใจหรอก”
     “มึงมันแค่ชอบความท้าทาย ถ้ามึงได้ต้นแล้วมึงก็เบื่อ”
     “กูเคยจะได้แล้วอาร์ม กูมีโอกาสทำหลายครั้ง แต่กูไม่ทำ กูไม่ได้อยากได้ตัวต้น กูอยากได้หัวใจ มึงคิดว่ากูรักต้นมากี่ปี มึงเคยเห็นกูจริงจังกับใครแบบนี้มาก่อนมั้ย ช่วยกู แล้วมึงคอยดูนะต้นจะไม่มีวันต้องร้องไห้เพราะกู”
     ผมสองจิตสองใจระหว่างการเลือกสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ควร แต่ไม่ว่าผมจะเลือกอะไร คนตัดสินใจก็คือต้น
     ผมไม่อยากเห็นต้นร้องไห้แบบนี้เลย ปวดใจชะมัด...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “วันนี้ลุงจะออกไปข้างนอกนะ”
     ผมหันไปมองคุณลุงที่เดินลงมาร่วมโต๊ะอาหารเช้าเป็นคนสุดท้ายของบ้าน คุณลุงถูกคุณปู่มองด้วยสายตาไม่พอใจ ส่วนป้าณีท่านไม่เคยพูดอะไรอยู่แล้ว
     “จะดีเหรอครับ เกิดความดันขึ้นอีก”
     “ให้อีไป ไม่ต้องไปสนใจอี ลื้อมีอั๊วะน้าอาตี๋เล็ก”
     เฮ้อ ... คุณปู่นี่ละก็
     “ไม่ถามอีก่อนล่ะว่าอีจะกลับมากินข้าวกับป๊ารึเปล่า เกิดพ่ออี เพื่อนอีจะชวนไปไหน”
     คุณลุงก็ชอบขัดท่านจริงๆ เล้ย ผมยิ้มเอาใจคุณปู่แล้วตอบท่านไปว่า
     “ผมว่าจะทำรายงานหน่อยนะครับ อาจจะกลับเย็น”
     “ลื้อเอาแต่ทำงานอ่า”
     “โธ่ป๊า! หลานมาค้างด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว นี่ถ้าอั๊วะไม่ป่วยอีก็ไม่มาหรอก เห็นความดีของอั๊วะรึยัง ฮ่าๆ”
     “ไม่ตลกนะครับคุณลุง เกิดขับรถอยู่แล้วความดันขึ้นละก็...”
     ป้าณีแอบส่งข่าวมาบอกว่าคุณลุงความดันขึ้นจนหมดสติแต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาลครับ ท่านอยากให้ผมมาช่วยปรามแกบ้างเพราะคุณลุงค่อนข้างเอ็นดูผม แต่คุณลุงกลับไม่ห่วงตัวเองเอาซะเลย
     “สบายๆ ลุงไม่เป็นอะไรแล้ว”
     “ฮึ! ปล่อยอีไป”
     คุณลุงนี่ดื้อจังเลยครับ คนเป็นความดันอันตรายจะตาย ถ้าเกิดไปหน้ามืดหมดสติที่ไหนจะทำยังไง รู้ทั้งรู้ว่าคุณปู่เป็นห่วงก็ยังจะแกล้งอีก ผมนั่งทานอาหารเช้าท่ามกลางสงครามของพ่อลูก
     จริงสิ! วันนี้แม็กซ์บอกว่าจะมาทานข้าวกลางวันกับผมนี่นา...
     การต้องรับมือกับปัญหาระหว่าคุณปู่และลุงไกรทำให้ผมลืมเรื่องร้ายๆ ไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง ผมพยายามทำตัวเองให้ยุ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น แต่พออยู่คนเดียวทีไรผมก็หวนนึกถึงมันทุกที ป่านบอกว่าผมฟุ้งซ่าน แถมผมยังต้องพยายามยิ้มต่อหน้าไปป์ แล้วก็ห้ามร้องไห้ต่อหน้าแม็กซ์ บางทีก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีข้อห้ามเยอะดีนะครับ
     ผมสวมบทบาทเป็นลูกที่ดี เป็นหลานกตัญญู เป็นเพื่อนที่น่ารัก เป็นที่พึ่งให้ไปป์ เป็นอะไรหลายๆ อย่าง ยกเว้น... เป็นเมียที่ดี ถ้าผมดีจริงอย่างที่ผมเคยเชื่อพี่ชัชคงไม่ทิ้งผมไปหรอก ผมไม่ใช่คู่รักที่ประเสริฐจนให้อภัยคนรักได้ทุกอย่าง แต่ผมรักพี่ชัช และผมก็รู้ดีว่าสุดท้ายความรักจะชนะทิฐิของผม เพียงแต่ผมขอเวลาทำใจซักพัก ทั้งทำใจให้ยอมอภัยให้พี่เขา และ... ทำใจเตรียมโดนทิ้ง
     ใครจะไปรู้ล่ะครับ ผมเคยเชื่อว่าพี่ชัชรักผมมาก พี่เขาจะไม่ทำให้ผมเสียใจเด็ดขาด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่แน่ใจอนาคต ผมอาจจะโดนบอกเลิกขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
     ความคิดด้านลบสุมอยู่เต็มหัวผมไปหมด แต่ผมก็ยังไปเรียน ใส่หน้ากากยิ้มแย้มคุยเรื่องตลกกับเพื่อนๆ พยายามทำตัวตามปกติ ยิ่งอยู่ต่อหน้าแม็กซ์ผมยิ่งต้องใส่หน้ากากใบที่หนาที่สุด ผมรู้ว่าแม็กซ์มีความหวัง แต่ผมไม่อยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม็กซ์มากไปกว่านี้ต่อให้ผมถูกทิ้งก็ตาม ผมรู้ดีว่ามันฟังดูงี่เง่า แต่ผมรักพี่ชัชและจะรักตลอดไป
     “ดีต้น”
     “อ้าวอาร์ม”
     พอผมเรียนเสร็จก็เจออาร์มมารออยู่หน้าตึก
     “แล้วแม็กซ์ล่ะ?”
     “อ๋อ มันติดธุระนิดหน่อยคงมาไม่ได้อ่ะ”
     “อ้าว?”
     “มันโดดประชุมไม่ได้น่ะต้น เลยให้เรามาแทน”
     ผมอยากบอกอาร์มว่าผมอยู่คนเดียวได้ เขาไม่จำเป็นต้องมาคอยดูแลผม แม็กซ์ชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย...
     “ไม่เป็นไรหรอก”
     “ไม่ต้องเกรงใจ เราว่างพอดี”
     “นายไม่ต้องตามเราขนาดนี้ก็ได้นะอาร์ม เราไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แม็กซ์เวอร์ไปเองแหละ”
     “เราเต็มใจ ไม่อยากให้ต้นอยู่คนเดียวอะ เดี๋ยวฟุ้งซ่านอีก ฮ่าๆ”
     “บ้า!”
     “ยิ้มได้ละนี่”
     อยู่กับอาร์ม ใครไม่ยิ้มก็บ้าแล้วครับ

     เราสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แล้วอาร์มก็เกิดอยากจะดูหนังขึ้นมาเลยชวนผมไปดูหนัง หนังรักที่อาร์มชวนไปดูนั้นน่าเบื่อสำหรับผม ผมเลยหลับเกือบทั้งเรื่อง แต่อาร์มไม่ถือสา เขายิ้มแล้วแซวผม
     “นึกว่าต้นจะอินจนร้องไห้ซะอีก”
     “เราไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้น นายตั้งใจทำอะไรกันแน่”
     มันแปลกตั้งแต่ชวนผมมาดูหนังเรื่องนี้แล้วครับ ปกติผู้ชายที่ไหนจะชวนกันมาดูหนังรัก ผมไม่รู้ว่าอาร์มคิดอะไรอยู่
     “ก็อยากดูหนัง ต้นไม่ชอบเหรอ”
     “อืม ... มั้ง เราไม่ค่อยสนใจหนังรักพวกนี้หรอก”
     “คล้ายๆ แม็กซ์เลยนะ แม็กซ์มันก็ไม่ชอบ เราว่าสนุกจะตาย ยิ่งฉากที่พระเอกโดนทิ้งอ่ะโคตรโดนเลย”
     “นายนี่ประหลาด มาดูอะไรพวกนี้ตอกย้ำตัวเองทำไม”
     “เขาไม่เรียกว่าตอกย้ำ อืม ไงดีล่ะ? พอมันอินแล้วมันก็สนุกขึ้นละมั้ง มีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง”
     อาร์มตอบแล้วมองผม สายตาของอาร์มทำให้ผมยอมแพ้ ผมไม่กล้าสบตากับเขาต่อ อาร์มก็เลยหัวเราะ
     “แม็กซ์มันเป็นพวกเชื่อมั่นใจตัวเองจนมันไม่สนใจอะไรพวกนี้ ต่อให้มีเพลงเพราะๆ ที่มันชอบ มันก็แค่ฟังว่าเพราะ แต่มันไม่อิน แล้วต้นล่ะเป็นแบบไหน?”
     “ไม่รู้สิ เราไม่ค่อยสนใจฟังเพลง”
     ผมโกหกผมรู้ตัวดี ผมมันพวกหนีปัญหา!
     “ฮะๆ เอาเถอะ แต่ในหนังก็มีคติสอนใจให้เก็บไปคิดได้นะ ต้นไม่ชอบเหรอ?”
     “สอนใจว่าอะไรล่ะ ชีวิตคนเรามันจะแฮปปี้เอ็นดิ้งได้เหมือนในหนังเหรออาร์ม ไม่ใช่นิยายนะจะได้จบแบบมีความสุขทุกครั้ง!”
     อาร์มมองหน้าผมแล้วพูดเสียงเรียบๆ สายตาของเขามองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนโยน
     “สุขได้สิถ้าเราทำให้มันมีความสุข”
     ภายใต้ประโยคเรียบๆ พวกนั้นผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ อาร์มผู้มองโลกในแง่ดี! พระอาทิตย์กำลังฉายแสงใส่ผม เหอะ!
     ผมยอมรับว่าผมโกรธ! อาร์มไม่เข้าใจผมแท้ๆ เขาไม่เข้าใจปัญหาด้วยซ้ำ! คนที่มองโลกในแง่ดีไม่เคยทุกข์ร้อนอะไรอย่างเขาจะมาเข้าใจอะไรผม!
     “คนอย่างนายเคยรักใครจริงๆ รึเปล่าอาร์ม? เวลาที่นายโดนทิ้งนายไม่เจ็บเหรอ? ใช่สินายหล่อ! นิสัยก็ดี ยังไงก็มีคนเข้ามาหานายเยอะอยู่แล้ว นายไม่แคร์หรอก ผู้หญิงคนนั้นทิ้งนายไปนายก็มีคนใหม่ แต่เราไม่ใช่! นายก็รู้ว่าเราเป็นอะไร เราชอบผู้ชาย เราไม่ได้ชอบเกย์! แล้วนายคิดว่าจะมีผู้ชายแท้ๆ กี่คนที่ยอมรับคนแบบเรา นายเข้าใจมั้ยว่าเรารักเขา เราต้องการเขาคนเดียวเราไม่สนใจคนอื่น ทั้งๆ ที่เราพยายามมาตลอด ทุ่มเททุกอย่าง แต่พี่เขากลับ... ฮึก!
     “ขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายร้องไห้”
     ผมอายคนอื่น ผมรู้ดีว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เรา ผมพยายามปาดน้ำตาตัวเองทิ้งพร้อมกับรับรู้ว่าแผลของตัวเองยังไม่ตกสะเก็ด มันยังเจ็บอยู่ทุกครั้งที่ถูกสะกิด
     “กลับกันเลยมั้ย?”
     “อือ”
     ผมทำทุกอย่างพังอีกแล้ว เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอแบบนี้ชะมัด!
     อาร์มเดินนำผมไปที่รถ ผมเดินตามอาร์ม
     “ขอโทษนะ”
     “ช่างเถอะ เราผิดเอง”
     แล้วอาร์มก็พาผมกลับบ้าน ตอนที่เราขับออกมาจากห้างได้ซักพักอาร์มก็หันมาถามผม
     “แฟนนายมีคนอื่นเหรอต้น?”
     “พอเถอะอาร์ม เราไม่อยากพูดอะไรตอนนี้”
     “เขาทิ้งนายไปมีคนอื่นเหรอนายถึงต้องกลับไปอยู่บ้านปู่ เขาไล่นายเหรอ?”
     น้ำเสียงของอาร์มเริ่มที่ขุ่นมัวบ่งบอกความห่วงใยที่เขามีให้ผม แต่เรื่องมันไม่ใช่แบบนั้น และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่อยากให้ใครมาว่าพี่ชัช
     “ถ้าเขาทำแบบนั้นเราคงทำใจได้ง่ายกว่านี้ แต่นายจะให้เราทำยังไง พี่เขาบอกว่าเขาแค่เผลอแต่เขารักเรามากและขอให้เรายกโทษให้ แล้วเราก็ต้องยอมหลับหูหลับตาให้อภัยเขาง่ายๆ หรือไง? นายบอกเราทีสิว่าเราควรจะทำยังไงมันถึงจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง เราไม่มีสิทธิ์เจ็บเหรออาร์ม?”
     พออาร์มได้ยินคำตอบของผมเขาก็เงียบไม่พูดอะไรอีก ผมไม่รู้ว่าอาร์มคิดอะไร เขาอาจจะรำคาญผมก็ได้ แต่ผมผิดเหรอที่ผมยึดมั่นกับความรักของผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
อาร์ม

     คำตอบของต้นทำให้ผมสงสาร ต้นสมควรเจอคนดีๆ คนที่จะรักและดูแลต้นได้ เพียงแต่ผมเริ่มลังเลว่าผมควรเชียร์ให้แม็กซ์เป็นคนๆ นั้นดีรึเปล่า?
     ผมรู้ว่าเพื่อนผมจะดูแลต้นได้เพราะเขาทำสิ่งนี้มาตลอดแม้แต่ตอนที่ต้นไม่รู้ตัว มันติดตรงที่ต้นกับแฟนยังรักกันดี แค่มีปัญหากันนิดหน่อย ถ้าผมเชียร์แม็กซ์มันก็เท่ากับว่าผมสนับสนุนให้เพื่อนแย่งแฟนชาวบ้าน แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่เหมาะสมจะดูแลต้นก็ตาม
     ผมยังจำได้ดีถึงวันที่ผมเห็นต้นกับแฟนตอนไปดูหนัง สีหน้าของต้นดูมีความสุขมาก แต่แล้วสภาพต้นตอนวันเกิดก็ทำให้ผมตกใจ นอกจากผมจะปากโป้งจนทำให้ต้นทะเลาะกับแม็กซ์แล้วต้นยังมีปัญหากับแฟนจนรถคว่ำ ผมบอกตัวเองว่าถ้าต้นเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเอง
     หลังจากนั้นผมพยายามดูแลต้นมาตลอด ชดเชยความผิดของตัวเอง ทำแทนส่วนของแม็กซ์ ไม่ว่าผมจะใกล้ชิดกับต้นเพราะอะไร มิตรภาพของพวกเราที่เกิดขึ้นตลอดสองปีนี้ก็เป็นเรื่องจริง ตอนนี้ต้นคือเพื่อนคนสำคัญของผม
     ต้นไม่ใช่พวกอ่อนไหวง่าย แต่จิตใจของต้นไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ต้นพยายามแสดงออก ชีวิตของต้นน่าสงสารและต้นก็รับมือกับปัญหาได้ห่วยแตก ผมเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ และการได้อยู่ข้างๆ ต้นทำให้ผมเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมใครต่อใครถึงรักต้น เพื่อนผมเป็นคนดี ต้นน่ารักมากๆ ไม่ว่าใครก็อยากมีแฟนน่ารักๆ แบบต้นอยู่เคียงข้างกัน
     แล้วมันยุติธรรมเหรอที่ต้นจะมีแฟนแบบนั้น?
     ผมถามตัวเองเป็นร้อยๆ รอบระหว่างขับรถไปส่งต้น จนในที่สุดผมก็ได้คำตอบ แฟนของต้นเป็นคนเฉลยด้วยตัวเอง

     ต้นดึงแขนผมแน่น เสียงของต้นสั่น เพื่อนผมน้ำตาไหล
     “อาร์ม เราลืมซื้อของเข้าบ้าน พาเราไปที”
     ผมตัดสินใจแล้ว แฟนของต้นจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่คนที่ทำให้ต้นร้องไห้แบบนี้!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมตั้งใจมาง้อเมียแต่ใครจะไปคิดต้นมันเสน่ห์แรงดีแท้ มีผู้ชายมาติดพันมันเยอะจริงๆ มันยอมให้เพื่อนคนอื่นมาส่งถึงบ้านปู่มัน แถมยังดูท่าทางมาหลายครั้งแล้วด้วย ต่อให้มันเลิกกับผมไปมันก็ยังมีตัวเลือกอีกเพียบ!

     ผมบากหน้ามาง้อเมีย ไอ้ต้นหนีผมมานอนบ้านปู่มันเป็นอาทิตย์แล้วครับ นานเกินไปแล้ว ผมอยากให้มันหายงอนซักที โชคดีที่ไม่มีใครอยู่นอกจากแม่บ้านผมเลยไม่ต้องโดนปู่มันค่อนขอดเอาอีก
     ผมนั่งรอมันในบ้านอยู่นาน แต่มันก็ยังไม่มา ปกติวันนี้มันเรียนครึ่งวันนี่ครับ? ป้าแม่บ้านแกก็ดี๊ดีมาช่วยบิ๊วผมว่าเมียผมอยู่ติวที่มหาลัยกลับดึกทุกวัน มันจะติวอะไรอีก? สอบก็สอบเสร็จแล้ว ไหนมันบอกว่าลุงมันไม่สบาย แต่นี่อะไร? ลุงมันก็ไม่อยู่ ไอ้ต้นโกหกเป็นไฟ ถ้าลุงมันหายดีแล้วทำไมมันไม่กลับไปหาผม? มันจะหนีผมอีกนานเท่าไหร่?
     ผมนั่งรออยู่นานจนทนไม่ไหวเลยขอตัวกลับ ไม่ใช่อะไรครับแต่ผมต้องเตรียมตัวไปต่างจังหวัดพรุ่งนี้ ผมยังไม่ได้จัดกระเป๋าเสื้อผ้าเลย ต้องรีบกลับไปเอาผ้าที่ร้านซักรีดก่อนร้านปิดด้วย พอต้นไม่อยู่แล้วโคตรลำบากเลยครับ ผมกะจะรีบกลับหนีเวลาคนเลิกงาน แต่พอเดินออกมาเท่านั้นแหละ เมียผมเดินลงมาจากรถคนอื่น เห็นแล้วโคตรเคืองครับ นี่มันยังมีคนจ้องจะตีท้ายครัวผมอีกกี่คนวะ!
     “พี่ชัช!”
     ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยครับเมียพี่ ทำเหมือนไม่อยากเจอ
     “เพื่อนเหรอต้น”
     “ครับ”
     “ไปไงมาไงถึงมาส่งกันได้ล่ะ”
     “เอ่อ... ผมชวนต้นไปดูหนังมาครับ”
     “เหรอ...”
     เมียผมมีอารมณ์ไปดูหนังกับผู้ชายตัวอื่นด้วย หึๆ
     “ไปดูเรื่องอะไรมาล่ะ สนุกมั้ยครับ”
     “เรื่อ-”
     “พอเถอะอาร์ม!”
     “ทำไมล่ะต้น พี่ก็อยากรู้ว่าเราไปดูเรื่องไรมา อีกหน่อยพี่จะได้ไม่เช่ามาดูซ้ำ เราจะได้ไม่เบื่อพี่”
     ผมยอมรับว่าผมหึง และผมก็กำลังพาล ต้นมันเม้มปากท่าทางโกรธจัดปนจะร้องไห้แล้วตอกกลับ
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทีผมยังต้องใช้ของซ้ำกับคนอื่นเลย!”
     “เบื่อใช้ของซ้ำก็เลยสรรหาแต่ของใหม่ๆ เหรอต้น คนเก่าไปไหนซะล่ะ? ไอ้เราก็อุตส่ามาง้อเมีย แต่ต้นดูเพลิดเพลินดีนี่ มีคนมาส่งไม่ซ้ำหน้า!”
     “พี่ชัชพูดอะไร!”
     “ถ้าต้นจะมีคนอื่นก็ช่วยบอกเลิกพี่มาตรงๆ อย่าหนีพี่มาเงียบๆ แบบนี้ เลิกกับพี่ให้เคลียร์ๆ แล้วจะไปแจกบัตรคิวที่ไหนก็ไป!”
     ความหึงมันบังตาผม แต่ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองทำพัง นาทีนี้ต้นเดินกับผู้ชายคนไหนผมก็หึงทั้งนั้นแหละ
     “ถ้าพี่ชัชคิดว่าผมแรดขนาดนั้นก็ตามสบายครับ”
     มันท้าทายผม! ไอ้...
     ผมต้องตั้งสติห้ามตัวเองไม่ให้ไปกระชากตัวมันมาลงโทษ! ผมจ้องใบหน้าอวดดีนั่น ต้นมันน้ำตาไหลทั้งๆ ที่ท้าทายผม ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันมั่วซั่วจนผมทำตัวไม่ถูก เหตุการณ์ในอดีตฉายซ้ำ! ผมไม่ควรทำแบบนี้!
     พอคิดได้มันก็สายไปแล้ว ผมยืนนิ่งด้วยความรู้สึกผิด ไอ้ต้นยืนน้ำตาไหลจ้องมองผมอย่างเกลียดชัง ผมทำพังอีกแล้วแม่งเอ้ย!
     “พี่... พี่กลับก่อนละกัน”
     ผมไม่ควรไปลงกับต้น ผมทำเหี้ยอะไรลงไปวะ! ผมเกลียดตัวเองชะมัด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “อาร์ม เราลืมซื้อของเข้าบ้าน พาเราไปที”
     ผมอยากจะหนี อยากไปไหนก็ได้ ขอแค่ไปให้พ้นๆ จากที่ตรงนี้! ที่ๆ ไม่เสี่ยงให้ใครมาเห็นน้ำตาของผม!

     พี่ชัชทำแบบนี้กับผมอีกแล้ว การถูกคนอื่นด่าว่าผมอ่อยไปทั่วมันเจ็บก็จริง แต่ระดับความเจ็บปวดมันน้อยกว่าการถูกแฟนตัวเองหาว่าแรดลิบลับเลยครับ
     ผมรู้ดีว่าแฟนผมเป็นคนขี้โมโห แถมยังเป็นพวกขี้หึง แต่พี่ชัชพูดเหมือนไม่รู้จักผม พูดมาได้ยังไงว่าผมมีคนอื่น ตัวเองนั่นแหละที่ทำ!
     เหมือนฟางเส้นสุดท้ายมันขาด ผมรักผู้ชายคนนี้ได้ยังไง! ผมจะทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวคนนี้ไปเพื่ออะไร! ผมจะเอาความรักความซื่อสัตย์ที่ผมมีไปทุ่มเทให้คนเห็นแก่ตัวแบบพี่ชัชทำไม!
     “ต้น อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?”
     เสียงทักของอาร์มทำให้ผมเลิกวุ่นวายกับความคิดแย่ๆ ในหัวตัวเอง เรากลับมาอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยรถติดอีกครั้ง ผมลืมขอบคุณอาร์มที่อยู่เป็นเพื่อน
     “ไม่รู้สิ ... ขอโทษนะอาร์ม ทำให้นายลำบากอีกจนได้”
     ผมรู้แค่ว่ายังไม่อยากเข้าบ้าน ไม่อยากให้ใครเห็นสภาพผม แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนหรือไปทำอะไรต่อ
     “เฮ้ยช่างเถอะ! เพื่อนกัน แค่นี้เล็กน้อย”
     “ขอบคุณนายมาก ขอบคุณจริงๆ”
     “แฟนต้นขี้หึงเป็นบ้าเลย!”
     “หึๆ เหรอ? นั่นสินะ เค้าว่าผู้ชายเจ้าชู้มักขี้หึง คงจะจริง...”
     “ไม่มีเหตุผลเลยอ่ะ น่ากลัวชะมัด! นึกว่าจะโดนต่อยแล้ว”
     ถ้าอาร์มรู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับผมอาร์มจะทำหน้ายังไงนะ ผมไม่กล้าบอกอาร์มจริงๆ
     “ที่ผ่านมาแม็กซ์มัน...”
     “เรื่องเรากับแม็กซ์น่ะเหรอ ช่างเถอะ ตอนนี้อะไรมันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ นายก็ได้ยินกับหูนี่อาร์ม พอเลิกกันเราก็ไม่ต้องกลัวใครจะหึงเราแล้ว ฮ่ะๆ”
     “ต้น... ถ้านายอยากร้องจะร้องออกมาก็ได้นะ”
     “เราไม่เป็นไรอาร์ม”
     ผมไม่กล้าหันไปสบตาอาร์ม ผมกลัวตัวเองจะคุมคลื่นอารมณ์พวกนี้ไม่อยู่ แต่แล้วก็มีสัมผัสเบาๆ ที่ไหล่สองสามที อาร์มตบไหล่ผม เขาพูดกับผมว่า
     “ระบายออกมามั่งก็ได้ เก็บกักไว้มากไปต้นจะแย่นะ”
     แต่ผมใช้การเงียบแทนคำตอบ ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพทุเรศๆ ของตัวเอง ผมนั่งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ให้อาร์มเป็นคนตัดสินใจ ผมแค่ยังไม่อยากกลับบ้าน อาร์มเปิดเพลงฟัง เราสองคนนั่งมองรถราบนถนน จนกระทั่ง...
     “ต้น ไปหาห้องซ้อมเล่นกันป่ะ? ไปซ้อมดนตรีกัน คลายเครียด”
     “ซ้อม?”
     “อืม ไปเล่นดนตรี ร้องเพลง เอาให้มันสุดๆ ไปเลย ไปป่ะ”
     “สองคนเนี่ยนะ? แม็กซ์ไม่ว่างไม่ใช่เหรอ?”
     มาไม้ไหนนี่? บางทีผมก็ตามอาร์มไม่ทันจริงๆ
     “เดี๋ยวโทรเรียกเพื่อนให้ก็ได้ เอาป่ะ จะได้ระบายออกมามั่ง นายร้องได้นี่ ร้อง กีต้าร์ กลอง แค่นี้ก็พอแล้ว”
     ผมไม่เข้าใจก็เลยเงียบแล้วมองอาร์มเพื่อรอดูว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
     “บางทีเจอเรื่องแย่ๆ ก็ไปทำตัวบ้าๆ มั่งก็สนุกดีนะ ซ้อมดนตรีแหกปากดังๆ มันก็ผ่อนคลายดี ต้นต้องเอามันออกมาบ้างนะรู้เปล่า นายเก็บเอาไว้เยอะเกินไปแล้ว”
     “แหกปากเนี่ยนะช่วยได้?”
     ผมร้องไห้ไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว น้ำตาผมไหลอย่างกับก็อกรั่ว!
     “อื้ม เหมือนพระเอกมิวสิคไง อย่างน้อยๆ ก็สร้างสรรคกว่าต่อยกำแพงป่ะ?”
     เพราะคนข้างๆ ผมตอนนี้เป็นอาร์ม ผมถึงยิ้มได้ แม็กซ์คอยเป็นห่วงผมอยู่เสมอ แต่บางครั้งอาร์มทำให้ผมสบายใจมากกว่าจริงๆ
     “แล้วแต่นายสิ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อาร์ม..... โอ๋เยอะไปนิดป่าว? แล้วมาดูกันว่าหนุ่มอาร์มจะทำอะไรอีก...
ไม่มีเรื่องไม่ใส่ตัวละครเข้ามาเด็ดขาด ไม่แน่นะ ตัวละครที่ทุกคนลืมไปแล้วอาจจะกลับมามีบทบาทสำคัญก็ได้ หึๆ  o18

จบตอนที่ 19 จ้า เจอกันตอนที่ 20 จะพยายามอัดให้ทันวันศุกร์ ประมาณศุกร์เสาร์จะได้อัพตอนใหม่พร้อมกับในเด็กดี เหอะๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เรื่องเลวร้ายที่เกิด

ต้นน้ำ

     “ต้น หมอนั่นมารอนายอีกแล้ว”
     ไปป์เดินมาบอกผมด้วยท่าทางซึมๆ แววตาของไปป์แห้งแล้วยิ่งกว่าคนอกหักแบบผมซะอีก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไปป์ พักนี้ไปป์ไม่ค่อยยิ้มแย้มเลยครับ ลูกหมาน้อยที่แสนร่าเริงของผมหายไปเลยขาดตัวกวนประจำกลุ่ม
     “ขอบใจที่มาบอกนะ”
     ผมยิ้มให้ไปป์แต่ไปป์ไม่ยอมยิ้มกลับ เขานั่งลงข้างๆ แล้วก็เอาหัวตัวเองมาพิงไหล่ผม เฮ้อ... ไปป์อ้อนผมหยั่งกับเด็กทารกเลยครับ แต่ผมต้องเร่งมือให้เร็วขึ้นซะแล้วสิ อาร์มมารอแล้ว
     “ทำไมพักนี้ต้นไปกับหมอนั่นทุกวันเลยอ่ะ”
     “ก็ไปเล่นดนตรีน่ะ”
     “จะดีเหรอต้น ที่ๆ นายจะไปน่ะ?”
     ภาพของร้านอาหารกึ่งผับที่มีวงดนตรีเล่นสดโชว์ปรากฏขึ้นในหัวผม ไม่หรอกน่า... ไปป์จะรู้ได้ยังไง แล้วอีกอย่างผมก็แค่ไปเล่นดนตรี รุ่นพี่ที่อาร์มรู้จักเขาชวนพวกผมไปเล่นแก้ขัดเพราะสมาชิกในวงบางคนติดธุระกะทันหัน ร้านนี้เป็นร้านหุ้นกันกับเพื่อน วงที่เล่นโชว์ช่วงหัวค่ำเลยเป็นคนกันเองไม่ได้จ้าง อาศัยดึงๆ คนรู้จักมาช่วยกันโชว์แขกก่อนจะมีดีเจเปิดเพลงตอนช่วงดึกให้แขกฟังเป็นเรื่องเป็นราว ผมไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีนี่ ใช่มั้ย?
     ผมยิ้ม ผมหันไปยิ้มให้ไปป์ ผมพยายามยิ้ม แต่ไปป์ไม่ยิ้มตามผมซักที
     “นายไม่ได้ประชดตัวเองอยู่ใช่มั้ยต้น”
     “เราแค่ไปเล่นดนตรีนะไปป์ แล้วเราก็ไปกับอาร์มด้วย มันไม่มีอะไรเสียหายนี่ ก็... หาอะไรที่ชอบทำไง”
     “นายโอเคจริงๆ นะต้น”
     ผมโอเคมั้ยนะเหรอ? นั่นสิผมยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าผมโอเครึเปล่า? ผมรู้แต่ว่าผมเจ็บจนชินแล้วครับ ความด้านชาที่เกิดขึ้นทำให้ผมตัดสินใจว่าถ้าพี่ชัชกลับมาแล้วผมจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ผมรักพี่เขาแต่ผมจะไม่ทนให้พี่เขาเผลออีกเป็นอันขาด และถ้าพี่เขาไม่เชื่อใจผมเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ผมถูกข่มขืนเพราะความหึงหวงมาสองครั้งแล้ว และมันจะต้องไม่มีครั้งที่สาม!
     “ก็โอเคเท่าที่ทำได้แหละ แต่ก็โออยู่นะ เรารู้สึกดีขึ้นตั้งเยอะ”
     ผมพยายามยิ้มให้ไปป์เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไม่อยากให้ไปป์เป็นห่วง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมสัมผัสได้ว่าไปป์รักผมมาก ไปป์เป็นห่วงผมแต่การแสดงออกของเขากลับทำเหมือนเด็กๆ ไปป์ติดผมมาก แต่เขาไม่ได้หึงหวงผมเหมือนที่แม็กซ์เคยทำ
     “เราโอเคน่ะไปป์”
     ผมสำทับไปอีกครั้งเพื่อให้ไปป์เชื่อ แต่เขากลับพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ
     “ต้น นายรักเรารึเปล่า?”
     “อะอะไรนะ?!?”
     “นายรักเรารึเปล่า”
     ผมตกใจหมด! จู่ๆ ไปป์ก็ถามอะไรแปลกๆ แต่พอสบสายตาจริงจังของไปป์แล้วผมพูดอะไรไม่ออก ผมเห็นแววตาของเด็กที่ถูกทิ้ง เด็กที่รอใครซักคนมารัก แววตาของไปป์ทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยก่อนที่ต้องรอแม่อยู่ในห้องคนเดียวทุกวัน ตอนนั้นผมก็ชอบถามคุณแม่และลุงพลบ่อยๆ ว่าพวกท่านรักผมรึเปล่า โดยเฉพาะลุงพลที่นานๆ ทีถึงจะมาเยี่ยมผม ผมบอกรักท่านแล้วก็ชอบฟังท่านพูดว่ารักผมมาก
     “บ้า! ถามอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ไปป์”
     ผมงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ไปป์เป็นบ้าอะไร? เขาทำให้ผมกลัวแล้วนะครับ แต่สายตาของไปป์จริงจังจนผมไม่กล้าทำเป็นเล่น
     “ก็ต้องรักสิ เพื่อนกันนี่”
     “เรารักนายมากนะต้น รักมาก... ต่อให้ไม่มีใครแต่นายห้ามลืมนะว่านายยังมีเรา”
     ไปป์ไม่ได้อยากได้ตัวผมแต่ความรักของไปป์เป็นของจริง ทั้งๆ ที่ผมเป็นเพื่อนที่แย่แต่ไปป์ก็ยังรักเพื่อนแย่ๆ คนนี้ ผมดีใจมากที่รู้ว่ายังมีความรักบริสุทธิ์อยู่บนโลก แววตาของไปป์ทำให้ผมรู้สึกว่าคนๆ นี้รักผมจริงๆ แต่เขาไม่ใช่คนที่ผมรัก แล้วเราก็ไม่ใช่คนรักกันด้วย เราเป็นเพื่อนกัน
     “อย่ามาพูดอะไรแบบนี้สิไปป์ เราอุตส่าห์ทำใจได้แล้วนะ”
     ผมซึ้งจนน้ำตาคลอเลยครับ น่าอายจัง   
     “ก็เรากลัวนี่ต้น เรารักนายจริงๆ นะ เราเป็นห่วงนาย”
     ลูกหมาน้อยของผมน่ารักที่สุด ผมโชคดีจังที่ได้เป็นเพื่อนกับไปป์
     “รู้แล้ว ขอบคุณนะ”
     ปกติมีแต่ไปป์ที่เป็นฝ่ายกอดผมแต่คราวนี้ไปป์ทำให้ผมอยากกอดเขา เฮ้อ ลูกหมาน้อยขี้อ้อนของผม!
     “นายเป็นเพื่อนที่เราสนิทที่สุดในนี้เลย เรารักนายนะไปป์”
     ผมกอดไปป์ด้วยความรู้สึกดีๆ แต่ไปป์ไม่ได้กอดผมตอบ เขากำเสื้อผมไว้แน่น!
     “สัญญานะต้น อย่าทำ!”
     ผมไม่เอะใจท่าทีที่แปลกไปของไปป์ตลอดช่วงที่ผ่านมา ผมไม่เคยถามป่านว่าทำไมป่านถึงบอกว่าไปป์พิเศษ ผมไม่เคยฉุกคิดเลยด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรผู้ชายแท้ๆ อายุเกือบยี่สิบคนนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนเด็กแถมยังติดผมแจ ผมไม่เคยใส่ใจเรื่องของคนที่ผมคิดว่าสนิท... ผมละเลยไปป์ และที่สำคัญผมผิดสัญญา!

     ก็ใครจะไปคิดล่ะครับว่าแค่ไปเล่นดนตรีก็เกิดเรื่องได้ หรือผมจะถูกสาป? เหมือนที่เพื่อนคุณปู่เคยอุทานว่าโหวงเฮ้งผมไม่ดีจะมีภัยเพราะความงามของตัวเอง ใครมันจะเชื่อละครับ ผมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ผมเลยไม่ใส่ใจ แต่ถ้าไปถามน้าอัฐ เขาคงบอกผมว่า “กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง” ผมเลยได้รับผลจากการกระทำของตัวเองมั้งครับ
     แต่บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าชีวิตของผมเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมให้ใครหรือเปล่า? เรื่องเลวร้ายถึงได้เกิดกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     “ต้นก็ท่าทางดีขึ้นนะ แต่กูไม่รู้ว่าตกลงมันจะเอายังไง”
     “มึงก็ถามดิวะ”
     ถ้าผมถามแล้วต้นยอมตอบก็ดีสิ
     “พูดเหมือนไม่รู้จักต้น”
     “เออน่ะ มึงมีหน้าที่สืบให้กู ตกลงต้นจะเลิกกับแฟนมันรึเปล่า”
     “เขาอาจจะไม่เลิกกันก็ได้ ต้นมันรักแฟนจะตาย”
     “มึงก็บิ๊วช่วยกูไง”
     “ให้กูช่วยยังไงวะ เรื่องหัวใจบังคับกันได้ที่ไหน”
     “เออน่า เชียร์กูไม่ได้กันคนอื่นให้กูก็ยังดี”
     “มึงยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ”
     “ยังเลยว่ะ นอกจากเรื่องยุ่งๆ ในมหาลัยแล้วยังมีธุระแม่กูอีก บังคับกูออกงานติดๆ กันเลย”
     “แล้วเรื่องพ่อแม่มึงล่ะ กูไม่อยากเห็นต้นเจ็บ”
     “กูว่าพ่อกูไม่รังเกียจต้นนะ กูเคยพามาเจอที่บ้านหนนึง พ่อกูคงรู้แหละ ปกติกูไม่เคยพาใครเข้าบ้าน”
     “มึงไม่ได้บอกพ่อมึงว่าต้นเป็นอะไร”
     “เออน่ะกูรู้ เรื่องบ้านกูอ่ะเรื่องเล็ก กูจัดการได้”
     “แล้วถ้ามึงจัดการไม่ได้ล่ะ ต้นเจ็บนะเว้ย”
     “แม่ง! ทำไมต้นต้องเป็นผู้ชายด้วยวะ ถ้าเป็นผู้หญิงไม่ยุ่งยากงี้หรอก กูปล้ำให้ท้องแม่ง แล้วดูดิจะหนีกูได้มั้ย”
     “มึงอย่าพูดให้ต้นได้ยินเชียวนะ!”
     “เออๆ กูรู้น่ะ กูก็บ่นไปงั้น เอ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะมึงกูต้องวางแล้ว”
     “เออๆ”
     “เออ”
     แม็กซ์มันวางสายไปแล้ว เหลือแต่ผมนี่ล่ะต้องนั่งกลุ้มต่อ สองวันก่อนผมพาต้นไปซ้อมดนตรีแล้วบังเอิญเจอกับรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เขาชวนผมไปช่วยเล่นดนตรีให้ที่ร้าน ผมรับปากแล้วชวนต้นไปด้วยกันเพราะอยากให้ต้นผ่อนคลาย ผมนึกไม่ถึงว่าพี่เขาจะจีบต้น ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่เขาเป็นไบ และท่าทางต้นไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนเล็งอยู่ด้วย ผมไม่อยากให้ต้นมาด้วยกันแต่ดันไปรับปากเขาไว้แล้ว นี่ถ้าแม็กซ์มันรู้นะผมตายแน่!

     “รอนานมั้ยอาร์ม?”
     ต้นมาถึงก็ยิ้มให้ผม เฮ้อ... เพราะรอยยิ้มแบบนี้แหละ คนอื่นเขาถึงหัวใจกระตุกมานักต่อนัก เวลาต้นยิ้มน่ารักจริงๆ น้า
     “ไม่หรอก ความจริงต้นไม่ต้องไปกับเราก็ได้นะ”
     “ได้ไง? ก็พวกเรารับปากพี่เขาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”
     ก็ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าพี่เขาเล็งนายอะดิ
     “เล่นดนตรีในร้านดึกอ่ะ เดี๋ยวที่บ้านต้นจะว่าเปล่าๆ เมื่อคืนก็กลับดึก”
     “ไม่เป็นไรหรอก เราขออนุญาตคุณปู่ไว้แล้ว นานๆ ทีได้ไปทำอะไรแบบนั้นก็สนุกดีนะ จริงอย่างที่นายว่า โล่งขึ้นเยอะเลย”
     เพราะท่าทางแบบนี้รึเปล่าน้าพี่บอมถึงได้ชอบต้น ต้นดีกับทุกคนไม่เคยปฏิเสธใคร จนกว่าจะจวนตัวจริงๆ ต้นถึงร้ายใส่ เพราะไอ้ท่าทางแบบนี้แหละคนอื่นเขาถึงเข้าใจผิดคิดว่าเล่นด้วย
     “อาร์ม? ฟังอยู่รึเปล่า?”
     “หา? ต้นว่าอะไรนะ?”
     “เราถามว่าเพลงที่จะเล่นเหมือนเมื่อคืนรึเปล่า?”
     “อืม ก็คงเหมือนเดิมแหละ แล้วแต่พวกพี่เค้า”
     ช่างมันละกัน สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้แค่ต้นยิ้มได้ก็พอแล้ว
     “ไปกันเถอะ ต้องไปตั้งสายกีตาร์อีกอ่ะ เมื่อวานรู้สึกเพี้ยนๆ ไงไม่รู้ เล่นไปอายไป”
     “สนุกเหรอ?”
     ต้นหันมามองผม รอยยิ้มของต้นหายไปครู่หนึ่ง เพื่อนของผมสูดลมหายใจเข้าก่อนจะฝืนยิ้มออกมาแล้วระบายให้ผมฟัง แต่สายตาของต้นทำให้ผมรู้ว่าต้นไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่พยายามทำ
     “สนุกสิ เราไม่ได้ปลดปล่อยอะไรแบบนี้ตั้งนานแล้ว ทำแต่งานบ้านทุกวัน พอว่างก็ต้องท่องหนังสือ ... เบื่อจะตาย พึ่งนึกได้มั้งว่าเอาเวลาในชีวิตการเป็นวัยรุ่นของตัวเองไปทุ่มเทกับเรื่องไร้สาระมาตั้งนาน รู้งี้น่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆ พูดแล้วก็เสียดายเนอะ ช่วงนี้แม็กซ์ยุ่งๆ”               
     “พูดเหมือนจะเลิกกันแบบนั้นแหละ”
     “วันนั้นนายก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ”
     “แล้วต้นอยากเลิกกับแฟนรึเปล่า?”
     ต้นหันมายิ้มแบบคนที่ทำใจได้แล้วตอบผมว่า
     “จะยังไงซักวันมันก็ต้องมาถึงแหละอาร์ม ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมันไม่มีวันยาวนานหรอก เรา... จะพยายามมีความสุขกับมันเท่าที่เราทำได้นะ”
     “เฮ่ย! อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นดิ”
     ใช่ว่าผมไม่เชียร์เพื่อนนะ แต่พอเห็นต้นทำหน้าเศร้าแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ดีอ่ะ ผมอยากให้ต้นสมหวังไม่เกี่ยงว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร ขอแค่เขาทำให้ต้นยิ้มได้ก็พอ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บอม

     ต้นมีปัญหากับแฟน แต่แหล่งข่าวยังไม่ยืนยันว่าเลิกกันแล้วหรือยัง ช่วงนี้อาร์มตามติดต้นเป็นเงาตามตัว ส่วนต้นก็ทำนิสัยเดิมๆ หนีจากทุกคนไม่ยอมปริปากบอกอะไรใครแกล้งทำตัวเป็นปกติต่อหน้าคนอื่น แต่ต้นตบตาผมไม่ได้ สะใจผมจริงๆ ผมรอเวลานี้มานานแล้ว หึๆ
     “พี่บอม!”
     “ไงต้น”
     ต้นมีสีหน้าตกตะลึงเพราะเจอผมที่ร้าน ผมชอบสีหน้าแบบนี้จริงๆ สะใจกูจริงๆ เว้ย ฮ่าๆ
     “เอ่อ... สวัสดีครับ”
     “มาเที่ยวเหรอ”
     “ผม...”
     “ต้นมากับผมเองพี่ พี่วุธเขาขาดคนเลยให้ผมมาช่วย”
     ขัดคอผมจริงๆ มันตามติดต้นไม่เปิดโอกาสให้ผมเลย มึงขวางกูได้อีกไม่นานหรอก!
     “พี่ไม่แปลกใจเราหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าต้นจะมาที่แบบนี้เป็นด้วย”
     “แล้วทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะครับ ก็มาช่วยพี่เขาเล่นดนตรีแค่นั้นเอง”
     เชิดหน้าหยิ่งได้อีกไม่นานหรอกต้น หึๆ
     “เปล่า พี่ก็นึกว่าเราหัดเที่ยวเพราะอกหักทำนองนั้น ฮ่าๆ”
     “พอดีพักนี้ผมว่างครับ ก็เลยมาช่วย ผมมาเล่นดนตรีไม่ได้มาเที่ยว”
     หึๆ ปากเก่งให้ได้ตลอดนะ ฮ่าๆ
     “ต้น ไปได้แล้ว จะถึงคิวละ ขอตัวก่อนนะพี่”
     ไอ้อาร์มกันท่าผมอีกแล้ว มันพาต้นไปเตรียมตัว ช่างมัน ผมยังไม่ลงมือตอนนี้หรอก แค่เห็นต้นหน้าซีดมองผมด้วยสายตาหวาดระแวงก็สะใจแล้ว หึๆ

     ผมไม่เคยเห็นต้นเล่นดนตรีบนเวทีมาก่อน ต้นทำให้ผมทึ่ง! ฝีมือของต้นคือของจริง เผลอๆ เก่งกว่าผมอีก ต้นเล่นเข้าขากับนักดนตรีคนอื่นได้อย่างลงตัว มีการเล่นกับคนดู ท่าทางของต้นไม่มีคำว่าตื่นเวทีแม้แต่น้อย  แต่สำเนียงกีตาร์ของต้นทำให้ผมนึกถึงใครอีกคน ถึงลีลาจะไม่พลิ้วเท่าไอ้ขี้เก็กนั่นแต่ฝีมือก็ไม่แพ้กัน
     ผมเห็นแล้วยิ่งแค้น ถ้าต้นเปิดใจยอมรับคนอื่นได้แล้วทำไมต้นถึงไม่เปิดใจให้ผมบ้าง! ไอ้ขี้เก็กนั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อต้นว่าผมเลวผมก็จะเลวให้สะใจ อีกไม่นานต้นต้องยอมสยบให้ผม!
     “ไงบอม”
     “อ้าวพี่วุธ หวัดดีพี่”
     ผมทักทายพี่วุธไปงั้น ผมรู้ว่าแกเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ พี่วุธเป็นรุ่นพี่ในคณะแต่เป็นเด็กป.โท แต่ผมไม่กินเส้นกับพี่แกเท่าไหร่ นี่ถ้าต้นไม่มาเล่นดนตรีที่นี่ผมไม่มาเหยียบร้านนี้หรอก! เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้เพราะผมรู้ว่าแกเป็นแบบเดียวกับผม
     “มองตาไม่กระพริบเชียวนะ หึๆ”
     คำพูดของแกทำให้ผมรู้ตัวว่ามีคู่แข่ง ผมน่าจะเอะใจแต่แรกว่าทำไมต้นถึงมาเล่นดนตรีที่นี่
     “อะไรที่มันน่ามองผมก็มองแหละพี่”
     “ท่าทางเล่นด้วยยากนะ”
     “พี่จะแข่งกับผมเหรอ?”
     “พี่จะให้ความช่วยเหลือต่างหาก เด็กคนนี้แค่มอมเหล้าไม่พอหรอก แล้วพี่ว่าเขาไม่อยากดื่มกับบอมด้วย”
     “หมายความว่าไง?”
     “ทำไมเราไม่ร่วมมือกันล่ะ พี่เสียสละให้นายเปิดก่อนก็ได้”
     สัส! เชิญมึงไปสวิงให้เอดส์แดกคนเดียวเหอะ
     “ทำไมผมต้องแบ่งพี่? ในเมื่อผมครอบครองคนเดียวได้”
     “อย่างกน่าบอม หรือนายจะจริงจัง? เห็นกันอยู่ว่าเด็กมันไม่เล่นกับนาย ไหนจะยังเจ้าอาร์มอีก กันท่าน่าดู”
     “ผมจัดการได้”
     “จัดการยังไง? ด้วยการเรียกแฟนเก่ามันมาช่วยเหรอ? อาร์มมันไม่โง่หรอกนะ พักเดียวมันก็ต้องกลับมาหาเพื่อนมัน ระยะเวลาแค่นั้นนายจะกล่อมเด็กคนนี้ยังไง เหล้าขวดนึงยังเอาไม่อยู่เลย”
     ใช่ว่าผมไม่คิดถึงปัญหานี้ ผมคิด แต่ผมรู้สึกว่าถ้าไม่มีอาร์มทุกอย่างจะง่ายขึ้น ผมไม่คิดว่าต้นจะยอมไปกับผมง่ายๆ หรอกแต่ผมตั้งใจจะใช้ทิฐิของต้นให้เป็นประโยชน์ แต่ถ้าเหล้าขวดนึงยังเอาไม่อยู่ผมก็คิดหนักละ
     “แปลว่าพี่ลองแล้ว?”
     “ก็เจอสายแข็ง เลยต้องหาตัวช่วย”
     พี่วุธล้วงถุงที่มีเกล็ดสีขาวขึ้นมาโชว์ มันจะมอมยาต้น!
     “พี่จะสนุกคนเดียวก็ได้ แต่เห็นแก่นายที่ได้ข่าวว่าตามจีบมานาน เลยอยากชวนมาร่วมมือกัน”
     ผมรู้ดีว่าพี่วุธอันตราย ผมก็แค่พวกรักสนุก แต่พี่วุธเป็นพวกมั่ว บ้าสวิงกิ้ง ผมเคยได้ข่าวว่าพี่แกชอบอัดคลิปแล้วปล่อยลงเว็บหาเงิน เป็นคราวซวยของต้นแล้ว นอกจากจะได้เป็นดาราคลิปหลุดแล้วเผลอๆ อาจได้ผัวเป็นกลุ่ม ผมอดสงสารต้นไม่ได้ แต่ต้นทำตัวเอง
     “แล้วผมต้องเสียอะไร?”
     “แล้วแต่นายจะกรุณาเลย ยังไงพี่ก็ได้กำไร”
     กำไรจากการเสยตูดกู ฝันไปเหอะมึง!
     “พี่จะทำอะไรก็ทำ แต่ผมไม่เอากับพี่ ผมไม่เล่นยา”
     ถ้าผมไม่ร่วมมือกับพี่วุธผมก็อด แต่ผมไม่อยากเสี่ยงกับมัน!
     “เฮ่ยๆ ใจเย็นไอ้น้อง ไม่มีอะไรเสี่ยงหรอก”
     “ผมไม่ได้มันก็มีคนอื่นอีกเยอะแยะให้เอา”
     “พี่อุตส่าห์มาชวนนาย เห็นว่าตามจีบเป็นปี ไม่เสียดายโอกาสเหรอ”
     “ผมตั้งใจมาเย้ยมัน ถ้าพี่ทำแทนผมๆ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก”
     ผมคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้ต้นยอมเป็นของผม ต่อให้ผมช่วยต้นให้พ้นจากมือพี่วุธ ต้นก็ไม่มีวันเห็นผมเป็นพระเอก แล้วผมจะช่วยต้นทำไม ผมตั้งใจมาทำลายต้นอยู่แล้ว ฮ่าๆ   
     “แล้วแต่นายนะบอม พี่ชวนนายแล้ว”
     กูไม่อยากเสี่ยงไปกับมึง!
     “ผมไม่ชอบสวิงกิ้ง”
     “ไม่มีคนอื่นหรอกน่า พี่ยอมให้เราบรรเลงคนเดียวยังได้ แค่จะขอบันทึกความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ”
     ไอ้เหี้ย!
     “ผมปฏิเสธ!”
     “ใจเย็น พี่จะระวังไม่ให้เห็นหน้านาย”
     “แต่พี่จะเอาคลิปผมไปขาย!”
     “อย่าเล่นตัวน่ะ กูรู้ว่ามึงก็โหลดคลิปคนอื่นมาดู”
     “แต่กูไม่ได้ชอบโชว์ว่ะ”
     ผมภูมิใจอาวุธของผม ผมมั่นใจว่าแค่ได้เห็นใครๆ ก็อยากโดน ทั้งขนาดและรูปร่างรวมทั้งสีโชว์ได้ไม่อายใคร แต่ผมไม่อยากเป็นดาราคลิปโป๊! ดีไม่ดีผมจะโดนเสยเองอีก...
     “มีของดีก็อย่าเก็บไว้คนเดียวสิวะ แบ่งๆ คนอื่นดูบ้าง ถ้ามึงเอาด้วยกูแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้มึงยังได้ แต่มึงต้องโชว์ลีลาให้สุดฝีมือ กูให้เวลามึงตัดสินใจไม่งั้นกูจะเรียกคนอื่นมา”
     ผมจะเอายังไงดี? ไอ้วุธมันเห็นผมลังเลเลยยื่นข้อเสนออีกข้อ
     “มึงคิดดีๆ นะบอม ได้เอาไอ้เด็กนี่ ได้เงิน จะเก็บคลิปไว้แก้แค้นมันก็ยังได้ ไหนๆ มึงก็ตั้งใจจะมอมมันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? กูแค่ขอไปบันทึกภาพเล็กๆ น้อยๆ ไม่รบกวนพวกมึงเอากันหรอก”
     “โอเค กูตกลง แต่ต้องไม่เห็นหน้า!”
     “เออ! กูให้มึงปิดหน้าได้เลย เห็นแต่ค.วยมึง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     คืนนี้เล่นดึกกว่าเมื่อวาน แต่ผมไม่ใส่ใจเรื่องนั้น ผมขออนุญาตคุณปู่ไว้แล้วบอกว่าอาจจะกลับดึกมาก ท่านก็ไม่ว่าอะไร แค่รำพึงรำพันเหมือนนึกได้ว่าผมเป็นผู้ชาย ผมขำตอนที่ท่านอุทานมากกว่า “ไอหย๋าอาตี๋เล็ก ลื้อเล่นดนตรีด้วยเหรอ?” มาดผมคงไม่ให้มั้งครับ
     เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ช่วยให้ผมสบายใจขึ้นมากจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ผมชักไม่สบายแล้วล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่บอมคิดจะทำอะไร เหมือนพี่เขาจงใจมาสมน้ำหน้าผมเลย ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่นะ จะได้จบๆ กันไป
     ผมหนีมาเปลี่ยนเสื้อเพราะตัวที่ผมใส่เล่นดนตรีเมื่อกี้มันชุ่มเหงื่อ ทั้งอากาศร้อนๆ และการโชว์บนเวทีที่มีสปอร์ตไลท์จ้าๆ มันก็ร้อนเอาการเหมือนกันครับ แถมผมยังมันมากๆ ด้วย โคตรสนุกเลย แต่น่าเสียดายว่าวันนี้ผมคงอยู่คุยต่อกับพี่ๆ เขาเหมือนเมื่อวานไม่ได้เพราะพรุ่งนี้มีคาบเช้า อาร์มบอกผมว่าเขาขอตัวไปเคลียร์ธุระส่วนตัวซักพักแล้วจะไปส่งผมกลับ เฮ้อ... ดูเหมือนแฟนเก่าอาร์มจะมาขอคืนดีมั้งครับ ใครๆ ก็มีแฟนเก่าทั้งนั้นเลยน้า ผมเองอีกเดี๋ยวก็จะเป็นแบบนั้นด้วยรึเปล่า?
     “อ้าว? มาทำไรตรงนี้ล่ะต้น นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
     พี่วุธเดินเข้ามาทักผมแต่พอเห็นผมที่กำลังบิดน้ำออกจากเสื้อก็ชะงัก ผมไม่ควรแอบเอาเสื้อชุ่มเหงื่อมายืนซักตรงอ่างล้างจานใช่มั้ย? ก็ผมไม่อยากไปใช้ห้องน้ำในร้านนี่นา คนมันเยอะ เลยแอบหลบมาในครัวกะว่าไม่น่ามีใครเห็นแท้ๆ ปกติตรงนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาหรอกครับ ห้องล้างจานมีแต่เด็กล้างจานเท่านั้นแหละ 
     “เอ่อ...ขอโทษครับ พอดีเสื้อมันเปียกเหงื่อนะครับ ผมเลยเอามาซัก ถ้าเก็บลงกระเป๋าทั้งๆ แบบนั้นแล้วผมกลัวเป้ผมจะเหม็นกลิ่นเหงื่อไปด้วย”
     “ฮ่าๆ รักสะอาดนะ”
     “ขอโทษครับ ผมเห็นอ่างตรงนี้ไม่ค่อยมีคนใช้ก็เลย...”
     “ไม่เป็นไรๆ”
     พี่วุธเดินมาใกล้ๆ ผมแล้วชวนคุยต่อ ดีจังครับที่พี่เขาไม่โกรธ
     “แอร์ร้านพี่ไม่เย็นเหรอ”
     “ไฟบนเวทีแรงมากกว่าครับ”
     “กวนใช้ได้นะ”
     “ผมพูดเรื่องจริง”
     “พี่ก็หาตัวเรากับอาร์มตั้งนาน จะเอาค่าตัวมาให้ซะหน่อย ทำไมมาอุดอู้อยู่ในนี้ล่ะ”
     “ก็พอดีแว่บมาซักเสื้อครับ แล้วก็ขี้เกียจไปนั่งข้างนอกด้วย”
     ผมรำคาญสายตาพี่บอม! แต่พูดออกไปได้ที่ไหนล่ะครับ
     “อาร์มเขาไปคุยธุระของเขาซักพักน่ะครับ เดี๋ยวก็คงมา แต่พี่ฝากเงินไว้กับผมก็ได้”
     “งกสมคำเล่าลือว่ะ”
     “ผมเปล่าซักหน่อย!”
     “ฮ่าๆ ละจะไม่ออกไปนั่งรออาร์มข้างนอกเหรอ ไปนั่งดื่มอะไรเย็นๆ รอจะได้หายร้อนไง ถือว่าพี่เลี้ยง เดี๋ยวใครรู้เข้าจะหาว่าพี่ดูแลนักดนตรีไม่ดี”
     “เมื่อวานพี่เลี้ยงผมไปเยอะแล้วล่ะครับ”
     นานๆ ทีทำตัวสุดเหวี่ยงบ้างก็สนุกดี แต่ให้ผมทำแบบนั้นทุกวันก็ไม่ไหวนะครับ แล้วที่สำคัญวันนี้ผมเข้มแข็งขึ้นมากแล้วด้วย
     “งั้นต้นจะเอาน้ำอะไรมั้ย จะสั่งน้ำแตงโมของชอบเราก็ได้นะถ้าไม่ดื่ม ร้านพี่ขายเหมือนกัน”
     พี่วุธตลกเป็นบ้าเลย!
     “รู้ได้ไงครับ”
     “อาร์มมันบอก”
     “ได้อะไรเย็นๆ ซักหน่อยก็ดีครับ”
     ผมตอบไปแบบนั้นเพราะรู้สึกคอแห้งจริงๆ ไม่นานนักก็มีเด็กเสิร์ฟยกแก้วน้ำแตงโมมาให้ พี่วุธอนุญาตให้ผมนั่งรออาร์มอยู่ในห้องทำงานของเขาได้ บอกว่าเดี๋ยวจะบอกอาร์มให้ โชคดีจังที่ไม่ต้องไปเบียดกับนักเที่ยวคนอื่นๆ แต่คงเพราะความเพลียผมก็เลยรู้สึกง่วง ผมก็เลยกะจะหลับตาซักพัก คงเพราะนอนดึกติดๆ กันสองวันบวกกับใช้พลังมากแน่ๆ ผมถึงได้เพลีย ผมคงทำงานกลางคืนไม่ได้แหง๋ๆ พี่ธันย์ทำได้ยังไงน้า...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คนโฉด

     “เรียบร้อยมั้ย?”
     “น่าจะออกฤทธิ์แล้ว แต่อย่าทำอะไรกระโตกกระตากล่ะ อาร์มยังอยู่ในร้าน”
     “ตกลงมึงเอายาอะไรให้ต้น?”
     “แค่ยานอนหลับธรรมดาๆ อีกสองสามชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว กูไม่ถ่ายคนเอากับท่อนไม้หรอกมึงไม่ต้องกลัว”
     “แน่นะ? กูไม่อยากพัวพันกับยาเสพติด”
     “อย่าปอดน่ะไอ้น้อง มาถึงขั้นนี้แล้วจะยาอะไรก็ช่าง มึงไม่ใช่คนกิน ยังไงมึงก็ได้เอาไอ้เด็กนั่นอยู่แล้วจะกลัวอะไร”
     “แล้วตอนนี้ต้นอยู่ไหน?”
     “หลับอยู่ในห้องกู รถมึงจอดอยู่ไหนไปถอยมาหลังร้าน แล้วกูจะพาต้นออกทางนั้น อาร์มจะได้ไม่สงสัย”
     “แล้วมึงจะบอกมันว่าไง? ถ้ากูหายไปด้วยเดี๋ยวมันก็สงสัยกูอีก ไอ้นี่มันไม่โง่”
     “สั่งให้ผู้ช่วยมึงดึงมันไว้ให้นานที่สุดก็แล้วกัน กูจะบอกมันว่าต้นขี้เกียจรอเลยกลับก่อน มึงก็แกล้งกลับได้แล้ว เดี๋ยวค่อยไปเจอกันที่โรงแรม”
     “ตกลงตามนั้น”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
  **เพลงประจำตัวอาร์มตอนนี้ล่ะ ニビョウカン มันเข้าม๊าก! เดี๋ยวรู้กันว่าอาร์มจะพลีชีพอะไรให้ต้น เหอๆ
     I won't break! I won't crack, I won't let myself break down! I've dragged in regrets to the mix and That's tripped me to peak sensitivity.
     You'll practically lose all the credit in the end. Even so, won't we be living on? Now everything material, even the blunders, all that's gone from sight.
    Careless blabbering from the victors, and their tabs— I've had enough! I want to cry, I want to vanish As I clutch to my heart what little scraps I have Just as humans do.

   จริงๆ ชอบจังหวะของเพลงกับเสียงร้องVer.窓付き@ เพราะมันให้ความรู้สึกว่า"ชิบห-ยแล้ว!"ดีมากๆ ได้อารมณ์ดีนะ แต่เพราะพ่อหนุ่มอาร์มเค้าเป็นมือกลอง เราก็เลยต้องฟังแบบคัฟเวอร์กลอง แหม๋! ไปได้ผู้ชายคนนี้มา สาบานว่าฟังเสียงกลองเค้าจริงๆ ไม่ได้มัวแต่มองกล้ามแขนแน่นๆ นั่นเล้ย....

************************************************

อาร์ม

     “อาร์มจะไม่ลองคิดดูใหม่จริงๆ เหรอ พี่ยังรักอาร์มอยู่นะ”
     ผมรู้ดีว่าเธอหมายถึงเธอสนุกที่ได้ปั่นหัวผม ความจริงผมก็ไม่ได้รักเธอมากมายแต่ผมคิดถึงลีลาบนเตียงของเธอมากกว่า ผมชอบเซ็ก แต่ถ้ามันทำให้ผมกลายเป็นไอ้โง่ที่ต้องยอมมีเขาเพื่อเธอละก็ผมผ่านดีกว่า ผมไม่อยากโดนจูงจมูกอีก
     “ผมจบแล้ว พี่แพรวอย่ารื้อฟื้นมันอีกเลย”
     “แต่พี่คิดถึงเธอนะอาร์ม เขาไม่ดีกับพี่เหมือนเธอ”
     แต่ผมก็รู้อีกว่านอกจากเขาคนนี้อดีตแฟนผมก็ยังมีอีกหลายเขา ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้คนเราคบกิ๊กได้เป็นร้อยพร้อมๆ กัน
     ผมไม่ถือเรื่องเล็กน้อย แต่ผมไม่ชอบที่เธอหลอกผู้ชายพวกนั้น ถ้าเธอแอบคบกับคนอื่นเพราะความรักผมพอรับได้ ผมเข้าใจว่าตัวเองอาจไม่ดีพอ แต่การที่เธอปั่นหัวผู้ชายทุกคนเพื่อเงินผมรับไม่ได้! ดังนั้นตอนหลังผมถึงเฉยๆ ไม่เสียดาย ไม่ง้อ ผมไม่เอาผู้หญิงแบบนี้ทำแม่ของลูกหรอก เทียบกันแล้ว... เฮ้ย! ช่างเหอะ
     “ฟังอยู่รึเปล่าอาร์ม?”
     “ผมไม่เหมาะกับพี่แพรวหรอก”
     “แต่ว่า-”
     “คนเราคบกันก็ต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง พี่แพรวใจเย็นๆ แล้วคุยกับเขาอีกทีดิ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”
     “ถ้าเขาเป็นผู้ใหญ่ได้เท่าเธอก็ดี”
     หึๆ ผมเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่คนนั้นมีเงิน เอาล่ะ! กลับไปหาต้นดีกว่า ให้รอนานๆ เดี๋ยวผมโดนด่าอีก
     “ผมต้องไปแล้ว พี่ก็คุยกันดีๆ นะ”
     “เดี๋ยวสิอาร์ม!”
     พี่แพรวร้องเสียงสูงแล้วดึงแขนผมไว้แน่น แค่ขอคืนดีกับแฟนเก่าต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอพี่! คนมองกันเต็ม
     “เอ่อ พี่... ไหนๆ ก็ไหนๆ นั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่ก่อนสิ พี่กลุ้มใจ”
     “ไม่ได้หรอก ว่าจะกลับแล้วครับ”
     “อะไรกัน เล่นเสร็จก็จะกลับเลยเหรอ? เป็นเด็กดีตั้งแต่เมื่อไหร่”
     “ใช่พี่ ต้นมันเด็กดี”
     ผมหัวเราะเพราะนึกถึงเรื่องบ้าๆ ที่พวกเราเคยทำด้วยกัน ต้นเป็นเด็กดีที่ยืนมองเด็กไม่ดีแบบพวกผมทำเลวได้หน้าตาเฉย ไม่มีใครรู้จักต้นดีไปกว่าแม็กซ์อีกแล้ว
     “นายต้นน้ำนี่ก็เสน่ห์เหลือร้ายนะ พึ่งเจอไม่เท่าไหร่ก็หลงเสน่ห์กันหมด ใครๆ ก็สนใจแม้แต่อาร์ม”
     ผมรู้สึกไม่สบายใจเพราะคำประชดของพี่แพรวมีบางอย่างผิดปกติ
     “ต้นเป็นเพื่อนผม ผมชวนเขามาก็ต้องพากลับ”
     “เพื่อนอาร์มกลับเองไม่เป็นรึไง! เห็นเพื่อนดีกว่าแฟนตลอด”
     ผมไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้เลย การที่ผมรักเพื่อนมันผิดมากรึไง
     “ผมขอตัวก่อนนะพี่แพรว ต้นรออยู่”
     “เออดูแลกันเข้าไป อิตุ๊ดนั่นมันมีอะไรดีนักหนาคนถึงได้แย่งกันนักแม้แต่นายยังหลงมัน!”
     ผมว่าแล้วว่ามันผิดปกติ ไม่อย่างนั้นจู่ๆ แฟนที่เลิกกันไปนานแล้วจะมาง้อผมทำไม!
     ผมตามหาต้นทั่วร้าน แต่ไม่เจอ!
     “พี่ปิง เห็นต้นป่ะ?”
     ผมถามพี่อีกคนที่เป็นนักดนตรี หวังว่าเขาจะเห็นต้น
     “ไม่เห็นว่ะ”
     “ขอบคุณพี่”
     “ว่าแต่นั่นแฟนเอ็งเหรอ แฟนสวยดีนี่หว่า”
     “แค่แฟนเก่าน่ะพี่”
     ผมยิ้มรับคำชมนั่นก่อนจะปฏิเสธ เวลานี้ต้นสำคัญกว่า ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่บอมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวรแล้ว!
     ผมเดินตามหาต้นซะทั่ว ถามคนอื่นๆ ว่าเห็นต้นมั้ยแต่ไม่มีใครเห็น ทุกคนถามผมกลับว่าไม่ใช่กลับไปแล้วเหรอ ซวยแล้ว ผมทำต้นหาย!
     “ใจเย็นนะพี่ เขาอาจจะกลับไปแล้วก็ได้”
     ต้นจะกลับไปได้ยังไง เวลาอยู่กับพวกผมต้นเคยกลับเองซะที่ไหน มันแทบจะเป็นกฎประจำกลุ่มเราแล้วว่าจะไม่ทิ้งกัน เวลาไปเที่ยวต้นไม่กล้ากลับเองคนเดียวหรอก เขาไหวไม่ได้แปลว่าพวกผมไหว ต้นต้องคอยเก็บศพพวกผมกลับ มันเป็นข้ออ้างที่แม็กซ์ใช้เพื่อปกป้องต้นมาตลอด ต่อให้ถึงที่สุดยังไงแต่ถ้าพวกผมไม่ไปส่งต้นก็ไม่กล้าหนีกลับเองหรอก
     “แล้วเราไม่เห็นต้นจริงๆ เหรอ?”
     “ก็พอผมเอาน้ำไปให้พี่เขาในห้องพี่วุธเสร็จผมก็ไม่ได้สนใจแล้วอ่ะ งานโคตรยุ่ง”
     “แล้วเขาไม่ได้บอกอะไรเราเลยเหรอ”
     “ไม่นี่พี่ ก็แค่คุยว่าเหนื่อยๆ งานกลางคืนก็หนักเหมือนกัน ถามผมเรื่องงานเสิร์ฟ”
     “เออๆ แล้วมีใครเข้าไปคุยกับต้นอีกมั้ย”
     ใจผมนึกไปถึงพี่บอม
     “ในห้องนั้นใครจะเข้าไปได้พี่ถ้าไม่ใช่พี่วุธอนุญาต”
     นอกจากพี่วุธกับหุ้นส่วนแล้วพี่เขาไม่ให้ใครเข้าไปในห้องนั้นอีก เพราะเป็นห้องทำงาน แต่สำหรับพวกผมที่เป็นรุ่นน้องกับพี่ๆ นักดนตรีที่เป็นคนกันเอง เข้านอกออกในได้เสมอ เพราะถือว่ามาช่วยกัน เมื่อวานพวกผมก็นั่งกินกันในห้องนั้นแหละ ผมเลยกลัวพี่บอมจะฉวยโอกาสกับต้น
     “ไม่มีใครเห็นต้นจริงๆ เหรอ”
     “ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นพี่ต้นก็นั่งอยู่ในห้องพี่วุธแหละ พี่ต้นแกบอกเพลียๆ พี่วุธเลยให้ไปพักในห้องแก แล้วแกก็สั่งให้ผมเอาน้ำไปให้พี่ต้น แล้วผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก วันนี้แขกเยอะงานยุ่งจะตาย ขนาดพี่วุธยังต้องลงมือปั่นน้ำให้พี่ต้นเองเลย”
     เวรแล้ว!
     “แล้วพี่วุธล่ะ?”
     “เห็นว่ามีธุระด่วนเลยออกไปแล้ว พี่มีอะไรรึเปล่า ยังไม่ได้ค่าตัวเหรอ?”
     เช็ดแม่ม!
     ลางสังหรณ์ผมบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ผมไม่รู้ว่าใครพาต้นไป พี่บอมหรือพี่วุธ แต่จะใครก็ไม่ดีทั้งนั้น ต้นไม่มีทางหนีกลับไปก่อน แล้วคนที่พอจะบังคับต้นได้ก็ไม่อยู่ ผมรู้ว่าแฟนต้นยังไม่กลับจากต่างจังหวัด แปลได้อย่างเดียวว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นกับต้น ผมถึงได้ติดต่อต้นไม่ได้ ผม... ผมคงไม่ทำพลาดเป็นครั้งที่สองใช่มั้ย?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     “แม็กซ์ กูทำต้นหาย!”
     “... ทำเหี้ยไรของมึง?”
     “กูพาต้นมาเล่นดนตรี แต่ต้นหายไป”
     “ใจเย็นๆ สิวะอาร์ม กูฟังไม่รู้เรื่อง”
     “แม็กซ์!”
     “โทษครับม้า ผมขอตัวแปปนึงนะครับ”
     ผมหลบงานจับคู่นี่ได้ซักที เบื่องานสังคมชะมัด ทำอย่างกับผมจะสนยัยเด็กแอ๊บนั่น เด็กม.ปลายบ้าไรหน้าแก่อย่างกับสาวออฟฟิศ ให้เอาฟรีผมยังไม่เอาเลย
     “ตกลงมึงมีไรว่ามา ช้าๆ ชัดๆ นะเว่ย”
     “ต้นหายไป!”
     “ยังไงวะ?”
     “กู... กูพาต้นมาเล่นดนตรีกับกู แต่พอดีแฟนเก่ากูมาเค้าขอคุยด้วย พอกูกลับไปหาต้นๆ ก็ไม่อยู่แล้ว!”
     “มึงโทรหามันยัง!”
     “โทรแล้วแต่ไม่มีคนรับ”
     “มันไม่ได้บอกอะไรมึงเหรอ? มึงถามคนอื่นยัง”
     “ไม่ กูถามทุกคนแล้ว เด็กเสิร์ฟบอกว่ามันนั่งแดกน้ำรอกู”
     “แล้วมันจะหายไปได้ไงวะ มึงไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนะ”
     ผมใจไม่ดีแต่พยายามมีสติ ไม่บ่อยที่ไอ้อาร์มจะสติแตกปากคอสั่นจนพูดไม่เป็นภาษาแบบนี้
     “แม็กซ์ กูกลัว...”
     “เฮ้ย ใจเย็นๆ มันอาจจะ”
     “ไม่ใช่งั้นมึง! คืนนี้รุ่นพี่กูมาด้วย”
     “รุ่นพี่มึง?”
     “พี่บอม”
     สัส!
     “เฮ่ย... ต้นไม่ได้จัดการง่ายๆ แบบนั้น”
     ผมพยายามคิดว่าต้นไม่ได้อ่อนแอโดนใครทำอะไรได้ง่ายๆ แต่ไอ้อาร์มก็ดับขวัญผม
     “เด็กเสิร์ฟบอกว่าพี่เจ้าของร้านลงมือทำน้ำปั่นให้ต้นกินเอง พี่เขาเป็นคนชวนกูกับต้นให้มาช่วยเล่นดนตรีที่ร้าน เมื่อคืนก็ชวนกูกับต้นแดกเหล้า แล้วกูพึ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นไบ”
     “ไอ้เหี้ย!”
     ไอ้สัสอาร์ม! ผมอยากฆ่ามันจริงๆ
     “มึงพาต้นไปด้วยได้ไงวะ!”
     “ก็กูไม่รู้! กูพึ่งสังเกตเห็นแววตาพี่เขาเมื่อคืนตอนที่แอบมองต้น ตอนแรกกูไม่แน่ใจด้วยซ้ำ แต่พอกูเห็นมันพยายามมอมไอ้ต้นกูเลยแน่ใจ กูบอกต้นแล้วว่าไม่ต้องมากับกูแต่ต้นมันยืนยันจะมา แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ให้บอกว่ามีคนจ้องจะเอาตูดมันเหรอ? กูอยากทำให้ต้นสบายใจแต่กูไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนี่หว่า กูยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนกล้าวางยาต้น!”
     “มึงเป็นเด็กอมมือเหรอทำอย่างกับไม่รู้ว่าโลกนี้มีพวงชิงหมาเกิด ตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน?”
     “ร้านสแตนอัพแถวรามอินทรา กูไม่คิดว่าต้นจะโดนนี่หว่า”
     “กูจะรีบไป มึงรอกูอยู่ที่นั่น หาข่าวให้ได้มากที่สุด เดี๋ยวกูบอกให้ป๊ากูช่วยด้วย”
     “มึงจะให้กูหาข่าวยังไงกูไม่รู้ว่าใครพาต้นไปด้วยซ้ำ!”
     “คนที่เล็งต้นเป็นเจ้าของร้านใช่มั้ย? เดี๋ยวกูจัดการเอง พังร้านแม่ง!”
     “เฮ้ยแม็กซ์!”
     “เออน่ะ กูจัดการได้ เส้นป๊ากูใหญ่อยู่แล้ว มึงโทรหารุ่นพี่มึงซะ ถ้ามันรับก็ดีไป แต่ถ้าไม่รับมึงทำใจได้เลย ถ้าต้นเป็นไรไปกูเอามึงตายแน่!”
     สัสอาร์ม! คนอย่างมันไว้ใจไม่ได้จริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าต้นเสี่ยงมันก็ยังจะทิ้งต้นไว้แล้วไปหาหญิง เหี้ยเอ้ย! งานนี้ผมต้องให้ป๊าช่วยซะแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บอม

     ในที่สุดต้นก็มาอยู่ในกำมือผม ฮ่าๆ ถึงมันจะแย่ไปหน่อยที่ต้องแบ่งต้นกับคนอื่นแต่ก็ยังดีที่ผมจะได้ชำระแค้นให้สะใจ
     มองร่างของต้นที่หลับไม่ได้สติแล้วมีความสุขเป็นบ้า! ฮ่าๆ ทนไม่ไหวแล้ว! ขอผมชิมหน่อยละกัน
     ผมอาศัยจังหวะรถติดไฟแดงก้มลงไปหอมแก้มต้น แก้มเนียมนุ่มเหมือนที่ผมฝัน ปากก็นิ่มสมการรอคอย กลิ่นเหงื่อกับกลิ่นหอมจากตัวต้นเร้าอารมณ์จนผมแทบทนไม่ไหว ต้นมีกลิ่นหอมบางอย่าง เวลาอยู่ใกล้ๆ ผมมักจะได้กลิ่นนี้เสมอ อาจจะเป็นสบู่หรือน้ำหอม ผมโคตรชอบเลย
     ผมลวนลามต้นได้ตามใจชอบ ต้นไม่สามารถขัดขืนผมได้ นี่มันยิ่งกว่าที่ฝัน! ภาพหน้าตอนหลับทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ผมเคยจินตนาการเอาไว้ ผมฝันว่าอยากจะทำให้หน้าหยิ่งๆ นี่เลอะเทอะจนดูไม่ได้ อีกไม่นานหรอก!
     ผมชอบคนขาว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นต้นผมก็คิดว่าคนอะไรขาวจริงจัง ตอนนั้นต้นยังไม่ได้ใส่แว่น เด็กหน้าจืดที่ชอบทำหน้าบึ้งไม่มีเสน่ห์ในสายตาผม แต่พออยู่ๆ ไปแล้วเห็นต้นยิ้มให้อาร์ม ไอ้เด็กตาตี่คนนี้น่ารักขึ้นมาทันตา ผมก็เลยเริ่มชอบมัน ต้นพูดน้อย สงวนท่าที ไม่ว่าผมจะแซวอะไรมันก็ไม่ตอบโต้ มันรำคาญผมแต่ผมกลับหลงรักมัน
     พอมันเริ่มใส่แว่นผมกลับทำแว่นมันหัก มันเกลียดผมแต่ก็ยอมใส่แว่นที่ผมชดใช้ให้มาตลอด ถ้ามันโดนคนอื่นจีบมันจะเดินหนีแต่มันกลับไม่หนีผม ต่อให้มันเกรงใจที่ผมเป็นรุ่นพี่ของอาร์มแต่กับรุ่นพี่มันอย่างไอ้ณตมันยังไม่ไว้หน้า แล้วจะไม่ให้ผมคิดไปเองได้ยังไง
     ให้ยอมอกหักจีบไม่ติดผมทนได้ แต่ให้เป็นตัวตลกให้มันกับเพื่อนหัวเราะผมยอมไม่ได้! อีกไม่นานผมจะได้แก้แค้นมันแล้ว ความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะมันสะใจจริงๆ
     ที่ผ่านมาผมนึกว่าต้นยังซิงมาตลอดจนเพื่อนมันโผล่ ผมเลยคิดว่ามันสองคนได้กันแล้ว แต่ต้นมันหวงตัวแม้แต่กับเพื่อนคนนั้นของมัน ได้ข่าวว่ามันไม่เคยกับคนอื่นนอกจากแฟน อยากรู้จริงๆ ถ้ามันรู้ว่าตัวเองเป็นเมียผมแล้วจะทำยังไง ถ้ามันรู้ว่าตัวเองโดนรุมจะทำหน้ายังไง?
     ที่จริงมีคลิปไว้เป็นที่ระลึกก็ดี ต้นจะได้ไม่ลืมผม แค่คิดก็แข็งแล้ว อยากลงโทษปากอวดเก่งของมันชะมัด! แต่ผมไม่อยากระบายความแค้นกับท่อนไม้จืดชืดแบบนี้หรอก ผมจะรอให้ต้นตื่น หึๆ ตอนนี้ขอผมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยละกัน
     ไอ้อาร์มโทรเข้ามาอีกแล้ว มันคงรู้แล้วว่าเพื่อนหาย ฮ่าๆ อ้าว? มีไอ้วุธโทรมาด้วยนี่หว่า
     ผมสองจิตสองใจว่าจะโทรกลับไปดีมั้ย ใจจริงผมอยากจะหนีไปเสพสุขคนเดียวแต่ผมไม่อยากมีปัญหากับมันทีหลัง ดีไม่ดีผมจะโดนเอง เอาวะ!
     “มีไร?”
     “มึงอยู่ไหนแล้ว?”
     “ยังอยู่บนถนนอยู่เลย รถติด แต่ใกล้ถึงโรงแรมละ แล้วตามมายัง?”
     “เออกูกำลังไป แต่ที่ร้านมีปัญหานิดหน่อยกูต้องกลับไปดู มีตำรวจมายัดยาร้านกู”
     สวรรค์! คืนนี้จะไม่มีมารคอหอยระหว่างผมกับต้นแล้ว ฮ่าๆ
     “ไม่ใช่ว่าโดนจับได้เหรอ ฮ่าๆ”
     “มึงอย่าปากดี! ถ้าไม่ใช่เพราะยากูไอ้ไก่อ่อนนั่นจะไปอยู่ในรถมึงมั้ย ถ้ากูจะทำอะไรกูไม่ให้ใครจับได้หรอก”
     “จะให้กูรอ?”
     รอให้โง่! ผมจะเหลือเดนให้พวกมันไปสนุกกันต่อก็ได้ แต่ต้องหลังจากที่ผมอิ่มนะ หึๆ
     “ไม่ เพื่อนกูจะไปแทน กูตกลงกับมันให้แล้ว มึงจะทำอะไรก็ทำไป เพื่อนกูจะเป็นคนถ่าย”
     “มันรู้นะว่าห้ามเห็นหน้ากู”
     “เออน่ะ เพื่อนกูมืออาชีพ โชคดีของมึงที่เพื่อนกูไม่ชอบตูด รอดตัวไป”
     สัส! มึงกะรวบกูตั้งแต่แรกนี่หว่า
     “อย่าคิดเบี้ยวกู! ถ้ามึงเบี้ยวกูๆ รับรองว่าชีวิตมึงไม่สงบสุขแน่ แต่ถ้ามึงให้ความร่วมมือกับพวกกูดีๆ ยอมเป็นพระเอกหนังให้พวกกู มึงจะได้ของขวัญพิเศษ”
     “ของขวัญอะไร?”
     ของเหี้ยไรอีกวะ
     “ยาที่จะช่วยให้พวกมึงมีความสุขไง กูให้ฟรี ไม่จำเป็นต้องใช้กับมึง แต่ถ้าใช้กับไอ้เด็กนั่น มันจะร่านถึงใจมึงแน่ๆ กูรับรอง”
     ความจริงผมไม่ชอบเรื่องยา แต่ช่างมัน ไม่ใช่ผมที่ซวย
     “แล้วแต่พวกมึงเหอะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     ผมมึนๆ ลืมตาไม่ขึ้น แต่ผมรู้สึกเหมือนมีคนกำลังถอดเสื้อผ้าผมเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นความฝันหรือความจริง ผมพยายามลืมตาแต่เปลือกตามันหนักจัง ... ผู้ชาย ... ใคร?
     พี่บอม!
     พี่บอมมาอยู่นี่ได้ไง! เกิดอะไรขึ้นกับผม? ผมหลับตาลงตั้งสติก่อนจะลืมตาขึ้นอีกรอบ ประสาทสัมผัสต่างๆ กลับมาทำงานอีกครั้งแม้ผมจะยังไม่หายมึนแต่ผมก็มีสติพอจะรับรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องของโรงแรมที่ไหนซักแห่ง และพี่บอมกำลังพยายามถอดเข็มขัดผมอยู่!
     “ตื่นแล้วเหรอต้น ดีใจมั้ย คืนนี้เราจะได้สนุกกันซะที”
     ไอ้สารเลวเอ้ย!
     ผมปัดมือเขาออกแล้วพยายามจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่โลกมันโคลงเคลงไปหมด ผมอ้าปากอยากจะด่าแต่สมองผมรวนจนคิดอะไรไม่ทัน ความช้าที่เกิดขึ้นราวกับระบบประสาทถูกกดไว้นี้ผมคุ้นเคยดี มันเหมือนเมื่อตอนที่ผมแอบหยิบยาของพี่ชัชทาน แต่ร้ายแรงกว่าสิบเท่า! เพราะแค่จะยันตัวลุกผมยังทำไม่ได้เลย!
     เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่! ผมมาอยู่ที่นี่กับพี่บอมได้ยังไง? ผมพยายามคิดทบทวน ... ก่อนหน้านี้ผมไปเล่นดนตรีกับอาร์ม แต่แฟนเก่าของอาร์มมาหาอาร์มเลยขอตัวไปคุย ... ผมนั่งรออาร์มในห้องพี่วุธ ผมดื่มน้ำที่เด็กเสิร์ฟเอามาให้! แต่ผมมั่นใจว่าในนั้นไม่มีเหล้าแน่ๆ ต่อให้มีเหล้าผมก็ไม่น็อกหมดสภาพแบบนี้หรอก ต้องมีคนวางยาผม!
     “น้ำ”
     ถ้าผมจะรอดได้ผมต้องใช้สติมากกว่าอารมณ์!
     “ขอน้ำ”
     ผมลองอ้อนวอนดูอีกครั้ง ผมหวังว่าการดื่มน้ำจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นแม้จะรู้ว่าH2Oเจือจางยานรกในตัวผมไม่ได้หรอก ผมต้องรอจนกว่าร่างกายผมจะขับมันออกมาเอง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ถ้าผมฟื้นก็แปลว่ายาไม่น่าจะแรงมาก
     “หิวน้ำ”
     พี่บอมดูขัดใจแต่ในที่สุดก็ยอมเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาแกะให้ผม
     “ไม่ไหว”
     ผมไม่ได้โกหกผมลุกเองไม่ไหวจริงๆ พี่บอมเลยมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง ผมเลยเอนตัวไปพิงเขาหวังว่าอย่างน้อยมารยานี่คงทำให้เขาใจอ่อนขึ้นบ้าง พี่เขาจ่อขวดน้ำเข้าที่ปาก แต่ไม่มีหลอด ผมก็เลยดื่มค่อนข้างลำบาก แล้วผมก็สำลัก แต่ผมแกล้งไอให้มันโอเวอร์มากขึ้น พี่บอมเลยหยุดป้อนหันมาลูบหลังผมแทน
     โอเค อย่างน้อยๆ พี่เขาก็ไม่ได้ใจดำกับผมนัก!
     “ที่ไหน? อยากกลับบ้าน”
     “ไม่มีทาง คืนนี้ต้นต้องเป็นของพี่”
     ผมไปทำอะไรให้เขา! นอกจากคุยทักทายในชมรมแล้วผมแทบไม่ได้ยุ่งกับเขาเลย ผมไม่เคยอ่อยเขาด้วยซ้ำ จะมาติดใจอะไรผมนักหนา!
     “ทำไม! ผมไปทำอะไรให้?”
     น้ำและความโกรธช่วยผลักดันให้สติผมเข้าที่เข้าทาง
     “คนอื่นมีตั้งเยอะแยะ”
     “พี่อยากได้อะไรก็ต้องได้”
     “งี่เง่า! ผมไม่ใช่เด็กบริสุทธิ์ด้วยซ้ำ”
     “พี่ไม่ได้อยากเปิดซิง พี่สนแต่เรา”
     “บ้าป่ะ? พี่บอมไม่ได้รักผมซักหน่อย”
     “เคยรัก แล้วต้นทำให้พี่แค้นทำไม มาหลอกพี่ทำไม!”
     ผมนะเหรอ? ผมไปทำอะไรให้เขาแค้น! เขาแค้นของเขาเองต่างหาก ไม่ได้โดนทรยศแบบผมซักหน่อย อยู่ๆ หัวใจผมก็เจ็บแปลบขึ้นมา สาเหตุที่ทำให้ผมต้องเสียศูนย์แบบนี้เป็นเพราะใคร!
     “นอนกับผมแล้วจะหายแค้นรึไง?”
     ถ้าผมนอนกับคนอื่นแล้วผมจะหายแค้นรึเปล่า?
     “เอาสิ คิดว่าดีก็ทำ จะได้จบๆ กันไปซักที”
     ผมอยากให้พี่ชัชเจ็บเหมือนที่ผมเจ็บ ถ้าผมนอนกับคนอื่นบ้างพี่ชัชจะรู้สึกยังไง!
     “ถ้าทำแล้วมันจะช่วยให้พี่รู้สึกดีขึ้นก็เอาเลย!”
     ผมไม่แน่ใจว่าผมถามพี่บอมหรือถามตัวเอง แต่ผมรู้ว่าผมน้ำตาไหล และพี่บอมหัวเราะขึ้น
     “สะใจจริงๆ โว้ย ฮ่าๆ มันทิ้งต้นใช่มั้ย?”
     “เรื่องของผม!”
     “ทำไม? พี่พูดถูกเหรอ? เราโกหกพี่ไม่ได้หรอกต้น มันทิ้งต้นใช่มั้ย มันมีคนอื่น? ฮ่าๆ ที่แท้ที่นั่งซึมก็เพราะอกหักนี่เอง น่าสงสาร ฮ่าๆ”
     “อย่ามายุ่งกับเรื่องของผม!”
     รอยยิ้มของพี่บอมทำให้ผมโกรธ การที่ต้องมาถูกพี่เขาสมน้ำหน้าทำให้ผมแค้นใจเพิ่มอีกเป็นร้อยเท่า!
     “ผมจะรักหรือจะเลิกกับใครก็เป็นเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับพี่!”
     “โดนมันบอกเลิกมารึไง พี่จะรับเซ้งให้ก็ได้นะ ฮ่าๆ”
     “ผมยังไม่ได้เลิกกับพี่ชัช!”
     ไม่นะ! ผมไม่เลิกกับพี่ชัชเด็ดขาด!
     “ไอ้ปากหมาเอ้ย!”
     “โอ้ย!”
     ผมถีบพี่บอมเข้าที่ท้องแล้วพุ่งลงจากเตียงตั้งใจจะหนีไปที่ประตู แต่ผมหน้ามืด!
     “ไอ้เวรนี่!”
     พี่บอมตามมากระชากผมที่กองอยู่ข้างเตียงให้หันไปเผชิญหน้ากัน ผมมึน เจ็บ แต่ความโมโหมีมากกว่า
     “น้ำหน้าอย่างพี่ฝันไปเหอะ ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีใครรัก คนอย่างพี่ให้ตายผมก็ไม่เอา!”
     “เออ! มึงไม่ต้องรักกู แต่ยังไงกูก็ต้องได้มึง”
     “ไอ้สารเลว!”
     “เออกูเลว! แล้วมึงก็ต้องมาเป็นเมียคนเลวๆ แบบกูนี่แหละ!”
     ผมพยายามดิ้นแต่พี่บอมจับคอเสื้อผมไว้แน่นแถมยังกดผมติดพื้นจนผมหายใจไม่ออก
     “ดิ้นเข้าไปต้นดิ้นเข้าไป ฮ่าๆ แบบนี้ถึงจะสนุกหน่อย พี่รอวันขยี้ศักดิ์ศรีเรามานานแล้ว หยิ่งนักใช่มั้ย คืนนี้แหละหายหยิ่งแน่!”
     “ฝันไปเหอะ!”
     แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่บอมดูลังเลที่จะปล่อยผม แต่พอเสียงเคาะประตูดังรัวๆ พี่บอมก็ชะงัก ชั่วขณะที่พี่เขาลังเลว่าจะเอายังไงกับผม แขนผมก็เป็นอิสระ
     ผมดิ้นแล้วฉวยโอกาสต่อยไปที่ดั้งพี่บอม เขาเจ็บจนกุมจมูก ผมหลุดจากพี่เขาจนได้!
     ผมตรงไปที่ประตู กะจะเรียกให้คนข้างนอกช่วย แต่พอผมเปิดประตูผมก็รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าครั้งที่โดนพี่ชัชตบ! คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าหันแต่ผมลงไปกองกับพื้นเลยด้วยซ้ำ ผู้ชายคนที่เข้ามาใหม่มันกระชากตัวผมขึ้นมาแล้วอัดเข้าที่ลิ้นปี่ ผมร้องไม่ออกได้แต่นอนตัวงอ เป็นครั้งแรกที่ผมถูกต่อยจังๆ แบบนี้
     “ฤทธิ์เยอะนักเหรอมึง”
     มันเดินมาตบผมซ้ำ! ไอ้นรกเอ้ย! ผมไปทำอะไรให้มัน ไอ้เลวนี่มันหลังแหวนใส่ผมจนในปากมีแต่เลือด
     “เฮ้ยพี่! แรงเกินไปแล้ว”
     “ก็มึงเอามันไม่อยู่เอง ฟื้นเร็วจังนะมึง”
     พวกมันพูดกันก่อนที่ไอ้คนมาใหม่จะใช้เท้าเขี่ยผม พวกมันรู้กัน!
     “พึ่งฟื้นพี่ มันยังไม่มีแรงหรอก ไม่ต้องรุนแรงกับมันก็ได้”
     “แรงๆ สิดีจะได้เข็ด ต้องบอกมันให้ความร่วมมือกันหน่อย”
     ผมพยายามมองไอ้คนมาใหม่ให้ชัดๆ ผู้ชายน่าจะยี่สิบปลายๆ มันไว้หนวดเครา ท่าทางเถื่อนๆ สะพายกระเป๋ากล้องมาด้วย ผมไม่คุ้นหน้ามันเลยแต่แน่ใจว่าไม่เคยเจอมันมาก่อนในชีวิตแน่ๆ หรือจะเป็นเพื่อนพี่บอม?
     “มึงจะเล่นบทตบจูบก็ได้ ท่าทางดื้อแบบนี้กูทำเป็นหนังข่มขืนแม่ง ฮ่าๆ”
     พวกมันพูดอะไรกัน!
     “แล้วข้อตกลง?”
     “เออน่ะกูรู้ กูไม่ใช่ไอ้วุธ กูไม่สนรูขี้หรอก แต่ดิ้นแบบนี้มึงเอาคนเดียวไหวเหรอ หรือมึงจะใช้ตัวช่วย?”
     ผมไม่สนแล้วว่าพวกมันจะคุยอะไรกันต่อ แต่ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม พี่วุธวางยาผม!
     ไม่น่าเชื่อ! ก็คุยกันดีๆ แท้ๆ พี่เขาทำแบบนี้ทำไม ผมไม่เคยทำอะไรพี่เขาซักหน่อย!
     ความแค้นกับความกลัวรีดเค้นพลังเฮือกสุดท้ายในตัวผมออกมา ผมพยายามลุกขึ้น แต่ผู้ชายคนนั้นหันมาเห็น มันกระชากเสื้อผมจากด้านหลังผมเลยหันไปถีบมันโดยเล้งไปที่เป้า มันเบี่ยงหลบเท้าผม แต่เซจนกระเป๋ากล้องที่ไม่ได้ปิดฝาตกกระแทกพื้น
     “เวรเอ้ย!”
     เอาดิ ต่อให้ผมไม่รอดแต่ผมก็จะไม่ยอมอยู่เฉยๆ หรอก เอาให้มันเจ๊งกันไปข้าง!
     “สมน้ำหน้า เหอะ!”
     เลือดหยดจากปากผมตอนที่หัวเราะมัน ผมน่าจะถุยน้ำลายใส่หน้ามัน!
     “มึงมาจับมันไว้ กูจะดูกล้อง!”
     ไอ้เลวนี่มันพุ่งไปหากล้อง พี่บอมดูเก้ๆ กังๆ เหมือนไม่รู้จะเอายังไงกับผมดี ระหว่างพุ่งไปที่ประตูที่มีคนยืนขวางกับเตียง ... และอีกฟากที่มีห้องน้ำ โทรศัพท์ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงผม
     ผมมองตาพี่บอมแล้วก็ตัดสินใจพุ่งไปที่หัวเตียง หางตาผมเหลือบไปเห็นน้ำขวดที่ดื่มเมื่อกี้ยังไม่ได้ปิดฝา ผมหยิบขวดน้ำปาไปที่ไอ้เลวนั่น ขวดกระแทกเข้าที่หน้ามัน น้ำในขวดหกรดกล้องที่มันถือ มันสบถลั่น แต่ผมไม่อยู่ดูผลงานรีบหนีไปอีกด้านของเตียงตั้งใจจะเข้าไปหลบในห้องน้ำ อีกแค่สองก้าวเท่านั้น!
     บางทีผมควรจะรีบหนีไปซ่อนในห้องน้ำเฉยๆ
     ไอ้สารเลวนั่นทิ้งกล้องลงกับพื้นแล้วตรงมาที่ผม มันจับหัวผมโขกกับผนังจนมึน เสียงพี่บอมร้องห้ามดังขึ้น
     “เฮ้ยพี่เบาๆ เดี๋ยวมันตาย!”
     แล้วหลังจากนั้นผมก็โดนซ้อม ทั้งหมัดทั้งเท้าถูกประเคนมาจนผมหลบไม่ไหว พอผมคู้ตัวหลบมันก็กระทืบลงมาที่หลังผม ผมเจ็บจนหายใจไม่ออก การโดนทำร้ายของจริงมันต่างกับตอนที่แม็กซ์แกล้งซ้อมผมมาก ผมรู้เลยว่าคนเราเกิดมามีพละกำลังไม่เท่ากันจริงๆ ผมสู้แรงใครไม่ได้ ผมนึกถึงคำเตือนของอาร์ท แต่มันสายไปแล้ว ผมไม่ควรทำตัวอวดเก่งเลยจริงๆ
     “เก่งนักนะมึง ดูซิจะเก่งได้อีกนานมั้ย!”
     มันด่าผมแล้วก็ยัดอะไรบางอย่างเข้ามาในปาก มันกรอกน้ำตามจนผมสำลักกลืนสิ่งแปลกปลอมลงคอ
     ตอนนี้แทนที่จะกลัวว่าตัวเองจะถูกข่มขืน ผมกลับคิดว่าบางทีผมอาจจะตายก่อนถูกมันข่มขืนก็ได้...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
แม็กซ์

     เส้นสายที่มีของป๊าช่วยให้งานนี้ง่ายสำหรับผม คนรู้จักสองคนแกล้งเข้าไปตรวจค้นยาเสพติด แน่นอนร้านมันไม่ยอม แต่คนพวกนี้มีวิธีการที่ชำนาญอยู่แล้ว ในระหว่างที่กระบวนการยัดยาดำเนินไปผมกับอาร์มก็นั่งรออยู่ในรถ ผมไม่กลัวว่าจะเจอตอเพราะมั่นใจว่าแบ็กผมใหญ่กว่า
     ก่อนออกมาป๊าถามความจริงจากผม ป๊าไม่ได้ถามว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าแต่ป๊ากลับถามว่าต้นเป็นอะไรกับผม ผมตอบป๊าไปตามตรง ผมรักต้น แต่ต้นไม่ได้รักผม ต้นรักคนอื่น ป๊าพยักหน้าแล้วก็ปล่อยผมมา ผมเอารถของป๊ามาเพราะต้องการใช้ของในเก๊ะหน้ารถ
     ไม่นานนักโทรศัพท์ผมก็ดัง ทางนั้นบอกว่าจัดการเรียบร้อย กำลังตกลงกันอยู่ จากท่าทีมันน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังพอสมควร แต่ผมไม่แคร์ ผมสนแต่ต้น
     “แม็กซ์ ให้กูไปหยั่งเชิงก่อนดีมั้ย?”
     ไม่อาร์มกลัวแต่ผมไม่กลัว!
     “เฮ้ยใจเย็น! กูรู้ว่ามึงห่วงต้น กูก็ห่วง แต่ถ้าเกิด...”
     มันยังจะมองโลกในแง่ดีอีกเหรอวะ!
     “มึงจะทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าไม่ได้ผล ใช้วิธีของกู!”
     “เออ!”
     แล้วมันก็ลงจากรถเดินเข้าร้านไป
     ผมหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่มันแล้วใครจะวางยาต้น! มันจะรีบออกจากร้านไปทำไม? ต้นจะหายไปไหน? ถ้าต้นสบายดีแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์? ทำไมผมติดต่อต้นไม่ได้!
     นั่งรออยู่นานในที่สุดก็เห็นไอ้เจ้าของร้านเดินออกมา มันตรงไปที่รถตัวเอง ไอ้อาร์มเดินตามมันมาพยายามจะถาม แต่มันทำท่าไม่อยากคุย
     แผนพวกผมตอนแรกคือแอบขับรถตามมัน แต่ไม่ไหวแล้ว ผมเป็นห่วงต้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     ผมพยายามถามหาต้นกับพี่วุธ แต่พี่เขาปฏิเสธ พอผมถามว่าเห็นต้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พี่เขาก็บ่ายเบี่ยงบอกไม่รู้เรื่อง อ้างแต่จะรีบไปธุระ ผมเลยถามต่อว่าธุระอะไร พี่วุธก็ไม่ยอมบอก ผมรู้สึกว่าพี่เขามีพิรุธ
     “พี่พาต้นไปไว้ที่ไหน พี่พาต้นไปใช่มั้ย?”
     “อะไรอีกอาร์ม? ก็บอกว่าพี่ไม่รู้ไง!”
     “เพื่อนผมอยู่ไหน!”
     ผมขวางไม่ให้พี่เขาขึ้นรถ ผมคิดว่าพี่วุธต้องรู้แน่ๆ ผมเป็นห่วงต้น!
     “ถอยไป! พี่จะรีบไปธุระ”
     ผมหมดความอดทนแล้วครับ!
     “ธุระอะไรอีกพี่ มีอะไรสำคัญกว่าร้านโดนยัดยาอีกเหรอ?”
     พี่วุธมองหน้าผมด้วยแววตาสงสัยแล้วโกหก
     “เออก็ธุระเรื่องนี้แหละ”
     “อย่าโกหกน่ะพี่ พี่ให้เงินเขาไปแล้วผมรู้ บอกผมมาดีกว่าว่าพี่พาต้นไปไว้ที่ไหน?”
     “เฮ้ยอะไรวะอาร์ม!”
     มันผลักอกผม ผมเกือบจะสวนมันแล้วถ้าไม่มีคนมาขัดจังหวะ
     “ต้นอยู่ที่ไหน!”
     แม็กซ์เดินมาหาพวกผมแล้วตะคอกใส่พี่วุธ ซวยแล้ว!
     “อะไรของน้อง!”
     “กูให้โอกาสมึงตอบดีๆ ต้นอยู่ที่ไหน?”
     ไอ้แม็กซ์น็อตหลุดแล้วนี่หว่า!
     “แม็กซ์ใจเย็น!”
     ระหว่างที่ผมหันมาห้ามแม็กซ์ พี่วุธก็เปิดประตูรถ แม็กซ์เลยโมโหกระชากพี่วุธออกมาแล้วเอาปืนจ่อหลัง สัสแม็กซ์!
     “ไอ้แม็กซ์!”
     “กูถามมึงดีๆ แล้วนะ เลือกเอา จะพากูไปหาต้นหรือจะนอนเป็นศพตรงนี้!”
     ผมไม่กล้าผลีผลามเข้าไปห้ามแล้ว ไอ้แม็กซ์ปลดเซฟปืนรอเลยนี่หว่า!
     “มึงเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ? ให้กูพามึงไปสวรรค์ด้วยลูกปืนกูเอามั้ย?”
     แม็กซ์มันจ่อปืนไปที่ก้นพี่วุธ น่ากลัวเหี้ยๆ ถ้าพี่วุธมันยังลีลาอยู่แบบนี้ไอ้แม็กซ์ฆ่ามันแน่!
     “เฮ้ยๆ น้องใจเย็น! เราตกลงกันได้นะ”
     “พากูไปหาต้น!”
     แม็กซ์มันเลือดขึ้นหน้าสุดๆ แล้ว!
     “ต้นอะไร? พี่ไม่รู้เรื่อง!”
     “มึงยังทำไขสืออีกเหรอ? มึงเห็นนี่ป่ะ? เค้าเรียกที่เก็บเสียงว่ะ กูพาตำรวจมายัดยาร้านมึงได้กูก็ทำให้มึงหายไปแบบเนียนๆ ได้เหมือนกัน”
     “เราคุยกันดีๆ ก็ได้”
     “เออๆ นั่นดิ ใจเย็นๆ หน่อยเหอะแม็กซ์ พี่วุธบอกพวกผมมาเหอะพี่! เพื่อนผมมันเอาจริงนะ ปืนจริงนะพี่!”
     ผมรู้ดีว่าพี่วุธไม่เชื่อแต่ไม่กล้าผลีผลาม แต่พี่เขาควรจะคิดให้เร็วกว่านี้เพราะเพื่อนผมมันใจร้อน
     “ปุ๊!”
     “โอ๊ย!”
     “สัสแม็กซ์!”
     แม็กซ์มันลั่นไกไปที่ขาของพี่วุธ พี่เขาลงไปดิ้นเลยครับ
     “กูกลัวมึงไม่เชื่อ”
     ไอ้แม็กซ์ยิ้มโคตรโรคจิต!
     “ลากมันขึ้นมาอาร์ม เราจะไปตามหาต้นกัน”
     ผมขยับจะเข้าไปหาพี่วุธแต่ก็กลัว พี่เขาหันมามองผมตาแดงก่ำ โชคดีที่ร้านปิดแล้วเลยไม่มีคนอีก เด็กเสิร์ฟบางคนออกมายืนมองแต่พอเห็นปืนในมือแม็กซ์ก็รีบหลบไป
     “หาอะไรอุดปากมันด้วย กูรำคาญ กูบอกมึงไว้เลยนะ อย่าตุกติก เพราะกูรู้ว่ายิงตรงไหนมึงไม่ตายแต่ทรมาน พากูไปหาต้นดีๆ ดีกว่า อย่าเสี่ยงให้ตัวมึงมีรูเพิ่มเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     เกิดอะไรขึ้นกับผม ผมรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนก้อนเมฆเลยครับ ตัวมันเบาๆ แต่ร้อนวูบวาบแปลกๆ มีเสียงคนคุยกันแต่ผมฟังไม่ได้ศัพท์ ผมว่าผมคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก
     “แม่มกล้องกูเจ๊งหมด ไอ้ห่าเอ้ย!”

     ...

     “เอาจริงเหรอพี่?”
     “เออ จับมันขึ้นมา!”
     “สภาพนี้เนี่ยนะ?”
     “เออ!”

     ...

     ผมร้อนๆ หนาวๆ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองเหงื่อออก

     ...

     “พี่ช่วยจับมันหน่อย โคตรดิ้นเลย ผมถอดกางเกงมันไม่ได้”
     “อื้ม...”
     “ยังจะฤทธิ์เยอะอีกนะมึง”
     ผมไม่รู้ว่าใคร แต่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรบางอย่างกับผม จั๊กจี้ชะมัด

     ...

     “อ้าปากหน่อยต้น”
     “อื้อ”
     อะไรบางอย่างอุ่นๆ จ่อมาตรงปาก กลิ่นมันคาวผมเลยพยายามหันหน้าหนี มันถูกดันเข้ามาทิ่มปากผมจนน่ารำคาญ
     “อื้อ!”
     อ๊ะ! หายใจไม่ออก ทำไมอยู่ๆ ผมหายใจไม่ออก อื้ม มีอะไรเข้ามาในปากผมก็ไม่รู้!
     “อึ๊!”
     “นั่นแหละ อยู่นิ่งๆ ให้กูเก็บภาพซะที”
     “โหดไปป่าวพี่”
     “อย่ามัวแต่พูดมากน่ะ แข็งยังอะมึง”
     “ใจเย็นดิพี่ ขอเวลาผมหน่อย”
     ผมหายใจไม่ออกแล้วก็อยากสำลักเป็นบ้า!
     “อื้อ”
     ผมพยายามส่งเสียงประท้วง แต่มันกลับอู้อี้เพราะอะไรบางอย่างในปาก ผมพยายามจะคาย แต่มันดันเข้ามาอยู่เรื่อย

     ...

     นานพอสมควรกว่าที่ปากผมจะเป็นอิสระ ผมรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทันที แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บที่ซี่โครง
     ทำไมผมถึงเจ็บซี่โครงล่ะ?

     ...

     เอ๊ะ? ใครทำอะไรกับก้นผม? รู้สึกเย็นๆ ตรงก้นจังเลยครับ เปียกๆ เย็นๆ อะไรน่ะ? เหมือนโดนละเลงครีมตรงนั้นเลยฮ่าๆ เย็นวาบเลย

     ...

     อื้อ เสียวอ่ะ!
     การถูกสัมผัสตรงนั้นทำให้ผมมีอารมณ์แปลกๆ
     แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกรูด เหมือนมีคนเล่นกับตรงนั้นของผมเลย อย่างกับมีคนใช้ปากให้ ... แปลกจัง เสียว... เกิดอะไรขึ้น?
     เกิดอะไรขึ้นกับผม? พี่ชัช ... พี่ชัชปล้ำผมเหรอ? ผมคืนดีกับพี่ชัชแล้วเหรอ?
     ไม่สิ ... สองคน ใคร?
     หายใจยากจัง เจ็บหน้าอก

     ...

     ผมโดนซ้อมนี่นา!
     ซ้อม ...
     พี่บอม!
     “อื๊อ!”
     “แม่มดิ้นอีกแล้ว!”
     “รูมันคับคงเจ็บมั้งพี่”
     “มึงจะเล่นอีกนานมั้ยวะ?”
     “จะเอาตูดต้องใจเย็นนิดพี่”
     “มึงให้กูถ่ายนิ้วเหรอ! โชว์ค.วยมึงได้แล้ว!”
     “ถ้ารูมันคับผมก็เข้าไม่ได้ ฝืนยัดไปตอนนี้มันเจ็บหัว”
     ไอ้สารเลว!
     “ออกไป!”
     “ยังมีสติอีกเหรอต้น ฮ่าๆ”
     “ไอ้สารเลว!”
     ผมพยายามจะดิ้นแต่กลับทำไม่ได้ แขนผมถูกมันจับมัดไว้ทั้งสองข้าง ขาผมก็ไม่มีแรง มันล็อกขาผมไว้จนดิ้นไม่ได้!
     “ขอกูซูมหน้าชัดๆ หน่อยเถอะ ดื้อจังนะมึง”
     ผมพยายามจะหันหน้าหนี พยายามจะพลิกตัวหลบ แต่ทำได้ลำบาก พี่บอมจับข้อเท้าผมไว้ข้าง ผมขยับตัวหนีสิ่งแปลกปลอมที่มันใส่เข้ามาในตัวผมไม่ได้!
     “ยิ่งดิ้นยิ่งตอดดีจังเลยต้น ฮ่าๆ”
     “ไอ้ชาติชั่ว ฮือๆ
     “ร่อนเอวหนีแบบนี้เสียวมากเหรอ ฮ่าๆ”
     ไอ้สารเลว!
     ผมไม่ตายแต่ผมกำลังตกนรก! พี่ชัชช่วยผมด้วย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     ผมเคยเห็นแม็กซ์โมโหหลายครั้ง แม็กซ์โมโหอาละวาดบ่อยแต่ผมไม่เคยเห็นมันบ้าเลือดครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้ เหนือสิ่งอื่นใดผมโมโหตัวเอง ผมยืนห้ามแม็กซ์ไม่ให้ยิงพวกมันทั้งๆ ที่ตัวเองอยากฆ่าไอ้สัตว์นรกพวกนี้! คนที่สมควรโดนยิงไม่ใช่พวกมันแต่เป็นผม! ผมปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับต้น!

     ผมขับรถตามคำบอกของพี่วุธที่โดนแม็กซ์ถือปืนจ่ออยู่เบาะหลัง พี่วุธกุมขาบอกทางแล้วก็เงียบไม่กล้าลองดีกับแม็กซ์อีก แม็กซ์ยิงขาพี่วุธถากๆ ก็จริงแต่เลือดที่ไหลออกมาก็มีจำนวนไม่น้อย มันไม่แคร์ว่าใครจะตาย ผมก็ไม่สนใจถ้าพี่วุธจะตาย แต่ถ้ามันตายเพราะเพื่อนผมๆ ห่วงเพื่อน
     “เฮ่ยแม็กซ์ เลือดพี่เขาไหลเยอะเหมือนกันนะเว้ย”
     “ช่างแม่ง”
     “พี่เขาหน้าซีดละนะมึง เดี๋ยวก็เสียเลือดตายหรอก”
     “มันหน้าซีดเพราะปืนในมือกูหรอก ใช่ป่ะ?”
     มีการเอาปืนไปตบหน้าพี่วุธอีกนะมึง! เป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
     “มึงรีบๆ ขับไปเหอะอาร์ม กูยิงถากๆ ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ เลือดไหลแค่นี้ไม่ตายหรอก”
     บทสนทนาจบลงแค่นั้นเพราะผมไม่กล้าขัดใจแม็กซ์ ใครจะไปกล้าเถียงกับมันตอนมีปืนอยู่ในมือ ที่สำคัญผมห่วงพี่วุธก็จริงแต่ห่วงต้นมากกว่า
     พอถึงโรงแรมพี่วุธตุกติกบอกว่าไม่รู้ห้อง เพราะเพื่อนเป็นคนพาต้นมา แม็กซ์โมโหจนเอาปืนตบหน้าพี่วุธไปอีกดอก!
     “กูบอกละไงอย่าตุกติก!”
     “กูไม่รู้จริงๆ พวกกูนัดกันที่นี่ก็จริงแต่ไอ้บอมเป็นคนพาต้นมา!”
     พี่วุธกับพี่บอมร่วมมือกัน! สีหน้าแม็กซ์เดือดดาลกว่าเดิมเมื่อได้ยินชื่อพี่บอม
     “มึงรู้เรื่องนี้รึเปล่าอาร์ม?”
     เหงื่อเย็นๆ  ไหลลงมาตามขมับผม
     “กูก็พึ่งรู้”
     ผมจ้องตาตอบแม็กซ์ไปตามตรง แม็กซ์โกรธผม ผมรู้ดี ขนาดผมยังโกรธตัวเองเลย ผมน่าจะระวังให้มากกว่านี้ ผมน่าจะรู้อยู่แล้วว่าพี่บอมไม่ได้มาดี สายตาของแม็กซ์ทำให้ผมยิ่งเกลียดตัวเอง
     “โทรหามัน ถามมันว่าอยู่ห้องไหน”
     แม็กซ์ไม่ได้ด่าผมด้วยคำพูด แต่มันใช้สายตาฆ่าผมแทน!
     “ถ้าตุกติกมึงตาย”
     มันล้วงโทรศัพท์ของพี่วุธออกมายื่นให้ พอพี่วุธกดโทรมันก็แย่งมาถือแล้วกดลำโพง รอไม่นานก็มีคนรับ แต่เสียงที่รับไม่ใช่เสียงของพี่บอม และเสียงร้องของต้นที่ได้ยินจากโทรศัพท์ก็บีบหัวใจพวกผม!
     ระหว่างที่พวกมันคุยกันพวกผมกลับถูกเสียงร้องไห้ของต้นแย่งความสนใจ ต้นร้องไห้พลางด่าพวกมัน เสียงหัวเราะของคนในห้องกับคำพูดที่บ่งบอกว่าพวกมันกำลังสนุกกับต้นทำให้แม็กซ์ใกล้ขาดสติเข้าไปทุกที ไม่ใช่แต่มันหรอก ผมเองก็เช่นกัน!
     พวกมันทำอะไรต้น! ทำไมต้นถึงเป็นแบบนั้น? ผมไม่รู้ว่าตัวเองน้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้อย่างนึงว่าผมอยากรีบไปหาต้น!
     “ห้องสองศูนย์หก”
     พี่วุธรีบบอกทันทีที่วางสาย ความจริงพี่เขาพยายามถามห้อง แต่คนในสายไม่รู้เรื่องทางนี้เลยโอ้อวดอย่างเมามันถึงเหตุการณ์สนุกๆ ภายในห้อง และนั่นก็ทำให้เพื่อนผมคลั่ง
     “กูจะตอบแทนมึงยังไงดีวะ?”
     แม็กซ์จ่อปืนเข้าที่ขมับของพี่วุธ
     “กูพามึงมาแล้วไง! พวกมันทำกันเอง กูไม่รู้เรื่อง!”
     แม็กซ์ยิ้มแล้วเอาด้ามปืนฟาดไปที่หน้าของพี่วุธอย่างแรง!
     “สัตว์นรกอย่างมึงอะ ตายๆ ไปซะเหอะ!”
     แม็กซ์มันกระหน่ำทุบพี่วุธไม่ยั้ง!
     “เฮ้ยแม็กซ์พอเหอะ รีบไปหาต้นกันดีกว่า นะ กูขอ”
     ต่อให้พี่วุธตายผมก็ไม่สน แต่ผมห่วงต้น!
     พวกเราทิ้งซากพี่วุธไว้ในรถแล้วเดินเข้าโรงแรมไปยังห้องสองศูนย์หก ผมรู้ว่ามันประหลาดที่ผู้ชายสองคนเดินน้ำตาไหลเข้าโรงแรมตอนเที่ยงคืน แต่ผมไม่รู้ว่าสภาพของต้นที่เห็นจะทำให้ผมร้องไห้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “เสียงเคาะประตู สงสัยไอ้วุธมาแล้ว”
     “พี่จะให้ผมลุกไปเปิดเหรอ?”
     “เออๆ กูรู้ มึงถือโทรศัพท์ถ่ายต่อแทนกูแปป กูไปเปิดประตูเอง”
     “เคพี่”
     “เฮ้ยอะไรวะ!”


     ผมกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง
     ผมตะโกนด่ามันเท่าที่สมองผมจะคิดออก
     ผมพยายามดิ้นเท่าที่ร่างกายจะทำไหว
     เมื่อไหร่ความทรมานนี้จะจบลงซักที?
     ผมไม่เคยไปทำอะไรใคร ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผม!

     ความชั่วร้ายของพวกมันดำเนินไปท่ามกลางสติอันเลือนราง ผมไม่อยากรับรู้แล้วว่าตัวเองถูกพวกมันย่ำยีอะไรบ้าง ให้ผมตายไปเลยยังจะดีซะกว่า!

     แต่แล้วเสียงครางเรียกชื่อผมก็แว่วมา มีคนกอดผม!
     ถึงผมจะไม่คุ้นเคยกับอ้อมกอดนี้ แต่ผมรู้ดีว่ามันปลอดภัย กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ นี้ผมจำได้! กลิ่นที่ทำให้ผมนึกถึงดวงอาทิตย์!
     “อาร์ม...”
     อาร์มใช่มั้ย?
     “อาร์มช่วยเราด้วย”
     ผมรอดแล้วใช่มั้ย?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     ทันทีที่ประตูเปิดผมก็ผลักบานเข้าไปกระแทกคนด้านในแล้วชักปืนออกมาขู่ ผมยืนคุมเชิงกับมันเลยไม่ทันได้สังเกตสภาพในห้อง ไอ้อาร์มตามเข้ามาทีหลัง เสียงของมันทำให้ผมต้องหันตาม
     “ต้น!”
     ผมรู้เลยอาการหัวใจสลายเป็นยังไง
     “เฮ้ยอะไรวะ!”
     ไอ้เหี้ยบอมตกใจที่เห็นผมกับอาร์ม มันหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วถอยออกไปอยู่ข้างๆ ต้น และนั่นก็ทำให้ผมเห็นสภาพของต้นชัดขึ้น ปืนในมือผมสั่นจนอยากจะลั่นกระสุนเจาะกะโหลกพวกมัน!
     อาร์มไม่สนใจอะไรอีกแล้ว มันรีบวิ่งไปหาต้นแล้วช้อนร่างปวกเปียกขึ้นมาแนบอก ผมเคยเห็นอาร์มร้องไห้หลายครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันฟูมฟาย
     “ไอ้สัส! มึงทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง! กูไม่น่านับถือมึงเลย!”
     ผมเองก็น้ำตาไหลเหมือนมัน
     “ไอ้หน้าตัวเมีย!”
     “อาร์ม ... อาร์มช่วยเราด้วย”
     เสียงพึมพำของต้นดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางเสียงตะโกนของอาร์ม ผมปล่อยให้อาร์มดูแลต้นเพราะมีเศษสวะที่ต้องจัดการ!
     พวกมันมีกันสอง พวกผมก็มากันสอง แต่ผมมีปืน!
     “พวกมึง ถอยไปยืนรวมกันตรงโน้น”
     ตอนแรกพวกมันขัดขืน แต่พอผมโบกปืนขู่มันก็ไม่กล้า
     ผมปล่อยให้อาร์มเป็นคนจัดการกับต้นเพราะผมไม่กล้าหันไปมองมากกว่านี้ ผมกลัวตัวเองฟิวส์ขาด!
     ผมกวาดตาสำรวจภายในห้องให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอันตรายสำหรับพวกผม อาร์มกอดต้นที่กองอยู่บนเตียง พวกมันสองคนยืนยกมืออยู่ตรงมุมห้อง ภายในห้องไม่มีคนอื่น แต่แล้วกล้องวีดีโอที่วางอยู่บนโต๊ะก็สะดุดตาผม!
     “นี่อะไร?”
     ไอ้บอมกับไอ้หนวดมองหน้ากันเลิกลั่ก
     “กูถามว่านี่อะไร! พวกมึงจะถ่ายคลิปเพื่อนกูเหรอ!”
     “เปล่าๆ กล้องมันเจ๊ง ถ่ายอะไรไม่ได้หรอก!”
     “งั้นเหรอ? แต่ที่กูได้ยินในโทรศัพท์ไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า”
     ผมไม่รู้ว่ามันตัวไหนเป็นคนซ้อมต้น แต่พวกมันสองตัวต้องตายคาตีนผม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     ทันทีที่ประตูเปิดแม็กซ์ก็นำเข้าไปก่อน ผมรู้ว่ามันคุมสถานการณ์ภายในห้องได้ด้วยปืนของมัน ผมรีบตามเข้าไปแล้วมองหาต้น
     แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดกับร่างเปลือยเปล่าที่กองอยู่บนเตียง!
     “ต้น!”
     พี่บอมตกใจที่เห็นพวกเราเลยกระเด้งตัวหนี มันถอยออกไปทำให้ผมเห็นสภาพของต้นเต็มตา
     มีร่องรอยตามตัวต้นเต็มไปหมด! แค่ที่หน้าอย่างเดียวก็ช้ำจนแทบดูไม่ได้ ตอนที่ผมไปต่อยกับคู่อริแล้วแพ้ยังไม่น่วมถึงขั้นนี้เลย!
     ต้นนอนนิ่งผิดปกติ ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมไม่มีทางนอนให้คนอื่นทำอะไรง่ายๆ นอกจากพวกมันจะวางยาเพื่อนผมแล้วยังซ้อมต้นปางตาย!
     ใจคอพวกมันทำด้วยอะไรถึงได้ทำกับคนไร้ทางสู้แบบนี้!
     “ไอ้สัส! มึงทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง กูไม่น่านับถือมึงเลย!”
     ผมแค้นตัวเองที่เคยเรียกมันว่ารุ่นพี่ เคยยกมือไหว้มัน เคยเกรงใจมัน คนอย่างมันไม่มีค่าอะไรให้ผมเคารพแม้แต่น้อย!
     “ไอ้หน้าตัวเมีย!”
     “อาร์ม ... อาร์มช่วยเราด้วย”
     ต้นในอ้อมแขนผมพึมพำเสียงแผ่วเบา
     “ต้นขอโทษนะ ขอโทษ เรามาช่วยนายแล้วนะ”
     ผมผิดเองทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง เพราะผมดูแลต้นไม่ดี ผมน่าจะกันต้นไว้แต่แรก ผมไม่ควรพาต้นมาเสี่ยงเลย ต้นต้องเจอเรื่องแบบนี้เพราะผม! ผมทำให้ต้นเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกแล้ว!
     “กูถามว่านี่อะไร! พวกมึงจะถ่ายคลิปเพื่อนกูเหรอ!”
     เสียงตะคอกของแม็กซ์เรียกให้ผมเงยหน้าไปมองพวกมัน
     “เปล่าๆ กล้องมันเจ๊ง ถ่ายอะไรไม่ได้หรอก”
     “งั้นเหรอ? แต่ที่กูได้ยินในโทรศัพท์ไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า”
     แม็กซ์มันตอบกลับแล้วเอาปืนฟาดไปที่หน้าของไอ้สัสนั่น มันกระทืบเขาไม่ยั้งเท้าจนไอ้บอมยืนตัวสั่น มันถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ
     “แม็กซ์ ในมือมัน!”
     แม็กซ์หันมาตามเสียงแล้วมองไปยังไอ้บอม
     “มันบอกให้กูถ่าย! ไม่ใช่ความคิดกู!”
     ไอ้คนแรกนอนสลบจมกองเลือดคาเท้าเพื่อนผมไปแล้ว ผมไม่ห้ามมันหรอก โดนกระทืบซี่โครงหักก็สาสมดี เหลือแต่มึงแหละไอ้เหี้ยบอม!
     “ส่งมาให้กู!”
     ไอ้บอมลนลานส่งมือถือให้แม็กซ์ๆ มันกดดูแล้วก็ทำหน้าทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นผมมองหาเสื้อผ้าของต้น เสื้อและกางเกงตกอยู่ใกล้ๆ กระเป๋าต้นถูกวางไว้ตรงโต๊ะ ต้นบอบช้ำแบบนี้ผมใส่กางเกงให้ต้นไม่ได้แน่ๆ ผมอยากเช็ดคราบสกปรกพวกนี้ออกไปจากตัวเพื่อนผมแต่ผมอยากรีบพาต้นออกไปจากที่นี่มากกว่า! อดทนหน่อยนะต้น
     “นอกจากในคลิปนี้มึงทำอะไรต้นอีกบ้าง?”
     “เปล่ากูไม่ได้ทำ”
     ไอ้บอมรีบปฏิเสธ แต่แม็กซ์จ่อปืนเข้าที่ขมับของมัน
     “กูไม่ใช่คนซ้อมต้น มันเป็นคนทำ! กูห้ามมันแล้วแต่ต้นขัดขืนมันเลยโมโหไม่ฟังกู”
     “อ้อ... มึงเป็นคนเอา มันเป็นคนถ่าย หึๆ”
     ไม่ไหวแล้วแม่ง!
     “หัวใจมึงทำด้วยอะไรวะ! มึงยังเป็นคนอยู่รึเปล่า? ไอ้สัส! มึงรักต้นไม่ใช่เหรอ? มึงปล่อยให้คนอื่นซ้อมต้นปางตายแล้วมึงยังจะเอาต้นลงอีกเหรอวะ!”
     ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดี เลวไม่มีที่ติจริงๆ คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอ?
     “นี่โทรศัพท์ใคร?”
     “ของมัน”
     “อาร์ม ค้นตัวมัน”
     แม็กซ์หันมาสั่งผม ตอนแรกผมไม่เข้าใจแต่ประโยคถัดมาก็ทำให้กระจ่าง
     “ยึดกล้องมัน ค้นให้ทั่ว อย่าให้มีอะไรหลุดไปเด็ดขาด!”
     ผมวางต้นลงตั้งใจจะไปเก็บของตามคำสั่งของแม็กซ์ แต่ต้นร้องขึ้น!
     “อาร์ม! อย่าทิ้งเราไป ช่วยด้วย! เรากลัว ฮือๆ
     ต้นพยายามกอดผม มือของต้นคว้าเสื้อผมไว้แน่น ต้นไม่มีสติ ผมไม่อยากปล่อยต้นเลยแต่จำเป็นต้องทำเพราะผมอยากจัดการเคลียร์ที่นี่ให้เสร็จ พวกเราจะได้ออกจากนรกซะที!
     “โอเคนะต้น เดี๋ยวเรามา เดี๋ยวเราพานายกลับบ้านนะ”
     “ไม่ๆ อย่าทิ้งเรา”
     “แป็บนึงนะต้น นะ”
     ผมปลอบต้นอีกสองสามประโยคก่อนจะผละออกมา ผมเริ่มจากค้นไอ้บอมก่อนจะไปค้นอีกคน มันยังไม่ตายแต่สลบคาเท้าแม็กซ์ไปแล้ว แต่แม็กซ์มันไม่กล้าประมาทมันยืนถือปืนคุมเชิงไว้ตลอดเวลา ผมเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าส่งให้แม็กซ์ มันรอบคอบเสมอ ผมรู้ดีถ้าคลิปนรกนี่หลุดออกไปต้นจะเจอกับเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหน แค่นี้ต้นก็โชคร้ายมากพอแล้ว
     แม็กซ์ยืนถือปืนขู่ไอ้บอมและคอยซ้ำอีกคนระบายอารมณ์เป็นระยะขู่ไอ้บอมไปในตัว ไอ้สัสนี่ยังไม่โดนตีนเพื่อนผมสักแอะแต่กลับกลัวจนลนลาน เอาเข้าจริงมันก็กลัวจนไม่กล้าขัดขืนพวกผม ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี!
     ผมดึงผ้าห่มมาพันตัวต้นไว้แล้วช้อนร่างของต้นมาอุ้มก่อนจะหันไปมองแม็กซ์ มันหันมาพยักหน้าให้ผมก่อนจะเล็งไปที่หัวของไอ้บอม!
     “เฮ่ยอย่า!”
     “แม็กซ์! ไม่คุ้มกันนะเว้ย! รีบพาต้นไปจากที่นี่ดีกว่า”
     “กูถามมึงอีกครั้ง นอกจากที่กูเห็นในคลิป มึงได้ทำอะไรต้นอีก?”
     “ยังไม่ทันได้ทำอะไรพวกมึงก็มา”
     “มึงแน่ใจนะ?”
     แม็กซ์กดปืนเข้าที่หัวของไอ้บอมจนมันสติแตก
     “แน่ๆ กูแค่จูบนิดหน่อย นอกนั้นไม่มีแล้ว!”
     “แล้วอีกคนล่ะ?”
     “มันแค่ซ้อมต้นอย่างเดียว พวกกูยังไม่ได้เอาต้น”
     มึงเรียกว่าแค่เหรอวะ? พวกมึงซ้อมต้นสะบักสะบอม แค่แผลแตกพวกนี้ต้นก็ติดเชื้อได้แล้ว! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับต้นผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง!
     “ไปเหอะแม็กซ์”
     ผมแทบไม่มีแรงอุ้มต้นแล้ว ความกลัวกัดกินจนแขนผมไร้กำลัง
     “อีกแป็บอาร์ม”
     แม็กซ์มันหันมาบอกผม ผมเห็นแววตาของมัน
     “ทีนี้มึงรู้แล้วยังว่ากูกับมึงมันคนละชั้น”
     “กูรู้แล้ว! รู้แล้ว!”
     “มึงรู้ใช่มั้ยกูรักต้นมาก?”
     “รู้ๆ”
     “แต่ต้นไม่ได้รักกู กูยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ข้างๆ มัน ถึงต้นไม่รักกูก็ไม่เป็นไร กูขอแค่ได้ดูแลมัน แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องคนที่กูรัก! กูยังไม่เคยคิดจะใช้วิธีเหี้ยๆ แบบนี้เลย ละมึงเป็นใคร!”
     เพื่อนผมกดปืนเคาะกับขมับขู่มัน ไอ้เหี้ยบอมมันกลัวจนใกล้บ้า!
     “กูผิดไปแล้วกูขอโทษ!”
     สายตาของแม็กซ์บ่งบอกทุกอย่าง มันดูเจ็บปวดที่สุดตั้งแต่รู้จักมันมา แม็กซ์มันโคตรรักต้น ผมว่ามันตายเพื่อต้นได้ และมันไม่แคร์ถ้าต้องฆ่าใครเพื่อต้น!
     “ขอโทษกูเหรอ? ไปขอโทษต้นเหอะ แต่มึงต้องไปขอโทษในนรก!”
     “ปุ๊!”
     ไอ้แม็กซ์ยิงไอ้บอม!
     “แม็กซ์!”
     “อย่า!”
     ไอ้บอมตะโกนลั่นเหมือนคนเสียสติ โล่งอก! แม็กซ์มันเบี่ยงปืนวินาทีสุดท้าย มันไม่ได้ฆ่าไอ้เหี้-ยนี่!
     “คนอย่างมึงไม่มีค่าให้กูกับพ่อต้องเหนื่อยเก็บกวาดหรอก”
     มันพูดทิ้งท้ายก่อนจะตบปืนเข้าที่ท้ายทอยของไอ้บอมจนสลบ
     ค่อยยังชั่ว เพื่อนผมยังไม่ฆ่าคนตาย!
     “ไปเหอะแม็กซ์”
     “เออ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รอด! อาร์มกอดต้นแน่นๆ นะ ฮือๆ  :hao5:  ชูป้ายไฟอาร์ม!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
แม็กซ์

     ผมปล่อยให้อาร์มอุ้มต้นออกมา พวกเรารีบแผ่นกันเงียบๆ ผมไม่รู้ว่าเสียงโวยวายในห้องจะดังพอให้ใครสนใจรึเปล่า แต่คิดว่าภายในห้องพักไม่น่าจะมีกล้องวงจรปิด โรงแรมกึ่งหอพักรายวันกระจอกๆ แบบนี้ผมมั่นใจว่าถ้าผมจ่ายเรื่องก็คงจบ
     จากที่คนของป๊าผมประเมินไอ้วุธมันน่าจะมีเรื่องผิดกฎหมายใจมือไม่มากก็น้อย ถ้ามันไม่อยากเสี่ยงเจอตอมันคงไม่กล้าเอาเรื่องผม รวมถึงไอ้เวรสองตัวนั่นด้วย เพราะผมเก็บหลักฐานประจานความเลวมันกลับมาทั้งหมด ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมจะไม่โดนตั้งข้อหาใดๆ แต่ผมต้องโทรไปตกลงกับป๊าผมก่อน อย่างน้อยก็ควรจะปรึกษาป๊าว่าจะเอายังไงต่อ
     ผมมีเรื่องต้องคิดมากมายระหว่างเดินออกมาจากโรงแรม ผมรู้ว่าคราวนี้ผมทำเรื่องหนัก ผมรู้ว่าป๊าต้องยอมช่วยผม ป๊าจะไม่ปล่อยให้ผมเป็นอะไร แต่ผมอาจจะต้องแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับป๊า เวร! พวกเราไม่ได้เอารถมากัน ผมต้องให้คนไปเอารถผมกับอาร์มที่ร้านด้วยนี่หว่า!
     “แม็กซ์ แท็กซี่มาแล้ว”
     มันโคตรน่าสงสัยที่ผู้ชายสองคนอุ้มห่อผ้าที่มีผู้ชายหมดสติมาเรียกแท็กซี่ตอนดึก และต้นถูกห่อไว้ด้วยผ้าห่มเปื้อนเลือด! สายตาหวาดระแวงของคนขับไม่ไว้ใจพวกผม ผมต้องเก็บปืนของผมให้มิดชิด!
     “ไปร้านแสตนอัพ”
     ผมบอกแล้วเปิดประตูหลังให้อาร์ม มันประคองต้นนั่งที่ด้านหลังส่วนผมขึ้นไปนั่งด้านหน้าคู่คนขับ
     “ไปมีเรื่องมาเหรอน้อง?”
     “แล้วถ้าพี่ยอมเงียบตลอดทางผมให้พี่เพิ่มอีกสองพัน”
     “คงไม่มาตาย-”
     “เพื่อนผมโดนมอมยาเฉยๆ พวกผมกำลังจะพาเพื่อนกลับบ้าน พี่ไปส่งพวกผมหน่อยนะครับ รับรองพี่ไม่เดือดร้อนหรอก”
     คนขับหันไปมองอาร์มที่นั่งกอดต้น สายตาของอาร์มทำให้มันใจอ่อน อาร์มมันใจสลายยิ่งกว่าตอนเลิกกับหญิงคนแรกของมันอีก
     “เออๆ ไปก็ไป แฟนน้องเหรอ?”
     “ไม่ใช่พี่ พวกเราสามคนเป็นเพื่อนกัน”
     เสียงของอาร์มโคตรเจ็บปวด คำพูดมันแทงใจดำผม ผมคือคนที่รักต้น ส่วนมัน ... ผมคิดว่าอาร์มชอบต้น มันคือคนที่ดีกับต้นที่สุดตั้งแต่แรก เพราะมันรู้ดีว่าต้นชอบมัน
     ถ้าต้นเป็นผู้หญิง มันคงไม่ลังเลที่จะจีบ แต่เพราะผมแสดงตัวว่ารักต้นมาตลอดอาร์มมันเลยไม่คิดอะไรอีก มันเป็นคนไม่ชอบแย่งของๆ เพื่อน
     “อาร์ม เดี๋ยวกลับไปที่ร้านแล้วเอารถมึงกลับคอนโดต้นนะ ส่วนของกูเดี๋ยวกูให้เด็กของป๊ามาเคลียร์”
     “ไปคอนโดเหรอ?”
     “แล้วมึงจะให้พากลับไปให้ปู่มันหัวใจวายตายเหรอ?”
     “กูอยากพาต้นไปโรงพยาบาล”
     “ให้แฟนมันจัดการ โทรบอกแฟนมันให้มาดูเอง จะโรงบาลจะแจ้งความให้แฟนมันตัดสินใจ”
     “มึงไม่ห่วงต้นเหรอแม็กซ์”
     “กูห่วง แต่กูคิดว่ามีคนสมควรเห็นสภาพต้นมากกว่ากู”
     “เอางั้นก็เอา...”
     ผมคงเหมือนคนใจร้ายที่ไม่รีบพาต้นไปโรงพยาบาล แต่เรื่องนี้ต้องรอบคอบ ผมไม่อยากให้มีปัญหา
     “กุญแจห้องไอ้ต้นอยู่ในกระเป๋ามันแหละ ส่วนโทรศัพท์คงอยู่ในกางเกง มึงจัดการไป กูจะโทรคุยกับป๊ากู”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
ชัยชัช

     เสียงโทรศัพท์ผมไม่ดังเพราะผมปิดไว้ แต่มันสั่นจนน่ารำคาญ ผมกำลังหลับเพลินๆ เพราะวันนี้ประชุมกับหมอทั้งวันโคตรเหนื่อย แต่จำใจต้องลุกไปหยิบมือถือมารับสาย
     ใครมันโทรมาตอนนี้วะจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว พรุ่งนี้กูต้องทำงานอีกนะมึง!
     “ฮัลโหล ขอสายชัยชัชครับ”
     “พูดอยู่ครับ”
     “ผมเพื่อนต้นนะครับ”
     เพื่อนไอ้ต้น? ผมเอาโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ เบอร์ไอ้ต้นจริงๆ ด้วย!
     “พี่อยู่ที่ไหนครับ พอจะกลับกรุงเทพตอนนี้เลยได้รึเปล่า?”
     อย่าบอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมียผม!
     “พี่อยู่กาญจนบุรีครับ มีอะไรเหรอ?”
     มึงจะเงียบทำไมวะ รีบๆ พูดมาสิโว้ย!
     “ต้น... ต้นอาการไม่ค่อยดีครับ ผมอยากให้พี่รีบกลับมาดูต้น”
     “เกิดอะไรขึ้นกับต้น!”
     “พี่กลับมาดูเองเถอะครับ”
     “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นน้องก็บอกพี่มาสิ พี่ต้องทำงานนะครับ อยู่ๆ จะกลับไปเลยได้ไง”
     แต่แล้วเสียงที่ผมเกลียดก็ดังแทรกเข้ามา
     “เอามานี่ กูคุยเอง”
     ไอ้มารหัวใจผมมันก็อยู่ด้วยเหรอ!
     “ต้นถูกมอมยา โดนซ้อม หนักพอที่มึงจะรับกลับมาดูเมียตัวเองได้รึยัง? แกร๊ก!
     โทรศัพท์ผมร่วงจากมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมต้องตั้งสติทบทวนใหม่อีกรอบ
     ถูกมอมยา? โดนซ้อม? พูดเป็นเล่นน่า ...
    ผมเข่าอ่อน พาลจะหน้ามืดจนต้องหลับตาแล้วสูดหายใจลึกๆ พยายามบอกตัวเองว่าอย่าพึ่งความดันขึ้นตอนนี้ อย่างน้อยผมต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันโกหก เมียผมไม่ได้เป็นอะไร!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาร์ม

     “แม็กซ์”
     “หุบปากนะอาร์ม ถ้าไม่ใช่เพราะมันทำให้ต้นเสียใจ ต้นก็คงไม่ต้องเจอเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้หรอก”
     ไม่ใช่หรอกแม็กซ์ ไม่ใช่เพราะแฟนต้น เพราะกูนี่แหละ ถ้ากูดูแลต้นให้ดีกว่านี้
     ผมอยากพูดแบบนั้นแต่ไม่อยากขัดใจแม็กซ์ เลยปล่อยให้มันโทรปรึกษาป๊าเรื่องเก็บกวาดที่เหลือแล้วหันมาสนใจต้นแทน
     ต้นหลับ แต่มือของต้นกำเสื้อผมไว้แน่น ผมเลยกอดต้นเอาไว้ ผมอยากให้ต้นรู้ว่ามันปลอดภัยแล้ว ต้นเห็นผมเป็นที่พึ่งแต่ผมกลับปกป้องต้นไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมมันกากจริงๆ
     พวกเราพาต้นกลับคอนโด ผมไม่เคยมาที่นี่แต่แม็กซ์ดูคุ้นเคยดี มันนำผมเข้าไปในห้อง ผมวางต้นลงบนเตียง พวกเราช่วยกันทำความสะอาดตัวให้ต้น สัสเอ้ย!
     “แม็กซ์ กูขอโทษ ฮือๆ
     ยิ่งเช็ด ร่องรอยบอบช้ำตามตัวต้นก็ยิ่งหลอกหลอนผม ต้นไม่ควรเจอกับเรื่องแบบนี้!
     “ใจเย็นๆ อาร์ม”
     แม็กซ์มันกัดฟันตอบโดยไม่มองหน้าผม ผมรู้ว่ามันโกรธผม
     “มึงเอาน้ำไปเปลี่ยนให้กูที”
     แม่ง!
     “มึงจะชกกูก็ได้ มึงชกกูเลยแม็กซ์! กูขอโทษ”
     เลือดเต็มไปหมด!
     “ไอ้เหี้ย! มีสติหน่อยสิวะ คิดว่ากูไม่โกรธมึงเหรอ? กูต่อยมึงแล้วได้อะไร มันลบล้างสิ่งที่เกิดได้มั้ย!”
     แม็กซ์มันตะโกนใส่หน้าผมเสร็จแล้วก็ร้องไห้ พวกเราร้องไห้
     “ช่วยกูเช็ดตัวให้ต้นก่อน เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าต้นเสร็จแล้วมึงจะไปตายที่ไหนก็ไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกจนกว่าต้นจะฟื้น”
     พวกเราไม่เคยแตกคอกัน ไม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้หญิง แต่ครั้งนี้พวกเราทะเลาะกันเพราะต้น และผมเป็นคนผิดเอง ผมสมควรโดน แค่แม็กซ์มันไม่กระทืบผมก็บุญแล้ว
     “ฮึก กูขอโทษ”
     “เก็บคำขอโทษของมึงไว้บอกกับต้นตอนมันตื่นเหอะ”

     ใกล้ตีสองแล้ว พรุ่งนี้ผมมีคลาสเช้า ผมยังต้องขับรถกลับบ้าน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ บ้านก็โคตรไกล เวลาของค่ำคืนนี้เหลืออีกน้อยนิด แต่สิ่งที่ต้องทำมีเพียบ และบาปในใจผมก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมส่งข้อความไปบอกน้องในทีมแล้วรีบออกมา ผมตั้งสติแล้วเหยียบคันเร่งเร็วที่สุดเท่าที่รถผมจะทำได้ โชคดีที่ทางหลวงพัฒนาแล้วผมเลยซิ่งกลับได้แบบไม่ต้องกลัวหลุมบ่อบนถนนจะทำให้รถเสียหลัก ชาวบ้านคงด่าผมน่าดูเพราะผมทั้งปาดทั้งมุด ถ้าทำได้ผมอยากเป็นผู้วิเศษที่เสกให้ตัวเองไปอยู่ที่คอนโด ณ. ตอนนี้เลย! ใจผมร้อนยิ่งกว่าไฟ!
     ขอบคุณที่ผมไม่ตายกลางทาง ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะซิ่งกลับจากกาญจนบุรีมากรุงเทพได้ภายในสองชั่วโมง! แต่ระยะทางจากที่จอดรถขึ้นไปยังห้องตัวเองนี่สิครับ โคตรไกลเลย อย่างกับปีนขึ้นภู ขาผมสั่นไปหมด ยิ่งกลับมาเห็นแสงไฟในห้องตัวเองสว่างความกังวลผมยิ่งพุ่งตามตัวเลขในลิฟต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมไขกุญแจเข้าห้องตัวเองอย่างยากลำบาก ผมไม่ได้ดื่มแต่มือผมสั่นยิ่งกว่าคนติดเหล้าที่ลงแดงระยะสุดท้าย พอเปิดเข้าไปในห้องได้ผมเห็นไอ้เด็กเวรนั่นนั่งอยู่ตรงโซฟา
     มันหันมามองผม ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไร แต่ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมภาวนาไม่เป็นจริง ผมแทบทรุดก้าวขาไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับเมียผม!
     “ต้นล่ะ?”
     “อยู่ในห้อง หลับ”
     สมองผมสั่งให้ตรงไปยังห้องนอน แต่ขาผมมันไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ยิ่งตอนที่จับลูกบิดประตูจะหมุนเปิดเข้าไปในห้องผมแทบล้มทั้งยืน ผมกลัว!
     และแล้วภาพที่เห็นก็ทำให้ผมทรุด ผมร้องไห้ออกมาไม่อายใคร จำได้ว่าตัวเองถลาเข้าไปกอดต้นแล้วฟูมฟาย ไอ้เด็กเวรนั่นไม่ได้ตามเข้ามา มีแต่ผมกับต้น ต้นหลับไม่ได้สติ ผมเองก็ไร้สติ คุณจะมีสติได้ยังไงถ้ากลับมาพบว่าเมียตัวเองแก้มช้ำ ที่หน้าผากมีรอยคล้ำม่วงๆ ตรงมุมปากก็มีแผลแตก มีร่องรอยถูกทารุณอยู่เต็มไปหมด ผมบอกตัวเองให้กล้าเข้าไว้แล้วสำรวจใต้ร่มผ้า ร่องรอยที่เห็นทำให้ผมทรมานแทน ตามชายโครงของต้นเป็นจ้ำอย่างเห็นได้ชัด รอยช้ำกระจายไปทั่วบ่งบอกความโหดร้ายที่เกิดขึ้น ไอ้สัตว์นรกตัวไหนมันทำกับเมียผมแบบนี้!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     “เกิดอะไรขึ้นกับต้น?”
     ในที่สุดมันก็ออกมาเผชิญหน้ากับผม
     “ต้นโดนมอมยา พวกมันกะจะถ่ายคลิปต้น แต่ต้นขัดขืนเลยโดนพวกมันซ้อม”
     “ใคร?”
     “พวกที่ต้นไปเจอที่ร้านกับ... คนที่เคยตามจีบต้น”
     “น้องปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับต้นได้ยังไง!”
     อะไรนะ? ผมเงยหน้ามองมันชัดๆ ว่าผมฟังผิดไปรึเปล่า?
     “มึงถามใคร?”
     หึๆ ฮ่าๆ
     “ถามกูเหรอ? กูเป็นใคร? คนที่เป็นแฟนต้นก็คือมึง! คนที่ไปเอากับคนอื่นจนต้นเสียใจแบบนี้ก็คือมึง กูควรจะถามมึงมากกว่าว่ามึงยังมีหน้าพูดว่ารักต้นอีกเหรอ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     คำพูดของไอ้เด็กนี่ทำให้ผมสะอึก ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นผุดขึ้นในใจ ผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าไอ้คนที่ทำต้นเลย นี่ผมยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนต้นอยู่อีกเหรอ?
     “มันเกิดขึ้นได้ยังไง? น้องช่วยเล่าให้พี่ฟังหน่อย”
     “ต้นไปเล่นดนตรีกับอาร์มๆ มันไปคุยธุระ พอกลับมาก็ไม่เจอต้น ถามเจ้าของร้านมันก็บ่ายเบี่ยง มันเลยโทรหากู พวกเราไปตามหาต้น พอไปเจอ ... ก็สภาพอย่างที่เห็น”
     “แล้วน้องรู้มั้ย เกิดอะไรกับต้นบ้าง พวกมันให้ต้นกินยาอะไร?”
     “ยาอะไรกูก็ไม่รู้ แต่ถ้ามึงอยากรู้ว่าเกิดอะไรบ้าง มึงดูเองเหอะ”
     มันส่งโทรศัพท์ให้ผม
     “ของพวกมัน เพราะต้นขัดขืนทำกล้องมันเจ๊งเลยโดนอย่างที่เห็น กูยึดของพวกนี้มาด้วยเพราะไม่แน่ใจ”
     ผมรับมาด้วยมือที่สั่นเทา ยิ่งภาพในคลิปดำเนินไปผมก็แทบล้มทั้งยืน!
     ภาพรอยยิ้มของต้นปรากฏขึ้นในความทรงจำขัดกับเสียงด่าทอในคลิป ผมยังจำได้ดีถึงวันที่ผมได้มันด้วยความเต็มใจเป็นครั้งแรก ต้นซุกหน้าลงบนอกผมด้วยสีหน้าเขินอายแตกต่างกับใบหน้าบิดเบี้ยวที่กำลังกรีดร้องในคลิป พวกมันทำลายต้น! แต่สาเหตุที่ทำให้ต้นเจอกับเรื่องเลวร้ายพวกนี้คือผมเอง ผมควรจะรู้ว่าเมียผมไม่มีทางมีคนอื่น ต้นมันรักผมจะตาย ผมยังกล้าทำร้ายจิตใจมัน
     ผมจำหนึ่งในพวกมันได้ ผมจะจองเวรกับมันให้ถึงที่สุด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     “พี่ฝากน้องดูแลต้นซักพักได้มั้ยครับ”
     ผมมองหน้ามันแทนคำถาม มันดูคลิปจบแล้วและมีสภาพไม่ต่างกับผมตอนเห็นคลิป น้ำตามันไหลอาบหน้า
     “พี่จะออกไปทำธุระข้างนอกหน่อย”
     “ไปไหน?”
     มึงยังจะออกไปไหนอีกเหรอวะ!
     “หลักฐานนอกจากคลิปนี้แล้วมีอะไรอีกบ้างครับ?”
     “ไม่มีแล้ว ในกล้องพวกนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับต้นนอกจากไฟล์อุบาทว์ของพวกมัน ไอ้พวกหาเงินกับคลิป!”
     “ครับ งั้นพี่ขอโทรศัพท์เครื่องนี้ไว้เป็นหลักฐาน”
     “มึงจะไปแจ้งความ!”
     ไอ้เหี้ยเอ้ย!
     “นี่มันคดีอาญานะน้อง ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ยอมความกันไม่ได้หรอก”
     “แต่ต้น!”
     “แล้วน้องจะปล่อยพวกมันลอยนวลเหรอ”
     ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าต้นรู้ว่าคนอื่นรู้เรื่องนี้แล้วต้นจะเป็นยังไง
     “กูกระทืบพวกมันไปแล้ว เรื่องอื่นป๊ากูก็เคลียร์ให้ มันคงไม่กล้ายุ่งกับต้นอีก”
     “ไม่เกี่ยวกันครับ คนผิดสมควรได้รับโทษ ถ้าพี่ฆ่าพวกมันแล้วไม่ติดคุกพี่คงทำไปแล้ว พี่จะหาทางเล่นงานพวกมันไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด อย่างไอ้คนที่มันเป็นรุ่นพี่เพื่อนน้องก็สมควรหมดอนาคต"
     “มึงหมายความว่าไง?”
     “ถ้าแบ็กน้องใหญ่ให้เขาช่วยสิครับ ตามเรื่องขบวนการปล่อยคลิป คงได้ผลงานไม่น้อย เอาให้ทั้งจำทั้งปรับส่งให้พวกมันไปหาผัวอยู่ในคุกเล่น ส่วนไอ้เวรนี่พี่คิดว่าพ่อของต้นสมควรรู้ว่าเกิดอะไรกับลูกชายเขา และควรจะรู้โดยเร็วด้วยจะได้ไม่ต้องมีไอ้เวรนี่อยู่เป็นเสนียดสถาบันพี่อีก”
     ผมมองตามัน ไฟแค้นในแววตามันลุกโชน ผมสะใจกับสิ่งที่มันเสนอ
     “เดี๋ยวกูเฝ้าต้นให้เอง”
     “ฝากด้วยนะครับ พี่จะพยายามรีบกลับมาก่อนเช้า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เด็กที่ถูกทิ้ง

     “โอ๊ย! แกโทรมาทำไมป่านนี้ นี่มันตีสามนะ”
     “ไม่ทันแล้วป่าน ฮือๆ
     “ใจเย็นๆ อิไปป์! เกิดอะไรขึ้น?”
     “ฮือๆ ไม่ทันแล้ว พี่ตาบอกว่าไม่ทันแล้ว ฮือๆ
     “แกเพ้ออีกแล้วใช่มั้ย!”
     “ฮือๆ
     “ช่วยต้นไม่ทันแล้ว ฮือๆ
     “นี่แกฟังฉันให้ดีๆ นะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กรรมใครกรรมมัน แกขวางกรรมใครไม่ได้หรอก
     “แต่ต้น...”
     “ต้นไม่เป็นไรหรอก พวกเราทำเท่าที่จะทำได้แล้วไปป์”
     “แต่เรากลัว ป่าน”
     “เชื่อฉัน เขาแค่มาเตือน พวกเราก็ทำเท่าที่ทำได้แล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของต้นมัน พวกเรายุ่งอะไรไม่ได้”
     “แต่”
     “อย่างอแงน่าไปป์”
     “ฮือๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นตระการ

     แฟนของลูกชายผมบุกมาที่บ้านตอนตีสี่ ผมไม่คิดตำหนิด้วยรู้ดีว่าปกติพวกเราต่างคนต่างอยู่ การที่เขาซึ่งไม่ถูกชะตากับผมบุกมาขอคุยธุระด่วนเช่นนี้ทำให้ผมกังวล เรื่องที่เขาจะคุยกับผมคงมีเพียงเรื่องเดียวและนั่นก็คงเกี่ยวกับต้น
     ผมบอกคุณสุให้ขึ้นไปนอนต่อและขอคุยกับเขาตามลำพัง โชคดีที่ยัยษาอยู่หอไม่อย่างนั้นเธอคงอยากรู้เรื่องของน้องด้วยเช่นกัน และนั่นอาจทำให้เธอหัวใจสลายเหมือนผม
     ผมคิดไว้แต่แรกแล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายถึงเพียงนี้!

     ผมเชิญเขาเข้ามาในบ้านแล้วนั่งคุยกับเขาในห้องรับแขก ผมถามเขาว่ามีธุระด่วนหรือ? เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดถึงมาหาผมยามวิกาลเช่นนี้ แต่เขาไม่ตอบ เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้ผมแล้วบอกให้ผมเปิดดูคลิปเอง
     เนื้อหาที่เห็นจากคลิปทำให้ผมใจสลาย เหมือนมีคนเอามือมาบีบเค้นหัวใจผม ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจหาไม่แล้วผมคงขาดใจตายตรงนี้! เสียงร้องของต้นทำให้ผมเจ็บเจียนใจจะขาด ทำไมต้องเกิดเรื่องเลวร้ายกับลูกชายของผม!
     “ตอนนี้ต้นอยู่ที่ไหน?”
     ผมรู้ข่าวว่าลูกไปพักบ้านพ่อผม มันไม่ควรจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
     “ต้นหลับอยู่ที่คอนโด เพื่อนเขาพากลับมาส่งให้ พรุ่งนี้... ผมจะพาต้นไปโรงพยาบาล คง... ต้นคงต้องตรวจร่างกายหลายอย่าง”
     “ต้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
     “บอบช้ำพอสมควร เพื่อนของต้นบอกว่าตอนที่ไปช่วยต้นรู้ตัวดี แต่ไม่มีสติเพราะกลัว และ... ดูเหมือนต้นจะโดนวางยา”
     “ยาอะไร!”
     “ผมไม่รู้ คงต้องรอผลตรวจอีกที”
     “ทำไมคุณไม่รีบพาลูกผมไปโรงพยาบาล!”
     “เพราะผมอยากตกลงกับคุณ”
     “ตกลง?”
     “คุณจะปล่อยให้เรื่องนี้มันหายไปเงียบๆ หรือคุณจะจัดการเอาคนผิดมาลงโทษ”
     “คุณหมายความว่ายังไง?”
     “หนึ่งในนั้นเป็นรุ่นพี่ชมรมเดียวกับต้น อีกคนเป็นเจ้าของร้านที่ต้นไปเล่นดนตรีให้ เพื่อนของต้นไม่รู้ว่าเขาถูกใจต้นเลยไม่ทันระวัง พวกมันร่วมมือกันทำร้ายต้น”
     ผมรับรู้ผ่านสีหน้าและแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้รักลูกผมมาก ความเจ็บปวดของเขาไม่ใช่การเสแสร้ง เขาเป็นทุกข์เช่นเดียวกับผม
     “สำหรับผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะยังรักต้นเหมือนเดิม แต่ผมไม่ต้องการเห็นคนผิดลอยนวล ผมอยากเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด และถ้าจะดำเนินคดีกับพวกมัน พวกคุณอาจต้องตอบคำถามสังคม”
     ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพ่อผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นแกคงทำใจไม่ได้ คนอื่นจะพูดถึงลูกผมอย่างไร ต้นคงรับไม่ได้
     หึๆ ลูกชายผมโดนมอมยา พวกมันพยายามข่มขืนลูกผม นี่มันอะไรกัน! สังคมมันวิปริตถึงขั้นนี้เชียวหรือ?
     รึมันเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้กับคนอื่น เพราะความมักมากของผม บาปกรรมต่างๆ ถึงมาตกที่ต้น เวรกรรมมันตามสนองผมด้วยเคราะห์กรรมที่เกิดกับลูกผม ลูกชายไม่ใช่ลูกสาว ลูกคนที่เปราะบางที่สุดของผม ผมไม่อยากคิดถึงสภาพจิตใจของต้นเลย เด็กคนนั้นต้องทนไม่ได้แน่ๆ โธ่ ต้นลูกพ่อ...
     แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเป็นลูกผม! และผมจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายลูกผมลอยนวล!
     “ผมจะจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ของต้นให้เรียบร้อย ฝากคุณรวบรวมพยานหลักฐานด้วย แล้วเราจะไปแจ้งความกัน”

     “ไม่จำเป็นครับ เรื่องคดีผมกับเพื่อนของต้นจะจัดการเอง ผมจะพยายามให้มันกระทบถึงตัวต้นน้อยที่สุด แต่ที่ผมมาขอความร่วมมือจากคุณคือเรื่องของผู้ชายคนนี้ มีทั้งข้อมูลและหลักฐานชัดขนาดนี้ผมหวังว่าคุณคงไม่ปล่อยให้คนเลวๆ ลอยนวลอยู่ในสถาบันต่อไปนะครับอาจารย์!”
     ผมเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว!
     “เรื่องนี้ผมว่า”
     “หรือคุณจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปแล้วให้มันลอยนวลทั้งๆ ที่ทำกับต้นแบบนั้น”
     “แต่ถ้าหากเราทำอะไรคนที่เสียหายก็คือต้น ลูกผมยังต้องใช้ชีวิตที่นั่นอีกหลายปี!”
     “แล้วที่ผ่านมาต้นยังเสียหายไม่พออีกเหรอครับ? เรื่องแบบนี้มันปิดกันไม่ได้อยู่แล้ว ข่าวคาวๆ มันกระพือเร็วแค่ไหนคุณก็รู้ สู้ลงดาบจัดการคนผิดให้มันถูกต้องไม่ดีกว่าเหรอครับ จัดการทุกอย่างให้มันถูกต้องใครจะว่าอะไรต้นได้ ต้นคือผู้เสียหายนะครับ ผู้เสียหายไม่ใช่ผู้กระทำผิด ไม่มีเหตุผลที่ต้องอับอาย!
     ความคิดตรงไปตรงมาของผู้ชายคนนี้ทำให้ผมทึ่ง เขาทำให้ผมย้อนกลับมามองตัวเองว่าที่ผ่านมาผมเอาใจใส่ลูกด้วยวิธีไหน ความเปิดเผยของเขาทำให้ผมที่ตลอดชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องลับๆ รู้สึกนับถือ ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายผมถึงหลงรักผู้ชายคนนี้ ลูกผมต้องการใครสักคนที่พร้อมจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขา คนที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะรักเขาโดยไม่มีข้อแม้ ผู้ชายที่เข้มแข็งพอจะเป็นที่พึ่งให้เขาได้
     คนๆ นี้คือ“พ่อ”ในอุดมคติของลูกชายผม
     “ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แม็กซ์

     ผมเผลอหลับไป! ผมหลับคาโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ผมสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกว่ามีคนพุ่งเข้ามากอดผม และเมื่อผมลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ ต้น!
     ผมไม่คิดว่าไอ้เหี้ยนั่นจะมากอดผมหรอก ถ้ามันทำโลกคงถึงกาลอวสาน แต่การที่ต้นลุกขึ้นมากอดผมนี่ก็แปลกโคตรพอกัน
     ต้นมันกอดผมถึงขั้นนัวเนีย มันปีนขึ้นมานั่งทับบนตัวผม แล้วต้นก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนในชีวิต ต้นจูบผม!
     มันไม่ใช่จูบแบบที่ผมเคยทำ มันพยายามสอดลิ้นเข้ามาด้วย นอกจากนี้ก้นมันยังเบียดอยู่กับน้องชายผม มันนั่งร่อนอยู่บนตักผม!
     สติผมกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้วครับ! เหมือนสมองผมไม่สั่งการ ผมรู้ว่าตัวเองตื่นแต่อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะฝัน ความจริงที่นัวเนียอยู่ในปากผมมันโคตรฟินกว่าที่ผมฝันไว้มาก
     ผมรู้ดีว่าผมหลงรักต้น แต่ผมไม่ใช่เกย์ กว่าผมจะทำใจได้ว่าหลงรักตุ๊ดผมต้องใช้เวลาเป็นปี ผมต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองแทบตายเพื่อตัดสินใจว่าไม่ว่าต้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็จะรักมันเพื่อที่จะมาอกหักเพราะพบว่าต้นมันรักคนอื่นไปแล้ว และผมทำได้แค่หลงรักมันเงียบๆ รอเวลา แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วแบบนี้!
     การโดนต้นจู่โจมกะทันหันทำให้ผมตั้งสติไม่ทัน ไม่เคยรู้เลยว่ามันจะเร่าร้อนแบบนี้ นึกว่ามันดีแต่ยั่วแล้วไม่ประสีประสา มันจูบเก่งเหมือนกันนี่หว่า หรือที่ผมไม่มีปัญหาอารมณ์ขึ้นเพราะนี่คือต้นวะ!
     แต่แล้วผมก็คิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้น ผมหายมึนขี้ตา เลิกเมาจูบ ต้นไม่มีวันทำแบบนี้กับผมอยู่แล้ว สามัญสำนึกของผมบอกให้ผมผลักต้นออกก่อนที่ผมจะหยุดตัวเองไม่อยู่ ผมไม่ควรซ้ำเติมต้น!
     ต้นมันมองหน้าผมแบบงงๆ
     “พี่ชัช...”
     ชัดเลย ... เพื่อนผมมันไม่มีสติ ต้นกำลังหลอนเพราะฤทธิ์ยา ก็คิดอยู่ว่ามันไม่มีทางพุ่งมานัวเนียกับผมอย่างดูดดื่มแบบนี้หรอก โคตรเซ็งเลย!
     แต่ในระหว่างที่ผมกำลังเซ็ง ต้นมันก็เล่นบทโศก
     “ฮึก ... ฮึก พี่ชัชเกลียดผมแล้วเหรอครับ”
     ผมไม่รู้ว่าควรจะสงสารตัวเองหรือสงสารต้นดี
     “พี่ชัชรังเกียจผมเหรอ ฮือๆ
     ต้นมันรัดคอผมแน่นจนผมหายใจไม่ออก
     “เพ้อแล้วต้น!”
     “พี่ชัชเกลียดผม!”
     เพื่อนผมกรี๊ดเหมือนคนบ้า เหี้ยเอ้ย! ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับต้นด้วยวะ!
     เพราะไอ้ยานรกนั่นแท้ๆ ที่ทำให้เพื่อนผมประสาทหลอนแบบนี้
     “ต้นๆ ฟังแม็กซ์ก่อน นี่แม็กซ์เอง”
     “ผมไม่ได้มีอะไรกับแม็กซ์ ผมรักพี่ชัช!”
     โอ๊ย ... เจ็บว่ะต้น!
     “ครับๆ แม็กซ์รู้ แม็กไม่เคยมีอะไรกับต้น แต่ต้นปล่อยแม็กซ์ก่อนนะ แม็กซ์หายใจไม่ออก”
     “แม็กซ์...
     เหมือนมันจะได้สติ ต้นปล่อยคอผมเป็นอิสระแล้วผละออกมาจ้องหน้าผม
     “แม็กซ์เหรอ?”
     สายตาของต้นดูสับสน แต่แล้วมันก็เริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง
     “แม็กซ์ ฮือๆ ช่วยเราด้วย”
     ต้นโผเข้าหาผมแล้วร้องไห้
     “ปลอดภัยแล้วต้น”
     ผมปลอบต้นตามอัตโนมัติ
     “พี่ชัช! พี่ชัชเขาเบื่อเราแล้ว เขาจะทิ้งเราแล้ว เขาไม่รักเราแล้ว ฮือๆ ช่วยเราด้วยแม็กซ์”
     เพื่อนผมพึ่งโดนซ้อม เกือบโดนข่มขืน โดนมอมยา มันเพ้อเพราะฤทธิ์ยา แต่สิ่งที่เป็นปีศาจคอยหลอกหลอนต้นอยู่ตอนนี้กลับเป็นเรื่องของไอ้เหี้ยนั่น นี่คือความกังวลที่ต้นกลัวมากที่สุดในชีวิตใช่มั้ย? ในสมองของต้นมีแต่เรื่องของมัน โคตรเจ็บเลยครับ!

     กว่าผมจะทำให้มันสงบแล้วลากไปส่งที่เตียงได้ก็นานโข ต้นประสาทหลอน มันเพ้อ แต่สิ่งที่มันกลัวกลับเป็นเรื่องของไอ้เหี้ยนั่น หรือไม่ต้นก็อาจจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ผมมองสภาพของต้นแล้วก็กลัว ถ้าต้นรู้ความจริงต้นจะรับได้มั้ย?
     ผมห่มผ้าห่มให้ต้นแล้วออกจากห้องนั้น
     “อ้าว!”
     มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!
     “ต้นสงบแล้วเหรอครับ”
     “เออ หลับไปแล้ว”
     “พี่... พี่ขอบใจน้องมากที่ดูแลต้นเป็นอย่างดี”
     กูจุกว่ะ!
     “กูรักต้น และกูไม่คิดจะทำเรื่องเหี้ยๆ กับคนที่กูรัก ... ต้นมันโคตรรักมึงเลย แต่มึงทำให้มันเสียใจกี่ครั้งแล้ว ถ้ามึงรักต้นอย่าทำให้มันร้องไห้อีกไม่งั้นกูสาบานว่ากูจะทำทุกวิธีให้ได้มันมา!”
     “พี่รู้ครับว่าพี่ดูแลต้นไม่ดีพอ ถ้าต้นให้โอกาสพี่ๆ จะดูแลเขาให้ดีกว่าเดิม”
     คำพูดของมันทำให้ผมมีความหวัง แต่ผมยังไม่กล้าฟันธง!
     “งั้นกูกลับล่ะ”
     มันพยักหน้าให้ผม ... ช่างเหอะ ยังไงตอนนี้อาการของต้นก็สำคัญที่สุด มันมาดูแลต้นต่อก็ดีแล้ว ผมจะได้กลับไปจัดการธุระของผมต่อ ผมจะเอาพวกมันเข้าคุกให้หมด ยัดได้กี่ข้อหาผมจะยัดแม่ง! เอาให้มันหาผัวในคุกนานๆ เลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชัยชัช

     ผมกลับมาถึงเห็นไฟในห้องรับแขกเปิดทิ้งเอาไว้แต่ไร้เงาคน เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากในห้องนอน นั่นคือเสียงของต้น!
     แวบแรกผมตกใจนึกว่าเกิดอะไรกับเมียผม แต่พอจับใจความได้ผมเหมือนถูกตีแสกหน้า
     “พี่ชัชเค้าจะทิ้งเราแล้ว เค้าเบื่อเราแล้ว เค้าไปเอากับผู้หญิงอื่น เค้าไม่รักเราแล้ว ฮือๆ
     เสียงร้องไห้น่าเวทนาดังมาทำเอาผมเจ็บแปลบเหมือนโดนมีดเสียบเข้าตรงกลางหัวใจ
     “ไม่มีทาง มันรักต้นจะตาย ต้นอย่าคิดมากนะ”
     “แต่พี่เค้าเบื่อเราแล้ว เค้าไล่เรา ฮือๆ
     “ต้นไม่ต้องกลัวหรอก ถึงไม่มีมันก็มีแม็กซ์นะ”
     “นายไม่เข้าใจ! เรารักพี่ชัช ฮือๆ ได้ยินมั้ย เรารักพี่ชัช ฮือ
     “โอเคๆ แม็กซ์รู้ แต่ต้นนอนก่อนนะ”
     “ไม่! เราจะไปหาพี่ชัช ฮือๆ พี่ชัชไปไหน เค้ารังเกียจเราแล้วใช่มั้ย? พี่ชัชทิ้งเราแล้วใช่มั้ย?”
     “แฟนต้นไปทำงานไง เดี๋ยวก็กลับ นิ่งก่อนต้น นอนซะนะ”
     “ไม่! ฮือๆ เราอยากเจอพี่ชัช พี่ชัชไปไหน นายโกหก! ฮือๆ พาเราไปหาพี่ชัชนะ เราอยากเจอพี่ชัช แม็กซ์พาเราไปนะ เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ฮือๆ
     ถ้อยคำเพ้อเจ้อในยามไร้สติของต้นทำให้ผมน้ำตาไหล ไม่ว่ามันจะหายใจเข้าออกมีสติหรือไม่มันก็มีแต่ผม ผมสิวอกแวกนับครั้งไม่ถ้วน ภาพที่เห็นจากประตูที่ปิดไม่สนิทคือต้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงเหมือนคนบ้า ไอ้เด็กเวรนั่นต้องกดตัวต้นไว้แล้วปลอบ อย่างน้อยก็ต้องยอมรับเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษของมันที่ไม่ฉวยโอกาสกับเมียผม แล้วผมล่ะ? ทำได้ครึ่งนึงของไอ้เด็กนี่มั้ย? ไม่เลย... ผมเลวกว่ามันเยอะ
     นอกจากความเจ้าชู้แล้วผมยังไม่ให้เกียรติต้น ผมทำร้ายมันสารพัด ผมระแวงมันเพราะความเลวทรามของตัวเอง กลัวมันจะเอาคืนผมเหมือนเรื่องแย่ๆ ที่ผมเคยเจอ แต่ต้นมันรักษาเกียรติของตัวเองไว้อย่างมั่นคงจนกระทั่งศักดิ์ศรีของมันถูกทำลาย ทำไมเรื่องเลวร้ายต้องเกิดกับคนดีๆ แบบมันด้วย! ทำไมไม่มาเกิดกับคนเลวๆ แบบผม!
     หรือบางที ผมอาจจะเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สุดในชีวิตของต้น...
     เป็นเวลานานที่ผมนั่งฟังเสียงร้องไห้ของมัน จนกระทั่งเสียงเงียบไป ไอ้เด็กนั่นก็เดินออกมา
     “อ้าว!”
     “ต้นสงบแล้วเหรอครับ”
     “เออ หลับไปแล้ว”
     มันพยักหน้าให้ผมกลายๆ ผมเคยเกลียดมัน แต่ถ้าไม่มีมันต้นคงถูกย่ำยีมากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรักที่มั่นคงของมันคงไม่มีใครอยู่ข้างๆ ต้นในวันที่ผมทำตัวงี่เง่า ผมเป็นแฟนของต้นแต่ผมกลับ...
     “พี่... พี่ขอบใจน้องมากที่ดูแลต้นเป็นอย่างดี”
     ถึงไม่อยากยอมรับแต่ผมเป็นหนี้บุญคุณมัน มันดูแลต้นได้ดีกว่าผมเสียอีก
     “กูรักต้น และกูไม่คิดจะทำเรื่องเหี้ยๆ กับคนที่กูรัก”
     มันหยุดพูดแล้วทำสีหน้าเจ็บปวดก่อนจะพูดต่อ
     “ต้นมันโคตรรักมึงเลย แต่มึงทำให้มันเสียใจกี่ครั้งแล้ว”
     นั่นสิ ผมทำให้ต้นร้องไห้ไปตั้งมากมาย กี่ครั้งที่มันน้อยใจผม
     “ถ้ามึงรักต้นอย่าทำให้มันร้องไห้อีก ไม่งั้นกูสาบานว่ากูจะทำทุกวิธีให้ได้มันมา!”
     “พี่รู้ครับว่าพี่ดูแลต้นไม่ดีพอ ถ้าต้นให้โอกาสพี่ๆ จะดูแลเขาให้ดีกว่าเดิม”
     ถ้าเพียงแต่ต้นมันจะให้อภัยผม ผมสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลมันให้ดีกว่าเดิม ผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้จะมีแต่มันคนเดียวตลอดไป
     ถ้าต้นมันจะยอมให้อภัยผมนะครับ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับต้น มันก็ยังบริสุทธิ์งดงามในสายตาผมเสมอ คนที่สกปรกคือผมเอง
     “งั้นกูกลับล่ะ”
     ผมพยักหน้าให้มันเพราะจุกกับความเป็นจริง หลังจากมันกลับไปแล้วผมต้องสะกดจิตตัวเองอยู่นาน ผมสั่งตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิด
     แต่พอผมเข้ามาให้ห้องนอนแล้วนั่งลงบนเตียงที่ต้นหลับไม่ได้สติผมก็ร้องไห้ กี่คืนแล้วที่มันไม่ได้กลับมาที่นี่ ผมต้องนอนคนเดียวภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของมัน แต่พอมันกลับมา มันกลับมีสภาพยับเยินเพราะถูกคนอื่นทำลาย ยิ่งนึกถึงคำพูดตอนมันเพ้อผมก็ยิ่งเจ็บ! ต้นมันรักผมมากแต่ผมกลับตอบแทนความรักของมันอย่างน่าทุเรศ!
     ผมควรจะทะนุถนอมมันอย่างดีแท้ๆ ผมไม่ควรทำร้ายคนที่รักผมอย่างมันเลย ผมไม่คู่ควรกับมันจริงๆ
     “พี่ขอโทษนะต้น พี่รักเรานะครับ”
     ผมจูบลงบนหน้าผากช้ำๆ ของมัน รู้ดีว่ามันคงไม่ได้ยิน แต่ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่าผมรักมันมากจริงๆ

     ผมนอนไม่หลับ ใครมันจะไปหลับลงละครับ มีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นกับคนที่ผมรัก ต่อให้วิ่งวุ่นทั้งคืนมากแค่ไหนเหนื่อยแสนเหนื่อยเพียงไรผมก็หลับไม่ลงอยู่ดี ผมนอนรอเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้น อาบน้ำแต่งตัวออกไปซื้อข้าวเช้าให้มัน ระหว่างนั้นก็โทรคุยเรื่องงานที่หนีกลับมาก่อน ถึงเด็กมันไม่พูดแต่ผมก็รู้ดีว่าผมทิ้งหน้าที่กลางคัน คงเป็นหัวหน้าที่ดูไม่ดีเท่าไหร่ คิดแล้วก็เหนื่อยครับ งานของพวกผมต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าเสมอ บางคนต้องพาครอบครัวหมอไปธุระแต่ไม่มีเวลาดูแลลูกตัวเองก็มี ผมเริ่มเหนื่อยกับงานที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว บางทีผมอาจจะหาวันลาจริงๆ จะได้หยุดมาดูแลต้น
     ต้นหลับสนิทไม่รู้สึกตัว และผมก็ไม่อยากปลุกมันเลยแอบออกมาซื้อโจ๊ก คิดแล้วก็ขำชะมัด นึกถึงสมัยที่อยู่กับมันใหม่ๆ ตอนมันไม่สบายมันกินอะไรไม่ลง ผมก็เห็นมันกินน้อยเป็นปกติเลยไม่ได้ใส่ใจ ปรากฏว่าคืนนั้นอยู่ดีๆ มันลุกออกไปเซเว่นตอนตีสองบอกว่าหิวข้าว ไอ้ผมก็เป็นห่วงเลยไปกับมันแล้วมันก็ถือโจ๊กกระป๋องกลับมาต้มน้ำร้อนกิน กว่าผมจะง้างปากมันได้ว่ามันชอบกินโจ๊กตอนไม่สบาย ถ้ามันหัดอ้อนผัวซักคำนะ ตีสองก็ตีสองเถอะ ผมขับรถพามันไปหาร้านโจ๊กอร่อยๆ กินแล้ว
     ตั้งแต่วันนั้น ถ้าวันไหนรู้ว่ามันไม่สบายผมก็มักจะซื้อโจ๊กไปให้มัน
     ไอ้ต้นมันขี้เกรงใจผมเสมอ จะเอาอะไรก็ไม่ค่อยบอก ปล่อยให้ผมต้องคอยสังเกตเอาเอง เหนื่อยชิบเป้ง! แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของมันผมก็อิ่มใจนะ ... ไม่รู้ว่ามันจะยิ้มให้ผมอีกรึเปล่า ผมหวังว่าต้นจะยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
     ภาพความสุขของคืนวันเก่าๆ ย้อนกลับมาในความทรงจำ ยิ่งนึกผมก็ยิ่งมีความสุข ผมอมยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดถึงสีหน้ามีความสุขของมันยามอ้อนผม ไม่น่าเชื่อว่าสองปีที่ผ่านมาต้นทำให้ผมมีความสุขมากจนคิดถึงผู้หญิงคนอื่นไม่ออก ต้นทำให้ผมลืมทุกคนและจำแต่มัน ต่อให้เป็นเรื่องงี่เง่าที่ผมมักจะโดนคนอื่นบ่นใส่ผมยังคิดถึงแต่เสียงหงุดหงิดที่คอยบ่นผมด้วยถ้อยคำสุภาพของมัน ผมตั้งใจว่าจะกลับไปแล้วทำทุกอย่างเพื่อขอคืนดีกับมัน   
     ผมคิดเล่นๆ ว่าต่อให้ต้องกราบมันผมก็ยอมวะ แบบว่าผมรักเมียคนนี้มากครับ ไม่ใช่แต่มันหรอกที่ขาดผมไม่ได้ ผมเองก็อยู่โดยไม่มีมันไม่ได้เช่นกัน
     ผมกลับถึงห้อง วางถุงโจ๊กลงบนโต๊ะกินข้าว คิดว่าต้นคงยังไม่ตื่นเพราะความเงียบเชียบไร้การเคลื่อนไหวเลยเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเบาๆ กลัวทำมันตื่นครับ แต่ไร้ร่างของต้นบนเตียง!
     ผ้าห่มถูกเลิกออกยับยู่ยี่ไม่ได้พับผิดวิสัยเมียผมสุดๆ ตู้เสื้อผ้าถูกเปิด กล่องยาถูกรื้อกระจุยกระจาย! ประตูห้องน้ำปิดแต่ไม่มีเสียงน้ำไหล ผมสังหรณ์ใจไม่ดี ความเย็นยะเยือกแล่นเข้าสู่หัวใจผม มันต้องไม่ใช่แบบที่ผมคิด!
     ผมรีบตรงไปยังห้องน้ำ พอเปิดประตูออก ภาพที่เห็นทำผมช็อก!
     ต้นนั่งอยู่บนพื้น แผงยานอนหลับตกอยู่ข้างตัว ในมือขวามันถือใบมีดโกน ส่วนข้อมือซ้ายมีเลือดไหลทะลัก เมียผมฆ่าตัวตาย!
     “ต้น!”
     ผมรีบพุ่งไปหามัน นาทีนี้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!
     “พี่ชัช...”
     เสียงของต้นฟังดูเลื่อนลอยผิดกับเสียงตะโกนของผม มันเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม มันพยายามฉีกยิ้มทั้งๆ ที่คิ้วผูกโบว์แถมยังร้องไห้
     “ทำแบบนี้ทำไม!”
     “ผมขอโทษ ผมรักพี่ชัชนะ ฮือๆ
     ผมอยากห้ามเลือดให้มันแต่ต้นจับมีดโกนแน่นไม่ยอมปล่อย ผมกลัวมันจะเชือดคอตัวเองเป็นบ้า! ผมกอดมันไว้แล้วพยายามจะบีบมือข้างที่ถือมีดของมัน แต่ต้นขัดขืน
     “ปล่อยมีดเดี๋ยวนี้!”
     “ให้ผมไปเถอะ ผมไม่อยากอยู่แล้ว ผมกลัว ผมสกปรก พี่ชัชก็ไม่รักผมแล้ว ไม่มีใครแล้วฮือๆ
     ยิ่งมันเพ้อ ผมยิ่งเจ็บ ใครว่าผมไม่รักมัน ผมรักมันสุดหัวใจ!
     “ผมไม่อยากอยู่แล้ว ทุกคนต้องรังเกียจผมแน่ๆ ฮือๆ
     “พี่บอกให้ปล่อย! ทำร้ายตัวเองทำไมห๊ะ!”
     “พี่ชัชไม่รักผมแล้ว ฮือๆ
     “ใครบอก พี่รักเรานะ”
     “แต่ผม ... ฮือๆ พวกมัน ปล๊อย! ปล่อยผม ผมอยากตาย
     “พวกมันไม่ได้ทำอะไรต้น ไม่มีใครทำอะไรเรานะครับ”
     “โกหก! ผม ... ฮือๆ
     “เชื่อสิพี่เห็นหมดแล้ว พี่ไม่ได้โกหกนะครับ เพื่อนเราเข้าไปช่วยเราไว้ทันนะ ต้นไม่ได้เป็นอะไร เราปลอดภัย พวกมันยังไม่ได้ทำอะไรเรานะ”
     “ผมไม่เชื่อ! พี่ชัชหลอกผม ฮือๆ ปล่อย”
     ผมต้องกอดมันไว้ ไม่สนว่าคมมีดที่แกว่งไปมาจะบาดตัวเองหรือไม่ ผมรู้แต่ผมไม่อยากให้ต้นทำร้ายตัวเอง
     “เชื่อพี่นะครับ ต่อให้ต้นเป็นอะไรพี่ก็จะยังรักต้นนะ พี่รักต้นนะครับ”
     “พี่ชัชโกหก! ขนาดผมพยายามทำทุกอย่างพี่ยังทิ้งผมเลย ฮือๆ
     “พี่ผิดไปแล้วพี่ขอโทษ”
     “ผมไม่เชื่อ พี่ชัชเบื่อผมแล้วใช่มั้ยละ! คนอย่างผมตายๆ ไปได้ก็ดี เกิดมาก็ไม่มีใครรัก ฮือ
     “พี่ไง! พี่รักเรานะครับ”
     “โกหก! ผมเกลียดพี่ชัช ฮือๆ ให้ผมตายผมไม่อยากอยู่แล้ว ฮือๆ
     ต้นมันกรี๊ดออกมาเหมือนคนบ้า ผมก็ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ ทั้งกอดทั้งรัดมัน ร้องไห้ไปแย่งมีดไป ทำไมมันถึงคิดสั้นแบบนี้!
     “ถ้าต้นไม่รักพี่แล้วก็ฆ่าพี่เลยสิ! อย่าทำแบบนี้ ถ้าต้นโกรธพี่ทำไมไม่มาทำพี่ ทำร้ายตัวเองทำไม!”
     “ฮือๆ ผมรักพี่ชัชนะ ฮือๆ
     เสียงของต้นเริ่มเบาลง ต้นพูดช้า แรงต่อต้านในอ้อมกอดผมหายไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้การ!
     ในที่สุดผมก็แย่งมีดจากมันได้ โชคดีที่มันไม่ได้เสียเลือดมากจนช็อก แต่เพราะยาที่เริ่มออกฤทธิ์ต้นเลยเริ่มซึมและหมดแรง ผมรีบหาผ้ามาห้ามเลือดแล้วอุ้มมันออกมา ยาพวกนั้นไม่มีฤทธิ์ฆ่าต้นขอแค่พามันไปล้างท้องทัน เมียผมยังหายใจได้เองยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ฤทธิ์ยายังไม่กดศูนย์ควบคุมการหายใจจนน็อก แต่เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดนี่สิครับที่ผมห่วง ผมกลัวมันตาย แค่นี้สภาพเมียผมก็เหมือนคนตายทั้งเป็นแล้ว!
     รปภ.ของคอนโดตกใจที่เห็นผมในสภาพเลือดโชก เขาช่วยผมแบกต้นไปใส่รถ ต้นหมดสติไปแล้ว เวร! ผมทั้งกลัวทั้งสับสน กลัวมันน็อกจากภาวะช็อกเลยพยายามเรียกชื่อมันทางตลอดทาง ผมไม่รู้ว่าจะสื่อไปถึงมันรึเปล่าแต่ผมไม่รู้จะทำยังไงอีกแล้ว! เบอร์โรงพยาบาลใกล้ๆ กันถูกกดโทรออก ผมถามหมอที่รู้จักกันให้ทางนั้นรอประสานงาน ผมจอดรถหน้าแผนกฉุกเฉินแล้วอุ้มมันวางลงบนเตียง พวกเขาเข็นต้นเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ผมพึมพำประโยคเดิมซ้ำๆ แม้ต้นจะไม่ได้อยู่ข้างๆ ผมแล้ว
     “อย่าเป็นอะไรนะครับต้น พี่รักต้นนะ พี่ขอโทษ”

     ผมหมดแรงแล้วครับ ผมยอมทุกอย่าง ต้นจะเอายังไงกับผมก็ได้ขอแค่ให้มันหายดี การต้องมาเห็นต้นทุรนทุรายเพราะความเลวของตัวเองแบบนี้ทำให้ผมตายทั้งเป็น นรกมันสุมอยู่ในอกผมนี่เอง ความทรมานที่บีบคั้นหัวใจผมอยู่นี้ทำให้ผมอยากยอมแพ้
     เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าวันนั้นผมคิดถึงใจต้นมากกว่าน้ำตาล และน้ำตาลจะไม่แค้นผมถ้าผมไม่ทำร้ายเธอแบบนั้น นิสัยแย่ๆ ของผมส่งผลให้คนอื่นต้องทุกข์ใจ ต้นเจ็บเพราะผมแท้ๆ ถ้าเราไม่ทะเลาะกัน เรื่องเลวร้ายพวกนั้นก็คงไม่เกิดกับต้น...
     ผมไม่รู้ว่าบทสรุปของเรื่องบ้าๆ พวกนี้จะจบลงแบบไหนแต่ผมรู้ดีว่าผมเป็นคนผิด ผมรักต้นมาก แต่มันสายไปเสียแล้ว ถ้าผมย้อนเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่ได้ ผมควรจะย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องไหนดี? ขนาดแค่คิดว่าจะเริ่มใหม่กับต้นผมยังกลัวตัวเองเลยเมื่อคิดถึงสิ่งที่ทำกับต้น สันดานอย่างผมไม่มีวันทะนุถนอมมัน! ผมมันเหี้ย ถ้าไม่สูญเสียผมไม่เคยสำนึก!
     ผมคือความชั่วร้ายในชีวิตต้นแท้ๆ!

     
มีหนทางมั้ยครับที่เรื่องนี้จะจบลงแบบมีความสุข?

     ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่ต้นมีความสุขก็พอ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา..... คนอ่านจะคิดยังไงมั่งน้อ ...  :hao4:  คงไม่บอกเศร้าไปใช่มั้ย?

นาทีนี้เชื่อว่าคงสงสารต้น แต่อย่าลืมว่าต้นทำอะไรไว้กับพี่บอมบ้าง เจ้ากรรมนายเวรเขามาทวงคืน เหมือนที่พี่ชัชเองก็เจออาเจ้น้ำตาลมาเอาคืนเช่นกัน ต่างคนต่างมีเคราะห์กรรมของตัวเอง ที่ต้นโดนหนักกว่าเนอะ คิดซะว่าชาติที่แล้วพี่ชัชทำบุญมาดีแล้วกัน ชาตินี้ต้นเลยเหมือนเกิดมาผจญเคราะห์กับพี่ชัชพิกล!

แต่เรื่องฆ่าตัวตาย ไม่ได้เขียนเอาบีบเค้นหัวใจคนอ่านเล่นแน่ๆ จริงๆ ใบ้Hintมาตลอด เหมือนฉากนึงที่อาร์ทกับยศเคยพูดไว้ เราเขียนคาแรคเตอร์ตัวนี้ให้มีแนวโน้มมาตลอดอยู่แล้ว เมื่อโลกของเขาพังทลายแล้วเขารับไม่ไหวก็งี้แหละ ไหนจะเมายาอีก ฤทธิ์หลอนประสาทนี่เนอะ มันซึมเศร้านะเออ! เลยคิดอะไรบ้าๆ

ส่วนแม็กซ์ก็ยังคงเป็นแม็กซ์ พระเอก เท่ ทำอะไรก็ดูดี เช่นเคย บทเขาถูกเขียนมาแบบนี้แหละ โคตรพระเอก พี่ชัชก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่โง่และงี่เง่าเป็นพิเศษ ส่วนต้นก็โคตรดราม่า เอาล่ะ มาติดตามนิยายเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ ดีกว่าเนอะว่าจะปิดฉากลงแบบไหน ดูรายชื่อตอนไปที่หน้าแรกน้า สารบัญมีไว้แล้ว

สุดท้ายนี้ รักคนอ่านทุกคน  :mew1:  รักทุกคนที่กดเข้ามาอ่านจ้า
ขอบคุณทุกคลิ๊ก ทุกกำลังใจ ทุกเม้นในเล้าเป็ดและเด็กดี รวมถึงคนที่ทักทายกันมาในเฟซด้วย  :c3: :

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
รีบมาต่อเถอะคะ :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ฉากจบ

The story after that.

     ชัยชัชเดินเข้าไปในห้อง
     คนบนเตียงผู้ป่วยนอนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง

     ต้นน้ำฟื้นแล้ว ผลการตรวจร่างกายออกมาค่อนข้างดี แฟนของเขาปลอดภัย อีกไม่นานรอยช้ำต่างๆ ก็จะจางหายไป เหลือแต่แผลที่ข้อมือซึ่งคงหลีกเลี่ยงรอยแผลเป็นไม่ได้ ... เช่นเดียวกับแผลในจิตใจ จากการประเมินแพทย์ประจำเคสสรุปให้เขาฟังว่าต้นน้ำมีภาวะซึมเศร้าค่อนข้างรุนแรง สมควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการบำบัด คำแนะนำของหมอทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น แค่ต้องบอกกับครอบครัวของต้นน้ำว่าเด็กหนุ่มฆ่าตัวตายก็ลำบากมากแล้ว พ่อของต้นน้ำรู้เรื่องดีจึงไม่ต่อว่าเขา แต่สำหรับคนอื่น เขาคือตัวต้นเหตุ แต่เมื่อตำรวจมาทำคดีเรื่องก็ปิดไม่มิด ทุกคนรู้เรื่องที่ต้นน้ำถูกมอมยาแม้จะโชคดีที่เพื่อนของต้นน้ำไปช่วยไว้ทันแต่ต้นน้ำก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศไปพอสมควร ข่าวนี้ทำให้ท่านเจ้าสัวถึงกับเป็นลมหมดสติต้องพาส่งโรงพยาบาล
     แฟนของเขาถูกพาส่งโรงพยาบาลห้าวันก่อนเพราะกินยานอนหลับเกินขนาดและกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย หมอช่วยชีวิตไว้ได้ทัน แต่... นับตั้งแต่ที่ฟื้นต้นน้ำไม่สื่อสารกับใครอีกเลย ต้นน้ำเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่พูดไม่คุยไม่สนใจสิ่งรอบตัว ต่อให้เหลือบตามองคนตรงหน้าเขาก็มองผ่านๆ แล้วหันกลับไปเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นพี่สาว พ่อ หรือปู่ ต้นน้ำไม่ตอบสนองกับใครทั้งนั้น แม้แต่เพื่อนคนสำคัญเช่นแม็กซ์ต้นน้ำก็เฉยเมยใส่ ต้นน้ำคือร่างที่มีเลือดเนื้อและลมหายใจแต่จิตใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว
     “ต้น...”
     คนบนเตียงยังคงนิ่งไม่ตอบสนองต่อเสียงของชัยชัชแม้แต่น้อย
     “พี่น้ำจะมาถึงเย็นนี้นะครับ เดี๋ยววันนี้พี่ทำงานเสร็จแล้วจะไปรับพี่น้ำมาหาเรานะ”
     ชัยชัชยืนพูดอยู่ข้างเตียง เขาจับมือของต้นน้ำตลอดเวลา นาทีนี้เขาภาวนาให้ต้นน้ำชักมือกลับเหมือนตอนที่ทั้งคู่ยังทะเลาะกันก็ยังดี แต่ต้นน้ำก็ยังนิ่งเฉยเหมือนโลกใบนี้ไม่มีความหมายต่อตนอีกแล้ว
     “ไม่ดีใจเหรอครับคนดี จะได้เจอพี่น้ำแล้วนะ”
     ต้นน้ำนิ่งจนชัยชัชท้อ เขาก้มหัวลงหลับตาไล่หยดน้ำที่คลออยู่ให้มันจางหายไปแล้วสูดลมหายใจไล่ความอ่อนแอของตน ดังนั้นเขาจึงไม่ทันเห็นประกายตาไหววูบของคนบนเตียง
     ชัยชัชถอนหายใจรวบรวมความเข้มแข็งแล้วก้มลงจูบแก้มของต้นน้ำอย่างรักใคร่ก่อนจะผละออก
     “พี่ไปนะครับที่รัก ต้นเป็นที่รักของพี่เสมอนะ”
     เมื่อคนมาเยี่ยมเดินออกนอกห้องไปแล้ว ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็มีหยดน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ในดวงตาที่ว่างเปล่าเมื่อครู่มีความเศร้าอัดแน่นเต็มไปหมด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “อีอาร์ม!”
     อาร์มสะดุ้งเพราะตกใจกับเสียงเรียกที่ดังสนั่น และเมื่อเขาหันมาก็พบกับเพื่อนสาวในร่างชายยืนจังก้าอยู่! อาร์มหันหลังเตรียมจะหนีแต่อีกฝ่ายไม่ยอมวิ่งมายื้อดึงเสื้อเขาไว้แน่น แค่ลำพังนักศึกษาต่างสถาบันบุกมาถึงลานเกียร์วิศวะก็เป็นเป้าสายตาแล้ว แถมเธอคนนี้ยังเป็นสาวมาดมั่นที่กล้าแต่งชุดนักศึกษาหญิงอย่างไม่หวาดหวั่นสายตาประชาชีอีก คนทั้งสองจึงเป็นจุดสนใจของผู้คนแถวนั้น
     “จะไปไหน! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
     “มีอะไรเมษ”
     อาร์มหันมาตอบเซ็งๆ แต่ไม่ยอมสบตา
     “เกิดอะไรขึ้นกับต้น?”
     อาร์มสะอึกกับคำถาม แต่ชั่วพริบตาก็แกล้งทำตัวเป็นปกติ
     “ไม่รู้ดิ ไม่ไปถามเพื่อนที่ภาคมันอ่ะ”
     “อ๋อหรา... แล้วคิดว่าฉันไม่ไปรึไงยะ!”
     เมษเท้าสะเอวตอบเสียงสูงใส่ก่อนจะดึงเสื้อของอาร์มไว้อย่างเอาเรื่อง
     “นี่มันอะไรกันแน่ อยู่ๆ ฉันก็โทรหามันไม่ได้ ปิดเครื่องมาสี่ห้าวันแล้ว พอฉันโทรไปหาผัวมันพี่ชัชก็ไม่ยอมรับสาย เป็นบ้าอะไรกันยะ! ละพอฉันโทรหาอีแม็กซ์ มันก็บอกแค่ว่ามันยุ่งๆ อยู่ ทั้งที่ปกติมันต้องห่วงต้นจะตาย มีพิรุธชัดๆ แต่ถามอะไรก็ไม่ยอมบอกฉันถึงต้องถ่อมาถึงเนี่ย! พวกเพื่อนๆ มันที่ภาคก็บอกต้นขาดเรียนไปเป็นอาทิตย์ แต่ทั้งๆ ที่ไม่มีใครติดต่อมันได้กลับมีคนมายื่นใบลาให้เสร็จสรรพ นี่มันอะไรกั๊น!”
     เมษตะโกนระบายอารมณ์ใส่อาร์มก่อนจะผ่อนลมหายใจ
     “เฮ้อ เหนื่อย!”
     สาวน้อยเหล่ตามองแต่อาร์มก็ยังมีทีท่านิ่งเฉย เพื่อนเก่าของเธอในวันนี้ดูแปลกไป รอยยิ้มร่าเริงสดใสเหือดแห้งเหลือแต่ความแห้งแล้งในท่าที อาร์มราวกับคนไม่สนใจโลกผู้หันหลังให้สังคม
     “ฉันถาม!”
     “ก็เราไม่รู้!”
     “แกคิดว่าแกตอแหลเก่งเหรออีอาร์ม! แกจ้องตาฉันแล้วพูดใหม่สิแน่จริง!”
     “จะเอาอะไรกับเรานักหนา อยากรู้ทำไมไม่ไปถามแม็กซ์มันล่ะ มันอยู่กับต้นเป็นคนสุดท้าย”
     “แกจะไม่รู้ได้ไง! คนอื่นบอกว่าแกไปรับต้นทุกวัน แล้วไหนจะไอ้รุ่นพี่แกที่มีข่าวว่าโดนไล่ออกอีก เกิดอะไรขึ้นกับต้น!”
     เสียงของคนทั้งคู่เริ่มดัง อาร์มรู้ดีว่าสิ่งที่เมษพูดกำลังเป็นประเด็นที่คนอื่นสนใจ เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เลย อาร์มเป็นห่วงต้น แต่เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะทำเช่นไร เขากลัวว่าถ้าหากเขายื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องมันจะแย่ไปมากกว่าเดิม อาร์มกลัวจนไม่กล้าทำอะไรอีก เขาอยากอยู่เงียบๆ
     น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาทันทีที่ภาพของต้นน้ำตอนร้องไห้ให้เขาช่วยผุดขึ้นในความทรงจำ ฝันร้ายนี้คอยหลอกหลอนเขาอยู่เสมอทั้งยามตื่นแล้วยามหลับ
     “ขอร้องล่ะเมษ เราไม่อยากพูดอะไรที่นี่ตอนนี้ อย่าทำให้เราทำผิดซ้ำๆ เลยนะ”
     “แล้วแกไปทำอะไรล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับต้น?”
     “เมษไปถามพ่อต้นเหอะ เราไม่รู้จริงๆ พอพาต้นกลับคอนโดแล้วแม็กซ์มันก็ไล่เรา ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อใครอีกเลย”
     ท่าทางหมดแรงของอาร์มทำให้เมษตกใจ เธอรู้ดีว่าการที่แม็กซ์กับอาร์มแตกคอกันมันหมายถึงอะไร มีบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้นกับต้น!
     “ฉันไปแน่! แต่แกต้องไปกับฉันด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      คนราศีเมษพูดจริงทำจริง เมษลากอาร์มไปถึงห้องพักอาจารย์ภาคเคมีเพื่อขอพบพ่อของต้นน้ำ ต้นตระการประหลาดใจเมื่อได้พบกับเพื่อนสนิทของลูกชายคนนี้ เขาพอรู้มาบ้างว่าเพื่อนของลูกเป็นอะไร แต่นิสัยกล้าได้กล้าเสียตรงไปตรงมาของเมษก็ทำให้เขาทึ่ง!
     “หนูอยากทราบว่าเพื่อนของหนูยังสบายดีอยู่ใช่ไหมคะ หนูหวังว่าคุณพ่อคงให้คำตอบหนูได้เพราะหนูติดต่อใครไม่ได้เลย”
     สบายดีงั้นหรือ? ต้นตระการพูดไม่ออก
     วันที่รู้ว่าลูกถูกข่มขืน เขาหัวใจสลาย แต่วินาทีที่เขารู้ว่าต้นน้ำฆ่าตัวตายเขาแทบขาดใจตายตาม! ทำไมต้องเกิดเรื่องเลวร้ายกับลูกของเขาด้วยหนอ? หรือจะเป็นเวรกรรม...
     ต้นตระการมองไปยังอาร์มที่อยู่ด้านหลังของเมษแล้วถอนหายใจ อาร์มยังไม่รู้เรื่องนี้และโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ปล่อยให้ต้นน้ำถูกมอมยา
     “ผมขอบคุณๆ มากนะอนพัทย์ที่ช่วยเป็นพยานให้ผมจัดการคดีให้เรียบร้อย”
     “ต้นเป็นยังไงบ้างครับ?”
     เมษมองการสนทนาของคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเพื่อนของเธอ
     “ต้นอยู่โรงพยาบาล”
     พอขาดคำอาร์มก็มีสีหน้าตกตะลึง!
     “ต้นเป็นอะไรมากเหรอครับ?”
     “ไม่หรอก บาดแผลภายนอกคงไม่เท่าไหร่ แต่ลูกผม... เฮ้อ
     ต้นตระการถอนหายใจแล้วพูดต่อ
     “ต้นน้ำเขาเปราะบางกว่าที่พวกเราคิด พอเขาฟื้นขึ้นมาก็ทำร้ายตัวเอง ดีที่คุณชัยชัชพาส่งโรงพยาบาลทัน แต่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเขาไม่ยอมพูดกับใครเลย”
     ได้ยินแล้วอาร์มถึงกับทรุด เมษเองก็เซจนแทบยืนไม่อยู่ เธอต้องตั้งสติพักใหญ่
     “อาจารย์ครับผมขอโทษ ฮือๆ ผมขอโทษครับ”
     อาร์มยกมือขึ้นพนมที่อกพลางคร่ำครวญ เขาคลานเข่าเข้าไปกราบขอขมาแทบเท้าต้นตระการแล้วพร่ำคำขอโทษ
     “ขอโทษครับ เป็นเพราะผม ถ้าผมดูแลต้นให้ดีกว่านั้น”
     ต้นตระการปลอบแล้วพยุงอาร์มให้ลุกขึ้น
     “ช่างมันเถอะ ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก”
     สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เมษสับสน เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นน้ำ แต่เธอรู้อย่างหนึ่งว่าเพื่อนเธอฆ่าตัวตาย!
     “เกิดอะไรขึ้นกับต้นคะ!”
     เสียงของเมษเรียกความสนใจจากคนทั้งคู่
     “ถ้าหนูแปลไม่ผิด คุณพ่อพึ่งจะพูดว่านังต้นมัน... คุณพ่อคงไม่ได้บอกว่านังต้นมันฆ่าตัวตายใช่มั้ยคะ?”
     เมษถามด้วยเสียงสั่นเครือ เธอปากสั่นจนแทบพูดไม่เป็นภาษา เพื่อนสนิทของเธอฆ่าตัวตาย! นี่มันอะไรกัน!
     “คุณเล่าเถอะอนพัทย์ ผมเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชัยชัชเขาเล่าคร่าวๆ น่ะ”
     อาร์มเช็ดน้ำตาก่อนจะพยักหน้า แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็หลุดออกมาจากปากของอาร์ม ยิ่งเล่าเมษก็ยิ่งหน้าซีดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนต้นตระการเขากำหมัดแน่นด้วยความแค้นเพราะสงสารลูก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     หญิงสาววัยกลางคนๆ หนึ่งเดินตรงมาหาชัยชัชทันทีที่สังเกตเห็นเขา เธอยังดูสวยพริ้งเสียจนหนุ่มๆ ในสนามบินพากันมองตาม ท่าเดินกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วยามลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กก้าวไปอย่างมาดมั่นราวกับนางพญา แต่เมื่อเธอเดินไปหยุดตรงหน้าชัยชัชผู้ชายเหล่านั้นก็ต้องอกหัก ชายหนุ่มที่มารอรับเธอคนนี้เป็นผู้ชายดูดี เขาโดนเด่นจนกลบรัศมีคนอื่นมิด คนทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ผู้คนที่เฝ้ามองต่างก็ทอดถอนใจพากันอิจฉา
     โดยไม่มีใครคาดคิด! สาวสวยคนนี้กลับยกมือขึ้นตบหน้าหนุ่มหล่อฉาดใหญ่!
     “เธอทำกับลูกพี่แบบนี้ได้ยังไง นายชัช!”
     ชัยชัชก้มหน้าลงสำนึกผิด
     “พี่น้ำ ผม... ขอโทษ”
     “ขอโทษเหรอ พี่ให้โอกาสเธอไปแล้ว เธอสัญญาว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุด แล้วเธอปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับต้นได้ยังไง!”
     สายธารระบายความโกรธใส่ชัยชัชอย่างกราดเกรี้ยว ชัยชัชได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้สายธารทำตามใจชอบ ชัยชัชรู้ดีว่าหัวอกคนเป็นแม่คงแหลกสลายเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เขาผิดจนไม่อาจจะแก้ตัวได้
     “พาพี่ไปหาลูกเดี๋ยวนี้!”
     สายธารนำชัยชัชตรงไปยังประตูทางออกพลางสั่ง
     “แล้วระหว่างทางช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ฟังด้วย อ้อ! โดยละเอียดนะนายชัช! พี่อยากรู้ว่าเธอทำอะไรกับลูกชายพี่บ้าง!”
     “ครับ”
     พอรับคำเสร็จ ชัยชัชก็ลากกระเป๋าเดินตามด้วยท่าทางอมทุกข์ ถึงเวลาที่เขาต้องสารภาพบาปอย่างหมดเปลือกแล้ว!
     ระหว่างที่รถแล่นจากสนามบินไปยังโรงพยาบาล ชัยชัชก็เปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ปิดบัง เขารู้ดีว่าตนหลอกลวงสายธารไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ทันคนและมีนิสัยบางอย่างคล้ายเขาอย่างน่าประหลาด ต่อให้เขาหลบเลี่ยงไม่พูด เธอก็เดาถูกว่าเขาทำอะไรลงไป ที่สำคัญเธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอ
     “ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอกพี่น้ำ ผมผิดเอง ผมหึงมันเพราะกลัวมันจะเลิกกับผม ผมรู้ตัวพี่ว่าผมทำไม่ดีกับมัน”
     “นายก็รู้ว่าปัญหาของนายคืออะไร”
     “ผมรู้พี่! ผมรู้ว่าผมใจร้อน แต่... เฮ้อ ผมผิดเอง”
     ใจจริงชัยชัชอยากจะเถียงแทบขาดใจว่ายามที่เห็นผู้ชายคนอื่นอยู่กับเมียรักใครมันจะไปมีสติ โดยเฉพาะเมื่อต้นน้ำปฏิเสธเขาแต่กลับไปออดอ้อนออเซาะคนอื่น เขาทนไม่ได้!
     “ความใจร้อนของนายก่อเรื่องมากี่ครั้งแล้วนายชัช! พี่ไว้ใจให้นายดูแลต้น แต่นายกลับ... พี่ว่านายยังไม่พร้อมจะมีครอบครัวหรอก นายเป็นผู้ใหญ่ ต้องเป็นผู้นำครอบครัว กลับสร้างแต่ปัญหา พอเกิดเรื่องแทนที่จะใช้สติก็ใช้แต่อารมณ์ ถึงตาต้นจะใจเย็นมากแต่ก็เป็นเด็ก เขาไม่ได้ผ่านโลกมาเท่านาย นายจะหวังให้ตาต้นเป็นฝ่ายเข้าใจนายทุกอย่างได้ยังไง นายเป็นแบบนี้ไม่มีใครทนนายได้หรอก”
     “ผมรู้พี่ ผมรู้ตัว คราวนี้ถ้าต้นมันจะขอเลิกผมก็คงไม่ยื้อมันไว้หรอก ผมขอโอกาสอีกครั้งเท่านั้น ให้ต้นมันอาละวาดใส่ผมยังดีซะกว่า”
     เกิดความเงียบชั่วขณะ สายธารกลืนน้ำลายก่อนจะถามต่อ
     “แล้วหมอว่ายังไงบ้าง ร้ายแรงถึงขั้นนั้นจริงๆ เหรอ?”
     “ผมเองก็ไม่รู้ เท่าที่คุยสมองไม่มีอะไรผิดปกติ ต้นรับรู้นะ แต่เหมือนไม่ยอมสนใจ คงเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า แต่ไม่ถึงกับเป็นบ้าไปจริงๆ หรอก”
     “แล้วซึมเศร้า ไม่พูดไม่จาแบบนี้มันไม่หนักเหรอไง ลูกพี่ฆ่าตัวตายนะ ต้นไม่ได้ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากนาย ตาต้นต้องการตายจริงๆ!”
     พูดถึงตรงนี้สายธารก็น้ำตาไหล ชัยชัชเองก็ขบกรามแน่น คำพูดที่บอกว่า “ไม่มีใครรัก” ยังก้องอยู่ในหัว ชัยชัชรู้ดีว่าปัญหาของต้นน้ำคืออะไร ต้นน้ำต้องการใครสักคนที่รักตน ต้นน้ำเติบโตมาพร้อมกับการโหยหารักแท้จากครอบครัว แต่เมื่อเขาทรยศ ความผิดหวังทั้งหมดจึงเป็นแรงผลักดันให้ต้นน้ำคิดสั้น
     “พี่น่าจะพาต้นไปอยู่ด้วย”
     ชัยชัชรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ทางแก้ ปมในใจของต้นน้ำไม่อาจถูกลบได้ง่ายๆ เช่นนั้น เขาอยากเอ่ยออกไปว่า “เราทุกคนรักต้น แต่ต้นมันต้องหัดเชื่อใจความรักของคนอื่นบ้าง” ทว่าไม่กล้า ชนักที่ปักหลังเขาอยู่ค้ำคอจนต้องกลืนประโยคนี้ลงไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... สงครามนางงามวันนี้ พี่ต้นน่าสงสารมาก รู้เขาหลอกแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ อินเนอร์มาเต็มว่ารักโซ่ "คนฉลาดคือคนที่รู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้" โดนอ่ะ!
มันเกี่ยวอะไรกับนิยายเรื่องนี้มั้ย? ไม่เกี่ยว แค่คนแต่งติดสงครามนางงาม ส.+อ.เลยมาช้า เหอะๆ
ชอบละครที่ทุกตัวมันมีสีเทาๆ ดูไปดูมาชักจิ้นคุณชยุตกับคุณก้องซะงั้น สองหนุ่มนี่เขาเคมีเข้ากันแบบแปลกๆ ดูคุณชยุตแล้วนึกถึงพี่ชัช แต่เจ้าชู้คนละแบบกันนะ เหอะๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     ภายในห้องพิเศษวันนี้มีเจ้าสัววีรชัยนั่งอยู่เพียงผู้เดียว เจ้าสัวกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนหลังพิงเบาะหลับพลางกรน ภาพของคุณปู่แก่ๆ ที่มาเฝ้าหลานชายเกือบทุกวันเป็นที่โจษจันไปทั่ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องเจ้าสัวก็ล้มป่วย แต่เมื่อมีแรงพอจะออกจากบ้านได้เจ้าสัวก็รบเร้าจะมาเฝ้าหลานชายทุกวัน ทำให้ณีร์นันท์ต้องเป็นหัวเรือหลักในการดูแลกิจการ เกรียงไกรเองก็ต้องคอยเป็นธุระช่วยงานอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
     สมาชิกคนอื่นในครอบครัวผลัดกันมาเยี่ยมต้นน้ำไม่ขาดสายแม้จะติดพันภาระหน้าที่การงาน โดยเฉพาะชลิษาที่ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการเรียนมากเพียงใดก็จะแวะมาหาต้นน้ำสม่ำเสมอ เธอถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเห็นสภาพของน้องชายต่างมารดา แขกที่เหลือก็มีแต่ชัยชัชและแม็กซ์ แต่ฝ่ายหลังดูจะเป็นที่ต้อนรับมากกว่า ทุกคนไม่รู้เลยว่าแขกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับต้นน้ำใกล้จะมาถึงแล้ว
     เวลาเย็นใกล้ค่ำสายธารเปิดประตูนำชัยชัชเข้ามาในห้อง เธอยกมือไหว้คนที่อยู่ก่อนแล้วอย่างมีมารยาท เจ้าสัววีรชัยและเกรียงไกรหันมารับไหว้สายธารแต่เจ้าสัวกลับมองผ่านชัยชัชไปอย่างไร้ตัวตน เกรียงไกรจึงได้แต่ส่งสายตาแสดงความเห็นใจให้ ท่านเจ้าสัวกับสายธารทักทายกันนิดหน่อยก่อนจะปล่อยให้สายธารเดินเข้าไปหาลูกตัวเอง
     ต้นน้ำหลับอยู่บนเตียง ร่องรอยพกช้ำจางไปมากแล้ว แต่แผลที่ข้อมือก็ทำให้เธอน้ำตาร่วง
     นิ้วเรียวยาวของผู้เป็นแม่สัมผัสใบหน้ายามหลับของลูกเบาๆ ด้วยความรักใคร่ เธอคิดถึงลูกแทบขาดใจ การอยู่กันคนละซีกโลกทำให้เธออาวรณ์ต้นน้ำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตั้งใจว่าหากได้กลับมาเยี่ยมกันเธอจะกอดเจ้าชายของเธอให้หนำใจด้วยแรงคิดถึง แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมาเพราะเหตุร้ายเช่นนี้
     สายธารก้มลงจูบบนกระหม่อมของต้นน้ำ หยดน้ำตาของเธอจึงร่วงหล่นลงบนแก้มของคนหลับ ต้นน้ำกระพริบตารู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจับจ้องที่สายธารอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลง
     เมื่อสายธารเห็นอาการของลูกชายก็หลุดสะอื้นออกมา เธอยืนร้องไห้ท่ามกลางความสงสารจากคนในห้อง เกรียงไกรที่เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นเปลี่ยนบรรยากาศ
     “เอ้าๆ ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาหน่อยสิต้น เดี๋ยวพยาบาลจะเอาข้าวเย็นมาให้แล้วนะ”
     เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ เอ่ยปลุกต้นน้ำพลางปรับเตียงให้เป็นลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอน
     “เอาแต่นอนทั้งวัน ตื่นได้แล้วลุกๆ”
     เกรียงไกรเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ต้นน้ำที่ถูกรบกวนจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ลุงและหลานสบตากันชั่วขณะก่อนที่ต้นน้ำจะยอมแพ้ประคองตัวนั่ง แต่สายตาของเขากลับไม่ยอมมองใครเลย ต้นน้ำเอาแต่มองความว่างเปล่าในอากาศ
     “แม่เขาอุตส่าห์กลับมาหาเรา ไม่ดีใจเหรอ?”
     สายธารหันไปสบตาเป็นเชิงขอบคุณ
     “เป็นยังไงบ้างครับ?”
     สายธารพยายามทักทายลูกของเธอแต่แล้วก็อับจนคำพูด
     “แม่คิดถึงเรานะตาต้น”
     เธอกล่าวด้วยเสียงสะอื้น มือของเธอจับลูกชายไว้แน่น แรงบีบเบาๆ ที่ส่งมาทำให้แววตาเศร้าๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของต้นน้ำ ความอ้างว้างที่ปรากฏชั่วครู่สร้างความดีใจให้กับเกรียงไกร หลานชายของเขาตอบสนองแล้ว!
     แต่นั่นก็เพียงครู่เดียว ต้นน้ำทำตัวนิ่งเป็นหุ่นปล่อยให้สายธารเป็นฝ่ายพร่ำพรรณนา เกรียงไกรจึงทนไม่ไหวเอ่ยปากชวนสายธารคุยบ้าง พูดกับต้นน้ำบ้าง ไม่ปล่อยให้บรรยากาศอึดอัด นานเข้าทั้งคู่ก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบกันโดยมีชัยชัชนั่งฟังเงียบๆ

     จนกระทั่งแขกคนสุดท้ายของวันมาถึง ต้นตระการพาเมษเข้ามาในห้อง เขารู้อยู่แล้วว่าสายธารจะมาถึงวันนี้ คนทั้งคู่กล่าวทักทายกันตามมารยาทแล้วต่างคนต่างอยู่ สายธารวางช้อนอาหารอ่อนลงแล้วรับไหว้เมษ
     “สวัสดีค่ะคุณแม่”
     เมษกล่าวพลางย่อตัวลงทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย
     “ดีจ้ะหนูเมษ หนูมาเยี่ยมตาต้นเหรอลูก”
     “ค่ะ แต่หนูพึ่งทราบเรื่องค่ะ ไม่มีใครบอกอะไรหนูเลย!”
     เมษกล่าวเสียงเย็นพลางจิกสายตาไปที่ชัยชัช ความจริงแล้วเธอรู้ดีทุกอย่างนับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นต้นน้ำก็เล่าทุกอย่างให้เธอฟัง แม้แต่เรื่องที่ชัยชัชตามไปหึงหวงอาร์มเธอก็รู้ สิ่งที่เมษไม่รู้มีเพียงเรื่องเดียวคือเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับต้นน้ำตนเพื่อนของเธอคิดสั้น เมษจึงโกรธมาก!
     สายธารเห็นท่าไม่ดีจึงหันไปแนะนำแขกในห้องที่เหลือ
     “หนูเมษรู้จักคุณปู่ของต้นรึยังจ้ะ ส่วนนั่นคุณลุงจ้ะ”
     “อุ๊ยสวัสดีค่า หนูชื่อเมษาเป็นเพื่อนรักนังต้นค่ะ มันเคยสัญญากับหนูว่าจะแก่ตายด้วยกัน!”
     เมษกระแทกเสียงพลางหันไปจ้องคนบนเตียงที่ก้มหน้าลงมากกว่าปกติ
     “ป้อนข้าวมันอยู่เหรอคะ”
     “จ้ะ แต่สงสัยอาหารโรงพยาบาลไม่ค่อยถูกปาก ไม่ยอมทานเลย”
     “คงงั้นแหละค่ะ ได้ข่าวว่ามันต้องล้างท้องด้วยนี่คะ!”
     เสียงของเมษเต็มไปด้วยอารมณ์ประชดประชันจนทุกคนรู้สึกได้ ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่เมษจนไม่มีใครสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงขององศาในการก้มหน้าของคนบนเตียง แต่เมษเห็น! เธอหันไปย่อตัวลงไหว้ทุกคนอีกครั้งแล้วเอ่ยขอโทษ
     “ขออนุญาตนะคะคุณพ่อ ขออภัยนะคะคุณปู่ คุณลุง ลองวิธีของหนูนะคะคุณแม่”
     แล้วเมษก็เดินไปที่ข้างเตียงคนป่วย เมษสังเกตเห็นหยดน้ำตาของต้นน้ำ สายธารที่มองตามก็เห็นเช่นกัน แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยทักเรื่องนี้เรื่องที่น่าตกใจกว่าก็เกิดขึ้น!
     “เพี๊ยะ!”
     เมษตบเพี๊ยะไปยังแก้มของต้นน้ำจนคนถูกตบเผลอยกมือกุมแก้มอ้าปากค้างมองหน้าเพื่อนรัก!
     “นังโง่!”
     เมษด่าต้นน้ำพลางหลั่งน้ำตาท่ามกลางความตกใจของทุกคนในห้อง!
     “แกจะฆ่าตัวตายให้มันได้อะไรขึ้นมาย๊ะ!”
     ท่ามกลางสายตาของทุกคน ตัวของต้นน้ำเริ่มสั่นเพราะแรงสะอื้น หยดย้ำตาร่วงลงมาเป็นสาย เจ้าสัววีรชัยตกใจเตรียมอ้าปากตำหนิเมษแต่เกรียงไกรก็ขัดพ่อของตนไว้เพราะปฏิกิริยาของต้นน้ำ สายตาที่มองสบกับเมษทำให้ทุกคนรอลุ้นอยู่ในใจ ต้นน้ำมองเมษด้วยแววตาละอาย
     “แกไม่คิดถึงคนที่รักแกเลยรึไงห๊ะนังโง่! อยู่ๆ ก็คิดสั้น ชีวิตแกมันทุกข์มากรึไงห๊ะ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว!”
     “นายไม่รู้อะไรซักหน่อยเมษ!”
     นั่นคือประโยคแรกที่ต้นน้ำเอ่ยออกมานับตั้งแต่ฟื้น
     “ทำไมฉันจะไม่รู้! อีอาร์มมันเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”
     สาวน้อยราศีเมษสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
     “แกมันชอบหนีปัญหา แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็รู้ว่าคนอย่างแกไม่ทนโดนตบอยู่ฝ่ายเดียว”
     เมษพูดพร้อมเบะปากใส่ ต้นน้ำได้แต่เม้มปากกัดฟันแน่นพลางสะอื้น
     “ฉันตบแกเพราะคราวนี้แกผิดเต็มๆ เลยนังต้น แกคิดสั้นแบบนี้ได้ยังไงห๊ะ แกทำร้ายตัวเองทำไม”
     พอขาดคำเมษก็พุ่งไปสวมกอดต้นน้ำ น่าเหลือเชื่อที่ต้นน้ำเองก็ซบลงบนไหล่เล็กๆ ของเมษเช่นกัน คนทั้งคู่ต่างกอดกันร้องไห้ท่ามกลางความสะเทือนใจของคนในห้อง
     “นังโง่!”
     “เราขอโทษ ฮือๆ เราไม่อยากอยู่แล้ว เรากลัว ฮือๆ
     “ไหนแกสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนซี้กันไปจนตายไง”
     ต้นน้ำตะเบ็งเสียงร้องไห้โฮท่ามกลางสายตาของทุกคน ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
     “เรากลัวนี่เมษ เรากลัวเป็นเอดส์ มันเอาอะไรให้เราทานก็ไม่รู้  เรากลัวติดยา ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เราจะทำยังไง พวกมันอัดคลิปไว้ด้วย เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฮือๆ
     “บ้า! แกไม่ได้โชคร้ายถึงขั้นนั้น”
     “นายไม่เข้าใจ! เราทำให้ทุกคนผิดหวัง ถ้าคนอื่นรู้ทุกคนต้องขายหน้าเพราะเรา! แค่ที่เป็นแบบนี้ก็น่าอายแล้ว เราไม่อยากให้คุณปู่เกลียดเรา ไหนจะที่มหาวิทยาลัยอีก พ่อเราจะทำยังไง เราจะกลับไปเรียนได้ยังไงเมษ เราไม่อยากถูกเกลียด เรากลัว พี่ชัชก็ไม่รักเราแล้ว เราไม่เหลือใครแล้ว! นายเข้าใจมั้ยเมษ ฮือๆ ถ้าต้องถูกเกลียดเราขอตายดีกว่า เราไม่อยากอยู่โดยไม่มีใครรัก ฮือๆ
     ความหวาดกลัวของต้นน้ำทำให้ทุกคนเศร้าใจ ต้นน้ำโหยหาความรักจากทุกคน เจ้าสัววีรชัยส่ายหน้าด้วยความช้ำใจพลางรำพึงรำพัน
     “อาตี๋เล็กเอ๊ย อากงรักลื้อน้า อากงไม่เคยเกลียดลื้อ”
     เกรียงไกรรู้ดีจึงปลอบพ่อของตนด้วยความสงสาร เขารู้จักนิสัยปากร้ายใจดีของผู้เป็นพ่อแต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าหลานชายขาดความอบอุ่นถึงเพียงนี้
     ต้นตระการหลับตาลงด้วยความสำนึกผิด เขาน่าจะทำดีกับลูกให้มากๆ ต้นน้ำจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวว่าตนไม่เป็นที่ต้องการเช่นนี้ เขาเสียใจที่ยังชดเชยให้ลูกไม่พอ
     สายธารเองก็เสียใจ เธอคิดเสียดายว่าเธอน่าจะพาลูกไปอยู่ด้วยกัน เธอรู้จักลูกของตนดีแต่กลับไม่รอบคอบพอปล่อยให้ต้นน้ำต้องตกอยู่ในสภาพนี้
     เสียงคร่ำครวญอย่างไร้สติของต้นน้ำดังสลับกับเสียงปลอบของเมษ
     “แค่ผู้ชายคนเดียวเองแก หาผัวใหม่ก็ได้ มีคนรอต่อคิวอีกเพียบ ถ้าใครมันมาด่าแกๆ เชิดหน้าใส่ไปเลยสิ บอกว่าเพราะแกสวยพวกมันเลยหน้ามืด หรือแกจะเอาอย่างฉันก็ได้นะ ไม่แคร์ผู้ชายแต่รักเพื่อนจนวันตายไงแก แกมีฉันอยู่ทั้งคนนะนังต้น”
     แม้จะเป็นคำปลอบที่มีเนื้อหาประหลาดแต่ทุกคนก็รับรู้ว่าเพื่อนสาวของต้นน้ำคนนี้มีแต่ความปรารถนาดีให้กับคนที่พวกเขารัก
     ต้นน้ำร้องไห้ให้เมษโอ๋เหมือนเด็ก คนทั้งคู่อยู่ในโลกส่วนตัวไม่แคร์ใคร สายธารเองก็รู้ดีจึงปล่อยให้เสียงร้องไห้ดำเนินต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “ต้นหลับแล้วเหรอครับ?”
     ชัยชัชเอ่ยถามสายธารที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย
     “จะ ร้องไห้จนหลับไป”
     ชัยชัชพยักหน้าแสดงอาการรับรู้ ใบหน้าของเขามีทั้งแววตาเศร้าหมองปะปนอยู่กับสีหน้าโล่งใจ
     “แล้วพี่น้ำจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนรึเปล่า?”
     “พี่จะกลับคอนโดก่อน คงต้องรบกวนนายสักพักนะนายชัช”
     แม้จะเป็นห้องพิเศษ แต่ก็มีแต่แขกฝั่งตระกูลรัตนมงคลไชย สายธารคิดว่าคงไม่ดีแน่ถ้าเธอจะมาเฝ้ากินนอนที่นี่
     “ครับ เดี๋ยวผมเอากุญแจห้องให้ พี่จะได้ไม่ต้องรอผม แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าต้นมันเก็บกุญแจรถคันนั้นไว้ไหน คงต้องไปหาอีกที”
     ชัยชัชรับคำแล้วเดินนำสายธารไปยังลานจอดรถ เขาออกมาก่อนหน้าสายธารพักใหญ่เพราะทนไม่ไหว สภาพของต้นน้ำสร้างบาดแผลลึกในใจจนชัยชัชรู้สึกราวกับตัวเองแก่ขึ้นนับสิบปี
     สายธารมองหน้าของชัยชัชที่ตาแดงก่ำเหมือนคนพึ่งผ่านการร้องไห้หนักมาแล้วก็พูดขึ้น
     “ตาต้นรักนายมากนะนายชัช”
     “ผมรู้พี่ผมรู้ ผมเองก็รักต้น แต่คงไม่ดีพอ”
     ชัยชัชรู้ดีว่าความรักที่ต้นน้ำมีให้กับเขานั้นมันมากมายมหาศาล ผิดกับเขาที่แม้จะรักแต่ก็คงเทียบกันไม่ได้ เขารักต้นน้ำก็จริงแต่กลับทุ่มเทได้ไม่เท่าที่ต้นน้ำทำ เขาเห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ตัวเองเป็นใหญ่จึงรักความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากต้นน้ำและกลัวว่าสักวันมันจะหายไป ที่ผ่านมาเขาคิดแต่เพียงว่าทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดจึงเผลอละเลยเรื่องสำคัญอย่างเรื่องจิตใจ เขาปล่อยให้ต้นน้ำทนทุกข์กับปัญหารบกวนจิตใจนานเกินไป นานวันเข้ากว่าเขาจะรู้ตัวมันก็สายเสียแล้ว เกิดรูรั่วในหัวใจของต้นน้ำที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม!
     “พี่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องปัญหาของเธอกับต้น แต่พี่จะทำทุกอย่างให้ลูกพี่มีความสุข หวังว่าเธอคงเข้าใจ”
     “ครับ อะไรที่เป็นความสุขของต้น ผมยอมทุกอย่าง ตอนนี้ขอแค่ได้เห็นมันยิ้มผมก็พอใจแล้ว”
     “ต่อให้ตาต้นไม่ได้ยิ้มให้เธอ?”
     ชัยชัชยิ้มด้วยแววตายอมแพ้ให้สายธาร
     “ครับพี่ ขอแค่คนที่ผมรักมีความสุขผมก็พอใจแล้ว”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ต้นน้ำรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสองอาทิตย์ แม้ยานอนหลับที่ต้นน้ำทานจะเป็นยานอนหลับกลุ่มที่ค่อนข้างแรงแต่เมื่อไม่ได้ใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์และพาไปล้างท้องทันจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่บาดแผลที่ข้อมือก็สาหัส โชคดีที่แพทย์ผู้ทำการเย็บแผลให้ค่อนข้างมีฝีมือ ทุกคนจึงได้แต่หวังว่ารอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้จะไม่น่าเกลียด
     เพราะอาชีพผู้แทนของชัยชัชชายหนุ่มจึงผูกพันกับยา เขามียาหลายชนิดเก็บไว้ที่คอนโด ทั้งตัวอย่างยาหายากและยาราคาแพงที่เขามักจะแอบนำไปหมุนเป็นเงินเสมอ และเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยา ในกล่องยาประจำบ้านของเขาจึงมีแต่ยาที่ค่อนข้างปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย เขาอดโล่งใจไม่ได้ว่าดีที่ต้นน้ำเลือกหยิบยานอนหลับพวกนี้ทานแทนพาราที่เป็นพิษต่อตับ ดีที่เขาเก็บยาไว้ไม่กี่แผง ฤทธิ์ยาจึงไม่มากพอจะกดระบบหายใจจนตาย และโชคดีที่เขากลับมาทันต้นน้ำยังไม่เสียเลือดมากจนช็อก เขานึกขอบคุณที่ตนมีความรู้เรื่องพวกนี้จึงรู้เท่าทันอาการของต้นน้ำไม่ปฐมพยาบาลผิด ชัยชัชรู้ดีว่าปัญหาใหญ่ของต้นน้ำคืออาการซึมเศร้า เขาก็ได้แต่หวังว่าทางนั้นจะยอมพาต้นไปเข้ารับการรักษา ที่เหลือนี้ก็มีแต่ฝากความหวังไว้ที่สายธาร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “หน่าป๊า อั๊วะว่าคุณน้ำอีก็พูดมีเหตุผลนะ”
     “แต่เกิดอาตี๋เล็กอีน้อยใจอีกล่ะ เกิดอีคิดว่าพวกเราหาว่าอีเป็นบ้า”
     “ไม่หรอกค่ะเจ้าสัว คนที่ไปพบจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นโรคประสาทนะคะ”
     “แต่...”
     สายธารเข้าใจที่เจ้าสัวห่วงความรู้สึกของต้นน้ำ เธอเองก็ห่วง แต่คิดว่าตนรับมือได้
     “จำที่หนูเมษบอกไม่ได้เหรอคะ หนูยังคิดเลยว่าบางทีหนูอาจจะโอ๋ลูกเกินไป ตาต้นถึงได้อ่อนแอแบบนี้”
     “แล้วอาตี๋เล็กอีจะยอมไปเหรอ อีไม่ยอมออกจากห้องนอนด้วยซ้ำ”
     “ก็เราต้องพาอีไปตรวจแผลอยู่แล้วนี่ป๊า ก็พาอีไปตอนนั้นสิ”
     “หนูมีวิธีจัดการค่ะ ตาต้นไม่กล้าดื้อกับหนูหรอก ถ้าจัดการไม่ไหวก็ขอแรงหนูเมษให้มาช่วยสิคะ”
     สายธารยิ้มเมื่อคิดถึงเพื่อนรักของลูกชาย เธอโล่งใจที่ต้นน้ำมีเพื่อนดีๆ อยู่เคียงข้าง ร่างกายของลูกชายเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เรื่องจิตใจทุกฝ่ายก็พยายามช่วยกัน ส่วนเรื่องสังคม เรื่องการเรียนก็คงต้องปล่อยให้พ่อของต้นน้ำจัดการ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... โรคซึมเศร้าแหละ ต้นเป็นโรคซึมเศร้า ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนอยากจะหนีความจริง แต่ไหนแต่ไรก็เป็นพวกหนีปัญหาอยู่แล้ว ดีนะมีน้องเมษคอยดึงไว้
พยายามถ่ายทอดสาระลงไปเล็กน้อย ใครที่คิดจะฆ่าตัวตายอย่าไปกินพารานะ ตับเสื่อม ล้างโคตรท้องทรมาน ยานอนหลับดูชนิดดีๆ ด้วย บางอันกินเข้าไปเยอะๆ ก็ใช่ว่าจะตาย ก่อนจะฆ่าตัวตายทุกวิธีต้องมั่นใจว่าจะไปชัวๆ ไม่งั้นผลของการกระทำมันทรมานนะ ยังต้องอยู่แบบนั้นไปอีกนาน หรือไม่วิธีที่ง่ายกว่านั้น ดูชีวิตน้องต้นแล้วเอาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ อย่าไปทำอะไรแบบนั้นตามตัวเอกงี่เง่านะ ฮ่าๆ

วันนี้ดีใจมาก มีน้องคนนึงส่งข้อความมาในเพจ บอกว่าตามอ่านเรื่องนี้เพราะเพื่อน ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจแต่พออ่านๆ ไปแล้วติด คือรักเลยอ่ะ โคตรปลื้ม กำลังใจมาเต็มเปี่ยม มันคือน้ำทิพย์สำหรับเราจริงๆ ... แต่อีกใจนึงก็แอบกลัวนะ
นิยายเรื่องนี้มันแรงพอสมควร ถึงเราไม่เคยจั่วหัวกระทู้ล่อเป้าว่า "NCจ้า เชิญเข้ามาหื่น" แต่เรามั่นใจว่าถ้าคนที่อ่านมีประสบการณ์พอจะรู้ว่าไอ้ความฟินตอน "เฮ้อ โล่งไปหมดเลยครับ" มันคืออะไร ฮ่าๆ จะมีนิยายบ้าๆ กี่เรื่องที่หยิบเอาชนิดของถุงยางมาพูด เอาเรื่องขลิบไม่ขลิบมาเป็นประเด็น กลัวทำเด็กๆ ใจแตกเหมือนกัน
ดังนั้นถ้ามีเด็กคนไหนมาอ่านฟังพี่ต้นเขานะลูกเอ้ย ฉากพี่ต้นสอนน้องเตอร์นั่นแหละ อย่าพึ่งไปหื่นมาก ถ้าจะหื่นหัดพกถุงไว้บ้าง ไม่จำเป็นต้องรักนวลสงวนตัวเป็นชะนีไม่โดนน้ำก็ได้ อยากสนุกก็ทำไปแต่ต้องมั่นใจว่าไม่ทำให้ตัวเองและสังคมเดือดร้อน ต้องมีวุฒิภาวะพอ
ถ้ามีเกเก้ผ่านมาอ่านก็ระวังไว้ด้วย อย่างที่ตาอาร์มบอก แม้การออรัลจะเสี่ยงน้อยแต่ไม่ได้แปลว่าไร้ความเสี่ยง ใช้ถุงยางทุกครั้งเถอะนะ สถิติคนเป็นเอดส์เยอะมากจริงๆ ตอนนี้ ต่อให้มียาต้านกินไปเรื่อยๆ แต่มันก็เสี่ยง ถ้าคุณไม่รู้ตัวแล้วไปซั่มแบบไร้การป้องกันมันก็เป็นการแพร่เชื้ออีก
อย่าทำตัวแบบอีพี่ชัช เราไม่รู้หรอกว่าแฟนเราไว้ใจได้มากแค่ไหน เกิดมันไป ยสตน. กับคนอื่นมาล่ะ ป้องกันได้ก็ป้องกันนะทุกคน
นอกนั้นอะไรที่ดีและไม่ดีในเรื่องเราว่าคนอ่านนิยายเรื่องนี้มีความคิดพอ คือถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ได้คงได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อยอ่ะ แต่ห่วงเรื่องเซ็กส์ในเด็กวัยรุ่นมากกว่า ไม่งั้นคงไม่เขียนคุณแม่สายธารออกมาแบบนั้น เขียนส่งๆ เป็นอิสาวใจแตกคลอดแล้วทิ้งเหมือนนิยายน้ำเน่าเรื่องอื่นก็ได้ แต่เราอยากเน้นว่ามันมีผลกระทบกับชีวิตมากจริงๆ นะ แต่ต่อให้คุณผิดพลาดไปแล้วก็ยังกลับมาเดินทางที่ถูกที่ควรแบบสวยๆ ได้ถ้ากลับตัวทัน
ด้วยรักจากใจคนเขียนจ้า เป็นห่วงคนอ่านทุกคนนะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     ต้นน้ำพักฟื้นอยู่ที่บ้านภายใต้การประคบประหงมของทุกคน แม้สาธารจะพักอยู่ที่ห้องของชัยชัชแต่เธอก็แทบจะขลุกอยู่กับลูกทุกวัน เจ้าสัวเลยเอ่ยปากชวนมาพักด้วยกันที่บ้าน แต่สายธารเพียงแต่กล่าวขอบคุณแล้วปฏิเสธน้ำใจนี้ เธอยืนยันว่าเกรงใจทุกคนและยินดีขับรถไปกลับเพื่อมาดูแลลูกเช่นนี้ทุกวัน ทิฐิและความทะนงตนของสายธารทำให้เกรียงไกรถึงกับกุมขมับเพราะสัมผัสได้ถึงชิ้นส่วนเล็กๆ พวกนี้ในตัวต้นน้ำที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นมารดา นอกจากนี้หลานชายของเขายังได้เชื้อหัวแข็งจากต้นตระการมาเต็มเปี่ยม
     ระหว่างนี้แม็กซ์ขยันมาเยี่ยมต้นน้ำเป็นประจำ แม้ส่วนมากแล้วต้นน้ำจะนั่งนิ่งๆ และใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเหม่อลอย แต่แม็กซ์ก็ไม่ยอมแพ้ เขาพยายามเข้าตามตรอกผ่านทางเจ้าสัวสุดชีวิต และเหมือนว่าเจ้าสัวจะชอบใจแม็กซ์มากเมื่อได้ยินว่าแม็กซ์คือคนที่ไปช่วยต้นเอาไว้ ความรู้สึกที่แม็กซ์มีให้กับต้นปรากฏออกมาชัดเจนจนทุกคนรับรู้ เจ้าสัวจึงเปิดไฟเขียวให้แม็กซ์เต็มที่
     ส่วนเมษเองก็กลายมาเป็นแขกประจำของบ้าน เพื่อนทั้งคู่พยายามชักชวนต้นน้ำทำกิจกรรมต่างๆ แม้จะไม่ค่อยสำเร็จก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็โล่งใจเพราะเวลาที่เมษมาหาต้นน้ำจะสนใจเรื่องรอบตัวมากกว่าปกติ
     วันนี้ก็เช่นกันเมษชวนต้นน้ำลงมานั่งเล่นในสวน
     “ฮ้า! สดชื่น แกนะแกมีสวนสวยๆ ร่มรื่นแบบนี้อยู่ในบ้านแท้ๆ เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้อง”
     “แดดร้อน”
     “แดดเดิดอะไรยะ! นี่มันจะห้าโมงแล้ว เอาแต่นอนทั้งวันจนอืดหมดแล้วอ่ะแก”
     เมษพูดพลางพิจารณาสภาพของเพื่อนรัก เพื่อนของเธอผอมลงไปมากจนเรียกได้ว่าโทรม ทุกคนเล่าว่าต้นน้ำไม่ค่อยยอมทานอะไร ป้อนอะไรให้ก็ทานได้คำสองคำแล้วอาเจียน แม่ของต้นน้ำเล่าว่ายารักษาอาการซึมเศร้าจะทำให้ต้นน้ำซึม อาจจะมีอาการเบลอไปบ้างแต่ในที่สุดร่างกายก็จะปรับสภาพไปเอง เพราะในระยะยาวแล้วนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับต้นน้ำ
     “แกนะแก ปากแห้งหมดแล้ว ปล่อยให้ปากลอกแบบนี้ได้ยังไงยะ เอาลิปฉันไปทามะ?”
     โดยไม่รอคำตอบ เมษเปิดกระเป๋าคว้าลิปมันจะเอามาทาให้แต่ต้นน้ำกลับหยุดมือของเมษไว้
     “ช่างมันเถอะ”
     “ช่างได้ไง แกไม่เจ็บเหรอ? ปากแห้งแตกเป็นขุยแบบนี้น่าเกลียดอะ ไม่ได้ๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้เพื่อนฉันโทรม”
     “ทาไปเราก็ไม่สวยเท่าเมษหรอก”
     “อ๊ะมันแน่อยู่แล้ว แต่ต่อให้แกสวยสู้ฉันไม่ได้ก็ยังต้องสวยย่ะ”
     เมษว่าพลางบรรจงถูกลิปเข้าที่ริมฝีปากของต้นน้ำ
     “จะสวยไปทำไม พยายามให้ตายเราก็ไม่สวยหรอกเมษ เราเป็นผู้ชาย ถึงสวยได้ก็เป็นของปลอม ไม่ใช่ผู้หญิง”
     ต้นน้ำเริ่มน้ำตาร่วงอีกครั้งแต่เมษกลับแหวใส่!
     “แล้วไงย๊ะ! ถึงฉันจะไม่มีมดลูก แต่ฉันสวยแล้วมีความสุข ทำตัวเองให้ดูดีแล้วมีความสุขออก แค่อกหักครั้งเดียวจะปล่อยตัวเองให้โทรมทำไม เครื่องเคราแกก็ยังดีไม่สึกหรอจะกังวลไปทำไม บำรุงตัวเองอีกนิด สวยแล้วแกจะมีผัวกี่คนก็ได้”
     “แต่เราไม่เข้มแข็งเหมือนนาย เรารักพี่ชัช ฮือๆ
     “โอ๊ยอีนี่! ร้องไห้คิดถึงผัวอีกแล้ว ถ้ารักเขามากแล้วทำไมตอนเขามาขอคืนดีไม่เซย์เยสกับเขาไปละย๊ะ!”
     “ก็เรา ...”
     สีหน้าขมขื่นของต้นน้ำทำให้เมษขัดใจ
     “โอ๊ย ทีผัวแกยังไปแรดกับคนอื่นได้เลย แกก็มีนิดๆ หน่อยๆ บ้างจะเป็นไรไป ตาต่อตาฟันต่อฟันไงแก นึกซะว่าแก้แค้น”
     “แต่เรากลัวนี่ ถ้าพี่ชัชรังเกียจเราล่ะ”
     “ก็ไม่เห็นจะรังเกียจอะไรแกนิ เห็นเอาแต่ยืนร้องไห้ แกไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย รอดเอดส์ รอดตาย ไม่ติดยา จบป่ะ? สู้ได้แล้ว จะซึมอะไรนักหนา”
     “นายไม่เข้าใจหรอกเมษ!”
     “ย่ะ! ฉันไม่เข้าใจแก แต่ฉันเป็นห่วง ไม่อยากเห็นแกเศร้า โอเคมะ เข้าใจมั้ยว่าเพื่อนเป็นห่วง!”
     น้ำเสียงจริงจังของเมษทำให้ต้นน้ำรู้สึกตัว
     “ขอโทษนะ”
     “ย่ะ! จำไว้นะ ฉันอนุญาตให้แกโง่แค่ครั้งเดียว ถ้าแกทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีกฉันจะไปขุดศพแกมาแต่งหญิงประจานก่อนเผาเลยคอยดู!”
     “อื้ม”
     มุกตลกของเมษทำให้ต้นน้ำอมยิ้มน้อยๆ อารมณ์ขันเชิงประชดประชันแต่แฝงไว้ซึ่งความจริงใจของเมษเรียกร้อยยิ้มจากต้นน้ำได้เล็กน้อย ต้นน้ำดูผ่อนคลายขึ้นเมื่อมีเมษอยู่ใกล้ๆ ทำให้คนในบ้านรู้สึกขอบคุณเมษอยู่ไม่น้อย
     เด็กทั้งสองนั่งสนทานากันอีกพักใหญ่ก่อนที่เมษจะขอตัวกลับ แต่พอเมษกลับไปแล้วต้นน้ำก็นั่งซึมอีกรอบ เขานั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิมปล่อยให้น้ำตาไหลจนฟ้ามืดท่ามกลางความกังวลของทุกคน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “สวัสดีครับพี่น้ำ ต้นละครับ”
     “หลับอยู่ข้างบนจ้ะ”
     “เป็นไงบ้างครับ?”
     “ก็เหมือนเดิมแหละ ทานน้อย ยังทานอะไรไม่ค่อยได้นอกจากพวกซุป เจ้าสัวแกก็เลยขยันหายาบำรุงอะไรมาเยอะแยะ แต่ตาต้นทานเข้าไปแล้วก็อ้วกออกมาตลอด”
     ชัยชัชยิ้มน้อยๆ ให้กับความรักหลานของเจ้าสัววีรชัย วันนี้ดูเหมือนทุกคนจะไม่อยู่บ้าน เหลือแต่สายธารที่มาดูแลต้นน้ำตั้งแต่เช้า ช่วงบ่ายชัยชัชจึงแอบเอายามาให้ ตั้งใจอยากมาหาคนรักของตน เขาเข้าหน้าเจ้าสัวไม่ติดและรู้ดีกว่าคนอื่นๆ อยากให้ตนเลิกติดต่อกับต้นน้ำ เขาเองก็รู้ตัวดีจึงไม่กล้าโผล่หน้ามาเรียกร้องอะไร เพราะต่อให้ทุกคนยอมให้เขาได้พบกับต้นน้ำ แต่ตัวต้นน้ำเองล่ะ จะอยากพบเขาด้วยหรือเปล่า?
     “นายแน่ใจนะนายชัชว่านี่ไม่ใช่ผลข้างเคียงของยา? ทำไมตาต้นทานอะไรไม่ค่อยได้แถมยังเอาแต่นอนล่ะ?”
     “ยาคลายเครียดมันทำให้ง่วงซึมแบบนี้แหละพี่ ส่วนยาต้านซึมเศร้าก็อาจจะทำให้คลื่นไส้นิดหน่อย แล้วก็เบื่ออาหาร แต่เรื่องอ้วกนี่ผมไม่แน่ใจ คราวหน้าพี่ลองบอกอาการหมอดูแล้วหมอจ่ายยาอะไรพี่ก็มาบอกผม เดี๋ยวผมเอามาให้”
     “ลำบากนายแย่เลย พี่พึ่งรู้ว่ายาพวกนี้มันราคาสูงมากขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ได้นายช่วยเรื่องยาไม่ได้เจ้าสัวช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลพี่ก็คงแย่เหมือนกัน”
     ชัยชัชยิ้มเศร้าๆ เขาตอบสายสายธารในใจว่า “ก็ผมเป็นต้นเหตุนี่ครับ” แต่กลับพูดออกไปอีกอย่าง
     “ก็ต้นเป็นที่รักของทุกคนนี่ครับ”
     สายธารหันมายิ้มให้ แม้ตอนนี้คนทั้งสองจะเป็นรูมเมทแต่กลับไม่ค่อยได้เจอกัน สายธารขลุกอยู่กับต้นน้ำทั้งวันพอกลับไปก็อาบน้ำนอนทันที ส่วนชัยชัชเองก็โหมงานหนักเพราะไม่อยากว่างจนฟุ้งซ่าน เขาไม่รู้จะเอาเวลาพวกนั้นไปทำอะไร ต้นน้ำมีคนดูแลแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเขาอีก ชีวิตของเขาเหลือตัวคนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างกายให้คิดถึง และเขาไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนทีต้นน้ำได้อีก
     ชัยชัชคิดถึงคนรัก เขาอยากพบต้นน้ำเขาไม่ได้เห็นต้นน้ำอีกเลยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล ชัยชัชอยากรู้ว่าแฟนของตนเป็นเช่นไร อยากพบ อยากเจอ อยากสัมผัส แต่...
     ถ้อยคำแสดงความต้องการวนเวียนอยู่ในหัว “ขอผมไปหาต้นได้มั้ย”
     วันนี้เป็นโอกาสดี หาไม่แล้วเขาคงไม่มีจังหวะเหมาะๆ เช่นนี้อีก เขารู้มาว่าเจ้าสัวต้องออกไปพบลูกค้าเก่าแก่จึงอ้างเรื่องเอายามาให้เพราะอยากมาเจอแท้ๆ แต่ความรู้สึกผิดมันค้ำคอจนพูดไม่ออก
     “งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะพี่น้ำ ยังต้องไปทำงานอีกหลายที่”
     ในที่สุดชัยชัชก็เก็บความต้องการของตนกลับไป สายธารมองท่าทางของชัยชัชแล้วก็สงสาร
     “นายจะขึ้นไปดูต้นหน่อยมั้ย ไหนๆ ก็มาแล้ว”
     “ได้เหรอพี่?”
     “ได้สิพี่พาไปเอง”
     “แต่...”
     ชัยชัชกลัวว่าถ้าเจ้าสัวรู้เรื่องแล้วจะโกรธ
     “ไม่เป็นไรหรอก ตาต้นหลับอยู่ คงไม่ตื่นมาเห็นหน้านายแล้วอาละวาดหรอก”
     “ขอบคุณมากครับพี่”
     สายธารปล่อยให้ชัยชัชขึ้นไปหาต้นน้ำด้านบนส่วนตัวเองไปกำชับแม่บ้าน
     ชัยชัชตรงไปยังห้องของต้นน้ำ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนรักนอนอยู่บนเตียง ต้นน้ำนอนหลับตาท่าทางอิดโรย แม้ภาพที่เห็นจะแตกต่างกับภาพที่เขาเห็นจนชินตาทุกๆ เช้า แต่คนๆ นี้ก็คือคนที่เขารัก ความทรุดโทรมของร่างกายที่ขาดการดูแลไม่ได้ทำให้เขารังเกียจหรือรักต้นน้ำน้อยลงเลย กลับกันเขากลับรู้สึกผิดอยากจะทุ่มเทดูแลต้นน้ำให้ดีกว่าเดิม ถ้าเพียงแต่เขาจะได้รับโอกาสอีกครั้ง
     “ต้นครับ พี่มาเยี่ยมเรานะ หายเร็วๆ กลับมาเป็นอีแก่ขี้บ่นคนเดิมของพี่เร็วๆ นะครับ พี่คิดถึงเรานะ”
     ชัยชัชเพ้อทั้งๆ ที่รู้ดีว่าต้นน้ำไม่ได้ยิน เขาบรรจงลูบแก้มของคนหลับอย่างทะนุถนอม ชัยชัชรู้ดีว่าเขาโหยหาต้นน้ำมากเพียงใด แต่เมื่อคิดถึงว่าบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้วก็สั่นไปทั้งตัว
     ชัยชัชสะเทือนอารมณ์จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ใกล้ชิดต้นน้ำ สองมือของเขาสั่นเทาในขณะที่ไล้ใบหน้าของคนรักเบาๆ เขาสลักความรู้สึกนี้ลงบนหัวใจตัวเอง สมองของเขาสั่งให้จดจำทุกสัมผัสตราบนานเท่านาน เรื่องราวมากมายผุดขึ้นในหัว ภาพของต้นน้ำที่นอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของเขา ดวงตาเป็นประกายสีดำสนิทที่มองตรงมาด้วยสายตารักใคร่ในยามตื่น ชัยชัชถามตัวเองว่าตนจะมีโอกาสได้เห็นมันอีกไหมทั้งที่ภายในใจรู้ดีว่าคงไม่มีหวัง
     ท้ายที่สุดชัยชัชก้มลงจูบริมฝีปากแห้งแตกอยู่เนิ่นนานราวกับต้องการประทับความรู้สึกนี้จวบจนวันตาย! เขาหลับตาลงเพื่อกลั้นน้ำตาของตนก่อนจะผละออก
     “พี่รักต้นนะครับ พี่รักเราที่สุด หัวใจของพี่เป็นของเราคนเดียวนะรู้มั้ย”
     ชัยชัชกระซิบถ้อยคำที่ถ่ายทอดออกมาจากหัวใจให้ต้นน้ำฟังแม้จะรู้ดีว่าคนหลับไม่มีทางรับรู้ แล้วเขาก็ก้าวออกจากห้องนั้นเพื่อเผชิญหน้ากับความจริง
     “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
     ชัยชัชรำพึงกับตัวเองเบาๆ พลางก้าวเท้าลงบันได

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      วันเวลาผ่านไปเป็นเดือน ต้นน้ำหายเป็นปกติทุกอย่างยกเว้นสภาพจิตใจ ระหว่างนั้นต้นตระการยื่นเรื่องลาเป็นกรณีพิเศษให้ต้นน้ำ ไม่เสียแรงที่มีตำแหน่งในคณะ ธุระต่างๆ ของต้นน้ำกลายเป็นเรื่องง่ายท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนในภาค ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ได้แต่อาศัยเดาจากข่าวลือและเรื่องที่เด็กวิศวะที่เคยตามจีบต้นน้ำโดนไล่ออก อาร์มที่เคยสนิทกับต้นน้ำก็ปิดปากเงียบและกลายเป็นคนเก็บตัว มีปัญหากับรุ่นพี่ในคณะ ทุกคนพากันพูดว่าที่บอมถูกไล่ออกต้องเกี่ยวกับต้นน้ำ บางคนรู้ว่าบอมแค้นเลยหาทางจัดการกับต้นน้ำแต่ก็คิดว่าบอมไม่สมควรถูกลงโทษสถานหนัก ไม่มีใครรู้ว่าบอมร่วมมือกับคนอื่นทำร้ายต้นน้ำอย่างไรนอกจากอาร์ม
     ทุกคนรู้เพียงแต่ว่าต้นน้ำไม่สบายและมีเหตุให้มาเรียนตามปกติไม่ได้ ไม่มีใครติดต่อต้นน้ำได้ เหมือนประหนึ่งว่าจู่ๆ ต้นน้ำก็หายไปดื้อๆ อย่างไร้ร่องรอย พอจะไปหาที่บ้านคนที่รู้จักที่อยู่ของต้นน้ำอย่างไปป์ก็กลายเป็นคนที่เอาแต่เงียบเหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลา ผีเข้าผีออกจนเพื่อนๆ พากันส่ายหน้า แม้แต่ป่านเองก็บอกว่าต้นน้ำไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วแต่ตนก็ไม่รู้จักที่อยู่ใหม่จึงบอกอะไรใครไม่ได้ พูดง่ายๆ ว่าทุกคนขาดหนทางในการติดต่อโดยสิ้นเชิง
     ภาคฟิสิกส์ที่ขาดติวเตอร์ตัวพ่อคอยนั่งอธิบายเนื้อหาวิชาหลังเลิกเรียนจึงดูเงียบเหงาลงพอสมควร ทุกคนพากันคิดถึงเจ้าของชีทเลคเชอร์ที่อ่านง่ายด้วยลายมือสะอาดตาเนื้อหาครบถ้วนทุกประเด็นแถมเข้าใจได้ไม่ยาก ทุกคนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นน้ำ แม้แต่เปาและทิงก็ยังไม่กล้าฟันธงเพราะต้นตระการไม่ยอมบอกอะไรคนทั้งคู่ เตอร์ทำได้เพียงแค่ส่งข่าวที่รู้คร่าวๆ จากชัยชัชว่าต้นน้ำกลับไปอยู่กับพ่อแม่แล้วเท่านั้น รุ่นพี่ทั้งสองจึงไม่รู้อะไรพอๆ กับคนอื่น
     ทุกคนเป็นห่วงต้นน้ำ แต่ต้นน้ำเหมือนไม่ยอมรับรู้ความเป็นห่วงของใคร เขาจมอยู่กับเรื่องกังวลภายในใจ ต้นน้ำไม่กล้าเผชิญความจริง เขาจึงเลือกหนีปัญหาด้วยการซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      กลางดึกคืนหนึ่ง ต้นน้ำกำลังหลับอยู่บนเตียง เขารู้ว่าตนฝัน ในฝันนั้นเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ต้นน้ำเห็นใบหน้านั้นไม่ชัด แต่เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ใส่แว่น ผู้ชายคนนี้กอดเขา! แม้จะอยู่ในฝันแต่ต้นน้ำก็เห็นตัวเองในฝันร้องไห้เพราะถ้อยคำสั้นๆ ที่กระซิบมา “ทุกคนรักนายนะ”
     ต้นน้ำร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วภาพก็เปลี่ยนไปเป็นเขาตอนเด็กแทน ต้นน้ำถูกใครบางคนจูงมือพาไปสวนสนุก คนๆ นั้นเป็นผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำเหมือนชุดนักศึกษา เขาพาต้นน้ำไปนั่งดูดาวในท้องฟ้าจำลอง อ้อมกอดที่อบอุ่นและตักกว้างๆ ทำให้เขานั่งดูดาวอย่างมีความสุข แต่แล้วภาพก็เปลี่ยน เขาเห็นตัวเองเล่นเครื่องเล่นต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน ไม่นานเขาก็เริ่มกังวลเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างๆ เขาหายไป!
     ต้นน้ำในวัยเด็กวิ่งตะโกนร้องหาคนที่มาด้วย แต่พอจะร้องเรียกชื่อคนๆ นั้นเขากลับไม่รู้ต้องเอ่ยนามว่าอะไร เด็กน้อยยืนเคว้งคว้างอย่างเดียวดาย!
     และแล้วต้นน้ำก็สะดุ้งตื่น! ต้นน้ำรีบปาดเหงื่อของตนด้วยความตกใจ เขาอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ณ. อุณหภูมิยี่สิบห้าองศาแท้ๆ
     “ฝันร้ายเหรอ?”
     ต้นน้ำพูดกับตัวเองเบาๆ แต่แล้วก็ฉุกใจมองไปทางตู้โชว์ภายในห้อง บนนั้นมีกรอบรูปวางอยู่ เป็นรูปของเจ้าของห้องคนเก่าที่ต้นน้ำบอกกับคนอื่นๆ ว่าตั้งไว้เช่นเดิมก็ได้เพราะตนไม่มีข้าวของอะไร ผู้ชายในรูปยืนยิ้มอย่างมีความสุขหน้าซุ้มดอกไม้ภายใต้ชุดครุย ผู้ชายใส่แว่นคนนี้คือพี่ชายของเขา ต้นน้ำฝันถึงลูกพี่ลูกน้องที่เสียชีวิตไปแล้ว!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ขณะที่เกรียงไกรกำลังเดินเข้าบ้านหลังกลับจากธุระก็ต้องแปลกใจ เขาเห็นแสงไฟสว่างมาจากในครัวผิดไปจากปกติจึงเดินเข้าไปดู
     ต้นน้ำยืนนิ่งอยู่ในนั้น สายตาเหม่อลอยไปยังจุดหนึ่งบนชั้นวางของ ที่เก็บมีด!
     “มีอะไรเหรอต้น!”
     เกรียงไกรผลุนผลันออกไปยืนข้างหลานชาย ต้นน้ำจึงหันมากระพริบตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
     “ผมหิวน่ะครับ เลยว่าจะลงมาหาอะไรทาน แต่ผม... ผมไม่รู้ว่าที่นี่เก็บพวกโจ๊กกระป๋องไว้ไหน”
     “อ้อ เหรอ หิวหรอกเหรอ”
     เกรียงไกรลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขานึกยินดีที่ได้ยินเสียงหลายชายบ่นว่าหิว
     “ทำไมเหรอครับ คิดว่าผมจะหามีดมาเชือดตัวเองอีกรอบรึไง?”
     ต้นน้ำยิ้ม หากแต่เกรียงไกรเดาเจตนาของรอยยิ้มไม่ออก
     “คิดมากน่า ลุงก็แค่เป็นห่วง เห็นเราไม่ค่อยสบายกลัวจะเป็นอะไรไป”
     เกรียงไกรพูดกลบเกลื่อนพลางลงมือคุ้ยหาของกินในตู้เย็น
     “ขอบคุณครับ”
     “หิวไม่ใช่เหรอ มาๆ เดี๋ยวลุงหาอะไรให้กิน”
     “แต่คุณลุงครับ ผมอยากทานโจ๊กกระป๋อง”
     เกรียงไกรหันมามองหน้าหลานชายทั้งที่เปิดตู้เย็นค้างไว้
     “ได้มั้ยครับ?”

     และแล้วโจ๊กกระป๋องที่ใส่น้ำเยอะจนใสเห็นแต่น้ำซุปก็วางอยู่ตรงหน้าต้นน้ำ ลุงและหลานนั่งกันอยู่ในห้องครัว
     “ขอบคุณนะครับคุณลุง อุตส่าห์ออกไปซื้อมาให้ผม”
     “ไม่เป็นไรหรอก ตอนที่ลุงไม่สบายเราก็คอยดูแลลุงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
     “ขอบคุณครับ”
     ต้นน้ำยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตักน้ำโจ๊กเข้าปาก
     “ค่อยๆ กินนะ เดี๋ยวจะอ้วกออกมาอีก ยังคลื่นไส้อยู่รึเปล่าน่ะเรา?”
     “นิดหน่อยครับ แต่ผมจะพยายามทานดู”
     “ดีแล้ว ผอมไปเยอะเลยนะเรา ต้องบำรุงหน่อยแล้ว ต้นอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกนะ ป๊าแกจะได้สั่งให้คนไปหามาให้”
     “อื้อไม่ไหวหรอกครับ!”
     ต้นน้ำยิ้มเขินๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า
     “ยาจีนพวกนั้นผมทานไม่ไหวหรอก เหม็นจะตาย”
     เกรียงไกรหัวเราะด้วยความเอ็นดูหลาน เขารู้สึกได้ว่าต้นน้ำใกล้เคียงกับตอนปกติแล้วแม้จะยังดูอ่อนแรงแต่ก็พูดคุยกับเขาได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น เขานั่งเฝ้าหลานชายคนเล็กซดน้ำโจ๊กอย่างมีความสุข
     “เอ่อ... คุณลุงครับ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
     “ได้สิ ต้นจะถามอะไรล่ะ?”
     “คือ ... คุณลุงช่วยเล่าเรื่องของพี่ธีร์ให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”
     “หืม? ทำไมล่ะ ทำไมอยู่ๆ ก็อยากรู้เรื่องของอาธีร์ขึ้นมา”
     “ก็ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเห็นรูป อืม... ห้องที่ผมอยู่เป็นห้องของพี่ธีร์ใช่มั้ยครับ?”
     “ช่าย อาธีร์เหรอ อีก็เป็นคนดี ขยัน เก่ง เหมือนพ่ออีนั่นแหละ”
     ต้นน้ำนั่งฟังเกรียงไกรอย่างเพลิดเพลิน
     “แต่อีไม่ค่อยสนิทกับพี่สาวลื้อเท่าไหร่หรอก”
     “อ้าว! ทำไมละครับ”
     “ก็อาต้นน่ะสิ อีโกรธป๊า เลยไม่ค่อยพาเด็กๆ มาเจอกัน อาษาอีเลยสนิทกับบ้านนั้นมากกว่า เพราะเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกันมั้ง”
     “แล้วคุณลุงว่า... ถ้าเกิด... ถ้าเกิดพี่ธีร์ยังอยู่เขาจะยอมรับผมมั้ยครับ”
     “ก็ต้องยอมซี่! ลื้อน่ารักขนาดนี้ใครๆ ก็อยากได้เป็นน้อง!”
     “แต่ว่าผมเป็น...”
     เกรียงไกรได้แต่ถอนหายใจให้กับความคิดมากของหลานชาย
     “ทำไมล่ะ เกิดอยากมีพี่ชายกับเขาบ้างรึไง”
     “คงงั้นมั้งครับ ก็ผมมีแต่พี่สาว”
     “ไม่มีใครเป็นพี่ชายให้เลยเหรอ?”
     ต้นน้ำมองสายตาล้อเลียนอย่างรู้ทันของเกรียงไกรแล้วก็หลบตา
     “พี่ชัชเป็นทุกๆ อย่างของผมครับ แต่... ผมคงไม่ดีพอสำหรับเขา”
     ต้นน้ำซึมไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติแล้วเปลี่ยนเรื่อง
     “ว่าแต่คุณลุงละครับ ทำไมถึงอยู่เป็นโสดจนป่านนี้ ไม่เหงาเหรอครับ”
     “โสดสิดี สบายดีออก ฮ่าๆ”
     “แล้วคุณลุงเคยรักใครรึเปล่าครับ”
     เกรียงไกรยิ้มก่อนจะตอบ
     “เคยสิ”
     “เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ”
     “ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่คนรู้จักสมัยเด็ก ครอบครัวเราสนิทกัน แต่เขาไม่ได้ใจตรงกับลุงก็เท่านั้น”
     “แล้วคุณลุงไม่เจ็บปวดเหรอครับ”
     “ฮ่าๆ เจ็บสิ แต่จะให้ลุงไปขวางคนสองคนที่ใจตรงกันได้ยังไง ลุงทำอะไรไม่ได้หรอก เลยได้แต่แอบรักไปวันๆ นานเข้าความเจ็บปวดก็เหลือแต่ความปรารถนาดี ลุงยินดีที่ชีวิตคู่เขามีความสุขนะ”
     “ฟังแล้วน่าสงสารคุณลุงจังเลยนะครับ”
     “เศร้าแต่สวยงามนะต้น จนถึงทุกวันนี้ลุงก็ยังภูมิใจกับความรักของตัวเอง แอบรักผู้หญิงคนนึงมาได้ตั้งห้าสิบปี! ไม่ใช่ขี้ๆ นะ”
     ต้นน้ำยิ้มเศร้าๆ ภายในใจเกิดความนับถือคุณลุงของตน เกรียงไกรที่ผ่านโลกมามากจึงสำทับต่อ
     “ชีวิตลุงมีแต่เรื่องไร้สาระ แต่ขอให้มีเรื่องที่ลุงจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง ถึงจะไม่มีใครมาชื่นชมแต่ลุงก็ภูมิใจนะ”
     “ใครบอกละครับ คุณลุงมีดีตั้งหลายเรื่อง ผมรักคุณลุงนะครับ”
     “ลุงก็รักต้น”
     เกรียงไกรยิ้มให้ต้นน้ำด้วยความเอ็นดู เขาอิ่มใจว่าเขาน่าจะช่วยหลานได้สำเร็จแน่ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      สายธารกลับเดนมาร์กไปแล้ว พอต้นน้ำอาการดีขึ้นเขาก็เอ่ยปากกับผู้เป็นมารดาว่าตนดูแลตัวเองได้ ต้นน้ำเกรงใจแม่ที่ต้องทิ้งร้านมาเฝ้าตน ต้นน้ำรู้ดีว่าร่างกายของตัวเองไม่ได้เป็นอะไรแล้ว บาดแผลที่เหลือมันอยู่ในใจและคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยาเท่านั้น แต่เขาไม่อยากให้แม่ต้องลำบากเพราะเขา
     ต้นน้ำพยายามเข้มแข็งขึ้นเท่าที่ตนจะทำได้ แต่เพราะเขายังทานยาอยู่จึงไม่พร้อมจะกลับไปเรียนเนื่องจากอาการง่วงซึมเกือบทั้งวันที่มาจากฤทธิ์ยา
     ก่อนจะกลับต้นน้ำกอดสายธารอยู่นาน คืนนั้นสายธารมาค้างด้วยต้นน้ำจึงนอนกอดมารดา เขาอ้อนสายธารราวกับเป็นเด็ก เขาเปิดปากเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผู้เป็นแม่ฟัง
     “แม่รู้มั้ย ความจริงผมเจอพี่ธันย์ด้วย”
     “เหรอลูก เจอที่ไหนล่ะ”
     “ที่มหาวิทยาลัยครับแม่ พี่ธันย์เข้ามาเป็นรุ่นน้องต้น เราอยู่ภาคเดียวกัน”
     “แล้วพี่เขาสบายดีหรือเปล่า เขายังจำต้นได้มั้ย?”
     “พี่ธันย์สบายดีครับ เขาจำผมได้แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจผมด้วยนะ”
     ต้นน้ำเล่าให้มารดาฟังอย่างมีความสุข แต่แล้ว...
     “ไม่รู้ผมหายมาแบบนี้พี่ธันย์จะเป็นห่วงผมมั้ย”
     “ถ้างั้นต้นก็ต้องรีบรักษาตัวนะจ้ะ จะได้กลับไปเจอตาธันย์เร็วๆ ไง”
     “อื้ม ผมก็ว่างั้นครับแม่”
     คำพูดของสายธารและความรักที่ทุกคนมีให้ทำให้ต้นน้ำพยายามเข้มแข็งขึ้น เขาบอกตัวเองว่าห้ามอ่อนแอ มันถึงเวลาแล้วที่ตนต้องลุกขึ้นสู้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอะไรจะจบลง ยังไงเสียเขาก็ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะเขายังหายใจอยู่ อย่างน้อยเขาก็ควรดีใจที่ยังได้อยู่บนโลกนี้ ต้นน้ำตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนธีร์ เขาควรจะใช้ชีวิตที่ได้มานี้ให้คุ้มค่า ชีวิตที่มีคนสองคนอยากมอบให้เขา เขารู้สึกผิดต่อธนพล ต้นน้ำห้ามไม่ให้สายธารบอกข่าวร้ายนี้กับลุงพลของตน เขาขอมารดาไว้ว่าเมื่อถึงวันที่เขาเข้มแข็งแล้วเขาจะเป็นคนไปสารภาพผิดกับลุงพลด้วยตัวเอง ต้นน้ำนึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าลุงพลสุดที่รักรู้ว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะผู้ชายจะเสียใจมากแค่ไหน ต้นน้ำไม่อยากเป็นเกย์คิดสั้นที่ทำให้ลุงพลต้องเสียความรู้สึก เขาอยากมีความสุขกับชีวิตเหมือนเมษ และหวังว่าสักวันตนจะเข้มแข็งได้เหมือนพี่ธันย์ ผู้ผ่านเรื่องเลวร้ายมากมายกว่าเขา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... น้องต้นลุกขึ้นสู้แล้ว เหมือนฮีจะเริ่มคิดได้ ... พี่ชัชก็ยังรักเมีย ... จะเกิดอะไรขึ้นน้อ... ชีวิตตัวเอกของนิยายเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรน้า... มันไม่จบง่ายๆ แบบนั้นหรอกน่า!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     แม็กซ์กำลังขับรถพาต้นน้ำไปบ้านเมษ วันนี้ต้นน้ำออกไปนอกบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เป็นนัดสำคัญที่ต้นน้ำปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนช่วยกันยุให้ต้นน้ำรับนัดนี้ เจ้าสัววีรชัยถึงกับลงทุนฝากของขวัญเป็นสร้อยเพชรเม็ดเล็กๆ น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มไปให้เจ้าของวันเกิด
     วันนี้เป็นวันเกิดของเมษ สาวน้อยราศีเมษคนนี้เกิดวันที่ยี่สิบสี่เมษายน ปีนี้เธออายุครบยี่สิบจึงจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในครอบครัวขึ้นที่บ้าน
     “ฉันจะเข้าครัวเอง จะทำอาหารโชว์ความเป็นกุลสตรีให้พ่อแม่ฉันได้ประจักษ์ พ่อฉันจะได้ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้! อ้อ! มีของโปรดแกเพียบเลยนะนังต้น แต่แกต้องเอาเค้กฝีมือแกมาแลก เพราะฉันอยากกิน!”
     “แต่เรา...”
     ต้นน้ำกำลังจะบอกว่าตนไม่ได้อบเค้กนานแล้วแต่เมษกลับขัดขึ้น
     “ไม่ได้! นี่วันเกิดฉันนะยะแก ฉันอายุครบยี่สิบแล้วมันมีความหมายกับฉันมากเลยนะ! แกต้องมาให้ได้เข้าใจมั้ย? เพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะประกาศ อ้อฉันอนุญาตให้แกหนีบคนขับรถมาด้วยก็ได้ย่ะ!”
     เมษมัดมือชกเสร็จแล้วก็วางสายไปทิ้งให้ต้นน้ำไม่มีทางเลือกต้องไปขออนุญาตเจ้าสัว ซึ่งท่านก็รีบอนุญาตอย่างยินดีเมื่อแม็กซ์อาสามาขับรถให้ ดังนั้นต้นน้ำจึงใช้โอกาสที่ถูกเมษมักมือชกนี้เป็นการเริ่มต้น
     พ่อแม่และพี่สาวของเมษทักต้นน้ำอย่างเป็นกันเองไม่มีใครพูดอะไรให้ต้นน้ำไม่สบายใจ แม็กซ์เองก็ปรับตัวได้กลมกลืนจนแม้แต่เมษยังแอบเบะปากใส่ แม้จะบอกว่าเป็นปาร์ตี้เล็กๆ แต่ก็เหมือนการรับประทานอาหารร่วมกันธรรมดาๆ แต่แล้วเมษก็หยิบสมุดบัญชีออกมาโชว์และประกาศเรื่องสำคัญ
     “แต่นแต๊น! ฉันเก็บเงินค่าผ่าตัดครบแล้วแก๊!”
     ตอนแรกต้นน้ำยังตั้งสติไม่ทันแต่แล้วเมื่อคิดตามได้ก็มีสีหน้ายินดี
     “ในที่สุดชีวิตครึ่งๆ กลางๆ ของฉันก็จะจบลง ฉันจะได้กลายเป็นผู้หญิงแล้ว โอ๊ย! ดีใจ! แกดีใจกับฉันหน่อยสิ”
     “จริงเหรอเมษ!”
     “ย่ะ”
     เมษตอบพร้อมยิ้มกว้าง ต้นน้ำรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไรจึงหันไปมองพ่อกับแม่ของเมษ แต่คนทั้งคู่ไม่มีท่าทางตกใจราวกับรับรู้อยู่แล้ว
     “พ่อกับแม่รู้แล้วเหรอครับ”
     “ฮื่อ รู้แล้วมันบอกแล้ว”
     “แหมพ่อ ทำเก็กนะ”
     เมษแซวพ่อตัวเองแล้วก็หัวเราะอย่างได้ใจ
     “เมษเก่งจัง เงินตั้งเยอะเก็บได้ยังไงอ่ะ”
     “ฉันคนเดียวที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ได้พี่กับพ่อฉันก็ทำไม่ได้หรอก โอ๊ยซึ้ง! เป็นลูกคนเล็กมันดีอย่างงี้นี่เอง”
     พอเห็นต้นน้ำทำหน้างงแม่ของเมษจึงเฉลยให้ฟัง
     “พ่อแกถูกหวยก้อนใหญ่น่ะ แกก็เลยอยากให้นังเมษมันสมใจซะที”
     “หนูรักพ่อนะค้า มาๆ จุ๊บๆ”
     ต้นน้ำมองภาพนั้นอย่างมีความสุข แม็กซ์เองก็มีความสุขตาม เขามองรอยยิ้มที่ต้นน้ำมีเพราะร่วมยินดีไปกับเพื่อนด้วยความสบายใจ เขายิ้มมาตลอดทางขากลับ
     “ต้นอยากแวะที่ไหนก่อนกลับป่าว?”
     “ไม่หรอกแม็กซ์ เหนื่อยอ่ะ อยากกลับบ้าน”
     “คร้าบๆ”
     ต้นน้ำมองแม็กซ์ที่รับคำกวนๆ แล้วเอ่ยขึ้น
     “ขอบคุณที่พาเราไปหาเมษนะ”
     “ขอบคุณไรกัน บอกแล้วไง อยากไปไหนบอก ไม่ต้องเกรงใจ”
     “แม็กซ์ไม่เหนื่อยเหรอ ไหนยังต้องไปมหาวิทยาลัย บ้านก็ไกล แล้วก็ต้องแวะมาหาเราบ่อยๆ แบบนี้”
     “ทำให้คนที่เรารักไม่มีทางเหนื่อยหรอกต้น”
     แม็กซ์ลองหยอดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ต้นน้ำกลั้นยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า
     “ขอบคุณนะ”
     ต้นน้ำไม่ปฏิเสธเขา! ไม่แกล้งหลบตาหรือทำเป็นไม่รับรู้ ต้นน้ำรับฟังเขา หัวใจของแม็กซ์เต้นโครมคราม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     บ่ายแก่ๆ ของวันถัดมา แม็กซ์เอ่ยชวนต้นน้ำทางโทรศัพท์
     “ต้น พรุ่งนี้เราไปทำบุญกันป่ะ?”
     “คิดยังไงถึงชวนเราไปทำบุญ”
     “ก็ไปหาสิ่งดีๆ เข้าตัวไง ชีวิตจะได้ร่าเริงสดใส ไปปล่อยนกปล่อยปลาทิ้งเรื่องแย่ๆ จะได้เริ่มต้นใหม่ซะที”
     “หมายความว่ายังไง?”
     “เปล๊า แต่ต้นจะหมกตัวอยู่กับบ้านแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ไปเรียนได้แล้วม้าง หรืออยากรอจบพร้อมแม็กซ์ฮ่าๆ”
     “บ้า! เรา... เราก็คิดอยู่นะ ไม่ใช่ไม่คิดซักหน่อย นี่เราก็คุยๆ กับพ่ออยู่ว่าจะเอายังไงดี”
     “ตกลงจะดรอปของเทอมนี้จริงดิ?”
     “ไม่รู้สิ พ่อกำลังดูให้อยู่ว่าทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะกลับไปเรียนต่อจะทันมั้ย...”
     “เริ่มเสียดายเวลาอะดิ ฮ่าๆ ต้องได้อยู่แล้ว พ่อต้นใหญ่ซะอย่าง”
     “บ้า! แม็กซ์ก็”
     ได้ยินแล้วแม็กซ์ก็ยิ้มกริ่ม เพื่อนของเขากลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้ว ทีนี้ก็เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ฉุดรั้งต้นน้ำไว้
     “แล้วตกลงจะไปไหว้พระกับแม็กซ์ป่าว? ไปนะ อยากทำบุญร่วมกัน”
     “ต้องไปขอคุณปู่ก่อน”
     “โหยบอกว่ามากับแม็กซ์ได้อยู่แล้ว นะตกลงนะ”
     “อืม ... ก็ได้”

     ต้นน้ำรับปากจะไปทำบุญกับแม็กซ์ แต่เขาไม่ได้ถามว่าจะไปที่ไหน ดังนั้นเมื่อแม็กซ์ขับรถพาต้นน้ำมายังวัดใกล้คอนโดที่เขาเคยมากับชัยชัช ต้นน้ำจึงออกอาการ
     “เอ้าถึงแล้ว ลงมาๆ”
     “อื้ม”
     แม้จะคิดถึงวันคืนเก่าๆ จนน้ำตาตกในแต่ต้นน้ำก็ยังหันไปยิ้มให้แม็กซ์ เขาเก็บความอ่อนแอเอาไว้แล้วยื่นมือไปรับชุดสังฆทาน ต้นน้ำบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เขาใส่หน้ากากแล้วทำตัวเป็นปกติเดินเคียงคู่ไปกับแม็กซ์
     คนทั้งคู่ทำสังฆทานกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแล้วแผ่เมตตา
     “วัดนี้ร่มรื่นดีเนอะ”
     “อื้ม”
     “ไปให้อาหารปลากันป่ะต้น”
     “เอางั้นเหรอ?”
     ต้นน้ำแปลกใจที่แม็กซ์ชวนเขาไปให้อาหารปลา ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขากลัว
     “เขาว่าที่นี่ปลาเยอะ ต้นชอบให้อาหารปลาใช่ป่ะ? เดี๋ยวแม็กซ์ไปซื้อมาให้”
     “ไปด้วยกันก็ได้”
     “ต้นไปก่อนเหอะ เดี๋ยวแม็กซ์ตามไปที่ท่าน้ำนะ”
     “ทำไม...”
     ต้นน้ำอ้าปากจะพูดแต่แล้วก็พูดไม่ออก แม็กซ์ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
     “รออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวเอาไปให้ แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นเดินไปมา มันร้อน เดี๋ยวต้นเป็นลม”
     คล้อยหลังต้นไปแล้ว แม็กซ์เดินไปหาผู้ชายคนหนึ่ง สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนไปไม่เหลือรอยยิ้มอีก
     “ต้นรออยู่ที่ท่าน้ำ กูให้โอกาสมึงครั้งสุดท้าย”
     ชัยชัชที่ดูเคร่งเครียดเงยหน้าขึ้นมองแม็กซ์ที่เดินมาหยุดตรงหน้า แววตาของคนทั้งคู่มีแต่ความเจ็บปวด ทั้งสองรู้ดีว่านี่คือการตัดสิน แต่แล้วชัยชัชก็ยิ้มออกมา เขายิ้มให้ความเป็นลูกผู้ชายของแม็กซ์
     “พี่ขอบคุณน้องมากนะครับ”
     “มึงไม่ต้องมาขอบคุณกู กูทำทุกอย่างเพื่อต้น ไม่ว่าผลจะออกมายังไง กูขอแค่ต้นมีความสุข”
     “ครับ”
     ชัยชัชลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปหาต้นน้ำ แต่พอเดินไปได้สองก้าวก็ได้ยินเสียงเรียกของแม็กซ์
     “เดี๋ยว! ... สัญญากับกู ถ้าต้นให้โอกาสมึงๆ จะไม่ทำให้ต้นร้องไห้อีก”
     ในที่สุดความกลัวภายในใจแม็กซ์ก็เอาชนะทิฐิ แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำไม่มีวันจะรักตน แต่อย่างน้อยเขาก็อยากเห็นต้นน้ำมีความสุข
     “พี่ยอมทุกอย่างเพื่อความสุขของต้นครับ”
     ชัยชัชยิ้มเศร้าๆ แล้วเดินจากไป

     ต้นน้ำยืนรอแม็กซ์อยู่ที่ท่าน้ำ แต่มือที่ยื่นขนมปังเลี้ยงปลาให้เขากลับเป็นใครคนอื่น ... คนที่อยู่ในใจเขาเสมอมา
     ต้นน้ำสบตากับชัยชัชด้วยความคิดถึง ภายในใจเกิดอารมณ์หลายหลากปะปนกัน ใบหน้าที่คุ้นเคยยังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ต้นน้ำแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงรับขนมปังแล้วเสมองไปยังพื้นน้ำเบื้องหน้า ชัยชัชยิ้มแล้วค้อมตัวลงเท้าราวกั้นพลางบิขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะโยนให้ปลา
     คนทั้งคู่ใช้ความเงียบสนทนากัน แม้ต้นน้ำจะแสร้งให้ความสนใจแต่กับขนมปังและการให้อาหารปลา แต่ชัยชัชก็สัมผัสได้ว่าน้ำตาของคนข้างๆ รื้นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งจังหวะการหายใจของต้นน้ำแปลกไป
     ต้นน้ำรีบสูดจมูกกลั้นเสียงสะอื้นพลางใช้หลังมือปาดดวงตา
     “ได้มาทำบุญ สบายใจขึ้นมั้ยครับ?”
     ในที่สุดชัยชัชก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
     “ครับ”
     ต้นน้ำตอบสั้นๆ เพราะกังวลว่าเสียงของตนจะสั่นที่เคยคิดว่าตนเข้มแข็งนั้นกลับไม่ใช่เลย เพียงแค่เจอหน้าความปั่นป่วนทั้งหมดก็ถาโถมเข้าเล่นงานจนเขาแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่
     ชัยชัยปัดเศษขนมปังในมือทิ้ง เขามองต้นน้ำให้อาหารปลาเงียบๆ แฟนของเขาดูดีขึ้นมาก แม้จะยังดูซีดเซียวอยู่บ้าง ต้นน้ำผอมลงไปมาก เขาอยากคว้าตัวคนรักมากอดแต่ก็ต้องห้ามใจไว้
     “ของต้นจะหมดแล้ว พี่ไปซื้อมาเพิ่มให้มั้ยครับ”
     “ไม่ต้องหรอกครับ ผมจะกลับแล้วพอดี”
     ต้นน้ำรีบปฏิเสธห้วนๆ จนชัยชัชใจเสีย เขารวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลั้นใจถามออกไป
     “ตกลงต้นจะไม่ให้โอกาสพี่จริงๆ เหรอครับ”
     ชัยชัชมองหน้าของคนรักพลางถามทั้งน้ำตา
     “เราสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ?”
     ต้นน้ำเกร็งจับราวกั้นแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว เขาเม้มปากมองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่พร่ามัวโดยไม่ยอมสบตากับชัยชัช แม้จะพยายามเข้มแข็งมากเท่าไรคลื่นอารมณ์ก็ทลายกำแพงที่ก่อไว้ทุกที หยดน้ำใสๆ หยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่น
     “ต้นไม่รักพี่แล้วเหรอครับ”
     คำถามสุดท้ายช่างเจ็บปวดสำหรับคนทั้งคู่ ต้นน้ำสะอึกสะอื้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ แต่กระนั้นปากที่สั่นก็ยังบอกคำตอบออกไป
     “มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผู้ชายกับผู้ชาย ไม่มีอะไรดีหรอก”
     “แต่พี่รักต้น”
     “แต่ความรักอย่างเดียวมันไม่ช่วยอะไรหรอกครับ ผมไม่เหมาะจะเป็นใครคนนั้นของพี่ชัชหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ สุดท้ายซักวันพี่ชัชก็ต้องเบื่อผมอยู่ดี มีผู้หญิงอยู่รอบตัวพี่ชัชตั้งเยอะ พี่ชัชมีโอกาสสร้างครอบครัวใช้ชีวิตตามปกติ พี่อาจจะเสียดายแล้วนึกรำคาญผมทีหลังก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้”
     แวบแรกที่ได้ยินชัยชัชอยากสวนกลับไปว่า “พี่ไม่มีวันทิ้งต้น” แต่พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเผลอทำแล้วก็ระงับคำพูดนั้นเอาไว้ เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัว
     “งั้นแปลว่าต้นจะเลิกกับพี่”
     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำอย่างเศร้าสร้อย
     “จบกันตอนนี้ก็ดีกว่าต้องทรมานกันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เหรอครับ ยังไงจะช้าหรือเร็วมันก็ต้องมาถึงอยู่ดี”
     ต้นน้ำมองหน้าชัยชัชแล้วตอบ
     “ผมไม่อยากรั้งพี่ชัชไว้กับคนไม่สมประกอบอย่างผม”
     “ต้นคือคนที่ดีที่สุดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพี่! คนที่ผิดคือพี่เอง ถ้าพี่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเขาจะทุ่มเทให้พี่ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตพี่จะไม่ขอให้เขามาทนพี่! พี่ไม่ควรลากเด็กคนนั้นมาเจอกับเรื่องเลวร้าย!”
     ชัยชัชโกรธตัวเอง เขาเกลียดความเห็นแก่ตัวของตน มือที่กำแน่นบ่งบอกความรู้สึก ต้นน้ำมองสบตากับชัยชัชแล้วกล่าว
     “ขอบคุณสำหรับสองปีที่ผ่านมาครับ ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับพี่ชัชผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ผม...”
     ต้นน้ำกลืนคำว่า “รักพี่ชัช” ลงไป เขาเลือกที่จะยิ้มให้ชัยชัชแทน ต้นน้ำยิ้มทั้งน้ำตามองสบตากับชัยชัชราวกับจะจดจำภาพนี้เอาไว้ให้นานที่สุด
     ชัยชัชหมดแรง เขารู้ดีว่าหมดหวังแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อายใคร เขาสูญเสียคนรัก คนที่ดีกับเขาที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา คนที่รักเขายิ่งกว่าใคร เขาเสียต้นน้ำไปเพราะความโง่เง่าของตนเอง เสียจนเกือบจะสูญเสีย...
     ความรู้สึกส่วนหนึ่งอยากฉุดร่างตรงหน้าเข้ามากอด เขาอยากโอบคนตรงหน้าไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่รู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์ เขาไม่อาจแตะต้องต้นน้ำอีกแล้ว เด็กคนนี้ไม่ใช่คนรักของเขาแล้ว!
     “ผมขอให้พี่ชัชมีความสุขมากๆ นะครับ อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลา ... หักโหมมากไปก็ไม่ดี อืม...”
     ต้นน้ำบอกกับตัวเองให้ตัดใจ เขาต้องจบมัน!
     ปากพล่ามไปเรื่อย แต่สมองกลับคิดอะไรไม่ออก เขายังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่อยากพูด เขาอยากโผเข้าหาผู้ชายตรงหน้า อยากอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยนี้อีกครั้งแต่ก็รู้ดีว่าทุกอย่างควรยุติ เขาต้องบอกลากับความสุขจอมปลอมนี้เสียที เขาไม่ใช่เจ้าหญิงที่จะได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุข ในชีวิตจริงเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่โหยหาความรักจากเพศพ่อ อยากมีครอบครัวแสนสุขแล้วมีลูกที่เกิดจากความรักชดเชยปมในใจ
     “ต้นไม่รักพี่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ต้นรู้ไว้นะครับ เราคือคนสุดท้ายในชีวิตพี่”
     ชัยชัชยิ้มให้ต้นน้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากมาทิ้งต้นน้ำไว้ที่เดิม
 
     ภาพของต้นน้ำที่สั่นเทิ้มไปทั้งตัวอยู่ในสายตาของแม็กซ์ เขายืนอยู่ใกล้ๆ แอมมองเหตุการณ์ทั้งหมด แม็กซ์อยากรีบเข้าไปหาต้นแต่เขาเห็นชัยชัชเดินตรงมาจึงหยุดรอ
     “พี่ฝากน้องดูแลต้นแทนพี่ด้วยนะครับ พี่คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
     แม็กซ์มองใบหน้าของชัยชัชที่อาบไปด้วยน้ำตาแล้วพยักหน้า
     “พี่ขอบใจน้องมาก ฝากหัวใจพี่ด้วยนะ”
     แล้วคนทั้งสองก็ก้าวสวนกัน ร่างหนึ่งตรงดิ่งไปยังคนที่ยังยืนร้องไห้อยู่อย่างเร่งรีบ ส่วนอีกหนึ่งเดินกลับไปที่รถของตัวเองอย่างเดียวดาย
     “แม็กซ์ พาเรากลับบ้าน”
     แม็กซ์ประคองต้นที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมานั่งในรถ
     ต้นน้ำที่กลั้นสะอื้นปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร แม็กซ์รู้ดีว่านี่คือเขตวัด แต่ความต้องการและความสงสารสั่งให้เขากอดต้นน้ำเอาไว้
     “ร้องออกมาเหอะต้น ให้ทุกอย่างมันจบตรงนี้ แม็กซ์จะอยู่ข้างๆ ต้นเอง”
     ในช่วงเวลาที่ใครคนหนึ่งสิ้นหวัง ใครอีกคนร้องไห้ ใครบางคนกลับยิ้มอย่างเป็นสุข

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     “อะแฮ่ม! ของนังต้นมีแค่นี้เหรอคะ?”
     เมษที่รับหน้าที่มาเก็บข้าวของๆ ต้นน้ำเอ่ยถามชัยชัช
     “ใช่ครับ พวกข้าวของส่วนตัวกับเสื้อผ้าก็มีเท่าที่เห็นแหละ”
     “งั้นหนูไปละนะค้า”
     “แล้วเมษจะขนไปยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ย”
     “โอ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะคุณพี่! อากงแกให้ลุงเข้มมากับหนูด้วย เดี๋ยวหนูเรียกแกขึ้นมาช่วยถือของไปใส่รถได้ค่ะ”
     เมษรีบปฏิเสธความหวังดีของชัยชัชแบบไม่สงวนท่าที
     “ต้นให้เมษมาเก็บของแทนเหรอ?”
     “ก็แบบ... มันยังไม่ค่อยสบาย ก็เลยให้หนูมาแทนน่ะค่ะ”
     “หึๆ”
     ชัยชัชหัวเราะเศร้าๆ เพราะรู้ทัน
     “อ่ะๆ ก็ได้ มันไม่อยากมาค่ะ มันไม่อยากเจอคุณพี่อีกแล้ว ก็... เลิกกันแล้วอ่ะน้า...”
     “ไม่เป็นไรหรอกเมษ พี่เข้าใจ”

     ในที่สุดก็ไม่เหลืออะไร...
     ข้าวของๆ ต้นน้ำลังสุดท้ายถูกลุงเข้มขนออกไปแล้ว เมษหันมาหาชัยชัชแล้วพูดขึ้น
     “อ๊ะ! หนูเกือบลืมแน่ะ อันนี้ค่ะ”
     เมษยื่นกุญแจห้องส่งให้ชัยชัช
     “นังต้นมันฝากให้หนูเอามาคืนคุณพี่ค่ะ”
     ชัยชัชมองพวกกุญแจรูปแกะกับหมาป่าแล้วส่ายหน้า
     “เมษเอากลับไปให้ต้นเถอะ มันเป็นของต้น บอกเขาว่าอะไรที่เป็นของเขาพี่จะเก็บไว้ให้ จะรอเขากลับมาเอา”
     เมษเบะปากใส่พลางหย่อนกุญแจลงกระเป๋า เธอไม่รู้ว่าชัยชัชหมายความถึงสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคาร ประกันชีวิต รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ชัยชัชยังคงทิ้งชื่อของต้นน้ำไว้เช่นเดิม
     “หนูยังไงก็ได้ค่ะ ขอบพระคุณที่ให้หนูมารบกวนนะคะ”
     เมษย่อตัวลงไหว้อย่างอ่อนช้อยก่อนจะชวนคุย
     “ว่าแต่วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอคะ?”
     “ไม่หรอก พี่เหนื่อยน่ะ”
     “คนพึ่งอกหักคงไม่มีอารมณ์ไปฉลองวันเกิดเนอะ”
     เมษยักไหล่แบบไม่สะทกสะท้าน ส่วนชัยชัชก็ยิ้มยอมแพ้ให้สาวน้อยโดยไม่ถือโทษโกรธเคือง
     “งั้นหนูให้นี่แล้วกันค่ะ ถือซะว่าเป็นของปลอบใจจากคนสวย”
     เมษหยิบกล่องเค้กออกมาให้ชัยชัช
     “อะไร? เราซื้อเค้กให้พี่เหรอ? หึๆ”
     แต่เมษไม่ตอบ
     “ก็นะ...”
     เมษยักไหล่ ทำหน้ามีลับลมคมในแล้วหมุนตัวเดินออกมาทันทีทิ้งให้ชัยชัชมองตามขำๆ

     ชัยชัชคิดว่าเขาต้องปาร์ตี้วันเกิดครบรอบสามสิบสี่ปีด้วยของเหลือในตู้เย็นซะแล้ว เดิมทีเขากะจะฉลองวันเกิดด้วยการนอนอกหักทั้งวันแท้ๆ แต่อยู่ๆ เมษก็โทรมาบอกว่าจะเข้ามาเก็บข้าวของๆ ต้นน้ำ ทำให้เขาวุ่นวายเกือบทั้งวันจนค่ำ ทุกครั้งที่เก็บเสื้อผ้าลงกล่องเขาก็จมอยู่ในภวังค์ความทรงจำ เสื้อผ้า ตำราเรียน ของใช้ ... แต่แล้วเสียงแปร๋นๆ ของเมษก็ฉุดเขาขึ้นมาพบความจริง พอรู้ตัวอีกทีก็แทบไม่เหลือกลิ่นอายของต้นน้ำในห้องนี้อีกแล้ว
     ชัยชัชยิ้มสมเพชตัวเองพลางเปิดกล่องเค้ก ตั้งใจจะกินมันเป็นมื้อเย็น เค้กนมสดหน้าตาธรรมดาๆ ปรากฏสู่สายตา หัวใจของชัยชัชเต้นระรัว!
     ยิ่งเมื่อได้ตักคำแรกเข้าปาก รสชาติที่คุ้นเคยถึงกับทำให้เขาหลั่งน้ำตา!
     นี่เป็นเค้กที่อร่อยที่สุดในโลก! เสียดายที่เขาคงได้กินเค้กแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย
     “ขอบคุณครับต้น ที่รักของพี่รู้ใจพี่ที่สุด”
     ผู้ชายคนหนึ่งนั่งรำพึงรำพันทั้งน้ำตาพลางละเลียดเค้กสีขาวบริสุทธิ์ก้อนนั้นอย่างเดียวดาย...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  :bye2:  จบแล้วสำหรับคนที่เกลียดพี่ชัช ใครที่เกลียดพี่ชัช ชอบตอนจบแบบเศร้าๆ แนะนำให้อ่านแค่นี้  :bye2:

แต่เอาเข้าจริงมันยังไม่จบหรอก ประเด็นของตัวเอกยังไม่เคลียร์ซักอย่าง ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จะยังมีอีกสองสามตอนเกี่ยวกับการปฏิวัติตัวเองของน้องต้น ซึ่งพี่ชัชจะอยู่ในสถานะสาบสูญตามประสาแฟนที่เลิกกันแล้วของน้องต้น และเป็นการปรากฏตัวของหนุ่มคนอื่นๆ ในฮาเรม!
เนื่อเรื่องจะเน้นไปที่ตัวเอกหรือน้องต้น และอาจจะเปลี่ยนตัวพระเอก หรือไม่ก็มีนางเอกคนใหม่(?!) และขอยืนยันว่านิยายเรื่องนี้จบแอปปี้นะเออ! ดังนั้น มาลุ้นกันต่อเถอะว่ามันจะแอปปี้ได้ยังไง

พี่ชัชโดนบอกเลิกแบบนี้ไม่รู้คนอ่านชอบรึเปล่า เหอะๆ แต่ก็สมควรแล้วล่ะกับคนแบบเฮียชัช เป็นไงล่ะ เมียเก็บของย้ายออกตัวเองก็มีชนัฏตามไปง้อไม่ได้อีกแล้ว สม!

ตอนถัดไป เจอกันวันจันทร์โลด o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด