Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559  (อ่าน 69824 ครั้ง)

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ปูเสื่อรอครับ :katai1:

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0


      เขาไล่มองดวงตานับสิบคู่ที่ล้อมตัวอยู่ จึงรู้ได้ว่าเหล่านี้เป็นเพียงร่างแยกที่ใช้อาคมหากแม้จะฟาดฟันไปอย่างไรถ้าอาคมยังอยู่ก็เปล่าประโยชน์ เว้นเพียงแต่หนึ่งในจำนวนนี้จะมีร่างจริงจึงอาจจัดการได้

แต่ชะตากรรมของพวกเขานั้นไม่ได้ถูกจับจ้องโดยเหล่านักฆ่านี้เท่านั้น ร่างเล็กๆร่างหนึ่งที่ไม่ทราบได้ว่าใช้วิธีใดในการย้ายตนขึ้นไปอยู่บนหลังคาอาคารได้ก้มมองต่ำลงมาเหยียดดูคนทั้งสองอย่างสมเพช

“ท่านปกป้องเขาไม่ได้หรอก รวมทั้งผู้ติดตามที่ท่านส่งออกไปตามคนมาช่วยก็เปล่าประโยนช์เช่นกัน พ้นตรอกนี้ออกไปคนทั้งหมดก็ตกอยู่ในมนต์ของข้า” เสียงใสนั้นเอ่ยกังวาล เหยื่อทั้งสองมองไปยังต้นเสียงก็เห็นเป็นเด็กน้อยที่อยู่ในชุดผ้าคลุม แต่คราวนี้โรเรเนสไม่อาจเห็นหน้าตาชัดเพราะหมวกฮูดนั้นคลุมอยู่

“เด็กนี่เป็นพ่อมด” รับรู้ได้โดยประสบการณ์ฟารันปรารภขึ้นกับตัวเอง ซึ่งแน่นอนเด็กนี่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากจะเป็นพ่อมดคาราซัส ตัวน้อยที่เป็นคนทำให้น้ำเชื่อมของเทพอย่างโรเรเนสต้องแปรเป็นสีขาวขุ่น


 “ใครสั่งให้เจ้าทำแบบนี้!” ราห์โอตะโกนกร้าว“โอ้ไม่ ฝ่าบาทอย่าคิดไปเช่นนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยล้วน” พ่อมดน้อยเอ่ยอย่างสบายใจแต่อารมณ์ก็กลับตาลปัตรเมื่อเทพหนุ่มออกปากเอ่ยถามขึ้นมา

“ข้าไปทำอะไรให้เจ้าเจ็บแค้นใจนักรึ เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วย”

“หุบปาก!” เด็กน้องแผดเสียง “ถ้าท่านคิดจะเจรจากับข้าก็ลืมไปได้เลย สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่การถกเถียงพูดคุยหรอกนะ”

สิ้นคำนักรบชุดดำนับสิบก็พุ่งเข้ามาฟารันตัดสินใจดึงใช้แขนข้างที่ว่างโรเรเนสมาโอบไว้แนบอกเพราะศัตรูล้อมตัวเช่นนี้แม้หลบอยู่ด้านหลังก็ไม่อาจปลอดภัย เด็กหนุ่มอันเกิดรู้สึกขวยขึ้นแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรหนักใจเพียงแต่ตัวเองจะเป็นตัวถ่วงในการต่อสู้ครั้งนี้

 ซึ่งก็จริงเพราะองค์กษัตริย์พยายามรับมือจากคมดาบรอบด้านด้วยมือเดียวอย่างไม่ใคร่ถนัด กระนั้นก็ยังมีความโชคดีด้วยสังเกตได้ว่าหลังจากโดนแบ่งตัวเป็นสิบๆ คนเหมือนฝีมือในเชิงดาบของร่างควันเหล่านี้ก็อ่อนด้อยลงไปมาก

ฟารันฟาดฟันกับความอิรุงตุงนังรอบตัวโดยไม่สนใจคำประท้วงของคนในอ้อมแขนที่ร้องขอให้ปล่อยเขา


“อยู่แบบนี้ข้าจะทำท่านลำบากไปด้วยนะ ปล่อยข้าเถอะข้าหนีเองได้” ปากน้อยๆ ละล่ำละลัก แน่นอนว่าคำร้องของเขามีการตอบรับจากอีกฝ่าย แต่ไม่ใช่การปล่อยตัวเพราะองค์ราห์โอเปลี่ยนจากการโอบเด็กหนุ่มไว้แนบตัวเป็นยกขึ้นมาพาดบ่าแทนเพื่อความคล่องตัว

คนถูกยกร้องเสียงหลงแถมยังหวาดเสียวกับเงาสะท้อนคมดาบที่วาบผ่านไปมารอบตัวไม่รู้จะโดนตรงไหน ด้านองค์ราห์โอไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยซักคำไม่ว่าโรเรเนสจะเอ่ยขอะไรออกไป จนกระทั่งการตวัดปลายดาบครั้งสุดท้ายก็พาทั้งสองฝ่าวงล้อมออกมาได้

ทันทีที่วิ่งพ้นออกมาเทพหนุ่มก็ถูกวางลง ยังไม่ทันทรงตัวได้ดีก็ถูกลากให้ออกวิ่งเพราะไอ้พวกร่างควันที่สลายไปกลับปรากฎตัวขึ้นมาอีกแล้วเริ่มออกไล่กวดเขาทั้งสอง

หากยังเป็นเช่นนี้ไปก็ไม่จบไม่สิ้นแม้พวกร่างเงาจะด้อยฝีมือเมื่อแยกร่างก็อาจต้านทานได้ไม่นานถ้าไม่ทำลายอาคมเสีย

ฟารันนึกหนทางที่จะจัดการพลันเสียงของพ่อมดน้อยก็ดั่งไล่มาจากด้านหลัง “อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้นะเจ้าบ้า”

ความคิดนึงแวบแล่นขึ้นมากษัตริย์หนุ่มก็ตวัดแขนส่งกริชที่เหน็บไว้แวกอากาศพุ่งตรงไปที่พ่อมดน้อย จนเฉียดฉิวจวนจะแทงแสกหน้ามีดสั้นปริศนาก็พุ่งมาสกัดกริชเล่มนั้นกระเด็นไป

ว่องไวปานกระพริบตาฟารันมองไปยังทิศที่มีดสั้นปริศนานั้นพุ่งมา ก็เห็นร่างเงาของชายคนหนึ่งแอบอยู่ที่ระเบียงอาคารอีกฝั่ง ชายคนนั้นแต่งตัวคล้ายนักฆ่าที่ล้อมเขา

 เป็นไปตามที่คิดว่านักฆ่าคนนี้ต้องเป็นต้นร่างของพวกทั้งหมดและคงทำงานให้พ่อมดเด็กคนนั้น ฟารันจึงไม่รอช้าส่งตัวเองพุ่งเข้าหาร่างจริงบนระเบียงนั้นแล้วเหวี่ยงดาบสุดแรงแขน!

เสียงเหล็กกล้ากระทบกันดังลั่น นักฆ่าเงายกดาบมารับคมดาบของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน ไวอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสองจ้องตาหมายจะเอาชีวิตกันทั้งคู่ ฟารันก็รับรู้ได้ถึงจิตสังหารบางอย่างที่แฝ้งเร้นความแค้นซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีสำหรับคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรก

การปะทะตอบโต้เกิดขึ้นอย่างฉับไวรุนแรง โลหะกล้าสะท้อนแสงจันทร์แลเห็นเป็นแสงวูบวาบสะบัดไหวไปมาในความมืดควบด้วยเสียงกังวาลกระทบหนักของพวกมัน ร่างเงาที่มีนับสิบก่อนหน้าสลายไปเพราะผู้ใช้คาถานั้นต้องประมือกับกษัตริย์หนุ่มอย่างยากลำบาก ทำให้โรเรเนสผู้เป็นอิสระไม่รอช้าที่จะออกวิ่งต่อเพื่อไปตามคนมาช่วย

พ่อมดน้อยผู้รู้ได้แล้วว่าต้องพึ่งตัวเองสำหรับภารกิจนี้เริ่มร่ายมนต์หวังจะจัดการกับเทพหนุ่ม แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่คำร่ายที่ตนพึมพำออกจากปากไม่ส่งผลอะไรกับองค์เทพ แลยังเห็นเจ้าของเกศม่วงวิ่งตรงไปยังปากทาง

“ผู้คนด้านนอกยังตกอยู่ในมนต์สะกดของข้า เจ้าไม่สามารถตามใครมาช่วยได้หรอก” เด็กน้อยในผ้าคลุมตะโกนบอกขณะวิ่งไล่ตามองค์เทพอยู่บนดาดฟ้าตึกแถว แต่ก็เพียงคำพูดก็ไม่อาจหยุดโรเรเนสได้แม้เจ้าตัวคนหนีจะยังไม่รู้ว่าควรใช้วิธีไหนเรียกสติคนอื่นที่อยู่ในภวังค์ให้กลับมาดี

พลันแล้วเขาก็หยุดนิ่งยืนหอบเหนื่อย เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปถามความ “แล้วเจ้าล่ะจะทำอย่างไรกับข้า นักดาบของเจ้าก็ติดพันอยู่ตรงโน้น เวทย์มนต์เจ้าก็ร่ายใส่ข้าไม่ได้แล้วเจ้าจะทำอย่างไร”

เด็กน้อยยืนนิ่งอยู่ครู่นึ่งแล้วแปรสีหน้าเป็นโกรธเกรี้ยวกับคำถามเชิงปรามาสของอีกฝ่าย ร่างน้อยๆ นั้นหายวับไปทันทีแล้วโผล่มาด้านหลังโรเรเนสอย่างไร้ซุ่มเสียงพร้อมกับกริชขนาดเล็กในมือที่พุ่งเข้าใส่

แต่โรเรเนสก็หลบได้ทันเพราะตนจงใจให้เป็นแบบนี้ เขาคว้าข้อแขนที่พุ่งเฉียดแผ่นหลังของตนเมื่อครู่ไว้แล้วกระชากเด็กน้อยเข้ามาประชิดตัวก่อนจะคว้าแขนอีกข้างตามด้วยการออกแรงบีบแขนน้อยๆ ทั้งสองให้เจ้าตัวรู้สึก

“โอ้ยยยย ข้าเป็นเด็กนะ”

“อะไรกันเจ้าตั้งใจฆ่าข้าแต่พอโดนบีบแขนเข้าหน่อยมาอ้างความเป็นเด็กหรอ”

“ปล่อยนะ!”

เสียงร้องงอแงด้วยความตกใจดังลั่นจนชายชุดดำสหายผู้กำลังสู้ศึกถึงกลับเสียหลัก เขาหันมองตามเสียงด้วยความเป็นห่วงพ่อมดน้อย จนพลาดท่าเกือบโดนองค์กษัตริย์ตัดหัวขาดเฉียดไปแค่เพียงนิดเหลือทิ้งเป็นแผลเลือดซึมบนข้างแก้ม

“ตั้งใจหน่อยสิ ข้าเริ่มสนุกแล้วเชียวเมินกันแบบนี้มันไร้มารยาทนะ” ราห์โอเย้ยยิ้มเยือกเย็น นักฆ่าเงาเขม็งจ้องอย่างขุ่นเคืองแล้วเอ่ยเรียบ “ข้าจะรีบจัดการกับเจ้าเสียเดี๋ยวนี้” แล้วปรี่เข้าหาคู่ต่อสู้อีกครั้งกวัดแกว่งดาบใส่กันอย่างช่ำชอง

ด้านเทพหนุ่มเห็นเด็กน้อยโวยวายตกใจก็ได้ทีปล่อยมือตนจากข้อแขนอีกฝ่ายตรงไปหยิกแก้มแดงทั้งสองเพื่อให้รู้สึกเจ็บ (แต่อันที่จริงเขาหมั่นเขี้ยวอยากหยิกแก้มแดงๆ นี้มาซักพักแล้ว)

“โอ๊ยยย ข้าเจ็บนะ” พ่อมดน้อยพยายามดึงมือเทพหนุ่มออก ตาก็หลับปี๋ด้วยน้ำตาพาลจะไหล

“นี่แน่ะ เด็กไม่ดีคลายมนต์เดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่!”

ทั้งขู่ ทั้งปลอม ทั้งหลอกล่อ หยิกแก้มและจักกะจี้เด็กน้อยก็ยังดื้อ โรเรเนสจึงหยุดการกระทำทั้งหมดแล้วจับเขาไว้เฉยๆ แล้วนิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่งสบตากับเด็กตรงหน้าเหมือนหยั่งเชิง

“ท่านต้องฆ่าข้าเท่านั้นข้าถึงจะยอมคลายมนต์ ไม่ท่านก็ตายไปซะ!”

“อ่อ ถ้าข้าไม่หายใจแล้วมนต์ถึงจะคลายใช่ไหม”

“เออ! รู้แล้วก็รีบตายๆไปซะข้าอาจจะปรานีให้นักฆ่าของข้าไว้ชีวิตราห์โอก็ได้”

“รับปากนะ”

“เออ พร้อมจะตายรึยังล่ะ”

“ดี ในนามของข้าเอง เทพโรเรเนสขอให้เจ้าสมพรปากในสิ่งที่รับไว้”

กล่าวจบโรเรนสก็สูดหายใจเต็มปอดแล้วกลั้นฮึบไว้อยู่นาน

ทันใดนั้นลมก็พัดมาวูบหนึ่งแล้วพลันเสียงโห่เฮของผู้คนมากมายที่เคล้าเสียงดนตรีก็ดังมาจากด้านนอก แสดงว่าผู้คนพ้นจากมนต์สะกดแล้วและพวกเขากำลังใช้ชีวิตปรกติในงานรื่นเริงเหมือนไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตนเมื่อก่อนหน้า

เทพหนุ่มปล่อยลมหายใจออกอย่างโล่งเหนื่อยแล้วยิ้มน้อยให้พ่อมดที่ยังงุนงง

“ขี้โกงเป็นแบบนี้ได้ยังไง! เจ้าแค่กลั้นใจไม่กี่นานไม่ได้ตายเสียหน่อย”

“ถูกแล้วเมื่อข้าถามว่าหากข้า ไม่หายใจ มนต์ถึงจะคลายใช่ไหม เจ้าก็รับคำว่าใช่และแน่นอนในนามของข้าเองซึ่งเป็นเทพ เจ้ารับคำต่อหน้าเทพไปแล้วมันต้องเป็นไปตามนี้แหละ”

“ไม่จริง! มันไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนนี้เจ้ายังเป็นมนุษย์นี่”

“ร่างกายข้าเป็นมนุษย์ แต่วาจาที่กล่าวออกมาก็มาจากจิตของเทพอยู่ดีนี่มันกฎของโลก ขอโทษจริงๆ ปรกติข้าไม่เล่นเล่ห์หรอกแต่คราวนี้มันจำเป็น”


เสียงฝีเท้าหนักๆ มากมายดั่งเข้ามาใกล้มากขึ้น มากขึ้น จนแล้วผู้ที่โผล่มาจากปากทางเข้าตรอกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้ติดตามองค์กษัตริย์ที่ถูกส่งให้ออกไปตามคนมาช่วย เขามาพร้อมกับทหารลาดตระเวนหลายสิบคน

เด็กน้อยตื่นตะลึงแล้วตวัดตามองค้อนองค์เทพก่อนจะหาบวับไปอีกครั้ง ด้านนักฆ๋าเงาที่ได้ยินเสียงฝูงคนก็รู้ได้ว่าต้องทำเช่นไร ฟารันรู้ได้ว่าอีกฝ่านกำลังคิดหนีจึงรุกหนักฟาดฟันกระหน่ำไม่ยั้ง แต่ชายชุดดำนั้นก็หาจังหวะหลบหลีแล้วก็เกิดแรงระเบิดขนาดย่อมขึ้น ควันดำพวยพุ่งจนฟารันมองไม่เห็นอะไรเมื่อควันจางศัตรูของเขาก็หายไปแล้ว

“ขี้ขลาด!”

องค์ราห์โอย้ำเท้าหนักอย่างกริ้วโกรธตรงไปยังเหล่าทหารแล้วตะโกนลั่น “ไปจับพวกมันมาให้ได้!”

เหล่าทหารรับคำแล้วแยกย้ายกันไปตามซอกซอยเหลือเพียงบางคนไว้คุ้มกัน ฟารันเก็บดาบเข้าฝักใบหน้าของเขายังคงดูถมึงทึง เป็นเหตุในโรเรเนสเกิดรู้สึกหวาดขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายย่างสามขุมตรงเข้ามาเขาก็หลบตา

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เอ่ยออกมาด้วยเสียงนิ่งขรึม

“ข้าไม่เป็นไร และต้องขอโทษท่านด้วยที่เป็นเหตุของเรื่องอันตรายนี้”

“ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก ข้าก็เป็นคนอนุญาตให้เจ้าออกมาเที่ยวเอง---แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เขาถอนใจเหนื่อยๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ

โรเรเนสก้มมองต่ำ อันที่จริงเขากลัวแทบแย่เมื่อตอนจะโดนฆ่าตอนนี้ก็อยากโดนปลอบมากๆ เด็กหนุ่มลอบมองสีหน้าอีกฝ่ายที่ยังนิ่งคงเพราะเหนื่อยและโกรธแต่ก็ยังมีอาการห่วงให้เห็นได้ชัด เขาจึงยกมือเรียวของตนดึงเสื้อของอีกคนให้เข้ามาใกล้แล้วเงยหน้ามองด้วยหน้าอ้อนๆ ราห์โอนั้นตะลึงกับใบหน้าน่ารักนั้นแล้วจึงยิ้มให้

มือที่ลูบอย่างแผ่วเบาบนศีรษะลดลงมาช้อนปลายคางมนนั้นขึ้นแทน ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงเข้าใกล้กันและกัน ทว่า

“โรเรเนสเจ้าเป็นอะไรไหม!” ท่านหมอวิ่งเข้ามาอย่างตระหนกพร้อมองค์รักษ์ทั้งสอง เด็กหนุ่มหันตามเสียงเรียกอัตโนมัติ องค์ราห์โอจึงต้องถอยออกมาอย่างเสียไม่ได้

“ท่านหมอข้าไม่เป็นไร ราห์โอมาช่วยข้าไว้ทัน” เข้าเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ข้าเป็นห่วงแทบแย่” แล้วองค์ชายก็ฉวยตัวเด็กหนุ่มเข้าไปกอดเสียแน่น ลืมไปเลยว่ามีอีกคนยังยืนมองอยู่อย่างขุ่นเคือง

“ฮืม—ไม่คิดจะห่วงพี่เจ้าบ้างหรือไง” ราห์โอเอ่ยเข้ม โฮรันจึงปล่อยมือแล้วยิ้มให้พี่ชายตน

“อ่อ อภัยข้าเถิดท่านพี่ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้และขอบคุณท่านจริงๆ ที่ปกป้องเขา”

“นั่นมันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้วไม่ต้องขอบคุณหรอก แต่วันหลังจะมาอยู่ดึกกลางเมืองกันแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”

“พวกเราก็เพลิดเพลินกันไปจริงๆ ว่าแต่บังเอิญเหลือเกินที่ท่านพี่อยู่ในละแวกนี้ได้”

พอท่านหมอเอ่ยขึ้นมาโรเรเนสถึงนึกขึ้นได้ถึงเรื่องหมองใจก่อนหน้า เขานิ่วหน้าเมื่อนึกได้ว่าฟารันยังไม่บอกว่ามาทำอะไรแถวหอนางโลม

“กลับไปถึงวังข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟัง”

“ไม่อยากรู้หรอก” หนุ่มเกศม่วงงึมงำขึ้นกับตัวเอง

“หืม เจ้าว่าอะไรนะ” โฮรันก้มหน้าลงมาถามแต่ได้รับการตอบกลับมาว่า ไม่มีอะไร เขาจึงปล่อยเลยไป กระนั้นบุรุษอีกคนที่ได้ยินชัดก็ยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวแต่ไม่พูดอะไร 

“กลับกันเถอะ เวลาเลยมาจะยามสองแล้ว” ราห์โอกล่าวขึ้นทุกคนจึงเริ่มเดินออกจากจุดเดิม ปล่อยพวกทหารทำงานกันพล่านไป แต่ขณะเมื่อหันหลังกลับโสตอันฉับไวของกษัตริย์หนุ่มก็จับความเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่แวกผ่านอากาศมุ่งตรงมายังพวกเขา หางตาเหลือบไปก็เห็นวัตถุอันตรายชัดเจน

“โรเรเนสระวัง!”

 ตะโกนพร้อมพุ่งไปบังร่างของอีกคน เพียงเสี้ยววินาทีมีดสั้นที่ถูกปามาก็ปักแน่นเข้าใต้ไหปลาร้าของฟารัน

“ฟารัน!”

“ท่านพี่!”

“องค์ราห์โอโดนลอบทำร้าย!”

ทุกคนแตกตื่นปรี่เข้าหาองค์ราห์โอ ทหารบางคนที่มีสติดีมองเห็นทิศทางที่มีดมาก็ออกปากลั่น “มันอยู่บนยอดตึก!” ทหารหลายคนไม่รอช้าวิ่งไปตามทิศทาง

“ข้าไม่เป็นไรมากหรอก ไกลจุดหัวใจไปมาก” ฟารันเอ่ยอย่างเฉยเมยแลดูเหมือนจะไม่ได้เจ็บอะไรมาก เขาจับดามมีดเล็กๆ นั้นแล้วดึงออกอย่างง่ายได้

“มีดก็เล็กเท่านี้เอง” เลือดค่อยๆ ซึมออกมาตามปรกติอย่างที่บาดแผลควรจะมี แต่เทพหนุ่มกลับเห็นสิ่งผิดแปลกที่ทำให้เขาใจหายวาบไปเลย

“ทำไมเลือดท่านถึงเป็นสีดำล่ะฟารัน”

ผู้ถูกทักก้มมองแผลของตนอย่างเชื่องช้า ใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ที่ลอยเลือดแล้วยกขึ้นมาดู ก่อนจะล้มลงไปเสียเฉยๆ

“มีดนี่มีพิษ!” องค์ชายรับตัวพี่ตนไว้ ความวุ่ยวายแตกตื่นหนักหนามากกว่าเดิม มีเพียงแต่เทพหนุ่มที่ยืนอึ้งมองร่างตรงหน้าซีดลงเรื่อยๆ โดยไม่ขยับเขยื้อน

ฟารัน...

 
 ------------------

ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่าน เลิฟๆ เทคแคร์

 

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
 :ling1:  :ling1: โอ้ยยยยย!!! ฟารัน อย่าตายน้าาาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2015 20:45:30 โดย lovelypolly »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดดด ฟารันของอิป้า แข็งใจไว้เน้อ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ตัดจบได้โหดร้ายทารุณจริงๆเลย

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0


          ข้ารับใช้หลายคนนั้นไม่รู้อะไรมากแต่ก็ถูกปลุกขึ้นมาตามเสียงร้องโวยวาย พอจับความได้หน่อยก็เริ่มขยายเรื่องต่อกันแบบไม่มีมูลที่รู้กันคือราห์โอนั้นบาดเจ็บปางตาย บ้างก็พูดกันไปแล้วว่าถูกลอบปลงพระชนม์

เรื่องนี้รู้กันทันทีทั่ววังแม้จะถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดหรือบอกต่อไปมากกว่าเดิม แต่ความวุ่นวายก็แพร่กระจายไปพร้อมกับความหวั่นวิตก ไม่นานนักขุนนางทั้งหลายและหมอผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนก็มาถึงวังหลวง หมออวุโส 2 คนมาช่วยกันกับองค์ชายโฮรันเพื่อยื้อชีวิตที่เหลือน้อยเต็มทนขององค์เหนือหัว ส่วนพวกขุนนางนั้นก็จิตป่วนและโต้เถียงกัน พยายามคิดหัวแทบแตกว่าใครเป็นคนทำ

ด้านในห้องบรรทมนั้นมีความเครียดหนักหน่วงก่อตัว เสียงหัวใจของฟารันแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึง โฮรันจัดการดูดพิษออกจากปากแผลและถ่ายเลือดออกแต่ก็ดูจะช่วยไม่ได้มาก เมื่อตรวจพิษที่ได้จากปลายมีดถึงได้รู้ว่าเป็นพิษร้ายของงูชนิดหนึ่งที่ไม่มีตัวไม่มีตนอยู่ในบริเวณนี้ เป็นงูประหลาดมี 2 หาง เรื่องเล่าของมันอยู่ในตำราการแพทย์โบราณแต่ก็ไม่เคยมีใครพบเจอเจ้าสัตว์ร้ายชนิดนี้อีกทั้งรายงานผู้ถูกทำร้ายก็ไม่เคยมี จนเหมือนงูปีศาจตัวนี้จะมีแต่ในนิทานเท่านั้น หากเมื่อองค์ราห์โอผู้มีอาการตรงกับตำราว่าไว้ทุกอย่างเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจนั้นก็มีมากเต็มไปหมด สวนทางกับความหวังที่น้อยลงไปเรื่อยๆ

“พิษนี้มีเรื่องเล่ากันมานานว่าหากโดนแล้วจะอยู่ได้เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น” หมอชราท่านหนึ่งเอ่ยขณะโฮรันพยายามป้อนยาให้พี่ชาย

“ในตำรานั้นมีวิธีแก้พิษเบื้องต้นอาจยื้อเวลาออกไปได้อีกถึง 12 ชั่วโมงแต่พ้นจากนั้นไปก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ ฝ่าบาทคงทรงทราบว่าพิษชนิดนี้ไม่มีการระบุถึงยาแก้อย่างชัดเจน”

“ข้ารู้ แต่เราจะทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง นอกเหนือจากความรู้ในตำราเราไม่อาจเข้าใจอะไรได้เลยเหรอเกี่ยวกับพิษนี้”


ถึงแม้จะเป็นหมอมือดีที่ควรตัดใจได้แล้วเมื่อมาถึงขั้นนี้ แต่เขาก็ยังพยายามคิดหาวิธีรักษาให้ได้ เขาทำทุกอย่างตามความรู้เดิม ที่มีเพื่อบรรเทาพิษ ตั้งแต่ป้อนยาที่มีธาตุเย็นสลับร้อนเพื่อปรับธาตุในร่างกาย ถ่ายเลือดเอาพิษออก ใช้ยาที่มีสรรพคุณซ่อมแซมภายในต้านกับพิษที่กำลังทำลายร่างกาย ทุกอย่างต้องทำอยู่ตลอดเวลาจะยื้อไว้ได้ถึง 12 ชั่วโมง แต่พิษนั้นเหมือนจะเพิ่มจำนวนในร่างกายไม่จบไม่สิ้น เพราะเลือดดำที่ถ่ายออกมามีมากจนเหมือนทั้งตัวไม่เหลือเลือดสีแดงอยู่เลย ด้วยกลัวว่าคนไข้จะตายเพราะเลือดหมดตัวเสียก่อนโฮรันจึงถ่ายเลือดตัวเองให้พี่ชายและหวังว่าเลือดพิษที่ไหลออกมาจากร่างที่นอนนิ่งจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงบ้าง

“ฟื้นเถอะท่านพี่ อย่าทิ้งข้าไว้เหมือนตอนนั้น”

เขาเอ่ยขึ้นพร้อมเหงื่อที่แตกกาฬแล้วฟุบหน้าลงข้างเตียงปล่อยให้เลือดจากร่างตนไหลไปตามสาย จนสุดท้ายหมอท่านอื่นต้องมาขอให้หยุดไม่เช่นนั้นเดี๋ยวได้ตายกันทั้งพี่ทั้งน้อง ท้ายแล้วการรักษาแบบนี้จึงต้องหยุดไปเหลือเพียงแต่คอยเฝ้าและดูอาการ

ผ่านไปแล้ว 4 ชั่วโมง อาการของราห์โอนั้นทรงกับที่ไม่มีหวังให้ดีขึ้น ได้แต่เฝ้ารอให้หนักไปกว่าเดิมจนหมดลมหายใจเมื่อครบ 12 ชั่วโมง

โฮรันไม่พูดอะไรกับใคร ถึงแม้จะพยายามรักษาน้ำใจคนอื่นเมื่อตอนที่ตนเดินออกมาแล้วถูกโรเรเนสกับลากลอสถามถึงอาการราห์โอ เขาก็ตอบไม่เต็มปากและพยายามไม่พูดอะไรต่อ เห็นได้ชัดว่าแม้แต่โรเรเนสเขาก็ไม่อยากพูดด้วย อันที่จริงในฐานะแพทย์ถึงจุดนี้เขาควรจะต้องเป็นคนบอกให้ทุกคนทำใจได้แล้ว แต่เมื่อตัวเขาเองยังทำใจไม่ได้ก็คงไม่มีสิทธิ์ไปพูดแบบนั้นกลับใคร

ใบหน้าขององค์ชายกลับซีดและเหนื่อยอ่อนหลังจากไม่ได้นอนจนเช้า ลากลอสจึงไล่ให้เขาไปนอนแล้วตนมาเข้ามาเฝ้าแทน


“เขาเคยเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง” สหายคนสนิทเอ่ยเสียงเรียบตอนที่เทพหนุ่มเดินเข้ามา “ทุกครั้งมันเหมือนปาฏิหาร”

โรเรเนสเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่อีกฝั่งของเตียง เฝ้ามองแผงอกแน่นนั้นขยับอย่างแผ่วเบาจนแทบเหมือนไม่ได้หายใจ คนสนิทที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองสบตาแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม

“เจ้าพอจะรู้บ้างไหมว่าในชีวิตมนุษย์คนหนึ่งจะมีปาฏิหารได้กี่ครั้ง”

ผู้ถูกถามเม้นปากแน่น พลันน้ำตาที่คลอก็ไหลแหมะลงมาเหมือนเด็กๆ “ข้าขอโทษข้าเป็นเทพแท้ๆ แต่กลับทำอะรไม่ได้เลยแล้วก็ไม่รู้อะไรเลยด้วย” แล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มปล่อยตัวเองร้องไห้จนสะอื้นน้อยอย่างไม่อายใคร

“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก คนที่สมควรถูกกล่าวโทษมันลอยนวลอยู่ข้างนอกนั่น”

“แต่ แต่เพราะพวกนั้นต้องการเอาชีวิตข้าทำไมถึงเป็นฟารันที่ต้องมาเป็นแบบนี้ ถ้าข้าตามมันก็ไม่เป็นไรข้าก็แค่กลับบ้าน แต่ฟารันเป็นมนุษย์ถ้าเขาตายมันก็จบกันเลยนะ!”

 ลากลอสกัดฟันด้วยความแค้นกับสิ่งที่สหายเขาเจอแล้วไม่พูดอะไรต่อ โรเรเนสพยายามหักห้ามน้ำตาตัวเองแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเหม่อมองใบหน้าที่ซีดไร้เลือดพลางก็คิดสารพัดสิ่ง ตามปรกติแล้วเมื่อมนุษย์มีปัญหาก็มักจะสวดขอพรจากเทพเจ้าและแน่นอนสำหรับอาณาจักรสปันเทียคนก็มักจะสวดขอกับเขาเพราะเป็นเทพประจำเมือง แต่ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

เสียงงี๊ดๆ ดังขึ้นที่มุมหนึ่งเมื่อเขามองไปก็เห็นกีก้าเจ้าหมาเตี้ยนอนซมเศร้าสร้อยอยู่บนตั่งบุนวมที่ไกลๆ เจ้าหมาน้อยนั้นเข้าใจดีว่าเจ้านายมันกำลังแย่ แย่มากจนอาจไม่อยู่กับมันอีกแต่น่าแปลกที่มันไม่ยักเข้ามาเฝ้าเจ้าของมันใกล้ๆ

“หมามันจมูกดีน่ะ กลิ่นพิษงูน่าจะรบกวนระบบประสาทของมันมันเลยทนอยู่ใกล้ฟารันไม่ได้” ลากลอสบอกขณะหันมองเจ้าหมา

“น่าสงสารจัง ทั้งที่มันรักเจ้าของมากแท้ๆ”   โรเรเนสมองหมาน้อยที่จมูกมีน้ำมูกย้อยเพราะแพ้กลิ่นพิษอย่างเวทนา ก่อนจะหลับตาช้าๆ แล้วฟุบหน้าตัวเองลงที่ข้างเตียงความอ่อนเพลียและอาการเหนื่อยหนักจากความเครียดพาเด็กหนุ่มหลับไหลไปกับความฝันที่เกี่ยวเนื่องกับกาลก่อน ภาพแมวอ้วนฟูของเขาฝุดขึ้นมาเมื่อเคลิ้มใกล้หลับ

ซาลาเปาช่วยฟารันด้วยเถอะ

               
                ตอนแรกนั้นมันมืดสนิท ก่อนจะสว่างขึ้นจนกลายเป็นขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาไม่แลเห็นเส้นขอบฟ้า เขามองไปรอบตัวแล้วพยายามทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อฟื้นความทรงจำ

เราถูกมีดอาบยาพิษและภาพก็ตัดไป ---นี่เราตายแล้วรึ?

ความกังวลมากมายก่อตัวขึ้น เขายังมีห่วงอีกมากอยู่ที่โลกและมีหลายอย่างที่ต้องทำหรืออยากทำแต่กลับพลาดไปแล้วสายไปเสียแล้ว

“เคยได้ยินว่าสวรรค์นั้นมีแต่ความสุข นี่คงเป็นนรกกระมังข้าถึงได้ทุกข์ใจเพียงนี้”

เขาปรารภกับตัวเองไม่ได้หวังว่าจะมีใครได้ยิน แต่เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นสอดรับกับคำพูดเขา


“นี่ไม่ใช่สวรรค์หรือนรก และนรกสำหรับคนหยาบช้าเช่นเจ้ามันต้องเลวร้ายกว่านี้”  เสียงนั้นก้องกังวาลและหาทิศทางไม่ได้ เสียงทุ้มต่ำนี่เหมือนมาจากทุกที่ไม่อาจจับตัวตนจึงทำให้ฟังดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

“ท่านเป็นใคร แล้วข้าอยู่ที่ไหน” ฟารันตะโกนกลับ

“เจ้าอยู่ระหว่างรอยต่อของโลกคนเป็นและโลกคนตาย เจ้าตายแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้วและข้าคือผู้ที่จะพาเจ้าไปสู่นรกโลกันตร์”


ฟารันยังไม่ออกอาการแตกตื่นหรือเสียใจอย่างที่ควรเป็น เขานิ่งครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะตอบโต้กลับไป “หากนี้เป็นรอยต่อระหว่างโลกคนเป็นกับโลกคนตาย ตามพระคัมภีร์แล้วข้าต้องอยู่ที่แม่น้ำแห่งวิญญาณซึ่งเป็นที่ที่เทพแห่งการชำระล้างจะปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าผู้วายชนม์เพื่อถามคำถามถึงสิ่งที่คนๆนั้นกระทำเพื่อตัดสินใจอีกทีว่าจะส่งเขาไปนรกหรือสวรรค์ใช่หรือไม่”

เกิดความเงียบเข้าปกคลุม ทิ้งช่วงเป็นระยะเวลาหนึ่งเสียงทุ้มนั่นถึงตอบกลับมา “รู้ดีนี่ เช่นนั้นเจ้าก็สารภาพมาให้หมดสิว่าเจ้าทำบาปอะไรไว้บ้างข้าจะได้ตัดสินใจได้เร็วๆ”

“ก็ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านไม่มาปรากฎกายต่อหน้าข้าตามคัมภีร์ว่าล่ะ”

“ก็ถ้าไม่แล้วจะทำไม”

“ก็ถ้าไม่ข้าก็ไม่อาจพูดอะไรกับท่านได้เพราะถือว่าท่านไม่บริสุทธิ์ใจ”

“ปากดีเป็นแค่มนุษย์ที่ชีวิตเอาแน่เอานอนไม่ได้แล้วยังกล้าอวดดีอยู่อีก เจ้าไม่ใช่กษัตริย์อย่างที่เป็นแล้วนะ”

“ข้าเปล่า แต่ไม่ใช่ว่ามันเป็นกฎหรอกรึ ข้ามีสิทธิ์ที่จะไม่สารภาพคำใดใดแก่ท่านหากท่านไม่มาปรากฎกายให้ข้าเห็น พวกนักบวชเคยบอกข้าว่าถ้าเกิดกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นเท่ากับว่าแท้จริงแล้วข้าไม่ได้อยู่ ณ แม่น้ำวิญญาณหรือที่ไหนๆ ใช่ข้าไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยและท่านก็ไม่ใช่เทพแห่งการชำระล้างด้วย เมื่อข้ารู้แบบนี้แล้วท่านจะยังยืนกรานว่าตนเองเป็นคนที่ไม่ได้เป็นอยู่ให้เสียเกียรติหรือไม่”

ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนจะพลิกเป็นดังกัมปนาถดั่งฟ้าล่ม เสียงหัวเราะดังลั่นจนปวดหูตามมาด้วยเสียงสบถด่า

 “ไอ้ทุเรศ นิสัยไม่มีเปลี่ยนเลย เออถ้าอยากเห็นก็จะให้เห็น”

ทันใดนั้นพื้นแผ่นดินก็สั่นสะเทือนมันไหวหนักตามจังหวะฝีเท้าที่ย่างเข้ามา ฟารันรู้ดีว่าพวกเทพนั้นมีพระวรกายใหญ่โตกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่านัก แต่เทพองค์นี้ท่าจะมหึมากว่าใครเพื่อนเพราะเสียงลือลั่นของฝ่าเท้าที่ใกล้เข้ามาบอกเช่นนั้น

และแล้วองค์เทพผู้ยิ่งใหญ่ก็มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อย “ดูเสียให้เต็มตาเจ้าคนสู่รู้อวดดี ข้านี่แหละผู้เป็นเจ้าของจักรวาลทั้งมวล”

ฟารันแหงนหน้ามองขึ้นจนคอแทบหักกว่าจะเห็นยอดหัวได้ก็ต้องเพ่งจนปวดตา นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจินตนาการไว้ นี่ไม่ใช่องค์เทพผู้มีพระพักตร์อันงดงาม แต่เป็น...

แมว

แมวอ้วนตัวขาวฟู หูพับ ตากลมโตที่ตัวใหญ่มหึมาใหญ่จนเมื่อเทียบสัดส่วนแล้ว มนุษย์อย่างเขาก็มีขนาดเท่านิ้วเท้าท่านเท่านั้น * ตอนนี้ฟารันรู้แล้วว่าเขาอยู่กับใคร


*หมายเหตุ ถ้ามเทียบกับเทพท่านซาลาเปาจะมีขนาดใหญ่ประมาณ 5 เมตร แต่ถ้าเทียบกับมนุษย์ท่านจะมีขนาดประมาณก๊อตซิล่า

------------------------

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ไอ่เราก็นึกว่าใคร

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกก  :ling1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ไม่ได้ออกมาซะนาน ออกมาทีนี่กร่างเชียว 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
โรเรเนสขอร้องแล้ว ช่วยฟารันให้ได้นะท่านซาลาเปา  :m5: :m5:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ฮ่าๆๆ ท่านซาลาเปาผู้ยิ่งใหญ่มาแว้ววว  :katai2-1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ต่อ

“ท่าน...ซาลาเปา?”

“สามหาวใครอนุญาติให้เรียกชื่อเล่น!” ผัวะ! อ่อก! อุ้งเท้ามโหฬารขนาดโต๊ะกินข้าวตะบบลงบี้ผู้ที่อยู่แทบเท้าจนแทบจมดิน

“อภัยข้าด้วยท่านเลวิเลี่ยน” ผัวะ! ฟาดซ้ำให้บี้แบน

“โอ๊ย! อะไรกันท่าน” ปั่ก! ปั่ก!  กระทืบทับแล้วบดขยี้

 “อ่อก อ่า เดี๋ยวท่าน” ท่านมหาแมวหยุดมือ(เท้า)แล้วมองต่ำอย่างเหยียดๆ

ฟารันนอนราบอยู่กับพื้นรอยช้ำปรากฎขึ้นครู่หนึ่งก่อนหดหายไป เขายันตัวขึ้นแล้วกราดกร้าว
“อะไรของท่านเนี่ย!!”

“เจ้าตายอีกรอบไม่ได้อยู่แล้วกลัวอะไร”

ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแม้นต่อหน้าเทพเขาก็ไม่ค่อยจะรู้สึกยำเกรงอะไร ใจหนึ่งก็คิดว่าเพราะอีกฝ่ายดูเป็นแมวมากๆ (ก็แมวนิ) จนรู้สึกเหมือนเห็นสัตว์หน้าขนเสียแทน องค์เทพหม่าวทรงรู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรจึงแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวขาว

“บ้าบอแท้เจ้าเนี่ย ขนาดเป็นมนุษย์ก็ยังทำตัวเช่นนี้....เอาเถอะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า” ขนาดคับฟ้าคับดินของแมวอ้วนหดลงเรื่อยๆ จนถึงขนาดที่เท่ากับสัดส่วนที่เคยมีตอนอยู่กับเทพนั่นคือดูเหมือนสูงกว่าพื้นเพียง 5 เมตร

“เจ้าน่ะ หมดอายุขัยแล้ว!”

“งั้นรั้งข้าไวทำไม หมดอายุขัยก็ไปปรโลกสิ”

“ฮั่นแน่ะปากดี ข้าอุตส่าห์เขี่ยเจ้าขึ้นมาจากแม่น้ำแห่งความตายนะ”

“เขี่ย?”

“เออ เคยเห็นแมวเขี่ยปลาทองในโหลไหมล่ะก็ใช้วิธีเดียวกันนั่นแหละ---แต่เอาเถอะไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกเพราะข้าไม่ได้อยากจะช่วยเลยซักนิด นิสัยต่ำชาติถ่อยเช่นเจ้าควรตายจากโลกแล้วกลับที่กลับทางของเจ้าไปเสีย หากไม่เพราะ 2 เหตุผลที่ดีพอข้าคงไม่ทำแบบนี้แน่”

“เหตุผลอะไร”

“ข้อแรกมีเรื่องที่เจ้าจำเป็นต้องกลับไปแก้ซึ่งมันเกี่ยวกับไอ้หัวม่วง ซึ่งถ้าเจ้าไม่ทำสวรรค์ได้ป่วนจากนี้แน่”
ฟารันขรึมลงอย่างอมทุกข์เมื่อเรื่องโยงเข้ามาถึงโรเรเนส “ทุกอย่างที่เกี่ยวกับโรเรเนสถ้าข้าต้องแก้ไขสิ่งใดข้าจะทำ”

“หึ ก็ดี๊เพราะเหตุผลอีกข้อที่ข้าเขี่ยเจ้ามานั่นเพราะไอ้หัวม่วงมันขอมา”

  โรเรเนสอยากให้เราอยู่ต่อ ดีใจและปวดใจ รู้สึกดีที่ลึกๆแล้วฝ่ายนั้นยังต้องการให้เขาอยู่ต่อไม่ว่าจะด้วยแค่หวังดีกับประชาชนหรือสงสารเจ้าหมากีก้า แต่ความปรารถนาที่จะขอเขากลับไปมันพาให้ซาบซึ้งกับเด็กหนุ่มแสนดีที่เขาไม่อาจคู่ควรไม่ว่ากี่พบกี่ชาติ
แต่นั่นคือเหตุของคำว่าปวดใจ---ระยะหลังมานี้เขารู้สึกแล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการการให้อภัยจากโรเรเนส แต่ต้องการการชดใช้ที่สาสมของเขาเองมากกว่า มันควรจะสาสมกับที่เขาทำไว้

“เพราะเช่นนั้นอย่างไรเล่า การตายมันถึงง่ายเกินไป” ท่านหม่าวรู้ได้ว่าฟารันคิดอะไรเอ่ยขึ้นพ้องกับความคิด
“ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังโลก หากแต่เจ้าต้องชำระล้างบาปที่ตัวเองก่อไว้ก่อน....แบบไม่ต้องผ่านนรกเพราะข้าจะเป็นผู้ชำระเอง”

แมวเหมียวสีขาวโบกหางอวบของตนอย่างแช่มช้าสบายใจ เสียงครางต่ำๆดังหึ่งพาให้กายสะท้าน ชายหนุ่มเพ่งดูใบหน้ากลมอิ่มนั้นแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าพร้อม”

คมเขี้ยวแยกแสยะตามด้วยคำพูดทิ้งท้าย “ไม่ต้องกังวลเจ้าตายอีกหนไม่ได้ดอก”

ปากนิ่มพุ่งเข้างับที่ลำคอและด้วยขนาดปากที่ใหญ่มันจึงยาวไปถึงอก เบื้องแรกเหยื่อรูปงามไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนักจนเมื่อฟันเรียงรายเหล่านั้นค่อยๆ ออกแรงกดกรีดเนื้อ

“อะ!..” เปล่งเสียงออกมาได้แผ่วในความเจ็บแรกก่อนจะทวีพล่านเมื่อแรกกดเพิ่มขึ้น “อ้า!”
และทันใดนั้น

 กึก! กรอบ! เขี้ยวแหลมงับเต็มแรงจนทะลุเนื้อ กระดูกแตกแหลกกรอบแล้วกระชากดึงฉีกทึ้งเหมือนเสือกินเหยือ เลือดทะลักสาดพุ่งเจิ่งนองไปกับพื้นขาวโพลน

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!” ฟารันตัวแหว่งวิ่นร้องลั่นอย่าเจ็บปวด ขนปากที่เคยขาวเปื้อนเลือดโชกพุ่งลงมากัดกินเนื้อส่วนท้องแล้วใช้ขาหน้ายันยึดเศษร่างก่อนจะทึ้งดึงเนื้อขึ้นมากิน เสียงร้องแผดไกลเคล้าเสียงกระดูกหักกายสะบัดเร่ากระตุกตามกลไกที่ไม่อาจฝืน

ไม่ได้พิเศษอะไรมากด้วยเหตุการณ์นี้เป็นเพียงการกินเหยื่อทั้งเป็นของแมวซนๆ เท่านั้น เพียงแต่น่าชื่นใจเสียหน่อยตรงแมวอ้วนตัวนี้จะกินได้ไม่หมดไม่สิ้นด้วยเหยื่อของมันไม่ตายหากแต่ฟื้นขึ้นพร้อมร่างสมบูรณ์ให้กัดกินได้อีกครั้งซ้ำไปซ้ำมาวนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์เหมือนผีที่ไม่ผุดไม่เกิด

.........

           ตอนนั้นโรเรเนสนั้นหลับฝันไป มิได้ล่องลอยไปไหนไกลหากแต่จิตไหลไปเวียนวนอยู่กับสวนของตนบนแดนสรวง อากาศเย็นสบายไม่จำเป็นต้องสร้างอุณหภูมิที่ต่างกันสำหรับพืชพันธุ์ใช้เพียงเวทมนตร์เล็กน้อยก็หล่อเลี้ยงทั้งหมดทั้งมวลของพฤษาเหล่านี้ได้

เขาเหม่อมองบ้านเก่าอย่างเลื่อนลอยก่อนจะเริ่มทำงานเหมือนตามปรกติด้วยไม่รู้องค์ว่าตนฝันอยู่ กลิ่นหอมอบอวลอยู่รอบตัวแต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นที่เด่นแปลกไปจากอดีตจึงตามไปจนพบดอกกุหลาบจันทรากำลังผลิดอก
มือเรียวเอื้อมไปแตะอย่างแผ่วเบาหวังใจจะเพียงลูบคลำแต่ไม้ดอกน้อยก็หลุดหักออกมาจากก้านก่อนจะสลายกลายเป็นน้ำคามืออุ้งมือ
            แล้วเทพหนุ่มก็สะดุ้งตื่น ร่างตรงหน้ายังนิ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงแต่เวลานั้นเลยไปยามบ่ายแล้วหลายชั่วโมงแห่งชีวิตเสียปล่าไปอย่างไม่จำเป็น! เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวดจนลากลอซและหมอที่พยายาบาลองค์ราห์โออยู่นั้นตกใจ เขาหน้าตื่นมองสหายสนิทครู่หนึ่งพลางทบทวนความฝันก่อนจะหันไปเรียกกีก้าให้ตามตนออกไป

“เจ้าจะไปไหนน่ะ”

“ไปเอากุหลาบจันทรามันช่วงฟารันได!” เขากล่าวขึ้นแล้ววิ่งจี๋ออกไปจากห้อง คำนั้นเป็นดังน้ำหยดลงดินแห้งความหวังในปาฏิหารเกิดขึ้นมาในห้อง ลากลอสไล่ตามด้วยความตื่นเต้น

 “เดี๋ยวสิ กุหลาบนั่นไม่ออกดอกในยามนี้เสียหน่อย”

“ข้าเป็นเทพข้าทำให้มันออกดอกได้”

“เยี่ยมเลย!”

โรเรเนสวิ่งตรงไปทางสวนกระจกพร้อมหมาเตี้ยที่ควบขาตาม ลากลอสผู้ไล่ตามไปเกิดนึกขึ้นได้ว่าควรไปตามองค์ชายตอนผ่านห้องบรรทมจึงเฉเข้าไปหาโฮรันที่นอนนิ่งด้วยอ่อนเพลีย เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วเขย่าเรียกอีกฝ่าย

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! ตื่นเถิดเรามีความหวังขึ้นมาแล้ว” ใบหน้าคมคายอ่อนพริ้มนั้นผุดพรายไปด้วยเหงื่อกาฬและแดงก่ำ  โฮรันลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ แววตาอ่อนล้าหมดอาลัย

“นี่ท่านมีไข้เหรอเนี่ยองค์ชาย”

“ลากอส นี่กี่โมงแล้ว ท่านพี่ ท่านพี่ล่ะ” เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาพร้อมอาการซมเมื่อพยายามหยัดกายลุก

 “ยามบ่ายแล้วแต่โรเรเนสรู้แล้วว่าจะรักษาอย่างไร ท่าน องค์ชายท่านมีไข้จริงด้วย” สหายสนิทเอื้อมมือแตะหน้าผากอีกฝ่าย โฮรันนั้นยังนิ่งไม่ใส่ใจต่อคำพูดของเพื่อน

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกลากลอส ข้าเป็นหมอข้ารู้มันไม่มีทางทำให้ท่านพี่ฟื้นตื่นมาหรอก”

“ทำไมพูดแบบนั้น ถ้าเราหวังปาฏิหารมันก็ไม่มีอะไรเชื่อได้มากกว่าคำของเทพอีกแล้ว” ทว่าเมื่อได้ยินผู้ฟังก็กลับก้มหน้างุดก่อนจะทิ้งตัวลงบนตักเพื่อนเหมือนสิ้นแรง

“ไม่มีเทพที่ไหนหรอก”

“ท่านพูดอะไรน่ะ”

“เขาเคยเป็นเทพแต่ตอนนี้เขาเป็นมนุษย์ เขาเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นไม่ต่างจากพวกเทวดาตกสวรรค์เลย ดังนั้นข้าไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเทพ ไม่เคยเลย”

“แต่ท่านบอกตลอดว่าท่านเชื่อ”

“ก็ข้าเป็นหมอจะทำร้ายจิตใจคนอื่นได้อย่างไร อีกทั้งข้าก็ชอบเขามากและอยากแกล้งท่านพี่---แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ท่านพี่กำลังจะตายเหตุเป็นเพราะข้า ข้าไม่สนใจอะไรแล้วและไม่อยากได้อะไรแล้ว ไม่เอาแล้ว”
       ท้ายเสียงหายห้วงแทรกเสียงเครือเขาซุกหน้าหนีลงกับตักลากอสผู้ก็รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ซึมออกมา องค์ชายนั้นเหมือนกลายเป็นเด็กที่งอแงจากที่เคยเป็นบุรุษสุขุมภูมิฐาน ความสิ้นหวังทำให้เขากล่าวพาลสหายสนิทรู้ดีว่าโฮรันไม่ได้หมายเช่นที่พูดจริง

“ท่านจะงอแงเหมือนตอนเด็กไม่ได้แล้วนะแล้วมาซุกตักผู้ชายด้วยกันแบบนี้มันก็น่าอายออก”

“ตอนนั้นข้าก็ทำแบบนี้ ตอนที่ท่านพี่หายไป”

“ตอนนั้นท่านเพิ่ง 6 ขวบ ข้าเองก็เด็กเพียง 8 ขวบเท่านั้น”

“มันเหมือนกันเพราะข้าคิดว่าท่านพี่ตายแล้ว”

“แต่เขาก็รอดมาได้ เขารอดมาได้ตลอดไม่ว่าตอนนั้น ในสงครามหรือครั้งไหนๆ--- ลุกขึ้นเถิดองค์ชาย ข้ารับปากว่าเขาจะกลับมาถ้าหากท่านเชื่อ องค์เทพอยู่กับเราแล้ว”

           องค์เทพอยู่กับพวกเขาแล้วองค์เทพผู้ทรุดตัวลงนั่งข้างกอกุหลาบจันทราไร้ดอก ด้วยช่วงเวลาแห่งการเบ่งบานได้ล่วงเลยผ่านไป เจ้าหมาอาการตรงจมูกดีขึ้นอย่างทันทีที่ได้เข้าใกล้ไม้ดอกต้นนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าพิษร้ายแปลกประหลาดสามารถรักษาได้ด้วยพืชชนิดนี้ หากแต่ยังไม่พอต้องเป็นยากลั่นจากดอกเท่านั้นที่จะสัมฤทธิ์ผล

แต่อย่างไรเล่าเมื่อยามนี้ไม่มีทางจะฝืนธรรมชาติไปได้ ต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้ถึงเวลาผลิดอกจะมีดอกได้อย่างไร?

“ที่ข้าเป็นคนได้ก็ผิดธรรมชาติเช่นกัน”

 องค์เทพยามนี้ไร้สิ้นความประหม่าหวั่นเกรงเขาเอื้อมมือไปแตะแผ่วที่กิ่งก้านตรงหน้านิ่งนานเพ่งระลึกถึงสิ่งที่ตนทำเป็นกิจวัตรยามเมื่ออยู่บนสวรรค์---ร่ายเวทย์เพื่อไม้งามจะเบ่งบานออกมา

ทว่าทิ้งระยะจนแขนล้าก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นับจากลองครั้งแรกก็เพียรแล้วเพียรเล่าทั้งตั้งจิตอย่างที่เคยทำทั้งกล่าวร้องขอต้นไม้แสนงามให้รับฟังและช่วยกัน แต่กระทั่งยามเหงื่อผุดพรายเลือดฝาดพล่านทั่วก็ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาทิ้งแขนผ่อนพักหลายครั้งเมื่อล้าแล้วเริ่มใหม่ซ้ำไปซ้ำมายาวนานนับชั่วโมง เวลาสุดท้ายใกล้กระชั้นเข้ามา

เจ้าหมาน้อยร้องงี๊ดนอนหงอยเหมือนมันก็เข้าใจได้ ร่างขาวเนียนเริ่มหอบเหนื่อยความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วกายพร้อมกับอาการปวดมวลไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างมนุษย์นี้ เขาไม่สนและไม่คิดถึงมันพยายามยกแขนที่จู่ๆก็หนักอึ้งเหมือนถือทั่งขึ้นชูอย่างลำบาก พลังมหาศาลที่พยายามเรียกคืนมานั้นอาจหนักหนาไปสำหรับกายหยาบนี้

ออกดอกมาเถอะ เบ่งบานขึ้นเถอะนะได้โปรด

……………...


                รวยรินปริ่มสิ้นใจฟารันกระอักเลือดนอนแผ่อยู่บนพื้นเย็นเฉียบมีแมวยักษ์ตัวหนึ่งนั่งเลียอุ้งเท้าเปื้อนเลือดอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ปลายเท้า

“นี่ข้าสองจิตสองใจอยู่นะ ว่าข้าจะลดโทษให้เจ้ากึ่งหนึ่งดีไหมหรือยังไงดีเพราะจู่ๆข้าก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าเคยโดน---โดนข่มขืนตอนอายุ11ใช่ไหม?”

เสียงฟี้ของลมที่ลอดออกจากช่องคอดังแผ่วเป็นคำตอบ เลือดยังผุดออกมาบ้างใบหน้าที่บิดเบี้ยวขยับตามริมฝีปากที่พยายามเอ่ย ความน่าอานาถเป็นเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยหวนคืนที่ละนิด ร่างกายแหว่งวิ่นฟื้นคืนเป็นร่างเดิมที่ไร้แม้รอยขีดข่วน นานเท่าใดกันนะ กี่วัน? กี่ปี? เขาโดนกินทั้งเป็นมากี่ร้อยรอบแล้ว? ความทรมาณพิลึกพิลั่นไร้บรรยายดำเนินมายาวนานเหมือนตลอดไป

“องค์รัชทายาทหายไปจากขบวนเสด็จตอน 8 ขวบโดนขายเป็นทาสใช้แรงงานเด็กอยู่ 3 ปีเศษแถมตอนท้ายก่อนจะได้กลับบ้านดันโดนข่มขืนเสียอีก”

อ่า...ใช่ตอนนั้นนานมากมาแล้ว กับตาแก่ใจสัตว์อ้วนสกปรก คนระย่ำเลวผู้คว้าไหดินเผาฟาดร่างเล็กที่ขัดขืนแล้วฉีกกระชากเสื้อผ้าจนวิ่น ย่ำยีเละเทะด้วยหื่นกาม

“แต่ก็ไม่เคยหมดหวังว่าจะได้กลับบ้านเพราะรู้ว่ามีคนสัญญาไว้แล้วว่าจะพาเจ้ากลับไป”

ดอกไม้ดอกน้อยสีม่วงสดผุดขึ้นอย่างทันตากลางก้อนหิน ในตอนนั้นตอนที่เด็กน้อยวัย 8 ขวบ ร้องขอต่อองค์เทพให้รับฟังแล้วดอกไม้ดอกนั้นก็ผุดขึ้นมาราวปาฏิหารเป็นคำตอบสำหรับคำขอ เขาขอให้เทพโรเรเนสพาเขากลับไปที แม้จะนานล่วงไป 3 ปีแต่เขาก็เชื่อเสมอว่ายังไงก็ต้องได้กลับบ้านเพราะองค์เทพสัญญาไว้แล้ว

ร่างกายกลับมาสมบูรณ์แต่หาได้มีเรี่ยวแรงจะหยัดยืน น้ำตารื้นเอ่อจนไหลรินออกมาเขายกแขนก่ายหน้าผากปิดตาคู่นั้นก่อนกายที่ไร้แม้ริ้วรอยจะสะท้านน้อยๆ แล้วพลางสะอื้น องค์เทพแห่งแมวก้มมองนิ่งสงบแล้วย่อองค์ลงหมอบข้างกัน

“เข้าใจได้ว่าเจ้าทำเพราะสำคัญผิดคิดว่าโรเรเนสเป็นคนอื่นไม่ใช่เทพโรเรเนส แต่กระนั้นก็เถอะไม่ว่าโรเรเนสจะเป็นเทพหรือไม่เจ้าก็รู้นี่ว่าไม่ควรทำกับคนอื่นแบบที่เจ้าเคยเจอ”

สะอื้นไห้ให้หมดสิ้นสิ่งที่ไม่อาจทำได้ชัดแจ้งยามเมื่อเป็นกษัตริย์ เจ็บมาตลอดทั้งตอนที่ทำร้ายลงไป เจ็บที่คิดว่าตนโดนหลอก เจ็บที่คนที่ไว้ใจหักหลัง แต่ยามเมื่อรู้ความจริงก็ดำดิ่งไปกว่าเก่า เจ็บกับความความรู้สึกผิดกับความรู้สึกดีๆ ที่เอาคืนไม่ได้ แต่ความเสียใจมันไม่พอหรอกการลงโทษทั้งหมดนี้ก็ไม่พอหรอก ทั้งที่ตนรู้วาอะไรไม่ควรทำแต่ก็ยังทำไม่มีข้ออ้างอะไรมาอ้างได้

เขามันชั่วช้าจริงๆ

ฟารันสูดลมหายใจเข้าแรงแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “นี่มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่ข้าทำลงไป”

“โฮ่!” ท่านแมวหม่าวตาโตกลมแป๋วพลางฟาดหางแรงอย่างตื่นเต้น “งั้นรึ ยังอยากได้อีกรึแต่ข้าเบื่อรสชาติเจ้าแล้วนะ”

“จะฉีกทึ้งตบกระทืบข้าอย่างไรก็ได้” เข้าของขนฟูฝุดลุกนั่งแล้วจ้องมองอย่างจริงจัง

“เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าควรทำอะไร”

“ให้ท่านลงโทษจนกว่าจะสาสม”

“ไม่ใช่ การชดใช้ความผิดนั้นมันไม่มีมาตรวัดหรอกว่าแค่ไหนคือพอมันก็เหมือนการแก้แค้นนั่นแหละ ถ้าคนยังแค้นอยู่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ชดใช้ไปกี่ร้อยกี่แสนปีมันก็ไม่หมด ทีนี้เจ้ารู้สึกผิดและต้องการชดใช้ความผิดหากเจ้าไม่รู้จักให้อภัยตัวเองเจ้าคงได้ชดใช้ความรู้สึกผิดอยู่ที่นี่ไปชั่วกัลปาวสานแน่ ตอนนั้นศพเจ้าก็เป็นอาหารหนอนไปแล้วและโรเรเนสก็ต้องเสียใจมากๆ”

“แล้วจะให้ข้าทำยังไง นี่มัน มันยังไม่พอ!”

“เออข้าก็คิดว่ามันยังไม่พอ ไม่รู้ว่าเจ้ากับข้าใครมันโรคจิตกว่ากันนะแต่ข้าแค่เตือนไว้ในสิ่งที่เจ้าควรทำ หลังจากนี้หาก ก็หากนะสมมติว่าเจ้าได้กลับไป ต้องรู้จักแก้ไขให้มันถูกสมองน่ะะใช้ให้มากๆ ไอ้หัวม่วงมันดูออกง่ายจะตายถ้าเจ้าตั้งใจเจ้าจะรู้เองว่าไอ้เทพอ่อนด๋อยป้อแป้นั่นมันอยากได้อะไร เข้าใจ๊”

“อืม”

“อืมพระบิดาเอ็งสิ! ข้าเป็นเทพ!”

“ขอรับ!”

“เออ งั้นก็จัดการซะอุปกรณ์อยู่ข้างๆนั่น”  ชายหนุ่มหันไปมองตามคำบอกก็พบเห็นดาบเล่มหนึ่งวางอยู่หน้ากระจกเงา เขาเข้าใจทันทีว่าคืออะไร และไม่คาดคิดถึงสิ่งนี้มาก่อนพลันหัวใจก็หล่นวูบรู้สึกสันหลังวาบจนมือไม้ชา

“เรามาลองอะไรที่มันโบราณกันหน่อยดีกว่า เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเจ้าเป็นเหตุให้คอไอ้หัวม่วงเป็นรอยดาบ ถึงจะตั้งใจแค่ขู่แถมเจ้าเทพง่อยนั่นจะทำตัวเองก็เถอะ แต่หันดาบใส่คนกำลังคลั่งก็ไม่ใช่อะไรที่ฉลาดหรอกนะ”

เมื่อโบราณกาลมาแล้วนักรบผู้หาญกล้าของเผ่าสปันโบราณซึ่งเป็นต้นสายของชนชาวสปันเทียมักมีวิธีประหารนักรบด้วยการให้สำเร็จโทษตัวเอง ใช้ดาบคู่ใจบาดคอหน้ากระจกแล้วดูตัวเองตายช้าๆ เป็นการกระทำสยดสยองชวนวิปลาสการฆ่าตัวตายนับว่ายากแล้วแต่การต้องดูตัวเองตายเป็นฝันร้ายที่บาดใจไปยังภพภูมิหน้าได้ทีเดียว ทว่าหากหลังจากฟารันทำสิ่งนี้เขาจะยังไม่ตาย....

ชายหนุ่มคุกเข่าลงหน้ากระจกเห็นชัดถึงใบหน้าของตนเอง หยิบดาบขึ้นอย่างแช่มช้าลังเลหากแม้แค่เชือดคอตนคงพอฝืนทำได้แต่ต้องลืมตาค้างเอาไว้แบบนั้น---แค่คิดมือมันก็ขยับไม่ออก

“กลัวอะไร ทำสิ”

มือที่กำด้ามดาบนั้นสั่นระริกริมฝีปากถูกขบกัดจนห้อเลือด เขาแข็งใจนึกถึงสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่สาสมแล้วตัดใจกระชากแขนบาดคมดาบลงลึกกลางคอหอยตนเองแล้วแผงอกแน่นก็ได้อาบเลือดต่างน้ำ หลอกหลอนดั่งฝันร้ายร่างแข็งทื่อไม่อาจขยับแม้อยากหลับตาก็เหมือนไม่สามารถบังคับฝืนใดใดได้ แล้วก็ล้มลงหน้ากระจกบานใหญ่ดูตัวเองตายที่ละน้อยภาพใบหน้าเจ็บปวดไร้เกียรติน่าสมเพช เคยเห็นมามากแล้วภาพคนตายน่าอนาถแต่ตรงหน้าเป็นใบหน้าเขาเอง

คาวเลือดคะคลุ้งแดงฉานก่อนจะดับมืดพลันชั่วครู่ก็สว่างจ้าอีกครั้ง เขาตื่นและเริ่มใหม่
“เป็นไง เป็นประสบการณ์ที่หายากนะ---เอ้า เอาอีก” เหมือนมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นบังคับร่างของเขาให้กลับมาอยู่ท่าเดิมที่คมดามจ่อคอตัวเอง “ไม่ต้องห่วงข้าจะช่วยทุ่นแรงให้ เจ้าจะไม่ได้หยุดหรอกจนกว่ามันสมควรแก่เวลา”

ฟารันมองเห็นถึงแววตาหวาดหวั่นของตนที่ระริกสะท้อนเงาอยู่ตรงหน้า การสำเร็จโทษตนเองดำเนินไป อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง ......

-----------------

           ร่างนั้นซีดเผือดเหมือนเลือดหาย โรเรเนสฟุบหน้าลงดินหอบเหนื่อยขณะแสงตะวันคล้อยต่ำจนใกล้จะเย็นย่ำ เด็กหนุ่มช้อนตาเศร้ามองกอไม้ที่ไม่ไหวติ่งไม่สะทกสะท้านและเขาก็ร้องไห้ออกมาเฉยๆ สะอึกสะอื้นปล่อยโฮเพราะสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าตัวเองลงมาเป็นมนุษย์เพราะอะไรแต่ถ้าไม่มีฟารันก็ไม่รู้จะทำยังไง ความพันผูกเก่าก่อนนานมาที่เขาจำไม่ได้แต่รู้สึกได้บอกเขาว่าเขาควรอยู่เห็นฟารันมีชีวิตไปเรื่อยๆ นานมาแล้ว เก่ามากแล้วเรื่องระหว่างเขากับกษัตริย์หนุ่มนานมาตั้งแต่ยังไม่ลงมาเป็นมนุษย์แม้จะจำไม่ได้

หยาดน้ำตาหยดหล่นแหมะลงที่โคนต้น อาทิตยายอแสงสาดจ้าเป็นทางส้มสะท้อนเงาหยดน้ำข้างแก้มวาววับเหมือนแสงดาว องค์เทพร่ำไห้อีกครั้งในร่างมนุษย์หากคราวนี้ปวดประหลาดสิ้นหวังมากกว่าเคย แต่หยาดน้ำใสดังยอดเพชรนั่นเองที่ก่อเกิดปาฏิหาร

กลิ่นหอมแปลกที่เย้ายวนและคุ้นเคยเด่นแทรกกลิ่นไอดินขึ้นมา เด็กหนุ่มดีดตัวผุดนั่งแลเห็นตรงหน้าเป็นยอดดอกตูมของกุหลาบน้อย ความหวังและความดีใจท่วมท้นไม่อาจบรรยายเขาหันรีหัวขวางอยู่สองสามทีแล้วกลับมาตั้งสติเพ่งจิตอีกครั้ง คราวนี้ไม่แม้แต่จะแตะก้านดอกด้วยปลายนิ้วเพราะเวทย์มนต์ที่กลับฟื้นคืนสำแดงเดชเร่งการเจริญเติบโตขึ้นอย่างทันตา ไม่นานเท่าใดกอไม้หนามก็ผุดผาดไปด้วยดอกกุหลาบสีนวลนับสิบดอก สวยงามอย่างน่าพิศวงด้วยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกที่กุหลาบจันทราแบ่งบานใต้แสงตะวัน 

โรเรเนสร้องไห้โฮเป็นคำรบสองแต่ครานี้ด้วยปิติเจียนสิ้นสติ “ขอบคุณ ขอบคุณ” เขาพร่ำพูดกับเหล่าดอกไม้งามแล้วก้มลงจูบกิ่งหนามตรงหน้าก่อนจะค่อยๆเด็ดดอกไม้สีมุกนั้นที่ละดอกอย่างเบามือ


                   องค์ชายโฮรันมองตะวันที่ใกล้ลับขอบฟ้าเหมือนตัดใจด้วยสิ้นแสงตะวันก็สิ้นเช่นกันกับชีวิตราห์โอ ผู้คนนับร้อยในเขตวังพากันเศร้าสร้อยแลทำใจเตรียมพร้อมกับการสวรรคตที่เร็วเกินไป แต่ขณะที่ความหวังถูกทิ้งไปโรเรเนสก็วิ่งพรวดเขามาพร้อมดอกไม้ที่หอบมา

“หมอโฮ ข้าได้มันมาแล้ว!” ทุกคนในห้องหันมามองเด็กหนุ่มพลันตกตะลึงกับความงามและกลิ่นหอมล้ำของกุหลาบพันธุ์หายาก ทุกคนไม่คิดฝันว่าชาตินี้จะมีโอกาสเห็นกุหลาบจันทราออกดอกมากไปกว่านั้นคือออกดอกยามมีแสงอาทิตย์อีกด้วย

“เทพแท้ๆ พ่อคุณ” หญิงรับใช้นางหนึ่งพึมพำขึ้น ก่อนเสียงพึมพำจะทวีขึ้นในห้องแต่โรเรเนสไม่ได้ยินหรือสนใจจะฟังเขามุ่งแต่จะให้โฮรันกลั่นยาให้ซึ่งแน่นนอนหมอหนุ่มไม่รอช้าสั่งคนให้เอาอุปกรณ์มาทันที ลากลอสไล่ให้ทุกคนออกไปรอข้างนอกเพื่อให้องค์ชายทำงานสะดวก

“มันจะทันเวลาไหม มันจะทันเวลาไหม” เทพหนุ่มร้อนรนแต่ ถูกห้ามกิริยาไว้ด้วยสหายสนิทองค์ราห์โอรู้ดีว่าเวลานี้ผู้เป็นหมอต้องการสมาธิ

ขะมักเขม้นบดยาอย่างเร่งรีบแข่งกับเวลาอันน้อยนิดไม่กี่อึดใจยาวิเศษก็ได้ที่ เขาจับยากรอกปากพี่ตนแล้วใช้บางส่วนทาพอกลงบนปากแผล ทุกคนยืนนิ่งรอเวลาที่ปาฏิหารจะสัมฤทธิ์ผล แต่จนเมื่อแสงตะวันลับขอบฟ้าแล้วแทนที่ด้วยแสงเทียนก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกคนงงงวยแต่ยังไม่ถอดใจ โรเรเนสเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นิ่งแล้วทรุดลงนอนแนบศีรษะตนลงกับอกกว้าง หลับตานิ่งพยายามฟังเสียงหัวใจที่เหมือนจะหายไป ใช่เมื่อแนบหูลงฟังเสียงหัวใจได้หยุดไปแล้ว

กลับมาฟารัน กลับมาได้แล้ว

“ข้ารอท่านอยู่นะฟารัน”

…..

…………

…………………

ตึก.... แรงบีบเกิดขึ้นอีกครั้ง ตึก.....แล้วตามด้วยอีกหลายครั้งหัวใจนั้นกลับมาเต้น เต้นขึ้นใหม่เหมือนเด็กแรกเกิดเทพหนุ่มหยัดกายขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างข้างใต้ตน

“ดูนั่นสิ!”
ลากลอสชี้นิ้วไปยังบาดแผลที่หดหายทันตาร่างกายที่ซีดไร้เลือดค่อยๆกลับคืนดังคนสุขภาพดี ท่านหมอโฮตาตื่นพุ่งเข้าไปจับชีพจรพี่ตนเขานิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือข้างนั้นแล้วถอยออกมามองเหมือนไม่เชื่อสายตาตนเอง

“เขาหายแล้ว....เขาหายแล้ว!พิษสลายไปหมดแล้ว!”
 องค์ชายโฮรันตะโกนลั่นผู้ที่ถูกกันอยู่ด้านนอกได้ยินก็ถือวิสาสะแห่ถลันกันเข้ามา ปาฏิหารเกิดขึ้นแล้วการส่งเสียงแสดงออกถึงความดีใจเซ็งแซ่ขึ้น นางข้ารับใช้คนเดิมวิ่งออกจากที่เกิดเหตุแล้วประกาศเสียงดังอย่างไม่สำรวมกิริยาว่าองค์ราห์โอรอดแล้ว

ผู้คนในวังต่างดีใจและโล่งใจไปตามกัน ทุกคนออกอาการยินดีกันถ้วนหน้าส่วนองค์เทพรูปงามนั้นเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ มองใบหน้าคมสันนั้นอย่างชื่นใจ

 :katai5: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

มาอัพแล้วจ้า ขออภัยหายไปนานอีกแล้วววว ช่วงนี้ทำโปรเจคจบเดี๋ยวปีหน้าก็เรียนจบ(มั้ง)แล้วเฮ่ หวังว่าจะจบ (เฮ่) หางานทำ (เฮ่) ปีใหม่เทียวไหนกันจ๊ะ
 :katai2-1: ขอบคุณที่ยังรออ่านนะคะ ว่าจะให้จบเรื่องนี้ภายในต้นปีหน้าไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะยาวขนาดไหนหะหะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อ้าวพระเอกเคยโดนข่มขืนเหรอเนี่ยสยองมาก

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ท่านซาลาเปาโหดมากกก

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ท่านหม่าวๆแก้แค้นให้ทาสโหดมาก

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
 :กอด1:ขอบคุณที่มาต่อนะครับ รอนานแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ซาลาเปา นายไม่ได้มาเล่นๆนะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กราบท่านซาลาเปารัวๆ ท่านเทพยอดเยี่ยมเหนือบรรยายมากค่ะ

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
เชื่อกันซักทีนะว่าเราโรเนสเป็นเทพ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
หวังว่า พอฟารันตื่นมาแล้วจะหวาน ดีกับโรเรเนสมากๆนะ  ชอบเทพซาลาเปามาก 5555เข้าใจสรรหาวิธีการลงโทษ

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ท่านซาลาเปา ซาดิสแท้ o18
รอราโอฟื้น เดินหน้าจีบโรเรเนส  :z1:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ท่านซาลาเปาาาาา FC

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
หายไปนานมาก ดีใจที่กลับมาค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
หายไปไหนแล้วคนแต่งง

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
จิ้มๆ คนแต่งหายไปไหนนนน  :serius2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด