[เรื่องสั้น] ป ล า ย ฝ น . . . ต้ น รั ก (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ป ล า ย ฝ น . . . ต้ น รั ก (จบ)  (อ่าน 11364 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(5)

ผมตื่นขึ้นกลางดึก แล้วจากนั้นก็นอนไม่หลับอีกเลย ผมหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูหลายรอบมาก อยากรู้ว่าจะมีข้อความอะไรมาจากแจ็คบ้างหรือเปล่า และก็ลังเลด้วยว่าผมควรจะพิมพ์หรือโทรไปหาเขาดีมั้ย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยจนกระทั่งพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า

ผมอาบน้ำแต่งตัวและออกไปยืนอยู่หน้าบ้าน ผมชะเง้อรอเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินออกไปยังป้ายรถเมล์คนเดียว เขาคงจะยังไม่หายดีพอไปโรงเรียนหรอกมั้ง

เมื่อไปถึงโรงเรียน ผมก็เดินเข้าไปในโรงอาหารและมองหาเพื่อนๆ

“เฮ้ย ไอ้ปอนด์! ทำไมวันนี้มาเช้าวะ!” เสียงของกายตะโกนเรียกผมพร้อมกวักมือเรียก

“แม่ปลุกเช้า” ผมโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะ

“แล้วไอ้เชี่ยแจ็คอะ ยังไม่สบายอยู่เหรอวะ”

“ก็คงงั้น”

“อีกละ อารมณ์บูดอีกละ ไอ้เหี้ยนี่... เอ้านี่” กายโยนสมุดมาตรงหน้าของผม “การบ้านเมื่อวาน ลอกซะ ไอ้หน้าจับฉ่าย ถ้ามึงไม่ส่งวันนี้ มึงโดนอาจารย์คเณชเล่นงานแน่”

ผมคำรามในลำคอเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอกโดยดี เวลาผ่านไปอีกหลายนาที คนอื่นๆ เริ่มมานั่งที่โต๊ะของเรามากขึ้น แต่ผมก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านไป จนกระทั่งหูได้ยินชื่อของคนๆ หนึ่งเข้า

“อ้าว ไอ้แจ็ค หายแล้วเหรอวะ!”

มือที่กำลังเขียนอยู่ชะงักลงทันที ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็เห็นว่าแจ็คกำลังเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ เขาหันมาสบตากับผมพอดี แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีแล้วหันไปยิ้มตอบให้เพื่อนคนอื่นๆ ก่อน

ผมรู้สึกเจ็บร้าวในหน้าอกขึ้นทันที

“เออจะว่าไป ทำไมวันนี้มึงสองคนไม่ได้มาพร้อมกันวะ” โหน่งถามขึ้น

ผมปิดสมุดลงพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ไอ้กาย กูยืมสมุดก่อนนะ จะไปหาที่อื่นนั่งทำว่ะ เสียงเริ่มดังแล้ว กูไม่มีสมาธิ”

“อ้าว เฮ้ย เดี๋ยวดิ ไอ้ปอนด์”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกของมัน แต่คว้าสมุดและกระเป๋าขึ้นจากโต๊ะ แล้วจากนั้นก็เดินออกจากโรงอาหารตรงขึ้นห้องเรียนของเราเลยทันที

ผมคิดว่าเมื่ออยู่บนห้อง อยู่ห่างจากแจ็คแล้ว ผมจะสงบจิตใจลงได้บ้าง แต่เปล่าเลย เพราะหลังจากที่เริ่มลอกงานไปได้อีกแค่ไม่เท่าไหร่ จู่ๆ แก้มก็กระโดดมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ผม

“เป็นไงแก! ลอกการบ้านแต่เช้าเลยนะยะ!”

“แก้ม อย่าเพิ่ง ตอนนี้เราไม่มีอารมณ์เล่นด้วย” ผมพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากสมุด

แม้ว่าแก้มจะขี้เล่นและไม่ค่อยเกรงใจอะไรผมแล้ว แต่เราก็สนิทกันมากจนเธอคงดูออกว่าผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วยจริงๆ

“เป็นไรวะ แกไม่ได้เครียดเรื่องการบ้านแค่อย่างเดียวใช่มั้ยเนี่ย”

“ไม่มีอะไรหรอก เราขอทำงานก่อนแล้วกัน”

แก้มเงียบไปพักหนึ่ง ผมรู้สึกได้ว่าเธอกำลังนั่งมองหน้าผมอยู่ “โอเคๆ งั้นลอกการบ้านไปก่อน มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะแก” แก้มบีบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะลุกเดินจากไป

วันนั้นทั้งวัน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมกับแจ็คไม่ได้คุยกันอีกเลย กลางวันเขาก็ไปกินข้าวกับเพื่อนคนอื่น ส่วนผมก็ไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม พอเลิกเรียน เขาก็เป็นคนแรกๆ ที่เดินออกจากห้อง แก้มเดินเข้ามาถามผมเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้งว่าผมกับแจ็คทะเลาะอะไรกัน ซึ่งผมก็ตอบไปเป็นรอบที่ร้อยอีกเหมือนกันว่า... เราไม่ได้ทะเลาะกัน

ใช่มั้ย... เราไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อยใช่รึเปล่า

เวลาผ่านไปอีกสองอาทิตย์ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม เราสองคนไม่คุยกัน ที่ไหนมีเขา ที่นั่นไม่มีผม แต่ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน ไม่ผมก็เขา ก็จะเป็นแค่อากาศธาตุที่สัมผัสไม่ได้ มองไม่เห็น ไม่รู้สึกว่ามีอยู่ มีเพียงสองอย่างเท่านั้นที่ต่างออกไปจากเมื่อตอนแรกๆ หนึ่งคือการที่เพื่อนของเราทุกคน รวมทั้งแก้ม เลิกถามผมแล้วว่าเราทะเลาะอะไรกัน และ สอง คือการที่แก้มเองก็โกรธผม และพาลไม่ยอมคุยกับผมไปด้วยอีกคน

“แก้ม! แกโกรธอะไรเราวะ! เราถามแกหลายหนแล้วนะเว้ย” ผมเดินเข้าไปคุยกับแก้มสองต่อสอง

“แกไม่รู้จริงรึแกแกล้งโง่ ปอนด์”

“เราจะไปรู้ได้ไงวะ” ผมเริ่มหงุดหงิด ผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆ มานี้ ผมฉุนเฉียวง่ายขึ้นมาก “เออ โอเค แกโกรธที่เราไม่บอกแกว่าเรามีปัญหาอะไรกับไอ้แจ็ค แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ เราก็ไม่รู้จะบอกแกยังไง ถ้าแกอยากรู้ทำไมแกมันไปถามมันเองวะ”

“แกคิดว่าฉันไม่ถามรึไง!” แก้มขึ้นเสียงใส่ผม เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นแก้มโกรธขนาดนี้ และมันก็ทำให้ผมตกใจเล็กน้อย “และแกเข้าใจผิดแล้ว ไอ้ปอนด์ ฉันไม่ได้โกรธแกที่แกไม่บอกฉันว่าแกทะเลาะอะไรกัน แต่ฉันโกรธที่แกเป็นแบบนี้!” แก้มจิ้มลงบนหน้าอกของผม “ไหนแกบอกว่าแกรักฉันไง ไหนแกบอกว่าแกรักมันไง ทำไมแกถึงทำตัวแบบนี้วะ!”

“อะไรของแก! นี่เราทำอะไรผิดวะ!” ทำไมผมถึงต้องเป็นคนเดียวที่ต้องถูกโทษแบบนี้ด้วยวะเนี่ย

“แกถามตัวเองหน่อยดีมั้ย ไอ้ปอนด์ ถามตัวเองดูดีๆ ว่าแกทำร้ายไอ้แจ็คมันยังไงไปบ้าง”

ผมผงะไป “อ... ไอ้แจ็คมันบอกอะไรแกไปบ้าง”

“คงไม่ทุกเรื่องหรอก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ฉันโกรธแก และก็จะโกรธกว่านี้ด้วย ถ้าแกไม่รีบไปเคลียร์ตัวเองและคืนดีกับมันไวๆ” แก้มจ้องตาผมไม่กะพริบ แต่อีกไม่กี่วินาทีถัดมา ดวงตาของเธอก็เริ่มเป็นประกายเพราะน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา จากนั้นแก้มก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “เราสามคนเคยสัญญากันไม่ใช่เหรอ... สัญญาว่าเราจะอยู่ด้วยกัน มีกันและกันแบบนี้ไปตลอด แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ ปอนด์”

ผมมองแก้มด้วยความรู้สึกรวดร้าว ผมไม่ได้ลืมคำสัญญานั่นหรอก ไม่เคยลืมเลย แต่ก็เพราะว่าผมยังจำมันได้ดีนั่นแหละ ทุกวันนี้ผมถึงได้เสียใจที่อนาคตของเรา เส้นทางของเรา มันดูจะไม่มีวันบรรจบกันได้เหมือนอย่างที่เคยหวังไว้อีกแล้ว

“ฉันขอถามอะไรแกอย่าง แกต้องตอบฉันมาตรงๆ นะ” แก้มเงยหน้าขึ้นสบตาผม “รับปากฉันสิ”

ผมพยักหน้า

“แกรักฉันรึเปล่า”

ผมพยักหน้าอีกครั้ง “รักสิวะ ไม่งั้นเราจะมาง้อแกแบบนี้ทำไม”

“แล้วแกรักไอ้แจ็ครึเปล่า”

อีกครั้ง ที่ผมต้องชะงักไป ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนั้นออกไปอย่างไรดี

“ตอบฉันสิ ปอนด์ ตอบมาตามจริง”

“แก้ม...”

“แก รัก มัน รึ เปล่า” แก้มถามย้ำอีกครั้ง

“เรา... เรา...” ผมหลบสายตาของแก้ม “เราตอบไม่ได้ว่ะ”

ผัวะ!! แก้มต่อยลงบนต้นแขนของผมอย่างแรง

“แค่นี้ก็ชัดแล้วว่าแกรู้สึกยังไง! แค่จะบอกว่ารักเพื่อนน่ะ มันพูดไม่ยากหรอกนะเว้ย แต่ถ้าแกพูดไม่ได้ นั่นก็แปลว่าแกคิดมากเกินกว่านั้นไปแล้ว แต่แกกลัวที่จะยอมรับมัน!”

ผมรู้สึกราวกับโดนตบหน้าอย่างแรง ที่แก้มเพิ่งต่อยแขนผมเมื่อครู่นั้นไม่เจ็บเท่าคำพูดที่เธอเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้นี้เลยสักนิดเดียว

“ไอ้แจ็คมันรักแกนะเว้ย! ทำไมแกไม่รู้ตัวสักที!” แก้มถลึงตาใส่ผม “แกน่าจะรู้ดีที่สุดนะว่ามันเป็นคนยังไง แกลองคิดดูดีๆ ซิว่าแกรู้จักกับมันมากี่ปี ความเข้มแข็งของมันคืออะไร และความอ่อนแอของมันคืออะไรบ้าง”

“นี่... แกรู้อะไรจากมันมาบ้าง”

แก้มหันหลังให้ผมแล้วออกเดินไป 3-4 ก้าว ก่อนจะหันกลับมา “ก็แค่ความจริงว่ะ... ความจริงที่แกเองก็รู้ดี”

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปอนด์ไม่กล้ารับความจริง

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ยอมรับมาซะดีๆ ปอนด์ ว่าตัวเองก็รักแจ็คเหมือนกัน..
 :hao3:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เอ๊ะยังไง แจ็ตชอบหรือไม่ชอบ
ตอนที่แล้วปอนด์มันเคืองเพราะบอกว่าไม่ได้ชอบ + มันไม่ยอมรับตัวเอง

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
ปอนด์เอ้ยยยย ยอมรับใจตัวเองได้แล้ว
สงสารแจ๊คอ่าาาาาส

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ตามมาติดๆ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(6)

หลังเลิกเรียน ผมก็เดินข้ามฝั่งไปยังสวนสาธารณะ คำพูดของแก้มดังก้องอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา ‘ความจริงที่ผมก็รู้ดี’ มันหมายความว่ายังไงวะ แล้วไหนจะที่แก้มบอกว่าแจ็ครักผมอีก คำว่ารักที่แก้มพูดออกมานั้น คือคำว่ารักในความหมายไหนกันแน่

ผมเช่าจักรยานแล้วก็ปั่นเต็มสปีดรอบสวนร่วม 10 รอบได้ สายลมเย็นๆ ที่ปะทะช่วยพัดพาเอาความอึดอัดใจให้หายไปได้บ้าง เหงื่อที่ไหลออกมาท่วม ช่วยชำระล้างความไม่สบายใจออกไปได้พร้อมๆ กัน

แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น

เมื่อเริ่มรู้สึกเหนื่อย เมื่อขาทั้งสองข้างเริ่มล้า ผมก็ชะลอความเร็วลงเป็นปั่นช้าๆ รับลมเอื่อยๆ พร้อมกับมองหาจุดสงบๆ เพื่อนั่งพัก และเมื่อผมเจอที่ดีๆ ที่อยู่ห่างสายตาคนพอสมควร ผมก็จอดจักรยานและเดินตรงไปที่ตรงนั้น... ที่เดิมที่ผมกับแจ็คเพิ่งมานอนเล่นด้วยกันเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี่เอง

ผมเดินไปปูเสื่อแล้วก็เอนหลังลงนอน แต่ยังไม่ทันจะได้หลับตาลง ก็มองเห็นคนๆ หนึ่งมาจอดจักรยานอยู่ใกล้ๆ กับคันของผม ผมชันตัวขึ้นนั่งแล้วก็เห็นว่าคนๆ นั้นคือ...

“ไอ้แจ็ค”

แจ็คมองหน้าผมงงๆ คงจะตกใจที่เจอผมที่นี่ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวและทำท่าจะปั่นจักรยานหนีออกไป

“เดี๋ยวก่อน!” ผมรีบลุกขึ้นยืนและร้องห้ามเขา “มึงจะหนีกูไปไหนอีก!”

เขาชะงักทันที “...กูไม่ได้หนี”

“มึงกำลังจะหนีกู ถ้ากูไม่หยุดมึงไว้ มึงก็ปั่นหนีกูไปแล้ว” ผมเดินเข้าไปหาเขา

“กูไม่ได้หนี... แต่กูรู้ว่ามึงไม่อยากเห็นหน้ากู กูก็จะไม่อยู่ให้มึงรำคาญ” เขาตอบโดยไม่ได้หันมามองผม และคำพูดของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนมีดปักเข้าทะลุหน้าอกอีกแล้ว

“มึงมาทำอะไรที่นี่” ผมถาม

“กูมาปั่นจักรยานเล่น”

“มากับใคร”

“คนเดียว...”

“งั้น... มานั่งกับกูหน่อยมั้ย”

เขาหันมามองผมและดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจทำตามที่ผมบอก ผมเดินกลับมาที่เสื่อและตบมือลงที่ว่างข้างๆ ตัวให้เขานั่งลง เขานั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ พลางเหม่อมองออกไปเบื้องหน้า ผมหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเขา เห็นแววตาเศร้าๆ ของเขาแล้วก็รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาสุดหัวใจ

“กู... ขอโทษนะ” ผมเริ่มพูดพลางก้มหน้าลงมองเสื่อ “ที่ต่อยมึงไปวันนั้นน่ะ”

“ช่างมันเหอะ กูสมควรโดนแล้ว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์

ผมหลับตาแน่น “ไอ้แจ็ค มึงเลิกพูดแบบนั้นสักทีได้มั้ยวะ กูขอร้อง ถ้ามึงยังเป็นอยู่แบบนี้ กูจะไม่มีวันให้อภัยมึง... ไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้เลยนะเว้ย”

“มึงไม่ต้องให้อภัยกูหรอก กูไม่คู่ควรหรอกว่ะ กูขอโทษมึงจริงๆ ที่ทำให้มึงต้องไม่สบายใจ” ผมได้ยินเสียงเขาลุกขึ้นยืน “กูไปก่อนนะ”

“เดี๋ยวก่อน ไอ้แจ็ค!” ผมรีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ทันที

แจ็คก้มลงมองมือของผม ผมค่อยๆ เลื่อนมือลงไปจับที่มือของเขาแทน ที่ผ่านมา ผมไม่เคยจับมือเขามาก่อนเลย ถึงเราจะเคยนอนกอดกัน แต่เรื่องจับมือกันนั้น นี่นับว่าเป็นครั้งแรก และแจ็คเองก็ดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย

“กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น” ผมพูดพร้อมกำมือของเขาแน่น “กูไม่อยากเสียมึงไปจากชีวิตกู”

“ไอ้ปอนด์ กูว่า...”

“ไอ้แจ็ค” ผมขัดเขา “กูรักมึง”

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้
ถ้าไม่มีแก้มซะคนปอนด์คงแย่
แต่ก็อย่างว่า เด็ก ๆ ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ว้าวุ่นของตัวเองยังไง
ต้องให้เวลาและควรมีที่ปรึกษาที่ดี

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai1: ค้างงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ลุ้นๆ แจ็คจะตอบว่ายังไง..
มาเป็นกำลังใจให้คุณต้นเน้อ
 :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
กว่าจะยอมพูดได้เหนิ่อยแทน

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(7)

สีหน้าของแจ็ค ต่างไปจากที่ผมคิดเอาไว้ ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำหน้ายังไงเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่คิดสักนิดว่าเขาจะ... โกรธ

“มึงพูดว่าไงนะ” คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากัน

“ก... กูก็พูดไปแบบที่มึงได้ยินนั่นแหละ”

“มึงอย่าเอาคำนั้นมาพูดเล่นๆ ไอ้ปอนด์” เขายังคงมีสีหน้าหงุดหงิด “กูไม่ตลกไปกับมึงนะเว้ย”

“มึงเห็นว่าหน้าตากูเหมือนคนกำลังล้อเล่นรึไงวะ” ผมเองก็ชักเริ่มอารมณ์เสียแล้วเหมือนกัน

สีหน้าของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย “จู่ๆ มึงมาพูดแบบนั้นทำไม”

“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่อยากเสียมึงไป”

“มึงก็เลยต้องบอกว่ารักกูเพื่อรั้งกูไว้แบบนั้นน่ะเหรอวะ”

“ไม่ใช่! แต่กูแค่... แค่...” ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “กูแค่พูดสิ่งที่กูรู้สึก!”

เขาถอนหายใจ “มึงไม่ได้ชอบผู้ชายนะ ไอ้ปอนด์”

“กูรู้ กูก็คิดว่าแบบนั้นมาตลอดเหมือนกัน แต่... แต่...” ผมปล่อยมือของเขาและเบือนหน้าไปทางอื่น “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไอ้แจ็ค กูสับสนมาก กูไม่รู้แล้วว่าตอนนี้กูรู้สึกยังไง กูเป็นอะไร กูไม่รู้แล้วว่ากูควรจะทำยังไงดี กูขอโทษ ไอ้เหี้ย กูยอมรับว่ากูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูรักมึงแบบไหน กูรู้แต่ว่ากูรักมึง ไม่อยากเสียมึงไป แค่ที่ผ่านมา มึงไม่ยอมคุยกับกู กูก็เจ็บปวดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ถ้ามันต้องเป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิต... กูคงอยู่ไม่ได้” เสียงของผมเริ่มสั่นเครือ ผมชันเข่าขึ้นและก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตา

ผมรู้สึกว่าเขานั่งลงข้างๆ ผม จากนั้นก็วางมือลงบ่าของผมแล้วบีบเบาๆ “กูก็ไม่อยากเสียมึงไปเหมือนกัน ไอ้ปอนด์”

ผมยังคงก้มหน้าอยู่

“กูขอโทษที่วันนั้นกูทำแบบนั้นลงไป กูมันเหี้ยเองที่คิดไปเองว่ามึงจะรู้สึกแบบเดียวกับกู... คิดแบบเดียวกับกู”

“คิดว่ากูจะชอบผู้ชายและอยากมีอะไรด้วยน่ะเหรอ” ผมพูดเบาๆ

“คิดว่ามึงก็จะชอบกูเหมือนกับที่กูชอบมึงมานาน”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขาทันที แต่เขากลับไม่ยอมสบตาผม “ไอ้แจ็ค”

“กูขอโทษ กูไม่กล้าพูดความจริงกับมึง ตอนนั้นกูได้ยินมึงพูดมาแบบนั้นแล้วกูก็เลยกลัว กูเลยโกหกโง่ๆ ออกไปว่ากูแค่หน้ามืด ทำให้มึงโกรธกู กูบอกแล้วว่ากูสมควรจะโดนมึงต่อย สมควรจะโดนมึงเกลียดแล้วล่ะ” เขาหันหน้าหลบไปอีกทาง ร่างกายของเขาสั่นเทาน้อยๆ

“ไอ้แจ็ค ม... มึงชอบกูเหรอวะ จริงๆ เหรอวะ”

เขาพยักหน้าเบาๆ “ตั้งแต่ราวๆ ม. 2 แล้วมั้ง ที่กูเริ่มรู้สึกแบบนั้นกับมึง กูรู้ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับกู และกูก็กลัวมึงจะรับไม่ได้ที่กูเป็นแบบนี้ กูพยายามเก็บ พยายามแม้แต่จะไปชอบคนอื่น แต่...” เขาหันมาหาผมในที่สุด ดวงตาของเขาเอ่อไปด้วยน้ำตา “แต่แม่งก็ยากว่ะ กูไม่สามารถเลิกรักมึงได้เลย ปอนด์ กูขอโทษ”

น้ำตาของเขาบีบหัวใจของผมจนปวดไปหมด ผมยื่นมือออกไปกุมมือของเขาอีกครั้ง “กูไม่เคยรู้เลย...กูขอโทษ”

“มึงไม่ต้องขอโทษหรอก” เขาส่ายหน้า “มึงไม่รู้ จะผิดอะไรวะ มันเป็นความรู้สึกในใจของกูเอง มันเกิดขึ้นเอง ถ้าใครสักคนจะผิด คนๆ นั้นมันก็ต้องเป็นกูที่ดันเกิดมาเป็นเกย์และไปหลงรักเพื่อนตัวเองสิวะ” เขาส่งยิ้มเศร้าๆ ให้ผม “กูไม่เรียกร้องอะไรจากมึงหรอก ปอนด์ แค่กูรู้ว่ามึงรักกูแบบเพื่อน แค่กูรู้ว่ามึงจะไม่โกรธกู ไม่เกลียดกูที่กูเป็นแบบนี้ รู้สึกแบบนี้ กูก็ดีใจแล้ว”

“เดี๋ยวๆ ไอ้แจ็ค ใครบอกมึงว่ากูรักมึงแบบเพื่อน ไอ้แก้มเหรอ”

เขาทำหน้างง “ก็มึงไง มึงเพิ่งพูดออกมาไม่ใช่เหรอวะ”

“กูพูดเหรอวะว่ากูรักมึงแบบเพื่อน” คราวนี้เป็นผมเองบ้างที่งง “ขอกูนึกก่อนนะ กูจำได้ว่ากูบอกว่ากูรักมึง และก็บอกไปว่ากูไม่รู้ว่าความรักที่กูมีนั้นมันเป็นความรักแบบไหน ไม่ใช่เหรอวะ”

“อ...เอ่ออ ก็คงงั้นมั้ง แต่มึงไม่ได้ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ ไอ้ปอนด์”

ผมไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไงดี จึงได้แต่เงียบไปอีกนาน และสุดท้ายก็ตัดสินใจยืนขึ้น พร้อมกับดึงมือของเขาให้ลุกขึ้นด้วย “กลับบ้านกันเหอะว่ะ”

“ฮ... ฮะะ”

“กลับบ้านกัน ฝนทำท่าจะตกแล้วด้วย อากาศก็เริ่มเย็นแล้วด้วย เดี๋ยวมึงจะไม่สบายหนักเอาซะอีก”

“เออๆ ก็ได้วะ กลับก็ได้”

“ว่าง่ายๆ แบบนี้ให้ได้ทุกครั้งซะก็จะดี” ผมพูดคนเดียวเบาๆ

“อะไรนะ”

“เปล่า! ไป กลับกันได้แล้ว เอาจักรยานไปคืนแล้วเดี๋ยวขึ้นแท็กซี่กลับบ้านกัน”

ระหว่างทางกลับบ้าน เราสองคนไม่ได้คุยกันมากนัก ต่างคนก็คงต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เมื่อกลับถึงบ้าน แม่ก็ชวนให้เขาอยู่กินข้าวเย็นเหมือนเคย และเมื่อกินข้าวเสร็จ ฝนก็กระหน่ำเทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา แม่จึงชวนให้เขานอนกับผมด้วย แน่นอนว่าเขามีท่าทีลังเล

“นอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าจะได้ออกไปเรียนพร้อมกัน” ผมหันไปบอกเขา

เขาดูแปลกใจเล็กน้อยกับคำเชิญของผม แต่ก็ตอบตกลงโดยดี

คืนนั้นเรานั่งดูทีวี เล่นเกม คุยกันถึงเรื่องเพื่อนๆ ที่โรงเรียน และบรรดาหนังที่เราเคยดูมาด้วยกัน เราไม่ได้คุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือความรู้สึกค้างคาอะไรของเราอีก มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เป็นเหมือนก่อนหน้านี้เวลาที่เราใช้เวลาด้วยกัน นอนค้างด้วยกัน เป็นช่วงเวลาดีๆ แบบเดิมที่เราเคยมี

พอถึงตีหนึ่ง เราก็ตัดสินใจเข้านอน เขาเข้าห้องน้ำในขณะที่ผมหยิบเสื้อกล้ามมาใส่ และเมื่อเขาทำธุระเสร็จแล้ว ผมก็เข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวบ้าง เมื่อออกมา ผมก็เห็นเขานอนอยู่ริมเตียง เตียงขนาดห้าฟุตของผมหันด้านหนึ่งติดกำแพง และผมก็มักจะนอนริมกำแพงประจำ ซึ่งเขาก็รู้ดี

“ปิดไฟละนะ” ผมพูด เขาส่งเสียงในลำคอตอบกลับมาเบาๆ ผมจึงกดปิดสวิตช์ไฟลง ทำให้ทั่วทั้งห้องมืดสนิท

ผมเดินไปที่เตียงอย่างชำนาญ โดยอาศัยความเคยชิน จากนั้นก็ปีนขึ้นเตียง ข้ามตัวของแจ็คไปยังอีกฝั่งของเตียง ก่อนจะซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม “ฝันดีนะมึง”

“ฝันดี...”

ผมหลับตาลงและคงแทบจะหลับไปในทันที เมื่อรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ผมรู้ดีเลยว่าผมคงหลับลงไปแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงแน่ๆ และเมื่อหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาดูเวลา มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ ทำให้ผมเห็นใบหน้ายามหลับของแจ็คที่แสนสงบ เขากำลังนอนตะแคงหันหลังให้ผมอยู่ แสงไฟถนนสีส้มจากด้านนอกลอดผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทเข้ามาในห้อง แจ็คเป็นคนที่ไม่ชอบใส่เสื้อเวลานอน และคืนนี้ก็เช่นกัน แถมเขาคงจะร้อน เพราะเขาห่มผ้าคลุมอยู่แค่ครึ่งท่อนล่างเท่านั้น หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ตามจังหวะลมหายใจ

โดยไม่ทันได้คิด ผมค่อยๆ ยื่นมือออกไปแตะลงบนแก้มของเขาเบาๆ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอกของเขา และต่ำลงไปอีกจนถึงหน้าท้อง ผิวของเขาช่างเรียบเนียนจริงๆ ผมเลื่อนมือขึ้นมาที่หน้าอกของเขาอีกครั้ง ก่อนจะต้องรีบชักมือกลับด้วยความตกใจเมื่อเขาเริ่มขยับตัวเบาๆ

“อย่า...” เขาพูดเบาๆ “อย่าหยุดดิ”

“ม... มึงตื่นอยู่เหรอ”

ถามโง่ๆ เนอะ

“อืมมม...” เขาตอบในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวหันมาหาผม

ดวงตาของเราจ้องมองประสานกัน แม้จะมืด แต่ผมก็เห็นดวงตาอันเป็นประกายของเขาอย่างชัดเจน ผมค่อยๆ ยื่นมือออกไปวางลงบนหน้าอกของเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมทำอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก หัวใจของผมเต้นแรงจนมันแทบจะทะลุออกมานอกอก ผมเลื่อนมือที่สั่นเทาลงต่ำกลับไปที่หน้าท้องของเขาอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนกลับขึ้นมาที่เดิม แจ็คจับมือของผมไปหยุดอยู่บนหน้าอกด้านซ้าย

“ได้ยินมั้ย...” เขาถามด้วยเสียงที่แหบพร่า “เสียงหัวใจของกู”

ผมกลืนน้ำลายก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่แตกพร่าไม่ต่างกัน “ได้ยิน...”

“มันบอกมึงว่ายังไง”

“ก... กูก็ไม่รู้ว่ะ”

“มึงรู้ ลองฟังดูดีๆ สิ” เขากดมือของผมให้แนบลงไปบนหน้าอกของเขายิ่งกว่าเดิม “มึงได้ยินว่ายังไง”

“ตุบ... ตุบ... ตุบ งี้ล่ะมั้ง”

เขายิ้มให้ผม “นั่นแปลว่า ‘กู รัก มึง’”

ผมรู้สึกเขินจนหน้าร้อนฉ่าไปหมด “อ... อืออ”

เขายื่นมือมาแตกลงบนหน้าอกของผมบ้าง “แล้วหัวใจของมึงล่ะ ว่ายังไง”

ผมจับมือของเขาออก เขาดูหน้าเสียลงนิดหน่อย แต่สุดท้าย ผมก็ตัดสินใจค่อยๆ ชะโงกหน้าเข้าไปหาเขา และทำสิ่งที่ผมควรจะทำมาตั้งนานแล้วลงไป

ผมจูบเขา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2016 17:24:22 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
( 8 )

ผมรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งในตอนเช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุก และในตอนที่กำลังจะเคลิ้มหลับต่อนั้นเอง ผมก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ในอ้อมแขน

“ตื่นได้แล้ว ไอ้ขี้เซา”

“งืมมมม” ผมยังคงหลับตาอยู่ แต่ขยับตัวซุกหน้าลงบนต้นคอของเขาและกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีก

“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะเว้ย ฝนตกปรอยๆ อีกด้วย รถติดแน่” แจ็คจุ๊บลงบนหน้าผากของผมเบาๆ ทำให้ผมยิ้มออกมา

“เออๆ ตื่นแล้วก็ได้วะ”

ทั้งๆ ที่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นดูเกินจริงจนราวกับเป็นเพียงความฝัน แต่รอยยิ้มของเขาที่ทำให้หัวใจของผมพองโตนี้ก็ทำให้ผมรู้ว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

เขาเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะจู่ๆ เขาก็หน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องเมื่อคืนนี้...”

“เรื่องเมื่อคืนทำไมวะ” ผมถาม

“มึงไม่เสียใจแน่นะที่ทำมันลงไป หลังจากนี้มึงจะไม่ทำตัวงี่เง่าแบบก่อนนี้อีกแล้วใช่มั้ยวะ ไอ้เชี่ยปอนด์”

คำพูดของเขาทำให้ผมต้องหลุดหัวเราะออกมา “ไอ้เหี้ยนี่กวนตีน!”

“อ้าว กูซีเรียสนะเว้ย” เขาเองก็ยิ้มเหมือนกัน

“กูเองก็ซีเรียส” ผมชันตัวขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจ “กูขอโทษที่งี่เง่า แต่นับต่อจากนี้กูจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว กูสัญญา”

“แน่ใจนะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น

“เออ แน่ใจ”

“สัญญา” เขาชูนิ้วก้อยขึ้น

ผมยิ้มเขินๆ ก่อนจะเกี่ยวก้อยกับเขา “กูสัญญา”

.
.
.

ผมได้บทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต บทเรียนที่สอนให้ผมรู้ว่า การจะโกหกหลอกลวงตัวเองนั้นมันทำได้ไม่ยากหรอก หลายๆ ครั้งมันง่ายกว่าการยอมรับความจริงมาก แต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาและบั่นทอนจิตใจและจิตวิญญาณของเรานั้นมันช่างหนักหนาและสาหัสนัก ในบางครั้ง มันจะไม่ได้ทำร้ายแค่เราคนเดียว แต่ยังทำร้ายคนที่เรารักและรักเรา ผู้คนรอบข้างที่ห่วงใยเราอีกด้วย วันนั้นผมสัญญากับแจ็ค ว่าผมจะไม่ทำตัวงี่เง่า จะไม่วิ่งหนีความจริง ไม่ปฏิเสธตัวเอง และไม่ทำให้เขาต้องเสียใจเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบที่เกิดขึ้นหนนั้นอีก หลังจากนั้น ผมก็ไปขอโทษแก้มและเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง ผลปรากฏว่า แก้มยอมรับและดีใจมากกับการตัดสินใจของเรา เพราะเธอสงสัยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าแจ็คน่าจะชอบผม และแถมยังรู้ดีกว่าผมอีกด้วยว่าผมเองก็น่าจะชอบแจ็ค แต่เธอไม่เคยบอกใคร และรอให้เราคนใดคนหนึ่งพูดออกมาเองก่อน นั่นคือเหตุผลที่เธอมักจะมาหยอกล้อเล่นกับเรา เพื่อลองใจดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกับผม เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจในความรู้สึกของแจ็คที่มีให้ผมมากกว่า

หลังจากจบ ม. 6 เราสามคนก็ทำตามที่เคยคุยกันเอาไว้ตั้งแต่แรก นั่นคือการเลือกเรียนต่อที่คณะและมหาวิทยาลัยเดียวกัน ผมกับแจ็คเองก็คบกันต่อเรื่อยมาจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่สุดท้าย เมื่ออะไรหลายๆ อย่างเริ่มอิ่มตัว เมื่อความคิด อนาคต และความต้องการของเราเริ่มสวนทางกัน เราจึงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ของเราที่มีมานานลง เราบอกลากันด้วยดี ต่างคนต่างไม่มีน้ำตาให้แก่กัน สิ่งที่หลงเหลือไว้คือความทรงจำดีๆ และมิตรภาพที่เราคิดว่าจะยังคงมีให้เหมือนเดิมแก่กันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันไม่เคยง่ายเหมือนดั่งในอุดมคติ เมื่อเราแยกทางกัน ความเป็นเพื่อนที่เราเคยมีให้กันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ตามระยะทางและเวลาที่เราห่างเหิน จนสุดท้ายเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย แก้มและเพื่อนคนอื่นๆ คือหนทางเดียวที่ผมได้รับข่าวคราวจากเขา จนกระทั่งเมื่อถึงงานรวมรุ่นเพื่อนๆ สมัยมัธยมปลายที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เราจึงได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอหน้าและพูดคุยกันมากกว่าสี่ปี เขายังคงเป็นคนที่หล่อและดูดีเหมือนเดิม ตอนแรกที่เราเจอกัน เราต่างก็อึกอักและทำตัวไม่ค่อยถูกกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจดึงตัวของผมเข้าไปกอด และอ้อมกอดนั้นก็ดึงภาพความทรงจำที่เราเคยมีตั้งแต่ในวัยเด็กทั้งหมดกลับมาหาผมอีกครั้ง ผมตบบ่าเขาเบาๆ ก่อนที่เขาจะดันตัวของผมออกเพื่อแนะนำให้ผมรู้จักกับแฟนใหม่ของเขาที่เขาพามาในงานด้วย แฟนใหม่ของเขาชื่อป้อง พวกเขาเพิ่งคบกันได้หนึ่งปี และแจ็คก็ดูมีความสุขและรักน้องคนนี้มาก แค่เห็นแววตาที่เขามองคนรักใหม่ของเขาผมก็ดูออกแล้ว มันเป็นแววตาแบบเดียวกับที่ผมเคยเห็นมาหลายปี และมันก็ทำให้ผมต้องยิ้มออกมาเพราะรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นเขาเป็นแบบนี้อีกครั้ง

เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน ผมที่เริ่มรู้สึกกึ่มๆ ก็เดินออกจากห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมมายืนรับลมเย็นๆ ที่นอกระเบียง อีกไม่นานถัดมา ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งเดินเข้ามาใกล้

“อากาศเริ่มหนาวลงแล้วเนอะ”

ผมยิ้มตอบกลับไปโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขา

“มึงสบายดีนะ” เขาถาม

“ก็ดี เรื่อยๆ ว่ะ”

“กูดีใจที่ได้เจอมึงที่นี่นะ ไอ้ปอนด์”

ผมหันไปหาแจ็คพร้อมกับมอบรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดให้แก่เขา “กูก็เหมือนกัน กูดีใจแทนมึงจริงๆ นะเว้ย กูดีใจที่มึงมีความสุข”

“ขอบใจ”

“น้องเค้าน่ารักดีนะ”

รอยยิ้มของเขากว้างและดูสดใสขึ้นอีก “อื้อ น้องมันเป็นเด็กดีเลยล่ะ”

“ก็ดีแล้ว” ผมหันกลับไปมองยังเบื้องหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่เห็นรอยยิ้มแบบนั้นของเขาขึ้นมาเสียเฉยๆ

“แล้วทำไมมึงไม่มีแฟนวะ”

ผมส่ายหน้า “ยังไม่อยากมีใครว่ะ กูยัง...”

“ปอนด์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลงราวกับกำลังจะปรามผม

“กูรักมึงนะ ไอ้แจ็ค มึงก็รู้ใช่มั้ย”

ผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเบาๆ “กูรู้ และกูเองก็รักมึงเหมือนกัน”

“แบบเพื่อน”

“กูไม่อยากนิยามความรักที่กูมีให้มึงอีกต่อไปแล้วว่ะ” เขาส่ายหน้า “มันลึกซึ้งมากเกินกว่าจะมีคำอะไรมาอธิบายได้”

“ก็จริงของมึงนะ... กูเองก็คิดเหมือนกัน” ผมยิ้มให้กับตัวเอง ทำไมเมื่อหลายปีก่อน ผมถึงไม่คิดแบบนี้นะ “ถ้าวันนั้นกูได้คำตอบนี้ให้กับตัวเอง เราก็คงไม่... กูก็คงไม่ต้องทำให้มึงเสียใจเนอะ”

“กูไม่เคยเสียใจที่ได้รักมึง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่เลยสักนิดเดียว”

“ปอนด์! แจ็ค!” เสียงของแก้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง

เมื่อหันกลับไปมอง เราก็เห็นว่าแก้มกำลังโบกมือเรียกเราสองคนอยู่

“อีกเดี๋ยวเค้าจะจับรางวัลกันแล้ว พวกแกรีบกลับเข้ามาล่ะ อย่ามัวแต่ระลึกความหลังกันอยู่ ฉันให้เวลาอีกแค่ห้านาทีนะยะ!” เมื่อพูดจบ แก้มก็เดินจากไป

ผมกับแจ็คหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เราจะหันมาสบตากันอีกครั้ง

“ขอบใจนะ แจ็ค สำหรับทุกๆ อย่าง”

“ขอบใจมึงเหมือนกัน ปอนด์”

เราสองคนสวมกอดกันและกันอย่างแนบแน่น ผมรู้ดีว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้มีช่วงเวลาแบบนี้ ได้กอดกันแบบนี้ ก่อนที่งานคืนนี้จะจบลงแล้วเราต่างต้องแยกย้ายกันกลับไปใช้ชีวิตบนทางเดินของตัวเองอีกต่อไป

“ไปเถอะ” แจ็คตบบ่าผมเบาๆ “เราต้องไปกันแล้วล่ะ”

“อื้อ”

ทางเดินที่ไม่มีคำว่า ‘เรา’ แต่เป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันสวยงาม


(จบ)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
จบแล้วนะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันนี้

สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยบอกสำหรับเรื่องนี้คือ... มันเป็นเรื่องที่ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเรื่องราวจริงของคนๆ หนึ่ง แต่ผมเอามาปรับให้เป็นเป็นเรื่องสั้นที่เข้ากับปัจจุบันและให้เป็นนิยายมากขึ้นครับ

แล้วเอาไว้เจอกันใหม่ครับ ตามไปมเ้ามอยกันได้ที่แฟนเพจเน้อ

:)



"ความรัก ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจบลงเมื่อใด แต่มันก็ยังคงอยู่ในใจเราตลอดเวลา"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2014 17:09:25 โดย ExecutioneR »

winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
ความรักมักสวยงามเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตรักจะสวยงามตามไปด้วย ^^

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
จบแล้ว แต่มิตรภาพดีๆ ของเค้าทั้งสองคนก็ยังคงอยู่..

ขอบคุณคุณต้นมากๆ ที่มีนิยายน่ารักๆ แบบนี้มาให้อ่าน
เป็นกำลังใจให้คุณต้นนะ จะรออ่านเรื่องต่อไป..
 :hao7:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
รออ่านเรื่องต่อไปนะคับ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ้อเพราะมันเรียลนี่เองเลยจบแบบนี้
สักวันคงเจอคนที่ใช่นะปอนด์นะ
แต่น้อยคนนะที่ความรักจบลงแล้วจะยังญาติดีกันได้ ส่วนใหญ่ไม่เผาผีกันเลย

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :m15: น้ำตาจะไหล เลิกทั้งๆที่รัก โดยที่ต่างฝ่ายต่างตัดสินใจที่จะห่างกันมันเป็นอะไรที่น่าเศร้าจริงๆ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
ชีวิตจริงไม่เหมือนนิยายจริงๆๆด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ leejane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
น่ารัก เป็นเรื่องที่น่ารักมากจริงๆ
ความรักก็แบบนี้ไม่ว่านานแค่ไหนมันก็คือรัก
ขอบคุณคนแต่งที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ ^________^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แม้แต่ความรู้สึกก็ไม่ยั่งยืนหรอก

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ยินดีด้วย ที่ยังเป็นเพื่อนกันได้

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เลิกทั้งๆที่ยังรักหรอ หรือว่ารักกันไม่มากพอ หรือว่ารักกันมากเกินไป
ขอบคุณค่ะ ^^

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
ดูเรียลมากเลยนะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เศร้า!!!

ลาก่อยชะนี

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วเจ็บบาดลึกในหัวใจตลอดทาง เหมือนจะกระสาตั้งแต่แรกว่าจะจบเศร้าแต่ก็ฝืนอ่าน เสียใจ เสียดาย เสียน้ำตา การหยิบนิยายมาอ่านไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไป หรือว่าเราเด็กเกิน เฮ้อ
 :mew4:  :mew6:  :mew6:  :mew6:   :ling2:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
มิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อนก็อบอุ่นดีนะครับ

ออฟไลน์ thelittlemaster

  • จิตใจอันบริสุทธิ์ของสาววาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่านแล้วหน่วงจริงๆ  :z3:

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด