“เอาอะไรดี” ผมพูดขึ้น พลางมองอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาเต็มตู้เย็น ผมตั้งใจแล้วว่า จะหาอาหารสำเร็จรูปมาติดตู้เย็นเอาไว้อาทิตย์ละครั้ง เพราะคงคาดหวังเรื่องปากท้องกับพ่อบ้านคนใหม่ไม่ได้
“หยิบมาสักอย่างเถอะน่า เรื่องมากจริง” เตยบ่นออกมาอีกรอบ พลางกอดอกมองผมอยู่ด้านหลัง
“อืมๆ แล้วเตยจะกินอะไร” ผมหันไปถาม พร้อมกับหยิบข้าวผัดกุ้งออกมา
“อะไรก็ได้” เตยตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญ
ดีจังเลยนะ ที่ไม่ใช่คนเรื่องมาก” ผมพูดขึ้น แล้วหยิบข้าวไก่เทอริยากิออกมา “พี่ชอบ”
เตยไม่ได้ตอบอะไร แล้วเอาข้าวกล่องที่ผมถืออยู่ไปใส่ไมโครเวฟ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ผมมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย เพียงไม่นานอาหารสำเร็จรูปที่ถูกใส่รังสีความร้อนก็ส่งกลิ่นหอม ก่อนที่เตยจะเข้ามาหยิบข้าวกล่องของตัวเองออกไปเหมือนไม่เห็นผมที่กำลังยืนมองตาปริบๆ อยู่ในสายตา
ให้มันได้อย่างนี้สิน่า!
ผมบ่นอยู่ในใจ พลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ซึ่งตอนนี้มีพ่อบ้านกำลังเริ่มจัดการอาหารเย็นของตัวเอง
“นี่ไม่คิดจะคุยเล่นอะไรกับพี่เลยหรือไง” ผมพููดขึ้น อย่างน้อยในฐานะของคนอยู่ร่วมกัน ความสัมพันธ์มันก็ควรจะดีกว่านี้
เตยเลื่อนสายตามองโดยไร้ตำพูดเป็นคำตอบ ก่อนจะกลับไปสนใจอาหารของตัวเองต่อ
ผมชักสีหน้าขึ้นเล็กน้อย ขืนยังปล่อยให้บรรยากาศระหว่างเราว่างเปล่าเป็นสุญญากาศอยู่แบบนี้ คงน่าเบื่อจนชวนให้หงุดหงิดแน่
"แล้วไหนบอกว่าจะทำงาน ตั้งแต่กลับมาก็ไม่เห็นจะทำอะไร" ผมพูดขึ้นต่อ พลางเลิกคิ้วมองตนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"ค่อยทำพรุ่งนี้" เตยบอกเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่งเฉย
ผมลอบถอนหายใจออกมา เมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคุยกับหุ่นยนต์ ถ้าไม่ทำให้เครื่องกลรวน ก็คงโต้ตอบกับผมเหมือนพวกตายด้าน
"เตย ให้พี่ช่วยติวสอบให้เอาไหม" ผมพูดขึ้นอีกครั้ง อย่างน้อยก็ต้องหาบทสนทนามาทอดสะพานก่อน
"ไม่จำเป็น" เตยตอบกลับ พลางเลื่อนสายตามามองอย่างเย็นชา
ผมฟังถ้อยคำที่หักสะพานของผมอย่างไม่ไยดี แล้วนึกเซ็งขึ้นมา ก่อนจะปลอบอารมณ์ของตัวเอง พร้อมกับเริ่มต่อเสาสร้างสะพานใหม่อีกรอบ
ก็เพราะยาก ถึงอยากได้ไม่ใช่หรือไง...
"เห็นพี่หน้าตาดีแบบนี้ สมองก็ดีด้วยนะ" ผมบอก แล้วหัวเราะออกมา "ยินดีติวพิเศษแบบตัวต่อตัวทั้งคืน"
อิ้อหิอ! แหย่ไม่ขิ้นแฮะ...
ผมมองใบหน้าไร้อารมณ์อีกครั้งอย่างผิดหวัง แต่ก็ช่างเถอะ... ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มต้น ผมยังเหลือเวลาอีกเยอะ เอาไว้ค่อยตะล่อมเอาก็ได้
ตอนนี้ผมพอจะเรันรู้แล้วว่า การพุ่งชนกับเตย มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายหนี ถ้าจะจัดการกับคนแบบนี้ ก็คงต้องใช้ไม้อ่อนกล่อมไปก่อน แล้วค่อยใช้ไม้แข็งรวบยอด เท่านี้สุดหล่อเคี้ยวยากก็หนีไปไหนไม่รอด แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ผมก็ต้องจับจุดอ่อนของเตยให้ได้ก่อน
"มีอะไร" เตยถามขึ้น แล้วขมวดคิ้วมองผมนิ่ง
"เปล่า" ผมตอบ แล้วอมยิ้มออกมาเล็กน้อย "แค่คิดว่า โชคดีที่มีพ่อบ้านหน้าตาดีเป็นอาหารตา"
เตยแค่นเสียงในลำคอตอบรับ แล้วยกแก้วน้ำของตัวเองขึ้นดื่ม ก่อนที่ผมจะนึกแปลกใจ เมื่อได้สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังมองมา
"มองแบบนี้ ต้องการยั่วทางสายตาหรือไงครับ" ผมแกล้งถามกลับ ก่อนจะยักคิ้วส่งไปให้
"แค่สงสัย อยากถามหน่อยได้หรือเปล่า" เตยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"โอ๊ะ! ได้สิ พี่ตอบทุกคำถามนั่นแหละ" ผมบอก พลางระบายยิ้มออกมา นานๆ ทีเตยจะทำท่าสนใจผมนะเนี่ย
"กูแค่อยากรู้ว่า ทำไมมึงถึงชอบผู้ชาย" เตยถามต่อ ก่อนที่ผมจะทำสีหน้าครุ่นคิดออกมา
"อืม...นั่นสินะ" ผมพูดขึ้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก "คงเะราะไม่ต้องกลัวเป็นพ่อใคร แบบไม่รู้ตัวล่ะมั้ง"
ที่จริงผมก็ไม่ได้เจอคำถามนี้เป็นครั้งแรกหรอกครับ และทุกครั้งผมก็มักจะตอบด้วยความสนุกปากอย่างกวนอารมณ์กลับ ทว่าพอมานึกถึงสาเหตุของรสนิยมทางเพศของตัวเองอย่างจริงจัง ผมก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้
แค่รู้ว่าชอบ... ผมก็ไม่มามัวนั่งคิดมากให้เหนื่อย เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใช้สมอง แค่ความรู้สึกก็พอ
"หึ...คำตอบสมกับเป็นมึงดี" เตยพูดขึ้น เหมือนเดาคำตอบของผมได้อยู่่แล้ว
"แล้วทำไมเตยถึงชอบผู้ชายล่ะ" ผมถามกลับด้วยนความสงสัยว่า อีกฝ่ายคิดอะไร ถึงมาถามเรื่องแบบนี้
"ถ้าตินเป็นผู้หญิง กูคงไม่สนใจผู้ชาย" เตยตอบเสียงเรียบ พร้อมกับผมที่เลิกคิ้วขึ้น
"แหม...จะบอกว่าตินเป็นผู้ชายคนเดียวที่สนใจหรือไง มันคงดีใจน่าดู" ผมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มกวนอารมณ์ แล้วหรี่ตามองคนตรงหน้า "แต่ยังไงเตยก็เคยนอนกับผู้ชายคนอื่นไม่ใช่หรือ"
"หึ...มึงชอบผู้ชายทุกคนที่มึงนอนด้วยหรือไง" เตยถามกลับ พร้อมกับรอยยิ้มเหยียด
"แน่นอน ขนาดคนทีียังไม่เคยนอนด้วย พี่ยังชอบเลย" ผมตอบ แล้วสบตากลับอย่างท้าทาย "ถ้าไม่ได้คิดอะไรจริง สนใจนอนกับพี่คืนนี้ไหมล่ะ"
"ถ้ามึงยอมถูกกด กูอาจจะไปคิดเรื่องของมึงใหม่อีกที" เตยตอบกลับ แล้วลุกออกจากโต๊ะ พร้อมกับกล่องข้าวที่ว่างเปล่า
ผมก็แค่หัวเราะรับ ก่อนจะเลื่อนสายตามองคนที่เดินห่างออกไปด้วยรอยยิ้ม
จะเรียกว่าให้ท่าได้หรือเปล่านะ...
++++++++++
ทั้งที่คิดเอาไว้ว่า วันหยุดทั้งทีจะได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อบ้านคนใหม่ให้เต็มที่ แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ผมกับเตยก็แทบจะไม่ได้คุยกันเท่าไร อาจเป็นเพราะเตยเอาแต่ขังตัวเองกับการเตรียมตัวสอบที่จะมาถึงในอาทิตย์หน้านี้ และผมคาดเดาว่า บรรยากาศแบบนี้จะดำเนินตลอดเทศกาลสอบและล่วงเลยต่อไป ถ้าหากผมไม่ทำอะไรสักอย่าง
ผมนอนดูโทรทัศน์จนรู้สึกเบื่อ เมื่อบรรยากาศรอบตัวเหมือนตัวเองอยู่ในห้องคนเดียวเหมือนเดิมอีกครั้ง ผมหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ใกล้ตัว แล้วมองหารายชื่อของใครสักคนที่สามารถคลายอารมณ์เหงาของผมในตอนนี้ได้
เพียงไม่นานผมก็ติดต่อกับคู่ขาเจ้าประจำที่ช่วงนี้กำลังอ่านหนังสือหนัก และเมื่อผมเอ่ยปากชวนเที่ยวคลายอารมณ์ อีกฝ่ายก็ไม่รีรอที่จะตอบรับคำชวน ก่อนที่เราสองคนจะนัดเจอกันอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ โดยที่ผมไปรับที่หน้าหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย
ผมกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะเดินมาหยุดที่หน้าห้องของคุณพ่อบ้านที่ดูจะไม่แคร์เจ้านายเลยสักนิด ผมลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วเคาะประตูตามมารยาทสากล
“มีอะไร” เตยเปิดประตูออก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอก” ผมบอก แล้วยิ้มออกมา
“อืม” เตยตอบรับ ก่อนจะปิดปรตูอย่างไม่สนใจ
ผมมองบานประตูที่ปิดสนิทอยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องพักของตัวเองเพื่อโลดแล่น พร้อมกับรถสปอร์ตคู่ใจ
หลังจากขับรถได้ไม่ถึงยี่สิบนาที ผมก็มาถึงสถานที่นัดหมาย ก่อนจะเห็นร่างบางในชุดสีเรียบของนัทที่เดินเข้ามาใกล้
“นานๆ ที แทมจะชวนนัทมาเที่ยวนะ” นัทพูดขึ้นทันทีที่เข้ามานั่งในรถ ก่อนที่ผมจะพารถยนต์มุ่งสู่ถนนใหญ่อีกครั้ง
“เบื่อๆ น่ะ” ผมตอบ ก่อนจะฮัมเพลงที่กำลังเปิดอยู่อย่างอารมณ์ดี
“ต้องรอให้แทมรู้สึกเบื่อ ถึงจะนึกถึงนัทหรือไง” นัทพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้นึกสนใจ เพราะรู้พื้นนิสัยของอีกฝ่ายดี
“ก็คงอย่างนั้นล่ะมั้ง” ผมคอบ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมายักคิ้วให้อย่างกวนอารมณ์
“เฮ้อ... แทมนี่นิสัยเสียจริงๆ” นัทว่า แล้วทำหน้าบึ้งใส “แล้วแทมจะพานัทไปดูหนังหรือไง”
“อยากหาอะไรกินมากกว่า” ผมตอบ แล้วมองคนที่นั่งข้างกันเล็กน้อย พร้อมกับขยับยิ้มที่มุมปากอย่างสิ่อความหมาย “อยากกินเนื้อนุ่มๆ”
“ก็เอาสิ” นัทตอบ แล้วระบายยิ้มออกมา
++++++++++
ไม่ว่าจะสัมผัสด้วยลิ้นหรือกัดจนเต็มเขี้ยว เนื้อนุ่มหอมจางก็หวานละมุนจนผมอยากจะกลืนกินมันโดยไม่คิดสนใจใคร หากไม่ได้รับรู้ถึงสายตาที่สื่อนัยตำหนิมาให้เสียก่อน
ตอนนี้เวลาบ่ายสองโมงสี่สิบนาที ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านเนื้อย่างกับนัทที่กำลังทำหน้านิ่งมองผมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เสียงฉู่ฉ่าของความร้อนดังขึ้นผสานกับกลิ่นหอมที่ลอยตัวโดยรอบ ผมสบกับนัยน์ตาสีดำขลับที่กำลังสะท้อนเงาของความไม่พอใจเอยู่เจือจางด้วยรอยยิ้มทีีซ่อนเอาไว้
“อะไรกัน ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ผมถามขึ้น ก่อนจะคีบเนื้อบ่างเข้าปาก “ร้านนี้อร่อยมากนะ แทมก็เคยพามากินไม่ใช่หรือไง”
“แทมนี่กวนประสาทชะมัด” นัทพูดขึ้น แล้วถอนหายใจออกมาเหมือนไม่สบอารมณ์
“ฮ่าๆ หวังอะไรอยู่หรือไง” ผมถามขึ้นด้วยรอยยิ้มขำ
“ยังมาพูดอีก ก็ตั้งใจให้คิดแบบนั้นไม่ใช่หรือไง” นัทว่าต่อ แล้วส่งสีหน้าไม่พอใจออกมา
“แทมไม่ใช่พวกลามกขนาดนั้นนะ” ผมตอบกลับ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ที่จริงผมก็ตั้งใจแกล้งนัทนั่นแหละ “อย่าอารมณ์เสียสิ อ่านหนังสือสอบยังเครียดไม่พอหรือไง”
“ช่างเถอะ แล้วแทมล่ะ อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้ว” นัทถามกลับ แล้วพลิกเนื้อย่างที่อยู่ในเตา “ตอนนี้นัทกำลังจะบ้า ต้องนั่งจำอะไรตั้งเยอะแยะ”
“อืม พอดีแทมเรียนช่วงปิดเทอมไปเยอะแล้ว ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่ตัวหรอก” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ดีจริงปีนี้ก็จะจบแล้ว นัทยังเหลืออีกปีนึง” นัทบ่นออกมา แล้วชักสีหน้าขึ้น
“เวลาผ่านไปเร็วจะตาย” ผมพูดขึ้น แล้วเคี้ยวเนื้อย่างที่หมักจนนุ่มแทบละลายในปากอย่างทีความสุข
ให้ตายเถอะ! ผมรักเนื้อย่างจริงๆ
“ว่าแต่ช่วงนี้แทมเงียบไปเลยนะ” นัทพูดขึ้น ขณะกำลังจัดการเนื้อย่างในจานของตัวเอง
“ถือว่าดีหรือไม่ดีล่ะ” ผมย้อนถามกลับ โดยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“นั่นน่ะสิ” นัทพูดขึ้น ก่อนจะเลื่อนสายตามามองผม “เห็นว่าไม่ได้หิ้วใครซะด้วย เด็กนั่นก็โทรมากวนใจนัทเรื่องที่แทมเงียบไปด้วย น่ารำคาญชะมัด”
“โอน่ะหรือ” ผมถามกลับ แล้วระบายยิ้มออกมา ผมเพิ่งเจอกับโอเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง
“อืม เห็นว่าแทมไม่ติดต่อไปเลย คงกลัวโดนทิ้งล่ะมั้ง” นัทบอกต่อ แล้วมองผสอย่างจับผิด “ตอนนี้แอบไปติดเด็กคนไหนอยู่ล่ะ”
“ก็ไม่ได้ติดเด็กคนไหนหรอก แค่วุ่นอยู่กับเรื่องส่วนตัว” ผมตอบไปตามเรื่อง นับตั้งแต่ที่ตินมาหา ผมก็ติดแหง็กกับพี่ชาย ก่อนจะมาติดพ่อบ้านคนใหม่ต่อ จนแทบจะไม่ได้ออกไปเที่ยวอย่างทุกที
“แต่นัทก็รู้มาว่า แทมจ้างพ่อบ้านมาอยู่ที่ห้องด้วยกัน แถมยังเป็นเด็กปีหนึ่งที่มหา'ลัยด้วย” นัทพูดขึ้น ก่อนจะมองสีหน้าสงสัยของผม “เก้าเป็นคนบอกน่ะ”
“อืม ไม่คิดว่านัทจะคุยกับมันด้วย“ ผมตอบ แล้วนึกถึงไอ้เพื่อนสนิทที่คาบข่าวเรื่องส่วนตัวของผมไปบอกคนอื่น “ถ้ารู้ดีแบบนี้ ไม่ต้องมาถามก็ได้มั้ง”
"ก็แค่สงสัยว่า แทมคิดอะไรอยู่" นัทพูดขึ้นอีกครั้ง "คนที่ชอบความเป็นส่วนตัว แล้วไม่ยึดติดกับใครแบบแทม ทำไมถึงยอมให้คนอื่นไปอยู่ด้วย สนิทกันหรือไง"
"ก็แค่รู้จัก" ผมตอบด้วยรอยยิ้มบาง แต่คนฟังก็ยังไม่คลายความสงสัยไปจากใบหน้า
"แต่น่าแปลก... เตยเองก็เป็นลูกนักธุรกิจใหญ่ ทำไมถึงต้องไปทำงานเป็นพ่อบ้านให้แทมด้วย" นัทถามขึ้นต่ออย่างข้องใจ
"ทำงานก็ต้องอยากได้เงินสิ แล้วแทมก็กำลังอยากได้คนมาดูแลห้องพอดี" ผมพูดขึ้น พลางมองใบหน้าสวยที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก “หรือว่านัทคิดว่าเพราะอะไร”
"นัทก็เดาใจแทมไม่ถูก" นัทตอบ แล้วหลุบสายตาลง "ถ้าแทมอยากได้คนช่วยดูแลห้อง นัททำให้ก็ได้"
"อย่าเลย เป็นอย่างตอนนี้ก็ดีแล้ว ไม่ยุ่งวุ่นวายดี" ผมบอก พร้อมกับส่งยิ้มไปให้
"งั้นหรือ... ที่จริงช่วงนี้นัทก็ไม่ได้ข่าวเรื่องของน้องเขาเหมือนกัน นอกจากเรื่องการประกวดเมื่อวันก่อน" นัทพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะกินเนื้อย่างต่อ "นัทยังนึกไม่ออกว่า แทมไปรู้จักกับน้องเขาได้ยังไง"
"ก็แค่บังเอิญ" ผมบอก แล้วมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเคลือบแคลง "นัทรู้เรื่องของเตยดีเหมือนกันนะ สนใจหรือไง"
"สนใจสิ ทั้งหน้าตาดี แถมยังมีเงิน ถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าทำไมต้องไปเป็นพ่อบ้านให้แทมก็เถอะ" นัทบอก แล้วอมยิ้มออกมาเล็กน้อย "ที่สำคัญก็เคยนอนด้วยกันมาก่อนด้วย"
ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนควันจางของความไม่สบอารมณ์จะลอยตัวอยู่ในความรู้สึก
แค่นึกฉากบนเตียงของเตยกับนัท ผมก็รู้สึกตงิดๆ อย่างบอกไม่ถูก
"ทำสีหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง" นัทพูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นต่อ "คงไม่คิดว่า นัทจะยอมแค่แทมคนเดียวหรอกใช่ไหม"
"หึ...แล้วเป็นไงล่ะ ระหว่างแทมกับเตยใครดีกว่ากัน" ผมถามด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
"ก็ดีคนละแบบ" นัทบอก แล้วมองผมด้วยสายตาที่เป็นประกาย "หึงหรือไง"
“แทมจะหึงทำไม เราไม่ได้เป็นแฟนกัน” ผมบอก แล้วมองนัทที่เปลี่ยนท่าทีของตัวเองไป
"แล้วรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า" นัทถามต่อ ก่อนที่ผมจะเลิกคิ้วขึ้น
"ตกใจนิดหน่อย เต่มันก็เป็นสิทธิ์ของนัทนั่นแหละ เพราะเราก็แค่คู่ขากันธรรมดา" ผมตอบไปตามตรง แล้วระบายยิ้มออกมา "แหม...เทสต์ดีเหมือนเดิมนะ"
นัทไม่ได้ตอบรับอะไร นอกจากมองผมไม่ละสายตา ความเปล่งประกายสดใสก่อนหน้านี้จางหายไป เหลือเพียงไอของความอึมครึมที่แทรกเข้ามาแทน ผมกะพริบตามองท่าทางของคนตรงหน้าอย่างสงสัย
เป็นอะไรไปล่ะเนี่ย?
"เมื่อกี้นัทโกหก แทมเชิ่อหรือไง" นัทถามเสียงเข้มขึ้น พร้อมกับสายตาที่หม่นแสงลง
"อ้าว...งั้นหรือ" ผมตอบรับด้วยความแปลกใจอีกครั้ง สรุปว่าเมื่อกี้แค่่เรื่องอำเล่น?
“ถามจริงเถอะ! แทมรู้สึกกับนัทยังไงกันแน่” นัทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ทว่าสายตาที่จ้องผมกลับเปราะบางจนรู้สึกได้ “ที่ผ่านมา แทมไม่เคยรู้สึกอะไรเลยหรือ นัทเป็นแค่คนที่ชวนมานอนด้วยเวลามีอารมณ์เท่านั้นหรือไง!”
“จะให้ตอบจริงหรือไง” ผมถามกลับ แล้วคีบเนื้อย่างไปให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “อย่าดีกว่า เฮ้อ...นี่แทมพามาคลายเครียดนะ”
"นัทรักแทมจริงๆ" นัทบอก แล้วมองผมด้วยสายตาอ่อนไหวที่จริงจัง "ที่ผ่านมา...แทมไม่รู้บ้างหรือไง"
ผมลอบถอนหายใจออกมา แล้วสบนัยน์ตาสีดำคู่สวยที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ของเจ้าของที่ส่งผ่านออกมาอย่างอ่อนใจ
"รู้สิ ก็นัทเคยบอกแทมแล้วนี่" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมกับพลิกเนื้อย่างกลิ่นหอมที่อยู่ในเตา
“แทม...นัทก็มีหัวใจนะ” นัทพูดขึ้นเสียงแผ่ว
ผมไม่ได้มองใบหน้าของนัท แต่คีบชิ้นเนื้อนุ่มที่สุกกำลังดีไปให้คนที่นั่งอยู่อีกด้านของเตาแทน
“แทมก็มีหัวใจเหมือนกัน” ผมบอก แล้วส่งยิ้มบางไปให้นัทอีกครั้ง “แต่พอดีว่า แทมไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่นัทต้องการเท่านั้นเอง”
TBC ++++++++++
Marionetta ::: ดีจ้า! เอาตอนใหม่มาลงแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ยังติดตามจนถึงตอนนี้ จะมาต่อตอนต่อไปในเร็วๆ นี้ค่ะ