รักสุดขั้ว
บทที่ 4
เต้จากไปแล้ว จากไปในขณะที่ผมกำลังนอนแผ่อย่างหมดแรงอยู่บนเตียงเมื่อถูกมันดูดพลังไปจนหมดตัว
หลังจากที่มันเปิดซิงผมไปแล้วหันมานอนอยู่ข้างๆ ผมก็หันไปสบตามันด้วยความไม่เข้าใจ
“สัสเต้ นี่มึงเป็นอะไร มึงทำกูทำไม มึงเป็นเมียกูนะกูต้องเป็นฝ่ายทำ ไม่ใช่ให้มึงมาปล้ำกูอย่างนี้”
เต้ยิ้มแค่ที่มุมปาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มันชอบยิ้มหวานให้ผม พลางตะแคงตัวใช้แขนยันหัวไว้กับที่นอน
เพื่อมองหน้าผม
“ก็สลับกันบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาติ”
เต้เอื้อมมือมาลูบไล้ที่ปลายคางของผมเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ มองผมด้วยแววตาระยิบระยับอย่างที่ผมไม่
เคยเห็นมาก่อน โอ….มันช่างเร้าอารมณ์ให้พลุกพล่านมาอีกรอบ
“นัทไม่ชอบเหรอที่เราจะจูบนัทอย่างนี้”
เต้เลื่อนหน้ามาบดปากลงบนปากผม ขบเม้มไปตามเรียวปากทีละนิดทั้งล่างและบนแล้วส่งลิ้นอุ่นชื้นเข้ามา
ตวัดอยู่ข้างใน ใจผมแทบขาด
“หรือว่าที่เราจะกอดนัทไว้แบบนี้”
มันดึงตัวผมให้ตะแคงมาเผชิญหน้าแล้วกอดจนกระดิกตัวไม่ได้ ขาข้างหนึ่งพาดมาที่สะโพก เหนี่ยวให้เอว
ผมเบียดชิด ตรงนั้นของมันถูไถอยู่กับตรงนั้นของผม แล้วไอ้เชี่ยเต้ก็เสือกจับมันมาอยู่คู่กันในมือพลางรูดมือ
ขึ้นลงพร้อมกันทั้งคู่
“ไอ้เต้ มึง…”
ผมพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายที่เหนียวหนับ ตัวสั่นไปหมดจนไอ้เต้หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อรู้ว่าผมกำลัง
ต้องการปลดปล่อยอีกครั้ง
“เราว่านัทต้องชอบ เพราะว่าตอนนี้นัทกำลังต้องการให้เราทำเหมือนเมื่อกี้ใช่ไหม”
มันกระซิบที่ข้างหู
“กู…”
กำลังนึกหาทางปฏิเสธหรือวิธีที่จะเป็นฝ่ายจับมันกด แต่ยังไม่ทันที่จะคิดออกไอ้เต้ก็จับขาข้างที่อยู่ด้านบน
ของผมให้ยกสูงแล้วมันก็เสียบพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“อ๊า…”
ผมร้องลั่นเมื่อทีเดียวของมันคือแทงเข้ามาเกินครึ่งด้าม แม้ว่าจะเป็นรอบที่สองแต่กับช่องทางที่ยังไม่เคย
ผ่านอะไรมาก่อนของผมมันก็ยังคับแน่นจนความเจ็บแล่นวาบเข้ามา แม้จะน้อยกว่าเมื่อครู่
มันจูบผม มันขยำตรงนั้น มันบีบตรงโน้น สุดที่ผมจะห้ามมันได้เมื่อความเจ็บปวดเริ่มจางหายกลายเป็น
ความกระสันจนเนื้อตัวสั่น
ไอ้เต้ค่อยๆ จัดท่าเมื่อสติของผมออกจากร่าง และเมื่อสติกลับคืนมาอีกทีกลายเป็นผมกำลังนอนคว่ำหน้า
กึ่งคุกเข่า หน้าอกแตะพื้นเตียง สะโพกถูกดึงให้ยกสูงรับกับไอ้เต้ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลัง มือของมันล้วงมาขยำ
ที่หน้าอกของผมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับที่ขอบสะโพก เพื่อให้จังหวะเมื่อเต้เริ่มขยับสะโพกของมันทั้งรุกและ
รับเสียดทางเข้ามาทางประตูหลังของผม
“อื้ม… เชี่ยเต้ กู อัก… กูเสียว”
ผมร้องลั่น สองมือกำผ้าปูที่นอน พลางใช้ปากกัดหมอนแน่น ถ้าไม่ทำอย่างนี้เสียงร้องของผมต้องดังไปสาม
บ้านแปดบ้านแน่ๆ
“ขยับสะโพกสินัท ขยับพร้อมๆกับเรา อา…ดี อย่างนั้นแหละ”
ผมได้ยินเสียงครางของเต้ คราวนี้มันใช้สองมือจับที่เอวของผมจนแน่นแล้วดึงเข้าหาตัวมันเมื่อมันดันตัวเข้า
มา และดึงเอวของผมออกเมื่อมันขยับถอนน้องชายมันออกไปเกือบครึ่งแล้วแทงซ้ำเข้ามาอีก เต้เร่งเครื่อง
จนผมหายใจหอบ
“เต้ กู โอย จะแตกแล้วมึง”
ผมร้องเสียงดังพร้อมตาเหลือกเมื่อกล้ามเนื้อบีบค้างอย่างบังคับไม่ได้ ของเหลวฉีดพรวดออกมาจนเปียกชุ่ม
ที่นอน ไอ้เต้มันหยุดให้ผมปรับสภาพอยู่พักหนึ่งจนผมเริ่มเอะใจพลางหันหัวไปมองหน้ามัน
“อย่าบอกกูนะว่ามึงยัง…”
เต้ที่หายใจยาวยักคิ้วให้จนผมอ้าปากค้าง
“เราขออีกรอบนะ”
ไอ้เต้ ไอ้เลว ผมไม่รู้ว่ามันไปเอาเรี่ยวแรงอย่างกับช้างป่ามาจากไหน มันขยับสะโพกอีกรอบแล้วกระตุ้นผม
ด้วยจูบที่ลากไล้ไปตามแผ่นหลัง จนกระทั่งผม…อีกรอบนั่นแหละไอ้เต้ถึงได้เรียบร้อยพร้อมกัน
มันปล่อยให้ผมนอนหายใจพะงาบๆ แล้วมันก็เดินตัวเปล่าโทงๆ ตรงไปทางตู้เย็นหลังเล็ก เปิดตู้เย็นส่องดู
ข้างใน คว้าขวดนมขวดใหญ่ของผมขึ้นมากรอกปากจนหมดขวดแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่มันจะเดิน
ออกมาหน้าตาผ่องใสเพื่อมาจูบแลกลิ้นกับซากศพของผม
“ร่างกายของนายนี่มันสุดๆเลยนัท เราว่านายน่ารักมากเลยรู้ไหม”
มันเดินออกไปจากห้อง ผมได้ยินเสียงประตูรั้วเปิดและปิดในขณะที่ผมยังนอนมองเพดานอย่างงงๆ เมื่อ
ไอ้เต้ไม่ได้อธิบายอะไรให้ผมได้เข้าใจแม้แต่นิดเดียว
ผมติดต่อเต้ไม่ได้ ทั้งทางโทรศัพท์หรือทางแชท ผมด่าตัวเองที่ไม่เคยถามว่าบ้านของมันอยู่ที่ไหนจะได้ไป
ตามถูก ผมไปเดินตามหามันทั้งในห้างสรรพสินค้าที่เราชอบไปเดินด้วยกัน หรือตามสวนสาธารณะที่เราไป
พลอดรักกัน จนเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ โรงเรียนจะเปิดเทอมในวันพรุ่งนี้ ผมก็ยังไม่เจอเต้ ความสงสัยใน
การเปลี่ยนแปลงไปของเต้ก็ยังสุมอยู่ในใจจนแทบระเบิด
เสียงสัญญาณไลน์ดังขึ้นผมรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเผื่อว่าจะเป็นเต้ แต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อเป็นของเพื่อน
อีกคนในกลุ่มที่ผมไหว้วานให้ช่วยตามหาเต้
“กูเจอเด็กมึงแล้ว อยู่ที่โต๊ะสนุก”
ผมเบิกตากว้างอย่างดีใจเมื่อเพื่อนส่งรูปมาให้ ไอ้เต้จริงๆด้วย
ผมไม่รอช้า รีบไปที่ร้านสนุกเกอร์เพื่อนถ่ายรูปมา ร้านนี้อยู่ละแวกนี้แหละผมเห็นบ่อยแต่ไม่เคยเข้า เพราะ
กลุ่มผมเป็นเจ้าประจำกับร้านอื่นที่ไม่ใช่ร้านนี้
ผมฉายเดี่ยวเปิดประตูเข้าไปด้านใน พลางเหลียวมองหาไอ้เต้ท่ามกลางโต๊ะสนุกเกอร์ที่เปิดให้บริการเกือบ
สิบโต๊ะ จนกระทั่งเบิกตากว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นไอ้เชี่ยเต้ที่ผมตามหากำลังก้มหน้าแทงสนุกอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง
กับคนที่ผมไม่คุ้นหน้าและไม่คิดว่าคนอย่างเต้จะคบเป็นเพื่อนนั่งล้อมรอบอยู่ ผมรีบก้าวเดินเข้าไปหาและ
กระชากไหล่ของมันให้หันมาสบตาผม
“มึงหลบหน้ากูทำไม”
ผมถามเสียงแข็ง ตาเขียว ดวงตาที่มองตอบของเต้ช่วงแรกบอกถึงความตกใจที่เจอ แล้วตามด้วยความรู้สึก
สับสนอย่างบอกไม่ถูก
“เฮ้ย ไอ้นี่ใครวะ อยู่ๆ มาทำอย่างนี้กับมึงให้พวกกูยำตีนเลยไหม”
คนหนึ่งในกลุ่มเดินมามองผมอย่างเอาเรื่องแต่ตอนนี้ผมไม่กลัวไอ้หน้าไหนทั้งสิ้น
“มึงตอบกูมาเดี๋ยวนี้”
ผมยังโวยวายใส่หน้ามัน ไอ้เต้ไม่รู้หรอกว่าความคิดถึงที่ผมมีให้มันจะมากมายขนาดไหน
คนในกลุ่มนั้นหลายคนถลาเข้ามาแต่เต้ก็รีบยกมือห้าม
“เดี๋ยวกูเคลียร์เอง พวกมึงเล่นต่อกันเลยนะ”
เต้ลากแขนผมออกไปทางประตูหลังร้าน ผ่านเคาน์เตอร์เก็บเงิน มันหันไปพูดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น ผม
เดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน
“ผมขอคุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนหน่อย อย่าเพิ่งให้ใครเข้าไปกวนนะฮะ”
แล้วไอ้เต้ก็ลากผม ลาก ลาก ลาก ผมเดินตามแรงลากเข้าไปในโกดังเก็บโต๊ะสนุกเก่าที่ตั้งเรียงรายอยู่หลาย
โต๊ะ ก่อนที่มันจะเหวี่ยงเบาๆ ให้ผมไปหยุดอยู่ที่ข้างโต๊ะสนุกเกอร์
“ตามหาเราทำไม”
เต้ส่งสายตาดุใส่ผม
“ก็กูคิดถึงมึง จะให้กูทำยังไง”
ผมโวยใส่มันเสียงสั่น จนเต้เป็นฝ่ายเงียบมองมาด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ
“เราคิดว่า เรากับนาย มันไม่ใช่…”
ผมง้างหมัดต่อยหน้าไอ้เต้โดยไม่ทันยั้งคิด ไอ้เต้หน้าหันไปตามแรงหมัด เมื่อหันกลับมาอีกครั้งมุมปากจึง
เจ่อจากหมัดของผม
“อะไรคือไม่ใช่ของมึงวะ ไอ้ที่มึงกับกูรักกันมาตลอดแล้วพอมึงไปอเมริกากลับมามึงก็เปลี่ยนไป กลายเป็น
มึงมองไม่เห็นหัวกูเลยสักนิด มันคืออะไรวะเต้”
“เป็นเพราะที่เรารักนายมันผิดน่ะสิ”
เต้เป็นฝ่ายตะโกนใส่หน้าผมบ้าง
“เราผิดเองที่ไปยุ่งกับนาย ที่เราไม่อยากเจอเพราะไม่อยากผูกพันมากไปกว่านี้”
น้ำตาของผมซึมอยู่ที่หัวตาเมื่อได้ยิน ผมผวาไปหามันกระชากไหล่ให้มันมองหน้าผมชัดๆ
“ไม่อยากผูกพันมากกว่านี้งั้นหรือ แล้วไอ้ที่กูเอามึง แล้วมึงเอากู นี่คือไม่อยากผูกพันเหรอ ไอ้เชี่ยเต้”
ผมพูดอย่างหมดแรง มันเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงขั้วหัวใจเมื่อได้ยินคำพูดตัดรอน มือสั่นเทาที่จับไหล่ของเต้ค่อยๆ
ร่วงลง
แล้วผมก็ชะงักเมื่ออยู่ๆ ไอ้เต้ก็พุ่งตัวมาคว้าหน้าของผมก่อนบดจูบมาอย่างรวดเร็ว ผมพยายามทั้งต่อยทั้ง
ผลักแต่ก็สู้มันไม่ได้ ผมพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเมื่อมันยกตัวผมขี้นไปบนโต๊ะสนุก ผลักให้ผมหงายหลังไปบน
นั้นพลางดึงกางเกงของผมออกจนมากองอยู่ที่ปลายเท้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ผมรู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป ผมพยายามขัดขืนแม้ว่าจะไม่ได้ผลเมื่อเห็นไอ้เต้รูดซิปกางเกงแล้วดึงไอ้ที่คับ
แน่นออกมา
“ถ้ามึงไม่รัก มึงอย่ามาทำอย่างนี้กับกูเต้ กูขอร้อง อย่าทำให้กูต้องสับสนกับมึงมากไปกว่านี้เลย อ๊ะ..”
เสียงของผมถูกดูดกลืนไว้ด้วยปากที่ประกบลงมา ช่องทางด้านล่างถูกเบียดแทรกเข้ามาด้วยแท่งร้อนผ่าว
ต้นขาของผมถูกจับแยกให้เปิดกว้าง พร้อมกับที่ไอ้เต้ชอนไชเข้ามาจนลึกล้ำ ผมได้แต่บิดตัวเมื่อร่างกาย
ตอบสนองทั้งที่น้ำตาไหลออกมา
“ทั้งที่รู้ว่าผิด แต่เราก็ห้ามใจไม่ได้ เพราะนายคนเดียวนัท เพราะนายที่ทำให้เราหลงรัก เพราะนายคนเดียว”
ไอ้เต้พร่ำรำพันไม่ขาดปากพลางกระทุ้งตัวเข้ามาในตัวผม สัมผัสร้อนที่เบียดรัดมันทำให้ผมผวากอดคอมัน
ไว้ ความเสียวซ่านวูบวาบมันช่วยยกสะโพกผมจนแทบลอยจากผืนผ้าสักหลาดบนโต๊ะสนุก
“ทำไมเต้ ทำไม”
ผมดิ้นพรวดเมื่อเต้คว้าน้องชายของผมแล้วโยกเหมือนเกียร์รถ ความรู้สึกบีบอัดปะทุขึ้นมา ผมแอ่นตัวจน
แทบกลืนกับเต้เมื่อเราระเบิดพร้อมๆกัน
เต้ดึงตัวออกจากตัวผมเมื่อเราหายหอบ มันดึงกางเกงขึ้นมาใส่คืนให้ด้วยดวงตาเหมือนคนสำนึกผิด ก่อนที่
จะลากผมอีกครั้งจนคราวนี้ออกไปนอกเขตร้านไปถึงถนนใหญ่ มันโบกมือเรียกแท๊กซี่ เปิดประตูแล้วยัดผม
เข้าไป ตะโกนบอกที่หมายให้คนขับ แล้วหันมามองหน้าผม
“กลับไปทบทวนให้ดีว่านายรักใครกันแน่ เต้ไหนที่นายรัก”
เต้ปิดประตูรถ โซเฟอร์เหยียบคันเร่งผมได้แต่หันไปมองเต้ทางกระจกด้านหลัง เห็นแต่ตัวของเต้ที่ห่าง
ออกไป จนกระทั่งหายลับไปจากสายตาในที่สุด
ผมนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือข้างหน้าต่างแล้วมองผ่านม่านท้องฟ้าสีดำเพื่อมองพระจันทร์อย่างหงอยๆ
อะไรคือคำพูดประโยคสุดท้ายที่เต้พูดกับผม
“กลับไปทบทวนให้ดีว่านายรักใครกันแน่ เต้ไหนที่นายรัก”
เต้ที่ผมรู้จักคือเด็กเรียนที่มักจะขี้แยในเวลาที่ผมแกล้ง เป็นเมียที่อ่อนหวานตามใจผมทุกอย่าง ผมรักและ
อยากทะนุถนอมอยากดูแลปกป้อง แต่กับเต้ที่ผมเพิ่งได้เจอ ผมก็รักในความแข็งแกร่งเหมือนฮีโร่ในหนัง
ผมรักวงแขนที่กอดรัดเหมือนผมเป็นลูกแมวน้อย
ผมหยิบโทรศํพท์ขึ้นมา
“ไอ้กู๊ด มึงเป็นคนรวบรวมข้อมูลเพื่อนในห้องใช่ไหม มึงมีที่อยู่ไอ้เต้หรือเปล่าวะ เออน่า…กูรู้ว่าพรุ่งนี้เปิด
เทอม แต่กูอยากไปหามันนี่หว่า เออ…เดี๋ยวกูจดใส่กระดาษก่อน”
ผมมองกระดาษยับยู่ยี่ในมืออย่างชั่งใจ เมื่อเงยหน้ามองบ้านเลขที่ และประตูรั้วขนาดไม่สูงนักกับบ้านสอง
ชั้นขนาดกำลังดีตรงหน้า เมื่อผมดั้นด้นมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าสำหรับผม
หัวใจของผมเต้นโครมครามเมื่อได้ยินเสียงสนทนาจากในบ้าน ก่อนที่ผู้ชายผอมสูงวัยประมาณสี่สิบหน้าตา
คล้ายเต้จะเดือนออก ผมเดาว่านั่นน่าจะเป็นพ่อของเต้ ตามมาด้วยผู้ชายหน้าตาดีวัยใกล้เคียงที่ผมคุ้นหน้า
จำได้แล้ว …คนที่เป็นเจ้าของร้านสนุกเกอร์นั่นเอง ผมเห็นคนที่เดาว่าเป็นพ่อของเต้ตะโกนเรียกเข้าไปใน
บ้าน
ก่อนที่ผมจะตะลึงเมื่อเห็นเต้สองคนเดินออกมาจากบ้านพร้อมกัน คนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนเหมือนผม
ผิวขาวน่าสัมผัส กับอีกคนที่ดูดุดันเมื่อใส่เสื้อช็อปของเด็กเทคนิค
“ไอ้ต้าน่ะ มัวแต่ช้าเดี๋ยวพ่อก็ไปส่งเต้ที่โรงเรียนไม่ทันหรอก”
ผมอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน
อะไรคือเต้ อะไรคือต้า
ดวงตาหวานเหลือบมามอง เบิกตากว้างเมื่อเห็นผม ทำให้คนตาดุหันมามองทางผมด้วยอีกคน แล้วเราสาม
คนก็ได้แต่มองกันไปมาด้วยความรู้สึกที่ต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
--------------------------------------- TBC -----------------------------------------------
รออ่านพาร์ทหน้า ให้ต้าได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดนะคะ ^^