15
“ไอริสจริงๆด้วย!!!” ผมแทบจะกลิ้งไปตามพื้นถนนทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆระยะเผยรูขุมขน เขาหล่อมาก หล่อสัดๆ หล่อแบบในโปสเตอร์เทียบไม่ติด จำได้ว่ายกย่องผู้ชายคนนี้เป็นไอดอลตั้งแต่ตอนที่เรียนม.ต้นหมาดๆ ถึงกับแทบจะบึ่งไปเรียนกลองเพราะผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ!
จะว่าไป มือกลองของวงร็อคชื่อดังทำไมถึงมาเดินตามถนนได้…
มือหนาจับข้อมือผมไว้ก่อนจะยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่คุ้นตาปรากฏขึ้นในส่วนลึกของสมองของผม
“บังเอิญเป็นบ้า”
“จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ …แต่ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่คุณเดินออกจากห้องของน้องชายผมก็แค่นั้น”
“ว่าไงนะ?!” ผมชะงักไปเมื่อคนตรงหน้าพูดอะไรแปลกๆ ไอริสคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าตัวเองก่อนจะโทรเรียกรถเพื่อมารับเขา
“ขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัวหน่อยแล้วกัน”
ไม่ว่าเปล่า เขากลับลากผมออกไปที่อีกด้านของซอย รถตู้สีดำจอดอยู่ตรงนั้น มันเหมือนในหนังที่ผมกำลังโดนลักพาตัวไป แต่นี่ไม่ใช่ เพราะคนที่กำลังเชิญผมขึ้นรถด้วยท่าทีเหมือนจะบังคับนั่น คือไอดอลที่ใครๆก็อยากจะอยู่ใกล้!!!
ผมถูกโยน สาบานได้ว่าโยนจริงๆไปกระแทกกับเบาะรถแล้วไอริสก็ตามขึ้นมา มือหนาเลื่อนไปปิดประตูก่อนจะหันมาหาผมแล้วมีสีหน้าที่จริงจังมากขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไร”
“คุณชื่ออะไร?” เหมือนร่างสูงจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูดเลย เขายิงคำถามชุดแรกใส่ผมจนผมต้องแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา แต่อย่างน้อยใบหน้าของเขานั่นก็สามารถสะกดผมได้ชั่วครู่ล่ะ
“ผมชื่อป่าน”
“นอนกับนาทีไปแล้วกี่รอบ”
“หา!!!!” ผมร้องแหวออกมาทันทีเมื่อคนตรงหน้าถามเรื่องบ้าๆนั่นออกมาได้อย่างหน้าตายสุดๆ ไอริสหันมามองผมแล้วทำหน้านิ่งๆ สีหน้าแบบนั้น มันทำให้ผมคิดถึงไอ้นาทีขึ้นมาทันที
“อย่าให้ต้องถามซ้ำอีกรอบป่าน … นายนอนกับนาทีไปแล้วกี่รอบ”
เสียงทุ้มต่ำออกแนวเชิงบังคับ ผมเลยต้องจำใจตอบ
“รอบเดียว”
"มีโรคประจำตัวไหม?"
"ไม่"
“รู้จักกับนาทีตั้งแต่ตอนไหน”
“ผมไปนัดบอดกับเขา”
“นานเท่าไรแล้ว”
“เดือนกว่าๆ” ไอริสเงียบไปแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายของเขา เขาหันไปสั่งกับคนขับรถให้ขับไปที่ไหนซักที่ซึ่งผมไม่รู้จัก ก่อนสมุดเล็กๆจะถูกกางออก
สมุดเช็ค
“คุณต้องการเท่าไร…”
ว่าไงนะ?
ผมชะงักไปเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีจริงจัง ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เขาจะเขียนเช็คให้ผมทำไม?
“คุณจะทำอะไร?”
“ผมถามว่าคุณต้องการเท่าไร”
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน”
“เชื่อสิว่าคุณต้องการแน่” ไอริสว่าแล้วเขียนเลขจำนวนเงินจำนวนไม่น้อยลงบนเช็คนั่นก่อนจะฉีกแล้วยื่นให้ผม
“เช็คนี่ แลกกับนาที”
ห้ะ?
“เลิกยุ่งกับนาทีซะ!!”
ผมสะอึกไปเมื่อคนตรงหน้าตะคอกซะจนเสียงดัง ไอริสมีท่าทีจริงจังจนน่ากลัวแต่ผมไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นเลย ผม สงสัย สงสัยอีกแล้ว นี่มันอะไรกัน
“คุณจะบ้าหรือไง? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
“ผมเป็นพี่ชายของนาที และผมสั่งให้คุณออกห่างจากน้องชายของผมเดี๋ยวนี้”
สิ่งที่ไอริสพูดออกมาทำให้ผมช็อคไปได้ชั่วครู่ หมายความว่ายังไงที่ว่าเขาเป็นพี่ชายของไอ้นาที? จริงๆงั้นเหรอ? ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าไอริสมีน้องชายกับเขาด้วย
แล้วทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับไอ้นาทีด้วยล่ะ?
“คุณต้องเลิกยุ่ง เลิกติดต่อ เลิกเข้าหานาที เช็คนี่คือคำขอโทษ” ผมเบิกตากว้างแล้วมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ไอริสมองตาผมไม่กระพริบ จะว่าไปเขาก็มีโครงหน้าคล้ายกับน้องชายเหมือนกัน
ยิ่งดวงตาที่คล้ายกันแบบนั้น
แต่ผมไม่ต้องการเงิน แล้วก็ไม่ยอมให้ใครเอาเงินมาฟาดหัว! ผมแทบจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนตรงหน้าไปในทันทีเมื่อเขายื่นเช็คนั่นมาให้
ผมกระชากเช็คในมือของไอริสมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาต้องทำแบบนี้กับคนอื่นๆที่เข้าหาน้องชายของเขาเหมือนกัน ไอริสยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อผมหยิบเช็คในมือเขา แต่รอยยิ้มนั่นก็ต้องพังทลายลงเมื่อผมฉีกเจ้ากระดาษไร้สาระนั่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!!!
รู้แล้วว่าทำไมไอ้นาทีถึงไม่เคยรักใครได้จริงๆ เพราะคนที่รักนาทีจริงๆโดนพี่มันบงการอยู่ข้างหลังยังไงล่ะวะ!!
“อย่าคิดว่าผมหน้าเงิน” ผมกัดฟันกรอดแล้วโยนเศษเช็คนั่นใส่หน้าของไอริส ดวงตาที่เกรี้ยวโกรธปราดมองผมก่อนมือหนานั่นจะกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง
“แกจะเอาอะไร!!!? เลิกยุ่งกับนาทีซะ!!!”
“ผมไม่เลิก ทำไม หวงน้องชายมากนักหรือไง?” ผมถามตรงๆ ไอริสขมวดคิ้วมือของเขากำแน่น
“แกอยากจะต่อรองอะไรกันแน่”
“นาทีบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘รัก’ “
ไอริสชะงักไปแล้วค่อยๆคลายมือออกจากผม แต่เขาก็ยังมองผมด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ดี
“ไม่มีหรอกคำว่า ‘รัก’ มีแต่พวกหวังผลประโยชน์ แกเองก็นัดบอดเข้าหาน้องชายฉันไม่ใช่เหรอ คงต้องหวังผลอะไรอยู่ล่ะสิ เสียใจด้วยนะ ที่น้องชายฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากฟันแล้วทิ้ง”
‘เพี๊ยะ!!!’
สาบานได้ว่าผมตบคนครั้งแรกในชีวิต
ใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายกับน้องชายของเขานั้นหันตามแรงตบ ไอริสแทบจะกระโจนเข้ามาฆ่าผมแต่ผมตะคอกใส่หน้าเขาไป ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกโมโหแทนนาที แต่ที่รู้ๆผมไม่ชอบคำพูดของเขา
ราวกับว่าเขาไม่รักน้องตัวเองเลย
“เพราะคุณว่าน้องชายตัวเองเป็นแบบนั้นไง นาทีมันถึงได้ทำตัวแบบนั้น!” ร่างสูงชะงักกึก
“ผมพึ่งจะรู้นะ ว่าทำไมผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้าหานาทีถึงได้ทยอยหายไปทั้งๆที่บางคนก็รักนาทีซะจนแทบถวายตัวแล้วทำให้ทุกอย่าง”
“เพราะคุณนี่เองทำให้ไอ้นาทีไม่ได้เปิดใจรับใครซักที”
“…” บรรยากาศในรถเงียบจนได้ยินเสียงแอร์หึ่งๆ โชคดีที่ว่ามีกระจกกั้นคนขับรถกับที่นั่งด้านหลัง ไม่อย่างนั้นคนขับรถแกคงจะประสาทเสียตายพอดี
“แกไม่รู้หรอกว่านาทีเจออะไรมาบ้าง”
“ก็บอกผมสิ” ผมเกลี้ยกล่อมให้คนตรงหน้าเย็นลง ไอริสถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทุกคนที่เข้าหานาที ต่างก็ต้องการอะไรบางอย่าง หน้าตา ชื่อเสียง หรือแม้แต่เงิน ทุกคนที่ฉันได้เจอ เมื่อยื่นเช็คนั่นไปให้ พวกเขาก็ยอมที่จะตัดใจจากนาที แล้วอย่างนี้แกจะบอกว่ามีคนรักไอ้ทีจริงๆน่ะเหรอ? ไม่มีหรอก”
“ผมไง” ผมว่า ไอริสชะงักไป เขามองหน้าผมนิ่งๆ
จริงๆผมยังไม่ได้ถึงขั้นรักไอ้นาทีหรอก แค่อยู่ในช่วงที่อ่อนแอจนต้องพึ่งพาแล้วนาทีกลับบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่ทำให้มันรู้จักคำว่ารัก ผมไม่โง่ที่จะไม่รู้ว่าไอ้นาทีคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าไม่บอกไปแบบนั้น ไอริสจะเชื่อได้ยังไงว่าผมไม่ได้จะทำร้ายน้องชายของเขา
“จะให้ฉันเชื่อใจแกได้ยังไง?”
“ไปหานาทีกับผมสิ จะได้รู้ ว่าผมไม่ได้ต้องการจะทำร้ายน้องชายของคุณ”
*
“นาที!”
ผมเคาะประตูห้องเบาๆแค่ไม่กี่ทีเสียงกุกกักก็ดังขึ้นภายในห้อง วันนี้ไอ้นาทีกลับเร็วแฮะ ผมหันไปมองหน้าไอริสที่ยืนอยู่ด้านข้าง วันนี้เขาใส่ต่างหูสีดำลายหัวกะโหลก ให้ตายเหอะแม่ง
เท่ห์เป็นบ้า
ไอ้นาทีนะมึง มีพี่ชายดังแล้วเก็บเอาไว้คนเดียว!
“นาที!!!” ผมตะโกนเรียกคนในห้องอีกครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกนที่ส่งกลับมา
“มาแล้วๆ”
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับอ้อมกอดหนักๆที่โผเข้ามากอดผม จมูกโด่งๆซุกลงตรงไหล่ผมแทบจะทันที ผมไม่เคยเห็นนาทีมันเป็นแบบนี้มาก่อน แต่วันนี้มันดูอ้อนเหมือนลูกแมวผิดปกติ และดูเหมือนว่ามันจะไม่สังเกตอีกชีวิตที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างๆผมด้วย
“ไปไหนมา ซื้อข้าวมาให้ เห็นไม่อยู่นึกว่าหญิงมาเอาตัวปะ…”
ไอ้นาทีชะงักประโยคบอกเล่าทันทีที่เห็นร่างสูงด้านข้าง มันเบิกตากว้างพลางเดินหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องโดยไม่ลืมลากผมกลับเข้าไปด้วยแล้วปิดประตูใส่หน้าไอริสทันที โชคดีที่ว่าร่างสูงเอาขาคั่นไว้ก่อน
นั่นมัน ไอดอลกูนะ
“เฮียมาทำไม” เสียงเย็นๆถูกส่งไปให้ไอริส ท่าทางไอ้นาทีคงไม่ชอบหน้าพี่ชายมันซักเท่าไร
“ทำไม จะมาหาแกต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง?”
“เฮียไม่ต้องมาแล้ว ผมจัดการเองได้”
“จัดการเองได้? จัดการเองได้แล้วทำไมวันนี้ต้องไปหาพี่หมอ?” ไอ้นาทีชะงักแทบจะทันทีเมื่อถูกสวนกลับ ผิดกับผมที่เหมือนหลุดวงโคจร นี่มันอะไรกัน ชักจะซับซ้อนไปใหญ่
นาทีไปหาพี่หมอ? หมอไหน? ไหนหมอ?
“ผมแค่…” เหมือนร่างข้างๆผมจะพูดอะไร ไม่ทันได้ตั้งตัวไอริสก็กระแทกประตูเข้ามาแล้วผลุบเข้ามาอยู่ในห้องได้อย่างสำเร็จและงดงามพอๆกับหน้าตาและท่าทางที่โคตรร็อค!
นาทีดึงผมไปไว้ด้านหลัง เหมือนกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“เฮียอย่ามายุ่ง ผมจัดการเองได้ ออกไปจากห้องได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำบอกความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียง ผมมองใบหน้าของไอริสที่จ้องน้องชายของเขาเขม็ง
แล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้คุยกัน
“นาที…กูเป็นคนขอให้ไอริสมาเอง” ผมตัดบทด้วยการพูดแทรกขึ้น ไอ้นาทีหันขวับ
“ว่าไงนะ!? ผมบอกเฮียแล้วไงว่าถ้าผมไม่เรียกเฮียอย่ามายุ่ง!!!!” ไอ้นาทีเริ่มขึ้นเสียง ไอริสนิ่งไป
“เกลียดเฮียก็เพราะแบบนี้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหวังดี แกจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ไหม?” ร่างสูงตรงหน้าพยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง ทั้งๆที่ฝ่ามือบีบเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือด
“ผมไม่ต้องการความหวังดี อย่ามายุ่งกับป่าน เขาไม่เหมือนคนอื่น” มือของนาทีที่จับมือของผมไว้เริ่มบีบแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป ผมเลิกคิ้วสงสัยพลางบีบตอบเบาๆ
“ที่ฉันมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ”
ไอ้นาทีสะดุ้งแล้วกัดฟันกรอด เหมือนแมวที่กำลังขู่ ไอริสเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น (อย่างเท่ห์) ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างเป็นกันเอง
“หมอนี่ไม่รับเช็คที่ฉันเขียนให้”
ร่างสูงว่าพลางชี้มาที่ผม นาทีหันมามองผม
“ก็บอกแล้ว ว่าไม่เหมือนคนอื่น…”
“แต่แกนอนกับเขาไปแล้ว”
“ก็ใช่ แล้วไงล่ะ”
“บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าถ้าเฮียยังไม่ได้คุยกับคนๆนั้นก่อน แกไม่มีสิทธิ์นอนกับใคร” ไอริสพูดเสียงต่ำราวกับกำลังโมโห ผมที่เริ่มจูนสมองไม่ทันก็ได้แต่ยืนงงในดงไพร
“แต่คนๆนี้ผมมีสิทธิ์”
“เอ่อ ถ้าไม่เสียมารยาทจนเกินไป ผมอยากรู้ด้วยว่าพวกคุณและมึงพูดถึงเรื่องอะไร” ผมพูดขัดขึ้นกลางวงเล่นเอาสองพี่น้องหันขวับมามองหน้า
ผมผิดตรงไหน ผมแค่อยากรู้แค่นั้นเอง
นาทีดึงผมให้นั่งลงที่โซฟาด้านข้างของไอริส ก่อนจะกอดเอวผมเอาไว้ ผมหันไปมองมันตาขวางทันที กะว่าจะถีบแม่งออกไปแล้วถ้าไม่ติดว่าไอดอลสุดหล่อนั่งอยู่ด้านหน้า
ผมปลื้มไอริสจริงๆนะ
“นาทีจะไม่นอนกับใคร ถ้าฉันไม่อนุญาต” ไอริสพูดขึ้น ผมเลิกคิ้วสูง
“หมายความว่าไง?”
“หมายความตามนั้น คนที่นัดบอดจะต้องเข้าผ่านทางพีทเพื่อนของนาที และพีทมีหน้าที่ส่งข้อมูลของคนๆนั้นให้ฉัน ฉันเป็นคนคัดกรองคนที่เข้าหานาที ทั้งประวัติ โรคที่เป็น การศึกษา ฐานะ”
"ไม่เห็นต้องการ"
ไอ้นาทีพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจที่พี่มันพูดความจริงออกมา วงแขนหนากระชับกอดเอวผมแน่น ร่างสูงของไอริสตบโต๊ะน้ำชาตรงหน้าดังปังจนของลอย ผมงี้สะดุ้งแทบตกเก้าอี้
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ป่านนี้แกเป็นเอดส์ตายไปแล้ว!” ผมเบิกตาโพลงแล้วมองคนข้างๆ!
“แกเป็นเอดส์หรือเปล่า?!!!” ผมลืมไปซะสนิท นี่ผมลืมไปได้ยังไง!!!
ผมนอนกับมันทั้งๆที่รู้ว่ามันนอนกับคนอื่นมาเป็นร้อยโดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่าไอ้นาทีเป็นเอดส์มั้ย!!!?
“เป็น แล้วก็แพร่ให้มึงแล้วด้วย”
“ว่าไงนะ!!?” ผมใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม มือกำลังจะยกบีบคอคนตรงหน้าแต่ไอ้นาทีก็คว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วซุกหน้าลงที่ท้องของผมแทน
“ล้อเล่น”
“ล้อเล่น? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะนาที!!”
“ขอโทษ…”
เหมือนจะลืมบุคคลที่สามไป ไอริสไอกระแอมเล็กน้อย
“จะฟังต่อมั้ย”
“ฟัง/ไม่” เป็นเสียงผมกับนาทีที่ประสานเสียงกัน ผมตบกะโหลกคนที่นอนหนุนตักอย่างแรงจนไอริสหันมามองผมตาขวาง ผมยิ้มแหะๆส่งกลับไป
หมามันไม่รักดีก็เลยต้องสั่งสอน
“ฉันเป็นคนกรองคนให้เข้าหานาที แต่ไม่ใช่กรองเพราะว่าต้องการให้น้องชายนอนกับคนอื่นมั่วซั่ว” ไอริสหันไปส่งสายตาอาฆาตใส่น้องชาย นาทีเมินหน้าอย่างไม่สนใจ
“ฉันกรองคนเพราะต้องการให้นาทีรู้จักคนอื่น ให้มันหาคนที่มันรักและรักมัน แต่ดูเหมือนน้องชายฉันจะโง่ดักดาน ใครเสนอตัวมาให้ ก็อยากสนองให้เขาไปซะหมด…”
“แล้วพอหลังจากนายเข้ามา ฉันก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากพีทอีก เลยต้องมาตามสืบที่คอนโดเมื่อสองวันก่อน แต่เห็นโรงเรียนบอกว่าไปค่าย ฉันเลยตามนายเจอวันนี้”
“ที่ไม่ได้รับข้อมูลคืออะไร?”
“ไม่มีใครนัดบอดนาทีหลังจากนาย”
“ว่าไงนะ?” ผมแอบช็อคไปนิดหนึ่ง ไอ้นาทียิ้มเหมือนภูมิใจอะไรบางอย่าง
งั้นก็แสดงว่ามันไม่ได้คุยกับใครคนอื่นอีกแล้วงั้นเหรอ?
“แล้วหญิงล่ะ?” ผมสบถออกมาเสียงแผ่ว นาทีลุกพรวดขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นพอๆกับไอริสที่ขมวดคิ้ว
“ไอ้ที…”
“ผมเปล่านะเฮีย เลิกแล้วจริงๆ ถามไอ้พีทได้ ป่านเป็นคนสุดท้ายแล้ว ถึงจะไม่ใช่คนแรกที่ผมมีอะไรด้วยก็เหอะ” ผมมองหน้าคนข้างๆที่ทำหน้าสำนึกผิด แต่ผมไม่ได้ข้องใจอะไร
ผมรู้อยู่แล้วว่านาทีมันต้องผ่านอะไรมาเยอะ
“แล้วหญิงนั่นอะไร? ใครอีก?” ไอริสซักไซ้ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยพูดออกไปพล่อยๆ
“เพื่อนผมเอง เธอชอบนาที”
“แต่พีทไม่ได้บอกว่าเธอนัดบอด”
“ก็เปล่า ผู้หญิงคนนั้นแค่เข้ามาขอควงเลยก็แค่นั้น” ไอ้นาทีพูดตรงๆ พร้อมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ ผมตกใจที่มันพูดออกไปแบบนั้น กลัวว่าไอริสจะไปเอาเรื่องกับหญิง
“แต่เธอก็ไม่ได้มายุ่งอะไรแล้วนี่ ใช่มั้ยนาที” ผมหันไปมองนาทีพลางจ้องตามันเพื่อจะส่งซิกส์ ก่อนจะหยิกต้นขานั่นไปแรงๆจนมันร้องโอ้ยแล้วถึงจะยอมช่วย
“อือใช่ ตอนนี้ผมมีป่านคนเดียว” มือของไอ้ทีลูบหัวผมอย่างถือวิสาสะ ผมมองมันตาขวาง
“เนอะ”
“เหอะ”
‘กริ๊งๆ’
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคนตรงหน้าทำให้ผมและนาทีชะงัก ไอริสหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูพลางสบถอะไรซักอย่างแล้วก็ลุกออกเดินตรงไปที่ระเบียง
“เดี๋ยวมา”
พอร่างสูงปิดประตูกระจกตรงระเบียงห้องลง ผมก็ตบหัวไอ้คนที่เอามือกอดผมเอาไว้อย่างแรงพลางใช้เท้ายันจนมันลงไปนอนที่พื้น ไอ้นาทีกลิ้งหลุนๆเหมือนหมีแพนด้า
“เลิกเล่นละครได้ละ ไอ้ลูกตุ๊ด” โห่ยยยยย
ผมอึดอัดแทบตาย!!!
“รู้ด้วย?” ร่างโปร่งปัดก้นแล้วลุกขึ้นยืนพลางยิ้มมุมปาก ผมยิ้มมุมปากตอบกลับ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้นาทีต้องการจะหลอกไต๋พี่ชายมัน ไอ้เรื่องออดอ้อนเหรอ ตอแหลทั้งนั้น
“กินสตรอว์เบอร์รี่เยอะนะไอ้ห่า”
“ก็เพิ่งกินไปเมื่อคืน”
“มึงจะสิบยกกับกูใช่มะ?”
“ร้อยยก”
“พ่อง”
“ไม่อยากจะเชื่อว่ามึงลากไอ้เวรนั่นมา” ไอ้นาทีเปลี่ยนเรื่องก่อนจะนั่งลงข้างๆผม เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ว่าถ้าไอริสเข้ามาเราก็ต้องเล่นละครรักกันปานจะแหกตูดดม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
ที่ผมยอมมีอะไรกับนาทีไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นความพลาดพลั้งไปต่างหาก
มันเองก็คงจะอยากมีอะไรกับผมมาก ถ้าให้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันน่ะนะ แล้วผมก็ไม่ใช่พวกที่เสียซิงแล้วนอนร้องห่มร้องไห้ด้วยสิ ก็แค่เสียใจนิดหน่อย ที่โดนผู้ชาย(สิ่งที่ต่อต้านมาตลอด)กด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซักวันผมจะกดมันกลับไม่ได้ แล้วที่สำคัญ โทษที กูท้องไม่ได้ แค่มันทำให้ลืมอะไรไปชั่วข้ามคืนก็พอแล้วล่ะมั้ง
“กูบอกไอริสว่า ‘นาทีบอกผมว่าผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘รัก’” สิ้นเสียงของผมไอ้นาทีก็หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ผมหัวเราะหึหึกลับไปให้มัน
ผมรู้ดี ว่าเรื่องแบบนี้
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้พูดจริง กูก็พูดกับคนอื่นไปทั่ว”
“เออกูไม่ได้โง่ แต่ถ้าไม่บอก พี่มึงก็ไม่ยอมมะ…”
ไอ้นาทีไถหัวลงที่หน้าท้องผมอีกครั้งพร้อมกับเสียงเปิดประตูกระจกที่ระเบียง ไวจริงๆนะมึงเรื่องแบบนี้ ไอริสเดินเข้ามานั่งที่โซฟาที่เดิม สายตามองผมกับนาทีที่ออดอ้อนเป็นลูกแมวแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แกมั่นใจแล้วใช่มั้ยว่านี่คือคนสุดท้าย” ไอริสถามนาที คนข้างๆผมลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพลางจ้องมองมาที่ผม ผมแอบเห็นว่าไอ้เวรนี่ไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง
“อืม”
“งั้นก็ดี ป่าน ถ้างั้นฉันฝากด้วย”
“หา ฝาก? ฝากอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วสงสัย
“ฝากดูว่ามันนอกใจนายหรือเปล่าไง นี่เบอร์ฉัน ถ้ามีปัญหา ก็โทรหาได้ทุกเมื่อ” ไอริสยื่นนามบัตรของเขาให้ผมพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ด้านหลัง ดวงตาผมมีแววประกายเจิดจรัสเมื่อสังเกตเห็นว่าบนนามบัตรนั่นมีลายเซ็นต์ที่หาได้โคตรยากรวมอยู่ด้วย!
ไอ้ฟ้า ไอ้กี้ พวกมึงต้องอิจฉาแน่ๆถ้ารู้ว่ากูได้นั่งคุยระยะเผาขนกับใคร แถมยังได้เบอร์พ่วงลายเซ็นต์อีกด้วยนะ หึหึ หวานป่านล่ะสิกู
“แล้วอย่าให้อะไรมันยุ่งยากนะ ไม่งั้น ฉันจะไปลากนารามาคุมแก!” เหมือนเสียงประกาศิต ไอ้นาทีกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาพร้อมกับชี้หน้าพี่ชายมันอย่างอาฆาต
“อย่านะ!!!! ถ้าเฮียฟ้องนารา ผมจะไม่คุยกับเฮียเลยจริงๆด้วย!!!”
“แกว่าฉันสน? อย่างกับทุกวันนี้ถ้าฉันไม่เริ่มต้นมาหา แกก็คงไม่เสนอหน้าไปหาฉัน!!! ดูแลรักษาของๆแกให้ดีๆ ทำให้ฉันเห็นว่าแกดูแลตัวเองได้ ไอ้นาที!!”
ไอริสว่าแค่นั้นก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปจากห้องทันที ผมที่รับรู้ได้ถึงรัศมีความอาฆาตกระเถิบตัวเข้าไปอยู่ในห้องนอนปล่อยให้คนข้างนอกนั่นระบายอารมณ์ต่อไป
นารางั้นเหรอ คงหนีไม่พ้นญาติโกโหติกาของไอ้นาทีอีกล่ะสิ
นี่มันนาทีญาติเยอะแทนที่จะเป็นยุ้ยญาติเยอะนี่หว่า
ผมทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มก่อนจะยกแขนก่ายหน้าผากพลางมองออกไปด้านนอกประตูที่ไม่เห็นวี่แววของเจ้าของหัวว่าจะโผล่เข้ามา ผมพลิกตัวนอนตะแคงแล้วคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
ทั้งๆที่ผมไม่ได้รัก แต่ทำไมผมถึงกับเลือกที่จะมาอยู่กับมันวะ
จริงๆแล้วผมไปอยู่กับไอ้ฟ้ากับไอ้กี้ก็ได้นี่
ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แค่พอรู้สึกโหวงเหวง ทำไมผมถึงมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องของไอ้นาทีก็ไม่รู้
เสียงกุกกักดังขึ้นพร้อมกับร่างเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา นาทีนั่งลงบนเตียงอย่างหัวเสียเพราะดูเหมือนมันจะทุ่มอารมณ์กระโดดลงเตียงจนเตียงแทบจะหักครึ่ง ผมไม่ได้หันหน้าไปมองมัน แต่กลับเลือกที่จะถามบางอย่างออกไป
“แองจี้ คือใครเหรอ”
“มึงว่าไงนะ”
ผมชี้นิ้วไปที่ไดอารี่เล่มสีดำที่เสียบอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไอ้นาทีปราดเข้ามากระชากแขนผมอย่างแรง
“มึงอ่านมัน…”
“อืม”
“ใครใช้ให้มึงแตะต้องของๆกู!!!!” คนตรงหน้าผมขึ้นเสียงจนผมไม่มีอะไรจะเถียง ก็ผมผิดจริง ผมอยากเสือกเอง ผมเป็นเจ้าหนูจำไมที่อยากรู้เรื่องราวของคนใกล้ตัว ขนาดไอ้ฟ้าบางครั้ง ยังหาว่าผมเสือกเรื่องมันมากเกินไปหน่อยเลย
แต่ดูเหมือนคนใกล้ตัวของผมคนนี้ จะมีเรื่องให้น่าค้นหาเยอะเกินคนอื่นไปหน่อย
“ออกไปจากห้องกู” ไอ้นาทีพูดเสียงเย็น ผมแอบสังเกตว่ามันหลบตาผมไปชั่วครู่ก่อนที่มันจะหันกลับมาจ้องเขม็งเหมือนเดิม ผมยอมรับทุกข้อกล่าวหา ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกแล้ว หึ!
ก่อนจะผลักตัวไอ้นาทีออกแล้วเดินออกมาจากห้อง
“เฮ้อ แล้วคืนนี้จะนอนไหนวะเนี่ย!!”