回 " จ้ า ว ธ า ร า " 回 » » » » » » » » [ Sample ! ตอนพิเศษ! P.101 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 回 " จ้ า ว ธ า ร า " 回 » » » » » » » » [ Sample ! ตอนพิเศษ! P.101 ]  (อ่าน 894188 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อะไรกันนี่ ท่านอาพันวังเคยเป็นนายบำเรอท่าวจ้าว แถมโมเอ้สุด ๆ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อย่าบอกนะว่าท่านอา หึงหวง พี่ของพี่วันก็เลยทรยศ

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
หรือเรื่องทุกอย่างจะไม่เปนอย่างที่เราคิดกันนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :a5: o22 คือท่านอาพันวัง ท่านทำให้ข้าช็อคยิ่งนัก
ท่านโมเอ้อ่ะ กรี๊ดๆ เคยเป็นนางบำเรอมาก่อน omg!!!!

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันคือการย้อนรอยร้าวสินะ T^T

มาต่อบ่อยๆน้าาาาา

ออฟไลน์ kitwiphat

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-7
รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
งืดดด อย่าต้มมาม่าชามใหญ่น้าา รออ่านจ้า

ออฟไลน์ Shadownights

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้ามิเคยคิดว่าท่านพันวังจะเป็นหนุ่มน้อยน่ารักเช่นนี้  :mew1:

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
อ่านตอนหลักก็เป็นห่วงไกร อ่านตอนรองก็เป็นห่วงอาพันวัง จะมีเรื่องราวอะไรที่ก่อเกิดความอาฆาตแค้นในใจอาพันวังรึป่าว
ถ้าจ้าวโคจรพ่อของพี่วันเป็นผู้ชายที่อาพันวังรัก แล้วอย่างงี้ก็เกิดโศกนาฏกรรมแห่งรักอันใดตามมารึไม่  :hao5:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ สนุกมากเลย ชอบๆ
ด้วยความที่อ่านรวด ตอนนี้เลยหน่วงๆเรื่องพี่วันกับไกรอยู่
แอบคิดว่า เจอกันอีกที จะจำกันได้มั้ยนะ
แถมยังต้องระวังภัยอีก เพราะมีเรื่องพ่อกับพี่ของแก้วมาเกี่ยวด้วย
แล้วอาพันวังเป็นไงบ้างแล้วก็ไม่รู้

อาจารย์คงนี่ก็อัพเดทข่าวสารตลอดนะ รังแตกก็รู้
แล้วจะช่วยให้ไกรได้เจอพี่วันอีกมั้ย แต่นั่นแหละ แอบกลัวว่าถ้าเป็นหมอปราบจระเข้
จะผิดใจกับพี่วันรึเปล่า กลัวตรงนี้ กลัวพี่วันจำไม่ได้ด้วย

อาพันวังก็นะ ไม่คิดว่าจะสวย แถมน่ารักขนาดนี้ อิมเมจผิดกับที่วาดไว้
ค่ดว่าคงมีเรื่องผิดใจกันแน่ๆอ่ะ เลยทำให้ปัจจุบันเป็นงี้
จะว่าไปอาพันวังก็ส่งวรรณามาเป็นนายบำเรอนะเนี่ย

รออ่านต่ออยู่นะคะ คิดถึงพี่วันอ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






JaneAkanishi

  • บุคคลทั่วไป
รอ.....รอ.....รอ....รอพี่วันน้องไกร

ส่วนอดีตท่านอาเตรียมต้มม่ารอ

madoka

  • บุคคลทั่วไป
ไกรกะพี่วันอ่ะ.?
รอค่ะ :mew3:

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ตื่นเต้นอะ คุณอาพันวัง

เจ้าพี่โคจร เจ้าพี่แสนตา

สามคนนี้นี่ยังไง แล้วก็แม่หญิงที่กำลังจะแต่งงานด้วยย

รวมถึงยุคสมัยปัจจุบัน อาพันวังทรยศจริงหรือ แล้วทำไม

ทั้งที่ตอนเด็กออกจะน่ารักน่าทนถนอมซะขนาดนั้น


ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog







ป ฐ ม บ ท ¬• จ้ า ว ธ า ร า
-๒-










   ผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินแก่ประดับด้วยดิ้นเงินระยิบระย้อยร้อยเรียงกันเป็นท้องนภา  หนึ่งเพชรน้ำงามส่องแสงสีนวลสว่างแต่งแต้มผืนฟ้ากว้างโดดเด่น  แสงจันทร์สาดลงมาไล้ตามกิ่งก้านของต้นไม้ใบหญ้าที่ปกคลุมหนาครึ้ม  ไร้เสียงหึ่งหากินของแมลงเล็กแมงน้อยยามฤดูกาลเคลื่อนเข้าสู่หน้าหนาว  กลางคืนที่ยาวนานกว่ากลางวัน  กับบรรยากาศยามราตรีที่แสนเงียบสงัดสงัด…
   ….จริงๆแล้วก็ไม่สงัดเท่าไหร่




   “ว่าอะไรนะ!?!”


   หนึ่งเสียงที่แทบจะตะโกนก้องออกมาจากห้องหับด้านในสุดชองเรือนหมู่ขนาดใหญ่  ถ้าไม่ติดว่าหนึ่งหนุ่มรีบยกมือแตะที่ริมฝีปากเสียก่อน  มิแคล้วบรรดาจระเข้น้อยใหญ่คงได้ลุกฮือขึ้นมาเป็นแน่

   บุรุษผิวขาวกลับยกมือกุมท้องกลั้นหัวเราะ  ผิดกับบุรุษผิวดำที่หันไปเอ็ด
   “ข้าบอกแล้ว  บอกเจ้าแล้วว่าให้บอกน้องพันวังเสียก่อน  ดูสิ..ท่าทางตื่นตกใจหมด”
   “ฮะๆๆ  ก็..ก็ข้าไม่คิดว่าจะแหกปากเสียงดังขนาดนี้นี่”
   “ยังจะเล่นตลก  ไม่โวยวายฟูมฟายวิ่งออกจากห้องก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
   “รึเจ้าจะยกเลิก?”
   อาคันตุกะจากแดนไกลส่ายหน้า “ไม่มีทาง”
   “นั่นประไร  จะสมยอมหรือขืนใจบทสรุปมันก็ไม่ต่างกันนัก”
   “เจ้านี้ชักจะวิปลาส  ถึงข้าจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่เคยคิดจะบังคับใครสักหน่อย”
   “แล้วเจ้าจะทำยังไง?”
   “โอ้โลมจนจะเอ่ยปากขอก็ไม่หนักหนากระไรนัก”
   “ฮ่าๆๆ  เจ้าพูดถูกใจนัก  งั้นข้าจะให้เจ้าก่อน”
   “อือหื้อ  ท้าวโคจรผู้ยิง่ใหญ่เอ่ยปากอนุญาต  มีหรือข้าจะไม่สนอง”
   “แน่นอน  ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นนี่นา”



   “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับผีสีขอรับ!?!”


   หลังจากเงียบไปนาน  เสียงทุ้มหวานก็ตัดสินใจแหกปากตีฆ้องร้องออกมาอีกสักรอบหนึ่ง
   พวงแก้มใสขึ้นสีจัดจนแดงก่ำ  ไหล่บอบบางสั่นสะท้านด้วยสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ  แต่ก็ไม่สามารถกระทำการอุกอาจอันใดได้อีกนอกจากตะเบ็งเสียงลั่น

   “ท่านทั้งสองจะเล่นตลกอันใดมิทราบ  ริคิดอกุศลข้าจักรีบบึ่งไปเบิกนายรับใช้มาสนอง  เรียกถวายงานเป็นสิบเป็นร้อยก็ตามแต่ใจจ้าว  หากมิคิดพิสดารอะไรเช่นนี้คงจะมีบ่าวยอมสนุกด้วยอยู่บ้างกระมัง”


   ร่างสูงโปร่งตีเข้าฉาด  รีบอธิบายการ
   “พิสดารเช่นไรรึ?  คิดจะเล่นกันสามคนมันประหลาดสักที่ไหน  ข้าเองก็เคยลิ้มลองระเบียบนั้นมามิใช่น้อย…หรือจะบอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่”

   “แต่นี่มันกับ ‘ตัวข้า’ ..!!”

   โคจรผิวปากหวือ “ตัวเจ้าที่เป็นของข้า”
   “…ขอรับ!  บ่าวเป็นของนาย!” คนตัวเล็กร้องตอบอย่างเหลือทน “แต่ไม่ใช่ว่าข้าจะยอมรับ..เรื่องบัดสีเช่นนี้”
   “มันจะต่างกับเราสองแค่ไหนกันเล่า” นายหนุ่มยังคงเถียง  รอยยิ้มกว้างไม่ได้เลือนหายไปจากใบหน้า “นี่ก็เริ่มเข้าฤดูแล้ว  ภายในมันร้อนรุ่มอาการออกไปเสียหมด…อ้ายแสนตาก็มาได้ฤกษ์นัก  ข้าก็แค่จะเอาใจตามประสาเจ้าบ้านที่ดี…”
   “อ้าวบัดซบ  คิดจะมาโยนขี้กันซะนี่” คนถูกกล่าวหาอ้าปากเหวอ “ดูก่อน  น้องพันวัง  เห็นก็รู้ว่าไอ้ที่จะทำกันเนี่ยเป็นอุบายไอ้หน้าซื่อใจคดนี้ล้วนๆ  ข้าหาได้เกี่ยวไม่”
   “ชะ! กล้าพูด  ฤๅจะบอกว่าไม่ได้เฝ้ารอเวลานี้มาช้านาน”
   “…ก็ไม่ปฏิเสธ”
   “นั่นประไรล่ะ”

   แสนตาลูบหน้า  ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมาจึงไม่กล้าพูดปด..แม้แต่ในเรื่องยิบย่อยเช่นนี้  “ตั้งแต่ได้ความว่าน้องพันวังถวายงานให้อ้ายโคจร..ข้าสินึกแค้นใจนัก  หากตอนเด็กๆบังคับพาตัวกลับอยุธยาเสียรู้รอดคงจะดีไป  นี่ต้องรอชาติกว่าจะได้  เห็นใจข้าบ้างจะเป็นไร”

   คนฟังอ้าปากค้าง  อยากจะบริภาสถามออกไปบ้างว่า…แล้วใจข้าล่ะว้อย!?
   “ฮ่าๆๆ  อ้ายแสนตานี่พูดถูกใจแท้  รับประกันว่าได้ลองแล้วจะลืมไม่ลง…ดูสิ”
   มือใหญ่เอื้อมมารั้งข้อมือเล็กให้เดินเข้าหา  คนถูกกระทำแม้อยากฝืนตัวออกแค่ไหนก็ได้แต่สงบใจ  ปล่อยให้สายตาคมคายสองคู่เล้าโลมจนหูแดงฉ่า..แม้ว่าตนยังคงสวมผ้าผ่อนเสียเต็มยศอยู่ก็ตาม
   “…งามเช่นนี้จะเอาที่ใดมาเทียบเคียงได้เล่า  มิวายจะลืมแม่หญิงยอดรัก  ได้กลับมาหาน้องพันวังของข้าเสียทุกเดือนแรม”

   แสนตากร่นหัวเราะ “แล้วจะรอช้าอยู่ไรล่ะ?”


   “ชะ!?!...ช้าก่อนขอรับ!”
   ร่างบอบบางขืนตัวออกมาก่อน  สองมือน้อยพยายามกระชับอาภรณ์ตัวเองไว้แน่น
   “หากประสงค์นักข้าจะไปเรียกบ่าวมาเพิ่ม  คืนนี้จะให้ถวายงานทั้งคู่คงไม่ไหว  สะกดกลั้นอารมณ์แบบที่มนุษย์พึงกระทำสักประเดี๋ยวหนึ่งแล้วข้าจะรีบ….”

   แต่ไอ้คู่สนทนาทั้งสองมันฟังที่ไหน  พากันตบเข่าฉาดกันอีกครั้ง..แล้วระเบิดหัวเราะลั่นเป็นลูกคู่
   “ลีลาพลิกแพลงนั่นแยบยลนัก”
   “แต่อย่ามัวถ่วงเวลาอยู่เลย..เจ้าหนีไม่พ้นดอก”
   “นี่ข้าสองอุตส่าห์หว่านล้อมเสียตั้งนาน  เจ้าคิดว่าจะปล่อยไปง่ายๆรึไร?”

   “มาทางนี้เทอดน้องพันวัง”

   เจ้าของผิวกายคล้ำเข้มลุกขึ้น  รั้งเอวบางเข้าหาจนดวงหน้าซุกอยู่แค่อก  แล้วจับเชยคางมนขึ้นให้สบตา
   “ข้าเอง  อ้ายพี่แสนตาของเจ้า  หาใช่ใครที่ไหนไม่”

   น้ำคำหวานล้ำปะทะลงมากลางดวงจิต  คนฟังช้อนดวงตากลมโตขึ้นสบ..ประกายไหววูบสะท้อนอยู่ในตาคู่ตรงข้าม  พลันให้รู้สึกอึดอัดคล้ายหายใจไม่ออก  จึงทำได้แค่อ้อมแอ้ม
   “….อ้ายพี่….”
   “หรือเจ้ารังเกียจข้า”
   “ข-ข้าไม่บังอาจ….” คนตัวเล็กกว่าก้มหัวงุดๆ “เพียงแค่…เอ้อ  พวกไร้ยางอายเช่นพวกท่านคงไม่เข้าใจ”
   “เอ้า  ปากคอเลาะร้ายเช่นนี้  เอาอะไรอุดเสียทีจะดีไหม”
   “อย่าแทรกให้เสียเรื่องสิอ้ายโคจร  ถ้ายังแกล้งน้องพันวังของข้าอีก…จักได้หอบกลับไปที่เรือนแขกเสียรู้แล้วรู้รอด”
   “เอ้า  ไอ้นี่…”

   แสนตาเลิกสนใจเสียงโวยวายด้านหลัง  ก้มหน้าลงมาแนบหน้าผากกับอีกคนตรงหน้า  ด้วยไม่รู้ว่าจะสื่อคำพูดทั้งหมดที่มีออกไปยังไงนอกจากผ่านทางสายตา  แม้นจะรู้ดีว่า ‘บ่าวรับใช้’ ตรงหน้าไม่ใช่ของๆตนก็ตาม



   พันวัง  พันตรา

   นายรับใช้ฝาแฝดที่แยกกันรับใช้สองดินแดนตั้งแต่ยังไม่ลืมตา  ถวายการรับใช้กับตระกูลจ้าวมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ  จงรักภักดียิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด…ยิ่งไปกว่านั้น  สองฝาแฝดยังบริสุทธิ์งดงามยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง
   จนกระทั่งครั้งหนึ่งเมื่อยี่สิบสี่คืนก่อน  ที่พันตรายอดรักถูกพรากชีวิตไปด้วยมนุษย์ใจอำมหิต  นับแต่นั้นก็ไม่มีสิ่งใดเยียวยาหัวใจจ้าวได้อีก  และคงจะเป็นจิตวิทยาบำบัดของจ้าวเหนือหัว  ที่ตัดสินใจร่วม ‘แบ่งปัน’ แฝดน้องเพื่อชดเชยความโศกในครั้งนั้น

   พันวังรับรู้เพียงข่าวสารของอ้ายพันตราพี่ชาย  เพียงแค่ไม่เคยนึกเสียใจ  กับหนึ่งที่แม้แต่พูดคุยก็ยังไม่เคยคนนั้น  แม้จะร่วมไข่ใบเดียวกันมาก็ตาม
   …เพียงจ้าวแสนตาตรงหน้า  ที่คุ้นชินกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
   ไม่แตกต่างจากจ้าวโคจรผู้เป็นนายสักนิด…



   “หากเจ้าปฏิเสธ…”

   เสียงทุ้มแหบกระซิบเบา


   “…ดวงใจนี้…คงร่ำไห้ไปหลายเพลา…”



   …มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไอ้เจ้าบ้านไม่ส่งเสียงวี๊ดวิ้วผิวปากจากด้านหลัง
   “อ้ายโคจร” แสนตาฮึดฮัดขัดใจ “จะเล่นอะไรก็ดูกาละดูเทศะกับเขาบ้าง”
   แต่อีกตัวกลับไม่ได้ใส่ใจนัก “ดูเจ้าสิ  พันวัง  แค่คำหวานสองคำจากอ้ายแสนตา..แทบจะอายม้วนต้วนพร้อมพลีกายให้อยู่แล้ว  จะมาพิรี้พิไรเล่นตัวอยู่ทำซากอะไร”
   “โรแมนติก” พันวังว่า  แก้มแดงซ่าน “คนอย่างจ้าวพี่คงไม่เคยได้ยินคำนี้”
   “แล้วจำเป็นต้องเรียนรู้ศัพท์ฝรั่งเช่นนั้นรึ?”
   “มีความรู้รอบตัวไว้ย่อมดีกว่าอ้ายโคจร  อย่างน้อยก็เอาเวลาไปเรียนรู้หาใช่จิกกัดบทรักของคนอื่นเช่นนี้  ให้ตายสิ”
   “ใช่ขอรับ  อ้ายพี่แสนตากล่าวได้ถูกต้องที่สุด”
   คนฟังผิวปากหวือไม่ยี่หระกับสารพัดคำบ่นนั่น  แล้วยื่นมือไปหา
   “พันวัง”
   “ขอรับ?”
   “มาทางนี้สิ”
   “…”
   “พันวัง…”
   ..มีหรือที่จะทนกับน้ำเสียงออดอ้อนเช่นนั้นได้
   เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจ  ก่อนจะผละจากอกกว้างไปหาอีกคน

   ร่างสูงกว่านั่งเกยอยู่บนเตียง  รั้งมือให้ร่างบอบบางกว่าเข้าไปในอ้อมกอด  แล้วขืนจุมพิตเสียเต็มฟอดที่ริมฝีปาก..เก็บเกี่ยวความหอมหวานขณะค่อยปลดอาภรณ์น้อยชิ้นพวกนั้นออก
   “อ…”
   ไร้การขัดขืน  ไม่ได้สิ้นเรี่ยวแรงอย่างที่ตัวเองเคยคิด

   เมื่อร่างสูงใหญ่อ้อมมาประคองที่ด้านหลัง  รั้งใบหน้าของตนให้ผละออกมารับรสจูบแปลกใหม่อีกครั้งจากคนต่างถิ่น  กลิ่นเปลือกไม้ป่าแตกต่างจากที่เคยคุ้นลอยมาแตะจมูก  พาลให้เผลอหลับตาอย่างเผลอไผล  และกว่าจะรู้ตัว..เรือนร่างขาวเนียนก็เปลือยกายอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
   หนึ่งคนคอยหยอกล้อที่ยอดอกสองข้าง  ส่วนอีกหนึ่งก็ตามประคองบดเบียดริมฝีปากลงมาไม่ได้ว่างเว้น  เพียงคนเดียวก็ทำเอาสติแทบหลุดลอยอยู่แล้ว..บัดนี้เปลี่ยนเป็นสอง  แม้จะควบคุมอะไรก็ทำไม่ได้สักนิด  ความหฤหรรษ์ที่พุ่งพล่านเต็มอกจนผิวบอบบางขึ้นสีระเรื่อตามจุดต่างๆอย่างเสียมิได้


   บุรุษผิวเข้มละริมฝีปากออก  หลุบมองใต้ร่างราวนี่เป็นงานศิลปะชิ้นเอก..แล้วหันไปขยับยิ้มให้เจ้าบ้านที่ดูภาคภูมิใจเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวซะอีก
   “ยอดเยี่ยมใช่มั้ยล่ะ?”
   นั่นเป็นคำพูดที่ลอยมาจากที่ไกลแสนไกล  บุคคลที่สามปรือตามองอ่อน  รู้สึกถึงพลังงานในร่างกายที่เริ่มหดหายไปทุกครั้งที่มืออุ่นร้อนลูบคลำไปทั่วตัว

   “ยังไม่รู้หรอก…”
   อ้ายแสนตากล่าว  โน้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากอีกครั้ง

   “นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง…”










= = = = = = = = = =










   พวกเขาตื่นสาย
   …และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะอะไร


   จ้าวโคจรสั่งให้เด็กรับใช้เตรียมสำรับอาหารสำหรับมื้อเช้ามาบริการถึงที่ห้อง  นับว่าเป็นการสะดวกนักสำหรับจอมขี้เกียจทั้งสองที่บิดตัวลุกขึ้นมาบริโภคเสียงดังไม่ได้เกรงใจจนไอ้คนที่เหนื่อยที่สุดต้องแว้งขึ้นมาเอ็ดแล้วเอ็ดอีก
   …ซึ่งพันวันคาดการณ์ผิด…การแสดงตนว่ารู้สึกตัวแล้วทำให้ชายหนุ่มวัยกำลังคึกสองคนถึงกับละมือจากอาหารมาจัดการเขาใหม่  ดังนั้นครั้งต่อไปต่อให้ต้องเอาอะไรมาอุดหูก็ต้องทำล่ะ


   ก๊อกๆๆ

   ตกสาย  ในที่สุดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
   แม้จะขัดใจแต่จ้าวโคจรผู้แสนดี(..)ก็คว้าผ้าขาวม้าแถวนั้นนุ่งออกไปเปิดกลอนอย่างเสียมิได้  ด้วยรู้ตัวว่าเวลาก็ผ่านมานานนับแล้ว  จะมัวแต่รื่นเริงอยู่ก็คงไม่ใช่
   “ว่ากระไรรึอ้ายอินทร?”
   บ่าวผู้สูงวัยโค้งศีรษะ “ด้านล่างมีชนมวยกันขอรับ”
   คนฟังเบือนนัยน์ตาหันไปสบกับสหายรักที่ยังนอนเกยอยู่บนเตียง  อ้ายแสนตาก็ได้ยินเช่นกัน  จึงพยักหน้าเออๆออๆรับคำไป
   “เดี๋ยวพวกข้าลงไป” โคจรว่า  หลิ่วตายิ้มกะล่อน “เตรียมตัวได้เลย  ลงพนันฝ่ายเราสักกี่เบี้ยก็เอา  จักได้รู้ว่ากำลังจระเข้พิจิตรไม่ได้แพ้อโยธยา”
   “แล้วข้าจะรอชม” แสนตาว่ามาจากด้านหลังฉาก  ร่างสูงใหญ่คว้าผ้าขาวม้าอีกผืนนุ่งลงจากเตียง “งั้นฝากไปเตรียมคนของข้า  เอาเจ้าน้องสหัสลงเสีย  ต่อกี่เบี้ยเราก็สู้”
   “ชิชะ  นี่เพิ่งนัดแรกยังจะมา..”
   “ก็เจ้าท้ามาก่อน  แล้วจะให้ข้าทำเช่นไรเล่า”
   “ข้าหวังเพียงลองเชิงท่านเท่านั้นแล”
   “อย่ามาพูดปดมดเท็จ”

   “แต่ก่อนอื่น…มีเรื่องด่วนขอรับ”
   อ้ายอินทรยกมือห้าม  ด้วยอยู่มานานจนพอรู้ว่าจ้าวทั้งสองผู้เลื่องชื่อนั้นแม้จะสนิทกันมากด้วยรุ่นราวคราวคล้าย  แต่ถ้าอยู่ด้วยกันนานๆเป็นอันต้องปะทะฝีปากให้คนฟังเหนื่อยหน่ายกันเสียทุกครั้งไป
   …ว่าแล้วก็นึกสงสารเจ้าน้องพันวัง  ท่าทางจะรับศึกหนักทั้งร่างกายและประสาทหู  มิรู้จะทนฟังคำเถียงพวกนั้นได้อีกสักกี่น้ำ…



   “แล้วท่านจ้าวจะทำเช่นไร…กับแม่หญิงบุหลันเล่าขอรับ?”



   “โอ๊ะ”
   นั่นเป็นคำอุทานของอ้ายแสนตา  ที่ยกมือลูบหน้าอย่างเสียมิได้
   “…ลืมไปเสียสนิท”

   สหายหนุ่มถึงกับผงะ “นี่เจ้าลืมกระทั่งว่าที่เมียงั้นเรอะ”
   “จะว่าแต่ข้าก็มิได้  เจ้าสิเชื้อเชิญน้องพันวังมาหาข้าเอง”
   “นั่นประไร  ข้าเห็นลางว่าอ้ายแม่หญิงนั่นคงได้หัวเน่ามิช้านาน”
   “ปากเจ้านี่มัน..”
   “ฮ่าๆๆ”

   “อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิขอรับ  ข้างนอกพาลวุ่นวายกันไปเสียหมด”
   อ้ายอินทรแทรกขึ้นอย่างจัดใจ
   “บัดนี้เรือนเรามีเพียงอ้ายแม่พิกุลเท่านั้นที่ยังเป็นเพศเมีย  แต่ก็แก่จนใกล้จะเป็นโบราณวัตถุ  พอมีแม่หญิงมาเค้าหน่อยพวกบ่าวไพร่ต่างพากันระริกระรี้กันเสียใหญ่  ต่อให้เป็นว่าที่ชายาจ้าวก็เถิด…ข้าเองยังมิรู้จะคุมความห่ามบรรดาหนุ่มๆนั่นได้อีกสักกี่น้ำ”

   “ช่างบังอาจเสียจริงเจ้าพวกนี้!” โคจรเผลอตวาดกร้าว “ก็รู้อยู่เต็มอกว่าแม่หญิงนั่นเป็นของอ้ายแสนตาเพื่อนรักข้า  จักกล้าคิดเกินเลยได้อย่างไร  น่าจับมาเฆี่ยนตีเสียให้---“
   “ช้าก่อนอ้ายโคจร”
   อีกคนกลับยกมือห้าม
   “ข้าสิพอเข้าใจหัวอกเจ้าชายฉกรรจ์พวกนั้น  อย่างไรเสียแม่หญิงบุหลันก็มีหัวใจ  ตราบที่ยังมิได้ประกาศกล้าว่านางเป็นของข้า  นางนั้นยังไร้พันธะ  หากคิดจะแก้เรื่องนี้คงต้องรีบชี้แจงเรื่องหมั้นหมายโดยเร็ว”
   “แหม..” ทว่าอ้ายโคจรกลับยังส่งน้ำเสียงทะเล่นกลับ “ใจกว้างแท้  สมเป็นอ้ายพี่แสนตาแห่ง--“
   “หุบปากซะไอ้เวรนี่”
   “ฮ่าๆๆ”
   “อ้ายอินทร  จงนำความไปแจ้งยังอ้ายแม่พิกุล” แสนตาหันกลับมาคุยกับหัวหน้าบ่าวรับใช้ “ตระเตรียมมาลัยดอกไม้หอมไว้พร้อม  เมื่อลงชนจึ่งให้อ้ายแม่หญิงบุหลันโยนถวาย  จักได้รู้ไปเลยว่าผู้ใดเป็นของผู้ใด”
   “ขอรับ”
   “ประเดี๋ยวก่อนอ้ายแสนตา” คนฟังอีกคนยกมือขออนุญาต “หากเจ้าจะลงชนนั่นหมายความว่า……”
   “ใช่”
   อาคันตุกะรูปงามยกยิ้มที่มุมปาก  เบือนดวงตาหันไปสบกับสหายรัก

   “เจ้าสิต้องประลองกับข้า”





ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog






= = = = = = = = = =










   กว่าที่พันวังจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เริ่มต้นเวลาบ่าย
   และที่เขาตื่นไม่ใช่เพราะได้นอนพักผ่อนเพียงพอหรอกนะ  เพียงเพราะกระเพาะเจ้ากรรมมันดันร้องครวญครางยังกับเมฆครึ้มลอยก่อกวน  สุดท้ายก็ต้องจำใจเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาท้าแสงตะวันจนได้

   “อะ” ใครคนหนึ่งร้องขึ้น “ข้าทำให้ท่านตื่นรึขอรับ?”

   ไม่ใช่ใครที่ไหน  เจ้าน้องเล็กสุดท้องของตระกูลแม่พิกุล  อ้ายกล้า ซึ่งปัจจุบันยังอายุไม่ถึงสิบขวบดี  เป็นบ่าวอายุน้อยที่สุดจึงไม่ค่อยได้รับผิดชอบงานอะไรสักเท่าไหร่  แต่เพราะอ้ายกล้าเป็นคนเดียวในบ้านที่อายุน้อยกว่าเขา  ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเอ็นดูเด็กชายคนนี้ไม่น้อยทีเดียว
   แม้นรู้ว่าอีกไม่เกิน3-4ปีข้างหน้า  อ้ายกล้าคงต้องเข้าพิธีถวายตัวเป็นหนึ่งในนายกำนัลของท่านจ้าวใหญ่  และเมื่อถึงเวลานั้นคนที่ความคิดเกินเลยกับนายเหนือหัวอย่างเขาคงมองหน้าน้องชายคนนี้ไม่ติดไปพักใหญ่ๆเลยกระมัง
   “มิใช่ดอก” พันวังว่า “ข้าหิวน่ะ”
   “ให้ข้าไปเตรียมสำรับอาหารให้ไหมขอรับ?”
   “เดี๋ยวข้าออกไปเองก็ได้  ช่วยส่งผ้ามาทีสิ”
   อีกคนกระพริบตา “อ้ายพี่ไหวรึ?  ยินว่าเมื่อคืนรับศึกหนักไม่น้อย”
   “….เป็นเด็กเป็นเล็กทำเป็นสู่รู้นัก”
   “เอ้า  ข้าแค่ยินเขาลือกันมา”
   “เขาไหน?”
   “ใครเขาก็รู้กันหมด”

   “ข้าได้ยินเสียงโห่ร้อง…”

   เด็กหนุ่มยกมือขยี้ตาเปลี่ยนเรื่อง  ไอ้น้ำคำใสซื่อด้วยคนพูดไม่เข้าใจเรื่องอย่างว่าเหมือนเขาเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ยิ่งเขินอายนัก  พร้อมเงี่ยหูฟังเสียงเอ็ดตะโรที่ดังแว่วจากด้านนอกหน้าต่าง..ซึ่งชวนสงสัยตั้งแต่ตอนที่เขายังหลับตาอยู่แล้ว
   “มีเหตุอันใดเกิดขึ้นรึ?”

   เด็กชายตัวเล็กหัวเราะคิกคัก  เอ่ยตอบพร้อมอธิบายเสียเสร็จสรรพ
   “ชนมวยกันสิขอรับ  ครานี้จ้าวแสนตาท้าทายท่านจ้าวด้วยตัวเอง  บรรดาบ่าวน้อยใหญ่ครึกครื้นกันใหญ่  ออกลงเบี้ยกันเสียสนุก….อ้ายพี่พันวังสนใจบ้างรึไม่เล่าขอรับ”

   คนฟังกระพริบตาปริบๆ “จ้าวพี่โคจรกับอ้ายพี่แสนตาน่ะนะ?”
   “ขอรับ”
   “ไม่ต้องเสียเวลาตรึกตรอง” พันวังหัวเราะร่วนจนปวดท้อง  รีบคว้าเศษเบี้ยบนโต๊ะข้างเตียงโยนส่งให้อีกคนรับไว้โดนพลัน “นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน..จ้าวพี่เคยเอาชนะอ้ายพี่แสนตาได้เสียที่ไหน  ข้าลงข้างจ้าวต่างแดน  ฝากบอกอ้ายพี่อินทรเดี๋ยวข้าจักตามลงไป”
   “ขอรับ  ว่าแต่…”
   “ว่ากระไรรึ?”
   “อ้ายพี่พันวังไหวแน่รึขอรับ?”
   คนฟังลูบหน้าทันที “เจ้าคิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่รึ?  ไป  เอาความไปแจ้งเสีย  ข้าจะแต่งตัวแล้ว”
   “ขอร้าบบ”

   เด็กชายหัวเราะร่วนทิ้งท้ายอีกครั้ง  เล่นเอาคนเป็นพี่อยากจะหยิบอะไรมาปาหัวมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด  แต่ก็ทำได้เพียงฮึดฮัดอยู่บนเตียง  แล้วใช้เวลาร่วมชั่วโมงเพื่อลากสังขารลงมาแต่งเนื้อแต่งตัวเสียเรียบร้อยมิดชิด  อย่าได้หวังให้ใครต่อใครได้เห็นรอยรักที่ฝากฝังไว้นี่เลย



   ที่จริงแล้วเขาก็ใช่ว่าจะชอบใจกับสถานภาพที่เป็นเช่นนี้..
   …การเป็นของเล่นของใครไม่ใช่เรื่องสนุกเลย  แม้นว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นถึง ‘จ้าวชีวิต’ ของตนเองก็ตาม

   เหตุเพราผิวกายที่ยังตึงแน่นสมวัย  ดวงหน้าหวานด้วยยังไม่แตกเนื้อหนุ่มดีนัก  กับช่วงอายุที่เพิ่งผ่านพ้นคำว่าเด็กชายมาได้ไม่นานนั่นเองจ้าวพี่โคจรของเขาถึงได้หลงใหลกว่าบ่าวอื่น  หากผ่านไปอีกสักยี่สิบสามสิบปี..เค้าความเยาว์วัยนี้คงจะเริ่มจางลงไป  หรืออย่างน้อยร่างกายก็อาจจะสูงใหญ่ขึ้น  ผิวกร้านคล้ำขึ้น  หนวดเคราขึ้นเป็นตอชวนจั๊กจี้  ทั้งขาเนียนละเอียดที่จ้าวพี่ชอบประทับจูบนี้ก็อาจจะเต็มไปด้วย..หรือขนหน้าแข็งดกครึ้มก็ได้…….
   …..แค่คิดก็สยองแล้ว
   พวกบ่าวทั้งหลายพออายุขึ้นเลขสามหลักก็ถูกไล่ออกไปทำงานจิปาถะแล้ว  แม้ที่ผ่านมาจ้าวพี่จะไม่เคยเฉดหัวใครเพราะยังหนุ่มยังแน่น  แต่ก็ไม่เคยจะเห็นแลตามองพวกกล้ามบึกๆถึกถึนพวกนั้นสักนิด


   พันวังยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่
   แล้วถอนหายใจ  ก่อนจะเดินลากขาออกจากเรือนใหญ่เป็นก้าวแรกของวัน


   เสียงผู้คนโห่ร้องเอ็ดตะโรกันสนั่นจากชานด้านล่าง  เปี่ยมไปด้วยความเมามันระคนหวาดเสียว  ดังยิ่งกว่ายามหมัดลุ่นๆกระแทกผิวกายเสียอีก 

   นี่เป็นกิจกรรมของเพศผู้…ในอดีตคือการประลองเพื่อชิงว่าใครเป็นหัวหมู่  แต่ปัจจุบันเป็นเพียงความสนุกสนานและการพนัน  แน่นอนว่ากิจกรรมป่าเถื่อนที่ว่าไม่ได้แวะเวียนผ่านมาให้ชมบ่อยครั้งนัก  ด้วยไม่มีจ้าวใดอยากให้คนในปกครองสู้รบกันเอง  ซ้ำยังรู้กันเป็นปกติว่าเลือดจ้าวที่เข้มข้นเท่านั้นที่ไม่มีสิ่งใดฟันแทงหรือทำร้ายได้
   แต่การสู้กันระหว่างจระเข้ธรรมดานั้นแตกต่างออกไป  ด้วยกายทิพย์ที่สามารถเรียนรู้วิชาของมนุษย์จริงๆได้ทำให้การชกมวยนี้เมามันนัก  ผิวกายแข็งแกร่งของจระเข้ที่ซัดกันเองแทบไม่สะเทือน  การต่อสู้จึงดุเดือดและยาวนานกว่านัก
   …เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่เด็กหนุ่มจะตื่นเต้นกับความบันเทิงเหล่านั้น



   “อ้ายสหัส  อย่าให้แพ้เขา  อย่าให้เสียเกียรติเชียวนะ!”
   “ลุยมัน  สู้มัน”
   “เอิ้วว!”
   “เอิ้ววว!!”
   เสียงโห่ร่างตะโกนดังไปทั่วทั้งลานสลับกับยามเนื้อกระทบเนื้อดังปั๊กพลั่กผลัวะ  เจ้าของร่างผอมบางตรงไปเกาะราวระเบียงชะโงกหน้ามองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจากที่ยืนดูระดับพิเศษ  ยืนมองสถานการณ์เหล่านั้นด้วยความตื่นเต้นนัก

   หนึ่งคืออ้ายพี่สหัส
   อีกหนึ่งคืออ้ายพี่รดิน

   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามวยคู่นี้น่าลุ้นมากแค่ไหน  เพียงแต่ละคนต่างเป็นมือขวาของท่านจ้าวทั้งสองด้วยกันทั้งสิ้น  และถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะวัดเอาแพ้เอาชนะหรือกระไร  เพื่อความบันเทิงกันเป็นเสียส่วนใหญ่จนอดที่จะส่งเสียงโหวกเหวกตามไปด้วยมิได้
   นั่นประไร…อ้ายพี่แสนตากับจ้าวพี่โคจรนั่งอยู่ใต้คุ้มศาลา  ปรบมือโห่ร้องแสดงอาการไม่ต่างอะไรกับจระเข้ตนอื่นๆสักนิด
   “เอามัน  ลุยมัน”
   “อ้ายรดิน  ฝีมือเจ้าหดไปขนาดไหนรึ  อย่ายอมสิวะ”

   พันวังรอบยิ้มที่มุมปาก  ขยับขาวิ่งทั่กๆลงจากบันไดตรงไปหา  ไม่ลืมที่จะแอบย่องไปออกบทวิเคราะห์จากด้านหลัง


   “ฝ่ายเราช่างเพลี่ยงพล้ำนัก  จะอ้างเหตุอ้ายพี่รดินเพิ่งบาดเจ็บจากไล่ควายคราวก่อนคงไม่ได้  ยินดีด้วยอ้ายพี่แสนตา  มื้อนี้ท่าทางจะกินจุใจ  กลับไปคงซื้อที่นาได้อีกหลายไร่ทีเดียว”


   คำทักนั้นทำให้จระเข้หนุ่มทั้งสองหันควับไปมอง  หนึ่งหัวเราะร่วน  ส่วนอีกหนึ่งปั่นปึ่งหน้างอเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่มีผิด

   “บ๊ะ”
   ท้าวโคจรขมวดคิ้ว  รีบรั้งคนปากมากเข้ามานั่งเกยตัก
   “เจ้าสิอยู่ข้างผู้ใดกันแน่?”

   “ถ้าเลือกได้ข้าก็อยากอยู่ข้างผู้ชนะนะขอรับ” คนฟังหัวเราะคิกคัก “เสียแต่เลือกมิได้เนี่ยสิ”
   นายเหนือหัวขมวดคิ้วหมุ่น “ดูสิ  มิทันไรออกอาการเสียแล้ว…คงคิดว่าข้าน้อยใจไม่เป็นกระมัง”
   “โถจ้าวพี่  ท่านจักรู้ว่าข้าเพียงเย้าแหย่..คิดจริงจังเสียที่ไหน”
    อ้ายแสนตาหยุดหัวเราะ  พลันแทรกขึ้น “แต่ข้าจริงจังนะ”
   บุรุษผิวขาวแยกเขี้ยวใส่ “ข้าไม่ให้ว้อย”
   “งั้นข้าจะขโมยไป”
   “อ้ายแสนตา…นี่เอ็งชักปากดีเกินไปแล้ว  กลับไปหาแม่หญิงของเอ็งไป  ชิ้วชิ้ว”

   “จริงสิ”
   เด็กหนุ่มประมือเข้าหากันราวเพิ่งนึกขึ้นได้  ก่อนมองไปรอบๆ
   “ข้าสิยังมิเห็นอ้ายพี่หญิง…นางไปอยู่ไหนเสียล่ะ?”

   “ประเดี๋ยวก็มา” ชายหนุ่มร่างใหญ่หรี่ตามอง  อดที่จะหยิกแก้มหมั่นเขี้ยวไม่ได้ “ให้อ้ายแม่พิกุลไปเตรียมมาลัย  เปิดศึกสุดท้ายข้ากับจ้าวพี่โคจรของเจ้า  น้องพันวัง…เจ้าสิเลือกข้างใด?”
   “ไม่เห็นต้องถาม  ข้างอ้ายพี่แน่นอนอยู่แล้ว”
   “พันวัง!”
   “ฮะๆๆ”
   “ดูสิ  ได้ทีแกล้งข้ายกใหญ่” ไรฟันขาวขบลงมากัดไหล่มน
   “โอ๊ย! เจ็บนะ”
   “เจ็บสิดี  เจ็บจะได้จำ”
   คนถูกกระทำขมวดคิ้วหน้าบึ้ง “งั้นข้าไปอยู่กับอ้ายพี่แสนตาเสียดีกว่า  ใจกว้างกว่ากันเยอะ”
   “ดี  หากเลือกทางนั้นจะได้ปล้ำเสียตรงนี้…ให้มันรู้ไปเลยว่าเจ้าเป็นของผู้ใด”
   “จ้าวพี่!!”
   “ถ้าดื้ออีกข้าจักมิแค่ขู่  ภาคปฏิบัติน่าจะเห็นผลกว่า”
   “จ้าวพี่โคจร!!”
   “ว่ากระไร?  หากจะเรียกชื่อข้าเสียเต็มยศเช่นนั้นมิลองครางเรียกดูเล่า”
   “จ้าวพี่โคจร!!”
   เจ้าของนามยกมือแคะหู  ส่งรอยยิ้มทะเล้น “รู้แล้วว่ารักข้า  ไม่เห็นต้องเรียกเสียงลั่นขนาดนั้นก็ได้”

   คู่สนทนาหน้าเหวอโดยพลัน  ผิวกายขาวก็ขึ้นสีแดงจนไม่รู้ว่าจะแดงไปถึงไหนต่อไหน  แถมไอ้คนข้างๆที่ควรจะพึ่งพาได้กลับระเบิดหัวเราะเสียลั่น  นี่แหละมิตรภาพลูกผู้ชาย  ต่อหน้ากัดกันแค่ไหน..สุดท้ายมันก็ให้ท้ายกันอยู่ดี

   “พอเลยขอรับ!” เด็กหนุ่มดันตัวออกจนสุดแขน “ดูสิ  อ้ายพี่รดินจักตายแหล่มิตายแหล่อยู่แล้ว  ยังจะมามัวหยอกล้อข้าอยู่ได้  ถ้าคิดว่าโผล่มาหาจะรุมหัวรังแกข้าเช่นนี้..รู้งี้บึ่งไปช่วยงานครัวเสียจะดีกว่า”

   “เอ้า  จะรีบไปไหนเล่า  ยกหน้าถึงทีข้ากับอ้ายแสนตาแล้วนะ”
   “เรื่องของจ้าวพี่สิขอรับ”

   “ถ้าเจ้าไม่อยู่  แล้วมาลัยของข้าใครจะเป็นคนโยนกันเล่า”

   พันวังชะงักกับคำพูดนั้น  เบือนนัยน์ตากลมโตหันไปสบ

   อีกคนยักคิ้วให้  รีบอธิบายต่อ  “ดูสิ  อ้ายแสนตาก็มีอ้ายแม่หญิงบุหลันอะไรนั่นโยนมาลัยให้แล้ว  ข้านึกอิจฉานัก..เลยบอกอ้ายแม่พิกุลร้อยมาลัยเพิ่มอีกสักพวง  เพียงจะรอเจ้าหนุ่มน้ำใจงามคนไหนจะมาโยนให้ข้า  หรือจะให้พวงมะลิเป็นหม้ายก็ตามใจเจ้า”


   …ดูสิ…ทั้งคำพูดคำจา  น้ำเสียงท่าทางเช่นนั้น

   …มันยากเหลือเกินที่จะไม่ให้ตนคิดเป็นอื่น



   คนตัวเล็กกว่าเม้มปาก  รู้สึกถึงความร้อนที่วิ่งขึ้นมาผะผ่าวบนใบหน้า  ด้วยรู้ว่าอีกคนก็เอาใจเขามาเช่นนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  แต่ก็รู้อีกว่าที่พูดจาหวานละไมเช่นนั้นมันเรียกว่า ‘สันดานคนเจ้าชู้’ ...หาใช่ความรู้สึกที่แท้จริงไม่
   …กระนั้นก็อดจะตื่นเต้นตามมิได้


   “ท่านจ้าวขอรับ”

   พลันเสียงทักก็ดังขึ้นจากด้านหลังอีกครั้ง  เรียกให้คนทั้งสามหันไปมอง
   อ้ายอินทรเกาแก้มเก้อเขิน  ท่าทางจะยืนรอจังหวะรายงานมาสักพักแล้ว
   “มาลัยเตรียมพร้อมแล้วขอรับ  หากมิรีบตีระฆังหยุดมวยคู่นั้น  ไม่อ้ายรดินก็อ้ายสหัสนี่แหละจะหมดแรงกันไปเสียก่อน  จะเริ่มคู่เอกเลยรึไม่ขอรับ?”
   “เอาสิ” จ้าวโคจรหัวเราะในลำคอ “จักรอช้าอยู่ใยล่ะ”

   สิ้นสุรเสียงรับสั่ง  จ้าวแสนตาจึ่งได้หยิบท่อนไม้มาตีระฆังเล็กข้างตัวเหง่งหง่าง  เป็นอันยุติยกมวยคู่นั้น  เสียงโห่ร้องอย่างเสียดายดังขึ้นจากทั่วทั้งวง  แต่ก็ด้วยรู้กันว่าความสนุกต่อไปสิกำลังจะเริ่ม

   “เอ้า  น้องพันวัง..จะนั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้เล่า”
   อ้ายแสนตาหัวเราะลั่น  พยักเพยิดขึ้นไปบนชานเรือน
   “มิรีบไปเตรียมตัวโยนมาลัย  สิได้เห็นจ้าวโคจรแหกปากร้อง ‘อุแว๊’ เป็นแน่  เอ้า! รีบไป!”

   คนถูกสั่งอดจะยิ้มไม่ได้  เลยรีบดันตัวลุกขึ้น
   ส่วนคนถูกด่าถึงกลับอ้าปากพะงาบๆ “ปากคอเจ้านี่ช่างน่าเอาตีนยันเสียจริง  อ้ายแสนตา…ให้ตายเถอะ”
   “จ้าวพี่โคจร”
   “หืม?”
   เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม  เอ่ยเสียงเบา “…ขอบคุณ…นะขอรับ”

   และคนฟังได้ยินเต็มหู

   ชายหนุ่มระบายยิ้มกว้าง  ยีเรือนผมสีขนกาของอีกคนอย่างเอ็นดู  แล้วลุกขึ้นยืนตามหยิบผ้ามาพันที่มือเตรียมมวย  ระหว่างที่ใจกลางของลานกำลังเก็บกวาดศึกในคราที่แล้ว


   ร่างโปร่งสัมผัสได้ถึงหัวใจตัวเองที่เต้นระรัวยิ่งนัก…เพียงแค่อีกคนสัมผัสกายเขาอย่างอ่อนโยนเช่นนั้นก็ทำให้ข้างในร้อนผะผ่าว  บางทีอาจจะมากกว่าความตื่นเต้นที่ได้เชียร์มวยพวกนั้นก็เป็นได้  และถึงแม้จะรู้ดีว่าควรจะระงับหักห้ามใจ  ก็ใช่จะทำได้ในทันที
   พันวังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ  เตรียมตัวจะขึ้นเรือนไปรับมาลัยจากอ้ายแม่พิกุลที่ว่า
   …แต่กลับต้องชะงักเสียก่อน



   เมื่อจระเข้แทบทุกตนในนั้น…เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนเฉกเช่นกัน



   ที่ปลายของจุดรวมสายตา…มีใครบางคนยืนค้ำอยู่บนหัวกระไดขึ้นแรกเคียงคู่กับอ้ายแม่พิกุลที่พวกเขาเห็นกันจนชินชานั่นเอง

   ..เธอยืนอยู่ตรงนั้น

   ร่างอรชรในชุดกระโจงอกสีเลือดนกและผ้าถุงสีน้ำตาลรับกับเรือนร่างเต็มอิ่มในรูปแบบของสตรีเพศโตเต็มวัยที่พวกเขาไม่ได้เห็นกันเสียนาน  เรือนผมสีขนกายาวกล่อมสะโพกตรงเกลี่ยลงมาที่ข้างแก้มกลมทั้งสองข้างดูน่ารักน่าทะนุถนอม  แม้ผิวกายจะไม่ได้ขาวสว่างแต่ก็เป็นสีน้ำผึ้งที่ต้องแสงตะวันอ่อนๆกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ  ทั้งกลีบปากอวบอิ่มสีกุหลาบก็ดูเย้ายวน…จนลืมหายใจไปชั่วขณะ
   และเมื่อนางช้อนดวงตาหวานล้ำคู่นั้นมองมา….

   “แม่หญิงของข้า”

   คำนั้นอ้ายแสนตาทักขึ้นมาก่อน  เรียกสติให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์มนต์สะกด
   เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองหน้าแดง  อาจเป็นเพราะสัญชาติญาณเพศผู้ที่ยังอยู่ข้างในลึกๆ  แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากเกินไปกว่าคำชมเต็มหัว  เขาไม่รู้ว่าคำว่า ‘สวย’ นี่หมายถึงสิ่งใด  ด้วยเติบโตท่ามกลางหมู่ผู้ชายมากมาย  แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่านางช่างเปี่ยมไปด้วยสเน่ห์เหลือเกิน
   จนอดไม่ได้ที่จะหันไปสะกิดอย่างใคร่รู้
   “จ้าวพี่ๆ  นั่นน่ะรึอ้ายพี่หญิงของอ้ายพี่แสน----“


   ไม่มีเสียงตอบรับ
   ..หรือพูดให้ถูกก็คือ…อีกคนแทบไม่รู้สึกตัวเลยเสียมากกว่า



   เมื่อเงยหน้ามองถึงได้รู้ว่าร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆตนนั้นแทบจะแข็งเป็นหิน  ดวงตาคู่คมทอดมองออกไปยังด้านบนของชานอย่างไม่วางตา  ทั้งรอยยิ้มจางๆที่ฉาบอยู่บนใบหน้ารูปสลักคล้ายกับว่า…เวลา…ได้หยุดอยู่ตรงนั้น

   มันทำให้พันวังชะงัก
   มือที่เหนี่ยวแขนอีกคนถึงค่อยปล่อยลงอย่างช้าๆ






   …ดั่งดอกไม้แรกแย้ม…ที่ผุดขึ้นมากลางดวงตาสีอำพันคู่นั้น

   …และหนามแหลมคม…ที่บาดลึกอยู่ในดวงใจดวงนี้















TBC









======================




มาแว้ววววววววว
ปฐมบทนี้คงไม่ดอง กร๊ากกกก (หวังว่านะ)
สำหรับคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอไอ้พี่วันก็รอต่อไปก่อนนะคะ  :hao5: :hao5:


ยกมือถามว่า เป็นเรื่องที่ส่งผลถึงกันใช่มั้ยค่ะ
แบบเป็นอดีตของท่านอาพันวัง

ที่ส่งผลต่อการกระทำของพันวังในเนื้อหาปกติ

ถูกต้องแล้วค่าใช่เลยยย >D
เพราะเป็นเบื้องลึกเบื้องหลัง เลยอยากให้รู้กันเนอะ






ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ

ozakaoxygenz*






 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




ออฟไลน์ †คุณเขียด

  • ♣ เป็นคนดีแล้วค่ะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +376/-1
ปวดจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :o12:

ออฟไลน์ Linea-Lucifer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เข้มข้นสุดๆ อาพันวังงงงงงงงงง

ออฟไลน์ 28016

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนแรกเรามโนไปว่าจะแลกคู่กัน จ้าวโคจรก็เลยหลงรักแม่หญิง
แต่มันดันไม่ใช่นี่สิ เล่นรุมพันวังขนาดนี้ จระเข้ก็ใช่จะถนอมกันด้วย
อ่านแล้วก็ไม่แน่ใจ เหมือนพันวังจะแอบคิดเกินเลยกับจ้าวโคจร?
แต่อีกใจก็เก็บกดกับการโดนกระทำเหมือนเป็นของเล่น...
ตอนจบนี่สงสารพันวัง จ้าวโคจรมองตาไม่กระพริบเลยด้วยสิ
หรือจะเกิดดร่าม่าจ้าวโคจรกับจ้าวพันตาเรื่องแย่งแม่หญิง
พันวังแค้นเลยมาไฝว่กับพี่วัน?
#มโนเป็นฉากๆคืองานของเรา

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พันวังน่าสงสารมากอ่ะ  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
จ้าวโคจรนี่ช่างเจ้าชู้ ขี้เล่น ทะเล้น !@#$%^& โอ้ยยยย ไม่รู้จะใช้คำไหน >< จริงๆแอบอยากว่าาาาา แต่นั่นก็นิสัยจ้าวสินะ
สงสารพันวังงงงง รักคนแบบจ้าวชีวิตมันชีช้ำ!
อ่านแล้วก็นึกไปถึงพี่วัน ถ้ากระล่อนขนาดนี้จะให้น้องไกรจับเชือดซะเลยยยย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
โฮ้วววววววววววว อ่านแล้วสงสารพันวัง T_____T

ถึงจะบอกว่าจระเข้ไม่คิดรักเหมือนมนุษย์ แต่พันวังมีรักนะ

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
หวังว่าพี่วันคงไม่กระล้อนเหมือนพ่อนะ

สงสารพังวัน TT ไม่ใช่สรุปเพื่อนรักแย่งแม่หญิงกันเองนะ เเล้วพังวันของเค้าละ
 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ให้ตายสิ อดีตอันข่มขื่น T^T

ออฟไลน์ QGisuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารท่านอาพันวัง
เดี๋ยวท่านจ้าวต้องชอบเมียของอ้ายแสนใช่มั้ย
แล้วก็ต้องทิ้งพันวัง เจ็บปวดแทนนนนนนน
นี่สินะอดีตที่ข่มขื่น ทำใจรับไม่ได้จริงๆ ฮืออออออTT

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
เจ็บปวดแทน.....

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
สงสารอาพันวังอ่ะ   :hao5: :hao5:
ท่านโคจรกะล่อนมาก มาทำแบบนี้กับพันวังได้ไง :z6:
มาต่อบ่อยๆนะคะพี่โอ

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
เอาจริงๆ ท่านอาพันวังน่าสงสารมากเลยท้ายตอน

ขอเดาได้มั้ยคะแบบว่าสุดท้ายพลิกล็อคจ้าวโคจรดันชนะรึป่าว แล้วเเม่หญิงนี่เลยเสี่ยงมาลัยให้จ้าวโคจร จนกลายมาเป็นเเม่ของพี่วันในปัจจุบัน  ท่านอาพันวังเลยช้ำใจ ส่งผลมาถึงปัจจุบัน    ฮรื่ออนี่ขอให้เดาผิด ขอให้จริงๆแล้วมีมิติที่ลึกซึ้งกว่านี้  ถ้าเป็นเเบบที่เดาจริงท่านอาพันวังน่าสงสารมากจริงๆ

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
 :hao5:
เจ็บปวด

ออฟไลน์ BeeQ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
จ้าวโคจรเป็นพ่อของพี่วันใช่มั้ยนะ หรือเราจำผิด
ถ้าจำไม่ผิด พี่วันเคยบอกว่าแม่ตัวเองเป็นจระเข้เพศหญิงตัวสุดท้าย หมายถึงบุหลันรึเปล่านะ
เดาว่าจ้าวโคจรแย่งบุหลันมาจากจ้าวแสนตา เลยทำให้พันวังเจ็บปวดจนมาลงกับพี่วัน

เดาไกลลลล :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด