21
เสียงคุยเบาๆ ดังจากมุมต่างๆ ของห้องประชุมที่ใช้นำเสนอโปรเจค หากเป็นเวลาปกติถ้าจับลิงทโมนคณะวิศวกรรมมารวมกันแบบนี้คงไม่แคล้วเกิดความจราจลระดับย่อมๆ เป็นแน่ แต่ภาวะตึงเครียดของคนที่ชีวิตคาบเกี่ยวอยู่กับคำว่าจบไม่จบทำให้น้ำลายหนืดพูดไม่ออกไปตามๆ กัน
กันตธีร์หยิบโพยพรีเซนท์ที่เตรียมมาขึ้นมารื้อสลับไปมากับการขีดโยงนู่นนี่ให้วุ่นวายไปหมด
"เฮ้ย โอเคป่าว" กฤษณ์หันมาสะกิดไหล่เบาๆ
"ไม่โอเคเลย" คนถูกถามส่ายหัวพรืดพร้อมกับพยายามจัดเรียงเอกสารให้ตัวเองไม่ว่างจนเกินไป
"เริ่มที่ภาคไฟฟ้านี่ เดี๋ยวก็จบแล้วน่า"
"นั่นปลอบใจแล้วเรอะ" วีรินทร์ชะโงกหน้ามาถาม "ขึ้นคนแรกนี่ เดี๋ยวรู้ตัวอีกทีก็จบแล้วธีร์"
"นั่นก็ไม่เรียกว่าปลอบใจว่ะซอล" จิรณัฐที่นั่งถัดออกไปหัวเราะเบาๆ "ธีร์ทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ"
"แหม คลาสสิค" คุณพ่อเปรยอย่างหมั่นไส้
"ก็ดีกว่าของพวกมึงไหมครับ?" คุณชายประจำกลุ่มยืดตัวข้ามหัวเพื่อนไปโต้กลับ
"แอมว่า...ให้ธีร์ตั้งสติเงียบๆ ดีไหม" หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มท้วงขึ้นพร้อมกับแตะแขนคนตัวโตให้หยุดก่อสงคราม "อีกสิบนาทีกว่าจะถึงเวลา ธีร์ไปห้องน้ำก่อนไหม"
"อื้อ...ขอเดินเล่นหน้าห้องแปปนึงดีกว่า" ชายหนุ่มลุกโดยไม่มองหน้าเพื่อนแล้วเดินแข็งๆ ออกไปที่ระเบียงเพียงลำพัง
กันตธีร์ไม่ถนัดเอาเสียเลยกับการนำเสนองานหรือพูดต่อหน้าคนมากๆ เขามักจะทำมันออกมาไม่ได้ดีเท่าที่ตั้งใจหรือทำพลาดอะไรที่ไม่น่าให้อภัยอยู่เรื่อยๆ ทำให้เขารู้สึกไร้ความมั่นใจสุดๆ ทั้งที่ตัวโปรเจคก็ได้รับการตรวจเชคร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นอย่างดีแล้ว
ถ้าเขาเป็นคนแบบกฤษณ์ที่กล้าพูดสิ่งที่คิดอย่างไม่ลังเล หรือจิรณัฐที่พลิกลิ้นได้คล่องแคล่วเป็นปลาไหลก็คงจะดีไม่น้อย
พูดถึงเพื่อนๆ ...ทุกคนดูจะเป็นห่วงเขาอีกแล้ว บางทีกันตธีร์ก็รู้สึกว่ามันไม่ดีเลยที่ทุกคนเอาแต่โอ๋เขาแบบนี้ ขนาดกฤษณ์กับพิชามณที่ไม่ได้นำเสนอโปรเจควันนี้ยังแวะมาให้กำลังใจกันด้วยซ้ำ
...เพิ่งจะมารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนน่าเป็นห่วงขนาดนี้เอาตอนจะเรียนจบ
ชายหนุ่มถอนหายใจพลางพิงตัวกับขอบระเบียง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู
‘โชคดีนะธีร์’
ข้อความสั้นๆ ถูกส่งมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนนิ้วไปแตะหน้าจอเป็นการโทรออก
"ธีร์ เป็นไง" เสียงนุ่มถามทันทีที่กดรับ
"ยังไม่ได้พรีเซนท์เลย...แต่สั่นเป็นบ้า"
"อื้อ สูดลมหายใจลึกๆ เดี๋ยวก็ดีเอง"
"กลัวโดนถามแล้วหัวตื้อคิดคำตอบไม่ทัน" เขาบ่นเสียงเบา
"ธีร์ก็เตรียมมาดีมากแล้วนี่"
"ก็ใช่...แต่ยิ่งเตรียมมาดีก็ยิ่งกลัวตัวเองจะทำไม่ได้ตามที่เตรียมมาไง"
"ถ้าธีร์ทำดีสุดๆ แล้ว ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นยังไงมันก็ต้องดีสุดๆ อยู่แล้วล่ะ" โชติภัทรบอกเสียงอ่อน "อย่าเพิ่งคิดไปก่อนสิ"
"ก็รู้แหละ แต่มันก็ตื่นเต้นอยู่ดี"
"งั้น...เย็นนี้อยากกินอะไร" ปลายสายเปลี่ยนเรื่องฉับไว "มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ลด20%อยู่สนใจไหม"
กันตธีร์หัวเราะเบาๆ ให้กับการเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายแล้วก็ตามน้ำไป ว่าที่คุณหมอรู้จักวิธีมากมายที่จะทำให้เขาหายเครียดได้ชะงัดนัก
"เฮ้ยตัวเล็ก"
หลังจากคุยได้ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็โผล่ออกมาจากห้องเคาะนาฬิกาข้อมือให้รู้ว่าควรไปเตรียมตัวได้แล้ว เขาจึงบอกลาปลายสายแล้วเดินกลับไปหาเพื่อน
กฤษณ์จ้องหน้าเขานิ่งแล้วก็เดินกลับเข้าไปโดยที่ไม่ได้ว่าอะไร ชายหนุ่มขมวดคิ้วอ้าปากจะเรียกแต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลาจึงหมุนตัวเดินไปประจำที่หน้าห้องพร้อมกับการรวบรวมสมาธิ หลังจากจัดไฟล์และเอกสารต่างๆ จนเรียบร้อยแล้วก็นั่งเคว้งคว้างอยู่อีกอึดใจคณาจารย์ที่มากันครบองค์ก็ส่งสัญญาณบอกให้เริ่มได้
"...สวัสดีอาจารย์ทุกท่านและเพื่อนๆ ทุกคนครับ..."
มือที่กำไมค์อยู่ชื้นเหงื่อไม่ต่างกับแผ่นหลัง แต่เขาพยายามเกร็งใบหน้าให้ดูเหมือนคนมั่นใจเสียเต็มประดา ปากก็ว่าไปตามที่ท่องมาอย่างดีโดยที่หัวคิดออกมาเป็นรูปธรรมไม่ทันด้วยซ้ำ
กันตธีร์รู้สึกมีเสียงวิ๊งๆ ลอยอยู่ในหัว แม้จะยังยืนตัวตรงพร้อมกับชี้อธิบายสไลด์อย่างคล่องแคล่ว...ถ้าใครขัดขึ้นมาตอนนี้เขาต้องเป็นลมแน่ๆ!! อย่าให้มีใครว่าอะไรขึ้นมาหน่อยเลยเถอะ!
หลังจากพูดพล่ามอยู่คนเดียวมาร่วมสิบนาทีก็เริ่มมีอาจารย์หันมาสับซอย แต่ก็เป็นจุดที่เริ่มตั้งสติได้ ทำให้เขาเรียบเรียงคำตอบออกไปได้ไม่สับสนนัก หลังจากที่คำถามแรกไปได้ด้วยดีกำลังใจก็เริ่มมา ชายหนุ่มปลอบตัวเองเบาๆ ในใจ
“พอแล้ว ดีมากคุณกันตธีร์ คนถัดไปได้”
รู้สึกราวว่ายน้ำถึงฝั่ง ถึงจะโดนฉลามงับบ้างชนหินโสโครกบ้าง แต่รอดตายก็โอเค...ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณก่อนจะรีบเดินมาจัดไฟล์ที่คอมพิวเตอร์แล้วจึงลอบเงยหน้ามองเพื่อนๆ ที่เรียงรายกันอยู่เกือบเต็มห้อง จิรณัฐกับพิชามณชูไม้ชูมือเป็นเชิงบอกว่าสุดยอด มาจากบนสแตนด์ที่นั่ง วีรินทร์แค่ชูนิ้วโป้งให้พร้อมกับรอยยิ้มนิดๆ
ส่วนเพื่อนสนิทคนดีกลับแค่กอดอกแล้วขมวดคิ้ว...ก่อนจะทำปากขมุบขมิบที่ถึงเขาจะมองไม่เห็นแต่ก็เดาได้
‘เห็นมะ ว่ามึงทำได้’
กันตธีร์ลอบยิ้มขณะเดินกลับขึ้นไปหากองเชียร์เฉพาะกิจของตัวเอง จิรณัฐที่อยู่ถัดไปไม่กี่คิวเดินสวนลงไปเตรียมตัวบ้าง แม้จะดูกังวลอยู่บ้างแต่รอยยิ้มการค้าก็ยังทาบอยู่บนเรียวปากไม่เปลี่ยน
แล้วสุดท้ายคุณชายมาดดีก็สามารถขายโปรเจคตัวเองได้น้ำไหลไฟดับตามความคาดหมาย และวีรินทร์เองที่เป็นคนท้ายๆ ของภาคก็ตอบคำถามได้ดีจนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ตอนบ่ายแก่ๆ พิชามณก็ขอตัวกลับไปเตรียมงานก่อนเนื่องจากเป็นคิวที่จะต้องนำเสนอพรุ่งนี้จึงเหลือแต่กลุ่มชายล้วนสี่คนให้ยืนมองหน้ากันอยู่ที่บันไดหน้าตึก
“ฉลองมั๊ยฉลอง” คนที่อารมณ์ดีตลอดเวลาเสนอขึ้น
“หมีมันยังไมได้พรีเซนท์เลย” รูมเมททักท้วงความยุติธรรมแทน
“เออ เห็นใจกูบ้างอะไรบ้าง กว่าจะถึง...นู่นวันศุกร์ หน่วงสัสๆ” กฤษณ์บ่นอุบ
“งั้นก็ไปกันศุกร์ทีเดียวละกัน” จิรณัฐโคลงหัวโดยที่ไม่ได้ว่าอะไร
“งั้นวันนี้แยกย้าย?”
“ตามนั้น”
วีรินทร์ตัดบท ทุกคนจึงทำท่าจะกระจายตัวกันทันที แต่คนสรุปกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยหันไปคว้าแขนรูมเมททั้งสองไว้
“สรุปว่าไปทำเรื่องจบมาหรือยัง?”วีรินทร์ที่ไม่ใช่คนพูดมากถึงกับบ่นยืดยาวใส่รูมเมททั้งสองแบบไม่พักหายใจตั้งแต่หน้าคณะยันตึกอำนวยการ จิรณัฐที่ว่างงานจนตามมาด้วยก็เอาแต่หัวเราะชอบใจไม่ช่วยกันสักคำ
คุณพ่อของคนทั้งกลุ่มได้ถึงคราวหงอก็วันนี้
กันตธีร์หัวเราะแหะๆ รับคำเพื่อนที่เริ่มจะกลายร่างเป็นคุณแม่ขึ้นมาอีกคน ก่อนจะเดินไปหยิบบัตรคิวแล้วกรอกเอกสารให้เรียบร้อย มือถือในกระเป๋าสั่นเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู ข้อความจากโชติภัทรบอกว่าจะมาทำธุระที่ตึกอำนวยการแปปนึง ให้รออยู่ที่หอก่อน เขาจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่าอยู่ที่ตึกอำนวยการเหมือนกันแล้วก็เดินไปหยิบบัตรคิวให้
ช่วงบ่ายของวันพุธมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยมาติดต่อเรื่องต่างๆ จนกระทั่งร่างสูงโปร่งจากคณะแพทย์เดินมาถึงแล้วก็ยังไม่ถึงคิว
โชติภัทรยิ้มบางทักทายแล้วก็เผื่อแผ่ไปยังเพื่อนรอบตัวเขาด้วย
นาทีนี้เองที่กันตธีร์สำนึกได้ว่าคิดผิดมากๆ
บรรยากาศอึมครึมอย่างไรไม่ทราบลอยอวลอยู่เหนือหัวคนทั้งห้าทันที วีรินทร์ไม่ค่อยทักคนอื่นก่อนอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ แต่กฤษณ์ที่เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีก็ดันเงียบไปแบบผิดปกติสุดๆ โดยยังไม่นับจิรณัฐที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบไปมองหน้า
ถ้าพิชามณยังอยู่ตรงนี้สักคนเขาก็พอจะหายใจได้ทั่วท้องอยู่บ้างหรอก
“โชมาทำเอกสารอะไรหรือ?” เขาถามเพื่อไม่ให้ทุกอย่างเงียบ
“ขอใบรับรอง ฉันจะไปelectiveที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดช่วงปิดเทอมน่ะ” อีกฝ่ายตอบพร้อมคำอธิบาย “electiveมันก็คล้ายๆ กับขอไปฝึกงานอะไรแบบนั้นแหละ”
กันตธีร์ทำเสียงรับรู้ แล้วก็ไม่มีอะไรจะคุยอะไรต่อ โชคดีที่ถึงคิวที่ถูกเรียกพอดีเขากับรูมเมทร่างยักษ์เลยเดินออกมาก่อน ชายหนุ่มเหลือบมองกลับไปอย่างเป็นกังวล แล้วก็รู้สึกโล่งอกไปเปลาะนึงเมื่อเห็นว่าวีรินทร์เริ่มเปิดบทสนทนา
แม้จิรณัฐจะหันไปเล่นมือถือแบบไม่สนใจโลกเลยก็ตาม
“เป็นห่วงโชติภัทรหรือเจ?”
คนข้างๆ กระซิบถามตอนที่กำลังยืนรอเอกสารอยู่ กันตธีร์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาหันไปมองเพื่อนสนิทอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าคำตอบแบบไหน...ที่จะไม่ทำให้อะไรๆ มันแย่ลง
พอเสร็จเรื่องเสร็จราวเขาก็บอกขอตัวกับเพื่อน แล้วก็เดินออกมากับโชติภัทร ความรู้สึกแย่ๆ ดูจะติดตัวมาด้วยจนอีกฝ่ายก็สัมผัสได้แม้จะไม่ได้ว่าอะไรก็ตาม ทั้งคู่เดินมาถึงร้านอาหารที่คุยกันไว้เมื่อเช้า คนเยอะใช้ได้แต่ก็ยังพอเหลือที่ให้กินได้เลยโดนไม่ต้องรอคิว
“ธีร์” ปลายนิ้วอุ่นแตะเบาๆ ที่หลังมือเป็นการเรียกคนเหม่อ
“อ๊ะ โทษที” ชายหนุ่มสะบัดหัวก่อนจะขยับตะเกียบมาคีบข้าวเข้าปาก
“ธีร์ ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอกนะ” โชติภัทรเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ใจลอยเลยอดไม่ได้ที่จะปลอบเสียงอ่อน “เอาที่ธีร์สบายใจดีไหม”
“...ก็ตอนนี้มันไม่สบายใจแล้วล่ะ” เขางึมงำ คนฟังจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันเข้าใจนะถ้าเพื่อนธีร์จะไม่โอเค เพราะงั้น...ฉันน่ะไม่เป็นไรจริงๆ” คนใจกว้างเป็นมหาสมุทรตลอดเวลาบอก
“แต่ฉันไม่โอเค...”
ความคิดในหัวของเขากำลังหมุนวน ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรสักอย่างที่ผิด เหมือนมีอะไรขัดอยู่ในฟันเฟืองทำให้ทั้งระบบติดขัดไปหมดจากจุดจุดเดียว
อีกครั้งที่มืออุ่นแตะลงมาเป็นการเรียก แต่ครั้งนี้มือนั้นรวบเอามือของเขาไปจับไว้พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขี่ยเบาๆ เป็นการเรียก
“นี่ มองหน้าฉันสิธีร์” เสียงนุ่มกระซิบ สายตาเบื้องหลังกรอบแว่นมองตรงมา “เรื่องบางเรื่องเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก แต่ถ้ามันทำอะไรได้...เรื่องของเรามันก็เป็นเรื่องของฉันด้วย เพราะฉะนั้นฉันก็จะช่วยด้วย...แต่ตอนนี้กินข้าวก่อนนะ”
กันตธีร์รู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าร้อนฉ่า จนอดจะบริภาษอีกฝ่ายในใจไม่ได้ว่าทำไมถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมาด้วยหน้าตาเฉยขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขาโดนน็อคเอาท์ไปตั้งแต่คำว่า ‘เรื่องของเรา’ แล้ว
เกี๊ยวซ่าร้อนๆ ถูกคีบมาวางแปะบนจานเป็นเชิงบอกให้กินเข้าไป คนที่สมองเบลอก็ทำตามอย่างคิดไม่ทันแล้วก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย...บางทีเขาก็สงสัยขึ้นมาแบบจริงจังว่า หรือโชติภัทรจะสะกดจิตคนได้กันนะ
ประมาณสองทุ่มกว่าแล้วที่กันตธีร์กลับมาถึงหอ วีรินทร์นอนเกลือกอยู่บนเตียงเขาเป็นเรื่องปกติเพราะเตียงชั้นสองอยู่ชิดเพดานมากจนอึดอัดเกินไปที่จะขึ้นไปนอนเล่น ส่วนกฤษณ์ก็มุดหน้าเข้าจอทำนู่นทำนี่อยู่ตามปกติ ชายหนุ่มจึงทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมคืออาบน้ำแล้วก็กลับมานั่งเลือกนิยายจากตู้หนังสือ
เขาตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่ทำงานหนึ่งวัน จึงผลักร่างผอมบางของเพื่อนที่มารุกรานเตียงให้ไปนอนชิดอีกข้างแล้วแทรกตัวลงไปนอนด้วย วีรินทร์บ่นงึมงำ แต่ก็ตะแคงตัวนอนเบียดกันอย่างจำยอม
บรรยากาศเงียบๆ เดินต๊อกแต๊กไปพร้อมกับเข็มนาฬิกาสั้นยาวที่หมุนไปเรื่อยๆ จนห้าทุ่มกว่าคนที่เตียงอยู่สูงก็ทนไม่ได้ ยอมปีนกลับขึ้นไปถิ่นตัวเอง ทำให้ฝ่ายที่นั่งทำงานอยู่ได้ฤกษ์วางมือแล้วหันมาบอกว่าจะปิดไฟ
กันตธีร์ได้ยินรูมเมทคุยกันเล็กน้อยแล้วไฟในห้องก็มืดลง เขาพลิกตัวหยิบมือถือมาเสียบกับที่ชาร์ตพร้อมกับส่งข้อความไปหาอีกคนว่าจะเข้านอนแล้ว
Chotipat – ฝันดีเหมือนกัน
Chotipat – อย่าคิดมากนะ
ชายหนุ่มลืมตาโพลงในความมืด...นี่เขาชักจะเป็นไอ้ตัวน่าเป็นห่วงเกินไปหรือเปล่า
มีเพื่อน เพื่อนก็พากันเป็นห่วงนู่นนี่ไปหมด มีแฟน...เอ้อ...แฟนก็ขี้กังวลขี้คิดมากอีก
หลังจากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่สักพักกันตธีร์ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ที่เป็นอยู่เลยสักนิด!
คนตัวเล็กลุกจากเตียงก่อนจะเดินไปที่เป้าหมายซึ่งอยู่อีกมุมของห้อง
“ไอ้เชี่ย! ตัวเล็ก!!” เสียงอุทานไม่เบาดังขึ้นจากคนยังไม่หลับสนิทพร้อมกับคำด่า “เดินมาทำไมมืดๆ เงียบๆ เหี้ย กูหลอน”
“นอนด้วย” เขาบอกสั้นๆ แล้วก็ทิ้งตัวใส่เพื่อนให้มันร้องว้ากด่าขึ้นมาอีกรอบ
เตียงของหอพักก็ไม่ใหญ่อยู่แล้ว ขนาดคนตัวผอมอย่างเขากับวีรินทร์ยังเบียด ไม่ต้องคิดเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนตัวยักษ์แบบกฤษณ์ แต่ชายหนุ่มก็เบียดตัวเองไปบนเตียงกับเพื่อนจนสำเร็จในที่สุด
“เล่นอะไรของมึงเนี่ย”
“...มึง มึงไม่ชอบโชหรือ” ถามกลับไปอีกเรื่องจนคนฟังชะงัก
“อะไรของมึง...”
“กูถามว่า มึงไม่ชอบโชหรือเปล่า”
กฤษณ์ที่สายตาเริ่มชินกับความมืดแล้วมองเห็นสายตาคาดคั้นจากเพื่อนในระยะใกล้อย่างชัดเจน และในขณะเดียวกันเขาก็เห็นความหวาดหวั่นในคำตอบที่อาจจะได้ยิน
“ถ้าไม่ชอบมึงจะทำยังไง”
“กู...ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง” กันตธีร์อึกอัก ก่อนจะตอบสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “แต่ยังไง...พวกมึงก็เป็นเพื่อนกู กูก็ไม่เลิกคบกับพวกมึงแน่ๆ แต่โช...กูก็ไม่อยาก...เอ้อ...เลิกเหมือนกัน”
“มึงจะช่วยเอ่ออ่าอะไรให้น้อยหน่อยได้ไหมเนี่ย”
“สัส มาเป็นกูไหม นี่พูดยากนะโว้ย”
กันตธีร์โวยวาย เขาไม่ใช่พวกที่ชอบอวดความสัมพันธ์ของตัวเองกับใคร การที่จะมานั่งพูดบ้าอะไรแบบนี้ให้คนอื่นฟังเขาต้องรวบรวมแรงใจขนาดไหนกัน แต่คุณพ่อก็เหมือนจะพอเข้าใจ เลยยิ้มขำๆ ให้บรรยากาศดูคลี่คลายลง
“หมี...ที่มึงถามเมื่อตอนเย็น กูไม่ได้มองว่าเพื่อนสำคัญน้อยกว่าโชเลย” เขารวบรวมความคิดที่กระจัดจายแล้วค่อยๆ พูดมันออกมา “คือมันไม่เหมือนกันมึงเข้าใจใช่ไหม พวกมึงเป็นเพื่อนคนสำคัญของกูนะ เจกูก็เป็นห่วง ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่โช...”
“เป็นคนที่มึงชอบ”
คำพูดสวนขึ้นมาทำเอาสำลักน้ำลายพูดต่อไม่ออก
“นี่ตัวเล็ก...กูไม่ได้อยากให้มึงเป็นแฟนกับโชติภัทรหรอกนะ” กฤษณ์ตอบเสียงอ่อน “ฟังก่อนๆ แต่กูก็ไม่ได้รังเกียจขนาดที่ เฮ้ย อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู”
“...แอมบอกว่ามึงไม่ชอบใจที่โช”
“นั่นก็ใช่...ใครทำเพื่อนกูเสียใจกูก็ต้องไม่ชอบถูกไหม?” คนรักเพื่อนว่า “แต่แม่งคดีพลิกไง มึงกับโชก็คบกันแล้ว แถมดูมีความสุขดีจนกูไม่อยากจะว่าอะไร หมาเลยกู”
กันตธีร์รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูกจึงนึกดีใจที่ตอนนี้ในห้องปิดไฟจนมืดสนิท
“ที่วันนี้เงียบไปไม่ใช่อะไร ล่าสุดที่เจอกันคือกูไปกระชากคอเสื้อกันไว้นะ หรือดราม่าอยู่จำไม่ได้?” ถึงตรงนี้คนฟังก็แทบกระอักเพราะความอับอายที่ได้กระทำลงไป “จะให้เดินเข้าไปทัก เฮ้เฟรนด์ มันก็ไม่ได้ป่าววะ แล้วมึงเองก็ไม่เคยบอกอะไรพวกกูเลยสักนิด ไอ้นิสัยแบบนี้นี่ขอซื้อได้ไหม”
โอเค...เขาเจอจุดของฟันเฟืองที่ขัดกันอยู่แล้ว
ชายหนุ่มกระโจนเข้าฟัดเพื่อนตัวใหญ่ให้จนเกิดการต่อสู้ย่อมๆ ขึ้นอีกครั้ง กันตธีร์ที่ยังไงก็แพ้หัวเราะเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะลุกขึ้นมานั่งดีๆ
“กูขอโทษ” เขาพูดอย่างจริงใจ “กูแค่ไม่รู้จะพูดอะไรจะเริ่มตรงไหน มันคงเป็นนิสัยเสียจริงๆ แต่กูไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรพวกมึงนะ กูก็แค่...แค่เขิน...ล่ะมั้ง”
“กูก็ไม่ได้โกรธ” กฤษณ์ตอบเสียงอ่อน “อาจจะน้อยใจนิดๆ ว่ามึงเอาอีกแล้ว แต่ก็เท่านั้นแหละ กูรู้ว่ามึงยังจัดการกับตัวเองไม่ได้เลยไม่อยากไปเค้นคออะไร ส่วนเรื่องเชี่ยเจ...กูคิดว่ามึงจัดการได้เอง มันอาจจะทำตัวงี่เง่าอยู่ตอนนี้ แต่เดี๋ยวมันก็หาย กลับมาเป็นไอ้คุณชายปัญญาอ่อนเหมือนเดิม”
กันตธีร์อดจะยิ้มกว้างออกไม่ได้ในความมืด ก่อนจะกระโดดใส่เพื่อนสนิทอีกทีไม่ได้
“ขอบคุณนะหมี โคตรรักมึงเลยว่ะ”
“เออๆ อย่าให้ไอ้โชติภัทรมาได้ยินล่ะ กูตายห่าสถานเดียว”
“เออ เดี๋ยวอัดเสียงไปส่งให้พร้อมรูปถ่ายตอนนี้เลยดีไหม”เสียงหลอนๆ ดังขึ้นพร้อมกับศีรษะที่ยื่นพ้นขอบเตียงลงมาทำเอาคนที่อยู่เตียงล่างเกือบกรีดร้องไม่เป็นภาษา
“คุยกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันนอนเหอะ เตียงก็โคตรแคบ ปกติแค่หมีมันขยับทีข้างบนก็โงนเงนจะหล่นลงไปคอหักตายอยู่แล้ว”
วีรินทร์บ่นยาวพรืดแล้วก็ดึงหัวที่ห้อยลงมากลับขึ้นไปนอนดีๆ กันตธีร์ที่หายตกใจจึงลุกขึ้นจากการระรานเพื่อนแล้วยืดตัวขึ้นไปเกาะขอบเตียงบน
“ขอบคุณมากๆ เหมือนกันนะซอล”
เขากระซิบบอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ชูมือขึ้นโบกเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ชายหนุ่มจึงงมทางกลับไปที่เตียงตัวเอง แล้วหลับตาลงอย่างสบายใจ
พรุ่งนี้เช้า...เขาจะเล่าเรื่องนี้ให้โชติภัทรฟังเป็นอย่างแรกเลย
TBC
::TALK::
[พิมพ์สิ่งนี้เป็นรอบที่สองเนื่องจากคอมดับ]
//กราบกราน เลทจริงจังขออภัย
แต่จะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันซีเวียมากค่ะ //ปาดน้ำตา

วันก่อนพิมพ์ไปจบจะจบละ...คอมดับ!! แถมเปิดมาออโตเซฟก็ไม่มี คือไร!? แล้วที่แย่กว่านัน้คือมันติดๆดับๆเรื่อยๆมาจนถึงตอนนี้ [ถึงเมื่อกี้ตอนพิมพ์ทอล์คกั[คอมเมนท์เสร็จมันก็ดับใส่หน้า //ร้องไห้

]
[ข้อดีของเรื่องนี้คือเขียนใหม่แล้วมันยาวขึ้น...ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ //อาจจะมีพลังงานบางอย่าง]
โอเค...นั่นคือการคร่ำครวญของสิ่งที่เกิดในวันสองวันนี้ จริงๆ ที่หายไป2วีคคือไปสอบ [อย่าถามผล] และตกหลุมด้วง[?] มาค่ะ
สำหรับตอนนี้ //ปาดน้ำตาแล้วพิมพ์เหมือนเดิมอีกรอบ คนเขียนคิดว่าเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วกฤษณ์สำคัญมากเหมือนกันสำหรับธีร์ ตอนนี้เลยต้องขอยกให้นะคะ อาจจะไม่หวานเท่าไหร่ [คงไม่ดราม่าเกินไปใช่มั๊ยค้าาาา]
สำหรับตอนหน้า จะพยายามมาให้ได้ในศุกร์นี้นะคะ

[ตั้งเป้าไว้ว่าเรื่องนี้จะต้องจบในปีนี้]
ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะะะะ กอดดดดดดด

ป.ล. ขออภัยที่ทอล์คสั้น...ยังช้ำใจกับที่พิมพ์แล้วหายไป แงงงงงงงงงง
::comment::
biw43 - ขอบคุณค่าา ดีใจที่ชอบนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

//กอด
Zelsy - ฟีลลิ่งหน้าระเบิดเลยค่ะะะ เขียนไปเขินไปเหมือนกัน 5555
GintoniC - เจมีคู่แน่นอนค่า ตอนนี้กำลังเขียนอยู่เลยค่ะ

kokoro - จนได้กันเลยหรอคะ [คิดหนัก] ขอบคุณสำหรับกำลังใจช่วงสอบนะคะ
BeeRY - //ฉีดinsulin ตอนนี้ไม่หวานเท่าไหร่นะคะะ
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว - เรียกได้ว่าจิตใต้สำนึกไม่ผ่านสมองกันเลยค่ะ 5555555 //จับจูบ ว่าแต่ตอนนี้คงไม่ดราม่าเกินไปใช่มั๊ยคะะะ
mild-dy - ขอบคุณค่า มุ้งมิ้งกันแบบพอประมาณ 555
JustWait - คนเขียนก็เขินค่า 555 //หน้าระเบิด
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - แหะๆ ตอนนี้เลทเบาๆ ขอโทษนะค้า

สำหรับเรื่องครอบครัวอาจจะต้องรอดูไปอีกหน่อยค่า
ammchun - ขอบคุณค่าคุณแอม ดีใจที่ชอบนะคะะะะ คืออ่านคอมเมนท์นี้แล้วต้องกลับไปไล่อ่านบ้างเลย

ยาวจริง 555 ยินดีต้อนรับนะคะ
paladin.kn - ขอบคุณค่าาา ยินดีต้อนรับค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ว่าแต่ตอนนี้ดราม่าเกินไปหรือเปล่าอ่ะคะ แหะๆ
malula - เขียนไปก็เขินไปเหมือนกันค่ะ 55555

quiicheh. - //หน้าระเบิด! 5555 ตอนของเจเขียนอยู่นะคะ แต่คงให้โชธีร์จบก่อนถึงจะเอามาลงค่า [//สร้างงานให้ตัวเอง]
minjeez - เพลงนี้ใช่เลยค่ะ! [คนเขียนชอบพี่ซิน //ผิดประเด็น] โชเป็นคนเอาจริงเอาจัง จริงจังกับทุกอย่าง คนแบบนี้ถ้าเสียใจคงน่าสงสารแย่เลย เพราะงั้นคนเขียนไม่ยอมหรอกค่ะ!!
RinNam - ขอบคุณนะคะะะ ดีใจมากเลยที่ชอบ //เขิน ยินดีต้อนรับนะคะะะ //ช่วยขึงมุ้ง
kik - ขอบคุณค่าาาา //เขิล

ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆเลยนะคะ ทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันและคนใหม่ๆที่แวะเวียนมาด้วย อ่านคอมเมนท์แล้วมีพลังอ่ะ //เขิล

//แจกกอดดดดดด

เจอกันตอนหน้าค่าาา
ป.ล. ขอบคุณคุณOrageryLemonด้วยนะคะ เพิ่งเห็นว่าเอาเรื่องนี้ไปแนะนำในกระทู้แนะนำนิยาย คือเห็นแล้วเขินมาก

555 แต่ก็ดีใจมากเลยค่ะ //วิ่งปิดหน้าเข้าไปกอด

---edit----
เพิ่มรูปค่ะ 555555 มัวแต่เวิ่นเว้อเพราะคอมดับ ลืมโพส
รูปนี้ประกอบตอน20 (วาดไว้หลายวันด้วยความเวิ่นเว้อ) >>>
http://t.co/BJDPGU7Vdoแอบชอบฉากนี้เป็นพิเศษ ><