ร้ายซ่อนรัก บทที่ 30
พ่อเลี้ยงสุชัยขับรถจี๊ปมาจอดอยู่ที่ริมถนนใหญ่แล้วมองเข้าไปยังไร่มนัญชัยที่อยู่เบื้องหน้า เสียงกัดฟันดังลอดออกมาด้วยความโกรธเมื่อเจ้าของไร่กลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตสำหรับสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ นอกจากจะไม่ยอมขายที่หรือให้ความร่วมมือใดๆ โมกข์ มนัญชัย ยังให้ลูกน้องกระจายกำลังกันเฝ้าเวรยามและตรวจค้นเกือบทุกจุดในทุกค่ำคืน ทำให้กองทัพมดของเขาทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้พ่อเลี้ยงสุชัยกำลังขาดสินค้าที่จะนำไปจำหน่ายให้มิสเตอร์แดนเข้าขั้นวิกฤตนี่ถ้าเขาฆ่าโมกข์ได้ง่ายๆ เขาคงสั่งการไปแล้วพ่อเลี้ยงสุชัยหงุดหงิดจนต้องควักบุหรี่มาจุดสูบ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นเด็กชายตัวเล็ก ผิวขาวที่ลากจูงจักรยานคันน้อยเลียบมาตามไหล่ถนน ดวงตาหลุกหลิกวาบขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วจึงอ่อนแสงเป็นปกติเมื่อเขากระโดดจากรถมาขวางไว้“ไอ้หนู ทำไมลากจักรยานมาอย่างนั้นล่ะ”
เด็กตัวขาว แก้มยุ้ยเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างไร้เดียงสา“ยางมันแบนครับลุง ผมจะจูงไปที่ร้านปะยางที่โค้งถนนนู้น”
แขนกลมชี้ไปทางโค้งของถนนที่อยู่ไกลออกไป พ่อเลี้ยงสุชัยซ่อนยิ้มเอาไว้“โอ้โฮ ไกลนะหนู เอางี้ แบกจักรยานขึ้นรถลุงดีกว่า ลุงจะไปส่งให้”
หน้ากลม เอียงคอครุ่นคิด“จะดีหรือครับคุณลุง รบกวนคุณลุงหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่เลย ลุงกำลังจะขับรถไปทางนั้นพอดี มา…ไปกับลุง”
ไม่รอคำตอบจากเด็กน้อย พ่อเลี้ยงสุชัยกระวีกระวาดยกจักรยานคันน้อยขึ้นไปวางที่ด้านหลังของรถแล้วหันไปอุ้มเด็กน้อยมาวางตรงที่นั่งข้างคนขับ ก่อนที่จะลอบยิ้มออกมาเมื่อเดินกลับมาสตาร์ทรถแล้วขับออกไปโมกข์ลากพัทธ์มาในเมืองจนได้ หลังจากที่พัทธ์ปฏิเสธเพราะกำลังจะเริ่มสรุปงานในโปรเจ็คที่ทำอยู่ แต่ก็ทนการรบเร้าของโมกข์ไม่ได้จึงต้องยอมติดตามมาในห้างสรรพสินค้าที่บิดาของโอบกิจเป็นเจ้าของอยู่ ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกำลังจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรที่ไร่มนัญชัยมาเปิดบูธอยู่ด้วย และวันนี้เป็นวันเปิดงานที่มีผู้ใหญ่ในจังหวัดมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งโอบกิจเองยังต้องมาช่วยบิดาต้อนรับแขกจนหัวหมุน ในขณะที่โมกข์และคำปันก็สาละวนต้อนรับผู้คนที่ทยอยเดินเข้ามาชมสินค้าอย่างขมักเขม้นพัทธ์เดินชมสินค้าที่นำมาวางแสดงตามบูทต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน จนเดินมาใกล้ถึงบูธของพ่อเลี้ยงสุชัยที่มีสลิลลายืนกอดอกคุมอยู่ หญิงสาวชะงักเมื่อเห็นพัทธ์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูผลิตภัณฑ์ต่างๆ ห่างไปไม่ไกลนัก สลิลลาจึงถือโอกาสพิจารณาอาจารย์หนุ่มหากว่ากันตามสายตาอาจารย์มหาวิทยาลัยคนนี้ก็แทบจะไม่มีคุณสมบัติโดดเด่นอะไรเลย รูปร่างสูงผอม แม้ว่าจะดูเฟิร์มอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมีกล้ามเนื้อเป็นมัดจนน่าจับ จะมีที่ดูดีหน่อยก็ตรงผิวขาวที่ดูเนียน กับหน้าตาตามเทรนด์นิยม สลิลลายักไหล่ อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาอย่างพัทธ์ไม่ใช่ผู้ชายในสเป็คของหล่อนก็ได้จึงไม่ได้สะดุดตาอะไรมากนัก หากเทียบกับโมกข์ที่ดูเป็นผู้ชายเต็มตัวมากกว่านึกถึงโมกข์ สลิลลาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นความสนิทสนมระหว่างโมกข์และพัทธ์ที่ดูจะมากกว่าปกติ เมื่อวันที่หล่อนบุกไปที่ไร่มนัญชัยแล้วเห็นทั้งคู่เดินมาด้วยกัน ถ้าตาไม่ฝาดหล่อนเห็นทั้งคู่จับมือกันด้วย แต่สลิลลาก็พยายามปัดความรู้สึกแปลกๆ นั่นออกไปด้วยความพึงใจในตัวโมกข์เหยียดยิ้มอย่างเสียไม่ได้เมื่อสบตากับพัทธ์ ก่อนที่จะเชิดหน้าอย่างไว้ตัว กับคนที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจ สลิลลาไม่เคยให้ค่าในสัมพันธภาพอยู่แล้ว หล่อนไม่สนใจรอยยิ้มที่พัทธ์ส่งให้เตรียมหันตัวกลับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่ตามมายั่วยวนอยู่ในความฝันเดินตรงมา สลิลลาคลี่ยิ้มเตรียมพุ่งตัวไปหา ถ้าไม่ติดว่าโมกข์จะหยุดเดินอยู่แค่ข้างๆ พัทธ์แล้วยกมือแตะข้อศอกอย่างห่วงใยออกนอกหน้า ร่างสูง กำยำหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเอียงหน้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับพัทธ์ ก่อนที่จะยิ้มให้พร้อมดวงตาวาววับแล้วค่อยเดินจากไป กิริยาทั้งหมดนั่นทำให้สลิลลาตาลุกวาบไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ กับท่าทีของทั้งสองคนเมื่อพัทธ์เองก็มองตอบโมกข์ด้วยแววตาที่อ่อนโยนและคลี่ยิ้มน้อยๆอยู่ในหน้าตลอดเวลาที่โมกข์ยืนอยู่ด้วย ทั้งหมดนั่นสร้างความสงสัยและจุดไฟแห่งความริษยาให้กระพือโหม หญิงสาวอดรนทนไม่ได้จนต้องสืบเท้าก้าวเข้าไปหาพัทธ์ที่ยืนอยู่คนเดียว“สวัสดีค่ะอาจารย์พัทธ์ เมื่อกี้เห็นคุณโมกข์แวบๆ หายไปไหนแล้วคะ”สลิลลาฝืนยิ้มทักทายแล้วเริ่มถามตรงประเด็น พัทธ์ยิ้มตอบเป็นปกติเมื่อพูดคุยกับสลิลลา“สวัสดีครับคุณลิลลี่ โมกข์กลับไปดูแลบูธของเขาแล้วครับ เห็นบอกว่าผู้ใหญ่ที่มาเปิดงานจะเดินมาชมสินค้าด้วย”หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับรู้ ทั้งที่ในใจอยากรู้เรื่องอื่นใจแทบขาด“อาจารย์พัทธ์ดูจะสนิทกับคุณโมกข์พอสมควรเลยนะคะ ลิลลี่ทราบมาว่าอาจารย์พาเด็กมาทดลองงาน แต่ไม่ทราบว่าอาจารย์จะสนิทสนมกับเจ้าของไร่ด้วย”รอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้าเริ่มจางลง พัทธ์รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นดูแปลกชอบกล“ก็…ครับ”
สลิลลาหรี่ตามอง“แค่นี้หรือคะ คำตอบของอาจารย์”คราวนี้พัทธ์หันมาสบตากับสลิลลาตรงๆ ดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกรอบใสฉายแววขุ่นมัวแต่เขาก็ปรับให้มันคืนสภาพเดิม“ผมไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไรให้คุณลิลลี่พอใจ เพราะผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไรจากคำตอบ”วงหน้าที่ถูกจัดแต่งจนจำของเดิมไม่ได้ยกเชิดขึ้น ใช้หางตามองชายหนุ่มเชิงท้าทาย“คุณโมกข์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ความเป็นชายล้นเหลือจริงๆนะคะ ทั้งหล่อ ทั้งเซ็กซี่ มันก็ไม่ผิดหรอกค่ะที่จะมีแต่คนชื่นชมอยากเข้าใกล้ บอกตรงๆนะคะ ว่ารวมทั้งลิลลี่ด้วย”ปากแดงสดคลี่ยิ้มแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย“ลิลลี่มั่นใจค่ะว่าตัวเองก็มีเสน่ห์พอที่จะมัดใจคุณโมกข์ได้ จากความสนิทพอสมควรที่อาจารย์มีกับคุณโมกข์ อาจารย์มีอะไรจะแนะนำลิลลี่ไหมคะ”คราวนี้เป็นพัทธ์ที่บรรจงยิ้มให้สลิลลา พร้อมด้วยแววตาที่บอกถึงความรู้เท่าทันความคิดของอีกฝ่าย“ความมั่นใจมีไว้ก็ดีครับ แต่ควรมีให้พอเหมาะเยอะเกินไปก็ดูไม่มีค่า อ้อ..แล้วควรจะศึกษาไว้ก่อนด้วยว่าอีกฝ่ายเขาชอบความมั่นใจอย่างที่คุณมีหรือเปล่า”สลิลลาเดินกระแทกเท้าอยู่ที่ชั้นจอดรถในห้างสรรพสินค้าเมื่อพิธีเปิดงานมหกรรมสินค้าจบลง หล่อนอารมณ์เสียนับตั้งแต่ที่อาจารย์หน้าจืดนั่นค่อนขอดใส่หล่อนแล้วก้มหัวให้เป็นการอำลาก่อนเดินจากไป ปากจัดไม่ใช่เล่น เห็นหน้าตาจืดๆ อย่างนั้นก็เถอะ ประมาทไม่ได้เด็ดขาดในความคลุมเครือที่มี สลิลลาเตือนตัวเอง ก่อนที่ดวงตาจะลุกวาบเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่กำลังยกของขึ้นท้ายรถกระบะ หญิงมองกวาดสายตาไม่เห็นผู้คนอยู่ในชั้นนี้ ปากแดงคลี่ยิ้มอย่างถูกใจเท้าที่ใส่ส้นสูงก้าวยาวๆ ตรงไปอย่างหมายมาด หล่อนเดินไปหยุดอยู่เบื้องหลัง รอจนกระทั่งโมกข์หันหน้ามาแล้วกะพริบตาปริบๆ เมื่อมองเห็นหล่อน“สวัสดีค่ะ คุณโมกข์”สลิลลายิ้มแย้มทักทายซ่อนความกระหายไว้ภายในอย่างยากลำบาก เมื่อกล้ามเนื้อแน่นแทบจะแทงทะลุเสื้อเชิ้ตลายทางออกมาจนปริแตกโมกข์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนที่จะฝืนยิ้มให้ตามมารยาท“สวัสดีครับ อยู่ตรงบูทไหนครับทำไมผมไม่เจอคุณลิลลี่เลย”“ไม่ไกลจากคุณหรอกค่ะ ยังเห็นคุณเดินไปหาอาจารย์พัทธ์อยู่เลย แต่ไม่ยักกะเดินมาถึงบูทของลิลลี่”“อ้อ..ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”สลิลลาขัดใจกับท่าทีที่ไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่สักนิด หล่อนกัดริมฝีปากเมื่อโมกข์หันหลังให้“โอ๊ย..”โมกข์หันขวับกลับมาเมื่อได้ยินเสียงร้อง จึงได้เห็นสีหน้าแสดงความเจ็บปวดของหญิงสาว“คุณลิลลี่เป็นอะไรครับ”“กำลังจะหมุนตัวแล้วก้าวพลาด ข้อเท้าเลยพลิกน่ะค่ะ ลิลลี่ใส่ส้นสูงมาด้วย ขอลิลลี่เกาะคุณหน่อยนะคะ ปวดข้อเท้าจัง”ไม่รอคำตอบสลิลลายกมือข้างหนึ่งขึ้นเกี่ยวแขนแกร่งของโมกข์ ส่วนอีกข้างโอบไปรอบคอแล้วพาอกอิ่มเบียดไปแนบเนื้อจนเสียดสี สลิลลาใจเต้นเมื่อรู้สึกถึงอารมณ์ที่ถูกปลุกให้ตื่นจนเนื้อตัวสั่น วินาทีนี้หล่อนไม่สนว่าโมกข์จะมองหล่อนด้วยสายตาอย่างไรรั้งลำคอโมกข์ลงมาแล้วหล่อนก็ส่งปากไปประกบ มือลูบไล้ไปตามท่อนแขนอย่างที่อยากจะทำมานาน หน้าอกหน้าใจถูไถเบียดเสียดยิ่งเร้าอารมณ์จนส่งปลายลิ้นเข้าไปคลุกเคล้าในช่องปากของบุรุษเพศตรงหน้ากลิ่นเหงื่อปนกลิ่นโคโลญจน์ผู้ชายปะปนเข้าจมูกยิ่งกระตุ้นให้สลิลลายิ่งเบียดกายเข้าใกล้ หล่อนไม่สนว่าโมกข์จะพยายามดันไหล่หล่อนออกจากการเกี่ยวรัด ด้วยความมีเลือดเนื้อและความเร่าร้อนโมกข์ต้องตอบสนองในไม่ช้าสลิลลามั่นใจก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังตวาดลั่น“ทำอะไรกันน่ะ”โมกข์ได้ทีใช้มือดันตัวสลิลลาออกจากความชิดใกล้ สายตาที่ก้มมองมีแต่ความรังเกียจพลางยกหลังมือขึ้นป้ายปาก สลิลลาหันขวับไปทางต้นเสียง ก็เห็นโอบกิจยืนอยู่กับพัทธ์และคำปัน ทุกคนเหล่านั้นมองมาที่หล่อนเป็นตาเดียวโอบกิจก้าวพรวดมากระชากไหล่สลิลลาออกแล้วผลักจนไกลจากโมกข์พลางยืนจังก้าขวางไว้ ในขณะที่พัทธ์มองมาด้วยสายตาเฉยชาจนโมกข์ลอบกลืนน้ำลาย “เธอทำอะไรพี่โมกข์”โอบกิจถามเสียงดังลั่น สลิลลาเชิดหน้าอย่างไม่แคร์“ก็เห็นอยู่ว่าเราจูบกัน”“สลิลลา”โมกข์เอ่ยเสียงเข้ม“อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผมผิด”“ทำไมคะ เราจูบกันแล้วมันผิดตรงไหน ผู้หญิงกับผู้ชายจูบกันมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนี่ นอกจากคุณจะมีเรื่องที่น่าเสียหายกว่านี้”ท่าทีที่ปรายตาไปยังพัทธ์ที่ยืนนิ่ง ทำให้โมกข์โมโห เขาทำท่าจะปรี่เข้าไปหาหญิงสาวแต่ช้ากว่าโอบกิจที่ก้าวไปผลักไหล่สลิลลา“เธอมันบ้า ยัยลิลลี่ เก็บกักความร่านของเธอไว้บ้างเถอะ อย่าให้มันโชยมาพร้อมความเน่าของเธอ”“ไอ้โอบ”สลิลลาเงื้อมือเตรียมฟาดไปบนใบหน้าของโอบกิจ แต่ช้ากว่าคำปันที่รี่เข้ามายึดแขนหล่อนไว้ทัน จนมือนั้นไม่ทันได้สัมผัสหน้าขาวของโอบกิจหญิงสาวส่งเสียงกรี๊ดอย่างขัดใจพลางดึงแขนออกจากการเกาะกุม หล่อนมองหน้าทีละคนแล้วเหยียดยิ้ม“อย่าบอกนะว่าพวกคุณน่ะ มันเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน”“แล้วมันหนักส่วนไหนของเธอ”โอบกิจเป็นคนตอบโต้“ถ้าจะหนักก็ตรงที่ไม่มีใครเขาอยากบรรเทาความร่านของเธอออกให้ละมั้ง”“ไอ้โอบ ไอ้บ้า ไอ้เกย์ทุเรศ”คราวนี้หญิงสาวโผเข้ามา คำปันไม่ทันระวังแต่โอบกิจเองก็เร็วพอที่จะผลักจนสลิลลาเซออกไป แล้วเขาจึงได้ชี้หน้าด้วยความโมโห“เป็นเกย์ก็ยังดีกว่าคนแรดอย่างเธอที่ผู้ชายทั้งจังหวัดเขาไม่มีใครเอาแล้ว อย่าให้เราต้องจาระไนพฤติกรรมของเธอให้คนอื่นฟังนะ อย่าลืมสิว่าใครเป็นผู้ชายคนแรกของเธอเมื่อตอนมอสาม ที่เธอนอนอ่อยเราอยู่ที่หลังห้องเรียนตอนที่คนอื่นไปเรียนพละ”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนที่สลิลลาจะกระทืบเท้าด้วยความแค้นใจที่ถูกตอกหน้า หญิงสาวมองหน้าโอบกิจและโมกข์ด้วยความแค้นแล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป ทิ้งไว้แต่บรรยากาศเงียบงัน “พัทธ์..คือมันไม่ได้มีอะไรอย่างนั้นนะ..คือว่า...”โมกข์พยายามที่จะอธิบายเมื่อสบตากับพัทธ์ที่ยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉย แต่อยู่ๆ คำพูดก็สะดุดลงเมื่อโมกข์รู้สึกกลัวใจของพัทธ์ขึ้นมาตงิดๆโอบกิจถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงก้าวเข้ามาลูบแขนพัทธ์ เพื่อเป็นกาวใจ“พี่พัทธ์อย่าโกรธพี่โมกข์เลย ยัยลิลลี่มันแผนเยอะมันทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ผู้ชาย”พัทธ์ไม่พูดอะไรสักคำ เขาเดินผ่านหน้าทุกคนไปเปิดประตูรถที่นั่งข้างคนขับ ปิดประตูดังปัง จนทุกคนสะดุ้งโมกข์หันไปมองโอบกิจกับคำปันพลางกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ คำปันหัวเราะหึหึเมื่อเห็นสภาพคนเป็นนาย“พ่อเลี้ยง ระวังนะครับ ท่าทางจะจุดไฟติดอยู่ล่ะ งานนี้”โอบกิจฟาดเผียะไปที่ต้นแขนอย่างแรงจนคำปันร้องโอดโอย“ไม่ได้ให้กำลังใจเจ้านายเลยนะ เดี๋ยวเหอะ พี่โมกข์ ใจเย็นๆ แล้วง้อดีๆ ล่ะ พี่พัทธ์เป็นคนมีเหตุผล ไม่น่าจะงอนแรงหรอก”โมกข์ฝืนยิ้มให้ทั้งสองพลางเดินไปเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่ง เขาเหลือบมองใบหน้าที่ตั้งตรงคอแข็งแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะสตาร์ทรถแล้วเดินทางกลับไร่มนัญชัย---------------------------------------------------- -----------------------------------------------
คนแต่ง เปิดเรื่องใหม่เป็นแนวใสๆ ไว้อีกเรืื่องนึง แต่งไว้นานแล้ว
เป็นแนวความรักจากตระกูลที่เป็นศัตรูกัน ระหว่างตระกูลที่ใช้พลังจิตกับตระกูลที่ใช้เวทมนต์
ใครสนใจคลิกอ่านได้นะคะ แต่รู้สึกเรตติ้งน้อยจัง อาจเป็นเพราะไม่เหมาะกับเล้าเป็ดมั้ง
Only Love Is real ให้รักนำทาง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41771.0