ร้ายซ่อนรัก
บทที่ 28
พัทธ์หลับไปนานหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาอันสุขสม เมื่อลืมตาตื่นแล้วเห็นแสงแดดจ้าเสียดแทงสายตาจน
ต้องหรี่มองนาฬิกาที่ผนังแล้ว เขาก็ตกใจเมื่อมันเป็นเวลาสายจนเกือบถึงเที่ยง เขากวาดสายตาหาร่างใหญ่
ที่นอนกอดเกยกันไว้ตลอดคืนก็เห็นแต่ความว่างเปล่าข้างตัว แต่ก่อนที่จะคิดอะไรมากกว่านั้นประตูห้องก็
ถูกเปิดออกแล้วคนที่เขากำลังคิดถึงก็ก้าวเข้ามาพร้อมถาดที่บรรจุจานอาหารไว้
โมกข์วางถาดไว้บนโต๊ะตัวเล็กมุมห้องก่อนที่จะก้าวมาทรุดนั่งบนขอบเตียงเคียงข้างพัทธ์แล้วชะโงกไปจูบที่
ปาก พัทธ์รีบปิดปากแล้วผลักหน้าเข้มให้ห่างออกด้วยความกระดาก
“อย่าเพิ่งสิโมกข์ มาจูบอะไรตอนนี้ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลยนะ ไม่เหม็นขี้ฟันบ้างหรือไง”
“ก็ยังไม่ได้กลิ่น”
โมกข์ทำจมูกฟุดฟิดอยู่ใกล้ๆ
“ไหนลองมาดมหน่อยซิว่ากลิ่นขี้ฟันมันเป็นยังไง”
ว่าแล้วมือหนาก็คว้าหมับที่สองข้างแก้ม ยึดตรึงไว้ให้เงยหน้าให้ได้องศาก่อนที่เขาจะกดริมฝีปากลงไปพลาง
ลุกล้ำปลายลิ้นอย่างรวดเร็ว พัทธ์ที่ต่อต้านในช่วงแรกจึงต้องปล่อยให้โมกข์ควานปลายลิ้นอย่างหนำใจ
เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรก็คงข้ามไม่ได้
และที่สำคัญเป็นเพราะเขาก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับจูบของโมกข์ด้วยนั่นแหละ พัทธ์ยังกลัวใจตัวเองจะเสพ
ติดจูบอันเร่าร้อนจากโมกข์ด้วยซ้ำ
“หิวหรือยัง ผมยกอาหารมากินพร้อมคุณ”
โมกข์ถามเมื่อยอมปล่อยใบหน้าของเขาให้เป็นอิสระพลางช้อนตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เมื่อพัทธ์ได้ยินคำถามก็รู้สึก
ว่าท้องร้องขึ้นมาทันที
“หิวแล้วครับ แต่ขอให้ผมไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนเถอะนะ ตั้งแต่เมื่อคืน ผม เอ่อ…ยังไม่ได้ล้างตัว
เลย”
โมกข์อมยิ้มเมื่อเห็นหน้าเนียนขาวเริ่มมีสีแดงเรื่อมาแต่งแต้ม อดไม่ได้ที่จะโอบกอดพัทธ์ไว้หลวมๆ
“ให้ผมพาไปนะ”
“ไม่ต้องหรอกผมไปเองได้”
พัทธ์รีบบอกแล้วลงมายืนข้างเตียงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเท้าแตะพื้นพัทธ์จึงเพิ่งรู้ว่าทำไมโมกข์ถึงเสนอตัวพา
ไปห้องน้ำ เพราะเมื่อยืนลงน้ำหนักแล้วความเจ็บแปลบก็วิ่งมาเยือนที่สะโพกอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองข้างสั่น
จนรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหว ร่างสูงจึงโงนเงนเซไปมาและคงล้มไปกับพื้นถ้าโมกข์ไม่คว้าตัวที่มีแต่ผ้าเช็ดตัว
พันท่อนล่างไว้แล้วดึงให้ล้มมาบนตักของเขา
“ดื้อไม่เข้าเรื่อง”
โมกข์ส่งเสียงดุ แต่นัยตาพราววิบวับเมื่อจ้องหน้าพัทธ์ในระยะใกล้ จนพัทธ์ต้องเสมองทางอื่น พลาง
ค่อนขอดอยู่ในใจ ว่าเป็นเพราะบทรักเมื่อคืนนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้
ร่างแกร่งไม่บ่นต่อ โมกข์ช้อนแขนข้างหนึ่งเข้าไปที่หลังและอีกข้างสอดไปใต้เข่าพลางอุ้มพัทธ์อย่างสบายๆ
เดินตรงเข้าห้องน้ำ พัทธ์ผวายกมือคล้องคอโมกข์ไว้เพราะกลัวตก จนกระทั่งโมกข์มาหยุดยืนที่หน้ากระจก
และอ่างล้างหน้าที่เขาเตรียมแปรงสีฟันไว้ให้แล้ว โมกข์ปล่อยให้พัทธ์ยืนพลางประคองจนมั่นใจว่าไม่ล้ม
“คุณแปรงฟันล้างหน้าก่อนนะ ผมจะเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำให้”
“โมกข์ อย่าเลย ผมอาบน้ำฝักบัวนี่ก็ได้ ยุ่งยากเปล่าๆ”
พัทธ์รีบห้าม แต่มีหรือที่โมกข์จะสนใจ ร่างยักษเดินไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างแล้วใส่เกร็ดสบู่เม็ดหอมลงไปตีจนขึ้น
ฟองพลางนั่งลงที่ขอบอ่างกอดอกมองพัทธ์ที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้ากระจก
“คุณออกไปก่อน”
พัทธ์สั่ง
“ผมจะช่วยคุณอาบน้ำ”
โมกข์ขัดคำสั่ง
“แล้วคุณจะอยู่ทำบ้าอะไร ผมปวดฉี่โว้ย”
พัทธ์เริ่มโวยจนโมกข์หัวเราะออกมาพลางชี้มือไปที่โถปัสสาวะ
“โถฉี่ก็อยู่ตรงนั้นจะโวยวายเสียงดังทำไม ไปจัดการสิ ผมไม่มองหรอกน่ายกมือปิดตาก็ได้เอ้า”
โมกข์ไม่ยอมไปจริงๆ เขายกมือขึ้นปิดตาจนพัทธ์นึกระอาก่อนเดินกระย่องกระแย่งไปที่โถปัสสาวะแล้วควัก
น้องชายออกมานอกผ้าเช็ดตัว ยืนทำใจอยู่นานกว่าที่จะปลดปล่อยออกมาได้จนหมดแล้วเขาก็หันไปเห็น
โมกข์จ้องมาด้วยดวงตาระยิบระยับในขณะที่เขากำลังสะบัดน้องชายเบาๆ
พัทธ์ยืนตัวแข็งหน้าแดงก่ำกับสายตาโลมเลีย แม้ว่าความสัมพันธ์จะใกล้ชิดแต่เขาก็ยังไม่ชินกับสายตาแบบ
นี้ของโมกข์สักที ร่างกายเจ้ากรรมก็ตอบสนองจนไอ้น้องชายในมือพองตัวจนได้ที่ โมกข์ที่มองอยู่ทนไม่ไหว
เขาลุกขึ้นแล้วก้าวมาดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอวพลางแบกพัทธ์ลงไปวางในอ่างน้ำอย่างรวดเร็ว และที่เร็วกว่า
คือถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดแล้วก้าวตามพัทธ์ลงไปในอ่างจนน้ำกระจาย
“คุณจะลงมาทำไม”
พัทธ์ถามเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความอาย เมื่อโมกข์เลื่อนตัวมาใกล้อยู่ในอ่างที่ดูเล็กลงเมื่อต้องบรรจุผู้ชายลง
ไปถึงสองคน
“ก็ถ้าไม่ลงมาด้วย ผมจะช่วยคุณอาบน้ำได้ไงล่ะ”
“คุณไม่สบายอยู่นะ จำไม่ได้หรือไง แล้วยังมีหน้ามาแช่น้ำอีกเหรอ”
พัทธ์ตอบโต้เสียงดังเมื่อเห็นโมกข์ยิ้มกริ่ม
“ร่างกายผมแข็งแรง ฟื้นตัวเร็วจะตาย แล้วเมื่อรุ่งสางได้ออกกำลังกายไป ไข้มันก็หายไปหมดแล้วล่ะ”
โมกข์ตอบหน้าตาเฉยพลางดึงตัวพัทธ์มาใกล้
“น่าคุณ จะมัวเหนียมทำไม ทำเป็นยังไม่เคยเห็นกันไปได้ คุณทั้งลูบทั้งคลำทั้งขยำจนตัวผมจะเละไป
หมดแล้ว ยังจะอายอีก”
โมกข์หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นพัทธ์ทำหน้าบึ้งที่ถูกแซว เขาเลยหุบปากแล้วคว้าฟองน้ำนุ่มมาขัดไปตามเนื้อ
ตัวขาวเนียนจนถึงตรงนั้น…
พัทธ์สะดุ้งเมื่อโมกข์คว้าหมับที่น้องชาย ฟองน้ำถูตัวถูกปล่อยให้ลอยละล่องอยู่บนผิวน้ำอย่างไม่สนใจใยดี
เมื่อโมกข์มีจุดสนใจใหม่เสียแล้ว
“อื้ม โมกข์ อย่า..”
พัทธ์เอ่ยห้ามเมื่อส่วนที่พองตัวถูกนวดเคล้นจากมือหยาบ โมกข์รั้งตัวพัทธ์ให้เข้ามาใกล้พลางถอยตัวเองจน
แผ่นหลังพิงกับขอบอ่างด้านหนึ่ง เขาจับเอวของพัทธ์ให้หมุนตัวหันหลังแล้วช้อนตัวให้พัทธ์นั่งอยู่บนตักของ
เขา
แขนแกร่งโอบไปรอบเอวให้พัทธ์เอนหลังมาพิงที่อกกว้างอีกมือประคองที่ใบหน้าให้หันมารับริมฝีปากที่รอ
อยู่แล้ว โมกข์กดลงไปแล้วสอดลิ้นดูดชิมความหวาน กลิ่นรสของยาสีฟันที่พัทธ์เพิ่งแปรงไปยิ่งเรียกร้องให้
เขาคลุกเคล้าลากปลายลิ้นไปจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างเว้น
“…นะ…”
เขากระซิบเสียงกระเส่าเมื่อเปลี่ยนที่หมายมาขบเม้มที่ติ่งหู พัทธ์ที่ยังหอบหายใจจากจูบเร่าร้อนเอียงหน้า
มองด้วยใบหน้าฉ่ำไปด้วยอารมณ์อย่างที่เจ้าของก็ไม่รู้ตัว
“…นะ อะไรล่ะ…”
“ก็ …นั่นแหละ นะ”
โมกข์จูบหนักๆ ที่ต้นคอแล้วลากริมฝีปากไปที่ไหล่ลาดมือกดอยู่ที่เอวเลื่อนไปกำจุดอ่อนไหวของพัทธ์จน
เจ้าของแอ่นหลังเงยหน้าสูดปากไปกับการกระตุ้น โมกข์ใช้ต้นขาบังคับให้พัทธ์เปิดช่องทางให้กว้างอยู่บน
ตักแล้วอีกมือหนึ่งเขาจับอาวุธที่พร้อมรบมานานแล้วของเขาใส่เข้าไปในช่องทางของพัทธ์
“โมกข์”
พัทธ์ผวา สองมือบีบไปที่ต้นขาแกร่งของโมกข์เพื่อเป็นหลักยึด โมกข์ค่อยๆ ดันตัวเข้าไปพร้อมกับลากปลาย
ลิ้นไปทั่วทั้งแผ่นหลัง
“ไม่ต้องเกร็งนะครับ พัทธ์ ค่อยๆ ขยับสะโพกตามมา”
โมกข์กอดร่างที่สั่นสะท้านนั่นไว้ในอ้อมแขนเพื่อช่วยเป็นหลักยึด พัทธ์สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วลอง
ขยับตัวตามที่โมกข์บอก ความรู้สึกเสียวซ่านตามมาเป็นระลอกเมื่อพัทธ์หมุนวนสะโพกบดลงไปพร้อมกับที่
โมกข์ดันตัวเข้ามา และเป็นเพราะอยู่ใต้น้ำจึงทำให้พัทธ์แทบไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อแท่งเนื้อแทรกเข้ามาเหมือน
ครั้งแรก มันทำให้เขากล้าที่จะขยับตัวตอบโต้มากขึ้น จนโมกข์ถึงกับกลั้นเสียงครางไว้ไม่ได้เมื่อลูกศิษย์เริ่ม
เรียนรู้อย่างรวดเร็ว
“โอว… พัทธ์ คุณนี่เซ็กซี่กว่าที่ผมคิดนะ”
โมกข์พึมพำเสียงกระเส่าเมื่อช่องทางของพัทธ์ตอดรัดในขณะที่เจ้าตัวบดสะโพกเป็นวงกลม กลืนกินแท่ง
เนื้อเข้าไปจนมิด พัทธ์เองก็เกร็งจนเนื้อตัวบิดไปหมดเมื่อโมกข์เริ่มดันสะโพกเสียดแทงเป็นจังหวะพร้อมสาว
มือที่กอบกุมส่วนของเขาไปพร้อมๆกัน
“โอ๊ะ!”
“อ๊ะ!”
เสียงอุทานดังพร้อมกันเมื่อกล้ามเนื้อต่างบีบเค้นจนต้องปลดปล่อยออกมา หยาดรักลอยปะปนอยู่ในน้ำ
พัทธ์เหนื่อยจนต้องพิงหลังไปกับอกกว้าง ในขณะที่โมกข์เองก็หอบถี่จนต้องใช้คางเกยไว้กับไหล่ของพัทธ์
เวลาผ่านไปจนเสียงหายใจกลับมาเป็นปกติ ใบหน้าทั้งสองจึงได้หันมาสบตาและจูบกันอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
กว่าที่จะจัดการกับอาหารที่กลายเป็นอาหารกลางวันและแยกย้ายกันไปทำงาน แล้วมาพบกันอีกครั้งเวลาก็
ผ่านไปจนเย็นย่ำ เมื่อโมกข์กับพัทธ์กลับมาที่บ้าน แต่แล้วเจ้าของไร่มนัญชัยก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถมินิ
ทรงสวยที่ควรจะขับเคลื่อนอยู่ในตัวเมืองมากกว่าบนภูเขาสูงมาจอดอยู่ที่หน้าทางเข้าบ้าน โดยมีเจ้าของที่
แต่งตัวเปรี้ยวจนเข็ดฟันยืนพิงรถรออย่างหงุดหงิดที่คนงานไม่ยอมให้เจ้าหล่อนไปรอในบ้าน
พัทธ์ที่เดินตามหลังมาติดๆ เห็นแล้ว เขาลอบมองเสี้ยวหน้าคมก็เห็นคิ้วที่ย่นลงอย่างขัดใจ พัทธ์เตรียมเดิน
หลีกไปอีกทาง แต่โมกข์ก็หันมาคว้าแขนไว้
“จะไปไหน”
โมกข์ถามเสียงเข้ม
“คุณสลิลลาอาจจะมีธุระคุยกับคุณที่ไม่เกี่ยวข้องกับผม เดี๋ยวผมเดินอ้อมไปทางหลังบ้านก็ได้”
“ไม่ต้อง คุณกับผมเราไม่มีความลับต่อกัน”
โมกข์พูดแล้วบีบมือเบาๆ เป็นการบังคับให้พัทธ์ต้องเดินไปพร้อมกับเขาจนเผชิญหน้ากับสลิลลาที่เพ่งมอง
อยู่ก่อนแล้ว โมกข์จึงค่อยปล่อยแขนพัทธ์
“สวัสดีค่ะ พ่อเลี้ยง”
สลิลลาเก็บความสงสัยเอาไว้ เมื่อคลี่ยิ้มกว้างเข้าไปเกาะแขนโมกข์ จนแทบจะชนกับพัทธ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ลิลลี่มารอตั้งนาน แต่ลูกน้องของพ่อเลี้ยงน่ะ ไม่เห็นใจลิลลี่เลย ลิลลี่ขอเข้าไปนั่งรอพ่อเลี้ยงในบ้านก็ไม่ให้
เข้าไป ดูสินะ ขาลิลลี่จะเป็นตะคริวอยู่แล้ว”
“อ้อ หรือฮะ งั้นเชิญเข้ามาในบ้านก่อนเถอะครับ”
โมกข์เดินเข้าบ้านพร้อมลิลลี่ที่เกาะแขนไม่ยอมปล่อย พัทธ์ได้แต่ถอนใจพลางเดินตามเข้าไปช้าๆ จนถึง
เทอเรซ โมกข์จึงเชิญให้สลิลล่านั่งที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ทรงเก๋ที่จัดไว้
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับลิลลี่”
โมกข์เอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย เมื่อทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม สลิลลาเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้พลางเอียง
หน้ายิ้มเก๋
“ลิลลี่จะมาชวนคุณไปดินเนอร์น่ะค่ะ เพื่อนลิลลี่เปิดร้านอาหารฝรั่งเศสในตัวเมือง แล้ววันนี้แกรนด์โอเพน
นิ่ง ลิลลี่อยากให้คุณไปด้วย อืม…คุณจะชวนเพื่อนคุณไปด้วยก็ได้ คุณอะไรนะ อาจารย์พัทธ์ใช่ไหม”
สลิลลาเหลือบตามามองพัทธ์ที่เพิ่งเดินมาถึงอย่างไม่ใส่ใจ พัทธ์ได้แต่ลอบถอนหายใจแล้วเลี่ยงหายเข้าไป
ทางส่วนครัว
“ลิลลี่คงยังไม่ทราบว่าเมื่อคืนนี้ มีคนวางเพลิงเผาไร่ของผม”
โมกข์บอกเสียงเรียบยิ่งกว่าหน้า ถ้าใครที่สนิทกันจะรู้ว่าเวลานี้แหละที่น่ากลัวที่สุด แต่สลิลลาไม่รู้
“ตายจริง แล้วเสียหายเยอะไหมคะ”
โมกข์มองสีหน้าตกใจอย่างไม่จริงจังนั้น มุมปากกระตุกยิ้ม
“ก็ยังดีที่รู้ตัวเร็วและช่วยกันจนไม่ลุกลาม”
“แล้วพ่อเลี้ยงทราบไหมคะว่าฝีมือใคร”
เจ้าของไร่มนัญชัยมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้คำตอบคู่นั้น โทสะก็ยิ่งกรุ่นขึ้นมาจนเขาต้อง
เค้นเสียงตอบ
“ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่รับรองว่าผมไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวแน่ๆ”
บทสนทนาถูกขัดขวางด้วยเสียงจักรยานยนต์คันเก่าที่แผดเสียงกระหึ่มเมื่อจอดอยู่ที่หน้าทางเข้า เมื่อเสียง
เงียบลง เจ้าของจึงได้เดินมาพลางจูงมือกับคนรักและเด็กผู้ชายวัยประถมมาด้วยอีกคน
เสียงคุยกระหนุงกระหนิงหยุดลงเมื่อคำปันกับโอบกิจและเด็กชายตัวน้อยที่เป็นหลานชายของคำปันเดิน
ตรงเข้ามา โอบกิจถึงกับชะงักเมื่อเห็นอาคันตุกะของโมกข์ ก่อนที่เขาจะกึ่งยิ้มกึ่งเบ้ปากเป็นการทักทาย
“อ้าว ลิลลี่ กลับจากเมืองนอกแล้วหรือ”
“นึกว่าใคร โอบกิจนี่เอง”
สลิลลามองโอบกิจที่เดินมากับคำปันด้วยสายตาดูหมิ่น หล่อนมองคำปันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เซอร์ไพร้มากนะ ที่เห็นนายแถวนี้ แล้วยังคบเพื่อนระดับรากหญ้าอีก อ้อ…เดี๋ยวนี้นั่งมอเตอร์ไซค์เป็นด้วย
หรือ รถสปอร์ตของนายเก็บไว้ดูเล่นที่บ้านหรือไง”
โอบกิจคว้าแขนคำปันที่ทำท่าฮึดฮัดแล้วมองปรามด้วยสายตา ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ทรุดตัวลงนั่งใกล้ชิด
ที่ขอบเก้าอี้ตัวเดียวกับหญิงสาว พลางใช้ปลายนิ้วลากไล้ไปที่ใบหน้าแต่งจนจัดอย่างหยอกเย้า แต่ดวงตา
กลับมองอย่างรู้ทัน
“เราก็แปลกใจเหมือนกันแหละที่เห็นเธอที่นี่ แต่ก็อย่างว่า..ที่ไหนมีผู้ชายสูงแมนแฮนซั่ม ที่นั่นต้องมีสลิลลา
เรายังจำสโลแกนของเธอได้นะลิลลี่”
“ไอ้โอบ”
สลิลลาปัดมือชายหนุ่มออกผลักตัวโอบกิจพ้นจากเก้าอี้ ก่อนที่จะผุดลุกกำมือแน่น มองโอบกิจด้วยดวงตา
โกรธเกรี้ยว