US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]  (อ่าน 54465 ครั้ง)

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 14 [รอไม่ไหว]
«ตอบ #90 เมื่อ02-06-2014 17:03:21 »

-----------*------------



เสี้ยววินาทีที่ผมได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นอันแสนคุ้เคยนั้น มันเหมือนกับว่าเวลาของผมที่เคยหยุดเดินนับแต่วันที่พี่รันจากไป มันได้กลับมาเดินอีกครั้ง ร่างกายของผมที่กำลังจะต่อสู้ดิ้นรนอยู่เมื่อครู่ก็อ่อนแรงลงดื้อๆ หากว่าโจรมุมตึกคนนี้ไม่ใช่คนที่หัวใจผมโหยหาจริง ผมคงโดนฆ่าปาดคอและชิงทรัพย์ไปเรียบร้อยแล้ว


สวบ


“เอาโทรศัพท์ไว้กระเป๋าหลังเหมือนเดิมเลยนะ มันอันตรายนะครับ” โจรมุมตึกล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงผมออกมา เขาเลื่อนหาเบอร์ของคลาร่าและกดพิมพ์เมสเสจส่งไปว่าตัวผมจะไปดื่มต่อกับเพื่อน ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง และเขาก็เก็บโทรศัพท์ของผมลงกระเป๋าเขาไป(?)


ระหว่างนั้นผมรู้สึกได้ถึงการแนบชิดของร่างกาย เสียงหัวใจที่แนบอยู่กับแผ่นหลังของผม ขาแข็งแกร่งภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มที่แนบกับขาผมอยู่ มือใหญ่ที่มีกลิ่นโคโลญจน์จางๆ และแขนอีกข้างที่กอดรัดผมเอาไว้แน่น



ผมหลับตา



เพื่อซึมซับความรู้สึกที่แสนโหยหามาตลอดหลายปีนี้ให้นานที่สุด หากว่ามันเป็นแค่ฝัน ก็ขอให้เป็นฝันดี



“หลับตาปี๋ทำไมหืม?” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูผมพร้อมกับริมฝีปากอุ่นที่จรดลงที่แก้ม ความรู้สึกวูบโหวงในอกมันจู่โจมเข้ามาจนผมน้ำตาไหล ปลายนิ้วยาวเกลี่ยหยดน้ำตาให้ผมช้าๆและจับผมหันมาเผชิญหน้า ผมมองร่างสูงที่กอดรัดตัวผมเอาไว้แน่นผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว เป็นเขาจริงๆ เป็นคนที่ผมคิดถึงจริงๆ ยิ่งพอเห็นว่าเป็นเขา ผมก็ยิ่งร้องไห้ ร้องไห้หนักกว่าเดิม พี่รันกอดผมแนบอกจนเสื้อเชิ้ตของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ผมร้องไห้เหมือนเด็ก สองมือดึงรั้งเสื้อเขาไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่ คำขอโทษของผมถูกกลืนลงไปในคอ อะไรที่เคยิดจะบอกกับเขาเมื่อเราได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งก็เลือนหายไปจนสิ้น ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนี้มันดี... มันดีมากจนผมไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร



“นิล... นิลคิดถึง... ” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่รัน สองมือประคองแก้มสากเอาไว้ คนตัวสูงกว่ามองผมด้วยสายตาเช่นเดียวกัน เขายิ้ม และมองผม จนกระทั่งผมเขย่งเท้าและมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ริมฝีปากบางของพี่รัน ไม่รู้ว่าเขาจะปฏิเสธไหม ถ้าหากเขาปฏิเสธ และรังเกียจผมจะทำอย่างไร แต่หัวใจของผมมันก็นำทางไปแล้ว อีกแค่คืบเดียวริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกัน มือของพี่รันก็รั้งท้ายทอยของผมเข้าไปหาและกดริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ความอุ่นชื้น และนิ่มนวลทำเอาผมตัวลอย ริมฝีปากของเราบดขยี้กันเหมือนอดอยากมาแสนนาน พี่รันรุก ผมไล่ตาม ผมรุก พี่รันบดขยี้ สลับกันไปมาแบบนี้ ปลายลิ้นของพี่รันไล่ไปตามแนวฟันของผมและขบเม้มริมฝีปากผม มือทั้งสองของเราต่างลูบไล้กันและกัน ผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ไต่เข้าไปในเสื้อของผมและบีบคลึงเนื้อตัวผมแรงๆ บางสิ่งภายใต้ผ้ายีนส์เนื้อหนากำลังโตจนผมรู้สึกได้


“Oh!! Sorry!!”


เสียงดังก็อกแก๊กและเสียงอุทานทำให้ผมหันไปมอง ผู้หญิงสองคนที่เดินผ่านมากำลังเดินไปอย่างรวดเร็ว เธอคงเห็นเราสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่ ผมเองจู่ๆก็รู้สึกอายขึ้นมาที่ทำอะไรในที่สาธารณะแบบนี้ แต่คนที่กำลังกอดผมนี่สิกลับเอาแต่ยิ้ม และยังจัดแจงเสื้อผมของผมให้เข้าที่ ผมก้มลงมองตัวเองแล้วก็งงๆที่เข็มขัดผมหลุดรุ่ย ถ้าเมื่อกี้ไม่ไม่มีคนมา ผมคง.... ฮึ้ยยยยย พอคิดได้แล้วก็อายตัวเองเว้ย


“ไปบ้านพี่นะ” พี่รันจูบแก้มผมเบาๆ ผมรู้ว่าพี่รันหมายถึงอะไร สองมือที่กอดรั้งเอวผมเอาไว้เริ่มจะไต่เลื้อยอีกครั้ง แม้ผมจะพยายามปัดมือพี่รันออก แต่ริมฝีปากที่แสนบงการนั้นก็ยังพยายามโจมตีผมไม่เลิก

“ถ้านิลไม่ไป... พี่จะทำตรงนี้ละ”

เชื่อเลยว่าหน้าผมต้องแดงแปร๊ดขึ้นมาแน่ๆ เพราะผมเองยังรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองชาขึ้นมาแบบสุดๆ ผมมัวแต่ยืนเอ๋อจนสุดท้ายก็โดนพี่รันจูงไปที่รถ แถมเจ้าตัวยังหันมาว่าผมได้อีกว่ามัวแต่เอ๋อ ถ้าโดนใครฉุดไปจะทำยังไง ผมเองก็สงสัยว่าแล้วตอนนี้ผมก็เพิ่งโดนพี่รันฉุดมาไม่ใช่หรือ??



ที่พี่รันเรียกว่าบ้านนั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารมากนัก มันเป็นบ้านสองชั้นที่มีรั้วสูงท่วมหัวผม ข้างในมืดสนิทและรกนิดหน่อย พี่รันยักไหล่แล้วบอกกับผมว่าแม่บ้านไม่ทำงานวันนี้ ซึ่งผมดูออกทันทีว่าเป็นข้อแก้ตัวของคนที่ชอบทำรกเลอะเทอะแบบพี่รัน

“!?!” จู่ๆผมก็โดนกระชากลงไปที่โซฟา(อีกแล้ว) ผมยังหายใจไม่ทันถึงสิบครั้งพี่รันก็ดึงผมไปจูบมาราธอนต่อ คราวนี้เรามีโซฟาตัวใหญ่รองรับร่างกายได้พอดี พี่รันจับผมให้นอนบนตัวเขาและกอดเอวผมไว้แน่น หากคุณคิดว่าจูบของพี่รันที่ข้างนอกนั่นดุเดือดแล้ว ตอนนี้กลับดุเดือดยิ่งกว่า ผมได้กลิ่นเลือดจางๆและความรู้สึกเจ็บแปลบที่มุมปาก ผมผวาผลักพี่รันออกห่างทันทีจนเจ้าตัวมองผมด้วยแววตาสงสัย

“นิล... เลือดไหล... มัน... มันสกปรกครับ...” ผมเม้มปากแน่น แต่พี่รันก็เอานิ้วแหย่เข้ามาให้ผมหยุดทำแบบนั้น เขาแตะจูบซ้ำลงมาที่เลือดไหลแม้ผมจะพยายามหันหนี

“นิลครับ นิลรู้ใช่มั้ยว่าพี่ต้องการอะไร” พี่รันถามเสียงนิ่ง โครงหน้าหล่อเหลาภายใต้โคมไฟสีอ่อนช่างดูน่าหลงใหล ผมมองพี่รันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ก่อนจะพยักหน้าช้าๆแม้จะอายจนพูดอะไรไม่ถูก

“พี่คิดถึงนิลนะ คิดถึงมาตลอดหลายปีนี้ แม้พี่จะพยายามลืมนิล แต่สุดท้ายเมื่อพี่ได้เจอนิลอีกครั้งถึงรู้ว่ามันไม่ใช่เลย” พี่รันสบตาผม “และตอนนี้ พี่ก็อยากครอบครองนิลที่สุด อยากทำอย่างที่ใจพี่ปรารถนา และ...” พี่รันพูดค้าง ท่าทางอึกอัก

“และ...?” ผมถามย้ำ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

“เอ่อ... พี่...”

“พี่...?” ผมเริ่มงง พี่รันจะพูดอะไรกันแน่ ทำไมต้องอึกอักขนาดนี้

“พี่อยากแนบชิดกับนิล... โดย... โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น...”

“!” ผมทำตาโตมองคนที่ทำเสียงหวานเชื่อมแบบที่ผมไม่เคยฟัง พะ...พี่รันพูดอะไร... ผม... ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่...

“นะ” ใบหน้าหล่อทำเสียงอ้อนจนผมอ่อนระทวย แต่แม้ผมจะใจง่ายสักแค่ไหนเราก็โตๆกันแล้ว ผมจึงรวบรวมความกล้าเพื่อพูดสิ่งที่ต้องพูด


“นิล... นิลเพิ่งไปตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงานมา... เอ็กซเรย์ปอด วัดความดัน ตรวจเลือด เอ่อ... รวมถึงเอชไอวีด้วย ก็ปกติดีทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้ให้ตรวจเอชไอวีหรอกนะ แต่นิลอยากตรวจเอง คือไหนๆก็เสียเงินแล้วก็เลยเอาให้คุ้ม ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรหรอกครับ” ยิ่งพูดผมก็ยิ่งเผยไต๋ แต่มันก็หยุดไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นความจริงว่าผมเคยตรวจร่างกายมาแล้ว แต่หากพี่รันรู้ว่าผมไปตรวจเอชไอวีทั้งที่ไม่ได้ต้องเอาไปใช้ทำงานเขาจะคิดว่าผมสำส่อนไหม ผมไม่อยากให้พี่รันคิดแบบนั้นเลย เพราะสี่ปีที่ผ่านมานี่ผมไม่เคยยุ่งกับใครสักคน


“คนดีของพี่” พี่รันยิ้มแล้วจูบผมอ่อนโยน “ตั้งใจจะบอกพี่ใช่มั้ยว่านอกจากพี่แล้ว ไม่เคยมีใครได้สัมผัสนิลแบบที่พี่เคยทำอีก” ผมเม้มปากแน่พอได้ฟังที่พี่รันถาม แม้น้ำเสียงพี่รันจะอ่อนโยน แต่ดวงตาสีอ่อนกลับทอประกายวิบวับคล้ายจะล้อเลียนผม

“กะ.. ก็ใช่สิครับ” ผมอาย อายุอานามก็ขนาดนี้แล้วแท้ๆ กลับไม่เคยมีประสบการณ์สักที รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“พี่ก็จะบอกนิลเหมือนกัน” พี่รันเอื้อมมือไปล้วงหาบางอย่างจากในเสื้อนอกของเขา กระดาษเอสี่สีขาวที่มีอักษรพิมพ์เต็มหน้าถูกยื่นมาให้ผม

“ผลตรวจ... เลือด... เหรอครับ??” ผมกวาดตาอ่านอย่างช้าๆแล้วถามเขา พี่รันพยักหน้ายิ้มๆ ผมก้มมองอีกครั้ง เรื่องผลตรวจเป็นเนกาทีฟผมไม่แปลกใจ เพราะพี่รันไม่ใช่คนสำส่อนจนน่าจะติดโรคแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องวันที่ตรวจนี่สิ...

“ไปตรวจมาวันนี้???” ผมมองวันเวลาที่ตรวจ และเงยหน้ามองพี่รัน เจ้าตัวยังคงยิ้มกริ่มแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในขณะที่ผมเริ่มประติดประต่อเรื่อง

“ทำไมต้องจำเพาะเจาะจงไปตรวจมาวันนี้พอดีครับ?” ผมถาม

“คือว่าวันนี้พี่เห็นนิลตั้งแต่ที่ประชุม” นั่นไงกูว่าแล้ว มิน่าถึงได้รู้สึกเหมือนคนจ้อง ผมแอบด่าพี่รันในใจแต่ก็นิ่งฟังต่อ “พอพี่เห็นนิลปุ๊บพี่ก็อยากจะเข้าไปหาปั๊บ แต่พี่คิดว่าพี่ต้องเตรียมความพร้อมก่อน” พี่รันยิ้มกว้าง ในขณะที่ผมเริ่มเดือดปุดๆ

“อ๋อ แสดงว่ากะจะฟันนิลวันนี้ตั้งแต่ที่เห็นเมื่อบ่ายใช่มั้ยครับ”

“อืม” พี่รันพยักหน้ายิ้มๆ สองมือไต่เลื้อยเข้ามาในเสื้อผมและเริ่มลามไปปลดเข็มขัดผมแล้ว

“พี่นี่มัน...” ผมอ้าปากจะด่า แต่พอเห็นสายตาจริงจังนั่นก็ด่าไม่ออก จะว่าเจ้าเล่ห์จอมวางแผนแต่ก็ถือได้ว่าทำอะไรรอบคอบดี

“นิลไม่คิดถึงพี่เหรอครับ” พี่รันกระซิบถามพลางขบเม้มติ่งหูผม “ไม่อยากทำอะไรๆ” พี่รันเอานิ้วจิ้มลงที่ไหล่ผม “ตรงนี้” และเลื่อนไปจิ้มที่หน้าอกผม “ตรงนี้” และเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าท้อง “หรือตรงนี้กับพี่บ้างเหรอ”


ผมอยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ผมโดนพี่รันยั่ว พี่รันยั่วววววววว


“ลามก บ้า หื่น” ผมเหวี่ยงแม้ในใจจะเสียวสัด อายตัวเองว่ะแม่ง -//-

“ปากดีจริง แบบนี้ต้องโดนทำโทษ”

“อ๊ะ” พี่รันจับผมขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายและแบกผมขึ้นบันไดไปชั้นบนซึ่งเป็นห้องโล่งๆกว้างๆไม่ได้กั้นแบ่งอะไรทั้งสิ้น มีเพียงเตียงนอนขนาดคิงไซส์ปูผ้าสีขาวและตู้เสื้อผ้ากว้างห้าเมตรเท่านั้น (ผมแอบคิดในใจว่าพี่รันยังเป็นผู้ชายแต่งตัวเก่งเหมือนเดิมสินะ) พี่รันโยนผมลงบนเตียงที่น่าจะเป็นเตียงน้ำเพราะมันนุ่มมากจนผมกระเด้งขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่คนโยนจะทาบทับตามลงมาติดๆ

“ปากเก่งขึ้นเยอะนะเรา” จมูกโด่งกดลงที่แก้มผม พี่รันสูดจมูกแรงๆจมผมเจ็บแก้ม แต่ดูท่าเจ้าตัวก็ยังคงเมามันกับผิวเนื้อของผมอยู่ จะโทษใครได้ละในเมื่อผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่รัน


น่าแปลกที่ว่าแม้เวลาจะผ่านมานานขนาดนี้ แต่ความรู้สึกของผมมันกลับเหมือนเดิม อันที่จริงต้องบอกว่าความรู้สึกของผมมันถูกฟรีซเอาไว้ที่ช่วงเวลานั้น และการได้พบกับพี่รันอีกครั้งเป็นเหมือนการละลายน้ำแข็งลงนั่นเอง แล้วพี่รันจะรู้สึกเหมือนกับผมหรือเปล่า


“พี่รัน” ผมประคองหน้าพี่รันให้สบตากับผม ผมจดจำรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ได้ขึ้นใจ คำว่า ‘รัก’ มันเต็มล้นอยู่ในอกของผมเสมอมา และความรู้สึกผิดก้คอยกัดกินใจผมเหมือนเนื้อร้าย หากว่า... หากว่าพี่รันให้โอกาสผม...

“ครับ?” พี่รันหยักยิ้มมุมปากเพื่อรอฟัง เจ้าตัวขยับลงมานอนเท้าคางข้างๆผมและจ้องหน้าผมนิ่งเช่นเดียวกับผมที่กำลังจ้องหน้าเขา

“นิลขอโทษนะครับ... เรื่องเมื่อตอนนั้น” พอผมนิ่ง พี่รันก็นิ่ง ผมเลยค่อยๆพูดต่อ “นิลจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่นิลขอ... นิลขอแค่พี่รันให้โอกาสนิล สักครั้ง...นะครับ แล้วนิลจะไม่ทำให้พี่รันผิดหวังอีกเลย” พอพูดจบผมก็ก้มหน้างุด กลัว กลัวว่าจะได้เห็นสายตาเฉยชาจากพี่รัน กลัวจะทำใจไม่ได้ถ้าหากเขาปฏิเสธ กลัวไปหมด...

“ทำไมถึงให้พี่รอตั้งนาน”


“ครับ?” ผมเงยหน้าขึ้นมามอง สบตากับดวงตาสีอ่อนที่ทอแววอ่อนโยน ผมเคยบอกหรือยังว่าพี่รันเป็นคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ทางสายตาได้ดีเหลือเกิน เกลียด โมโห ชอบ รัก ทุกสิ่งทุกอย่างพี่รันสามารถแสดงออกมาทางสายตาได้เป็นอย่างดี และตอนนี้ผมก็กำลังมองเห็นสายตาที่พี่รันเคยใช้มองผมเมื่อก่อนนู้น มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย...
“พี่รอนิล นานมาก... รอโทรศัพท์ รอให้นิลติดต่อมาหา แต่นิลก็เงียบหายไปเลย... พี่คิดว่านิลคงเลือกคนอื่นไปแล้ว” พอพี่รันพูดเสียงเศร้า ดวงตาก็เศร้าตาม จนผมเริ่มน้ำตาคลอ

“นิล...นิลทำผิด นิลทำอะไรไม่ดีลงไปมากๆ นิลไม่กล้าบากหน้าไปพบกับพี่รันอีกหรอก แล้ว... แล้วพี่รันก็คงไม่อยากเห็นหน้านิลด้วย พี่รันรู้มั้ยว่านิลทรมานใจแค่ไหน นิลคิดถึงพี่รันแค่ไหน พอนิลรู้ว่านิลต้องเสียพี่รันไปแล้วจริงๆนิลถึงได้รู้ตัวว่านิลรักพี่รันที่สุดเลย ฮือออออ....” ผมกำชายเสื้อพี่รันแน่น พูดไปก็ร้องไห้ไป ยิ่งพูดผมก็ยิ่งร้องไห้จนแทบจับสำเนียงไม่ออก แต่พี่รันก็ยังจ้องมองผมและพยักหน้าตามราวกับว่าฟังที่ผมกำลังพูดรู้เรื่อง ผมได้ยินเสียงพี่รันบ่นพึมพำว่า ‘เด็กโง่เอ๊ย’ ตอนที่ผมกำลังสะอื้น ผมจำได้ว่าผมกอดพี่รันแน่นคล้ายกับกลัวว่าพี่รันจะหายไป กลัวว่าพอเช้าขึ้นมาแล้วจะพบว่ามันเป็นแค่ฝัน ผมร้องไห้กอดพี่รันอยู่นาน



นานจนกระทั่ง....



ผมเผลอหลับไป...


-----------*------------



“....ล”


“นิล.....”


“นิลครับ...”


ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆพร้อมกับความรู้สึกปวดตาสุดพลัง ผมเห็นเงาร่างดำๆชะโงกมองมาที่ผม ด้านหลังเป็นแสงสว่างสีเหลือง ผมขมวดคิ้วและนึกทบทวนว่านี่คือที่ไหนและเกิดอะไรขึ้น สักพักผมก็นึกถึงหน้าพี่รันขึ้นมาได้ จึงขยี้ตาและเอื้อมมือคว้าคนตรงหน้า

“ฮื้อ ทำไมยังไม่เลิกนิสัยขยี้ตาอีก” พี่รันตัวจริงเสียงจริงขมวดคิ้วมองผม เสียงทุ้มออกแนวตำหนิเล็กน้อย แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามันเป็นคำดุว่าที่ไพเราะที่สุดในโลก

“พี่รันจริงด้วย” ผมยิ้ม


“อะไรเด็กติ๊งต๊อง” พี่รันหยิกแก้มผม ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อแล้ว มีเพียงกางเกงยีนส์ติดกายแค่ตัวเดียว ผมมองกล้ามท้องของพี่รันแล้วก็รู้สึกเขิน ฉับพลันจึงนึกเรื่องสำคัญบางเรื่องขึ้นมาได้

“เช้าแล้วเหรอครับ??” ผมตกใจ นี่ผมเผลอหลับไปงั้นเหรอ แม่งเอ๊ย แล้วค่ำคืนแสนเร่าร้อนของผมล่า~~~~~~~~~

“หึหึ ยังหรอก เพิ่งจะตีสองเอง” ห๊ะ? ตีสอง ผมมองหน้าพี่รัน ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เหมือนตาพี่รันจะคล้ำๆ

“พี่ไม่ปล่อยให้นิลหลับจนเช้าหรอก”

“ห๊ะ พี่รันว่าอะไรน-” ผมพูดไม่ทันจบก็โดนจับกดเสียก่อน พี่รันพลิกตัวมาคล่อมผมไวยิ่งกว่าปรอท มือแกร่งระดมแกะกระดุมเสื้อผมอย่างเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวแล้วล้วงเข้ามาบีบคลึงผิวกายผมอย่างร้อนแรง พี่รันเขี่ยที่ยอดออกผมจนมันแข็งตึงสู้มือ ผมได้แต่บิดกายไปมาเพราะร่างกายตั้งรับการจู่โจมที่แสนวาบหวามนี้ไม่ทัน เสียงน่าอายที่เกิดจากการที่ริมฝีปากของเราสองคนบดขยี้กันดังเป็นระยะ แต่มันกลับทำให้ผมตื่นตัวสุดๆ จากที่กำลังสลึมสลือในตอนแรก ผมกลับตอบรับสัมผัสของพี่รันเป็นอย่างดี


“พี่ต้องอดทนแค่ไหนรู้มั้ยตอนที่นิลหลับ” พี่รันใช้ริมฝีปากงับที่ใบหูผม ทำให้เวลาที่พี่รันพูดจะมีลมมาปะทะที่หูผมเบาๆจนผมขนลุก “พี่อยากจะลักหลับนิล แต่ก็พยายามหักใจ ครั้งแรกของเราทั้งคู่พี่อยากให้มันออกมาดีที่สุด”


“อึก... อ๊ะ... พี่หน้าไม่อาย... พูดเรื่องแบบนี้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญได้ยัง.. อ๊ะ.. ไง” ผมพยายามเค้นเสียงออกมาแม้จะยากมากเวลาที่พี่รันกำลังซุกหน้าเข้าหาซอกคอของผมแบบนี้ และผมยิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีกเมื่อพี่รันรั้งเสื้อของผมออกพร้อมทั้งเปลี่ยนเป้าหมายจากซอกคอของผมมาเป็นหน้าอก เพียงแค่พี่รันสัมผัสเท่านั้นเนื้อตัวมผมก็อ่อนยวบ อารมณ์พลุ่งพล่านทันทีที่ถูกปลุกเร้าเล็กๆน้อยๆ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2014 17:07:52 โดย บีบีจัง »

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 14 [รอไม่ไหว]
«ตอบ #91 เมื่อ02-06-2014 17:06:09 »

-----------*------------


Ran’s Part.


ผมก้มมองคนอายุยี่สิบสี่ปีย่างเข้ายี่สิบห้าที่กำลังบิดกายเร่าอยู่ใต้ร่างผม แม้จะอยู่มาจนป่านนี้ แต่นิลก็ยังอ่อนประสบการณ์เหมือนเด็กวัยรุ่นอยู่ดี ความต้องการของผมลุกโชนอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นดวงตากลมมีน้ำตาคลอหน่วย ท่าทางเหมือนลูกแมวน้อยที่กำลังจะถูกเสือขย้ำนั่นมันอะไรกัน ทำท่าออดอ้อนเหมือนไม่ประสีประสา แต่ก็เอียงคอรับจูบผมไม่ได้ขาด แถมยังบดเบียดร่างกายเปลือยเปล่าเข้ามาถูไถกับตัวผมจนเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ บางสิ่งในกายผมมันกำลังตื่นและปวดร้าวราวกับจะแตกออกหากไม่ได้ปลดปล่อยความปรารถนาออกมา ผมอยากจะชำแรกเข้าไปในร่างบางนั้นใจจะขาด แต่ก็พยายามห้ามความต้องการเอาไว้เพราะไม่อยากให้นิลเจ็บ



“คนดี ยกสะโพกให้พี่หน่อยนะครับ” คนร่างบางทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อผมพูดด้วยอ่อนหวาน ท่าทางไร้สิ้นเรี่ยวแรงอย่างคนที่ยอมทุกอย่างแล้วนั้นทำให้ผมแทบคลั่งพร้อมทั้งประหลาดใจในคราวเดียวกันที่เมื่อก่อนอารมณ์ผมไม่ยักรุนแรงขนาดนี้ ไม่หรอก... คราวนี้มันมีบางสิ่งที่แตกต่างไป นั่นคือความโหยหา... แม้ระยะเวลาที่เราจากกันมานานผมอาจจะมีคบใครไปบ้างเรื่อยเปื่อยแต่ก็ไม่ยืนยาว ความสัมพันธ์ของผมมันสั้นนัก ผมมีเซ็กส์กับคนอื่น(ซึ่งเป็นผู้หญิง เพราะผมไม่เคยมีอารมณ์กับผู้ชายคนอื่นนอกจากนิล)ชั่วครั้งชั่วคราว เพราะทุกครั้งที่ผมพยายามจะมีเซ็กส์กับใครมันมักจะจบลงที่ผมเห็นใบหน้าของคนที่ร่วมรักกับผม เป็นใบหน้าของนิลตลอด


“พี่รัน...” เสียงหวานกระเส่ากระซิบเรียกชื่อผมมันทำให้ผมชื่นใจเหลือเกิน อยากจะได้ยินเสียงนี้ทุกวันทุกคืนไปจนแก่ตาย ระยะเวลาสี่ปีที่เราจากกันมันเกิดจากความเข้าใจผิดแท้ๆ ผมเองน่าจะคิดได้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่เป็นคนคิดมากขนาดไหน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้พบเจอกันอีกแต่ผมก็คงต้องทบต้นทบดอกให้สาสมกับระยะเวลาที่ปล่อยให้ผมรอและความผิดในครั้งนู้น(ผมเปล่าฉวยโอกาสนะ)



ผมบดจูบร้อนแรงกับริมฝีปากอิ่มที่แดงเจ่อ คราวนี้นิลโน้มแขนกอดรัดลำคอผมแน่นแล้วยังขยับบดเบียดตลอด ขาเรียวตวัดเข้าเกี่ยวกับขาผมยิ่งทำให้อารมณ์ผมโหมทะยานมากยิ่งขึ้น ผมผละออกจากริมฝีปากอิ่มและมาดูดเลียยอดอกสีอ่อนที่แข็งสู้ลิ้น ผมขบเม้มตวัดลิ้นรัวแรงทำให้นิลร้องเสียงสั่น


“อื๊อ... พี่รัน... นิล.... อ๊ะ นิลเสียว..”


“นิลเสียวเหรอครับ” ผมยิ้มกริ่ม มองใบหน้าเล็กแดงก่ำเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดเรื่องน่าอายออกมา และผมก็ไม่รอให้เจ้าตัวตอบโต้ ผมใช้ทีเผลอรูดกางเกงออกจากเอวบางทีเดียวจนหลุดมาทั้งชั้นนอกและชั้นใน นิลร้องผวาพยายามจะปิดป้องแต่ก็ไม่ไวเท่าผมที่จับแขนเล็กทั้งสองชูขึ้นเหนือหัว ผมใช้มืออีกข้างที่ว่างจับกับตรงกลางกายที่เติบโตและมีน้ำใสเอ่อจากรูตรงปลาย ผมจับรั้งรูดขึ้นลงเบาๆแต่ก็ทำเอาเจ้าของมันครางจนน้ำตาเล็ด ให้ตายสิ ถ้าผมรู้ว่าเวลาแบบนี้นิลจะน่ารักขนาดนี้ ผมคงจับปล้ำไปนานแล้ว


“อ๊ะ อ๊า...ฮื้อออ” เสียงร้องครางยิ่งดังระงมขึ้นเมื่อผมรูดรั้งเร็วขึ้น และเมื่อริมฝีปากผมแตะสัมผัสกับเจ้าอันน้อยน่ารักนี้ นิลก็หันไปกัดหมอนแน่นพร้อมกับสองขาที่ป่ายปัดไปมาจนผมต้องดึงรั้งให้ขึ้นมาก่ายสะโพกผมไว้ ยิ่งนิลครางมากเท่าไร ผมยิ่งอยากจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และความอดกลั้นของผมก็ขาดผึงลงเมื่อมือเล็กพยายามรั้งกางเกงยีนส์ของผมออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมจึงเป็นฝ่ายถอดเองอย่างรวดเร็วและสะบัดมันออกไปให้พ้นทาง ผมก้มลงมองแก่นกายของตัวเองที่มันไม่เคยตื่นและแข็งขึงขนาดนี้มาหลายปี แต่เพียงแค่กับคนตรงหน้าผมนี้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราพบกันกลับทำให้อารมณ์ผมโหมกระพือ



หากผมเป็นไฟ นิลคงเป็นน้ำมัน



น้ำมันที่ทำให้เพลิงของผมลุกโชน



ผมก้มลงแนบชิดกับคนด้านล่างให้แก่นกายของเราเสียดสีกัน นิลกำลังกัดริมฝีปากตนเองรุนแรงจนผมห่วงว่าจะได้แผล จึงหวังดี(?)ช่วยด้วยการขยับขึ้นไปประกบปากอีกครั้ง อย่างน้อยให้น้องกัดปากผมยังดีเสียกว่า และมือของผมก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่าง โดยผมพยายามเอื้อมหาเสื้อนอกของผมและหยิบเอาหลอดเจลช่วยชีวิต(นิล)ออกมา เปิดฝา บีบออกจนเต็มอุ้งมือและปาดลงไปที่หว่างขานวลเนียนนั่น


“อ๊ะ พ..พี่รัน อะไรน่ะ” เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกและร้องถามเสียงสั่น ผมไม่ตอบแต่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ แม้นิลจะพยายามหนีบขาตัวเองเข้าหากันแต่ผมก็ใช้ขาผมไปทับไว้


สวบ


“อื๊ออออออออ” นิลกรีดร้องเมื่อนิ้วของผมรุกล้ำเข้าไปข้างใน เจลเหนียวเยิ้มทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเมื่อผมสอดลึกเข้าไปอีก ร่างบางดิ้นเร่าจนผมต้องจับล็อกไว้เพราะกลัวจะดิ้นเองจนได้แผล ผมจูบปลอบจนเจ้าตัวเลิกดิ้นและตอบรับกับสัมผัสของผมอีกครั้ง และจากที่ตอนแรกขัดขืนก็เริ่มเรียกร้องมากขึ้น

“อื้อ จูบ... จูบนิลหน่อย..อะ..” ริมฝีปากแดงตรงหน้าพยายามยื่นหน้าเข้ามาหา ผมจุดยิ้มมุมปากและสนองความต้องการให้ทันที เสียงริมฝีปากบดขยี้ เสียงน้ำลาย และเสียงแปลกใหม่ซึ่งเกิดจากนิ้วผมที่ขยับเข้าออกจากช่องทางรัดแน่นนั่น ใบหน้านวลเนียนขมวดคิ้วมุ่นและมีน้ำตาคลอ เสียงหวานเร่งเร้าผมมากขึ้นเรื่อยๆและแรงบีบรัดที่ปลายนิ้วของผม ผมเพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสองและขยับเข้าออกเร็วและแรงขึ้น และจากสองนิ้วที่ผ่านเข้าออกก็ทำให้ช่องทางที่เคยคับแน่นมันเริ่มผ่อนคลาย ผมละนิ้วออกและดันขานิลออกจากกัน ภาพที่ปรากฎตรงหน้าทำเอาผมคลั่ง เรือนร่างนวลเนียนบอบบางที่เมื่อแตะจมูกลงไปตรงไหนก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นติดจมูกกลับมาทุกครั้งกำลังเปิดทางอ้ากว้างต่อหน้าผมโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ช่องทางคับแคบนั่นกำลังขมิบเบาๆและมีน้ำใสไหลเยิ้มออกมาราวกับกำลังท้าทายให้ผมเอาอย่างอื่นเข้าไปแทนนิ้ว ผมกัดฟันก้มลงมองปรชิดและใช้นิ้วสอดเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้ง่ายกว่าครั้งแรกเสียอีก เจ้าตัวส่งเสียงแบบที่คงไม่มีทางทำในเวลาปกติแน่ๆ มือเล็กนั่นป่ายปัดไปทั่วหัวและไหล่ของผม และความอดทนของผมก็หมดลงเมื่อได้ยินเสียงหวานร้องเรียก


“พี่รัน... อือ...ใส่... ใส่เข้ามาเถอะ นิล...นิลอยากให้พี่รันทำ...”


แม่งเอ๊ยยยยยย ผมสบถในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าอ้อนวอนของนิล ดวงตากลมสั่นระริกและริมฝีปากก็แดงช้ำจากน้ำมือของผม ลูกแมวของผมที่ถูกผมทำร้ายกำลังอ้อนวอนให้ผมทำหนักขึ้น ผมดึงนิ้วออกจากช่องทางคับแคบทันทีและเคลื่อนตัวขึ้นไปทาบทับ มือแยกเอาขานิลออกจากกันและบีบเจลออกมาให้มากกว่าเดิม ชโลมลงบนแท่งของตัวเองและช่องทางของนิล ผมจับตัวนิลยันขึ้นมาและเอาหมอนดันหลังให้กึ่งนั่งกึ่งนอน แก่นกายของผมจ่อเข้ากับช่องทางที่กำลังเต้นตุบๆ ผมมองสบตากลมนิ่ง และเจ้าตัวได้แต่จิกเล็บลงบนไหล่ผม


“นิล... รักพี่รัน”


“พี่ก็รักนิล”



สวบ



การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและเนิบนาบทำให้ผมจะขาดใจ แต่แม้ว่าจะอยากกระแทกกระทั้นลงไปสักเท่าไรก็ไม่อาจทำได้ เพราะว่ารัก รักคนตรงหน้านี้จนสุดหัวใจ อะไรที่ดีอะไรที่ทำให้ได้ก็อยากจะทำเพื่อชดเชยการไกลห่างที่ผ่านมา เมื่อผมขยับตัวเข้าไปจนสุด สายตาของเราก็ประสานกันนิ่ง นิลใช้สองมือโน้มคอผมลงไปประกบจูบก่อนจะคลี่ยิ้มบาง


“มะ... ไม่เห็นเจ็บ... สักเท่าไรเลย...” แม้กระทั่งตอนที่พูดเจ้าตัวก็ยังหน้าแดง ทั้งๆที่อายแต่ก็ยังอยากจะพูดออกมา แล้วจะไม่ให้เขารักได้ยังไงไหว


“พูดงี้ หาว่าพี่เล็กเหรอ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ และหลุดขำออกมาเมื่อคนตัวเล็กส่ายหน้าหวือ

“ปละ เปล่านะ... ไม่ใช่แบบนั้น พี่รันทำให้ดีต่างหาก อ๊ะ... อื้อ..” ผมถอนตัวออกห่างเมื่อได้ยินที่นิลบอก

“เอา...เอาออกทำไมครับ” เจ้าตัวทำหน้าหงอยเมื่อเห็นผมถอยออก และก็ทำตาโตตอนที่ผมหยิบกระจกมา

“ดูสินิล ดูของนิลสิ” ผมส่องกระจกที่ช่องทางซึ่งกำลังขมิบเข้าออกเบาๆ มันดูแดงช้ำและบวมเจ่อจากขนาดของผมที่สอดใส่เข้าไป นิลหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีและหยิกตีผมรัว

“หึหึ อะไรกันตีพี่ทำไม”

“ก็พี่รันอะลามกโรคจิตสุดๆ อ๊า~” ผมฉวยโอกาสที่เจ้าตัวกำลังเผลอสอดเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ผมใช้สองมือประคองแก้มนิลให้ก้มมองและค่อยๆขยับสะโพกเข้าไป เจ้าตัวเล็กพยายามหลับตาแต่พอผมขู่ว่าถ้าไม่ยอมมองจะหยุดทำถึงได้ลืมตามองช้าๆ เสียงเล็กครางรัวเมื่อผมเริ่มขยับเร็วขึ้น




-----------*------------



ผมกับพี่รันกำลังมีเซ็กส์กัน...


มันคือความเป็นจริงที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ ยามที่ร่างสูงที่กำลังขยับสะโพกอยู่เหนือร่างผมและเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนผมคว้าหมอนมาอุดเสียงตัวเอง แต่พี่รันก็โยนหมอนทิ้งไปและกระซิบบอกให้ผมร้องดังๆ

“บ้านพี่ฉาบมาดี กันเสียงรบกวนทุกชนิด” ผมทุบอั้กที่ไหล่คนหน้าหนา พี่รันจึงถอยตัวออกและจับผมพลิกคว่ำ แล้วแก่นกายที่ดึงออกไปก็กระแทกกลับเขารุนแรงยิ่งกว่าเก่า

“ตีพี่ทีนึง พี่ก็เปลี่ยนท่าทีนึง ดีมั้ย” เสียงทุ้มกระซิบถาม ผมได้ทีจึงหยักยิ้มและตอบกลับไป

“งั้น...อื๊อ...นิลจะ...ตีพี่รันทุกสามนาทีเลย” ผมแถมออพชั่นเสริมด้วยการกัดริมฝีปากตัวเองนิดนึงเพราะคิดว่ามันคงจะดูยั่ว ซึ่งคงได้ผลเพราะพี่รันยิ่งกระแทกเข้ามาหนักหน่วงจนผมกรีดร้อง เสียงคำรามต่ำพร่าของคนด้านหลังจุดประกายความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาในตัวผม บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ



พี่รันเป็นของผม...



“พี่...รัน...” ผมเค้นเสียงเรียก



“ครับ....” เจ้าตัวหอบหายใจแต่ก็ขานรับผม ผมจึงรั้งแขนพี่รันเอาไว้ให้หยุดและถอยตัวเองออกมา พี่รันมองผมนิดหนึ่งตอนที่ผมผลักพี่รันให้นอนราบลง ผมหยิบไอ้หลอดเจลสู่รู้นั่นมาบีบใส่มือผมและชโลมลงที่ช่องทางของตัวเอง พี่รันยิ้มกริ่มตอนที่ผมขยับขึ้นมานั่งคล่อมเขา และจับแก่นกายใหญ่มาจ่อที่ช่องทางของผม ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันใหญ่กว่าเดิมตอนที่จับมันมาจ่อเองแบบนี้นะ


“อื๊อ.. อะ... พะ พี่รัน...” ผมครางกระเส่าตอนที่กดสะโพกตัวเองลงช้าๆ ยอมรับเลยว่าอะนัลเซ็กส์ครั้งแรกของผมมันดีเหลือเกิน ดีจนสงสัยว่าไอ้พวกที่บอกว่าเจ็บแทบตายนั้นมันไปทำอีท่าไหน และเมื่อผมนั่งทับลงมาจนสุด ความแน่นและอึดอัดก็คับแน่นอยู่ในช่องทางของผมจนไม่กล้าขยับ แต่ไอ้คนเห็นแก่ตัวข้างล่างนี่สิที่มันนอนหนุนแขนสองข้างตัวเองแล้วส่งยิ้มคล้ายจะเยาะเย้ยว่ามีน้ำยาแค่นี้??


“ฮื้อ...” ด้วยความไม่อยากแพ้ผมจึงฝืนขยับตัวขึ้นลง และความเสียวซ่านก็เล่นงามผมจนเข่าอ่อน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพยายามจนในที่สุดก็เริ่มชิน เสียงครางในลำคอของพี่รันเองก็เป็นรางวัลตอบแทนความพยายามของผมให้สู้ต่อไป


“พี่รัน.... นิล... นิลเป็นคนหวงของ” ผมเค้นเสียงพูดสลับกับการหอบ


“ครับ”


“อะไร...ที่เป็น..อึ้ก ของนิล...” ผมยันตัวขึ้นสูงสุด และกระแทกลงมาจนพี่รันเองยังครางฮึม “นิลก็ไม่อยากยกให้คนอื่น” ผมจ้องหน้าพี่รันนิ่ง


“พี่ก็เหมือนกัน” พี่รันยันกายขึ้นมาและจับผมพลิกให้เป็นฝ่ายนอนลง “อะไรที่เป็นของพี่ พี่ก็ไม่อยากให้คนอื่นแตะต้อง” พี่รันยันขาสองข้างของผมขึ้นและกระแทกถี่รัวผมจนร้องระงม


“ถ้าใครมายุ่งกับของของพี่ คราวนี้พี่จะเอามัน... และเอานิล... ให้ตาย” ผมรู้ว่า ‘เอามัน’ และ ‘เอานิล’ ให้ตายนั้นต่างกัน เพราะสายตาของพี่รันและความร้อนแรงที่สอดแทรกเข้ามาไม่มีหยุด ซ้ำยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่นานผมเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังจะแตกออก



“พี่รัน....พี่รัน....นิลไม่ไหว....ฮือ.....” ผมกระตุกหลายครั้งและหมดเรี่ยวแรงทันที น้ำสีขาวที่มันหลั่งออกมาจากส่วนปลายของผมเปรอะเต็มที่นอนไปหมด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หายใจหายคอพี่รันก็รวบสะโพกผมไว้กระแทกกระทั้นเข้ามาแรงและเร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นจัดที่ทะลักเข้ามาต่อเนื่องและยาวนานหลายระลอก



“ที่รักของพี่” พี่รันล้มตัวลงนอนกอดผมแน่นโดยที่ยังไม่ทันถอนแก่นกายตัวเองออกไปด้วยซ้ำ และยังไม่ทันที่ผมจะได้ทักท้วง ผมก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังโตขึ้นใหม่อีกครั้ง พอเขาเห็นว่าผมหันไปมองตาวาวเขาก็ยักคิ้วให้ และขยับขึ้นมาทบทับผมอีกครั้ง



“คืนนี้ยังอีกยาวไกลครับ”




▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂




มาแบบหวานๆเบาๆค่ะ :jul1:






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
 :jul1: :jul1: :jul1:
ขอบคุณจ้า

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
การปรับความเข้าใจ ที่แสน เร่าร้อน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขอบคุณมากมาย ยาวสะใจจริง เลือดสาดกระจายไม่คิดว่านิลจะเร้าร้อนได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
กรี๊ดด คืนดีกันแล้วกระชับฉับไวมาก  :hao7:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
อ๊ากกกก ตามหลายตอนเลย แต่ก็ทันแว้ววว :hao7:
พี่รันใจร้อนรออะไรไม่ไหวเอ่ย อิอิ แต่นิลอ่ะ อย่าทำแบบนั้นอีกล่ะ สงสารพี่รันเขานะตัวเอง :hao5:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 15 [ใกล้เข้าไปอีกนิด]
«ตอบ #97 เมื่อ13-06-2014 11:27:48 »

Chapter 15 [ใกล้เข้าไปอีกนิด]



ในวันหยุดที่อากาศสดใสเช่นนี้เชื่อว่าหลายคนคงมีแพลนที่จะออกไปเที่ยวกันทั้งนั้น แต่สำหรับผม วันหยุดถือเป็นวันอยู่บ้านแห่งชาติที่เราจะได้นอนตื่นสายโด่ง และนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเรื่อยเปื่อยทั้งวัน

ผมพลิกตัวหันหลังให้หน้าต่างที่เริ่มมีแสงแดดส่องเข้ามารำไร ท่อนแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามคือสิ่งแรกที่ปรากฎสู่สายตาผม ร่างแกร่งที่นอนคว่ำแต่ตะแคงหน้ามาทางผมกำลังหลับพริ้ม ผมนึกถึงเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่ผมพาพี่รันมาที่บ้าน ทั้งแม่และเอริคต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจสุดๆ ตามมาด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มบนใบหน้าของแม่ และรอยยิ้มบางๆที่หยักยิ้มเพียงมุมปากของเอริค (ผมแอบรู้สึกว่าบางทีเอริคและพี่รันอาจจะสื่อสารกันทางจิตได้ เพราะพวกเขามักจะมองหน้ากันนิ่งๆไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ดูเข้าใจกันไปเสียหมด)

ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เป็นวันหยุดแรกที่เราจะได้ใช้เวลาด้วยกัน ผมเกลี่ยปอยผมสีอ่อนออกจากใบหน้าพี่รัน ดวงตาที่เคยจ้องผมล้ำลึกกำลังปิดสนิท เสียงลมหายใจเรียบเรื่อยบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคงหลับสนิท ด้วยความที่ผมไม่อยากกวนคนกำลังหลับผมจึงลุกขึ้นมาก่อน แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นร่างกายของตัวเองที่มีแต่รอยช้ำจ้ำอยู่ตามผิวเนื้อ บทรักเมื่อคืนยังคงติดตาตรึงอยู่ในใจผม ผมกัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกได้ถึงความวาบหวามที่มันกำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“อ๊ะ!!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆก็มีมือมาจับหมับที่อวัยวะกลางลำตัวของผมโดยไม่มีอะไรขวางกั้น มือนั้นจับรั้งและดึงขึ้นลงอย่างช้าๆจนผมเผลอส่งเสียงน่าอายออกมาเมื่อริมฝีปากร้อนประทับจูบที่แผ่นหลังของผม

“ ‘ตื่น’ แต่เช้าเลยนะครับ”

“ฮื้อ... พี่รัน.... ไม่เอาครับ...” ผมพยายามแกะมือปลาหมึกที่กำลังนัวเนียกับตัวผมออกแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อคนหื่นก็ยังคงหื่นอย่างเหนียวแน่น จนสุดท้ายผมถูกจับกดจนหลังติดที่นอนอีกแล้ว

“ไม่เอา เช้าแล้ว... สว่างแล้วครับ” ผมยื่นมือไปปิดตาพี่รัน แต่เจ้าตัวกลับดึงมือผมออกและจูบแรงๆที่ฝ่ามือของผม ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเราสองคนจนมิดชิด

“แค่นี้ก็มืดแล้วครับ”

“ฮื้อ... ม่ายยยยยยย”




สุดท้ายยามเช้าของผมก็จบลงเมื่อตอนใกล้เที่ยง คงไม่ต้องคิดเลยว่าตอนที่ผมลงไปข้างล่างและพบกับบ้านโล่งๆมีเพียงโน้ตของแม่แปะทิ้งไว้ว่าจะออกไปช้อปปิ้งกับเอริคทำให้ผมดีใจขนาดไหนที่ไม่ต้องลากสภาพสะโหลสะเหลลงมาให้แม่สมเพช


“ไม่มีคนอยู่” พี่รันที่ตามลงมาติดๆขยับมาเกาะเอวผมและจุ๊บแก้ม ก่อนจะชะโงกอ่านโน้ตในมือผม “งั้นเราทำอะไรกันดี”


เพี้ยะ


ผมตีมือพี่รันที่เอื้อมมาบีบก้นผมเต็มแรง และหันไปมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

“ถ้าหื่นแต่เช้าแบบนี้อีกวันหลังไม่ต้องมานอนบ้านนิลเลย”

“อ้าว ก็นิลยั่วเอง ใครกันแน่ที่ตื่นแต่เช้าแล้วมายั่วพี่ก่อน”

“อะไร? นิลก็แค่นั่งของนิลเฉยๆ แต่พี่รันน่ะสิมาจับนู่นจับนี่ของนิลเอง”

“คนมันรักจับนิดจับหน่อยจะเป็นไรไป หืม?” ผมค้อนใส่คนโมเมที่ฉวยโอกาสหอมแก้มผม นอกจากจะไม่ช่วยเตรียมของแล้วยังก่อกวนเกะกะ กว่าผมจะได้กินข้าวก็เลยปาเข้าไปเกือบเที่ยง



เสียงพูดคุยเป็นภาษาสากลดังแว่วมาจากมุมหนึ่งของบ้าน ผมที่เพิ่งล้างจานเสร็จและกำลังเดินหาว่าพี่รันหายไปไหนจึงเดินไปทางเสียงนั้น คนที่ผมกำลังมองหายืนหันหลังให้อยู่ที่ระเบียงบ้าน สองแขนเกาะรั้วและโน้มตัวไปข้างหน้า เจ้าตัวกำลังสนทนาผ่านบลูทูธไร้สายที่ติดอยู่ข้างหู น้ำเสียงที่พูดติดจะหงุดหงิดนิดๆ ทำให้ผมไม่กล้าเดินเข้าไปหาทันที


“ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว”
เสียงพี่รันทั้งเย็นชาและห้วนแบบที่ผมไม่เคยได้ยิน เมื่อคราวนั้นตอนที่เรามีเรื่องกันพี่รันยังไม่เห็นทำเสียงทำท่าแบบนี้เลย ผมเลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่าใครกันนะที่ทำให้พี่รันรำคาญใจได้ขนาดนี้


และแน่นอน ว่าผมต้องแอบฟัง ก็รู้หรอกว่าทำนิสัยไม่ดี แต่มันมีบางอย่างที่ดึงดูดผมไว้ไม่ให้ก้าวไปจากตรงนี้...


“อย่าได้คิดที่จะมายุ่งกับเขา มันเป็นเรื่องระหว่างเธอกับฉันที่ได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว”

ประโยคถัดมาดังขึ้นและก็เงียบลงคล้ายพี่รันกำลังฟังปลายสาย แต่ละคำพูดของเขามันช่างดูแปลกๆ เป็นรูปประโยคที่ทำให้ผมหวนคิดถึงพล็อตในนิยายน้ำเน่าประมาณว่าพระเอกกำลังตัดสัมพันธ์กับพวกนางบำเรอยังไงยังงั้น

“ถ้าเธอยังไม่หยุด แล้วเธอจะได้เสียใจตลอดชีวิต”

ผมรีบหลบเมื่อเห็นพี่รันกำลังจะหันหลังกลับมา ผมทำท่าเหมือนว่าตัวเองเพิ่งเดินออกมาจากครัวและส่งยิ้มให้กับเขา พี่รันจูบแก้มผมเบาๆและชวนไปดูโทรทัศน์กัน หนังผีที่พี่รันเลือกมาเปิดเป็นเรื่องที่ผมอยากดูอยู่แล้ว แต่ทำไมในใจผมมันว้าวุ่นจนดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง ใจหนึ่งผมอยากถาม แต่ใจหนึ่งก็อยากจะรอดูท่าทีไปก่อน



“...”


“...ครับ”


“นิลครับ”



“ห๊ะ ครับๆ” ผมสะดุ้งโหยงตอนที่พี่รันจับแขนผม พี่รันมีสีหน้าตกใจว่าตัวผมทำไมต้องสะดุ้งขนาดนั้น ผมเลยเฉไฉไปว่าผมกำลังตั้งใจดูหนังอยู่


พอตอนเย็นพี่รันก็กลับไป เขาบอกว่าต้องไปเคลียร์งานก่อน แล้วเดี๋ยวจะโทรหาผมอีกที และยังไม่ลืมจูบลาผมอย่างดูดดื่มอีกด้วย (-//-) แต่แค่นี้ผมไม่หวั่นไหวหรอก ผมต้องหาคำตอบให้กับเรื่องที่กำลังกวนใจผมอยู่นี้ให้ได้ หึ!!


เฮ้ยยยยยย ว่าแต่ผมมัวแต่จู๋จี๋กับพี่รันจนลืมถามเลยว่าเขามาทำอะไรที่อังกฤษนอกเหนือจากเรื่องมาดูร้านอาหารของเขาอ้ะ!!!!


แม่งเอ๊ย ผมนั่งตีอกชกหัวตัวเองจนแมวงง กระทั่งแม่ผมกับเอริคกลับมาผมก็เลยไปเลียบๆเคียงๆถามแม่

“เอ๊ะ ลูกนี่ยังไง เป็นแฟนกันแต่ไม่เคยถามเรื่องของเขาเลยเหรอ” แม่ผมขมวดคิ้วใส่เป็นอาการที่ผมหวั่นใจที่สุด เมื่อไรที่แม่ทำท่านี้ใส่ผม แสดงว่าผมต้องโดนบ่นยาวแน่ๆ

“ไม่ได้ละนิล เราต้องมาคุยกับแม่แล้ว” แม่ลากแขนผมให้ไปนั่งกับท่านบนโซฟา สีหน้าแม่เคร่งเครียดจนผมเริ่มเกร็ง

“แม่เห็นว่านิลโตแล้ว เลยไม่คิดจะสอนเรื่องการใช้ชีวิตคู่” หะ? ชีวิตคู่?

“นิลเคยได้ยินหรือเปล่าว่าผัวเมียก็เหมือนคนคนเดียวกัน” ห้ะ?? ผัวเมีย??

“เรื่องของเราก็เหมือนเรื่องของเรา เรื่องของเราก็คือเรื่องของเขา นิลจะมาทำตัวเหมือนไม่รับรู้อะไรไม่ได้หรอกนะ มีอะไรก็ต้องซักถามกันเอาไว้” ง่ะ... ผมอึ้งแดกทันทีพอแม่เริ่มพูด แต่ผมก็คิดตามที่แม่พูดไปด้วยว่าบางทีผมคงเหมือนไม่เคยใส่ใจอะไรจริงๆ เพราะดูเหมือนคราวก่อนสิ ผมอยากจะตามง้อพี่รัน แต่ก็ไม่รู้เรื่องของเขาไปมากกว่าที่ผมเห็นอยู่ สุดท้ายเราก็ต้องจากกันไปตั้งหลายปี

“แม่อะ...” ผมงึมงำ

“ไม่ต้องมาบ่นแม่ เราน่ะ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย คราวนี้ถ้าเลิกกันไปอีกคงไม่โชคดีได้กลับมาเจอกันแบบนี้อีกแล้วนะ” แม่แหวจนผมเองเป็นฝ่ายโวยวายขึ้นมามั่ง

“แม่อ้ะ แช่งนิลทำไมเนี่ย ถ้า...ถ้านิลต้องเลิกกับพี่รันนะ นิล..นิล นิลจะทำให้เอริคเลิกกับแม่ด้วย” ผมโวยแล้วก็วิ่งหนีให้ห่างออกมาจากรัศมีฝ่ามือแม่ผมทันที

“ห๊ะ ลูกคนนี้” เสียงบ่นยาวเป็นหางแว่วดังห่างออกไปเรื่อยๆ ผมแอบเห็นทางหางตาไวๆว่าเอริคเข้าไปกอดแม่ไว้ไม่ให้ตามมาอัดผมได้ ผมเลยหันไปยักคิ้วหลิ่นตายั่วอารมณ์แม่อีกรอบ พอได้เห็นคุณนายโมโหเป็นฟืนเป็นไฟผมก็เริ่มอารมณ์ดีและขึ้นห้องไปคิดหาทางล้วงความจริงจากพี่รันให้ได้





“พี่มีเรื่องต้องบอกกับนิล” ผมละจากจอโทรทัศน์และหันไปมองคนข้างๆ ในค่ำคืนที่อากาศเริ่มเย็นและผมต้องเป็นคนอยู่โยงเฝ้าบ้านตอนที่แม่กับเอริคไปดินเนอร์ พี่รันอาสามาอยู่เป็นเพื่อนผม ไอ้ริชชี่ที่นอนอยู่บนตักผมผงกหัวขึ้นมามองและลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะกระโดดไปนอนที่พื้นแทน สีหน้าจริงจังของพี่รันทำให้ผมหยิบรีโมทมาหรี่เสียงทันที ผมนึกไปถึงเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้เรื่องพี่รันกับโทรศัพท์ปริศนาซึ่งผมลืมมันไปแล้วเพราะมัวแต่วุ่นเรื่องงาน




แล้วอยู่ๆพี่รันก็มีเรื่องจะพูดกับผมขึ้นมาเนี่ยนะ





ไม่นะ




พี่รันไม่ได้จะทิ้งนิลไปใช่มั้ย





“ทำหน้าแบบนั้นทำไม?” พี่รันเอานิ้วกดลงตรงหว่างคิ้วผมที่มันขมวดเข้าหากัน เขาดงผมเข้าไปกอดเอาไว้และโยกตัวเบาๆเหมือนจะปลอบโยน

“ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอก แค่มันจำเป็นต้องบอกไว้ก่อน” พี่รันจูบที่ขมับผมและพูดต่อ “พี่ไม่อยากให้นิลรู้จากปากคนอื่น”

“พี่รันมีเมียแล้วเหรอ” ผมถาม

“ห๊ะ เอาอะไรมาพูดเนี่ย” พี่รันหัวเราะแล้วขยี้หัวผม

“มั่วไปเรื่อยละเรา”


ผมมุดหน้าเข้ากับอกพี่รัน พี่รันก็นิ่งไป มีเพียงเสียงลมหายใจของเราที่ยังคงดังก้อง พี่รันกอดผมและสัมผัสไปตามไหล่ หลัง แขน ทุกส่วนเท่าที่มือพี่รันจะเอื้อมไปถึง ราวกับว่ามันจะทำให้เราได้รู้สึกแนบชิดมากยิ่งขึ้น

“ก่อนที่พี่จะมาเจอกับนิลตอนนี้...” พี่รันถอนหายใจ “พี่เคยมีคู่นอน”


“หรือคู่ขา” ผมย้อน


“หรือเซ็กส์เฟรนด์” พี่รันยิ้มเหนื่อย

“อืม... จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะนิล” พี่รันจับไหล่ให้ผมหันมาเผชิญกับดวงตาสีอ่อนของเขา ดวงตาสีอ่อนที่ทอประกายความเป็นจริงเสมอ “จะเป็นอะไรก็ตาม แต่ไม่ใช่คนรัก”


“ไม่ใช่จริงนะ” ผมถาม


“ไม่ใช่” พี่รันส่ายหัว


“แต่ทางนั้นเขาไม่คิดแบบนี้ใช่มั้ยครับ”


“นิลรู้สินะ”


“นิลได้ยินพี่รันคุยโทรศัพท์ ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ” ผมสารภาพเสียงอ่อย


“อืม ไม่โกรธหรอก คงเป็นสัญชาติญาณของคนเป็นเมียน่ะ อุ๊บ!” พี่รันร้องเมื่อผมกำหมัดชกไปที่หน้าท้องเขา


“ความจริงคือมันน่าเจ็บใจที่นิลไม่ได้รู้เรื่องของพี่รันมากไปกว่าที่นิลเห็นเลย” ผมรู้สึกเศร้าตอนที่พูดออกมา “พี่รันมีบ้านอยู่ไหน ทำธุรกิจไว้ที่ไหนบ้าง หรือครอบครัวพี่เป็นยังไงนิลไม่เคยรับรู้เลย”


“แม่บอกว่านิลไม่ใส่ใจ” ผมเงยหน้าถามพี่รัน “นิลไม่ใส่ใจพี่รันจริงๆเหรอ”


“หึ ไม่หรอก” พี่รันยิ้ม “นิลก็เป็นของนิลแบบนี้ และตัวตนของพี่ที่นิลรู้จักก็เป็นสิ่งที่มีแต่นิลเท่านั้นที่ได้รับรู้”


“ไม่มีใคร และไม่มีอะไร ที่จะมาสำคัญมากไปกว่านิลของพี่หรอก”

“นิลดีใจ” ประโยคนี้ทำผมเขินยิ่งกว่าพี่รันบอกรักผมอีก “แต่นิลก็อยากรู้ทุกเรื่องของพี่รันอยู่ดี” ผมร้องขอ เพราะผมไม่อยากเป็นคนที่ไม่ใส่ใจเรื่องของคนที่ผมรัก


“ไว้พี่จะพานิลไปเที่ยวบ้านพี่ ไปเจอกับพ่อแม่พี่ดีไหม” ผมพยักหน้ารับ


“เมื่อตอนนั้นถ้าไม่เกิดเรื่องก่อน พี่ก็ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้วละ”


“นิลขอโทษครับ”


“เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ไม่ได้จะว่าอะไร”


“แล้วเรื่องคนนั้นละ พี่รันจะทำยังไง” ผมถาม


“พี่พยายามใช้ไม้อ่อน แต่ถ้ามันสุดหนทางจริงๆคงต้องเด็ดขาด” ดวงตาพี่รันทอประกายวาบจนผมหวั่นใจกลัวเขาจะทำอะไรรุนแรง

“เค้า... เป็นผู้หญิงใช่มั้ย...” ผมกำเสื้อพี่รันแน่นตอนที่ถาม ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจขึ้นมาได้ทั้งที่พี่รันก็ไม่ได้มีอะไรกับเขาแล้ว


“อืม” พี่รันตอบเสียงเรียบ และประคองแก้มผมขึ้น “ไม่ต้องร้องนะนิล อย่าร้องไห้นะคนดี”


“ฮึก...นิลไม่เป็น...อะไร” ผมพยายามถอยออกมาจากอ้อมกอดพี่รัน แต่เขากลับรั้งผมเอาไว้ สองมือลูบหัวปลอบและปากก็พร่ำแต่คำหวานอ่อนโยน


“มัน... มันก็เป็นสิทธิ์ของพี่รัน..ฮึก.. แต่ แต่นิลแค่ขอเศร้าใจแป๊บเดียว...”


“นิลรู้... ยังไงพี่รันก็รักนิล.. แต่นิลขอ...ร้องไห้นิดเดียวนะ”


“ถ้านิลร้องไห้ พี่ก็จะปลอบนิลอยู่อย่างนี้แหละ” พี่รันจูบแก้มผมที่มีแต่คราบน้ำตา และจูบริมฝีปากที่ผมกัดเม้มมันเสียชา ผมหลับตาและบอกกับตัวเองว่าสัมผัสนี้เป็นของผม ของผมคนเดียว...


“ฮือ....นิลรักพี่รันอ่ะ”


“พี่ก็รักนิล ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานแล้วตาบวมนะ” พี่รันดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้าให้ผม ผมพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้แต่ก็ยังไม่ถอยห่างจากพี่รัน ผมปีนขึ้นไปนั่งตักพี่รันและกอดแน่นกว่าเดิม


“หืม? นั่งแบบนี้ไม่ดีนะไอ้เด็กน้อย”


“ไม่รู้ไม่สน นิลจะนั่งตรงนี้” ผมกอดเอวพี่รันแน่นไม่ขยับไปไหน


“นิลนั่งแบบนี้อะไรๆของพี่มันก็ตื่นนะซี แล้วนิลจะรับผิดชอบมั้ยครับ?” ผมรู้สึกได้ถึงร่างกายของพี่รันที่มันเริ่มมีปัญหาอย่างที่เขาบอก แต่ผมจะกลัวอะไรล่ะ ก็ตั้งใจอยากให้เป็นแบบนี้แต่แรกแล้วนี่นา (-//-)


“รับก็รับสิ ก็นิลตั้งใจยั่วพี่รันนี่” กรี๊ดดดดดด ทำไมผมตอแหลแบบนี้!!!!!!!!!!


“หึหึ เดี๋ยวนี้ช่างยั่วแบบนี้แล้วนะ” พี่รันพูดแล้วก็ก้มลงกัดที่ซอกคอผม ก่อนจะดันตัวผมลงนอนและโน้มตามลงมาติดๆ


“ที่รักของพี่ยั่วเก่งแบบนี้พี่จะไปไหนรอดล่ะ” ผมเองแม้จะอยากเถียงใจจะขาดว่าผมไม่ได้ยั่วแต่ก็หมดโอกาส เพราะสุดท้ายเสียงที่ออกจากปากผมก็มีแต่เสียงร้องครางที่โคตรจะน่าอายดังตั้งแต่โซฟาในห้องนั่งเล่นไปจนถึงเตียงนอนในห้องผม และกว่าทุกอย่างจะจบลงก็ใกล้รุ่งสางพอดี...



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* T A L K *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แหม หายไปพักนึง ขอโทษนะคะที่มาช้าบ้างไม่ต่อเนื่องบ้าง กะว่าจะพยายามเอาให้ได้อาทิตย์ละตอน
แต่มันก็มักจะมีเรื่องมาขัดจังหวะตลอดเลย :hao5:
ล่าสุดอาทิตย์นี่เพิ่งย้ายงานค่ะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เคลียร์งานวุ่นเลย
ไหนจะต้องปรับตัวใหม่ทั้งการเดินทางและการทำงาน ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา
แต่ก็ตั้งใจจะเขียนจนจบแหละค่ะ
เพราะเป็นนิยายรักเรื่อยเปื่อยที่ไม่หวือหวาอะไร จึงเขียนออกมาได้เรื่อยๆ(ถ้ามีอารมณ์นะคะ)
แล้วก็ตั้งใจว่าถ้าจบเรื่องนี้จะเปิดเรื่องใหม่เป็นแนว Straight ของฟ้าครามด้วยค่ะ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตั้งแต่ดีกันเนี่ยรู้สึกว่าจะหื่นบ่อยนะคู่นี้ ดีกันไปนานนะอย่าได้มีเรื่องอะไรอีกเลย สงสารกว่าจะได้อยู่ด้วยกัน

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนนี้อ่านแล้วทำไมเหมือนมันสั้นจัง รอตอนต่อไปนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ รวดเดียวจบเลยยย
สนุกมาก ทั้งน้องนิลทั้งพี่รัน ผ่านบททดสอบกันไปแล้ว
อย่ามีอะไรมาขวางอีกเลยนะคะ ยัยคู่นอนคู่ขาหรืออะไรก็ตาม
พี่รันก็เคลียร์ๆกันซะนะ รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมากเลยจริงๆ :pig4:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
กลับมาที หื่นจัง

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
กว่าจะกลับมาคืนดีกัน เรื่องดำเนินแบบข้าม ข้ามข้าม

สนุกมากเลยนะ ต่ออีกๆ

ออฟไลน์ kwangun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
วรั้ยยย คือดีอะเรื่องนี้ ชอบมากเลยค่ะ พี่รันอบอุ่นม๊ากกมาก :impress2: นิลโชคดีสุดๆ
 ชอบๆๆ ต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้
เราชอบมากเลยอ่ะ พี่รันดูเป็นคนดี
คือเค้าดี เค้ารักมากจนเรารู้สึกได้
จังหวะที่นิลหวั่นไหว เราใจร้าวมากเลยอ่ะ
สงสารพี่รัน คนที่รักมาก เสียเปรียบเสมอ
ตอนที่บอกว่าให้เลือก เราจุกเลยนะ
กลัวนิลจะรู้สึกว่าต้องเลือก เพราะการที่รู้สึกว่าต้องเลือก
มันหมายความว่าเรารักคนแรกน้อยลงนะ ถ้าเรายังรัก เราจะไม่คิดแบบนั้น
รู้สึกผิดก็ดี ก็ควร แต่ยิ่งห่างนานๆ ก็เหมือนทรมานพี่รีน
โอยยยยยย ดีที่กลับมารักกันได้
เราขอให้ผ่านไปได้ทุกอุปสรรค งื้อออออ
มาต่อนะะะะะ

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
น่ารักมากเลย เพิ่งเข้ามาอ่านอ่านรวดเดียวเลออ สนุกค่ะ ติดจามนะๆอือิ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สนุกค่ะ มาอ่านด้วยคน

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 16 [THE END]
«ตอบ #107 เมื่อ18-07-2014 10:09:04 »

Chapter 16 [THE END]



“นิล” คลาร่าสะกิดไหล่ผมในบ่ายวันทำงานวันหนึ่ง
“หืม?”
“แฟนคุณน่ะ คือจูเนียร์ใช่ไหม” ผมตกใจนิดหนึ่งตอนที่ได้ฟังคำถามของคลาร่า แม้ในใจก็คิดว่าเธอคงรู้เพราะพี่รันเล่นมารับผมอยู่บ่อยๆ แถมเรายังพูดภาษาไทยกันสองคนเสมอๆ และผมเองก็เคยบอกหล่อนไปแล้วว่าผมไม่ชอบผู้หญิง ซึ่งนั่นก็คงเดาได้ไม่ยากเท่าไรละมั้ง
“อืม” ผมตอบรับสั้นๆ แต่กลับมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นรอบตัวผม
“เห็นมั้ยฉันบอกแล้ว กรี๊ดๆ”
“อะไรกัน เธอเป็นเจ้าของหนุ่มหล่อคนนั้นงั้นเหรอ”
“เล่าให้ฟังบ้างสิว่าคบกันได้ยังไง”
“แล้วเรื่องบนเตียงน่ะเขาร้อนแรงมั้ย”
ฯลฯ

สารพัดคำถามที่ดังขึ้นรอบตัวทำให้ผมหันไปส่งสายตาขุ่นเขียวให้คลาร่า แต่เธอกลับส่งยิ้มแหยมาให้ผมคล้ายว่าเธอก็ถูกบังคับให้มาถามเหมือนกัน ผมจึงได้แต่ถอนหายใจและยังไม่ได้ทันตอบคำถามใครสักคน เสียงปานฟ้าผ่าก็ดังขึ้น

“พวกเธอ!! ทำไมไม่ไปทำงาน” สตีฟที่โผล่มาจากไหนไม่รู้พูดเสียงเหี้ยมใส่สาวๆจากแผนกบัญชีและขู่ว่าจะตัดเงินเดือนถ้าพวกเธอยังไม่รีบไปทำงานกัน

แล้วพอเหล่าสาวๆพวกนั้นหายไปหมดแล้ว สตีฟจึงหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง

“เฮ้ ผมไม่ได้ชวนพวกเธอคุยนะ” ผมรีบบอก และหันไปมองคลาร่าที่พยายามเข้ามาช่วยอธิบายเหมือนกัน

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ว่าแต่คุณเป็นคนรักของฮาร์คินส์จูเนียร์จริงเหรอ” ผมเหวอ และคลาร่าก็เหวอตอนที่สตีฟลากเก้าอี้มานั่งโต๊ะผม ผมหันไปสบตาคลาร่าแล้วก็หันมาพยักหน้าให้เจ้านาย
“คุณเคยลองถามเขามั้ยว่าเขาไม่สนใจจะดีลธุรกิจกับทางเราบ้างเหรอ?” ดวงตาสตีฟฉายแววขี้งกอย่างชัดเจนจนคลาร่าลากผมมาจากโต๊ะและบอกกับเจ้านายว่าสองคนมีลูกค้า

“ขอตัวนะคะสตีฟ เราสองคนต้องไปคุยกับลูกค้าค่ะ” ว่าแล้วก็รีบชิ่งออกมาโดยทิ้งไว้เพียงเสียง ‘ชิส์’ อย่างหงุดหงิดใจของเจ้านาย

ผมเข้าใจในสิ่งที่สตีฟพยายามจะสื่อนะ หากว่าบริษัทของสตีฟได้ร่วมลงทุนธุรกิจใดกับทางบ้านพี่รันละก็ นั่นถือได้ว่าเป็นการขยายตลาดได้อย่างดี ก็รู้ๆกันอยู่ว่าบ้านพี่รันเป็นเจ้าของโรงแรม แล้วถ้าพี่รันจ้างบริษัทของสตีฟไปก่อสร้างก็คงได้ผลตอบแทนไม่ใช่น้อย แถมถ้างานออกมาดีก็ยังได้ชื่อเสียงอีก แต่ไอ้คนกลางแบบผมนี่สิที่ไม่อยากยุ่งกับเรื่องธุรกิจพวกนี้เลย โชคดีที่คลาร่าก็เข้าใจดี

หลังจากที่ผมและคลาร่าเผ่นออกมาจากออฟฟิศแล้ว เธอก็พาผมมายังสถานที่นัดลูกค้าซึ่งเป็นคอฟฟี่ช็อป คลาร่าชี้ให้ผมดูหญิงสาวผมสีเข้มที่นั่งอยู่โซนส่วนตัวและบอกว่านั่นคือลูกค้าที่เราต้องมาคุยด้วย
“สวัสดีค่ะมิสจูลส์ เราสองคนมาจากอาคิเท็คทเวนตี้โฟร์ค่ะ ฉันคลาร่าและคนนี้คือนิลค่ะ เราเป็นสถาปนิกที่จะมาคุยเรื่องงานออกแบบออฟฟิศของคุณ”
“สวัสดีค่ะ ฉันอมีเลีย จูลส์ ต้องขอรบกวนคุณสองคนด้วยนะคะ” มิสจูลส์เชิญให้พวกผมนั่งลงที่โต๊ะ ผมจึงได้มีโอกาสพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าอย่างชัดเจน เธอเป็นสาวอังกฤษโดยแท้ และสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือใบหน้าของเธอที่มีเค้าโครงคล้ายผมเหลือเกิน เว้นก็แต่ผมสีบรูเน็ตและดวงตาสีเขียวที่ทำให้เราสองคนดูแตกต่างกัน คลาร่าเองก็คงสังเกตได้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เรานั่งคุยงานกันโดยมีคลาร่าเป็นผู้ซักถามความต้องการของมิสจูลส์ และมีผมเป็นคนร่างแบบคร่าวๆด้วยดินสอ ซึ่งสตีฟชอบให้ใช้การร่างแบบด้วยมือมากกว่าคอมพิวเตอร์ เพราะเขาบอกว่ามันสะดวกและเราสามารถใส่รายละเอียดต่างๆลงไปได้แบบละเอียดยิบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะผมเองก็ชอบอะไรแบบเดิมๆด้วย
 
“เดี๋ยวผมจะเอาไปร่างแบบนะ” ผมบอกกับคลาร่าตอนที่เราคุยเสร็จแล้ว มิสจูลส์วางแก้วน้ำชาลงแล้วบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมพอดี ผมจึงส่งยิ้มให้เธอ แต่แว่บหนึ่งผมกลับรู้สึกได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรของเธอก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดังเดิม

“ได้สิ งั้นเดี๋ยวฉันขอส่งมิสจูลส์ก่อนละกัน” ผมพยักหน้าให้คลาร่าและเก็บกระเป๋าไปรอที่รถ ในใจก็ยังตะหงิดกับสายตาไม่เป็นมิตรแว่บหนึ่งนั้น แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะผมเสียก่อน

“ฮัลโหลพี่รัน” ผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงจากปลายทาง “คิดถึงนิลอะดิ”
‘รู้มั้ยว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองปากหวาน’
“ไม่นะ ก็ปกติเหอะ”
‘หึ พี่ว่าไม่’ ผมรู้สึกได้เลยว่าพี่รันกำลังอมยิ้ม เพราะผมเองก็กำลังยิ้มอย่างกับคนบ้า อาการอินเลิฟมันเป็นแบบนี้นี่เองเนอะ
“แล้วโทรมามีไรเนียะ นิลออกมาคุยกับลูกค้า เดี๋ยวต้องกลับเข้าออฟฟิศอีกนะ”
‘พี่จะโทรมาบอกว่าอย่าทำงานเพลินจนลืมนัดเราเย็นนี้นะ’ ผมนึกถึงนัดดินเนอร์ที่พี่รันจะพาผมไปกินร้านที่เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นแนวออแกนิคส์ ซึ่งผมอยากจะไปเก็บข้อมูลสูตรอาหารมาให้แม่ใช้บ้าง
“ไม่ลืมหรอก แค่นี้ใช่มั้ย”
‘ยัง’
“มีอะไรอีกครับ”
‘คิดถึง’
หน้าผมตอนนี้ -//-
“เหมือนกันแหละ” แล้วผมก็รีบวางสาย พอเอามือมาจับๆหน้าตัวเองก็รู้สึกว่ามันร้อนๆยังไงก็ไม่รู้แหะ

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะกระจกรถเรียกให้ผมหันไปมอง คลาร่ากำลังทำสายตาล้อเลียนผมโดยมีมิสจูลส์ยืนอยู่ด้านหลัง
“อ้าว” ผมร้อง
“ไม่ต้องอ้าวหรอก เผอิญรถของเธอมีปัญหาน่ะ เลยจะขอติดรถเราไปลงที่อู่รถแถวๆนี้” ผมพยักหน้ารับรู้และปลดล็อกให้สองคนเข้ามา คลาร่าเดินมานั่งที่นั่งข้างคนขับและมิสจูลส์นั่งเบาะหลัง ตลอดทางไปอู่ซ่อมรถมีแต่ความเงียบในห้องโดยสาร แม้ว่าคลาร่าจะพยายามชวนหล่อนคุยแค่ไหนแต่หล่อนก็แค่ถามคำตอบคำเท่านั้น พอผมขับมาถึงอู่รถหล่อนก็เปิดประตูลงไปและปิดเสียงดังโดยไม่ขอบคุณพวกเราสักคำ ผมและคลาร่าจึงได้แต่มองหน้ากันแบบงง
“หล่อนไปโกรธใครมา”
“ผมน่าจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่านะ” ผมพูดกลั้วหัวเราะขณะที่กำลังกลับรถ จากที่อารมณ์ดีตอนคุยกับพี่รันเมื่อกี้ก็เริ่มกลับมาครุ่นคิดเรื่องแววตาไม่เป็นมิตรตอนนั้นอีกครั้ง
“ตอนที่ฉันคุยกับเขาก็ปกติดีนะ แต่พอเดินมาที่รถเรานี่แหละ เธอก็เปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนละคนเลย” คลาร่าเล่าเป็นฉากๆ
“ผมไม่มีความเห็นหรอก ฮ่าๆ”
หลังจากนั้นทั้งผมและคลาร่าก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย

-----------*------------

“โอ้โห คนเยอะจัง” ผมอ้าปากค้างเมื่อมาถึงร้านอาหาร พี่รันมองผมยิ้มๆประมาณว่า ‘เห็นไหมละ พี่บอกแล้ว’
“แล้วพี่รันจองที่ไว้แล้วเหรอ” ผมมองสภาพลูกค้าในร้านที่เยอะจนไม่มีที่นั่งถ้าไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า
“ระดับพี่” เจ้าตัวว่ายิ้มๆแล้วก็จูงผมเดินเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับพอเห็นพี่รันก็กุลีกุจอเข้ามาต้อนรับ ‘มาบ่อยสิท่า’ ผมแอบคิดในใจ
บริกรหนุ่มผมสีทรายพาเราไปนั่งและแนะนำรายการอาหารของวันนี้ พี่รันสั่งเมนูประจำวันไปสองสามอย่างและให้ผมเป็นฝ่ายสั่งอย่างอื่นที่ผมอยากกิน ผมจึงสั่งอาหารที่มีส่วนประกอบเป็นผัก ธัญพืช ไข่ เต้าหู้ และปลา (ซึ่งมันก็มีวัตถุดิบอยู่แค่นี้อะ) ดูท่าว่าถ้าผมกินร้านนี้ทุกวันคงผอมอะ คือเรียกได้ว่าเขามีแต่อาหารคลีนจริงๆ แต่ถ้าแม่ผมจะเปิดร้านคงไม่ได้เน้นคลีนขาดนี้ ก็มนุษย์เป็นสัตว์กินเนื้อนะเฟ้ย กินแต่ผักกับเต้าหู้ก็หมดแรงพอดี (คหสต.นะครับคุณ)
“พี่รันมาบ่อยเหรอ” ผมถามก่อนจะดูดน้ำผักสมูทตี้อะไรสักอย่างที่เขานำมาเสิร์ฟ รสชาติมันไม่เลวเลยละ
“ก็ประมาณเดือนละสองสามครั้ง” หูย ผมแอบคิดถึงค่าอาหารที่แม่งโคตรแพงแล้วก็ขนหัวลุก มากินเดือนละสองสามครั้งคงหมดหลายพันปอนด์ ค่าอาหารที่นี่แม่งแพงจริงๆนะครับ
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมาละ เดี๋ยวไปกินร้านแม่นิล” ผมบอก ถึงเสี่ยรันจะรวยแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากให้ฟุ่มเฟือยกับของที่ราคาเกินเหตุแบบนี้ มีแต่ผักๆๆๆ ทำไมแพงนักก็ไม่รู้

สำหรับรสชาติอาหารนั้นก็ไม่มีอะไรให้ติ แต่ก็ไม่มีอะไรให้ชมเช่นกัน ด้วยจานอาหารที่จัดวางมาก็หน้าตาดี และรสชาติก็อร่อย แต่มันก็ไม่ได้อร่อยจนแบบว่า เหยดโด้วววววว อร่อยมากกกก อะไรขนาดนั้นอะ (-..-) แต่ทำไมฝรั่งมันชอบกันนักก็ไม่รู้
“คือจริงๆก็ไม่ได้ชอบอาหารร้านนี้มากมายหรอกนะ แต่คือผักมันเยอะดี เวลาอยากจะรักสุขภาพขึ้นมาก็มากินร้านนี้ มันสะดวกสำหรับตัวคนเดียวน่ะ” ประโยคบอกเล่าของพี่รันที่โคตรจะแทงใจผมโดยที่เจ้าตัวคงไม่ทันรู้สึก เพราะพี่รันก็ยังคงจิ้มสลัดแครนเบอร์รี่มากินหน้าตาเฉย แต่ผมนี่สิ ไอ้คำว่าตัวคนเดียวมันช่างเป็นคำที่แสนไพเราะจนผมแทบจะโบยบิน ตัวคนเดียวน่ะคุณเข้าใจมั้ย มันแปลว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้เอาใครมาเคียงคู่ได้หรือเปล่า
“สลัดแซลม่อนราดซอสงาดำกับพริกไทยครับ” บริกรหนุ่มคนเดิมนำสลัดจานที่สองของเรามาเสิร์ฟคั่นเวลาฟุ้งซ่านของผม สลัดผักเขียวขจีที่มีแซลม่อนสไลด์บางๆโปะหน้ามาพร้อมกับส้อมและทัพพีไม้สำหรับคนวางลงตรงหน้า บริกรหนุ่มหยิบอาวุธมาเพื่อจะคนสลัดผัก แต่ผมยกมือห้ามและบอกว่าไม่ต้อง ผมจะทำเอง
“พี่รันห้ามพูดว่าตัวคนเดียวอีกนะ” ผมพับแขนเสื้อและหยิบส้อมกับทัพพีไม้ขึ้นมา “เรามีกันสองคน และนิลก็จะทำอาหารให้พี่กินเหมือนเมื่อก่อนเอง... นะ” ผมวางอุปกรณ์ลงและเลื่อนชามสลัดไปใกล้พี่รัน ดวงตาคมสีอ่อนทอประกายเจิดจ้าตอนที่จ้องมองผม ผมรู้สึกอายที่ตัวเองกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกไป แต่ก็นะ...พูดไปแล้วนี่หว่า!!!!
“สัญญานะครับ” แต่คนหน้าหนากลับไม่อนาทรร้อนใจกับความอายของผม เขากลับยื่นนิ้วก้อยมาวางบนโต๊ะและกระดิกเรียกให้ผมเอานิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับเขา พอผมยื่นไปพี่รันก็ตวัดนิ้วผมไว้แน่น สมมติถ้าตรงนี้มีแค่เราสองคน พี่รันคงชะโงกมาจูบผมแน่ๆ
“ฮื่อ สัญญา” ผมก้มหน้าพูดเสียงเบาก่อนจะดึงมือตัวเองกลับมา
“กลับบ้านเลยมั้ย เช็คบิลดีกว่าเนอะ”
“บ้าเหรอ ยังขาดอีกตั้งหลายจาน”
“พี่ไม่อยากกินแล้วอะ”
“ฮึ้ยยย เพ้อเจ้อน่า” ผมทำเหวี่ยงกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“อายจนแก้มจะแตกแล้วครับนิล โอ๊ย” พี่รันร้องเสียงหลงเมื่อโดนผมจิกเข้าที่มือ กว่ามื้ออาหารเย็นนั้นจะจบลงผมก็โดนโลมเลียทางสายตาจนละลายไปหมดแล้วไอ้บ้าพี่รัน!!!

เราทานกันเสร็จตอนใกล้จะสองทุ่ม ผมรู้สึกว่าแทบจะขี้ออกมาเป็นเส้นใยผักแล้วอะ ฮ่าๆ พี่รันเดินนำไปที่รถและกดปลดล็อกจากรีโมทในมือ ตอนที่เสียงปลดล็อกดังปี๊บครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ พอเสียงปี๊บหยุดดังจึงได้ยินชัดเจนขึ้น
“จูเนียร์คะ” ผมและพี่รันหันไปมองพร้อมกัน สตรีในชุดแดงสดรัดรูปกำลังเดินตรงมาที่เรา ใบหน้าที่แต่งเข้มจัดและเรียวปากสีเดียวกับชุดทำให้ผมต้องใช้เวลาในการประมวลผลใบหน้าที่เห็นนานกว่าปกติ แต่แล้วสายตาเชือดเฉือนนั้นก็ได้ทำให้ผมนึกออกในที่สุด

“มิสจูลส์...” 

-----------*------------

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ และพอเธอเดินเข้ามาถึงก็กระแทกไหล่ผมจนเซและเดินไปจับแขนพี่รันไวพอกับพี่รันที่เบี่ยงตัวออกแล้วมาประคองผมไว้ ท่าทางยิ้มแย้มที่ผมเห็นในทีแรกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงจนผมแทบไม่อยากเชื่อ ใบหน้าสวยบูดบึ้งจนเหมือนนางมารร้ายไม่มีผิด ผมกล้าพูดเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเพศหญิงนั้นน่ากลัวนักในเรื่องรักใคร่ ราวกับว่าหากทำให้พวกหล่อนผิดหวังหรือเจ็บปวด หล่อนก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนเป็นฝ่ายชนะ
“นี่น่ะหรอ คู่นอนคนใหม่ของคุณ” มิสจูลส์ปรายตามองมาทางผมแว่บหนึ่งด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่า ผมไม่เข้าใจว่าหล่อนทำสายตาแบบนั้นได้ยังไงเพราะก็เห็นๆอยู่ว่าพี่รันขยาดหล่อนขนาดไหน
“เขาไม่ใช่คู่นอน แต่เป็นคู่รัก กรุณาพูดให้ถูกด้วย” พี่รันพูดเสียงเข้ม
“ฮึ ผู้ชาย... เหมือนกันนี่นะจะเป็นคู่รักได้” หล่อนกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าและจากเท้าขึ้นมาสบตาผม ตั้งแต่เกิดมาผมเจอแต่ผู้หญิงนิสัยดี เพิ่งจะมียัยบ้าหน้าซื่อใจคดนี่ละที่ร้ายกาจขนาดนี้
“มันสำคัญตรงที่ผู้ชายเขาเลือกใครต่างหาก” ผมโพล่งขึ้นมา พี่รันหันมามองผมด้วยสายตาประหลาดใจเจือจบขัน
“ปากดีให้ตลอดเถอะไอ้เกย์” มิสจูลส์หรือยัยผีบ้าชื่อเล่นที่ผมตั้งให้ใหม่สบถใส่หน้าผมอย่างแรงจนพี่รันดึงผมไปกอดไว้แน่นเพื่อให้พ้นจากคำพูดร้ายกาจของหล่อน และนั่นยิ่งทำให้หล่อนเดือดดาลขึ้นไปอีก
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ทิ้งท้ายเหมือนในการ์ตูนและก็เดินจากไป เหลือไว้เพียงผมพี่รันที่มีสีหน้าอึ้งกิมกี่อยู่ตรงลานจอดรถ

“พี่รัน” ผมเรียกชื่อแฟนตัวเองเสียงเขียว
“ครับ?”
“ยัยนี่ใช่มั้ย คนที่พี่โทรคุยเมื่อวันนั้น” ผมหันไปสบตา พี่รันก็พยักหน้าหนึ่งที
“ทำไมเลือกคนแบบนี้เนี่ย” ผมถาม นึกถึงความเหวี่ยงวีนของนางแล้วก็หลอน
“ตอนแรกไม่เป็นแบบนี้นี่นา” เขาทำสีหน้าฉงนราวกับว่าเมื่อตอนแรกพบหล่อนช่างอ่อนหวาน
“แล้วประเด็นคืออะไรรู้มั้ย”
“คือ?”
“ตอนหล่อนไม่แต่งหน้าแบบนี้อะ หน้าโคตรคล้ายนิลเลย” พอได้ยินที่ผมพูดพี่รันก็ทำหน้าเศร้าและลูบแก้มผมเบาๆ
“ก็นั่นแหละคือประเด็น ตอนแรกที่พี่เห็นโอลิเวียน่ะ พี่นึกว่านิลมีฝาแฝดด้วยซ้ำ” พี่รันสบตาผมนิ่ง “พี่คิดถึงนิล... มาก... มากเสียจนพี่ไม่กล้าผลักไสตอนที่เธอเข้ามา” พี่รันจูงผมไปที่รถและเปิดประตู จนเราขึ้นนั่งเรียบร้อยจึงสตาร์ทรถและเคลื่อนตัวออกช้าๆ
“พี่น่าสมเพชเนอะ” จู่ๆพี่รันก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าเจ้าตัวที่มองเห็นได้เพียงเลือนรางภายใต้แสงไฟจากคอนโซลหน้ารถ ผมเม้มปากแน่นเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่พี่รันพูด มันไม่ได้จริงสักนิด เรื่องทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมต่างหาก
“พี่อย่าพูดแบบนั้น นิลต่างหากที่ผิด พี่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ” ผมฝืนยิ้ม
“งั้นเราก็ผิดทั้งคู่” พี่รันบีบมือผมแน่นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พอไปถึงที่บ้านแน่นอนว่าผมก็ต้องรีบแล่นไปฟ้องแม่ทันทีที่พี่รันไปนั่งคุยกับเอริค แม่เองพอฟังเรื่องผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจนผมเริ่มจะงอน
“แม่อะ ขำอะไรนักหนา”
“ฮึฮึ ก็ลูกเนี่ยนะ บางทีก็ทำตัวสมเป็นเพศผู้มากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าลูกเป็นเกย์”
“ทำไมอะ นิลไม่ได้มีเพื่อนผู้หญิงเยอะแยะสักหน่อย” ผมทำปากยื่น
“แม่คิดว่ายัยโอลิเวีย จูลส์คงอยากได้แฟนลูกใจจะขาด ขนาดแม่เองถ้าเด็กกว่านี้สักยี่สิบปีก็คงจะแย่งรันมาจากลูกเหมือนกันแหละ”
“อ้าวแม่ ไหงพูดงั้นอะ”
“โฮ้ย ก็ดูแฟนตัวเองสิ หล่อรวย แถมรักนิลขนาดนี้” แม่พูดเหมือนจะอวยลูกเขยนะ แต่กลับมองผมแล้วยิ้มๆไงไม่รู้
“แม่ดีใจนะ ที่นิลกับรันกลับมาคบกัน” แม่จับมือผมไปวางบนมือแม่แล้วพูดต่อ “แม่ไม่เห็นว่าจะมีใครที่รักนิลได้อย่างรันอีกแล้ว ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีแม่ คนที่แม่อยากจะฝากลูกของแม่เอาไว้ด้วยก็มีแต่รันนี่แหละ” ผมที่กำลังมีปัญหาเรื่องอดีตผู้หญิงของแฟนตัวเองแทบปรับอารมณ์ไม่ทันเมื่อแม่ผมเปลี่ยนมาดราม่าเรื่องความรักครอบครัว ผมซุกตัวเข้ากอดเอวแม่แน่น ผมชอบกลิ่นหอมจากตัวแม่ กลิ่นที่ทำให้ผมสบายใจทุกครั้งที่มีเรื่องแย่ๆ
“เรื่องผู้หญิงคนนั้นอย่าเพิ่งไปกังวลนะลูก ยังไงตบมือข้างเดียวก็ไม่ดังหรอก”
“นิลรู้ครับแม่ แต่ที่นิลกลัว คือนิลกลัวเขาจะทำอะไรร้ายแรง ท่าทางเขาดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“แม่เข้าใจ แต่ถ้านิลกลัว นิลก็คอยระวังตัวเอาไว้ตลอดนะลูก”

.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

พี่รันกลับไปแล้ว แต่ผมยังนอนลืมตาโพลง ตามปกติตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ เรามักจะค้างคืนด้วยกันในช่วงวันหยุดเท่านั้น(แล้วแต่ว่าจะค้างบ้านผมหรือแมนชั่นพี่รัน แต่ส่วนมากจะเป็นแมนชั่นพี่รัน) ในวันธรรมดาเขาก็จะกลับไปนอนที่แมนชั่นของเขา คือยังไงดีละ แม่บอกว่าผมกับพี่รันเป็นแฟนกันก็จริง แต่การจะให้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็คงดูไม่งามเท่าไร (ทั้งๆที่ลูกแม่เสร็จเขาไปนานแล้วเนี่ยนะ!!!) แต่ผมก็ไม่มีอำนาจจะไปคัดค้านอะไรแม่ได้หรอกนะ เลยปล่อยเลยตามเลยไปนั่นละ -..-

ติ๊ง ติ๊ง

ผมรีบคว้าโทรศัพท์ตัวเองมาด้วยความเร็วแสงและสไลด์หน้าจอเพื่อปลดล็อก ไอเมสเสจจากพี่รันทำให้ผมอมยิ้ม ‘นอนรึยังคนดีของพี่’ ผมจึงพิมพ์ตอบกลับไป ‘ยังไม่นอน รออ่านเมสเสจคนแก่’ สักพักโทรศัพท์ของผมก็มีสายโทรเข้ามา

“ฮัลโหล”
‘ถึงแก่แต่แรงก็ยังดีนะ’
“บ้า” ผมจิกนิ้วลงบนหมอนแน่น ประหลาดใจเหมือนกันว่าจนป่านนี้แล้วผมยังเขินอะไรอีก (-//-)
‘วันนี้พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ไม่นึกว่าหล่อนจะทำถึงขนาดนั้น’
“ช่างมันเหอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วนะ” ผมทำปากยื่น ก่อนนอนแท้ๆไม่น่านึกถึงเรื่องยัยโอลิเวียอีกเลย เดี๋ยวก็ได้ฝันร้ายกันพอดี
ผมนอนคุยกับพี่รันต่ออีกสักพักจึงปิดไฟเข้านอน
‘คืนนี้ลมแรงจัง’ ผมนอนคิด ท่ามกลางแสงไฟจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาภายในห้องเป็นเงาที่สั่นไหวตามแรงลมทำให้ผมเริ่มเกิดจินตนาการสยองขวัญอย่างในหนังเรื่องโพลเตอร์ไกส์ที่เพิ่งดูไป ต้นไม้ใหญ่นอกหน้าต่างห้องผมที่เคยให้ร่มเงาในยามกลางวันกลับดูน่ากลัวขึ้นทุกขณะ ผมหลับตาปี๋และพยายามสงบจิตสงบใจตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน พรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้า จะงานอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องงานของยัยโอลิเวียนั่น



บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 16 [THE END]
«ตอบ #108 เมื่อ18-07-2014 10:13:30 »

ผมกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต ผีผู้หญิงผมยาวในชุดสีขาวกรอมพื้นกำลังถือมีดวิ่งไล่ฟันผมอยู่ ผีที่ดูน่าจะเชื่องช้าเหมือนผีซาดาโกะในเดอะริงกลับวิ่งเร็วผิดวิสัย ผมเจอบ้านหลังหนึ่งเลยเข้าไปแอบ ผีตนนั้นตามเข้ามาถึงในบ้านและเดินลากขาพร้อมกับส่งเสียงเรียกผมที่นั่งแอบอยู่หลังโซฟา มันส่งเสียงเรียก นิล นิล นิลลลลลลลล และเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนห่างจากผมแค่ศอกเดียวเท่านั้น!!


“นิล!!!!”

“เฮ้ย!!”


ผมร้องสุดเสียงเมื่อเห็นใบหน้าขาววอกที่ชะโงกมาตรงหน้า เหงื่อกาฬผุดพรายตามไรผมชื้น ผมหันไปมองหน้าต่างที่มีแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาด้วยความโลงใจ

“เป็นอะไรลูก ร้องเสียงหลงเชียว” แม่แกะแผ่นพอกหน้าออกแล้วเอามือเช็ดเหงื่อให้ผม ผมหอบหายใจแรงๆและลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

“นิลฝันร้าย ฝันว่าโดนผีสาวไล่ฆ่า”

“ฮื้อ? โตขนาดนี้แล้วยังฝันเป็นเด็กอีก”

“แต่มันน่ากลัวมากเลยนะแม่”

“จ้าๆ ยังไงก็ตื่นแล้วนี่ ไปอาบน้ำไป๊ รันมารออยู่ข้างล่างแล้ว” ผมรีบลุกจากที่นอนทันทีเมื่อรู้ว่าพี่รันมารอ
“แหม พอบอกว่าแฟนมารอละรีบเชียว” ผมทำอารมณ์ดีฮัมเพลงจนแม่หมั่นไส้หยิกเอวผมหนึ่งทีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง


.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-


ผมมาถึงที่ทำงานพร้อมกับขนมของกินที่พี่รันแวะซื้อให้ระหว่างทาง (ถ้าผมขับรถมาเองละก็ฝันไปเถอะ แค่มาทำงานไม่สายก็บุญละ) คลาร่าเดินตรงเข้ามาคว้าถุงที่ใส่แซนวิชบนโต๊ะไปกินหนึ่งอันหน้าตาเฉย ผมเองก็ไม่น้อยหน้า เอื้อมหยิบสตรอเบอร์รี่บนโต๊ะเธอมาได้หลายลูกอยู่ สตรอเบอร์รี่ลูกโตหวานเจี๊ยบจนผมอดใจไม่ไหวกินไปอีกหลายลูก เอาไว้เดี๋ยวให้แม่ปลูกบ้างดีกว่า

“อีกสักชั่วโมงเราค่อยออกไปกันนะนิล” ผมพยักหน้าให้คลาร่าทั้งที่ตายังคงจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ร่างแบบคาไว้อยู่ ในใจมันหงุดหงิดอยากจะบอกกับสตีฟว่าผมไม่รับงานนี้ได้ไหม ให้คนอื่นทำไปน่าจะดีกว่า แค่คิดว่าต้องไปเจอยัยบ้านั่นไมเกรนผมก็จะขึ้นแล้ว แต่ครั้นจะให้ผมไปบอกกับสตีฟว่าขอถอนตัวเพราะลูกค้าเป็นแฟนเก่าของแฟนผมคงไม่ดีแน่ (- -*)


ผมมีเวลาให้ฟุ้งซ่านได้อีกแค่แป๊บเดียวก็ต้องออกไปเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง วันนี้การเดินทางไปคุยงานของผมช่างยาวนานราวกับขับรถข้ามประเทศ คลาร่าชวนผมคุยตลอดทางแต่ผมกลับได้แต่ถามคำตอบคำ เพื่อนร่วมงานเองก็มองผมด้วยสายตาสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไรมากมายซึ่งทำให้ผมรู้สึกไม่กดดันเท่าไรนัก


แต่แล้วเมื่อผมไปถึงสถานที่นัดหมาย กลับมีแต่ชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นเลขาของมิสจูลส์และรับอาสามาคุยงานแทนในวันนี้ ผมเองจะว่าโล่งใจก็ส่วนนึง แต่อีกใจก็รู้สึกแปลกๆ ตาซ้ายมันขยิบแปลกๆ ผมอดทนรอจนคุยงานเสร็จ (ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนเลขาของยัยโอลิเวียพยายามยื้อเวลาชะมัด) ผมหยิบโทรศัพท์มากดหาพี่รันทันทีที่ออกมาจากร้าน เสียงรอสายดังเนิ่นนานแต่ก็ไม่มีคนรับสักทีซึ่งผิดวิสัยพี่รันเป็นที่สุด


“คลาร่า วันนี้ผมลางานช่วงบ่ายนะ” ผมบอกกับเพื่อนร่วมงานที่มองผมด้วยสายตาสงสัย

“วันนี้มีอะไรหรือเปล่านิล ดูคุณว้าวุ่นใจ” ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอ แค่บอกไปว่ากำลังสงสัยว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับพี่รัน เพียงเท่านั้นคลาร่าก็เดินขึ้นมานั่งข้างคนขับและบอกให้ผมออกรถ

“คุณค่อยเล่าให้ฉันฟังระหว่างทางแล้วกัน เดี๋ยวฉันโทรไปบอกสตีฟก่อน” ผมมองคลาร่าด้วยความซึ้งใจ แม้จะไม่เคยพูดหรือบอกอะไร แต่เธอกลับใส่ใจอยู่เสมอและยังเสนอตัวช่วยโดยไม่รอให้ผมร้องขอเลยแม้แต่น้อย


ผมเล่าเรื่องที่ยัยโอลิเวียเป็นแฟนเก่าของพี่รันให้คลาร่าฟัง เธอทุบกำปั้นลงกับฝ่ามือแล้วร้องอ๋อก่อนจะเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้าง

“ฉันว่าแล้ว ยัยจูลส์นั่น เอาแต่ถามโน่นนี่เรื่องเธอตลอด ตอนแรกฉันก็คิดว่าหล่อนชอบเธอ แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้นสักทีเดียว แล้วนี่ยังไง เธอจะไปหาแฟนเธอที่ทำงานหรือ?”

“ใช่ ออฟฟิศเขาอยู่แถวเวสต์มินสเตอร์”

“โอ๊ย เธอลงมาเลย เดี๋ยวฉันขับเอง” จู่ๆคลาร่าก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกและบอกให้ผมหยุดรถ หล่อนเดินมาเปิดประตูฝั่งผมและลากผมออกมาก่อนจะไปนั่งแทน

“เธอน่ะขับช้า ไม่ทันการณ์พอดี” ผมยังนั่งไม่ทันเรียบร้อยดีคลาร่าก็กระชากรถออกวิ่งแล้ว และวันนี้ผมก็ได้สัมผัสประสบการณ์ Fast and Furious ของจริงที่ผมขอสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้จะไม่ให้ยัยนี่จับพวงมาลัยโดยมีผมนั่งข้างคนขับเป็นอันขาด


พอเราสองคนมาถึงออฟฟิศของพี่รันก็ได้รับคำตอบจากคลอเดียเลขาหน้าห้องของแฟนผมว่าเจ้านายออกไปธุระข้างนอกตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ผมเองก็ใจหวิวๆว่าพี่รันมันจะบอกคลอเดียหรือเปล่าว่าจะไปไหน โชคดีที่คลาร่าชิงถามเสียก่อน และคลอเดียก็แสนดี หล่อนอธิบายเสียยืดยาวว่าพี่รันไปธุระที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทำให้นางถามเจ้านายตัวเองอย่างละเอียดยิบว่าจะไปไหนไปพบใคร

“บอสไปพบลูกค้าที่ London Hilton Hotel ได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วค่ะคุณนิล” คลอเดียยิ้มเจื่อนให้ผม “ไปพบกับมิสจูลส์ค่ะ” ผมแทบจะยกมือขึ้นมากุมขมับทันทีที่ได้รู้ชื่อคู่นัดของพี่รัน แต่คลาร่ากลับคว้ามือผมเอาไว้แล้วพาวิ่งออกไปเสียก่อน

“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ส่วนไหนของโรงแรมล่ะคลาร่า” เสียงผมสั่นเครือเพราะน้ำตามันจะหยดลงมาอยู่แล้ว ทั้งๆที่มันก็ยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น(เหรอ?) แต่ผมก็ใจคอไม่ดีเหลือเกิน มันหวิวๆเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

“ฉันว่าฉันรู้นะ เพราะตอนที่เรานัดคุยงานกับยัยนั่นครั้งแรกน่ะ ตอนที่ฉันกับหล่อนกำลังเดินไปที่รถ หล่อนทำกระเป๋าถือตกแล้วของในกระเป๋าก็ร่วงลงมา ฉันเลยเห็นคีย์การ์ดของโรงแรมนั้น มันบอกว่าเป็นห้องสูทชั้น 27 น่ะ” ผมหันไปมองคลาร่าด้วยสายตาขอบคุณ ไม่รู้ถ้าวันนี้ไม่พาเธอมาด้วยจะเป็นยังไง ผมคงได้แต่ยืนเอ๋อทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ

“หึ เก็บคำขอบคุณไว้เถอะจ้ะ เดี๋ยวเธอจะต้องชดเชยให้ฉันด้วยฟูลคอร์สของแม่เธอแบบจัดเต็มสามมื้อ!!”

“แถมฟรีแซนวิชมื้อเช้าให้ด้วยเลยเอ้า ถ้าไปทัน”

“มือชั้นนี้แล้ว” คลาร่าขยิบตาให้ผมและเปลี่ยนเกียร์ ก่อนจะเหยียบคันเร่งเกือบสุด สาบานเลยว่าผมเพิ่งเคยเห็นเข็มไมล์รถวิ่งไปที่ 120 ก็วันนี้นี่เอง

“เฮ้ย เดี๋ยวตำรวจจับบบบบบบ!!!”


  .-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-


เราสองคนเดินมาถึงชั้น 27 ของโรงแรมได้สำเร็จ คลาร่าพาผมเหาะมาด้วยความเร็ว 200 ไมล์/ชั่วโมง (อันนี้ผมประชดนะ) พอผมเคาะประตูห้องคลาร่าก็ดึงผมหลบ และเอานิ้วชี้ที่ช่องตาแมวเพื่อบอกเป็นนัยว่าคนข้างในจะได้ไม่เห็นหน้าเรา ผมเคาะครั้งแรกก็ยังไม่มีใครมาเปิด จึงเอื้อมมือไปเคาะอีก ก็ยังไม่มีคนมาเปิด พอครั้งที่สามผมจึงเคาะแรงกว่าเดิมและประตูก็เปิดออกเต็มแรงพร้อมกับผู้หญิงที่ผมเกลียดขี้หน้าที่สุดในโลก

“ใครมาเล่นอะไรบ้าๆแถวนี้ห๊ะ!!” ยัยโอลิเวียกวาดตามาเห็นผมกับคลาร่าแล้วก็ถลึงตาด้วยความประหลาดใจ หล่อนรีบงับประตูปิดแต่ก็ไม่ทันผมที่คว้าแขนหล่อนไว้ก่อน ทำให้ประตูนั้นกระแทกแขนหล่อนเต็มแรง

“โอ๊ยยยย” 

“ฮุบ” ทั้งผมและคลาร่ากลั้นหัวเราะทันควัน ก็สมน้ำหน้าอยากขำแหละครับ แต่ภารกิจต้องมาก่อน อันที่จริงตอนนั้นผมก็ลืมไปว่าถ้าพี่รันไม่ได้อยู่ในห้องนั้นจริงๆผมต้องโดนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายแน่ๆ ทว่าพอผมผลักหล่อนและก้าวตามเข้าไปในห้องจึงได้เห็นสุดที่รักของผมนอนสลบไสลเปลือยเปล่าท่อนบนอยู่บนเตียง

“วู้ว เซ็กซี่ชะมัด” คลาร่าอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นสภาพพี่รัน

“คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่” ผมถามยัยโอลิเวียที่กำลังมองผมด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ชั้นก็จะทวงของที่มันควรจะเป็นของชั้นคืนน่ะสิ” หล่อนตวาดแว้ด

“เขาไม่ใช่สิ่งของ”

“เขาควรจะเป็นของชั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแกเข้ามา” ยัยโอลิเวียยังยืนยันคำเดิม แถมยังพ่วงตำแหน่งผมเป็นมือที่สามอีกต่างหาก

“ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอะไร ผมจะบอกให้เอาบุญ” ผมเดินย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้า ยิ่งเห็นสภาพหล่อนก็ยิ่งสะท้อนใจ มันไม่ใช่ความผิดของใครเพียงคนเดียว ถ้าหากมนุษย์สามารถตัดสิ่งที่เรียกว่า รัก โลภ โกรธ หลง ออกไปได้ เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น



ถ้ายัยโอลิเวียไม่ได้หลงใหลในตัวพี่รันขนาดนี้

ถ้าผมไม่ได้โลภมากและโลเลเหมือนที่ผ่านมา

และถ้าพี่รันไม่ได้โหยหาใครสักคนที่จะมาแทนที่ผม




ผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้คงไม่ดูน่าสงสารแบบที่เป็นอยู่ ผมมองน้ำตาหยดโตที่ร่วงพราวลงมาตามแก้มใส ผมถอนหายใจและพูดสิ่งที่กำลังคิดออกไป


“เขาเคยบอกกับคุณหรือ ว่าคุณคือคนรักของเขา” ผมถาม และหล่อนก็เงียบ

“คุณก็น่าจะรู้ดีตั้งแต่แรกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา” ผมเหลือบมองคนบนเตียงที่ยังคงสลบไสล ในใจเริมกังวลว่ายัยบ้านี่วางยาอะไรพี่รันกันแน่

“พี่รันเป็นคนชัดเจน คบเขาก็บอกว่าคบ เลิกก็คือเลิก คนอย่างเขาไม่มีทางให้ความหวังกับคุณแน่ๆ” ผมสะท้อนใจ นึกถึงเรื่องเมื่อคราวนั้นที่พี่รันจากผมไปโดยไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่เด็ดขาดจริงๆ แต่ไอ้การที่เราได้กลับมารักกันอีกครั้งมันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่ทำให้พี่รันไม่สามารถตัดขาดคนเฮงซวยอย่างผมได้จริงๆจังๆมากกว่า

“คุณเลิกหลอกตัวเองเสียเถอะ อย่าเอาหัวใจมาทิ้งไว้กับคนที่เขาไม่ได้รักคุณจะดีกว่า” ผมจ้องหน้าหล่อน และรีบพูดต่อเมื่อเห็นสายตาอาฆาตไม่ยอมแพ้จ้องกลับมา “และอย่าคิดว่าผมจะไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้ เราจะไปแจ้งตำรวจเอาไว้ และถ้าคุณยังจะมายุ่งกับพวกเราอีก ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ๆ” ผมพยายามคิดหาคำขู่ที่ฟังดูน่ากลัวที่สุดมาใช้ ยัยโอลิเวียคงไม่รู้สึกกลัวหรอกผมว่า -..- แต่หล่อนก็ยอมรามือแต่โดยดี คงไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ น่าจะอายและเสียหน้ามากกว่า


ผมนั่งเท้าคางมองผู้ชายที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียง คลาร่ากลับไปแล้ว กลับไปพร้อมกับยัยโอลิเวียนั่นแหละ หล่อนบอกว่าจะขับรถตามแม่นั่นไปเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก


ผมกำลังสงสัยว่ายัยเพี้ยนนั่นวางยาพี่รัน คือมันเป็นยานอนหลับ แล้วผู้ชายที่โดนยานอนหลับจะทำอะไรได้(วะ)? อีกอย่างนึงคือหล่อนก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพี่รันไม่มีทางรักหล่อนแน่ๆ แต่ก็ยังคิดจำทำแบบนี้ นี่มันคงเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ผมไม่มีทางเข้าใจได้แน่นอน


“อืม...” ผมปราดเข้าไปหาคนที่ส่งเสียงออกมทันที มือใหญ่ของเจ้าตัวจับหัวตัวเองด้วยอาการของคนที่มึนงง พี่รันลืมตาช้าๆและกวาดตามองไปรอบตัว

“นิล...” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นหน้าผม “พี่...งง...” ผมอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดสั้นๆของพี่รัน ดูท่ายานอนหลับนั่นคงแรงเอาเรื่อง นึกภาพไม่ออกจริงๆว่ายัยโอลิเวียเอาพี่รันมาที่นี่ได้ยังไง

“พี่รันโดนมอมยานอนหลับ” ผมบอก

“ยานอนหลับ... โอลิเวีย...”

“อืม ใช่ครับ คนนั้นแหละ”

“พี่นึกแล้ว” พี่รันค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยมีผมช่วยพยุง “ขอน้ำหน่อย”

เมื่อผมส่งน้ำดื่มจากขวดที่เพิ่งเปิดให้เขาก็ดื่มเอาดื่มเอาจนพร่องไปครึ่งขวด พี่รันเล่าให้ผมฟังว่ายัยโอลิเวียบุกไปหาเขาที่ออฟฟิศด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยและบอกว่าอยากจะขอคุยธุระด้วยนิดหน่อย

“เธอบอกว่าขอทานข้าวด้วยเป็นครั้งสุดท้าย เธอจองโต๊ะไว้ที่โรงแรมแล้ว และพี่ก็เห็นว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” พี่รันส่ายหัว “ร้ายจริงๆ”

“ช่างมันเหอะ ยังไงนิลก็มาช่วยพี่แล้วไง” ผมปีนขึ้นเตียงไปนั่งข้างๆพี่รัน สุดหล่อของผมอมยิ้มแล้วดึงไหล่ผมเข้าไปโอบ

“พี่ไม่เข้าใจเลย โอลิเวียวางยาพี่แบบนี้ แล้วลูกชายพี่มันจะแข็งได้เหรอ?” ผมระเบิดหัวเราะทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามของพี่รัน พอบอกกับเขาว่าตอนแรกผมก็สงสัยแบบนี้เหมือนกันพี่รันจึงหัวเราะตาม

“บางทีหล่อนอาจจะอยากถ่ายรูปแบล็คเมล์พี่เฉยๆมั้ง คงคิดว่านิลจะหึงจนเลิกกับพี่สิท่า”

“แล้วนิลจะเลิกมั้ย”

“อืม... นิลก็คงไม่ทำอะไรหุนหันหรอก นิลคงต้องถามพี่รันก่อนว่าอะไรเป็นอะไร และถ้าพี่รันไม่ได้สมยอมยัยบ้านั่นจริง นิลจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“โหดจริง” พี่รันประทับจูบที่ขมับผม ผมชอบเวลาพี่รันจูบผมแบบนี้จัง เนื้อตัวก็เนียน แถมกล้ามยังเป็นมัดๆ... หือ...

“พี่รัน นี่อะไร” ผมถามเสียงเขียว เจ้าตัวก้มลงมองตามที่ผมชี้

“หือ? อ๋อ... ก็กินดีอยู่ดีอะ ฮ่าๆ โอ๊ย!!!” ผมบิดก้อนเนื้อน้อยๆที่พุงพี่รันจนเต็มแรง ไม่รู้ว่ามันมาอยู่แทนที่ซิกแพ็คของผมตั้งแต่เมื่อไร มาคิดๆดูพี่รันก็กินเก่งขึ้นจริงๆ แม่ผมก็สรรหาทำแต่อาหารเลิศรสสมกับคนที่กำลังเปิดร้านอาหาร แถมอีพี่รันเวลาว่างก็เอาแต่มาขลุกอยู่บ้านผมไม่ยอมไปยิมเลย!!!

“ไม่ได้แล้ว พี่รันต้องไปยิมเดี๋ยวนี้ ถ้าพี่รันพุงพลุยกว่านี้ละก็ นิลเลิกจริงๆด้วย”

“อ้าวเฮ้ย ไหนเมื่อกี้บอกจะไม่หุนหันพลันแล่นไง นี่แค่เรื่องพุงจะทิ้งพี่เลยเหรอ”

“ไม่รู้ละ นิลเกลียดคนมีพุง” ผมลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงโดยมีพี่รันที่รีบถลาตามมาติดๆ ผมปาเสื้อเชิ้ตของเขาใส่หน้าและหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย

“ใส่เสื้อให้ไว ถ้าวันนี้ไม่เสียเหงื่อไม่ต้องกินข้าว” ผมแหว

“อะไรวะ เมื่อกี้ยังรักพี่อยู่เลย” พี่รันบ่น

เงียบ

“คร้าบๆ ฟิตเนสก็ฟิตเนส”

เสียงบ่นของเราสองคนยังคงดังไปตลอดทางจนถึงยิม และบางทีในอนาคตผมก็คงขี้บ่นกว่านี้ พี่รันเองก็คงเป็นตาแก่พุงพลุ้ยกว่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการที่เราสองคนอยู่ด้วยกันและหลอมรวมกันเป็นเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายยังไงมันก็ยังเป็นเรา เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้และเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด


พี่รันไม่มีทางรู้ความลับอย่างหนึ่งของผม นั่นคือ ต่อให้พี่รันจะแก่ จะลงพุง จะหัวล้าน จะป่วย จะยังไงก็ตาม พี่รันก็จะยังมีผมเหมือนที่มีในปัจจุบันนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากความรักก็คือเมื่อเราได้พบคนที่สำคัญที่สุดแล้วก็ให้จับมือเขาไว้ให้แน่นๆ เพราะหากวันใดที่เราปล่อยมือเขาไป ชีวิตที่เหลือของเราคงไม่ต่างอะไรจากร่างที่ไร้วิญญาณ


นิลรักพี่รันนะครับ <3




THE END



T A L K

ก็ตามชื่อตอนนะคะ THE END แล้วค่ะ ตัดจบกันแบบดื้อๆเลย
แบบว่าไม่รู้จะเขียนอะไรต่อแล้วด้วยค่ะ แล้วงานก็เยอะด้วยช่วงนี้
ถ้าไม่รีบจบมีโอกาสลอยแพสูงมาก
เรื่องนี้ก็เขียนเล่นๆแก้เซ็ง ตั้งใจว่าจะไปเขียนเรื่องแนวปกติบ้าง(ถ้ามีเวลา LOL)
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
 :mew6:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2014 10:32:24 โดย บีบีจัง »

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ง่า จบจริงดิ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย

ขอบคุณค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
สนุกค่ะ
รักพี่รัน :กอด1:
อิจฉานิล o9

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จบได้น่ารักมากเลย   :mew1: :mew1::mew1:   :pig4::pig4:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
เริ่มแรกชอบนิลนะ แต่ตอนหลังไม่ชอลเลยหวั่นไหวง่ายเกิน
มีรันที่ดีอยู่ยังไม่พอใจอีก

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
สนุกมากครับเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวจบเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ขอบคุณค่าที่เขียนนิยาย สนุก ๆ มาให้ได้อ่านกัน 

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
จบแล้ว

กว่าจะเข้าใจกัน

แม้ว่าจะห่างกันนาน

แต่คนรักกันยังไงก็หนีใจตัวเองไม่พ้น

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ BE-Beladitz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ถ้ารักก็คือรัก เนอะ... ^^
ขอบคุณเรื่องดีๆค่ะ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
น่ารักดีค่ะ ชอบๆๆ

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
น่ารักดีคับ
เรื่องระหว่างเลกับฟ้า น่าเสียดายนะ ก็อย่างฟ้าว่าเรื่องของรันกับนิลก็คล้ายกัน
แปลกใจกับนิสัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของนิล รู้สึกบุคลิกนิสัยจะเปลี่ยนเร็วไป
แต่คิดในแง่เรื่องสั้นก็พอจะเข้าใจว่าต้องให้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงของเรื่อง

แล้วพล็อตเกี่ยวกับครอบครัวนิล รู้สึกว่าถ้าจะใส่ลงมาน่าจะขยายเรื่องราวในจุดนี้
ด้วยน่าจะดีกว่า ไม่งั้นเหมือนไม่ค่อยมีความหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเพื่อเรียกคะแนน
สงสารเท่านั้น

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 :กอด1: ชอบๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด