Part 12

จากคำถามของบัวผมก็รีบใช้มือตะปบคอตัวเองทันที เหมือนจะรู้โดยอัตโนมัติว่าตรงไหน...หันหน้ามองคนที่ย่นคิ้วมองผมอยู่...รอยอะไร...ถ้าไม่ใช่รอยกัดตอนนั้นเพราะเอามือไปสัมผัสก็รู้สึกเจ็บนิด ๆ ก็ไม่ได้อินโนเซนท์ถึงขนาดไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
...ไอ้โรคจิต!....
“หนาวเหรอคุณ”
“................” ได้แต่เหลือบมองอย่างแค้นเคืองกับคนที่ถาม เพราะตอนนี้ที่คอผมมีผ้าพันคอสีเทาพันอยู่ ถึงแม้จะดูเหมือนร้อนตัว แต่มันก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะโชว์รอยที่เกิดจากความ...รอยกัดนั่น...
แต่มันก็พอดีกับอากาศบนรถที่แอร์เย็นจนบัวต้องเอาเสื้อแขนยาวออกมาห่มให้อีกรอบ...ได้ยินเสียงคุณโอกับคุณอาทิตย์คุยกันอยู่ด้านหลังผม แต่รู้สึกว่าหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนอีกรอบ...จนต้องเอนหัวซบกับเบาะ...และเข้าสู่นิทราแบบเย็นๆ อีกรอบ..
..นิทราที่พอลืมตาขึ้นมาก็จะเปลี่ยนทุกอย่าง...ภายในเวลาไม่นาน...
....................
....................
“อืม!”
“คุณหนูระวังตัวค่ะ” กำลังงัวเงียเพราะแรงบีบที่มือเบา ๆ ....น้ำเสียงและคำพูดบัวทำให้ผมต้องรีบผงกหัวขึ้น...แต่ก็นิ่งชะงักไป เมื่อตอนนี้รถที่พวกผมนั่งอยู่มีชายชุดสูทสีดำยืนล้อมอยู่...ขยับตัวนั่งดี ๆ ก่อนจะหันมองคุณโอกับพี่ชัชที่ยังนิ่ง แต่มือของทั้งสองคนแตะที่ช่วงเอวตัวเองไว้ตลอด...
“ฝ่าออกไปเลยไหมครับเจ้าสัวน้อย”
“โดนยิงล้อตกเขาเปล่าๆ อย่าเสี่ยง...” เสียงพูดคุยอย่างแผ่วเบาระหว่างนายกับการ์ดทำให้ต้องมองไปรอบ ๆ ....จริงๆ ด้วย...ตอนนี้พวกผมอยู่ระหว่างทางขึ้นเขา...สองข้างทางเป็นทางชันลง...มีต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด...รถจอดอยู่ตรงทางขึ้นเขาที่ชันน้อยที่สุด...เหมือนกับอีกฝ่ายวางแผนไว้แล้วว่าจะให้จอดตรงนี้...
“พวกมันเป็นใครครับคุณโอ”
“ไม่แน่ใจ แต่มันคงมาไม่ดีแน่ ๆ” คุณโอตอบคำถามคุณอาทิตย์ที่สีหน้ายังปกติ ไม่ได้แสดงว่าตกใจ...ทุกคนดูมีสติกันหมด...
เพล้ง!!
“ว้าย!!” เสียงบัวร้องเสียงหลง เมื่อคนด้านนอกพยายามทุบกระจกให้เปิดประตู แต่พี่ชัชไม่เปิด ก้อนหินขนาดถนัดมือถูกซัดเข้ามาอย่างจังจนกระจกแตกระเอียดลงอย่างง่าย ๆ
“ลงมา!! ไม่สิ...เชิญเจ้าสัวโอฬาริศกับคนที่นั่งด้านนั้น! เร็ว!!”
“ ไม่นะคะ!! คุณน้อง!!” บัวรีบกอดผมไว้..เมื่อคนที่พยามเปิดประตูเปิดประตูได้ในที่สุด...ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ฝ่าออกไป แต่ดูด้านหน้าและหลังรถแล้ว ก็ไม่น่าจะรอดจริงๆ เพราะถ้ามองดี ๆ ..ปืนเกือบสิบด้านหน้าและสิบด้านหลัง..ดูก็รู้ว่าถ้ายิงทะลุเข้ามาคงพรุนแบบไม่ต้องคิด
“...พี่ชัช ผมดูแลซอเอง..ถ้าคับขันส่งสัญญาณ แล้วออกรถไปเลย...”
“ไม่ครับ!”
“ทำตามที่ผมบอก ดูก็รู้ว่ามันต้องการจับเป็น ไม่ฆ่าผมหรอก...เอาชีวิตรอดกันไปก่อน ก่อนจะตายกันหมด..” หัวใจเต้นแรงเพราะ
คำพูดที่เหมือนกระซิบ พี่ชัชทำท่าฮึดฮัด แต่ก็เงียบเมื่อคุณโอหันหน้าไปมองหน้าการ์ดคนสนิทตัวเอง...
“ไม่นะคะ คุณน้อง ฮึก! ไม่บัวไม่ให้ลงไป!!”
“ ปล่อยบัว!”
“ไม่ค่ะ! ฮึก คุณ น้อง!” เพราะปืนที่จ่อเข้ามาทำให้ขาผมขยับออกจากรถโดยอัตโนมัติ ...พี่ชัชบอกบัวให้ปล่อยมือผม...แต่บัวไม่ยอม สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายขยับมือตัวเองออก...อย่างน้อย ๆ ก็มีหวังว่าคนที่อยู่บนรถจะรอดอย่างที่คุณโอบอก...ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเชื่อใจผู้ชายคนนี้ในเวลาคับขันแบบนี้ได้...
“คุมตัวไว้!!”
เปี้ยง!!เปี้ยง!!เปี้ยง!!
“ออกรถ!!!”
“คุณน้อง ฮึก ไม่!!!”
“เอี๊ยดด!!”
ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนชุดดำกว่าสิบชีวิตเดินเข้ามาหาผมกับคุณโอ...ทำให้ได้โอกาสเพราะพวกที่เดินมาคือพวกที่อยู่หน้ารถ…หูดับไปเมื่อเสียงปืนดังอยู่ใกล้ๆ จากคนที่ยืนข้างกัน..พวกคนที่กำลังเผลอเพราะคิดประมาทว่าเอาอยู่เลยมีบางส่วนที่เก็บปืน
....เมื่อเสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดทำให้หลายคนก้มตัวลง...เสียงล้อลดบดกับถนน ก่อนจะทะยานขึ้นเขาไป...เสียงบัวกรีดร้องทำให้ผมใจหาย...แต่ก็ดีแล้ว...บัวต้องปลอดภัย..อย่ามาเสี่ยงชีวิตเพราะผมเลย...
“จับมันไว้!!”
“แล้วพวกที่เหลือละครับ!”
“ช่างมัน! ไม่ใช่เป้าหมายเรา!”
“ไม่ต้องจับ!! ผมไม่หนีแน่!!” มือผมถูกคุณโอฉุดให้ไปยืนข้างตัวเอง ก่อนเสียงทุ้มจะดังขึ้นจนพวกคนร้ายกว่ายี่สิบชีวิตชะงักไป...แต่ยังไงก็ยังทำท่าจะเดินเข้ามา...จนคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ายกมือขึ้นให้หยุดถึงได้เดินออกไปยืนอยู่ข้าง ๆ
“สั่งให้เปิดทางขึ้นเขา!”
“.................” เพราะสิ่งที่ได้เผชิญมันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตทำให้ต้องเบียดตัวเข้าหาคนที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด...กลัวจนลืมคิดว่า
ทำไมไม่มีรถวิ่งขึ้นเขามาเลย ที่แท้พวกมันก็คงจะปิดทางขึ้นเขา...คงวางแผนกันมาก่อนแน่ ๆ
“เกลือเป็นหนอนสินะ”
“ฮ่าๆๆ ที่ไหนก็มีทั้งนั้นครับเจ้าสัว!” ผมไม่เข้าใจว่าพูดเรื่องอะไรกัน แต่ส่ายตาหลายคู่ที่มองมาทำให้ขยับตัวเข้าชิดคุณโออีก...
“ไม่ต้องกลัว...ตั้งสติไว้ คอยทำตามที่ผมบอก..ถ้ายังอยากจะกลับไปปลูกกล้วยไม้..”
“...............” มือหนาฉวยมือผมไปกุมไว้...สูดลมหายใจเข้าจนลึกก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนออก...ทั้งที่กลัวและสั่นขนาดนี้แต่แค่ได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆและสัมผัสอุ่น ๆ ที่มือทำให้สงบลงได้..
...บีบมือหนานั่นเป็นคำตอบว่าจะทำตามที่บอก...
“พาตัวไปขึ้นรถ” บนรถคันใหญ่มีเพียงคนขับคนเดียวที่นั่งอยู่ คนคุมตัวพวกผมแค่ 3 คนที่เหลือก็แยกย้ายไปขึ้นรถที่จอดเรียงแถวซึ่งมีคนขับมาจอดรถหลังจากที่ควบคุมตัวพวกเราได้..
“ขึ้นก่อนแล้วจับแน่นๆ “
“..............” หันมองคนที่พูดเบา ๆ ออกมาทั้งที่ดูไปแล้วเหมือนจะไม่ได้ขยับปาก โหนตัวขึ้นรถ ก่อนจะหาที่ยึดอย่างที่อีกคนบอก...ไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่ท่าทางนิ่ง ๆ นั่นทำให้ทั้งตื่นเต้นและต้องทำตาม..
อั๊ก!!
“เฮ๊ยย!!!”
“จับแน่นๆ!!”
เอี๊ยดด!!!
“ยิงดักไว้ เอารถขวาง!!!!”
เปี้ยง!! เปี้ยง!!
เอี๊ยดด!!! บรื้นน!! แซกกก!!!!!!!!!!!!!!!
“ไม่!!! คุณโอ!!!”
....ตอนนี้...รถวิ่งลงเขา......
ทุกอย่างเกิดขึ้นจนผมมองและตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ยึดเบาะไว้แน่นตามคำบอก...หลังจากที่ผมเข้ามานั่งในรถเสร็จ...ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวด คนขับถูกร่างสูงที่ทำท่าจะเดินตามผมขึ้นรถเกี่ยวคอลงรถเพียงเพราะประตูยังเปิดอยู่...คุณโอดันประตูฝั่งผมปิดอย่างรวดเร็ว..มองไม่ทันจริงๆ ว่าทำอะไรคนที่คุมตัวพวกผมมา 3 คนถึงได้ล้มลงไปนอนกองกันข้างรถอย่างนั้น...คุณโอเหวี่ยงตัวขึ้นรถแทนที่คนที่ตัวเองเกี่ยวคอลง...ก่อนจะขับรถพุ่งขึ้นเขา ...แต่รถพวกที่เหลือพากันหันรถขวางถนนไว้จนเต็มไปหมด พร้อมกับระดมยิงปืนเข้ามา....
สิ่งที่ทำให้ผมร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะทั้งกลัวทั้งช็อค คือ...คนขับ...ไม่ได้ตั้งใจหรือคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงหักพวงมาลัยลง...ข้างทาง..ซึ่งมันก็เท่ากับตอนนี้รถกำลังวิ่งลงเขา...ลงเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่เห็นอยู่นั่น...
“จับแน่นๆ! ไม่ต้องกลัว!!หลับตาลงซะ!”
“ฮึก! “ ..กลัวสิ...ผมกลัว....ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำ...หลับตาลงแล้ว..ก็กลัวว่าจะไม่ได้ลืมขึ้นมาอีก...แต่สุดท้ายก็ยึดตัวกับเบาะหน้าพร้อมกับหลับตาลง...เสียงรถคันใหญ่ขูดกับต้นไม้ใหญ่และพุ่มไม้เล็กตลอดเวลา ตัวผมเหวี่ยงตัวตามแรงเหวี่ยงของรถที่ลดเลี้ยวไปมาอย่างกะทันหันอยู่ตลอดเวลา...นี่กำลังขับรถลงเขา..ในเส้นทางที่คนเขาไม่ผ่านกันใช่ไหม...รู้สึกว่าช่วงเวลาหวาดเสียวพวกนี้มันนานมาก...
“ลงเร็ว!!รถไปต่อไม่ได้แล้ว!!”
“..............” ลืมตาขึ้นแต่ก็ยังยึดเบาะแน่นไม่ขยับ หันมองรอบข้างก็มีแต่ป่า ตอนนี้รถจอดชิดเกือบชนต้นไม้ต้นใหญ่...เหมือนกับว่าถ้านั่งนานกว่านี้รถจะไหลลงไปแน่ ๆ เบื้องหน้าเป็นสายน้ำที่ตัดผ่านทางรถและโขดหินน้อยใหญ่สลับไปมา ทำให้รถไม่มีทางวิ่งไปต่อ...และถอยลำบากเกินไป..
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร...” เดินเซลงจากรถ เพราะพื้นสูงต่ำไม่เท่ากัน มือหนารั้งแขนผมไว้ก่อนจะไถตัวลงไปเพราะแรงโน้มถ่วง
“ป่านนี้พวกมันคงพาคนมาล้อมเขาแน่ๆ”
“...................”
“..ไม่ต้องกลัว..” เมื่อเห็นว่าผมเงียบไป หน้าหล่อก็ดูเคร่งขรึมขึ้นอีก ก่อนจะเอ่ยปากกับผม...ที่ยืนคู่กัน...มองแก้มด้านซ้ายของคนขับรถผาดโผนถึงได้เห็นว่ามีเลือดซึมออกมาเป็นทางยาว ไหลเคลียแก้มสะอาดเล็กน้อยเหมือนถูกอะไรบางอย่างเกี่ยว หรือเฉี่ยวเอา...
“คุณเลือดออก”
“ถูกปืนถากไม่เป็นไร ไปเถอะ ด้านล่างน่าจะเป็นหมู่บ้าน.. ถ้าเดินตามแหล่งน้ำลงไป...เราย้อนกลับไม่ได้ พวกมันกำลังตามอยู่...เขาลูกนี้ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้...ถ้าขึ้นเสี่ยงจะเจอภัยกระสุน ถ้าเสี่ยงลงด้านล่างจะเจอภัยธรรมชาติ แต่ยังมีทางรอดถ้าเรา
เจอหมู่บ้าน”
“แล้วถ้ามันไปรอเราที่หมู่บ้านล่ะ” ...นี่คือสิ่งที่คิด...เริ่มออกเดินตามแรงจับกระชับที่มือ...ช้าไม่ได้สินะ...
“มันไม่ทำแน่...เพราะด้านล่างนั่นถิ่นคนรู้จักของผม...คนที่จะรอเราอยู่ที่นั่นต้องเป็นคนของผมไม่ใช่ของพวกมัน...อีกไม่นานคนเราผมก็ต้องออกตามหาเราแน่ .....”
“ขอบคุณครับ..ที่ช่วย...”
“เปล่า ผมช่วยตัวผมเอง..ก็แค่มีคุณติดมา”
“....................” ไม่พูดอะไรต่อ...คำพูดทำให้รู้ว่าผมอาจจะสำคัญตัวเองผิด...และที่สุดคือ ผมกำลังเป็นภาระ
....เดินลงโขดหินตามแรงพยุง แรงฉุด จนใกล้จะถึงสายน้ำที่ไหลลงเขา...เดินแค่นี้ก็รู้สึกว่าขาเริ่มสั่น...เพราะผมไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแน่ ๆ...เหงื่อซึมออกตามไรผมจนรู้สึกชื้นไปหมด...
“ทางนี้โว้ยย!!”
“พวกมันตามมา เร็ว!!” เสียงก้องที่ได้ยินจากที่ไกล ๆ ทำให้ผมสะดุ้ง และตื่นตัวไปกับเสียงคุณโอที่ร้องบอก..
“..................” จากเดินกลายเป็นออกวิ่ง รวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อที่จะช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด วิ่งตามคนที่ก้าวยาว ๆ นำหน้า รู้สึกว่ากิ่งไม้ก้อนหินขีดข่วนตามร่างกาย แต่ความกลัวก็ผลักดันให้วิ่งฝ่าทุกอย่างไป...
“โอ๊ย!”
“เป็นยังไงบ้าง”
“ผมเจ็บเท้า คุณไปเถอะ!!” รู้สึกเหนื่อยมาก จนลมหายใจร้อนไปหมด....บิดข้อมือตัวเองออก เมื่อก้าวพลาดด้วยความรีบร้อนเพราะได้ยินเสียงแว่วด้านหลังไกล ๆ แต่อีกไม่ช้าต้องมาถึงที่พวกผมอยู่แน่ถ้าไม่รีบ เท้าพลิกเพราะตกโขดหินจนต้องร้องออกมา
กำลังจะลุกแต่ก็ต้องล้มลงเหมือนเดิมเพราะอาการปวดแปลบที่ข้อเท้า...
“ขี่หลังผม”
“ไม่..โอ๊ย!..”
“ทางนี้!! รอยรถอยู่ทางนี้”
“ไม่ทันแล้ว!..ไปเถอะ ผมมันไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกมันหรอก! ฮึก!” เพราะความเจ็บและความกลัวจึงขืนตัวออกมาจากแผ่นหลังกว้าง เพราะอีกฝั่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีถึงจะเป็นแค่เสียงแผ่วเบาจากที่ไกล ..แต่ก็ชัดเจนในป่าเงียบสงัด... ถ้าเอาผมไปด้วยก็จะเป็นภาระเปล่า ๆ เจ็บมากจนต้องกัดปากตัวเองระงับ...พร้อมกับใช้มือยันอีกฝ่ายให้ออกจากตัวเอง...
..สุดท้ายผมก็เป็นได้แต่ตัวถ่วงกับภาระ...ไม่มีประโยชน์อะไรกับใคร...อย่างมากพวกมันก็คงจะฆ่าผมทิ้งไว้ที่นี่..จะมีประโยชน์อะไรถ้าจะหนี....
“ไร้สาระ! จะกลับไปให้คนของพ่อคุณฆ่ารึไง!!”
“...ฮะ...คน..ของพ่อ....” ตวัดสายตามองคนที่ย่อตัวนั่งลงข้างผม มือหนาบีบแขนผมแน่น...ดวงตาคมฉายแววเคืองแค้นออกมาอย่างหนัก...คนของพ่อ....
“คุณไม่เห็นสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนรถฮัมเมอร์คันนั้นสินะ ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอะไร...หยุดทำตัวโง่ซักที!! คุณมีชีวิตเป็นของตัวเองได้! หยุดยึดติดกับสิ่งที่ทำให้คุณตกต่ำ!”
“ไม่จริง! ไม่ใช่! ฮึก!”...ไม่จริง!...ไม่ใช่..คุณพ่อ...ไม่ใช่!!!.
...ส่ายหัวไปมาช้าๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา...ไหลออกมา...อย่างมากมาย เสียงด้านหลังใกล้เข้ามาทุกที..แล้วผมจะหนีทำไม....ถ้าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดคือความจริง....
“ไปกับผม...”
“..ฮึก! ฮืออ ไม่จริง!! คุณ พ่อไม่ใช่!! ฮืออ!” ร้องออกไปอย่างไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน...มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง...
..คุณพ่อ..จะฆ่าผม...คุณพ่อจะฆ่าผม!!...
“ลุกได้แล้วซอ...คุณต้องเดินต่อ!”
“ไม่!! ไม่ไป!! ฮึก ฮือออ!! ปล่อย ให้ผม ฮืออ ตาย!!”
สติหลุดไปแล้ว....คุณพ่อจะฆ่าผม...คุณพ่อไม่รัก...ไม่เคยรัก...ไม่เคยต้องการ...ตั้งแต่เกิดมาก็ได้สัมผัสอ้อมกอดอบอุ่นของคุณแม่แค่ไม่กี่ปี..แต่แล้วร่างกายคุณแม่ก็เย็นเฉียบและไร้ไออุ่น ในคืนนั้นที่ผมจำได้ทุกเสี้ยวนาที....มือที่จับผมไว้ตลอด เสียงลมหายใจขาดช่วง...ปากก็พร่ำบอกให้ผมเข้มแข็ง ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่รู้อะไรเลย....คุณแม่พร่ำบอกตลอดว่าคุณพ่อยุ่งเลยไม่มีเวลาให้...แต่ทุกอย่างก็ทำให้รู้ในเวลาไม่นาน...
...ผมไม่มีคุณแม่...ผมก็ไม่มีใคร...นอกเหนือจากพี่ชาย 3 คน...แต่ถึงทุกคนจะพยายามแค่ไหนมันก็ไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดเมื่อผมรู้ความจริงจากปากพ่อของตัวเองไม่ได้...ว่าผมไม่สมควรที่จะเกิดมาตั้งแต่ตอนแรก...ลูกของคุณพ่อไม่มีชื่อของ ศนัญญา ราชสีห์เกริกไกร อยู่ในหัวใจผู้เป็นเจ้าบ้านเลย...ไม่มีในเสี้ยวคำคิดคำนึงด้วยซ้ำ...
“มานี่เลย!!”
“ฮึก ฮืออ!! อึก ฮืออ!!”
“ได้โปรดเงียบเถอะ ไม่งั้นเราจะตายกันทั้งคู่...คุณไม่กลัวตายแต่ผมกลัว!”
“ฮึก อือ” กลั้นความเสียใจเอาไว้ ปล่อยให้คนที่อุ้มผมขึ้นพาเดินดิ่งไปที่แม่น้ำ...กระแสน้ำที่มองไม่ถึงกับเชี่ยว แต่ก็ไหลเรื่อย ๆ และระดับน้ำก็พอสมควร...ยอมที่จะเงียบ...หลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้อีกคนพาไป...ในเมื่อไม่ทิ้งผม ถ้าเป็นอะไรไป...ก็อย่ามาโทษกัน...เพราะตอนนี้ผมไม่มีหัวจิตหัวใจที่จะคิดอะไรกับใครแล้ว ในหัวคิดแต่เรื่องที่ได้ยิน....
“ไปทางไหนต่อวะ เราลงมากันลึกแล้วนะเนี่ย”
“ป่าตั้งกว้าง จะไปหาที่ไหน...แล้วไอ้เจ้าสัวพยัคฆราช ฝีมือมันก็ไม่ธรรมดา ถ้าไม่ติดอีกคน มันอาจจะฆ่าพวกเราได้หมดด้วยซ้ำไป” เสียงพูดคุยดังอยู่บนหัว พวกมันคงหยุดเพราะลำน้ำที่ตัดผ่าน....ตอนนี้ผมยืนแช่น้ำอยู่ในลำน้ำที่ไหลเอื่อยพอประมาณ... ระดับน้ำลึกระดับหน้าอก ข้างๆ ตลิ่งมีหญ้ายาวๆ ยื่นลงมาปกคลุมไว้ ร่างกายผมที่สั่นเพราะความเย็นของน้ำถูกร่างหนากอดไว้แนบแน่นเมื่อให้ชิดกับตลิ่งและแฝงใต้หญ้ากอใหญ่ที่ใช้คลุมหัวไว้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ไหลไปกับน้ำ...พวกนั้นก็เหมือนจะไม่สงสัยคงเพราะเสื้อผ้าที่เราทั้งคู่ใส่วันนี้เป็นสีเข้ม...ใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะอีกคนบอกอย่างนั้น..มองผ่านร่องหญ้าเห็นพวกที่เหลือส่องตามซอกหินและพงพุ่มไม้ด้านบนกันจ้าละหวั่น..
“สงสารคุณซอเหมือนกันนะ...ข้าก็เคยเห็นผ่านๆ ตอนพวกเจ้าสัวน้อยพาออกจากห้อง...หน้าตาถอดแบบท่านหญิงออกมา
เลย...ไม่คิดว่าเจ้าสัวจะเกลียดลูกตัวเองจนต้องสั่งให้เก็บขนาดนี้...”
“เฮ่อ! แล้วจะทำไงได้วะ...เรามันก็ลูกน้องเขา...เรื่องนี้พวกคุณ ๆ ทั้ง 3 คนไม่มีใครรู้เรื่องเลยไม่งั้นพวกเราอาจจะไม่ต้องมาทนฆ่าเจ้านายน้อยตัวเองหรอกว่ะ...ถึงจะเป็นมือปืน เป็นบอดี้การ์ด ก็ไม่ใจแข็งพอที่จะฆ่าคนที่เห็นกันมาแต่เด็กหรอกนะ”
“อย่าคิดมาก ยังไงเราก็ต้องทำ..แต่ตอนนี้เราจะตายเพราะหาตัวทั้งสองคนไม่เจอนี่แหละ! เฮ้ยแยกย้าย!!”
“ฮึก!..”
... ร่างกายที่สั่นเพราะความเหน็บหนาว... หัวใจที่ตอนนี้กำลังเจ็บเหมือนกำลังจะฉีกออกเป็นชิ้น ๆ กระแสน้ำที่พัดเอื่อย กำลังพัดเอาน้ำตาผมที่ไหลรินรดมือตัวเองลงสู่แม่น้ำแห่งนี้ไปด้วย...
.....อยากจะทอดร่างกายให้ไหลไปกับสายน้ำ...อยากจะหลับตาปล่อยให้ร่างกายจมดิ่งลงก้นแม่น้ำ.....อยากจะกรีดร้องให้สาสมกับความเสียใจ...อยากจะร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือดกับความไร้ค่าของตัวเอง....เรื่องจริง...เรื่องจริงที่กำลังฆ่าผมทั้งเป็น....
...ความเจ็บปวดตอกย้ำอยู่ทุกวี่วัน ทุกครั้งที่เจอกัน...อยากจะเข้าไปกอด...พูดอ้อนคำหวานเหมือนกับที่ซูกัสทำ...อยากได้รับอ้อมกอดอุ่น ๆ รอยจูบปลอบบนหน้าผากเวลาฝันร้าย....อยากถูกจูงมือเดินไปรอบ ๆ บ้านเวลาเหงาๆ ....แต่ผมก็ทำไม่ได้...จนกระทั่งวันนี้....ที่ผมรู้ว่า..ค่าของผม..มันก็แค่สัตว์เดรัจฉานตัวนึง...ที่คุณพ่อจะลงมือฆ่าให้ตาย...
นานแค่ไหนจำไม่ได้...แต่ก็มันก็เนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก...ตอนนี้อีกคนพยุงผมขึ้นจากน้ำในสภาพที่ไม่ต่างกับศพ...ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะก้าวเดิน ขึ้นมาจากน้ำได้ก็เอาแต่ยืนนิ่ง....คุณโอก้มควานหาปืนที่โยนซ่อนไว้ในโพรงหญ้าแถว ๆ ริมน้ำที่ซ่อน....กลุ่มคนพวกนั้นล่าถอยในที่สุดเพราะบรรยากาศที่เริ่มจะโพล้เพล้...เสียงนกร่ำร้องกันระงมป่า...มันคงร้องหาครอบครัว พ่อแม่นกมันคงส่งเสียงหาลูกน้อยของมันที่รออยู่ในรัง...ทำไมเวลานี้ผมอิจฉามันนัก...
“เดินไปอีกนิดเถอะ...ตรงนี้ไม่ปลอดภัย รอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด”
“.................” ไม่ขัดขืนอะไร...เดินไปตามแรงฉุด...ร่างกายแข็งทื่อ...และสุดท้ายก็ต้องยอมขึ้นไปเกาะอยู่บนหลังของคนที่เหมือนกับจะพึ่งนึกได้ว่าผมเจ็บข้อเท้า....ซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างอย่างอ่อนแรง...มีเพียงลมหายใจที่บ่งบอกว่าผมยังมีชีวิตอยู่....คนที่ยอมแบกหันมองซ้ายขวาตลอดเวลาที่เดิน และเดินเรียบแม่น้ำลงมาอีกไกลพอสมควร จนได้ยินเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบ
...บรรยากาศจากโพล้เพล้ถูกความมืดกางปีกปกคลุมในเวลาต่อมา...เสียงอะไรต่อมิอะไรร้องระงมจนฟังไม่ได้สรรพ...อากาศเย็นกรอปกับตัวเปียกทำให้รู้สึกว่าความหนาวกำลังซึมเข้าไปถึงกระดูก...จากที่คิดว่าจะพักแถวลำน้ำที่ทอดยาวลงไป..อีกคนกลับฉีกตัวไปห่างแม่น้ำอีกกว่า 500 เมตร...ก่อนจะหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่...ที่บริเวณตรงนี้เป็นดินทรายและพื้นที่ค่อนข้างยกสูงกว่าตรงอื่น...
“..เราพักข้างแม่น้ำไม่ได้ เพราะพวกมันต้องเดาว่าเราต้องเดินเรียบริมน้ำ ตราบที่เรายังไม่ปลอดภัยจะไม่ทิ้งรอยอะไรไว้เด็ดขาด..”
“..................” มองคนที่วางผมลงให้พิงต้นไม้ใหญ่ที่พูดออกมาเหมือนจะเดาความคิดผมถูก....สายตาตอนนี้มันคงว่างเปล่าจนอีกคนจ้องมาอยู่นาน...แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไร...ไม่มีแล้วความรู้สึกอะไร...แม้กระทั่งข้อเท้าที่รับรู้ได้ว่าบวมเป่งคับรองเท้าผ้าใบที่ใส่ก็ยังลืมไปว่ามันเจ็บแค่ไหน ทั้งที่มันก็ยังเจ็บแปลบทุกครั้งที่ขยับ...
“ก่อไฟก่อน แล้วผมจะดูข้อเท้าให้”
“.....................” ตายังจ้องตามร่างสูงที่เดินออกไปหยิบจับอะไรติดมือกลับมา กิ่งไม้แห้งถูกวางสุม ๆ เข้าหากันก่อนจะอีกคนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วทำท่าโล่งอกที่มันยังอยู่...ไฟแช็ครูปร่างแปลกตาที่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องพลาสติกเล็ก ๆ เป็นซิบ..กับซองบุหรี่เปียก ๆ
“ขอให้ใช้ได้เถอะ”
แชะ แชะ แชะ แชะ
“.................” เสียงจุดไฟแช็คดังอยู่นาน... ก่อนที่คนตรงหน้าจะทำสีหน้าพอใจเมื่อแสงไฟสว่างขึ้น จึงรีบจุดกับกิ่งไม้แห้งแล้วปล่อยให้กลายเป็นเปลวไฟที่พุ่งท่วมกิ่งไม้แห้งทั้งกอง...คุณโอรีบหาท่อนไม้ที่ใหญ่ขึ้นมาวางใส่...
“ถอดเสื้อมาเถอะ ผมจะทำให้แห้ง”
“...................” ส่ายหัวออกไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก...ทั้งที่แสงสว่างจากเปลวไฟทำให้รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้น...แต่มันกลับไม่ได้ทำให้หัวใจผมรู้สึกดีขึ้นเลยซักนิด...ยิ่งความมืดมิดโรยตัวมากเท่าไหร่ก็รู้สึกทรมานกับสิ่งที่เจอมากเท่านั้น...
“ผมบอกให้ถอดเสื้อออกมา....ซอ...”
“..ฮึก..ไม่ ต้อง ดี กับผม..ปล่อย ผม ตาย...” คนที่กำลังจะก้มลงถอดรองเท้าข้างที่ข้อเท้าพลิกเงยหน้ามอง...เมื่อผมชักข้อเท้าออก นั่งนิ่งพร้อมกับพยายามพูดในสิ่งที่คิดอยู่ในหัวตอนนี้...
“คุณเป็นบ้ารึไง! ถ้าผมจะปล่อยให้คุณตายผมจะสู้แบกคุณมาถึงนี่รึไง!”
“..ฮึก...ปล่อย...ให้ผมตาย...ให้สมใจ..คุณพ่อ...”
“..ไม่มีทาง!...คุณลืมแล้วรึไง ว่าตอนนี้คุณอยู่ในฐานะอะไร...จะอยู่หรือตาย..ผมเท่านั้นที่กำหนด...ถอดเสื้อแล้วก็อยู่นิ่งๆ ผมจะถอดรองเท้า” ดูเหมือนว่าคุณโอก็จะกำลังโมโห...แต่คำพูดพวกนี้มันสะเทือนใจผมแทบทุกคำ....
เพี๊ยะ!!
“ไม่!! ฮึก บอกให้ ปล่อย ให้ ผม ตาย!! ฮืออ!! ปล่อยให้ผมตาย!!!! ฮืออ !!” แม้กระทั่งความเป็นหรือความตาย...ผมก็ยังเลือกเองไม่ได้...ทำไมทุกคนถึงได้ใจร้ายกับผมอย่างนี้...เพราะโทสะจึงฟาดมือลงบนใบหน้าขาวของผู้นำพยัคฆราช...ก่อนจะตะโกนออกไปเหมือนคนบ้า...ยกมือขึ้นปิดหู หดขาขดเข้าหาลำตัว.
...ไม่เป็นผม...ไม่มีใครรู้...ว่าตอนนี้มันเจ็บแค่ไหน...มันเสียใจแค่ไหน...เสียใจจนอยากจะหยุดหายใจไปซะเดี๋ยวนี้....
“อยากตายนักใช่ไหม!! ชีวิตคุณมันไม่มีค่าใช่ไหม!!”
“ฮึก ฮืออ!!”
“ตอบมาเซ่!! ร่างกาย หัวใจ..มันไม่มีความหมาย!! สำหรับคุณใช่ไหม ตอบผมมา!!” เสียงตวาดก้องพร้อมกับแรงบีบที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง...แสงจากเปลวไฟทำให้เห็นหน้าอีกคนผ่านม่านน้ำตาว่าน่ากลัวแค่ไหน...ได้แต่ร้องไห้แล้วส่ายหัวไปมาอย่างคนที่อับจนหนทางและคิดอะไรไม่ได้ซักอย่าง...
“ ฮึก ฮืออ!! ใช่! มัน ฮึก ฮืออ ไม่มีความหมาย อะไร ทั้ง นั้น. ฮึก และ...มันก็สมใจ คุณไง!!แล้วคุณ..ก็จะได้...ทำ..ลายครอบ...ครัวของราชสีห์..ฮึก...เกริกไกร...ให้ย่อยยับได้สมใจ!! ฮึก อืออ!!” ... อีกคนดูชะงักไปก่อนแรงบีบที่หัวไหล่ผมจะมากขึ้น....
“...ได้!!...อยากตายก็ได้....ในเมื่อคุณบอกว่าทุกส่วนในร่างกายคุณไม่มีความหมาย...แต่ในเมื่อตอนนี้มันเป็นสิทธิของผม!!...ผมจะทำให้คุณตายสมใจ...แต่ผมจะให้คุณตายทั้งเป็น...”
“..ฮึก..โอ๊ย!!...อยะ อย่า!!...”

***

โฮ้วว!! ได้อีกตอน ตอนนี้คงค้างกันล่ะสิ...อิอิ ตอนต่อไปเร็วๆ นี้...เหมือนเดิม...ขอบคุณทุกคนที่ชอบเริ่มเคลียร์งานลงตัวแล้ว... ตอนหน้าก็เป็นกำลังใจให้หนูซอด้วยนะคะ