มนต์ลวงนาคราช By. Tea Café Team
ตอนที่ ๕ หรือว่าเราจะเคยรักกัน [โปรดเถิด..ตุส..หยุดมโน??!!]
"..อิเพิ้ล...กุมีสิว... กุน้ำหนักขึ้น...กุท้องป่อง.......กุจะท้องไหมวะ??!!"
.
.
.
..เล่นเอาชานมมะลิลาที่สูตรใหม่ที่แปดสตรีสโมสรดื่มออกมาพุ่งพรวด เมื่อคำถามมันพาลให้น่าตบหัวทิ่ม มันเหมือนลิ่มตอกตึกๆๆ บนอกข้างซ้ายของยายพวกชะนีโสด...สนิททั้งแปด เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากเมื่ออาทิตย์ก่อน อีศาลาวัดภคินทร์จอมโหดที่ตุสโปรดปราณ แกดันบุกมาสอบปากคำถึงบ้านตุส มาไม่มาเปล่า สาเหตุอีกสิ่งที่พ่อตุสเป็นนายตำมะหรวดใหญ่ อีสารวัตรแกเลยมาสอบปากคำพร้อมทั้งทำความรู้จักว่าที่พ่อตา...
.
.
.
..เอ่อ..
ถึงคนเขียนจะเป็นเพื่อนแกนะตุสนะ ...แต่แกไม่ต้องมานั่งจ้องกำกับสะกดจิตให้ชั้นพิมพ์ตามความประสงค์แกก็ได้ ชั้นไม่ใช่บุคคลในเรื่อง ณ ตอนนี้ โอเค๊!? ขอเวลาคนเขียน เขียนอย่างมีสติและจิตใจแน่วแน่นะ ตุสห่างออกไปเลยนะ เข้ามาใกล้จะยันนะ โอเค๊ ??
ต่อๆๆ ...ต่อนะ อย่าเข้ามานะมึง ไม่งั้นกูเบี้ยนนะ ชิชะ ขยับออกไปเลยนะดีออกกกกก..
***
..
ท้องฟ้ามันไม่ได้เป็นสีฟ้าหรอกในตอนที่ภานุพงศ์หย่อนปลาสดตัวใหญ่ลงในกระทะ เสียงฟ้าเสียงฝนมันเทโครมลงมาพร้อมๆ เสียงดังฉ่า กับกลิ่นหอมของน้ำมันบนเตาร้อนที่ค่อยข้างจะสมบูรณ์แบบ เกลือเม็ดเล็กถูกโรยใส่ตัวปลา ก่อนภานุพงศ์จะพักมันไว้บนกระทะแล้วหันมาหั่นพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กใส่ถ้วยใบ น้อยน่ารัก ใส่ผงชูรสนิดน้อยติดปลายนิ้วพร้อมกับเปลือกมะนาวน้ำฉ่ำ แล้วย้ำความละมุนลิ้นด้วยหอมซอยบางเฉียบ พร้อมเหยาะน้ำปลา น้ำจิ้มเสร็จพอดีในตอนที่ภานุพงศ์หันไปกลับปลาในกระทะแล้วย้ายมาละเลงเนรมิตกับข้าวง่ายๆอีกสองสามอย่าง ประเภทไข่เจียวทรงเครื่อง กุ้งแช่น้ำปลา ผัดเปรี้ยวหวานสัปปะรดพริกสามสี ตบท้ายด้วยแตงกวายัดไส้ และไข่ปลาหมึกยำ..
นี้คือมื้อน้อยๆ ของตุส ปัตตานี เอ๊!! นี้ชั้นลืมบอกไปหรือเปล่านะว่า ภานุพงศ์ ..
ทำอาหารเป็นเลิศ!!
เออ..ช่าง มันเถอะเอาเป็นว่ากับข้าวละลานตาถูกยกมาในตอนที่ สายฝนเม็ดหนาเทกระหน่ำจนทำให้ใครบางคนที่หิ้วกระเช้าผลไม้เข้ามาพร้อมผู้ใหญ่พุงพลุ้ยท่าทางใจดีเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดรองเท้าหนังก็แล้วกัน ..
สาบานเถอะว่าในตอนนั้นภานุพงศ์แทบไม่ได้เงยมองหน้าพ่อหนุ่มตะกร้าผลไม้ ที่ไม่ได้มองเพราะสองตามันละออกจากแผ่นอกกว้างที่สะพรั่งไปด้วยรอยสักแปลกๆ ไม่ได้ เสื้อยืดสีขาวถึงแม้จะปกปิดมิดชิดไปถึงกระเดือกลูกใหญ่ แต่คงเพราะสายฝนนั่นล่ะมันถึงทำให้เสือสีขาวที่แนบไปกับแผงกล้ามมันเด่นไป ด้วยรอยสักที่มองทะลุได้ไม่ยากเพราะความเปียกชื้นฉ่ำของน้ำฝน
นานสักพักใหญ่ๆ กว่าที่หัวใจของภานุพงศ์จะเต้นแรงขึ้นไปอีกเมื่อเงยหน้าพ้นแผ่นกล้ามพราวรอยสักนั้นขึ้นไป ใบหน้าบึ้งๆ ของใครคนนั้นที่ยังคงอยู่ในความฝันก็แวบขึ้นมา..
เหมือนมาได้ถูกเวลา ..อาหาร??!!
คุณสารวัตรภคินทร์ในชุดครึ่งท่อนยังคงมองผ่านๆ เหมือนรูปปั้นสัมฤทธิ์ยิ้มยาก ใบหน้าคมเข้มมันเหมือนถูกช่างปั้นมาแค่หน้านั้นหน้าเดียว ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ภานุพงศ์เผลอยิ้มให้ และก็ต้องเก็บยิ้มเจื่อนๆ ของตัวเองกลับไปเพราะทางฝ่ายนั้นเหมือนจะแยกเขี้ยว คืนกลับมา จนคุณป๋าบอกให้ตุสใจแตกไปเอาผ้าขนหนูมาให้แขกทั้งสองนั่นล่ะ ภานุพงศ์ถึงได้สติ นอกจากผ้าขนหนูแล้ว ใจจริงภานุพงศ์อยากจะวิ่งเข้าครัวไปชงน้ำส้ม ทำต้มยำกุ้ง ปรุงไข่น้ำ ยำไข่แมงดามาเพิ่มบนโต๊ะ ดีที่คุณป๋าแกไหวตัวทันแกเลยสั่งห้ามโดยสายตาประมาณออกตัวว่าหวงลูกชายผู้มีไม้ตายในการทำครัว ฮา++
อาหารมื้อนี้ไม่มีคุณแม่บ้านมานั่งด้วยเพราะติดงานบุญที่อีกอำเภอ ทำเอาคุณอาตำรวจยศสูงที่พาสารวัตรภคินทร์มาด้วยชมผิดชมถูกเรื่องอาหารที่นอกจากจะละลานตาแล้วยังรสชาติน่ากลับมาลองชิมอีกครั้ง
..เรื่องราวบนโต๊ะอาหารผ่านไปด้วยดี เมื่อฝากผู้ใหญ่เขาก็นั่งคุยกัน ส่วนหนุ่มกับตุสที่นั่งตรงข้ามนั้นเงียบสนิท เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าดุตักกับข้าวเข้าปาก แต่อีกฝ่ายอยากจะคุยแต่ไม่กล้าทำอะไรนอกจากยิ้มเสียแก้มปริ จนหมดมื้ออาหารนั่นล่ะที่รอยยิ้มของภานุพงศ์กลับมาเข้าที่เข้าทาง พวกผู้ใหญ่เขายังคงคุยกันตามประสานายตำรวจ(พุง---)ใหญ่ ทิ้งให้นายตุสน้อยๆกับสารวัตรภคินทร์มาช่วยกันล้างถ้วยล้างจานในครัว..
งานถนัดของแม่บ้านแม่เรือนอย่างภานุพงศ์ คงเป็นงานโคตรยากเย็นของอีตาสารวัตรภคินทร์ เมื่อแค่สามนาทีแก้วสีขาวก็เกือบจะตกลงพื้น ถนัดมาไม่เกินสามวิช้อนซ้อมก็กระเด็นกระเด้งหลุดมือไปไกล และตุสเกือบจะหัวใจวายเมื่อชามโคมใบใหญ่ที่เคยเป็นบ้านพักของแตงกว่ายัดไส้ ไข่ปลาหมึกในมือของอีตาสารวัตร เหมือนจะละล่วงลิ่วลงพื้น !!
.
.
.
...
แต่ก็แค่ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะยังไม่ทันที่ภานุพงศ์จะกระพริบตา ชามโคมใบใหญ่ก็กลายเป็นลูกไฟสีแดงสดลุกพรึบแล้วจางหาย ไม่ทันได้ตกแตก..เหมือนที่ภานุพงศ์คิดไว้ ..
ทิ้งความงุนงงให้ภานุพงศ์สงสัยว่า นั่นคือเรื่องจริง หรือจินตนาการ??!!
***
...
'คน ราศีเมษ ในช่วงนี้ความรักจะดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะคนมีแฟนแล้ว มีคู่แล้ว ยังไงก็อย่าพยายามใจร้อนใส่กันนะครับ แค่นี้ก็หวานชื่นคับ คนโสดมีโอกาสเจอคนที่คุยถูกคอครับ'
หนังสือนิตยสารเล่มใหม่กลายเป็น ยับกรอบคามือภานุพงศ์ แทบจะทันที อารมณ์มุ้งมิ้งมันเหมือนลอยละล่องออกมาจากสองตา จนพาลให้ภานุพงศ์ลืมไปว่าเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา ชามโคมมันกลายเป็นลูกไฟหายไปในชั่วเสี้ยวนาที เอาเหอะเขาว่าตุสอะลืมง่ายและมักไม่ค่อยทำความเข้าใจกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เรื่องชามโครมภานุพงศ์ไม่ติดใจอะไรหรอกนะ ยกเว้นเรื่องๆ เดียว ..ว่ามื้อหน้าคงต้องงดอาหารประเภทน้ำชามใหญ่..
"อ๊อฟ! ป๊ะจะออกไปดูไร่กับอากฤษนะ "
เสียงป๊าแกตะโกนมาจากหลังบ้านพาให้ไอ้หมาขนยาวตัวเตี้ยอย่างไอ้สตางค์วิ่งตามไปด้วยอย่างรู้หน้าที่ บ้านหลังน้อยเลยเหลือแค่พี่สารวัตรหน้าตาดีกล้ามเป๊ะ...
กับ..ภานุพงศ์...
***
"..แล้วไงต่ออะแก??"
เสียงถามจากแก็งค์ชะนีแก็งค์ใหญ่ที่สุมหัวกันนั่งรุมตุสในร้านน้ำชา นั่งฟังแบบลุ้นจริงลุ้นจังจนน้ำลายแห้ง ภานุพงศ์เงียบไปนานก่อนจะยื่นน้ำให้ขุ่นแม่มิคผู้อาวุโสที่สุดในแก็งค์ ก่อนจะแย้มออกมาว่า..
.
.
.
..."ก็แค่อยู่ด้วยกัล สองต่อสอง ----"
.
.
.
"แล้ว???!!!"
.
.
.
"ก็ประมาณว่าใช้อากาศในบ้านร่วมกัลหายจายยย---อร๊ายๆๆๆๆ---"
"แล้วๆๆๆๆๆ! เล่าต่อสิแก เล่าต่อเล่าต่อ ได้ฟิจเจอร์ริ่งกันไหม!!!!?????"
.
.
.
“ก็ม่ายนะ แต่กูกับสารวัตร หายใจใกล้กัน มองตากัน อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย!!”
“แล้วไงต่อมึง??”
"กูกลัวจะท้องจังเบย---อร๊ายยยยๆๆๆๆ---"
“แค่มึงมองตาเข้าเนี้ยนะ?”
“อร๊ายยยยยย!! พวกมึงอย่าพูดย้ำสิ กูเขิน อร๊ายยยย!! ลูกคนแรกชื่ออะไรดีน้า???”
.
.
.
..."อิตุสเสล็ดเป็ด!!!"*ชะนีทั้งแปดได้กล่าวเอาไว้ ณ ที่นั้นอย่างพร้อมเพียง !!!