[Short] -- speechless <จะรักมั๊ย ไอ้ผีดิบ> -- (13-7-57) ตอนที่ 10 (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Short] -- speechless <จะรักมั๊ย ไอ้ผีดิบ> -- (13-7-57) ตอนที่ 10 (จบ)  (อ่าน 30199 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveyous

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
    • Aphrodite Shop
ท่านชายมรรคกับคุณหยงแน่เลย

song2315

  • บุคคลทั่วไป
WARNING : Some of part in this Chapter set for explain relationships of character, plaese keep your self from NC18+ sence
      Or you are can not accept all about through, please skip this chapter



006 : relationship (ความสัมพันธ์)




       
~ตึกก

       เสียงแก้วกระทบโต๊ะครั้งที่สิบกว่าๆ ชายหนุ่มหล่อเหลานั่งอยู่ในบาร์ชื่อดังของเชียงใหม่และกระดกเหล้าเหมือนเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเสียเต็มประดา
       มรรคอยู่ในสภาพอกหัก หัวใจแหลกสลาย เขาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆตรงนี้โดยไม่สนใจใครด้วยซ้ำหากแต่น้ำตามันไม่ยอมไหล ทุกอย่างมันช่างอัดอั้นโดยเฉพาะความรู้สึกที่มันเหมือนจุกอยู่ที่คอ มันสับสนและไม่รู้จะเริ่มระบายความโกรธตลอดจนความน้อยใจและความเศร้าออกไปอย่างไรดี
       



       --ย้อนความ--

       ในขณะที่ไอ้ตี๋สะท้อนแสงกำลังแกล้งผมโดยการกระชากกาวเทปที่ซีนปากผมอยู่ทีละแผ่น ไอ้กรก็เอาพี่เหว่ยของผมขี่หลังเดินมา ผมไม่อยากจะพูดหรอกว่าสิ่งแรกที่เห็นคือรอยแดงๆบนคอของพี่เหว่ย

   ~ฉว้ากกกก

"อ๊ากกกกกกกกกกก!!"
       ไอ้ตี๋สะท้อนแสงกระชากกาวเทปอันสุดท้ายออกโดยไม่สนใจใยดีว่าผิวของผมจะลอกติดกาวเทปนั่นออกไปด้วยหรือไม่ ผมหันกลับไปจ้องหน้าไอ้ตี๋นั่นอย่างอาฆาต ไอ้ตี๋ยักไหล่นิดๆอย่างไร้ความรับผิดชอบก่อนจะก้มลงไปแก้มัดปมเชือกให้ผมทีละปม ทีละปมให้ผม
       

'พวกผมพลาดอะไรไปรึเปล่า?'

       ไอ้เวรกรเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยปนตกใจในสภาพของผมที่ไม่ต่างจากแหนมหมูถูกๆข้างถนน ผมพาดสายตามองข้ามไปยังพี่เหว่ยที่อยู่หลังมันด้วยความเป็นห่วง พี่เหว่ยไปขี่หลังไอ้นั่นทำไมกัน แล้วทำไม ทำไมถึงมีรอยแบบนั้นบนตัวของพี่เหว่ย

'อ้อ ตอนนี้เหว่ยยังเดินไม่ไหวน่ะ ต้องขี่หลังผมไปก่อน'
       ไอ้เวรกรเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าผมกำลังสงสัยอะไร ผมอยากชกหน้ามัน ถ้าไม่ติดว่าผมจะต้องกระโดดเหยงๆไปพร้อมกับเก้าอี้นรกนี่ผมจะไปต่อยปากมันซะ

"แกทำอะไรพี่เหว่ย!!!"
       ผมโพล่งถามออกไป ไอ้ตี๋ก็หยุดแกะเชือกแล้วหันไปมองสองคนนั้น ดูเหมือนไอ้ตี๋ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรกับพี่ชายตัวเอง
       พี่เหว่ยเงียบและก้มหน้างุดซบลงไปบนไหล่ไอ้กร ไอ้กรยิ้มกว้างก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมแทบระเบิด

'ผมก็ทำหลายอย่างเลยล่ะ จนคุณเหว่ยเดินไม่ได้เลย ฮ่าฮ่าฮ่าๆ...'


       ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากสบถด่ามัน เสียงพี่สาวผมก็ดังมาจากทางด้านหลัง

เมย์ : ตายแล้ว!! คุณกรคะ อย่าทำรุนแรงกับเพื่อนพวกเรานักสิคะ

'ผมไม่ได้ทำรุนแรงเลยนะ ผมดูแลเหว่ยดีจะตาย ผมทายาให้คุณด้วย...ใช่มะ'

       ไอ้เวรกรตอบพี่สาวผมก่อนจะหันไปจบประโยคที่พี่เหว่ย พี่เหว่ยพยักหน้าเบาๆเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่าสิ่งที่ไอ้กรพูดเป็นความจริงทั้งหมด ผมเอามือข้างที่หลุดจากเชือกแล้วกำแขนไอ้ตี๋สะท้อนแสงโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ผมออกแรงบีบแล้วไอ้ตี๋มันร้อง

"โอ๊ยเจ็บๆ ปล่อยๆๆๆ"

       ผมปล่อยมือออกจากแขนไอ้ตี๋อัตโนมัติ พวกพี่สาวตัวแสบทั้งสามรีบเข้ามาแก้มัดให้ผมพร้อมอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พี่เหว่ยกับไอ้กรฟัง ซึ่งเรื่องที่เล่ามันไม่เป็นความจริงเลยซักนิด พี่สาวผมเล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะว่าพวกเราห้าคนเล่นเกมส์กันระหว่างรอให้พี่เหว่ยกับไอ้กรออกมาจากห้อง แล้วผมเป็นคนแพ้เกมเลยถูกจับมัดทรมาน
       พี่เหว่ยและไอ้กรดันเชื่อแล้วหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง

       เมื่อผมหลุดจากเชือก ผมไม่มีแรงจะจะยืนด้วยซ้ำ ผมรู้สึกเหมือนว่าความหวังทั้งหมดมันพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ทลายลงโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้ทั้งที่มันอยู่ต่อหน้า ผมถูกจับมัดให้มองความหวังตัวเองพังลง

       ผมส่งสายตาตัดพ้อไปให้พี่สาว ผมส่งสายตาเศร้าๆให้พี่เหว่ย ผมไม่อยากมองหน้าไอ้กรเลยแต่ผมก็จ้องหน้ามันนิ่ง สุดท้ายก่อนผมลุก ผมหันไปจ้องหน้าไอ้ตี๋คนที่แกล้งผมหนักสุด คนที่เห็นดีเห็นงามให้พี่ชายตัวเองไปเป็นของไอ้กร
       ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวตลก ถึงจะไม่มีใครหัวเราะแล้วก็เถอะ แต่ทุกสายตาในห้องนี้ก็ยังจับจ้องมาที่ผม พวกเขายิ้มอย่างมีความสุขกันในขณะที่ผมไม่เหลือ...ไม่เหลือแม้แต่หัวใจ ไม่เหลือเลยจริงๆ
       ผมลุกขึ้นโดยพยายามแสดงท่าทีองอาจไว้ให้มากที่สุด พยายามซ่อนความเศร้าและความสิ้นหวังเอาไว้เท่าที่จะทำได้แล้วกระโจนออกจากห้องพี่เหว่ยทันที

       ~มีเสียงเรียกผม...แต่ผมไม่สนใจ
       ~มีเสียงเรียกผมอีก...แต่ผมจะไม่หันไป

       ~มีเสียงเรียกผมอีกหลายครั้ง แต่มันก็หายไปหลังจากผมกระแทกประตูให้ปิดลง

       .....ตอนนี้ผม....อยู่คนเดียว


        ----------------------------






       รู้ตัวอีกทีผมก็กระดกเหล้าอยู่ที่บาร์ซักแห่งในเชียงใหม่ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจอดรถที่เช่ามาจากสนามบินไว้ที่ไหน ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ดึงกุญแจรถออกหลังจอดรึเปล่า

       ผมรับรู้เพียงมันเจ็บ มันสิ้นหวัง มันแค้น! ไม่ได้แค้นไอ้กร ไม่ได้แค้นพี่เหว่ย แต่แค้นคนที่ขัดขวางผม โดยเฉพาะไอ้ตี๋น้องชายของพี่เหว่ย ทั้งๆที่มันเป็นคนเดียวที่จะหยุดแผนบ้าๆของพวกพี่สาวผมได้ในฐานะเป็นน้องชายของพี่เหว่ย แต่นี่กลับเห็นดีเห็นงามร่วมส่งตัวพี่ชายตัวเองให้ไปเป็นของคนอื่นด้วย ถึงขนาดบินมาจากกรุงเทพเพื่อร่วมแผนการสิ้นคิดนี่

      ~ตึกก !!!

       ผมวางแก้วเหล้าแก้วที่สิบแปดลงบนบาร์อย่างแรงเช่นเคย ในหัวผมไม่ได้มึน ผมยังไม่เมาด้วยซ้ำ และผมคิดออกแล้วว่าจะเริ่มระบายความโกรธที่ไหน ไม่สิ! ต้องบอกว่าคิดออกแล้วว่าจะเอาความโกรธและความแค้นทั้งหมดไปลงที่ใครมากกว่า
       ผมวางแบงค์พันสามสี่ใบไว้ก่อนจะลุกเดินออกไปตามหารถ หัวใจมันเริ่มสูบฉีดเลือดรุนแรงขึ้น ผมตื่นเต้น มันรอที่จะแก้แค้นไม่ไหวแล้ว ผมจะชกไอ้เวรนั่นให้ซี่โครงหัก เอาให้ปอดพังไปข้างนึงเลยก็ดี แล้วถ้ามีโอกาสล่ะก็ ผมจะหักแขนมันซักข้าง














       
-หยง-
       
       ผมพึ่งกลับมาจากคอนโดพี่ชาย ถ้าไม่นับเรื่องที่คุณชายมรรควิ่งหนีออกไป วันนี้สนุกสนานเฮฮามากทีเดียว ผมพอใจมากเมื่อได้พูดคุยกับคุณกรชายที่จะมาดูแลพี่ชายผม เขาเหมือนแสงอาทิตย์ ยิ้มแย้ม และตลกอยู่ตลอดเวลา มันเป็นส่วนผสมที่ตรงข้ามกันสุดขั้วกับพี่ชายผมเลย แต่ก็อย่างว่า พวกเขาเหมาะสมกันมากจนหาจุดจะแยกไม่ได้

       ผมได้คุยหลายเรื่องกับเฮียเหว่ยหลังไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ผมไม่วายชวนเฮียกลับไปช่วยบริหารธุรกิจหลายๆอย่างของครอบครัวเหมือนเช่นทุกครั้ง เฮียก็ยังส่ายหัวเหมือนทุกๆครั้งตามเคย
       ตัวผมทั้งๆที่ไม่ได้เรียนจบบริหารมา แต่กลับต้องมาบริหารธุรกิจของตระกูล โดยเฉพาะกิจการนำเข้าและขายรถของเตี่ยที่ตอนนี้แทบจะผูกขาดตลาดในกรุงเทพมหานคร ผมต้องบริหารโชว์รูมรถหรูกว่าสิบสองสาขาเพียงคนเดียว แต่มาถึงตอนนี้ผมก็มีความสุขดี หลังจากเหนื่อยช่วงแรกๆแต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมยอมจับงานทั้งหมดของตระกูลเองและให้พี่ชายได้ทำอาชีพที่เขาอยากทำ เฮียเหว่ยเสียสละหลายๆอย่างในชีวิตให้ผมมามาก และเป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุด แค่นี้เล็กน้อยถ้าผมจะทำเพื่อเฮีย แต่จะว่างั้นทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมเองก็รู้สึกว่างานบริหารมันก็สนุกดีนะ ฮ่าฮ่าฮ่า





       ผมแยกกับพวกเจ๊ๆตัวแสบที่ชั้นสิบเก้า ก่อนที่ผมจะขึ้นสู้ชั้นบนสุดของโรงแรมคือชั้นยี่สิบ จริงๆผมอยากได้ห้องพิเศษขนาดกลางที่ชั้นสิบเก้าเหมือนที่พวกเจ๊เมย์พักกัน แต่ว่ามันเต็มทุกห้อง ผมเลยต้องถ่อขึ้นมานอนห้องซุปเปอร์วีไอพีที่ชั้นบนสุด จริงๆมันก็ใหญ่ดีนะ แต่อยู่คนเดียวมันวังเวงมาก...วังเวงจริงๆ แถมค่าห้องยังแพงแบบตับทำงานล้มเหลวได้เลย




       หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็ง่วนอยู่กับการพยายามทำให้รอยนิ้วบีบแดงๆที่ข้อมือข้างซ้ายหาย ผิวของผมมันขาวมากซะจนเจออะไรบีบนิดๆหน่อยๆก็เห็นเป็นรอยชัดเจน แล้วนี่โดนมือพลังช้างสารของคุณชายมรรคบีบเข้าไป เป็นรอยแดงเถือกน่ากลัวมาก
       ผมวางขวดยานวดลงและพึ่งคิดออกว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีแค่ผ้าเช็ดตัวโพกอยู่ผืนเดียว ผมจัดการเช็ดผมที่เปียกจนแห้งและหวีมันให้เข้าทรง ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปทีกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น

       ผมเดินไปส่องดูตาแมวแล้วก็ต้องผงะ คุณชายมรรคมากดกริ่งห้องผม! เขาไปไหนมา  แล้วมาอยู่หน้าห้องผมได้ยังไง เขารู้รึเปล่าว่าพี่สาวเขาเป็นห่วงมากขนาดไหน เขาปิดโทรศัพท์ทำไม สภาพจิตใจเขาจะเป็นยังไงบ้างหลังจากต้องเผชิญเรื่องราวทั้งหมดในวันเดียว  คำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวผมส่งผลให้ผมรีบเปิดประตูเพื่อถามสารทุกสุขดิบกับเขาทันที

"คุณชาย เป็นอะไรรึเปล่าครับ คุณไปไหนมารู้รึเปล่าว่าพี่เมย์เป็นห่วงคุณมาก แล้วก็..."

   พลั่กก!!

       ผมถูกผลักอย่างแรงจนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ข้อเท้าของผมระบมไปหมด ผมรีบปัดผ้าเช็ดตัวกลับลงไปปิดต้นขาเพราะมันถลกขึ้นมาจนเกือบจะถึงส่วนโป๊เปลือยของผมเลยทีเดียว ผมเงยหน้ามองคุณชายมรรคด้วยอารมณ์ตื่นๆ

song2315

  • บุคคลทั่วไป
   ปัง!!!!

       ประตูห้องผมถูกปิดลงอย่างแรง มือหนาของเขาลงสลักกลอนทั้งสามตัวที่ประตูอย่างรวดเร็ว เขาหันขวับมาจ้องผมก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดๆ ในสายตาของเขามีแต่ความเกรี้ยวกราด


"ไอ้ตี๋! แกมัน......นะ...น่าหมั่นไส้"

       เขาหยุดชะงักไปแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มๆแต่น่ากลัว มันทำให้ผมต้องกระเถิบหนี เขาย่างสามขุมเข้ามาในขณะที่ผมเริ่มเขยิบถอยออกไปเรื่อยๆ

"หึ!! ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงนายก็โดนแน่ มานี่!!!"

"คุณจะทำอะไรอ่ะคุณชาย!"

       ผมรีบลุกขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้คว้าแขนผม ห่วงตัวเองก็ห่วง ห่วงผ้าเช็ดตัวหลุดก็ห่วง แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ผมก็เตรียมสู้เต็มที่
       
"คุณอย่าคิดว่าผมจะสู้คุณไม่ได้นะ"

       ผมพูดออกไปตามความจริง ผมเคยเรียนคาราเต้ระดับสูงมา และเคยได้แชมป์สมัยเรียนอยู่ที่บอสตัน ถึงผมจะตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อยแต่ผมก็มั่นใจว่าล้มเขาได้สบายๆ

       
"เฮ่ยๆ! คุณชาย อย่าเข้ามานะ ผมสู้จริงๆ"


       คุณชายมรรคไม่กลัวคำขู่ของผมเลยซักนิด เขายังคงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้านิ่งและนัยตาขวางด้วยความเกรี้ยวกราด ผมหยุดถอยหลัง ค่อยๆสูดหายใจ ตั้งสติ ก่อนจะตั้งท่าคาราเต้ระดับสูงที่เคยร่ำเรียนมา

"เอาวะ!! เป็นไงเป็นกัน"  ผมเอ่ยให้กำลังใจตัวเอง

       ผมกระโดดเตะสองจังหวะด้วยท่าเบสิคที่สุด เขาหลบไปทางขวาตามที่ผมคาดไว้ เมื่อเท้าผมหล่นถึงพื้นผมก็กระโดดเหวี่ยงขาซ้ายขึ้นไปตอกเขาตามแผนโดยไม่ทันให้เขาตั้งตัว แขนหนาของคุณชายมรรคถูกยกขึ้นมาการ์ดได้เฉียดฉิว เขาเซไปสองสามก้าว ผมตกใจนิดๆที่เขาการ์ดทันเพราะปกติไม่มีใครเคยหลบท่านี้ของผมพ้น ชายคนนี้มีพื้นฐานการสู้ประชิดตัวด้วยร่างกาย

"หึ!! มีฝีมือเหมือนกันหนิ"
       คุณชายมรรคพูดเหยียดๆ เขาปัดแขนตัวเองสองสามทีก่อนจะถอดเสื้อสูทนอกของตนออกเควี้ยงลงพื้น เขาตั้งท่าพรัอมสู้ นี่เขาต่อสู้ระยะประชิดตัวได้จริงๆด้วย และมันเป็นศาสตร์ที่คาราเต้แพ้ทางมากที่สุด ทั้งยังเป็นศาสตร์ที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในโลก "มวยไทย"

       หลายครั้งที่ผมจะได้ยินคำแนะนำเกี่ยวกับตอนอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมว่า 'หนีเป็นดีเลิศ' แต่ตอนนี้ผมถอยหลังเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น ทางออกมีทางเดียวคือประตูซึ่งอยู่ด้านหลังคุณชายมรรค ผมจะรอดได้ก็ต่อเมื่อสามารถล้มเขาเท่านั้น
       คิดได้ดังนั้นผมก็เริ่มโจมตีทันที ผมเหวี่ยงเท้าข้างซ้ายเพื่อหลอกล่อก่อนจะกระโดดหมุนเอาอีกข้างฟาดไปเต็มแรงที่ลำคอของเขา กะให้จบภายในนัดเดียว หากแต่...

       คุณชายมรรคหยุดขาผมไว้ด้วยมือแค่ข้างเดียว เขาจับขาผมพลิกภายในเศษหนึ่งส่วนพันวิโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหน้าคว่ำลงกับพื้นพรม

ตุ๊บบ!!

"โอ๊ยยยยยๆๆ ! เจ็บๆ หยุดบิดได้แล้วไอ้บ้า"

       คุณชายมรรคปล่อยมือจากการบิดขาผม ขาที่น่าสงสารของผมหล่นลงพื้นดังตุ๊บไม่ต่างจากตัวผมเมื่อครู่ ผมชนะเขาไม่ได้ เขาตาไวและแรงเยอะมากเกินไป

"ถ้าฉันโง่กว่านี้นิดนึง ฉันคงสลบคาขานายไปแล้ว ไอ้ตี๋สะท้อนแสง"

       ผมพลิกตัวหันมามองหน้าเขา เขายิ้มเหยียดมาทางผมอีกแล้ว ผมเกลียดยิ้มแบบนี้ชะมัด

"คุณต้องการอะไร"

       ผมเอ่ยถามก่อนที่เขาจะเดินเข้ามายืนหน้าผมและกระชากผมให้ลุกขึ้น ตัวผมลอยขึ้นมาจากแรงดึงของเขาไม่ยากเย็นนัก เขาลากผมมาที่โซฟาก่อนจะผลักให้หงายหลังอย่างแรง

       ตัวผมล้มลงบนโซฟานุ่มสีแดงหน้าทีวี มันไม่เจ็บหรอกหากแต่ตกใจเสียมากกว่า ชายคนนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เขาดูเหมือนจะเข้ามาทำร้ายผม สายตาเขามันฟ้องจริงๆว่าอยากจะชกผมซักป๊าบสองป๊าบ แต่ตอนนี้สายตานั้นหายไปและเขากำลังจะทำอะไรผมก็ไม่รู้

"ฉันจะมาทำให้นายเจ็บ เจ็บเหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้"

       เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ผมเดาว่าผมกำลังจะถูกเขาปล้ำ ใช่! มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ผมจะไม่ยอมมาเสียท่าเพราะไอ้คิงคองนี่หรอก

~ตุ๊บบ  พลั่กก

"อักกก"

       ผมใช้ขาที่ยังพอขยับได้สาดความเจ็บปวดให้เขา ไม่รู้ว่าโดนส่วนไหน ไม่รู้ว่าโดนแรงมั๊ย ผมรู้อย่างเดียวว่าผมต้องหนี หนีเท่านั้น
       ผมกระโจนออกจากโซฟาและหอบผ้าเช็ดตัวที่จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ติดมาด้วย ผมวิ่งไปที่ห้องนอนซึ่งเป็นห้องที่ใกล้ที่สุดและล็อคประตูลงกลอนทันที ผมนั่งลงกับพื้นพรมหายใจเอาอากาศเข้าไปให้เต็มปอด ถึงผมจะขังตัวเองหนีไปไหนไม่ได้ แต่เขาก็ทำอะไรผมไม่ได้เหมือนกัน
        ผมนั่งหอบหายใจอยู่ซักพักจนจิตใจสงบ ผมหาที่ที่จะหยุดพักสายตาให้นิ่งเพื่อลดการเต้นของหัวใจ และแล้วสายตาผมก็ไปหยุดจดจ้องอยู่ที่ขวดยาใสๆที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียง ยาที่ผมอุดสาห์ดั้นด้นไปหามาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ ยังไงซะมันก็ดีแล้วเพราะถ้าเฮียเหว่ยกับคุณกรจำทำอะไรก็ควรจะเกิดจากความรักมากกว่า
        ผมจ้องมองขวดยานั้นต่อไปซักพักก่อนจะพึ่งมารู้ตัวว่าไม่ใช่เวลามานั่งชื่นชมความรักคนอื่น ผมกำลังจะโดนคิงคองบ้าคลั่งทำอะไรก็ไม่รู้ ว่าแล้วผมก็เริ่มมองหาโทรศัพท์มือถือของตนทั่วห้องนอน หายังไงก็ไม่เจอแต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงก้มหน้าก้มตาหาต่อไปเรื่อยๆ


~แกร๊ก

        ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงบานหน้าต่างเลื่อนขณะที่ผมกำลังนั่งค้นหามือถือในกระเป๋าเดินทางบนเตียง ผมรีบหันขวับไปมองต้นเสียง คุณชายมรรคกระโดดลงมาจากขอบหน้าต่าง ไม่มีอะไรต้องคิด ผมรีบวิ่งไปที่ประตูห้องทันที นึกโกรธตัวเองอย่างมากที่ลืมคิดว่าหน้าต่างห้องนอนเชื่อมกับระเบียง

~ฟึบบ

       ผมถูกคว้าแขนได้ก่อนที่มือจะถึงกลอนประตู คุณชายมรรคบีบแขนผมแน่นก่อนจะดันผมไปจนหลังชิดบานประตู

"ถึงกับวิ่งนำเข้ามาในห้องนอน คงจะอยากได้ฉันมากใช่มะ! "

"ผมจะอยากได้คุณไปทำไม บ้านผมไม่เลี้ยงสัตว์ป่าประเภทคิงคองหรอก"

~ตึก!!!

"ปากดีนักใช่มั๊ย!!"

"อะ...โอ๊ยย  เจ็บ เจ็บนะเว่ยไอ้เวร"

       ผมร้องประท้วงเมื่อเขาเบียดกายเข้ามาใกล้และบีบแขนผมจนแทบจะแหลก เขาไม่ได้สนใจแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

"หยุดๆ อย่า ออกไป มะ..."

       ผมหลับตาปี๋และเบือนหน้าหนี เขาค้างอยู่ซักพักก่อนจะชักหน้ากลับไป

"เฮอะ! ไก่อ่อนชัดๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าอย่างนายจะยังรอดมาถึงตอนนี้"

       ผมลืมตาขึ้นจ้องหน้าเขา รู้สึกไม่ชอบใจนักกับคำสบประมาทดังกล่าวแม้มันจะเป็นความจริง

"ผมมีสมอง ผมเลยทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการหาความรู้ ไม่มีเวลาไปทำเรื่อง ต่ำๆ! หรอกครับ"

       ผมแสยะยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวคืนกลับไป สายตาโกรธเกรี้ยวของเขาฉายแววอ่อนลงนิดหน่อยโดยที่ผมก็ไม่รู้เหตุผล แต่คงเป็นเพราะถ้อยคำตอกกลับของผม ผมอาศัยจังหวะนี้สะบัดข้อแขนและผลักเขาออกไปให้ไกลที่สุด ผมไม่มีเวลาได้สนใจสิ่งใดนอกจากปลดสลักกลอนสองตัวที่ผมเป็นคนล็อคมันเอง หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะได้แต่เฝ้าภาวนาให้ผมหลุดออกไปจากห้องนี้ได้

~หมับ

"อ๊ะ!!"
"ชอบให้ใช้กำลังใช่มั๊ย งั้นมานี่!!!"

        เขาจับแขนผมกระชากออกมาจากบานประตู ผมกำลังจะปลดกลอนตัวที่สองได้สำเร็จ หากแต่ตอนนี้มันถูกเขาผลักกลับเข้าสลักแล้ว เขาลากผมมาที่เตียงก่อนจะพลักผมกระเด็นขึ้นไป ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับตัวเขาก็กระโจนขึ้นมานั่งทับบนตัวผม เขาถีบกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงของผมลงพื้นอย่างไม่สนใจ

"อั๊ก! คะ...คุณชาย คุณบ้าไปแล้วรึไง"

"หึ! ฉันบ้ากว่านี้ได้ร้อยเท่า"

       เขาพูดพลางปลดกระดุมเสื้อเชิตสองเม็ดแรกและถอดเนคไทต์ตัวเองออกมา ผมจ้องการกระจำของเขาด้วยความตกใจ

"คุณจะทำอะไร หยุด หยุดนะเว่ย!"

       เขาจับแขนผมขึ้นไปรวบไว้เหนือหัวก่อนจะเอาเนคไทต์มัดเป็นเงื่อนที่ข้อมือผมและผูกมันโยงกับห่วงทองเหลืองที่ยื่นออกมาจากหัวเตียง

"ไม่!!! หยุด คุณชาย ไอ้เวร แกะออก แกะสิวะ"

"ไม่!!!!"

       เขาตะคอกกลับมาก่อนจะหันซ้ายหันขวาเหมือนหาอะไรบางอย่าง แล้วตาเขาก็ไปหยุดจดจ้องที่ยาขวดใสๆข้างๆเตียงผม ผมมองตามไปและพยายามดิ้นหนีสุดชีวิต

"ไม่ หยุดนะ!"

       เขาเอี้ยวตัวไปหยิบยาขวดนั้นมาก่อนจะอ่านฉลากภาษาอังกฤษบนขวด

"กระตุ้นภายในห้านาที...ดื่มด่ำกับความสุขได้ไม่รู้ลืม"

       เขายิ้มอย่างพอใจก่อนจะเปิดฝาขวดออก ผมพยายามดิ้นหนีสุดชีวิตทั้งๆที่ในใจรู้ดีว่าไม่มีทางหลุดออกไปได้

"หยุด คุณชาย !!หยุดนะ"

"หึหึ นายจะได้เป็นคน...ร้องขอฉันเองไง ในเมื่อมันไม่ได้ใช้กับพี่เหว่ยตามแผนนาย ก็ใช้กับนายแทนละกัน....จะได้ไม่เสียของ"

       หลังพูดจบเขาเอายาเม็ดหนึ่งเข้าไปวางไว้ในปากตัวเองก่อนจะใช้มือหนึ่งบีบคางผม เขาโน้มคอลงมาและฝังจูบอันหนักหน่วงลงบนริมฝีปากของผม ยาเม็ดเล็กๆถูกลิ้นของเขาดันเข้ามาในปากผม ผมรู้สึกได้ว่าผมกลืนมันลงไป
       มันแน่ชัดแล้วว่าเขาคิดจะทำอะไรกับผม ถึงแม้ว่าผมจะยังรู้สึกโชคดีอยู่บ้างที่เขาไม่ได้ซ้อมผมจนน่วมเพราะเรื่องไปจับเขามัดกับเก้าอี้วันนี้ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขากำลังจะพรากไปจากผมมันเทียบกันไม่ได้เลยซักนิด ผมยอมโดนซ้อมจนปางตายยังจะดีกว่า รสจูบจากเขามันต่างจากที่ผมเคยจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง มันไม่มีความอบอุ่น ไม่อ่อนหวาน ไม่เหมือนที่ผมเคยคิดซักนิด
       เขาถอนจูบออกอย่างเนิบๆก่อนจะจ้องหน้าผม ถึงแม้ผมจะถูกพี่ชายสอนมาว่าน้ำตาไม่เคยแก้ปัญหาได้แต่น้ำตาผมก็ไหลออกมาหยดหนึ่ง มันทำให้แววตาน่ากลัวของเขาอ่อนลง อย่างน้อยน้ำตาอาจจะช่วยผมได้ในวันนี้ ผมตัดสินใจขอร้องเขาดีๆเมื่อรู้ว่าตัวเองหมดทางสู้แล้ว

"คุณชายมรรค...ผมของร้อง หยุดเถอะครับ"

       น้ำตาอีกหยดของผมไหลออกมาโดยไม่ต้องพยายามเค้น มันออกมาจากหัวใจที่หวาดกลัวของผม เขาจ้องหน้าผมนิ่งด้วยแววตายากจะคาดเดาความรู้สึก ผมได้แต่ภาวนาเพียงเท่านั้น
       มือใหญ่ๆของเขาค่อยๆเอื้อมออกมาวางนาบข้างๆแก้มผม นิ้วโป้งสากๆของเขาปาดเช็ดหยดน้ำตาผมออก เขาก้มหน้าลงและส่ายหัวเบาๆ

"ถ้าไม่ใช่นาย ฉันคงหยุด...แต่เพราะเป็นนายตอนนี้ฉันถึง...หยุดไม่ได้แล้ว"

       เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องผม นัยตาของเขาไม่ได้มีความเกรี้ยวโกรธแต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

"คะ...คุณชาย ผมขอร้อง"

"ไม่...ไม่ได้...ฉันหยุดไม่ได้แล้ว"

"ก่อนที่ยามันจะ..."


       ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงของผมก็ถูกกลืนหายไป ริมฝีปากร้อนๆของเขาประกบลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้ผมกลับรู้สึกได้ชัดเจน มันเหงา เศร้า และเร่าร้อน

"อะ...ผมหาย...หายใจไม่ทัน"

       ผมพูดหลังจากเขาถอนจูบออกพยายามโกยเอาออกซิเจนเต็มที่ เขามองหน้าผมนิ่งก่อนจะมองไล่ลงไปที่หน้าอกผมและมองไล่กลับขึ้นมาจ้องตาผม ผมไม่ได้รู้สึกขยะแขยงหรือรังเกียจชายผู้นี้ ไม่ได้รู้สึกแม้แต่จะต่อต้าน แต่ที่รู้สึกคือกลัว สับสน และไม่พร้อม ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกช่วงชิงสิ่งสำคัญที่ผมหวงแหนไป โดยคนที่มาช่วงชิงไปก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เขาหล่อ ผิวสีน้ำผึ้งค่อนไปทางแทน ใช่! ภายใต้เสื้อเชิตบางๆนั้นคงมีหุ่นล่ำๆซ่อนอยู่ แต่ขอเสียของเขาคือน่ากลัว เขาทำให้ผมกลัว
       
"นายหยุดทำหน้าแบบนั้น! นายกำลังทำให้ฉันยิ่งหยุดไม่ได้นะ"

       เขาพูดออกมาในขณะจ้องหน้าผมไม่วาง ผมไม่รู้เขาหมายความว่าอะไร ให้ผมทำหน้าแบบไหน ยังไง

"ไม่!! แบบนี้ก็ห้าม อ๊ากกก"

       เขาพูดอีกครั้งทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แค่พยายามจะเปลี่ยนสีหน้าตามที่เขาขอเท่านั้น

"คะ...คุณชายมะ..."

       ริมฝีปากของผมถูกช่วงชิงอิสระภาพไปอีกครั้ง ลิ้นร้อนๆเริ่มรุกรานผม ผมได้แต่นิ่งแข็งถือเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้น ร้อน!! ผมรู้สึกร้อน

       เขาค่อยๆถอนจูบออกอย่างเนิบนาบอีกครั้ง ผมเองก็ได้แต่หอบหายใจเอาอากาศเหมือนเคย เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นมาตามผิวของผม บวกกับความรู้สึกร้อนๆจากข้างในตัวผมทำให้ผมรู้ว่ายามันกำลังจะออกฤทธิ์แล้ว

"คุณชาย...ยามัน..."

       ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เขาก็ลุกออกจากตัวผมและมานั่งข้างๆผมแทน เขาจับผมขึ้นมานั้งข้างๆเขา มันทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะมือผมมัดอยู่กับหัวเตียง
       เขาก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยเบาๆ

"นี่ขนาดฉันไม่ได้กินด้วยยังเป็นขนาดนี้...โถ่เว่ย! ทำไมนายต้องขาวแบบนี้ ทำไมนายต้องมีกลิ่นแบบนี้ ทำไม! "

"อะ...ผะ ผม"

"ขอโทษนะ ฉัน..."


       มือหนานั้นค่อยๆยกขึ้นมาวางบนแขนผม เขาลูบเบาๆมาถึงกล้ามไหล่ และลูบลงไปใต้วงแขนผม ผมขยับหนีแต่ก็ถูกเขาดึงกลับมา เขากอดผมมาจากด้านหลังและเอามือสากๆลูบไปทั่ว ผมได้แต่ดิ้นไปดิ้นมา

"คะ คุณชาย หยุด หยุดนะครับ..."

"ไม่ได้ หยุดไม่ได้แล้วจริงๆ"

       เขาพูดพลางถอนกอดออกไปแล้วปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อรู้สึกว่าเขาปลดกระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าออก ไม่! ผมจะรู้สึกอะไรไม่ได้ ผมต้องหยุด หยุดทุกอย่างก่อนจะสายเกินไป ไม่! แต่เขาอุ่น ตัวเขาอุ่น แขนเปลือยๆที่ไร้เสื้อปกปิดของเขาโอบกอดผมมาจากด้านหลังอีกครั้ง เขาช่าง... ไม่!! ผมจะยอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมจะต้องไม่เอามือไปลูบแขนเขา ไม่!!! ผมจะต้องไม่จับมือเขา ไม่!!!! ผมจะต้องไม่ทิ้งตัวลงไปในอ้อมกอดเขา ไม่ ไม่!!


"อ๊ะ! อ๊าา..."

      ผมสะดุ้งนิดๆและส่งเสียงครางออกมาโดยไม่ตั้งใจเมื่อนิ้วของเขาสะกิดลงบนยอดอกของผม

"อย่าทำเสียงแบบนั้น มันทำให้ฉันยิ่ง..."
"อ๊ะ อ๊าาา...."
"บอกว่าอย่าทำไง"
"อ๊ะ...มะ...คะ คุณก็ ก็หยุดทำแบบนั้นกับหน้าอกผมซักทีสิ"
"ไม่! ฉันหยุดไม่ได้ ฉัน..."
"อ๊ะ!! อ๊ะ อาาา ....ยะ หยุด คุณหยุดสิ"

"หยุด...จะให้หยุดงั้นหรอ"

       เขาพูดพลางปล่อยมือจากยอดอกผมและลงไปลูบที่กล้ามท้องผมแทน มืออีกข้างของเขาโน้มหน้าผมให้หันมา ริมฝีปากของเขาที่รออยู่ประกบเข้ามาอย่างพอดิบพอดี เขาควานไปทุกซอกในปากของผม เขาดูดลิ้นของผมเบาๆแล้วปล่อย ดูดเบาๆแล้วปล่อยเช่นนั้นไปเรื่อยๆ ผมไม่อาจหยุดตัวเองไม่ให้จูบตอบเขาได้ หยุดไม่ได้จริงๆ

       เขาถอนจูบออกและแก้มัดแขนให้ผมก่อนที่จะจับผมให้หันหน้ามาหาเขา เขาเขยิบเข้ามาใกล้ๆผมเรื่อยๆจนตัวแทบชิดกัน ขาของผมถูกยกขึ้นไปพาดบนขาเขา ผ้าเช็ดตัวของผมเริ่มถูกคลายปม

"ทำไมไม่หนีล่ะ ฉันแก้มัดให้แล้ว"

"คุณก็เลิกกอดผมสิ ปล่อยผม"

"ไม่ ฉันเลิกไม่ได้"

       เขาพูดก่อนจะยิ่งกระชับอ้อมกอด มือหนาลูบไปทั่วแผ่นหลังของผม ผมกำลังจะละลายหายไปตรงนี้
       เขาดันผมให้เอนหลังลงก่อนจะโน้มตัวเข้ามา เขามาพร้อมกับลิ้นร้อนๆ มันจรดลงที่ยอดอกของผมก่อนจะตวัดโลมเลียจนผมไม่อาจกลั้นเสียงครางของตัวเองไว้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเช่นนั้นอยู่นานเท่าไหร่ ไม่รู้เลยจริงๆ
       
       เขาผลักผมนอนลงกับเตียงก่อนจะยื่นมือมาปลดผ้าเช็ดตัวผมออกและโยนลงข้างล่าง ผมเบือนหน้าหนีด้วยความอายเพราะเขาเอาแต่จ้อง จ้องไปทั้งตัว จ้องแม้กระทั่งส่วนนั้นของผม เขารูดปลายปลายมันลงเบาๆจนเปิดออกหมด นิ้วสากๆของเขาลูบวนไปมาที่บริเวณหัวของสิ่งนั้น ผมได้แต่ดิ้นไปมาและส่งเสียงคราง

"นายมัน...ขาว ขาวจนน่ากัด น่ากัดแม้กระทั่ง..."

       เขาพูดพลางก้มลงมากัดหน้าท้องผมหนึ่งที และเลื่อนลงไปถึงแท่งกระสันของผม ลิ้นของเขาโลมเลียไปทุกซอกและในที่สุดแท่งเอ็นของผมก็ถูกครอบหายไปในปากของเขา ความรู้สึกที่แปลกใหม่หลั่งไหลไปทั่วร่างกายของผม

"อะ...อาาาาาาา"

       ระลอกแห่งความสุขถูกหยิบยื่นให้ผมครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งกายและใจผมตอนนี้มันร้อนรุ่ม มันร้อนรุ่มเกินกว่าจะคิดถึงสิ่งอื่นนอกจาก 'เขา'
       เขาค่อยๆถอนปากที่ครอบออกและทิ้งความรู้สึกเหมือนหลุดลอยไว้ในกายผม มือหนาของเขาปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงสแลคออก ร่างล่ำสันที่บุด้วยผิวสีแทนค่อยๆเผยให้ผมเห็นจนกระทั่งไม่เหลือสิ่งใดปกปิดอีกเลย ผมมองร่างกำยำนั้นค่อยๆเอนลงมาและทับแนบไปกับร่างกายผม จูบเร่าร้อนแต่เนิบนาบเริ่มขึ้นอีกครั้ง มือของผมที่อยากเก็บเกี่ยวทุกอณูบนร่างกายเขาเริ่มลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังหนานั้น

       ในที่สุดเขาก็ยอมถอนจูบวาบหวามออกไปและลุกขึ้นนั่ง แท่งกำหนัดของเขาชี้โด่เด่มีน้ำใสๆเปื้อนไปทั่ว ผมมองมันอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ย

"ผมขอ...จับหน่อยได้มั๊ย"

       เขาขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเพื่อให้ผมสามารถเอื้อมมือไปถึง ผมค่อยๆคว้าแท่งนั้นมาไว้ในมือแล้วรูดเข้าออกเนิบๆ

"อาซซซ อะ...อาาาาาาา"

       ร่างแกร่งของเขาสั่นระริกพร้อมปลดปล่อยเสียงครางทุ้มๆออกมา ผมยิ้มนิดๆก่อนจะลุกขึ้นไปหาร่างเขา
       ผมประกบดูดที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนกลืนกับสีผิวของเขา กล้ามเนื้อแกร่งเกร็งกระตุกทุกๆครั้งที่ผมขบเบาๆ เสียงทุ้มๆนั้นมันยั่วยวนให้ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อจะได้ยินมันอีกครั้ง พร้อมจะทำเพื่อให้เขาครางเสียงที่ผมหลงใหลออกมา
       ผมเคลื่อนตัวลงไปหาท่อนลำขนาดเต็มไม้เต็มมือของเขา ก่อนจะค่อยๆโอบมันด้วยริมฝีปาก เขาส่งเสียงครางทุ้มๆอีกแล้ว

"อ่ะ..อะ อาาาาาาาาา ซี๊ดดด"

       ผมทำต่อไปเรื่อยๆซักพักเขาก็ดึงผมขึ้นมาประกบจูบอีก ครั้งนี้มันเนิ่นนาน เร่าร้อน และอบอุ่นกว่าที่เคย ผมหยุดไม่ได้ หยุดจูบเขาไม่ได้ ร่างล่ำสันที่พรมไปด้วยเหงื่อนั้น ร่างล่ำสันที่มีรอยกัดของผมเต็มไปหมดนั้น มันช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน

"ฉันจะไม่ทนนายอีกต่อไป"

       เขาพูดพลางจับผมนอนหงายลงกับเตียง ลิ้นร้อนๆของเขาโลมเลียไปทั่วและไปหยุดตรงที่ปากทางอ่อนไหวของผม ผมไม่อาจเก็บเสียงร้องได้อีกครา ร่างผมเกร็งกระตุกเป็นระยะๆจากความเสียวกระสันที่ได้รับ

"อะ...คะ...คุณชาย ผม ผม อ๊าาาา"

"จะ...เข้าไปแล้วนะ"

       สิ้นคำพูดของเขา นิ้วที่ชุ่มน้ำลายนิ้วหนึ่งก็ค่อยๆแหวกเข้ามาในกายผม ความรู้สึกอัดแน่นท่วมท้นผมไปหมด มืออีกข้างของเขารูดขึ้นลงบนแท่งกำหนัดของผม มันยังคงชูชันตอบรับความรู้สึกอย่างเต็มที่ไม่เปลี่ยนแปลง

"อ๊าา อย่าครับ ผม..."

"ทำไม นายทำไม..."

"ผมจะไม่ไหวแล้ว คุณหยุกชักเถอะ"

        มือสากๆถอนปล่อยแท่งกำหนัดผมให้เป็นอิสระอย่างว่าง่าย ผมหายใจหอบถี่ในขณะที่เขาค่อยๆเพิ่มนิ้วแล้วนิ้วเล่าทะลวงเข้ามา

"ผมก็ไม่ไหวแล้ว"

       เขาพูดเสียงสั่นก่อนจะลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แท่งสวาทของเขาถูกชโลมด้วยน้ำลายจนเปียกชุ่ม มันจ่ออยู่ปากทางของผมซักพักก่อนจะค่อยๆชำแรกเข้ามา

"อ๊ะ! อ๊าาาาาาาาาา"
"ซี๊ดดดดดดด แน่น แน่นจัง อย่า...อย่าเกร็งสิหยง"

       ผมพยักหน้ารับก่อนจะพยายามปล่อยตัวตามสบาย เขาค่อยๆฝ่าเข้ามาจนมิดในที่สุด

"แฮ่กๆ ปะ...เป็นไง จะให้เริ่มเลยมั๊ย"
"ขอ...หายใจแปปนึง"
"โอเค"

       ผมผ่อนคลายตัวเองพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้เขาเป็นสัญญานบอกว่าพร้อมแล้ว ทุกอย่างมันช่างเร่าร้อนและวาบหวาม ผมไม่อาจหยุดตัวเองได้อีกต่อไป
       ร่างกำยำค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆ ผมจดจำจังหวะอันลึกซึ้งนั้นได้ทุกจังหวะ ความรู้สึกมากมายไหลผ่านเข้ามาในร่างกายผม เสียงซี๊ดปากด้วยความเสียวซ่านของเขาทำให้อารมณ์ผมยิ่งวิ่งโลด

"ทำไมนายถึง น่ากินขนาดนี้"

       เขาพูดเสียงสั่นพลางเอานิ้วมาสะกิดยอดอกผม ร่างผมสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เสียงครางของผมดังคลอไปกับทุกจังหวะที่เขากระทั้นร่างเข้ามา

"อะ อ๊าา....คุณ...คุณก็...กินสิ"

       ผมพูดพลางยื่นมือไปลูบหน้าท้องแกร่งของเขา เขายิ้มนิดๆก่อนจะดึงผมลุกขึ้นมาให้ตัวผมนั่งอยู่บนตักเขา ลิ้นร้อนๆของเขาเลียไปตามต้นคอของผมก่อนที่ผมจะสะดุ้งเพราะถูกขบ เขาขบผมตั้งแต่ต้นคอลงมาถึงยอดอกเหมือนจะกลืนกินผมเข้าไปจริงๆ ร่างผมขยับขึ้นลงช้าๆเพื่อใฝ่หาความสุขจากแท่งกำหนัดของเขาที่อยู่ในกายผม เสียงครางทุ้มๆของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเองก็รู้สึกดีไม่แพ้กัน

"อาาาาาาา ซี๊ดดดด"

"อ๊ะ! อาาาา"

       เขาจับผมนอนลงไปเช่นเดิมแล้วกลับมาคร่อมผม ร่างหนาของเขาเบียดเข้าออกเหมือนเคยหากแต่มันค่อยๆเร่งจะหวะขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นรวดเร็วและหนักหน่วง
       ความรู้สึกที่หลั่งไหลเข้ามาในกายผมมันรวดเร็ว ชัดเจน และหนักหน่วงจนล้นทะลัก ร่างของเขาที่อยู่เหนือร่างผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาโน้มลงมาประกบปากกับผมเป็นบางครั้งบางคราว

"อา อา ซี๊ดด อา อา"

"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อา คะ..คุณมรรค ผม..."

"อะ...อะไร หืมม"

"แรง! ขอแรงขึ้นอีกได้มั๊ย อ๊ะ อาา"

"ได้สิ"

"อ๊ะ อ๊าาาา"

        ร่างของเขาและผมเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทุกๆครั้งที่ผมรู้สึกถึงแรงกระแทกมันจะมีความสุขหลั่งไหลตามเข้ามา ร่างของเขากระทั้นเข้าออกไม่หยุด ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ทะลวงเข้ามาไม่หยุดยั้ง มือสากๆของเขาคว้าแท่งกำหนัดของผมมาชักอีกครั้ง ความเสียวซ่านที่พุ่งเข้ามาหาผมจากทุกทิศทางมันทำให้ผมแทบระเบิด

"อ๊าาา ซี๊ดดด อา คุณมรรค อย่าครับ อาา ผม ผมจะไม่ไหวแล้ว"

"ซี๊ดดด งั้นฉัน จะรีบตามไป"

       เขาปล่อยมือจากท่อนสวาทที่แข็งตัวเต็มที่ของผม ก่อนจะเริ่มกระทั้นร่างเข้าออกด้วยจังหวะอันหนักหน่วง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ความเสียวซ่านทะลุผ่านเข้ามา ท่อนเอ็นของผมเริ่มกระตุกตอบสนองความสุขทั้งๆที่ไม่มีใครแตะต้องมัน ในที่สุดผมก็ไม่อาจกลั้นอารมณ์แห่งวัยหนุ่มได้อีกต่อไป

"คุณมรรค ผม อ๊าซซซซ ผมไม่ไหวแล้ว"

"ฉันก็ จะ อาาซี๊ดดด จะ...จวนแล้ว"

"อ๊าซซซซซ อาาาาาาาา"

"ซี๊ดดดด อา อาาาาาาา"

       ท่อนเอ็นของผมปลดปล่อยของเหลวขาวข้นออกมา มันพุ่งขึ้นสูงก่อนจะตกลงมาเปรอะบนกายผมระลอกแล้วระลอกเล่าเหมือนสั่งสมมาแสนนาน ร่างของเขาเองก็เกร็งกระตุกและฉีดพ่นสิ่งเดียวกันเข้ามาในกายผม เสียงครางของเขาดังก้องอยู่ข้างๆหูผม ในที่สุดจังหวะที่เคยรวดเร็วและรุนแรงก็หยุดนิ่งลง ความร้อนในกายผมเหมือนมันค่อยๆระเหยออกไป แต่แท่งกระสันของเขายังคงค้างอยู่ในกายผม ตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน สมองผมมันขาวโพลนไปหมด ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆก่อนจะปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา ผมไม่ได้ฉุกคิดแม้กระทั่งว่า พรุ่งนี้ผมจะตื่นมา...พบกับสิ่งใด
     















-มรรค-


       หมอนั่นสลบเหมือดไปแล้ว แต่อารมณ์ของผมมันยังเหลืออยู่ ไม่สิ! ต้องบอกว่ามันถูกปลดปล่อยออกไปได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ สิ่งนั้นของผมก็ยังคงค้างอยู่ในตัวหมอนั่น มันไม่พอ! ผมอยากได้อีกครั้ง

       ผมจ้องมองใบหน้าตี๋ๆขาวๆของเขาที่หลับไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ถอนแท่งเจ้าปัญหาออกมา ถึงใจจะอยากปลุกขึ้นมาทำต่ออีกซักรอบสองรอบ แต่พอเห็นหน้าซื่อๆที่กำลังหลับนั่นผมก็ทำไม่ลง ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกแบบนี้มาก่อน รู้สึกร้อนจนแทบคลั่งแค่ได้เห็นผิวขาวๆนั้น รู้สึกอยากจะครอบครองมันเพียงคนเดียว

       ผมค่อยๆถอนแท่งเจ้ากรรมออกมาแล้วจัดการตัวเองอีกรอบ ครั้งนี้ผมได้เห็นน้ำแห่งความเป็นชายของตัวเองพุ่งทะลักออกมาเต็มไปหมด ตอนนี้ในตัวผมคงแห้งเหือดแล้วเป็นแน่
       ผมใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงครึ่งในการทำความสะอาดทุกอย่าง ทั้งตัวผมและตัวหมอนั่น รวมถึงเลิกผ้าปูที่นอนที่เปรอะเปื้อนออก สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยทำอะไรแบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อบ้านผสมกับแม่นมที่วังไม่มีผิด ผมค้นกระเป๋าเดินทางหมอนั่นแล้วเจอชุดนอนสองชุดพอดี กว่าผมจะใส่ให้หมอนั่นเสร็จก็ลมแทบจับ ผมรู้สึกว่าความอดทนของตัวเองที่มีขีดจำกัดต่ำอยู่แล้วมันต่ำลงไปอีกจนแทบไม่มีเหลือเวลาได้มองผิวขาวๆนั่น ทั้งๆที่พี่เหว่ยก็มีผิวแบบนี้เหมือนกันแต่ทำไมมันถึงไม่ดึงดูดผมเท่าผิวขาวๆของหมอนี่ เมื่อยิ่งคิดมากก็ยิ่งปวดหัว ผมส่ายหัวรัวๆเพื่อไล่ความคิด ผมเหมือนคนบ้าไม่มีผิด

       น่าสมเพชตัวผมเองที่คิดจะมาแก้แค้น ผมกะจะมาซ้อมหมอนี่ให้น่วม เอาให้กระดูกหักซักสามสี่ท่อน แต่หมอนี่ดันเปิดประตูออกมาหาผมทั้งๆที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมทำอะไรไม่ลงจริงๆ นอกจาก...  โถ่เว่ย!! ดันเป็นผมซะเองที่แพ้หมอนี่ราบคาบ แพ้ทั้งๆที่หมอนี่ยืนอยู่เฉยๆ ผมไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบนโลก โดยเฉพาะเกิดขึ้นกับคนอย่างผม

       ทำไมในสมองของผมมันไม่มีพี่เหว่ยวิ่งไปวิ่งมาเหมือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าก็ไม่รู้ ในสมองผมตอนนี้จดจำได้แต่เพียงสำผัสนุ่มๆที่ได้รับจากหมอนี่
       ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆเขา ผมไม่อาจจะละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ ผมขยับเข้าไปใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนในที่สุดก็อยู่นอนอยู่ข้างๆกัน ผมดึงร่างเขาเข้ามาในอ้อมกอด ไม่เคยรู้สึกอุ่นทั้งกายและใจขนาดนี้มาก่อน ผมเอื้อมมือไปปิดโคมไฟข้างๆเตียงแล้วค่อยๆหลับตาลง ได้แต่เฝ้าภาวนาว่าขอให้พรุ่งนี้มาถึง...ช้าที่สุด

song2315

  • บุคคลทั่วไป
-หยง-  07.22

       ผมรู้สึกว่าถูกกอด!

       ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง วินาทีแรกที่ผมรู้สึกตัวทุกอย่างก็ประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน ผมเจ็บ เจ็บไปทั้งตัว เจ็บจนรู้สึกเหมือนร่างจะฉีกออกเป็นสองซีก
       ผมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเมื่อคืน ผมรู้ดีว่าผมทำสิ่งน่าอายอะไรลงไปบ้าง ยานั่นไม่ใช่ยาปลุกอารมณ์แบบทั่วไปที่ทำให้คนโดสมันจำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย แต่มันออกฤทธิ์กระตุ้นสมองให้หลั่งฮอร์โมนอย่างว่าออกมามากกว่าเดิม ผมที่โดนโดสเข้าไปจึงจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ผมจำได้แม้กระทั่งผมพูดประโยคอะไรออกไปบ้าง
       ผมค่อยๆพละออกจากอ้อมแขนใหญ่ๆนั้นอย่างเงียบที่สุด ไม่อยากมองแม้กระทั่งใบหน้าของชายที่กอดผมมาทั้งคืน ผมอาย ผมเจ็บตัว และที่หนักที่สุดดูเหมือนจะเป็นสภาพจิตใจ ผมผละออกมานั่งข้างๆเตียงและพยายามหายใจเบาๆเพื่อตั้งสติ ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะกลั้นน้ำตาไว้แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าใดนัก เมื่อหยดเล็กๆหยดแรกไหลออกมาจากนั้นพวกมันก็พรั่งพรูออกมาเป็นสาย ผมกลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดชีวิต
       วิสัยการมองเห็นของผมถูกบดบังด้วยน้ำตา สภาพร่างกายผมตอนนี้แม้แต่ผมยังรู้ว่าไม่สมควรจะเดินเหินเท่าไหร่นัก แต่มันจำเป็น! ผมจำเป็นต้องไปจากที่นี่ ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผมเกลียดเขา เขามันปีศาจ เขามันไม่ใช่คน เขาทำได้ทุกอย่างเพียงเพราะอยากแก้แค้น
       ผมยันตัวเองลุกและเดินกะโผกกะเผกไปหยิบกระเป๋าตังค์ หยิบเสื้อกันหนาวในกระเป๋าเสื้อผ้า หวีผมสองสามทีให้เข้าทรงก่อนจะรีบออกจากห้องไป ผมอาจจะต้องถูกมองว่าบ้าที่ใส่ชุดนอนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ แต่มันดีกว่าเป็นไหนๆ ดีกว่าต้องเจอหน้าหมอนั่น

       ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่เหลือแม้แต่หัวใจ ....มันไม่เหลือจริงๆ
















       


-คอนโดเหว่ย-  07.53



    ~ ตี๊ดิ่ง ตี๊ดิ่ง ตี๊ดิ่ง

"อ๊ะๆ เดียวผมมาช่วยหั่นต่อนะคุณกร ไปรับโทรศัพท์ก่อน"

"เคครับ"

       หยงวิ่งออกจากห้องครัวมาที่โต๊ะกินข้าวที่มีจานเตรียมไว้สำหรับคนหลายคน เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะต้องฉงนใจที่เป็นเบอร์แปลกๆ หากแต่บางสิ่งบางอย่างก็บอกให้เขากดรับ

"สวัสดีครับ"
'เฮีย'
"อ้าวหยง เอาเบอร์ใครโทรมาเนี่ย"
'เบอร์คนขับแท็กซี่ครับ'
"อ่าว! แล้ว...."
'คือมีปัญหานิดหน่อย ผมต้องกลับกรุงเทพด่วนนะเฮีย คงไม่ได้ไปกินข้าวเช้าด้วย'
"อ้าว....อืมๆ ......ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรอ"
'ฮ่าฮ่า มะ...ไม่มีอะไรครับ ผมจัดการได้'
"ให้เฮียบินไปช่วยมั๊ย ที่โชว์รูมมีปัญหารึเปล่า"
'ไม่ครับๆๆๆ ไม่มีอะไรจริงๆเฮีย'
"หยง..."
'อ๊ะ! เฮีย ต้องไปแล้วครับเกรงใจแท็กซี่เค้า'
"เฮ้ออออ...โอเคๆ     แต่ว่านะ...เฮียมีอย่างนึงจะบอก"
'ครับเฮีย'
"บางทีปัญหาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น เพราะงั้นบางเวลาเราอาจจะต้องใช้ใจมองมันมากกว่าสายตา"
'คะ...ครับเฮีย'
"อืม โชคดี"
'ครับ'


       เหว่ยวางโทรศัพท์ลงก่อนจะถอนหายใจ นึกเป็นห่วงน้องชายอย่างบอกไม่ถูก แต่น้องชายเขาคงดูแลตัวเองได้ ทั้งเขาและน้องชายมีนิสัยเหมือนกันคือไม่เคยคิดจะร้องขอความสงสารหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้จะดูแข็งกระด้างไปบ้างแต่มันก็จะพาพวกเขาผ่านพ้นปัญหาไปได้ เหว่ยยิ้มนิดๆที่อย่างน้อยน้องชายเขาคงไม่ใช่คนอ่อนแอ ชายหนุ่มจ้องมองโทรศัพท์ตนบนโต๊ะซักครู่ก่อนจะสะบัดศรีษะและเดินกลับเข้าไปในครัว


"มาแล้วครับคุณกร"

"ใครโทรมาอ่ะ"

"อ้อ หยงน่ะ บอกว่าต้องรีบบินกลับ มาไม่ได้แล้ว"

"อ่าววว นี่ผมกะทำอาหารแก้มือที่เมื่อวานผมไม่ได้ทำเลยซักอย่าง แล้วน้องหยงหนีไปอย่างงี้ก็อดมาเห็นอาหารฝีมือผมดิ"

"อะไรของคุณ ทำไมอยากให้น้องชายผมมากินนักหนาเล่า"

"อ้าวว ก็น้องชายคุณจะได้ตัดสินไง ว่าผมมีคุณสมบัติพอจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณรึเปล่า"

"งั้นผมตอบเอง...ไม่ผ่านครับ"

"อ่าวๆ คุณอย่ามาทำเป็นพูด คุณน่ะคนแรกเลยที่ให้ผมผ่าน"

"อะไร ผมยังไม่เคยพูดซักหน่อย"

"ไม่เห็นต้องพูดเลย แค่ผมจูบคุณผมก็รู้แล้วว่าคุณให้ผมผ่าน"

"อะ...คะ...คุณหยุดพูดนะ"

"อ๊าววว หยุดทำไม พูดความจริง"

"คุณกร!"
        ผมพูดโต้เสียงแข็ง กรวางทัพพีลงในหม้อก่อนจะย่างสามขุมทำท่าทางเหมือนนักเลงเข้ามา

"อะไร ฮะ!! อะไรคุณผู้พิพากษา"

"เฮ่ย! อย่าเข้ามาผมมีมีดนะ"

       ผมพูดพลางยกมีดหั่นผักขึ้นมาจ่อเขา เขาหยุดมองสามวิแล้วปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา

"ก๊ากกกกกๆๆ ก๊ากกๆ ฮ่าๆ ฮ่า นั่น...นั่นมีดคุณหรอ"

       ผมสะดุ้งโหยงหันมามองที่มือว่าตัวเองถืออะไรอยู่ ปรากฏว่ามันคือแตงกวาลูกที่ผมกำลังหั่นอยู่เมื่อครู่
       เขายังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมถอยหลังกรูดไปพร้อมแตงกวาในมือ

"หยุดเลยนะคุณกร ผมไม่เล่นนะ"

"ใครว่าผมจะเล่น ผมรักจริงหวังแต่ง ที่สำคัญตอนนี้....ผมก็กอดจริง จูบจริง   real น่ะ เข้าใจมั๊ย ฮะ! เข้าใจมะ"

"เฮ่ยๆๆๆๆ อย่าเข้ามานะ อ๊ากกกกกกกกก"
















-มรรค-  08.36

       ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองกระปรี้กระเป่าผิดจากปกติไปซักหน่อย ในอ้อมแขนผมมี.... 

       ~ไม่มี


       ผมสปริงตัวลุกขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ใจหายวาบจนรู้สึกโหวงไปทั้งตัว หยงหายไปไหน? ผมลุกจากเตียงและเดินหาไปทั่วห้อง เมื่อพบว่าไม่มีคนอยู่เลยซักที่ผมก็กลับมานั่งที่เตียงและมองไปรอบๆห้องของของเขา กระเป๋าเดินทาง ของทุกอย่างยังอยู่ที่นี่ทั้งหมด ไม่อยู่ก็เพียงเจ้าของเท่านั้น ผมถอนหายใจยาวพลางทิ้งตัวลงบนเตียงและจ้องมองเพดานปล่อยให้เหตุการณ์เมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในสมองผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ผมจะมีความสุขเกินความสุขจากสิ่งที่ช่วงชิงมา หากแต่ความรู้สึกผิดก็ค่อยๆกัดกินจิตใจผมทีละนิดๆในเวลาเดียวกัน ผมทำร้ายคนๆหนึ่งทั้งร่างกายและจิตใจ ทำร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย เขาทิ้งของทั้งหมดไว้ที่นี่เหมือนไม่อยากพบเจออะไรเกี่ยวกับที่นี่อีก นั่นหมายถึงเขาทิ้งผมไปด้วย ผมไม่ได้ใช้คำผิดหรอก หมอนั่นทิ้งทุกอย่างไว้ ทิ้งไว้แม้กระทั่งตัวของผม แต่กลับเอาบางสิ่งบางอย่างของผมติดตัวกลับไปด้วย.....หัวใจ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรหากแต่ผมรู้ว่าบัดนี้หัวใจอันบอบช้ำของผมได้ตามชายคนหนึ่งกลับไปเสียแล้ว

       ผมดีดตัวลุกขึ้นยืนและรีบโทรลงไปหาล็อบบี้เพื่อให้จองตั๋วเครื่องบินให้ เมื่อเรียบร้อยผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำทันที ไม่ต้องเดาอะไรให้ยาก หมอนั่นบินหนีกลับกรุงเทพไปแล้วแน่นอน ผมเชื่อ...เชื่ออย่างนั้นจริงๆ

       และอีกสิ่งที่ผมจำจะต้องเชื่อทั้งๆที่ผ่านมาทั้งชีวิตไม่เคยคิดจะเชื่อก็คือ...ผมหลงรักชายคนหนึ่ง..........ชายที่ผมได้นอนกอดเขา...................ได้กอดเพียงแค่คืนเดียว












 








-หยง-  11.42

       รถสปอร์ตชื่อดังสีขาวมุกสะท้อนแสงแดดยามย่ำเที่ยงแล่นฝ่าถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้หนาใหญ่สีเขียวเย็นตา บรรยากาศสีเขียวขจีประกอบกับการได้อยู่กับตัวเองมาซักพักในรถทำให้จิตใจของหยงเริ่มสงบขึ้น
       'บ้าน' คือที่ที่เขาอยากจะไปมากที่สุดในตอนนี้ เขาเลือกที่จะไม่กลับไปฝังตัวเหมือนรอวันสิ้นโลกคนเดียวที่คอนโดแต่เลือกที่จะกลับบ้าน การมีเตี่ย อาม๊า กับอีกคนหลายคนเดินขวักไขว่ไปมาวุ่นวายผ่านหูผ่านตาของเขาคงจะช่วยเยียวยาจิตใจเขาได้ดีกว่า เขาจะไม่มีทางหมดอาลัยตายอยากเพราะคนแบบนั้น ไม่มีทาง ขอให้ความเจ็บนี้อยู่ไม่นาน ขอให้เหมือนลมพัดมาและพัดผ่านไป


       รถของผมเลี้ยวผ่านเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสสีขาวโออ่า การออกแบบภายนอกที่ดูเรียบๆทำให้ที่นี่เหมือนกับบ้านสวนขนาดยักษ์ล้อมรอบด้วยสวนสวยและต้นไม้ใหญ่ คฤหาสน์นี้พึ่งถูกปรับปรุงและต่อเติมจากบ้านหลังเก่าได้ไม่ถึงปี หลังจากป๊ากับม๊าวางมือจากธุรกิจท่านทั้งสองก็แทบจะทุบบ้านหลังเก่าทิ้งและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับการสร้างและตกแต่งหลังใหม่ หวังว่าการมีความสุขของป๊ากับม๊า หรือความเป็นกันเองของแม่บ้านและเหล่าคนงานจะช่วยกลบทุกสิ่งทุกอย่างในใจผมให้ค่อยๆเลือนราง ให้ผมค่อยๆลืมไอ้ปีศาจนั่น ผมคงจะอยู่ที่นี่ซักสองวัน ของแค่สองวันที่ผมจะอ่อนแอ ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว....ผมจะเข้มแข็งกว่าเดิม

















-มรรค-  12.04

@โชว์รูมหลัก SP Shipping Trade (สาขาทองหล่อ)


"คุณจะไม่รู้ได้ยังไง!!! คุณเป็นเลขาภาษาอะไรฮะ!!!"

'ขะ...ขอประทานอภัยค่ะคุณชาย อ้อยเจอบอสล่าสุดสายๆเมื่อวานบอกว่าจะไปเชียงใหม่ หลังจากนั้นบอสก็ไม่ติดต่อมาอีกเลยค่ะ...ปกติบะ.....'

  - ปังง!!! 
       ผมฟาดโต๊ะไม้ของเลขาสาวด้วยมือหนา

"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!!! คุณแค่โทรถามเขาว่าอยู่ไหนก็พอ"

'อะ...คะ...คะ...ค่ะ ..ดะ เดี๋ยวนี้เลยค่ะ'

       เลขาของหยงรีบควักมือถือกดโทรหาเจ้านายอย่างรีบร้อน ผมเองก็ลุ้นจนตัวโก่งรอปลายสายกดรับ แต่ก็ต้องคิ้วกระตุกเมื่อเลขาสาวส่ายหัวถี่ๆก่อนจะเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ผมได้ยินด้วย

'ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...'

       มีแต่เสียงรอสัญญาณที่เหมือนจะดังไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวี่แววว่าหยงจะรับเลยซักนิดเดียว สัญญาณยังคงดังต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับใจผมที่เริ่มฟีบลง แต่ในขณะที่ผมและเลขาสาวผู้ตื่นตระหนกกำลังจะถอดใจจู่ๆสัญญาณรอสายก็ดับไปและมีเสียงจากปลายสายเอ่ยขึ้น


'สวัสดีค่ะ'


       ผมคิ้วกระตุกยิ่งกว่าเดิม รู้สึกในใจมีไฟฟ้าแปลบๆช็อต ทำไมถึงมีเสียงผู้หญิงรับโทรศัพท์เขา

"นั่นใคร ทำไมมารับโทรศัพท์หยง หยงหายไปไหน ไปตามเขามาคุยกับผมเดี๋ยวนี้!"

'เอ่ออ....เดี๋ยวนะคะ'

"ไปตามหยงมาคุยเดี๋ยวนี้!!! ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น คุณรู้ไว้ซะด้วยนะหยงน่ะเมียผม เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับเมียผมซะ...คุณน่ะ..."

'อะ...คะ...ดะ...เดี๋ยวนะคะ นั่นไอ้มรรคใช่มั๊ยคะ'

"....นะ...นี่เธอรู้จักชื่อฉันได้ยัง.....แล้วกล้า..."

'ไอ้มรรค!!!' นี่แกจำเสียงพี่สาวตัวเองไม่ได้รึไงยะ'

"เฮ่ยยย!!! พะ...พี่"

'เออ!! ฉันนี่แหละพี่สาวแก แล้วกะ...'

"แล้วมือถือหยงไปอยู่กับพี่ได้ยังไง"

'โอยย มันลืมไว้ในรถเมื่อวานตอนขับมาโรงแรม'

"แล้ว..."

'หยุดพูดไปเลยไอ้มรรค ต่อจากนี้ฉันจะเป็นฝ่ายถลกหนังหัวถามแกเอง แกอธิบายมาให้หมดนะ ที่แกบอกหยงเป็นเมียแกมันหมายความว่าไง!!!'

"อะ...เอ่ออ ...เอ่อออ...."

       ผมเอื้อมมือไปกดปิดสปีคเกอร์แล้วยกมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเลขาขึ้นมาแนบหูคุย เลขาสาวร่างท้วมอ้าปากค้างมองหน้าผมตาไม่กะพริบ เสียงพี่สาวผมก็คาดคั้นมาจากปลายสาย ผมกำลังจะโดนเชือดเพราะความหึงไม่ลืมหูลืมตาของตัวเอง และมันคงเป็นการโดนเชือดที่ทรมานอย่างไม่ต้องเดาอะไรให้ยาก เพราะมันเป็นการเชือดจากผู้หญิงที่ผมกลัวกว่าหม่อมแม่ซะอีก...พี่สาวที่นรกส่งมาเกิดก่อนผม...ท่านหญิงเมธาวี













-คอนโดเหว่ย-    12.08

       
       เมย์กดตัดสายโทรศัพท์ก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะรับแขก เพื่อนสาวทั้งสองที่ฟังบทสนนาของพี่สาวกับน้องชายเมื่อครู่แทบจะนั่งกันไม่ติดโซฟา พวกเธอจรดปลายสายตาคาดคั้นไปที่เมย์ที่นั่งอยู่ตรงกลางเพื่อเค้นเอาคำอธิบายอันกระจ่างชัดจากสิ่งที่พวกเธอได้ยินเมื่อครู่ เมย์ปรายตามองเพื่อนทั้งสองก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วยกมือขึ้นกอดอก มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเหว่ยจะไม่มาได้ยินในสิ่งที่พวกเธอกำลังจะพูดกัน

เมย์ : รู้สึกจะงานเข้ากันแล้วล่ะพวกแก
ปล์าม : อะไร อะไร อะไร กรี๊ดดดดด
ฟ้า : เล่าให้มันเคลียๆสิยะนังตะกวด
เมย์ : โอ๊ยยยย ฉันจะบ้าตาย ไอ้มรรค....
       เมย์พูดด้วยน้ำเสียงสุดจะกลั้นก่อนจะทิ้งช่วง
เมย์ : .....ไอ้มรรคมัน เอ่ออ..มัน.....ชูบีดาบีด้าไอ้หยง
ฟ้า+ปล์าม : กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!

เมย์ : อ๊ายย! พวกแก หยุดส่งเสียงสิบแปดหลอดแบบนั้นนะ เดี๋ยวไอ้เหว่ยได้ยิน

 ~ฮึบบ

       หญิงสาวทั้งสองกลืนเสียงหวีดหายเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็ว ข่าวนี้ไม่รู้จะนับเป็นข่าวดีหรือร้ายกันแน่

เมย์ : ไอ้มรรคนะไอ้มรรค อยู่ๆก็มาตายน้ำตื้น ฉันจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีพวกแก

ฟ้า : โอ้ย! ฉันไม่รู้ย่ะ ว่าแต่ตายน้ำตื้นที่แกว่ามันอะไรวะ

เมย์ : อ้าวว ฉันยังไม่ได้เล่าให้พวกแกฟังหรอ

ปล์าม : นังวาฬเบลูก้า แกยังไม่ได้เล่าอะไรเลยย่ะ

เมย์ : อ๋อยยย

ฟ้า : หยุดทำเสียงอุบาทว์แบบนั้นนะ

ปล์าม : เล่ามาเร็วๆ จะได้ช่วยกันคิด

เมย์ : เฮ้ออ ก็นะ...เมื่อเช้านี้ไอ้หยงมันหนีกลับกรุงเทพใช่ป่ะ แล้วตอนนี้ไอ้มรรคมันก็บินกลับไปตามหาแทบพลิกแผ่นดินละ

ฟ้า : อ๊ะๆ! เดี๋ยวนะ ไอัมรรคเนี่ยหรอไปตามหา อย่าบอกนะว่าจะตามไปเยาะเย้ยน่ะ

เมย์ : ไม่ใช่ย่ะ มันจะตามไปขอโทษ

ปล์าม : โอ้ยแกอย่ามาอำฉัน ขนาดมันถอยรถเหยียบหมาแกตายมันยังไม่ขอโทษแกเลย

เมย์ : นี่พวกแก ฉันพูดจริงนะยะ ฉันถึงบอกว่ามันตายน้ำตื้นไง

ฟ้า : แกกำลังจะบอกว่าไอ้มรรคหลงรักไอ้หยงเพราะบุกเข้าไปปล้ำ!แล้วอยู่ด้วยกันคืนนึง......สองคนนั้นมันแทบไม่เคยเจอหน้ากันเลยนะแก

เมย์ : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อย่ะ ไอ้มรรคมันกำลังจะดิ้นตายคาโชว์รูมทองหล่อแล้ว ต้องให้ฉันสาธยายความห่วงหาของมันต่อไอ้หยงที่ทะลักออกมาทางสายโทรศัพท์ให้ฟังมะ

ปล์าม : โอ้ย!!!แก ไม่ต้องละ ถ้าแกว่าอย่างงั้น แล้วพวกเราจะเอายังไงต่อ เรื่องทางฝั่งนี้ก็ยังไม่เสร็จ

เมย์ : ฮืมมมมม.........ฉันว่าาา..............ไม่ต้องอะไรทั้งนั้นแหละ!

ฟ้า : อ่าววว อะไรของแกวะ

เมย์ : อย่างไอ้มรรคน่ะ ให้มันเจอของจริงแบบนี้ดีแล้ว มันจะได้รู้ว่าไปปล้ำเขาแล้วโดนเขาถีบหัวส่งเป็นยังไง

ปล์าม : เฮ่ยแก อย่างนี้จะดีหรอ ถ้าไอ้มรรคมันถอดใจจากไอ้หยงแล้วถอยออกมา ไอ้หยงก็เสียตัวฟรีดิ

เมย์ : โอ๊ยยแก! ไม่หรอกย่ะ อย่างไอ้มรรคน่ะถ้าอยากได้ก็ต้องได้ แล้วยิ่งยากๆอย่างคุณชายเล็กตระกูลเหลียวนะ สนุกค่ะ!

ฟ้า : โอ๊ยย แกใจเย็นอยู่ได้ไงวะเมย์

เมย์ : ฉันรู้จักไอ้มรรคดี มันต้องโดนดัดนิสัยซะบ้าง ถือว่าฉันฝากหยงเอาคืนมันแทนก็แล้วกัน

ปล์าม : โอยยย ฉันจะบ้าตาย

เมย์ : อย่าพึ่งตายแก วางเรื่องฝั่งกรุงเทพลงก่อน ตอนนี้มาช่วยกันคิดเรื่องฝั่งนี้ดิ

ฟ้า : โอยยยยย เครียด

ปล์าม : ขอกินแมวแก้ปวดหัวซักตัวได้มะ

เมย์ : ด๊ายยสิ...เอาขนสีไรอ่ะ ขาว ดำ เทา หรือ...

ปล์าม : นังเมย์!

เมย์ : อ๊ายยยย เมียชาวต่างชาติขึ้นเสียง เมียชาวต่างชาติขึ้นเสียง

ปล์าม : ฉันจะฆ่าแก นังปลาทับทิมเกรดต่ำ

ฟ้า : ฉันจะจับมันให้ เอาตายแบบทรมานนะยะ!

เมย์ : กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด











___________________________________________________________________________________________
    มาแล้วววว อ๊ากกกกกก    จริงๆผมกำลังเขียนตอนที่เจ็ดครึ่งแรกอยู่ T..T กะจะเอามาลงพร้อมกัน จิงๆก็ใกล้แล้วนะครับ
สำหรับตอนนี้ขอผ่าโมชั่นไปฝั่งมรรคกับหยงนะครับผม ส่วนถ้ารอ NC ของ กรกับเหว่ย ล่ะก็ รอไปก่อน กร๊ากกกกกๆๆๆ
(แต่ก็บอกว่ามันมีแน่ๆ แว๊กก)  อีกไม่นานๆ อีกไม่นาน

    สุดท้ายอยากจะบอกว่า ขอบคุณที่ติดตามครับ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
รั่วเนอะ ชอบมรรคหยง 55555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
 :impress2:
โปรดปรานนนนนนน

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เย้ มรรค หยง ได้กันแล้วววววว   สองคน ตามหาหัวใจกันให้เจอเร็วๆ นะ ฟินนนนนนนนนนนนนนน

จะรอคู่ ท่านเหว่ยกับ คุณกรนะครับบบบบ :ling1:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พลิกล็อคกันน่าดูถล่มถลาย พลิกล็อคกันมากมายแบบเทกระเป๋า

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: o22 o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
คุณชายมรรคกินหยงไปแล้ว :serius2:
เมียหายก็ไปตาม คุยกันดีๆนะ

พี่กรเจ้าเล่ห์ประกาศความเป็นเจ้าของพี่เหว่ยไว้



ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
มรรค์อกหักจากพี่แต่ได้น้องด้ามใจซะแล้ว

หึหึ เชียร์สองคนนี้ให้ลงเอ่ยกัน

ส่วนคนพี่ก็ให้คุณกรคนดีดูแลไปแล้วกันคริคริ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ pa_jae

  • You don’t even know how very special you are..my jaejoong
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สนุกมากกกกกกกกกกก  นานๆถึงจะได้เจอเรื่องสุดจะน่ารักแบบนี้   เป็นโชคดีของคนอ่าน  ขอติดตามและตามติดเรื่องนี้ไปตลอดเลยค่ะ  ขอคนแต่งอย่าทิ้งอย่าขว้างเรื่องนะคะ  ขออย่าใจร้ายกับคนอ่านโดยหายไปเฉยๆ   ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ
 :L1: :L1: :pig4: :pig4: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :pig3: :pig3: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
หึหึ คุณชายโดนดีแน่

song2315

  • บุคคลทั่วไป
007 (1/2) : reeive (รับรู้)
______________________________________________________________________________
(BY กร)
"นี่คุณเหว่ย คุณเหลือวันหยุดอีกสองวันใช่ป่ะ"

       ผมเอ่ยถามเหว่ยที่นั่งกินขนมอยู่บนโซฟาหน้าทีวี เขาจะรู้รึเปล่าว่าเสื้อกล้ามที่เขาใส่อยู่มันทำให้ผมกำลังจะเป็นบ้าตาย คิดย้อนไปแล้วผมก็รู้สึกทึ่งที่ตัวเองอดทนได้มาจนถึงตอนนี้ แต่นี่มันมากเกินไปแล้ว เลือดกำเดาผมมันจะต้องไหลออกมาแน่ๆถ้าผมมองหุ่นล่ำๆขาวๆนั่นต่อไปอีกซักพัก

"อ้อ ถ้านับวันนี้ด้วยก็สี่วันครับ"

       เขาตอบพลางยกแขนขึ้นมาเกาหัวแกร็กๆ แขนขาวๆที่มีมัดกล้ามเนื้อลีนๆของเขามันทำให้ผมอยากวิ่งเข้าไปกัดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ติดว่ามันจะทำให้ผมดูโรคจิตเกินไปล่ะก็นะ

"..."

"คุณกร"

"..."

"คุณกร!!"

"อ้าา...เอ่ออ ครับๆๆ ครับ"

"เป็นไรรึเปล่าครับ"

"อ้อ อะ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ"

"แต่ว่าคุณดู..."

"ไม่ครับๆ ผมปกติดี"

"อ่าๆ"

       ผมเอามือเกาหัวแก้เก้อก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆและเอาแขนโอบไหล่เหว่ย แต่จริงๆแล้วนี่มันเป็นการพยายามลวนลามแบบเนียนๆ ต่างหาก ผิวเขาเนียนชะมัด เฮ่ยย!! ไม่ได้! ไม่ได้ๆ ผมรีบสะบัดความคิดและเปลี่ยนกลับมาเรื่องที่จะคุยตั้งแต่แรก

"ไปเที่ยวกัน"

       เมื่อเหว่ยได้ยินประโยคเชิญชวนของผมเขาก็หันมามองหน้าผมแล้วเลิ่กคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ถ้าผมบอกไม่ไป คุณต้องทำอะไรผมซักอย่างแน่"   เขาพูดหวั่นๆ

"งั้นหมายความว่าไปสินะ"

       เขาพยักหน้าสองสามทีก่อนจะหันไปดูทีวีต่อ ผมรู้สึกขัดใจกับท่าทีไม่สนใจโลกของเขาแบบนั้นนิดหน่อย

"นี่คุณไม่คิดจะถามหน่อยหรอว่าผมจะพาไปเที่ยวไหน"

       เขาส่ายหัวอีกสองสามที

"ไปไหนก็ไปเหอะ ผมไม่เรื่องมากหรอก"

       เขาตอบในขณะที่ตายังจ้องทีวีไม่ได้หันมามองหน้าผมซักนิด ผมก็รู้อยู่หรอกนะว่าไม่เรื่องมากน่ะ แต่ช่วยสนใจมากกว่านี้ไม่ได้รึไงเล่า เอาแต่จ้องสารคดีหมีขั้วโลกในทีวี ผมนี่มันสำคัญน้อยกว่าหมีไปแล้วใช่มั๊ย

     ~ ฟึบบ

       ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหนีออกมา ก็รู้อยู่หรอกนะว่าแบบนี้มันไม่ต่างจากอาการของเด็กมัธยมปลายน้อยใจแฟนเลยซักนิด แต่จะทำไงได้   ผมจะเรียกร้องความสนใจ ผมจะเรียกร้องความสนใจ

"อ่าวๆ คุณกร ไม่กินขนมก่อนหรอครับ ผมเอาออกมาเผื่อคุณตั้งเยอะนะ"

       เสียงเหว่ยตะโกนไล่หลังมา ผมลอบยิ้มนิดๆก่อนจะป้ันหน้านิ่งและหันไป

"ไม่กิน"   

       เขามองหน้าผมครู่หนึ่งเหมือนกำลังขบคิดหาคำตอบบางอย่าง ก่อนจะพูดสั้นๆ

"ครับ"

       เขาพยักหน้าสั้นๆก่อนจะเอ่ยคำว่า 'ครับ' ออกมาแค่คำเดียวแล้วหันไปดูทีวีต่อ ผมได้แต่ยืนอ้าปาก นี่เขาไม่คิดจะง้อผมซักนิดเลยรึไง ผมกำลังงอนเขาอยู่นะ อ๊ากกก ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตึงตังออกไปจากห้องนั่งเล่น ผมกำลังจะบ้าจริงๆใช่รึเปล่าเนี่ย





     ~ตี๊ดิด ตี๊ดิด ตี๊ดิด ตี๊ดิด

       อารมณ์มาคุของผมถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมเอง ผมถอนหายใจยาวก่อนจะควักโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับ















______________________________________________________________________________

"ค่าาา คุณกร โอเคค่ะ พรุ่งนี้เลยนะคะ...ค่ะ สวัสดีค่ะ"

       ฟ้าวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินเชิดคอทำมุมสี่สิบห้าองศากับพื้นมานั่งลงที่โซฟากลางห้อง เพื่อนสาวทั้งสองที่นั่งรออยู่ได้แต่กัดริมฝีปากไว้ไม่ให้ก่นด่าออกไป อาการเชิดคอแบบนี้มันตัวร้ายไอคิวต่ำในละครหลังข่าวชัดๆ

เมย์ : นี่แก หยุดเชิดคอแล้วทำหน้าไร้การศึกษาแบบนั้นซักที

ฟ้า : ไม่หยุด...เพราะ...ชั้น...สวย

       ฟ้าเอ่ยเรียบๆก่อนจะปรับระดับการเชิดคอให้สูงขึ้นไปอีก

ปล์าม : นังฟ้า ถ้าแกไม่หยุดแล้วรีบๆพูดมาฉันจะจิกหัวตบแกซะ

ฟ้า : อ๊ายยย! หยุดก็ได้ นังเมียชาวต่าวชาติ

ปล์าม : นังฟ้า!!!

เมย์ : โอ้ยย พอๆ แกเล่ามาๆเร็วๆ คุณกรว่าไงยะ

ฟ้า : โอ้ยย! คุณกรก็โอเคงะ!

เมย์ : โอเค โอเคแล้วงะ

ฟ้า : โอ้ยย! เค้าก็เชื่อหมดแหละไอ้ที่ฉันโกหกๆไปน่ะ เป็นไปตามแผนย่ะ

ปล์าม : เฮ้อออ โอเคๆ ถ้างั้นพวกแกก็มาช่วยฉันจัดการกับขวดน้ำที่กองอยู่ตรงนั้นด้วยย่ะ

ฟ้า + ปล์าม : ย่ะๆๆ!!!


























_____________________________________________________________________________
(BY กร)

"คุณกร ไปตั้งภูเก็ต มันจะไม่ไกลไปหรอครับ"

       เหว่ยเอ่ยถามผมขณะที่กำลังพับเสื้อคอโปโลลงกระเป๋าเพิ่มเข้าไปอีกหลายตัวอย่างเร่งรีบ

"เฮอะ! ก็คุณบอกเองหนิว่าไปที่ไหนก็ได้ไม่เรื่องมาก"

       เหว่ยจ้องหน้าผมนิ่งๆเหมือนเดิม ในที่สุดแล้วเขาก็เอ่ยคำเดิมๆออกมา คำที่ผมไม่อยากได้ยินเท่าไหร่นัก


"ครับ"


       เหว่ยตอบแล้วรีบพับของใส่กระเป๋าต่อ เขาทำเมินเฉยใส่ผมอีกแล้ว นี่เรื่องเมื่อคืนผมยังไม่หายงอนเลย เช้านี้มาทำนิ่งใส่ผมอีกแล้ว ผมไม่ยอม ผมไม่ยอม ผมไม่ยอม

   ~ หมับ
       ผมคว้าแขนเขาขึ้นมา

"นี่เหว่ย!"

       เขาหันมาจ้องหน้าผม

"ครับ"

       เขาพูดคำนี้อีกแล้ว

"คุณหยุดพูดว่า..."

   
     ~ตี๊ดิด ตี๊ดิด ตี๊ดิด ตี๊ดิด


       เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัดจังหวะ ผมคว้ามือถือขึ้นมากดรับ

"ครับคุณฟ้า...เสร็จแล้วครับ...อีกสิบห้านาทีเจอกันที่สนามบินครับ...โอเคครับ"

       ผมวางสายพร้อมปล่อยแขนเขา ผมมองหน้าเขาแวบหนึ่ง หน้าหล่อๆของเขาก็ยังคงตีสีหน้านิ่งไม่แปรเปลี่ยน ผมหันไปหยิบของสองสามสิ่งใส่กระเป๋าเป้ตัวเอง ก่อนที่พวกเราจะรีบบึ่งรถไปสนามบิน ความเร่งรีบและความกระวนกระวายว่าจะตกเครื่องทำให้การเดินทางในระยะทางไม่ถึงห้ากิโลเมตรมีแต่ความกดดันผมจึงได้พูดกับเหว่ยแค่ไม่กี่คำ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเขาพูดตอบผมมากี่คำ ผมนับได้สามคำสามพยางค์ถ้วนเท่านั้นแหละ...ครับ  ครับ  และ ครับ






















 
(BY เหว่ย)

       พวกเรามาลงเครื่องที่หาดใหญ่ เมย์บอกว่าเกาะที่พวกเราจะไปกันเป็นเกาะเล็กๆแต่สวยมาก มีบ้านสงเคราะห์หลังเล็กๆที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังเหตุการณ์สึนามิอยู่ด้วย พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าจะไปซื้อของบริจาคติดไม้ติดมือไปกันด้วย

       พวกเราเช่ารถจากสนามบินมาสองคัน คุณกรกำลังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่หลังพวงมาลัย อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ชินทาง ผมรู้สึกว่าเขาแปลกๆไปตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมรึเปล่า แต่ผมก็คิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจเลยนะ

       พวกเรามาเดินซื้อของกันในซุปเปอร์ของห้างดัง ผมกำลังคิดหนักว่าจะซื้ออะไรไปให้เด็กๆดี คิดว่าจะถามความคิดเห็นจากคุณกรซักหน่อยแต่พอหันไปเห็นหน้าบึ้งๆนั่นแล้วผมก็ไม่กล้าถาม กลัวจะทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเงียบดีกว่า

       ผมเดินมาหาเพื่อนสาวทั้งสามคนที่กำลังช่วยกันเลือกอาหารกระป๋องอย่างเอาเป็นเอาตาย ปล่อยให้คุณกรอยู่คนเดียวซักพักก็แล้วกันเผื่อว่าจะอารมณ์ดีขึ้น ส่วนพวกเพื่อนๆตัวดี ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมคราวนี้ถึงอยากจะเอาอาหารกระป๋องสำเร็จรูปไปบริจาคกันนักหนา ดูผิดสาระสำคัญยังไงก็ไม่รู้

"นี่ เอาอาหารกระป๋องไปบริจาคแบบนี้มันจะดีหรอ เค้าไม่ใช่ผู้ประสบภัยนะเว่ย" ผมเอ่ยขึ้น

เมย์ : โอ๊ยยยแก แบบนี้ดีแล้ว มันเก็บได้นาน ใช่มั๊ยพวกแก!!

ฟ้า+ปล์าม : ช่ายยยยยย!

       ผมส่ายหัวเอือมๆกับเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปช่วยเลือก ผมเหลือบตาไปมองคุณกรเป็นพักๆ เขายืนกอดอกมองผมนิ่ง บางทีสายตาเขาก็น่ากลัวสำหรับผมนะ บางทีผมก็รู้สึกไม่ชอบเลยที่เขาเป็นแบบนี้ แต่ผมเงียบไว้น่ะดีแล้ว ยิ่งพูดมากเดี๋ยวเค้าก็ยิ่งโกรธ

ฟ้า : นี่เหว่ย แกอยากกินอะไรแกก็เลือกเลยนะ เลือกเผื่อคุณกรด้วย

       ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเกินไปนิดกับผม รู้สึกว่าประโยคมันจะแปลกๆนะ เหมือนจะซื้อให้ผมกินยังไงยังงั้น

ฟ้า : ฉัน...ฉันหมายความว่าจะได้แบ่งบุญให้คุณกรด้วยไง

       ผมพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจกับฟ้าก่อนจะพากันตระเวนหยิบอาหารกระป๋องแทบจะทุกชนิดลงรถเข็น น่าตลกที่พวกนั้นจะเอาไปบริจาคแม้แต่ข้าวสวยกระป๋อง แต่ก็อย่างนี้แหละ เพื่อนผมเคยทำอะไรปกติซะที่ไหน


ปล์าม : เหว่ย เดี๋ยวฝากบอกคุณกรหน่อยนะว่าเสร็จจากนี่แล้วไปกินข้าวเที่ยงที่โรงแรม(฿)ก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยนั่งเรือออกไปเกาะกัน

"โอเคๆ"

ปล์าม : เค งั้นเดี๋ยวพวกชั้นเอานี่ไปจ่ายเงิน แกไปตามหาคุณกรปะ หายไปไหนก็ไม่รู้

       ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อกวาดสายตาหาคุณกรแต่ก็ไม่เจอ ผมพยักหน้ารับคำกับเพื่อนก่อนจะเดินแยกมาตามหาคุณกร หายไปไหนของเค้านะ

       ผมเดินผ่านซอยแล้วซอยเล่าก็ไม่เจอ จนเดินมาถึงหมวดสุดท้ายที่เป็นหมวดเกี่ยวกับอุปกรณ์ตั้งแคมป์ เขายืนอยู่หน้าอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับจุดไฟต่างๆ


"คุณกร! ทำอะไรครับ"

"ถามทำไม...คุณไม่เห็นหรอ"

"หะ...เห็นครับ"

       ผมตอบเขาไปก่อนจะยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างๆเขา เขาคงอารมณ์เสียที่ผมพูดมากจริงๆด้วย ต่อไปนี้ผมจะเงียบ
       เขาใช้หางตามองผมแวบหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปเลือกของต่อ เสียงลมหายใจแรงๆของเขาทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเงียบและขบคิดว่าเขาไม่พอใจเรื่องอะไร

       ในที่สุดเขาหยิบอุปกรณ์สำหรับจุดไฟสี่ห้าชิ้นและก้าวฉับๆออกไปโดยไม่พูดอะไรกับผมเลยซักคำ ผมไม่เข้าใจเขาเลย จริงๆก็พอๆกับที่ไม่เข้าใจตัวเอง ผมรู้สึกจุกๆในหน้าอกเหมือนมีอะไรเสียดสีกันอยู่ข้างใน นี่มันเป็นความรู้สึกทรมานเวลาผมรู้ว่าโดนคนอื่นเกลียด ผมไม่ได้เจอความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว จะว่าไปก็ตั้งแต่มหาลัยปีหนึ่ง ตั้งแต่ผมเลิกโดนพวกหัวโจกรุมทำร้ายล่ะมั้ง



song2315

  • บุคคลทั่วไป
_________________________________________________________________________

(BY กร)
       ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าชะมัด ไม่รู้เหว่ยจะเสียใจรึเปล่าที่ผมทำแบบนั้นใส่ แต่นั่นก็เพราะเขาไม่สนใจผมเลย เอาแต่ทำหน้านิ่งๆแบบนั้นแล้วไม่พูดอะไรเลยซักคำ เขายังไม่พูดอะไรกับผมเลยจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ออกมาจากซุปเปอร์จนกินข้าวเที่ยงที่โรงแรมเสร็จ เขาพูดกับแค่เพื่อนของเขาโดยไม่มีผมเข้าไปร่วมในประโยคสนทนาเลย มันน่าน้อยใจชะมัด

       
เมย์ : ไอ้เหว่ย คุณกรคะ เราเช่าเรือไว้สองลำนะคะ นู่นน ตรงนู๊นน

       คุณเมย์เพื่อนของเหว่ยพูดพลางชี้ไม้ชี้มือไปยังเรือสปีดที่จอดคู่กันอยู่ ลำนึงลำเล็ก อีกลำขนาดกลางๆ

ปล์าม : โทษทีนะคะที่ต้องแยกลำไป เพราะลำใหญ่มีคนจองออกไปดำน้ำทุกลำเลยค่ะ

       ผมและเหว่ยพยักหน้ารับเบาๆ

ปล์าม : งั้นคุณกรกับเหว่ยไปลำเล็กนะคะ เดี๋ยวพวกเราจะไปลำใหญ่ แล้วก็กระเป๋าเดินทางทั้งหมดเดี๋ยวเอาขึ้นลำใหญ่ไปให้ค่ะ

       ผมกับเหว่ยพยักหน้ารับอีกตามเคยก่อนจะไปช่วยกันหิ้วกระเป๋าขึ้นเรือลำใหญ่ช่วยเพื่อนของเขา

ฟ้า : คือว่า สองใบนี้เป็นของบริจาคค่ะ ฝากเอาขึ้นลำเล็กไปได้มั๊ยคะ พวกเรากำลังเกิดวิกฤตการณ์กระเป๋าทับหัวค่ะ

       คุณฟ้าพูดติดตลกก่อนจะยื่นกระเป๋าหิ้วเดินทางใบใหญ่สีดำให้ผม และยื่นสีแดงให้เหว่ย เมื่อรับมาถือผมก็สัมผัสได้ถึงความหนักอลังการของมัน คาดว่าเด็กในบ้านสงเคราะห์คงเบื่ออาหารกระป๋องไปสามชาติครึ่งแน่

เมย์ : เดี๋ยวเหว่ยกับคุณกรออกไปก่อนเลยนะคะ คือว่า...แบบ ลืมกระเป๋าเครื่องสำอางไว้ในรถ เดี๋ยวเดินกลับไปเอา คงนานเลยค่ะ

       ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเหว่ยไปขึ้นเรือ คนขับเป็นชายหนุ่มผิวสีเข้มขลับยิ้มให้พวกเราก่อนจะติดเครื่องเรือและมุ่งหน้าสู่เกาะจุกหมาย

       เรือสปีดแล่นห่างจากฝั่งออกมาซักพักใหญ่ๆ พื้นน้ำของท้องทะเลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นเรื่อยๆ เรือแล่นผ่านเกาะแล้วเกาะเล่า เกาะแล้วเกาะเล่าแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจอด เหว่ยเริ่มชะโงกไปข้างหลังเพื่อมองหาว่าเรือของเพื่อนๆตามมาหรือยัง




"จะถึงยังครับ"

       ผมตัดสินใจตะโกนถามเมื่อรู้สึกว่าออกมาไกลมากแล้ว ชายคนขับหันมาพยักหน้าและชี้ไปยังเกาะที่ขนาดเท่ากำปั้นข้างหน้าค่อนไปทางซ้าย ดูท่าจะเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวน่าดูเพราะไม่มีเกาะอื่นอยู่รอบๆเลย แต่แค่มองจากตรงนี่ก็รู้สึกว่ามันสวยผิดหูผิดตาแล้ว ตื่นเต้นดีเหมือนกัน

       เรือสปีดเทียบจอดลง ผมและเหว่ยลงจากเรือและแบกกระเป๋าขึ้นฝั่ง กระเป๋าทั้งสองใบมันหนักมากจนพวกเราต้องวางมันไว้บนหาดทราย ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อสำรวจ เกาะนี้สวยมากจริงๆ แต่มันสะอาดและสงบจนเกินจะเชื่อว่ามีคนอาศัยอยู่


"พี่ ไม่เห็นมีคนเลย"

       ผมเอ่ยถามชายหนุ่มคนขับเรือที่ถือกระเป๋าเป้ของผมที่ลืมไว้บนเรือลงมาใหั เขายิ้มนิดๆก่อนจะตอบ

"อ้ายบ่าว นี่มันหลังเกาะ เดินอ้อมไปก็เจอคน"

       ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และรับกระเป๋าเป้ของตนจากมือเขามา ผมหันไปมองเหว่ยที่เดินห่างออกไปและหยุดที่ใต้ต้นมะพร้าวสูง เขาเขย่ามันจนลำต้นสั่นไปทั้งต้นแต่ก็ไม่มีมะพร้าวตกลงมาซักลูก ผมหัวเราะนิดๆกับท่าทีเหมือนเด็กของเหว่ยก่อนจะหันกลับมาเพื่อถามชายคนขับเรือว่าทำไมถึงเอาพวกเรามาส่งท้ายเกาะ
       ทว่าเขาเดินลุยน้ำทะเลกลับไปขึ้นเรือเสียแล้ว ผมตะโกนเรียกสองสามครั้งแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิน เรือถูกสตาร์ทเครื่องและบึ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ผมยืนงงเต๊กอยู่ที่ชายหาด
       เมื่อเรือแล่นออกไปไกลจนลับตาผมก็ตัดสินใจควักมือถือออกมาโทรหาพวกคุณเมย์ แต่ก็ต้องตกใจนิดหน่อยเพราะมันขึ้นเตือนว่าไม่มีสัญญาณ งั้นคงมีทางเดียวคือผมกับเหว่ยคงต้องเดินไปรอที่โฮมสเตย์ก่อน หวังว่าพวกคุณเมย์จะมาถึงในอีกไม่นานนี้ ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกความกล้าก่อนจะหันไปตะโกนเรียกเหว่ยที่ยังคงพยายามเขย่าต้นมะพร้าวอยู่

"เหว่ยย!!!"

       เขาหยุดเขย่าแล้วมองมาทางผมก่อนจะตะโกนกลับมา

"คร้าบบบ!!....อ่าว เรือไปแล้วหรออ"



















_____________________________________________________________________________

       หญิงสาวสามคนในชุดกระโปรงพริ้วลายดอกสีสดยืนถ่ายรูปด้วยความสนุกสนานอยู่ที่ริมชายหาด รูปแล้วรูปเล่าถูกเก็บลงไปในหน่วยความจำของโทรศัพท์แต่ดูเหมือนพวกเธอจะไม่เคยพอใจกับมันเลย

       น้ำทะเลสีฟ้าใสกับแดดตอนบ่ายสองของวันนี้ที่อ่อนแสงจนออกมาเดินเล่นโดยไม่มีครีมกันแดดได้สบายๆ ทั้งหมดทำให้หญิงสาวทั้งสามโพสท่าท้าชายหาดกันอย่างสุดความสามารถ

       ในที่สุด มหกรรมกดชัตเตอร์ก็ต้องหยุดลง หญิงสาวทั้งสามหันไปให้ความสนใจกับเรือสปีดลำเล็กที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา พวกเธอยิ้มและปรบมือให้กับความสำเร็จอย่างไม่เป็นทางการล่วงหน้า พวกเธอเอาเพื่อนหนุ่มไปปล่อยเกาะไว้กับผู้ชายสำเร็จ!




เมย์ : พี่คะ เป็นไงบ้างเรียบร้อยมั๊ยคะ   
       เมย์ตะโกนถามชายหนุ่มชาวเลที่กำลังเดินเข้ามา

'เรียบร้อยครับ อ้ายบ่าวทั้งสองถูกปล่อยเกาะไปแล้ว' ชายหนุ่มผิวเข้มที่เดินลุยน้ำทะเลเข้ามาเอ่ยตอบ

ฟ้า : กรี๊ดดดดดด! เริศค่ะ

ปล์าม : ดีมากค่ะพี่ เดี๋ยวอีกสองสามวันจะติดต่อไปใหม่นะคะ นี่ค่าจ้างครึ่งแรกค่ะ


       ปล์ามเอ่ยก่อนจะควักซองสีน้ำตาลในกระเป๋าแบร์นเนมลายดอกให้ชายขับเรือ เขารับมันไปพร้อมโค้งหัวยิ้มๆและเดินจากไปเงียบๆ เมื่อชายขับเรือเดินพ้นสายตาไปพวกเธอก็ส่งเสียงกรี๊ดแหลมและกระโดดโหยงเหยงจับมือกันด้วยความดีใจ


ฟ้า : กรี๊ดดดดดดๆๆ สำเร็จๆๆ

ปล์าม : ไอ้เหว่ยๆๆๆ ไม่รอดแน่ๆๆๆ คิกๆๆ

เมย์ : พวกเราน่าจะติดกล้องไว้บนเกาะนั้น จะได้รู้ว่าพวกนั้นจะทำไรกันมั่งง

ฟ้า+เมย์+ปล์าม : อ๊ายยยยยยยยยยย!!





















____________________________________________________________________________
(BY กร)
       ผมคิดว่าพวกเราเดินเลียบชายหาดมาไกลมากโขแล้ว แต่เหว่ยก็ยังแบกกระเป๋าสีแดงหนักๆนั่นเดินตามผมโดยไม่ปริปากเลยซักคำ นี่เขาจะเอาแต่เดินตามผมอย่างเดียวเลยหรือไงนะ ไม่สงสัยอะไรบ้างเลยหรือไง ทั้งๆที่ตัวผมเองสงสัยจนแทบจะหัวระเบิดตายอยู่แล้วว่าทำไมเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงถึงยังไม่เจอวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลย

"คุณกร!"

       ผมหยุดเดินทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเหว่ย ริมฝีปากผมเผยอยิ้มนิดๆก่อนจะหันไปหาเขา

"ครับ"

       เหว่ยทำท่าทีลังเลนิดหน่อยก่อนจะเอ่ย

"คือว่า...คุณหนักมั๊ยเดี๋ยวผมช่วยถือ"

       เขาพูดพลางยื่นแขนเข้ามาคว้าเอากระเป๋าอาหารกระป๋องไปจากมือผม ผมส่ายหัวนิดๆก่อนจะคว้ากลับคืนมาถือเอง จริงๆผมรู้สึกตกใจนิดๆที่เขาไม่ถามเรื่องสิ่งผิดปกติของเกาะนี้เลย

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมถือเอง"

       เหว่ยพยักหน้าน้อยๆกับผม ก่อนจะวางกระเป๋าสีแดงที่เขาถืออยู่ลงบนพื้นทรายจากนั้นก็ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่หน้าผาก ผิวขาวๆของเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อต้องอยู่ภายใต้อากาศอันอบอ้าว

"เราไม่ไปรอพวกนั้นที่โฮมเสตย์กันหรอครับ"
       
       เหว่ยถามผมพร้อมกับปลดกระดุมปกเสื้อคอโปโลออกทั้งสองเม็ดเพื่อระบายความร้อน

"ก็นี่เรากำลังเดินหาโฮมสเตย์นั่นกันอยู่ไง"
       
       ผมพูดพลางวางกระเป๋าลงและยกมือขึ้นปาดเหงื่อเช่นกัน เหว่ยทำหน้างงนิดๆก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมแทบลมจับออกมา

"อ้าวว ผมนึกว่าคุณพาผมเดินรอบเกาะเล่นซะอีก"

"อะ...อะไรนะ ผมเนี่ยนะพาคุณเดินรอบเกาะ"

       เขาพยักหน้าหงึกหงัก

"ครับ! นั่นไงต้นมะพร้าวที่ผมเขย่าเล่นเมื่อกี้"

       เหว่ยชี้มือไปยังต้นมะพร้าวข้างโขดหิน ผมมองตามนิ้วนั้นไปและเห็นความจริงอันน่าหวาดผวา มันเป็นต้นมะพร้าวต้นนั้นจริงๆ รอยเท้าที่เริ่มเดินของพวกเราก็เห็นอยู่ลิบๆไม่ไกลนัก ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆกระเป๋าก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปมองเหว่ยที่ยืนอยู่ ถ้าหากว่าพวกเราเดินรอบเกาะแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่าบนเกาะนี้ไม่มีคนอยู่ ตรงกลางเกาะเป็นภูเขาโขดหินวางตัวเป็นระนาบสูงต่ำ มีป่าทึบบ้างโปร่งบ้างสลับกันไปทอดตัวเป็นรัศมีเข้าสู่ภูเขาโขดหินเหล่านั้นที่ใจกลาง เกาะนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากเพราะใช้เวลาเดินแค่สามสิบนาทีก็รอบเกาะแล้ว ถ้างั้นก็มีสิ่งเดียวเท่านั้นแหละที่ผมพอจะคิดออกว่าผมกับเหว่ยกำลังประสบพบเจอกับเหตุการณ์อะไร

"นี่เหว่ย"

"ครับ"

"ผมว่าเรา...ติดเกาะแล้วล่ะ"

























____________________________________________________________________________

เมย์ : นี่ปล์าม แกเอาน้ำใส่ให้พวกนั้นไปกี่ขวดยะ
       เมย์เอ่ยถามขณะที่กำลังตะไบเล็บอยู่บนโซฟา ปล์ามเงยหน้าขึ้นจากแท็บเล็ตที่เปิดเว็บกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่แล้วหันมาตอบ

ปล์าม : น้ำเปล่าหรอ...น่าจะสามสิบขวดนะ
       
       เมย์ได้ฟังคำตอบก็กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

เมย์ : แล้วแก....
 
       เมย์พูดเว้นช่วงพร้อมกลืนน้ำลายอีกครั้ง

ปล์าม : เอออ...ฉันก็ใส่ลงไปทุกขวดนั่นแหละ ขวดละหยด

เมย์ : กรี๊ดดดดดดด...อย่างงี้สองคนนั้นจะไม่!!.......อ๊ายยย

ปล์าม : โอ๊ยย ไม่หรอกแก. หยดเดียวผสมลงไปในน้ำขวดตั้งใหญ่...อิคนขายบอกว่าถ้าผสมแค่นั้นก็แค่ทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเซ็กซี่กว่าปกติเท่านั้นเอง

       ปล์ามอธิบายก่อนจะหันหน้าไปตำกระเป๋าแบรนด์เนมในแท็บเล็ตต่อ

ฟ้า : ต๊ายยย...แล้วแบบนี้พวกนั้นจะได้กันชัวหรอยะ

       ฟ้าโพล่งประโยคฟ้าผ่าออกมา เรียกให้เพื่อนทั้งสองหันขวับมาทางเธอทันที


ปล์าม : ไม่รู้ย่ะ! ถ้าคุณกรหื่นหน่อยก็คงได้มั้ง

เมย์ : อ๊ายยยย...พวกแกหยุดพูดนะ ฉันรับไม่ด๊ายยย

       ฟ้าปาหมอนใส่เมย์หลังจากที่เธอพยายามทำท่าทางเหมือนเด็กอายุสิบหก ทว่าหมอนกลับพลาดไปโดนปล์ามที่นั่งอยู่ข้างๆ และแล้วสงครามหมอนขนาดย่อมๆก็เกิดขึ้น เสียงหัวเราะยังคงดังเป็นพักๆ ก่อนจะจบลงเพราะทั้งสามหมดแรงข้าวต้ม ห้องกลับเข้าสู่ความเงียบ มีเพียงเสียงแอร์และโทรทัศน์ที่ยังคงลื่นไหลคลอไปกับเสียงเข็มนาฬิกา

       แท้จริงพวกเธอก็ไม่สามารถเดาได้หรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบนเกาะนั้นบ้าง สิ่งที่พวกเธอรูัมีเพียงแค่ ในฐานะเพื่อน พวกเธอได้ช่วยอย่างถึงที่สุดแล้ว หวังว่าสามวันต่อจากนี้แม้จะไม่ใช่เวลาที่ยาวนานนักแต่คงจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนรักของพวกเธอ ไม่มาก ก็น้อย













______________________________________________________________________________
(BY กร)

       ผมกัยเหว่ยนั่งจุ้มปุ๊กอ้าปากปล่อยให้ลมพัดผ่านอยู่ใต้ต้นไม้ ไม่ว่าจะยังไง ความจริงก็คือพวกเราติดเกาะนั่นแหละ ผมมองไปที่กระเป๋าสีแดงขนาดใหญ่ด้านหน้าเหว่ยก่อนจะหันมามองกระเป๋าสีดำที่แสนจะหนักด้านหน้าของผมเอง ผมเอื้อมมือไปรูดซิบมันในขณะที่เหว่ยก็กำลังจะเปิดสำรวจอีกใบเช่นกัน

"ใบนั้นมีไรบ้างอ่ะ" ผมเอ่ยถามเขา
 
"น้ำครับ มีแต่น้ำเต็มไปหมดเลย"

       เหว่ยพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผมนิดๆ

"ของผมมีแต่อาหารกระป๋อง เต็มเลย"

       พวกเราถอนหายใจอย่างโล่งอกกันเมื่อเห็นว่าอย่างน้อยก็คงพอมีชีวิตต่อไปได้ซักพักด้วยสิ่งเหล่านี้

"อ๊ะ!"   เสียงเหว่ยอุทานทำให้ผมต้องหันไปมอง

"อะไรหรอ" ผมถาม

"มีนี่ด้วยๆ ดูสิครับ"

       เหว่ยพูดตื่นเต้นก่อนจะยื่นถุงยาต่างๆมาให้ผมดู มีทั้งยาแก้ปวด แก้อักเสบ แก้แพ้ ฆ่าเชื้อ มีแม้กระทั่งยาธาตุน้ำขาว ผมมองมันอย่างงงๆก่อนจะส่งสายตาเชิงคำถามไปหาเขา มีของแบบนี้ในกระเป๋าของบริจากได้ยังไง เหว่ยส่ายหัวสองสามทีก่อนจะยักไหล่ เขาหันกลับไปคันๆกระเป๋าใบนั้นต่อ

"นี่ๆ คุณกร มีนี่ด้วย...ครีมกันแดด ยาสีฟันก็มี อ้อๆ นี่ๆ มีแปรงสีฟันด้วย. อันนี้เป็นสบู่ก้อน ยาสระผม....แล้วก็มีนี่....แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร"

       เหว่ยทำหน้างงๆก่อนจะยื่นขวดอะไรซักอย่างขนาดพอดีมือมาให้ผมดู ผมมองมันแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนใจ

"เควาย มีของแบบนี้ในกระเป๋าของบริจาคเนี่ยนะ!"

"อะไร! มันคืออะไรอ่ะครับ" เหว่ยถามงงๆ

"เดี๋ยวๆ ผมว่ามันแปลกๆแล้วนะ คุณเทกระเป๋านั้นออกมาซิ"

       เหว่ยพยักหน้ารับก่อนจะผลักกระเป๋าใบมหึมาให้ล้มและเทพรวดลง ขวดน้ำขนาดกลางมากมายหล่นออกมากลิ้งไปตามพื้นทราย เทียนแพ็คใหญ่สองสามแพ็ค ไม้ขีดไฟ และยากันยุงหล่นออกมา ก่อนจะมีซองสีน้ำตาลหล่นเป๊ะลงมาท้ายสุด  ผมกับเหว่ยมองหน้ากันก่อนที่ผมจะหยิบซองสีน้ำตาลนั้นขึ้นมาดู บนหน้าซองมีตัวหนังสือผนึกเขียนว่า 'ถึงเหว่ยและคุณกร'
       เหว่ยเอามือกุมขมับเหนื่อยๆหลังจากเห็นข้อความนั้น เขาคงคิดว่าเพื่อนๆเขาต้องทำอะไรแปลกๆอีกเป็นแน่ ซี่งผมก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน
       ผมเปิดซองสีน้ำตาลและดึงกระดาษสีขาวข้างในออกมาอ่านออกเสียง

       'ถึงเหว่ยและคุณกร ไม่ต้องห่วงนะคะ ขอให้ติดเกาะกันให้สนุก อีกสามวันพวกเราจะไปรับค่ะ อ้อ! เกาะนี้ไม่มีคนอยู่นะคะไม่ต้องไปตามหา คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี เรือก็ไม่ผ่าน ดีใช่มั๊ยคะจะได้ไม่มีใครรบกวน ขอให้ใช้เวลาสองต่อสองแบบถูกตัดขาดให้มีความสุขค่ะ แล้วเจอกันนะคะ!...สามสาวแสนสวยและรวยมาก'


       เหว่ยหงายหลังฟึบลงไปนอนบนหาดทรายเหมือนปลงๆ ก่อนจะส่งเสียงเหนื่อยๆ

"โอยยย ผมจะบ้าตาย ผมเอาด้ามแปรงสีฟันอุดจมูกแล้วกลั้นหายใจตายไปตรงนี้เลยดีมั๊ยครับ"

       เขาพูดพลางมองขึ้นไปบนยอดต้นไม้แล้วเอามือก่ายหน้าผาก ผมยิ้มนิดๆให้กับการแสดงอารมณ์ที่ดูมากผิดปกติของเขาเมื่อครู่

"ผมว่าก็ดีออกนะ ตั้งสามวัน"

       ผมพูดพลางเทกระเป๋าใบของผมออกดูบ้าง อาหารกระป๋องหลากชนิดพรั่งพรูลงมา มีถุงผ้าร่มถุงใหญ่ถุงหนึ่งหล่นลงมาด้วย ผมคาดว่าน่าจะเป็นถุงนอน

"คุณว่าดีหรอ" เขาหันมาถามผม

       ผมพยักหน้าก่อนจะเขยิบเข้าไปหาเขาและแกะถุงผ้าร่มออกดู ข้างในมีหมอนสำหรับเป่าลมสีเขียวเข้ม มีฟูกสำหรับเป่าลมสีเดียวกัน มีผ้าสีบางๆผืนใหญ่สีเดียวกันอีกสองผืน และถุงนอนสำหรับนอนสองคนอีกหนึ่งตัว ผมยิ้มนิดๆและส่ายหัวเบาๆให้กับความน่ารักของเหล่าเพื่อนของเหว่ยที่อย่างน้อยก็มีกระจิตกระใจใส่ของพวกนี้มาให้เรา

"เหว่ย ดูนี่ดิ มีหมอนกับฟูกเป่าลมแต่ไม่มีที่สูบลม"
   
       ผมพูดติดตลกก่อนจะยกหมอนเป่าลมขึ้นมาให้เขาดู

"อ่าววว" เขาเอ่ยพร้อมเลิกคิ้ว
 
"ลุกขึ้นมาช่วยกันเป่าเลย ยอมรับความจริงได้แล้วว่าพวกเราถูกปล่อยเกาะ"

       เหว่ยดีดตัวลุกขึ้นมานั่งตามคำกระตุ้นของผม ก่อนที่เขาจะคว้าหมอนเป่าลมจากมือผมไปใบหนึ่งและออกแรงเป่ามันจนแก้มป่อง

"ฮ่าฮ่า หน้าคุณเหมือนวาฬเบลูก้าเลย" ผมพูด

       เขาส่งสายตาค้อนๆมาหาผมหลังคำล้อเลียนแต่ก็ยังพยายามเป่าต่อ ผมเห็นดังนั้นจึงหยิบหมอนอีกใบขึ้นมาเปิดจุกเป่าเป็นเพื่อนเขา

   ~ฟู่ ฟู่   ฟู่

       
"อะ...ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"  เขาถอนปากออกจากจุกเป่าแล้วหัวเราะก๊าก

"อะ...อะไรของคุณ"

"หน้าคุณก็ตลกเหมือนกันแหละ"

"คุณก็เหมือนกันแหละ เป่าไปเลยเป่าไปเลย"

       พวกเรากลับไปเป่าหมอนเจ้ากรรมกันอีกรอบ เสียงหัวเราะคิกคักๆดังเป็นพักๆ บางทีก็เป็นเสียงหัวเราะของเขา บางทีก็เป็นของผม.  แบบนี้มันดีจัง เวลาเขายิ้มกว้างๆแบบนั้นมันทำให้ใจผมชุ่มชื้นบอกไม่ถูก ผมดีใจนะ ดีใจที่อย่างน้อยผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำให้เขายิ้มได้...ยิ้มได้กว้างขนาดนี้ ถึงจะไม่ใช่คนที่เขาจะระบายเรื่องต่างๆให้ฟังก็เถอะ หวังว่าซักวันเขาจะเลิกพูดคำว่า ครับๆ ห้วนๆแบบนั้นซักที





(สองชั่วโมงผ่านไป)



"ทำอะไรอ่ะคุณ"

       ผมเอ่ยถามเหว่ยที่กำลังฝังขวดน้ำลงไปใต้ผืนทราย จากนั้นผมจึงวางกองไม้ที่เข้าป่าไปหามาพักใหญ่ๆเมื่อครู่ลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

"ทำให้น้ำเย็นไงครับ"

"อ้อ! ดีเลย งั้นผมขอซักขวดสิ เอาที่เย็นที่สุดนะ"

"ครับๆ"

       เหว่ยรับคำและลุกขึ้นเดินห่างออกไป เขาก้มลงดึงขวดน้ำขวดหนึ่งขึ้นจากทรายแล้วเดินกลับมา

"อะ. ขวดนี้ผมฝังขวดแรก คงเย็นสุดละ"

       ผมยิ้มนิดๆก่อนจะรับน้ำขวดนั้นมาเปิดดื่มอย่างกระหาย มันเย็นชื่นใจจริงๆเสียด้วย

"อ่าาาาาา ชื่นใจ คุณกินมะ"

       ผมยื่นน้ำที่เหลือไม่ถึงครึ่งขวดให้เหว่ยก่อนที่เขาจะรับไปดื่มจนหมด เรานั่งคุยสัพเพเหระกันต่อซักพักพระอาทิตย์ก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้


"พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้วคุณ"

       เหว่ยเงยหน้าขึ้นไปมองดวงอาทิตย์สีส้มเหนือพื้นทะเล

"พอคิดว่าจะมืด ผมก็กลัวๆยังไงไม่รู้"  เขาพูดเสียงอ่อย

"ไม่ต้องกลัวหรอก คืนนี้ผมจะไม่ให้มีอะไรมาทำคุณได้"  ผมพูดยิ้มๆ

"..."

"...นอกจากผม"

song2315

  • บุคคลทั่วไป
007 (2/2) : reeive (รับรู้)

______________________________________________________________________________
(BY หยง)
    --คฤหาสน์ตระกูลเหลียว--


'คุณหยง มีโทรศัพท์ครับ'

"บอกเค้าว่าผมไม่สะดวกละกันครับ"

'แต่ว่าจากเลขาคุณหยงนะครับ เค้ามีเรื่องด่วนมากบอกว่าที่โชว์รูมมีปัญหา'

"งั้นหรอครับ"

       ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความฉงนใจก่อนจะรับโทรศัพท์มาคุย เสียงเลขาสาวแสนแป้นแล้นที่ผมคุ้นเคยทะลุลำโพงโทรศัพท์บ้านไร้สายออกมา

'บอสคะแย่แล้วค่ะๆๆ'

"มีอะไรคุณอ้อย"

'ดีพีกรุ๊ป ที่สั่งรถประจำตำแหน่งสิบสี่คันให้บุคลากร อยู่ๆก็จะยกเลิกค่ะ'

"แจ้งเค้าสิว่ารถส่งมาถึงแล้ว"

'เค้าไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ เค้าบอกว่าถ้าแค่กับเลขาไม่คุย สงสัยบอสต้องกลับมาจัดการแล้วล่ะค่ะ'

"งั้นหรอ...อืมม...งั้นก็ได้ ตอนไหนล่ะ"

'เดี๋ยวอ้อยนัดให้ เอาเป็นพรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงละกันนะคะ'

"โอเคๆ งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวผมเข้าไป"













10.52 

       ผมจำต้องกลับมากรุงเทพก่อนกำหนดที่ตัวเองเคยตั้งเป้าไว้ ในเวลานี้ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากงานหรอก จะว่าไปมันก็ดีตรงที่ทำให้ผมคิดแต่เรื่องงาน ไม่ต้องไปฟุ้งซ่านคิดเรื่องแย่ๆ ถึงจะกลับบ้านมาแค่วันเดียวแต่สภาพจิตใจผมก็นับว่าดีขึ้นมามากแล้วล่ะ ยังไงผมก็ยังต้องเดินหน้าต่อ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย มันผิดก็แค่ถึงคราวซวยเท่านั้น
        พูดถึงเรื่องงาน ผมแปลกใจจริงๆที่อยู่ๆบริษัทดีพีมีปัญหากับโชว์รูมเรา บริษัทนั้นเป็นคู่ค้าสำคัญมาตั้งแต่สมัยเตี่ยของผม พวกเขามักจะสั่งรถประจำตำแหน่งไปให้บุคลาการชั้นนำทีละหลายๆคัน ความสัมพันธ์ของพวกเราดีมาก ไว้ใจกันจนถึงขั้นไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แค่ทางนั้นเอ่ยปากเราก็สั่งรถมาให้เลย แล้วมันเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้มายกเลิกเอาดื้อๆในวันที่รถส่งมาถึงแล้ว



'บอสคะ สบายดีมั๊ยคะ'

       เลขาสาวลุกขึ้นเดินมาหาผมทันทีที่ผมปรากฏตัวและพูดอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหัวและยิ้มน้อยๆให้เธอแม้ในใจจะคิดฉงนอยู่ว่าวันนี้เลขาสาวดูจะเป็นห่วงผมเกินปกติ เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ยิ้มออกมา

'โอเค บอสยังเป๊ะเหมือนเดิม'

"อะไรของคุณฮะ แล้วนี่คนจากดีพีมารึยัง"

'มะ...มาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วค่ะ ตอนนี้รออยู่ในห้องบอส'

"ชั่วโมงที่แล้ว!"

'ค่ะ บอสทางฝั่งนั้นถึงกับมาเองเลยนะคะ'

"ฮะ!!! บอสของดีพีมาเอง"

       
       ผมเลิกคิ้วขึ้นสองข้างด้วยความฉงนใจหลังจากเอ่ยด้วยเสียงตื่นๆ ถ้าบอสทางฝั่งนั้นมาเองก็หมายความว่าท่านชายมารุตท่านพ่อของพี่เมย์มาน่ะสิ ผมรีบก้าวฉับๆด้วยความตกใจ นี่ผมปล่อยให้ผู้ใหญ่นั่งรอมาเป็นชั่วโมงๆ

  ~ฟึบ  ผมผลักประตูเข้าไปอย่างรีบร้อน

       (O_O)

       สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่ท่านชายมารุต แต่เป็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของผม ดวงตาคมๆที่มีแววของความเกรี้ยวกราดนั้นผมยังจำได้ดี เสียงบานประตูปิดลงเตือนให้ผมรู้แน่ชัดว่าผมกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสิ่งที่กำลังหนีมาตลอด

"ไง! มาตรงเวลาดีนะ"

"ทะ...ทำไม..."

"อ้อ! นายคงยังไม่รู้ว่าฉันรับช่วงต่อจากท่านพ่อแล้ว ก็เหมือนกับนายที่..."

"ผมตกลง ยกเลิกสัญญา...คุณออกไปได้แล้ว!"

       ร่างสูงๆของเขาผุดลุกขึ้นจากเอาอี้ทันทีหลังจากผมพูดจบประโยค หว่างคิ้วของเขาขมวดปมเข้าหากัน ผมรู้ว่านั่นคือสัญลักษณ์แสดงความโกรธของเขา ผมรู้ดีว่าผมกำลังกลัวคนคนนั้น แต่ผมจะให้เขารูัไม่ได้เด็ดขาดว่าผมกลัว จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าผมมันอ่อนแอสิ้นดี

"แปดสิบสองล้าน...นายจะยอมเสียฟรีๆงั้นหรอ"

"คุณไม่เอา ผมก็มีปัญญาขายให้คนอื่น"

"รถสปอตหรูแต่ตกรุ่นไปแล้วเกือบสองปี คันละเกือบเจ็ดล้าน คิดว่าถ้าไม่มีบริษัทอย่างฉันสั่งมาจะมีคนออเดอร์หรอ นายขายได้อย่างมากไม่เกินสองคัน"

"เรื่องของผม คุณไม่ต้องมากังวลหรอก"

"ก็เพราะเป็นเรื่องนายไงฉันถึงกังวล"

         เขาพูดแปลกๆพร้อมย่างสามขุมเข้ามา ผมถอยหลังอ้อมไปที่โซฟารับแขก ตรงนั้นมีแจกัน อย่างน้อยผมก็เอามันมาใช้เป็นอาวุธได้

"คะ..คุณพูดอะไรของคุณ"

"ฉันไม่ได้จะยกเลิกสัญญารถนั่น แค่ไม่รู้จะไปตามนายจากไหน เลขานายก็ไม่ยอมบอกอะไรซักอย่าง"

       เขาเอาเรื่องสัญญารถนี่หลอกให้ผมออกมาเพื่อที่จะเยาะเย้ยหรือไม่ก็ทำอะไรซักอย่างแน่ เขาจะรู้รึเปล่าว่าผมเจ็บปวดกับเรื่องที่ผ่านมามากขนาดไหน ถ้าเขารู้เขาคงไม่ทำแบบนี้ ไม่สิ! คนอย่างเขามันคิดอะไรเผื่อคนอื่นแบบนี้ไม่เป็นหรอก คงมีแก่ใจแค่จะมาหัวเราะผมที่ถูกเขากระทำจนไม่เหลือศักดิ์ศรี เพื่อให้หายแค้น ก็แค่นั้น

"เพื่ออะไร คุณจะเอาอะไรจากผมอีก ผมไม่..."
       
       ~ฟึบบ
       เขากระโจนเข้ามาหาผม ด้วยสัญชาติญาณผมกำหมัดโดยไม่รู้ตัว



"ฉันอยากจะขอ...."
        ~ผั๊วะ!

       ใบหน้าของเขาที่อยู่ห่างจากผมไปแค่ฟุตครึ่งแหงนขึ้นฟ้าด้วยแรงอัดจากใต้คาง หมัดแน่นของผมเสยคางของเขาเข้าเต็มๆ ร่างสูงใหญ่ของเขาหยุดนิ่งตากลอกลอย ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะล้มทิ้งตัวลงมาหาผม ไม่มีเลือด ไม่มีเสียงใดๆ มีแต่ร่างแน่นิ่งของเขาที่พาดอยู่กับบ่าของผม สิ่งเดียวที่ผมคิดออกตอนนั้นคือโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ผมตะโกนชื่อเลขาสาวออกไปสุดเสียง

"อ้อยยยยยยยยยยยยย"













-โรงพยาบาล-
11.55


'นี่แกบ้าไปแล้วใช่มั๊ยไอ้หยง แกเกือบฆ่าคนตายนะเว่ย'

       ผมกำลังโดนเพื่อนหมอเทศนาหลังจากที่กระบวนการปฐมพยาบาลคุณชายมรรคพึ่งเสร็จผ่านไปได้ไม่นาน ตอนนี้คุณชายผู้น่าเกรงขามหมดสภาพนอนแน่นิ่งบนเตียงในชุดคนไข้สีซีดๆของโรงพยาบาล

"โถ่ไอ้หมอจักร ก็แค่เสยเบาๆเอง"

'เบา...เบาบ้านแกสิไอ้หยง สลบเหมือดขนาดนี้ นี่ถ้าแกเสยแรงกว่านี้อีกนิดนึงเค้าอาจจะไม่ตื่นเลยก็ได้'

"เออ...ไม่ตื่นก็ดีดิ"

'อะ...อะไรวะ นี่แกกะฆ่าเค้าจริงๆใช่มั๊ยไอ้หยง แกมันอันธพาลตั้งแต่สมัยบอสตันแล้ว ถ้าไม่มีฉันกับไอ้ภูอยู่ด้วยตลอด พวกคู่กรณีแกคงตายกันหมดทุกคน'

"แกจะบ่นทำไมวะ แกกับไอ้ภูเป็นหมอก็ต้องช่วยคนอยู่แล้ว อีกอย่างฉันไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะเว่ย"

       เพื่อนของผมส่ายหัวเอือมๆก่อนจะเหม่งหัวผมไปหนึ่งที จากนั้นก็ขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อ ทิ้งผมไว้ในห้องเงียบๆนี่กับชายตัวใหญ่ๆที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ผมไม่อยากจะเชื่อหรอกนะว่าผมจะมีความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเขา แต่ในใจมันก็ปวดหน่วงๆทุกครั้งเวลาเหลือบไปเห็นรอยแดงๆนั่นใต้แนวกรามของเขา รอยจากหมัดของผมเอง

"แกมันสมควรโดนแล้ว ไอ้นรก"

       ผมพูดเบาๆก่อนจะลุกขึ้นไปจับผ้าห่มที่เลิกลงไปข้างล่างของหมอนั่นกลับมาห่มให้เขาเหมือนเดิม คำถามในใจผมผุดขึ้นมาอีกครั้ง 'ก่อนที่เขาจะสลบ เขาตั้งใจจะพูดอะไร' ผมสะบัดหัวไล่ความคิดสองสามครั้งก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟา ความเงียบทำให้ผมหลับไปได้โดยไม่ยากเย็นนัก






13.08

    ~แกร็ก

       เสียงประตูทำให้ผมสะดุ้งตื่น ผมขยี้ตางัวเงียแล้วหันขวับไปที่เตียงคนไข้ ไอ้คุณชายนรกยังคงนอนแน่นิ่งเหมือนเดิม ผมหันกลับมามองทางประตู ชายร่างสูงใหญ่ในชุดกราวสีขาวกำลังเดินเข้ามา

"ไอ้ภู!!! ไม่เจอนาน ยังมีชีวิตอยู่หรอวะ"

       ผมเอ่ยพร้อมลุกขึ้นแล้วกระโจนกอดเพื่อนรักอีกคนที่อยู่ๆก็ปรากฎตัวตรงหน้าหลังจากไม่ได้เจอมาเป็นปี

'จริงๆกลับมาได้สองอาทิตย์แล้ว มีเคสผ่าตัดเข้าทุกวันเลยยังไม่ได้ชวนไอ้จักรไปหา'

"แล้วไม่โทรบอกจะได้มาหา โชว์รูมก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง"

'กะจะไปเซอร์ไพรส์ไง แต่แกดันแบกหมีเข้าโรงบาลมาหาก่อน เนี่ยพึ่งผ่าตัดคนไข้เสร็จเลยรีบมาหา ดีนะที่คู่กรณีแกรอดชีวิต'

"มันไม่ตายง่ายๆหรอก ช่างหัวมัน. ปะ! ลงไปหาไรกินกัน ชวนไอ้จักรด้วย"

'อ้าว แล้วไม่อยู่เฝ้า...'

"ไม่ล่ะ ให้มันตกเตียงตายยยยไปเลยยิ่งดี"

'เอ้าา เออๆ'

       
       ชายหนุ่มสองคนเดินกอดคอแนบชิดออกไปจากห้องพยาบาลพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่บนเตียงคนไข้กลับมีชายคนหนึ่งค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาที่เคยฉายแววคมกริบมีแววความเศร้าฉาบอยู่ ใจเขาอยากจะวิ่งไปกระชากไอ้หมอเวรนั่นแล้วอัดติดฝาผนังซักสามร้อยที แต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงมันจะไม่ค่อยมี ตอนนี้เขาทำได้มากสุดแค่กำผ้าห่มเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเรี่ยวแรงมันหายไปเป็นเพราะพึ่งโดนเสยคางจนน็อคมาหรือเป็นเพราะใจมันไม่ค่อยมีแรงกันแน่














"แล้วทำไมถึงกลับมาวะ อยู่เมกามีปัญหาหรอ"

       ผมเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มขณะที่กำลังเดินไปห้องทำงานของเพื่อนอีกคน เขาส่ายหัวให้กับคำถามของผมเป็นคำตอบว่าไม่ใช่

'ทนคิดถึงไอ้จักรไม่ไหวว่ะ'  ไอ้ภูตอบพร้อมทำหน้ายียวน

"โอ้โหห เดียวนี้พูดเต็มปากเต็มคำ แต่ก่อนป๊อดชิบหาย"

'เออ กูรักของกูครับ'

       ผมส่ายหัวเอือมๆก่อนที่ไอ้ภูจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของนายแพทย์จักรภพ ภาพที่เห็นคือไอ้จักรกำลังเล่นตบแปะกับคนไข้เด็กอยู่

'เฮ่ย! จักร กินข้าวอยู่ฟู้ดปร์าคนะ แล้วตามมา' 

       ภูเอ่ยก่อนที่จักรจะพยักหน้ารับ ผมโบกมือสองสามทีให้เพื่อนก่อนจะเดินตามภูไปฟู้ดปร์าค








--ฟู้ดปร์าค--
13.19


"เป็นไง คู่แข่งเยอะมั๊ย"

       ผมเอ่ยถามภูที่กำลังตักข้าวขาหมูคำใหญ่ยักษ์เข้าปาก

'อู้ แอ่ง อา อัย อ๊ะ' (คู่แข่งอะไรวะ)

"เอ้า ก็คนจีบไอ้จักรแข่งกับแกน่ะ มีเยอะมั๊ย"

       ภูพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะรีบเคี้ยวข้าวอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วรีบกลืนลงไปประดุจมีเรื่องอยากจะพูดมากๆ

'มี! มีโคดดดเยอะสาดอ่ะ'

"อ่าววว อย่างงี้ก็ยากดิ"

'ไม่ ตอนนี้ไม่แล้ว'

"อ่าววว ทำไมวะ"

'กู ปล้ำ มัน เรียบ ร้อย ละ'

"..."

'ไม่ต้องมาทำหน้าช็อคโลกเลยไอ้หยง ถ้าไม่รักจริงไม่ปล้ำนะโว้ยย'

"อะ...เออ ดีนะ  ไอ้จักรมันโชคดีที่อย่างน้อยคนปล้ำมันก็รักมันจริงๆ"

'ก็เออดิวะ ถึงตอนนี้ใครมายุ่งย่ามไอ้จักรก็ไม่ต้องกังวลละ กลับคอนโดจับตีก้นป้าบๆเลย'

"ฮ่าฮ่า  ยังตลกไม่เปลี่ยนนะไอ้ภู"

'เออดิ'

       ภูพูดยิ้มๆก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผมเหมือนสมัยก่อนที่ชอบทำ จริงๆแล้วในกลุ่มพวกเราสามคนผมถูกมองว่าเป็นน้องเล็กสุดแล้วก็ชอบถูกสองคนนั้นรุมแกล้ง มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทิ้งเค้าเดิม

"โอ้ยย! ไอ้เวร ผมเสียทรงหมด ก้มหัวมาเลยไอ้ภูจะเอาคืน"
       ผมประท้วงเสียงเข้ม

       ภูก้มหัวให้ผมอย่างว่าง่ายก่อนที่ผมจะลงมือยีหัวมันคืนด้วยอัตราเร็วกว่าสองเท่า ผมของมันยุ่งเหมือนพึ่งตื่นนอนเลย พวกเราหัวเราะกันดังลั่น




  ~ปึกก!!

       อยู่ๆก็มีแก้วน้ำอัดลมแก้วใหญ่กระแทกลงบนโต๊ะพวกเราเสียงดัง เสียงหัวเราะของผมและไอ้ภูหยุดลงโดยอัตโนมัติ การกระทำห่ามๆดังกล่าวไม่ใช่จากใครที่ไหน คุณชายมรรคนั่นเอง

"กลัวหัวเราะจนคอแห้งตายน่ะ เลยซื้อมาให้"
       เขาพูดประชดเสียงกระแทกกระทั้น

"เอาไปราดหัวคุณเถอะ ผมมีเงินซื้อเองได้"

       ผมตอบเขาไปทันที เขาหันขวับมาจ้องหน้าผมพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนแทบชิด ก่อนที่เขาจะหันขวับไปจ้องหน้าไอ้ภูที่กำลังอ้าปากค้างเหมือนอยากพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูด เขากระชากคอเสื้อไอ้ภูอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

'เฮ่ย! อะไรเนี่ย ผม...' ไอ้ภูพูดอย่างตระหนก

"คุณมรรค นี่หยุดนะ คุณบ้าไปแล้วรึไง"

"อ้อ! ทำไม ปกป้องด้วยใช่มั๊ย ได้เดี๋ยวจัดให้"


        ~ฟึบบ

       ผมหยุดหมัดเขาก่อนถึงหน้าไอ้ภูได้เฉียดฉิวก่อนจะผลักเขาออกไป นัยตาเขาเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม

"ถ้าคุณเข้ามาอีก ผมสู้คุณแน่"

       ผมพูดออกไปพร้อมยืนบังไอ้ภูเอาไว้ข้างหลัง รู้สึกเหมือนประโยคนี้ผมจะไม่ได้พูดครั้งแรก

"เหอะ! นายก็รู้ว่าสู้ไปก็ไม่ชนะฉัน"

"อย่างน้อยผมก็น็อคคุณได้ละกัน"

"ฉันก็เคย...ชนะนายขาดลอยเหมือนกัน"

       ผมหน้าชาหลังเขาพูดจบประโยค การเว้นช่วงในประโยคนั้นผมรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร

"..."

"มานี่!!!"
       
        เขาใช้จังหวะที่ผมกำลังนิ่งจากประโยคของเขาดึงผมเข้ามาอยู่ข้างหลังเขาอย่างง่ายดาย

"โอ๊ย นี่มันเจ็บนะเว่ย"
       
       ผมร้องประท้วงหลังจากทั้งตัวถูกดึงถลามาอยู่ข้างหลังเขาแทน เขาจ้องเขม็งไปที่ไอ้ภูก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้ามัน

'เฮ่ย อะ...หยง เอ่อ แบบว่า คือ ช่วยด้วยดิ'

       ไอ้ภูพูดตะกุกตะกักเมื่อเจอสายตากรีดแทงของคุณชายนรก

"อย่ามายุ่งกับเมียกูอีก!"

       ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากพูดอะไรทั้งนั้น เขาก็ลากผมด้วยแรงมหาศาลออกมาจากฟู้ดปร์าค ผมยอมปลิวไปตามแรงฉุดแต่โดยดีเพราะรู้สึกว่าเริ่มเป็นที่สนใจของคนรอบๆ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือส่งสายตาขอโทษขอโพยไปยังเพื่อนรักที่ยืนเกาหัวแกรกๆอยู่กับข้าวขาหมูที่กินไปได้ครึ่งจาน ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะสลบไปตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ในใจนึกเกลียดผู้ชายที่กำลังลากผมอยู่สุดๆ เขาพูดออกไปแบบนั้นเพราะต้องการทำให้ผมอับอาย เมื่อไหร่กันเมื่อไหร่ความแค้นที่เขามีมันจะหมด เมื่อไหร่ชีวิตผมจะไม่ต้องเจอคนคนนี้

song2315

  • บุคคลทั่วไป

"นี่! จะไปไหน ปล่อยนะเว่ย"

       ผมพยายามสะบัดแขนเขาในขณะที่เขาพยายามจะลากผมไปอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง

"นายจอดรถไว้ชั้นไหน"

"อะ...อะไรนะ"

"ฉันถามว่านายจอดรถไว้ชั้นไหน!!" เขาตะคอก

"จะ...เจ็ด"

        เขาลากผมขึ้นลิฟต์ไปชั้นเจ็ดทันที เขาแทบจะกินที่กดประตูลิฟต์เข้าไปเพราะมันช้าไม่ทันใจ จริงๆก็คงไม่เคยมีอะไรทันใจคนอย่างเขาหรอก เขาจับแขนผมไว้ตลอด ถึงตอนเข้ามาในลิฟต์แล้วเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเหมือนกลัวว่าผมจะลอยหายไปยังไงอย่างงั้น
       ในลิฟต์มีพยาบาลสองคน พวกเธอพยายามกระซิบคุยกันเบาๆ พวกเธอคงไม่รู้สินะว่าลิฟต์แคบขนาดนี้ต่อให้มุดหัวเข้าไปพูดในหูเพื่อน ผมก็ยังได้ยิน

'นี่...แกว่าใช่มะ'
'ชัว! จับแขนแสดงความเป็นเจ้าของกันขนาดนั้น'
'โอ้ยแก เค้าอาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้'
'พี่น้องบ้านแกสิยะ สีผิวคนละสีกันขนาดนั้น'
'โอ้ยแก แต่ว่า...'


"ผมเป็นผัว เค้าเป็นเมีย"

      (O_O) (O_O)



       ไอ้มรรคโพล่งออกไปอย่างคนไม่มีความคิด พยาบาลสองคนหันขวับมามองพวกเราตาโต หน้าผมชาไปหมดเพราะความอับอาย ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยจนกระทั่งลิฟต์ถึงชั้นเจ็ด ผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของพยาบาลช่างเม้าท์สองคนนั้น ถึงแม้ใจผมจะนึกขันในท่าทีสตั๊นของพวกเธอแต่พอนึกถึงเรื่องที่ไอ้มรรคพูดออกไปผมก็พบว่ามันเป็นตลกร้ายชัดๆ






       คุณชายมรรคลากผมออกมาจนถึงลานจอดรถก่อนจะเปิดฉากตะคอกผมอีกครั้ง

"เอากุญแจรถมา" 
       เขาพูดเสียงเข้ม ผมเสหน้าหนีจากคำสั่งเผด็จการของเขา ผมพยายามเรียกสติตัวเองมาสะสมให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาผมไม่เคยกลัวใครเพราะไม่ว่าจะมีเรื่องกี่ครั้งผมก็ไม่เคยแพ้ แต่กับไอ้ถึกนี่ 'ผมกลัว' กลัวเสียงเข้มๆนั่น กลัวมือหนาๆที่ยึดแขนผมอยู่ กลัวไปหมด แต่ผมจะไม่ยอม ไม่ยอมทำตามอะไรก็ตามที่เขาต้องการ

"..."

"ฉันบอกให้เอามา!!!"

       เขาพูดพร้อมกระตุกแขนผม ผมยังคงไม่มองหน้าเขาเช่นเดิม ผมไม่รู้หรอกว่าการกระทำขัดขืนเช่นนี้ของผมจะทำให้เกิดอะไรขึ้นกับผมต่อไป แต่ผมจะไม่ยอมถูกเขากดขี่ข่มเหงแน่

"ไม่" ผมตัดสินใจเอ่ย

"..."

       เขาจ้องผมนิ่ง

"นายจะลองดีกับฉันใช่มั๊ย!"

"..."

"ได้...จัดให้"

       เขากระชากตัวผมให้หันมา

"อ๊ะ!!"

"ดูซิว่าเสื้อเชิตแพงๆนี่ดระดุมมันจะเย็บมาแน่นขนาดไหน!"

~กร๊วกกก!!

       เสื้อเชิตของผมถูกกระชากออกจากกัน กระดุมสี่ห้าเม็ดหลุดกระเด็นตกลงพื้นเสียงดังเปาะแปะ ผมถลาออกจากเขาด้วยความตกใจ

"ก็นายชอบวิธีใช้ความรุนแรงไม่ใช่หรอ!...มานี่ฉันจะจัดให้ไง"

"อะ...หยุด อย่านะ นี่คุณบ้าไปแล้วใช่มั๊ย"

~กรวกกก!

       กระดุมที่ยังเหลืออยู่ของผมหลุดกระจายออกจนหมด อากาศภายนอกกระทบกับผิวส่วนที่ปราศจากสิ่งปกปิดของผม มันเย็นวาบจนผมต้องกอดตัวเองไว้
       เขาจับแขนผมกระชากออกก่อนจะใช้มือหนาอีกข้างของเขาลูบไปบนผิวของผม ผมเขยิบหนีพร้อมมองไปรอบๆลานจอดรถชั้นเจ็ด มันเงียบสงัดและไร้ผู้คน

"อะ...โอเค ผมยอมแล้ว ผมยอมแล้ว"

       ผมควักกุญแจในกระเป๋ากางเกงยื่นให้เขา เขายิ้มอย่างพอใจก่อนจะกดปุ่มปลดล็อกเพื่อให้เสียงรถดังขึ้น เขาลากผมเข้าไปหารถแล้วขับลงไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาจะพาผมไปที่ไหน ความหยิ่งทะนงที่จุกอยู่ที่คอทำให้ผมไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดอะไร ต่อจากนี้ผมคงจะอยู่ไม่สุข อย่างน้อยก็คงอยู่ไม่สุขไปซักพักจนกว่าเขาจะกระทำผมจนพอใจ แต่ยังไงซะผมก็จะไม่หนีอีกแล้ว ผมจะสู้ สู้กับผู้ชายน่ากลัวคนนี้
       









-คอนโดมรรค-


       ~ตึกก!!

"โอ๊ยย! มันเจ็บนะเว่ย"

       ผมก่นด่าพร้อมลูบหัวตัวเองป้อยๆหลังจากมันพึ่งกระแทกกับโซฟากำมะหยี่สีแดง ไอ้คุณชายนรกนั่นมันผลักผมซะปลิวตัวลอย นี่ถ้าที่ที่ผมกระแทกตัวลงไปไม่ใช่โซฟาแต่เป็นอะไรที่แข็งๆล่ะก็มันคงจบไม่สวยอย่างนี้

"อย่ามาสำออย ทีรับหมัดฉันได้ยังไม่เห็นบ่นซักคำ"

"ก็หมัดคุณมันไร้น้ำยางะ"

       มันจ้องหน้าผมเขม็ง ผมพูดอะไรผิดก็มันเรื่องจริงไม่ใช่รึไง หมัดกระจอกๆแบบนั้นผมรับได้โดยมะ...

        ~  ฟึบบ

       ในพริบตาเดียว ผมได้ยินเสียงสั้นๆก่อนที่จะพบว่าตัวเองถูกกดติดกับโซฟาและมีร่างหนาๆคร่อมอยู่ด้านบน ลมหายใจร้อนๆพ่นออกมาลูบสันจมูกของผม

"ฉันนี่หรอไม่มี...น้ำยา" เขาพูดในขณะที่ใบหน้าอยู่ห่างจากผมไปไม่กี่คืบ

"หึ!" ผมพ่นลมหายใจเย้ยเขาสั้นๆ

"ที่นายไม่เห็นเพราะตอนนั้นนายหลับไปก่อนไม่ใช่รึไง"

"หะ...เห็นอะไร"

"ก็น้ำ...ยาฉันไง"

"ยะ...หยุดพูดนะ ออกไป ออกไปจากตัวผม!"

"นายรู้มั๊ยมันเยอะจนล้นออกมาเลยล่ะ"

"ไอ้...ไอ้บ้า!! ไอ้เลว ไอ้..."

      ริมฝีปากหนาประกบบดลงมาที่ริมฝีปากของผม ผมกำลังโดนผู้ชายคนนี้จูบอีกแล้ว ลิ้นนั่นตวัดเข้ามากวาดไปทั่ว ผมเกลียด ผมชอบ ผมตอบไม่ได้ ภายในมันต่อต้านแต่อีกฟากก็ภาวนาขออย่าให้การคุกคามนี้จบลง ผมเกลียดตัวเอง เกลียดที่เผลอตอบสนองความร้อนเร่านั้นไปชั่วแวบหนึ่ง ผมเกลียดตัวเองที่เกลียดชายคนนี้ให้สมบูรณ์แบบไม่ได้ทั้งๆที่เขาเป็นคนทำร้ายผมอย่างไม่น่าให้อภัย และจนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังกระทำอยู่


"ฮะ...อะ...แฮ่กก"

"นายนี่...ยังหวานเหมือนเดิมนะ"

"ไอ้...ไอ้บ้า!!!!"

       ร่างใหญ่ผละออกจากผมก่อนจะเดินหายไปและกลับมาพร้อมน้ำเปล่าขวดหนึ่ง ผมได้แต่นั่งนิ่งและใช้สมองประมวลผล หน้าก็ไม่กล้ามอง จะขยับตัวก็ไม่กล้าขยับ ผมกระเถิบหนีนิดๆเมื่อเขาเอาขวดน้ำมาวางลงที่โต๊ะข้างหน้าผม เขายืนจ้องผมที่เอาแต่ก้มหน้ามองขาตัวเองซักพักแล้วเดินหายไปอีกโดยไม่ได้พูดอะไร ซักพักก็กลับมาแต่ไม่ใช่ในชุดของโรงพยาบาลแต่เป็นชุดสำหรับใส่อยู่บ้านสบายๆ ผมนั่งนิ่งและขบคิดว่าควรจะทำอะไรต่อไป และผมก็ได้คำตอบในที่สุดว่าผมควรจะไปจากที่นี่

       ผมลุกขึ้นเงียบๆและค่อยๆเดินไปที่ประตู ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมอยู่อีกแล้ว

       ~หมับ
        มีมือใหญ่คว้าข้อมือผม

"จะไปไหน"

       ผมหันไปมองหน้าเขา

"กลับ...ก็มาส่งคุณแล้วผมก็จะกลับไง หรือจะเอาค่าเสียหายที่ผมตั๊นหน้าคุณด้วย...เอากี่ล้านดีล่ะ สองล้านพอมะ!"

"ฉันไม่ให้กลับ"

"อะไร ไม่พอหรอ งั้นสาม..."

"ไม่!!! ไม่เอา" เขาเอ่ยตัดผมเสียงดัง

"คุณเป็นบ้ารึไง แล้วจะเอาเท่าไหร่"

"ทั้งชีวิต"

       ผมขมวดคิ้วกับคำพูดฟังไม่รู้เรื่องของเขา

"พูดบ้าอะไร ผมถามว่าเงินน่ะจะเอาเท่าไหร่"

"ฉันไม่เอาเงิน! ฉันจะเอานาย"

"..."

"เอานายมาอยู่กับฉัน...ทั้งชีวิต"

       เขาพูดแน่นหนักพร้อมจ้องเข้ามาในดวงตาผม อย่างนี้มันไม่ดีแน่ เขากำลังพูดเกี่ยวกับอะไรที่ผมกลัว

"คะ...คุณบ้ารึไง ผมแค่ชกหน้าคุณนะ มันจะไม่มากไปรึไง"

"ไม่มากหรอก ก็เพราะฉันรักนาย...แค่นี้น่ะพอมั๊ย"

"..."

"แค่ฉันรักนาย มันพอมั๊ย"
       เขาถามย้ำและขยับเข้ามาใกล้ผม ผมไม่ได้ถอยหนี

       ผมกำลังตกใจ ผมกำลังดีใจ ผมกำลังกลัว ผมกำลังสับสน ผมไม่ได้เกลียดชายคนนี้ หรือผมเกลียดชายคนนี้ ผมไม่รู้ เขาหลอกผม หรือเขาพูดจริง

"ผมว่า...คะ...คุณคงกำลังมึน ผม...ผม...ผมกลับล่ะ"

       ผมหันหลังกลับ แต่กลับถูกดึงให้หันกลับมา ไหล่กว้างๆนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมเข้าไปอยู่แนบชิดกับมันในที่สุด อ้อมกอดแบบนี้มันอะไรกัน มันหมายความว่าอะไรกัน

"คะ...คุณมรรค ปล่อยผม....เถอะ"

       ร่างหนาค่อยๆผละออกอย่างว่าง่าย แววตาอ่อนแสงของเขาทำให้หัวใจผมหายวูบ เขากำลังคิดอะไรในตอนนี้ และผมควรจะคิดอะไรในตอนนี้ ผมเกลียดเขา อย่างน้อยผมก็เคยบอกตัวเองให้เกลียดเขา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ มันมีบางอย่างหายไป เพียงแต่ผมไม่กล้า เหมือนเส้นวงกลมที่ผมขีดขังตัวเองไว้มันเลือนหายไปแต่ผมก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกจากที่ๆเดิม ที่ๆเคยเป็นพื้นที่ของวงกลม

"คุณมรรค...ผมม....จะกลับ"

"ไม่!!!!! ฉันไม่ให้นายไป"
       เขาเอ่ยเสียงดังจนผมสะดุ้งเล็กน้อย เขาคว้าข้อแขนผมไว้แน่น ถ้าเป็นไปได้ในตอนนี้ สิ่งที่ผมหวังคือแค่อยากรู้ว่าตัวเองคิดอะไร

"คุณมรรค ผมไม่รู้ ผม..."

"..."

"ทุกๆอย่างมันดูเป็นไปไม่ได้ มันเร็วมาก แค่คืนเดียว...เรา...ผม...บางทีผมว่ามันอาจจะไม่ใช่..."

"ความรัก! มันเป็นความรัก" เขาพูดสวน

"แต่...แต่ว่า"

   ~ฟุบ

       มือใหญ่วางลงที่หน้าอกผม น่าอายจริงๆที่เสื้อเชิตของผมไม่มีกระดุมเหลือเลยซักเม็ดในตอนนี้ นิ้วยาวลูบสั้นๆไปบนผิวหนังของผม เสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้นหลังจากนั้น

"มันจะเต้น...แรงๆ...ถี่ๆ ฉันก็รู้แค่นั้น"

       ผมมองตาเขาก่อนจะก้มหน้าลง หัวใจผมกำลังเป็นแบบที่เขาพูด บางทีมันอาจจะใช่ก็ได้ แต่...แต่ผม

"ไม่มีอะไรที่ผมจะมั่นใจได้ซักอย่างเลย ผมเกลียดความเสี่ยงแบบนี้"

"แล้วจะให้ฉันทำยังไง นายถึงจะมั่นใจ"

".....ให้ผมไป อย่างน้อยถ้าอยู่ห่างกันต่อจากนี้ ผมอาจจะรู้อะไรมากขึ้น"

       เขาขมวดคิ้วเข้าหากันและทำท่าเหมือนจะเอ่ยค้าน ผมเอื้อมมือไปจับไหล่เขาและบีบเบาๆ แววตาที่กำลังขุ่นมัวของเขาค่อยๆอ่อนลง ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

"คุณมรรค ขอบคุณ"

"อืม"

"อย่างน้อยผมจะไม่โกหกคุณ สิ่งที่ผมอยากจะทำที่สุดในตอนนี้"

"อะ...อะไร"

       ผมยิ้มนิดๆก่อนจะตัดสินใจทำเรื่องน่าอายที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ขาของผมขยับก้าวเข้าไปสองสามก้าวก่อนที่ตัวผมจะไปชิดลำตัวเขา ผมนึกขันนิดๆกับท่าทีเคอะเขินของเขาที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ผมจรดสันจมูกลงไปบนแก้มซ้ายของเขาก่อนจะสูดกลิ่นจางๆของเขาเบาๆ จากนั้นก็จรดริมฝีปากลงบนแก้มเขาแล้วฝากจูบเล็กๆไว้ที่นั่น ผมค่อยๆผละออกแล้วหันหลังกลับไปที่ประตู เขายังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม บางทีคงถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้ว

"อีกสามวัน อีกสามวันค่อยมาเจอกัน"

       ผมพูดแค่นั้นก่อนจะออกมาจากห้อง จริงๆผมก็คิดออกแค่นี้ ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากนี้ ไม่รู้จริงๆ
       




       ระหว่างที่กำลังเดินผมครุ่นคิด ผมควรจะเกลียดเขา ควรจะโกรธเขา ที่สมเหตุสมผลที่สุดผมไม่ควรจะพูดดีๆกับเขาด้วยซ้ำ เขาเคยรักพี่เหว่ยมาก มากถึงขนาดทำเรื่องเลวร้ายกับคนอื่นได้ แล้วผมนี่หรอจะชนะพี่ชายตัวเองที่เคยมีอิทธิพลขนาดนั้นได้ อย่างน้อยถ้าชนะได้ก็ไม่ใช่ในเวลาหนึ่งคืนแน่ ความรักมันเกิดขึ้นไม่ได้แค่ในคืนเดียวหรอก ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ
       ผมหยุดอยู่หน้าลิฟต์และเอื้อมมือไปที่ปุ่มกด มือผมค้างอยู่อย่างนั้นซักพัก ในที่สุดผมก็ไม่ได้กดมัน ผมถอยออกมาและเข้าไปยืนพิงกำแพง ค่อยๆลู่หลังตัวเองไปกับกำแพงจนไม่ได้ยืนด้วยขาทั้งสองข้าง ผมค่อยๆหลับตาลงและหายใจช้าๆ
       หลายสิ่งวนเวียนเข้ามาในจิตใจของผม ผมยังคงเจ็บปวดและความเจ็บปวดนั้นชัดเจนจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว คนที่เกลียดผมมากๆและเป็นคนมอบความเจ็บปวดให้ผมพึ่งบอกรักผมเมื่อไม่กี่นาทีก่อน มันสับสน ดีใจ แต่ก็กลัว ผมกลัวที่จะตอบตกลงเขาในขณะที่ผมก็กลัวว่าจะต้องปฏิเสธเขาเช่นกัน
       ผมดีใจมากที่มีคนเสนอตัวเข้ามาเยียวยาความเจ็บปวดของผม และยิ่งเป็นเขาที่รู้เรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้น เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด บางทีถ้าผมและเขารักกันจริงๆมันอาจทำให้ความเจ็บปวดของผมเลือนหายไปเลยก็ได้

       แต่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันให้ผมตัดสินใจได้เลย เวลาสั้นๆ เหตุเกิดจากความโกรธแค้น ความรักที่เขาเคยมีให้พี่ชายผม ทุกๆอย่างบั่นทอนความกล้าในการตัดสินใจของผมจนหมดสิ้น...จะมีก็แค่คำพูดของเขา
       'แค่ฉันรักนาย...มันพอมั๊ย'

       และสิ่งที่บั่นทอนการตัดสินใจของผมมากที่สุดคือตัวผมเอง ตัวผมที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้สึกกับเขาอย่างไร มันเป็นความรักแน่แล้วหรือ? กับคนที่เคยทำกับเรารุนแรงเช่นนั้นน่ะหรือ? ผมรู้สึกแค่ว่ามันมีบางอย่างเชื่อมกัน ผมแค่รู้สึกว่าผมรู้สึกกับเขาต่างไปจากคนอื่น...ก็แค่นั้น

       ผมสะบัดหัวรัวๆเพื่อไล่ความคิด มันหนักอึ้งเกินทัดทานจริงๆ น้ำตาของผมค่อยๆเอ่อออกมาและไหลเป็นทาง ผมอ่อนแอเกินไปแล้ว แต่ผมก็เข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเองในสภาพแบบนี้ไม่ได้ มันไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แค่ร้องไห้ ทำได้แค่ร้องไห้เหมือนเด็กผู้ชายอายุสิบหกโง่ๆที่เสียตัวให้เพื่อนร่วมห้อง ผมทิ้งร่างลงนั่งกับพื้นข้างๆประตูลิฟต์และปล่อยน้ำตาออกมาอย่างเต็มที่ หวังว่าเสียงสะอื้นของผมจะไม่ดังจนรบกวนคนอื่น

"ทำไม...ฮึก ก ..ไม่โดดตึกตายๆ ..ไปซะเลยวะ...ไอ้พศิน...ฮึกก ก" 
       ผมเอ่ยตัดพ้อกับตัวเองทั้งน้ำตา





"เฮ่ยยย!!!...นี่นาย"

       ผมเงยหน้าขึ้นตื่นๆเมื่อได้ยินเสียงคุณชายมรรค เขายืนมองผมอยู่ด้วยท่าทีตกใจไม่แพ้กัน มือข้างหนึ่งเขาถือกุญแขรถของผมอยู่

"ฮึกก ก "

"นะ...นี่หยง นายอย่าคิดสั้นนะ ฉันเอ่อ...ฉัน..."

"ผมคงดู...ฮะ...โง่มาก...ฮึก แค่เสียตัวก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย"

"ไม่...ไม่เห็นเป็นไรเลย...ก็..."
   
       เขาพูดพร้อมเดินเข้ามาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืนและกอดผมไว้ มือหนาๆนั้นค่อยๆลูบหัวผม

"..."

"ฉันเองก็ปลอบคนไม่เป็นนะ...แต่ว่า...ก็...มันไม่เป็นไรไง"

"..."

"คนที่ปล้ำนายน่ะ ตอนนี้หลงรักนายหัวปักหัวปำ...ก็แค่นั้น"

"คุณ...คุณน่ะรักผมจริงๆหรอ"

"ก็ใช่ดิ"

"มันจะไม่ง่ายไปรึไง มันไม่เหมือนในหนังกับนิยายหรอที่ต้องเจอเรื่องยากๆ นี่มันไม่มีอุปสรรคอะไรเลย อยู่ดีๆก็รัก...ได้หรอ"

"อุปสรรคน่ะก็นายไง...ไม่เปิดใจให้ฉัน"

"..."

"ฉันรู้ว่าฉันทำผิดมาก.....ขอโทษโอเคมั๊ย"

"..."

"จะชดใช้ให้ทั้งชีวิตเลย"

"..."

"จะให้ท่านพ่อไปสู่ขอ จะประกาศออกสื่อ จัดงานแต่งด้วยก็ได้ ถ้าอยากจดทะเบียนจะพาบินไปจดที่เมกา อยากกินอะไรก็จะพาไปกิน ถ้าอยากกินฉันฉันก็จะให้กิน"

"...ไอ้.......บ้า"

"ฉันน่ะ พูดจริงๆนะ"

"ทำไม ผมถึงคิดจะเชื่อคุณก็ไม่รู้ ทั้งๆที่มันเป็นแค่คำพูด"

"คงเพราะว่านายเริ่มมีใจให้ฉันแล้วมั้ง"

"งั้นหรอ"  ผมพูดห้วนๆ

"อะๆ ถ้านายยังไม่แน่ใจว่ามีใจให้ฉันจริงรึเปล่า ฉันมีแบบทดสอบ ง่ายมาก"

"อะไร"  ผมถามด้วยความฉงน

"ตอบคำถามนะ ถ้าต้องเลือกที่จะพลีกายให้คนใดคนหนึ่งระหว่างฉันกับหม่ำ จ๊กมก นายจะเลือกใคร"

"คุณขี้โกง"

"ไม่ได้โกง เห็นป่ะนายเลือกฉัน"

"คะ...ใครว่าผมเลือกคุณ"

"หรือนายจะเอาหม่ำ จ๊กมก"

"มะ...ไม่"

"เห็นป่ะ ก็เหลือฉันคนเดียวให้เลือก"

"ผมไม่เลือก!"

"เสนอตัวให้ขนาดนี้แล้ว... ยังไงก็ต้องเลือก!"

      ผมผละออกจากอ้อมกอดมามองหน้าเขา เขามองผมยิ้มๆและดึงชายเสื้อของผมขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ ทำไมตอนนี้เขาถึงดูอบอุ่นจัง ทำไมตอนนี้คิ้วเข้มๆที่มักแสดงความโกรธเกรี้ยวของเขามันถึงน่ารัก ทำไมริมฝีปากเขามันถึงเย้ายวนผมได้ ทำไมผมถึงอยากอยู่ในอ้อมแขนนั้น...ทำไม ไม่รู้ หรือผมรู้กัน












___________________________________________________________________________
จบแล้วสำหรับตอนที่เจ็ดนะครับ  คือตอนต่อไปจะมี NC เหว่ยกับกร(รึเปล่านะ)
TT__TT  ขอหายใจลึกๆ ทำใจแปป กริบๆ  ขอตัดสินใจก่อน 5555555


KMnO4

  • บุคคลทั่วไป
มายาวมากเลยครับ  :katai2-1: รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
หายไปนาน... แต่กลับมายาวแบบนี้ โอเคให้อภัย ! ฮาๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
หยงคงสับสนกบคำว่ารักของมรรค
ให้เวลาหยงหน่อยละกัน

ออฟไลน์ Wereena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
อั้ยยะ ขอเข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยคนค่าา

ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
พึ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากครับ อย่าหายไปนานนะมาต่อไวๆ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน เรื่องน่ารักมากๆ
ทั้งตลก สนุกเข้มข้นโดยไม่ต้องมีดราม่า

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
มาลุ้นทั้งสองคู่เลย

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
สนุกมากเลยทั้งสองคู่

รอติดตาม ชอบพระเอกแบบมรรคมากเถื่อนดี

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
จะบอกว่าชอบคู่หยงมากกว่าคู่เหว่ยละนะ  :impress2:
อยากรู้เรื่องตอนที่พี่กรเรียนมหาลัยเดียวกับเหว่ยบ้างอะ

มาต่อไวๆนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
มาแล้วๆ ดีใจสุดๆ เดือนละครั้งก็ยังดี  :hao5:
เหว่ย น่ารักอะ ฮ่าๆ โก๊ะๆ เดินไปเขย่าต้นมะพร้าวเล่นซะงั้น  :laugh:
พอรุ้ว่าโดนปล่อยเกาะกับกร โดยเป็นฝีมือของสาวสามแสนสวยและรวยมาก ฮ่าๆ ถึงกับนอนแผ่เลยทีเดียว ฮ่าๆ พ่อผีดิบ  :jul3:

คู่คุณชายมรรคกับหยง บอกรักกันแล้วววว หยงรับรักๆๆๆๆ :mew2: ดีใจฝุดๆ

รอตอนหน้าๆๆๆ ฉากร้อนรัก ณ ริมหาด โว้ววววว ไม่มีนิเคืองนะครับคนแต่ง :katai1:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อิชั้นพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร  :katai4: :katai4:

มาอัพอีกไวไวนะเคอะ  :hao7: :hao7:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด