WARNING : Some of part in this Chapter set for explain relationships of character, plaese keep your self from NC18+ sence
Or you are can not accept all about through, please skip this chapter
006 : relationship (ความสัมพันธ์)
~ตึกก
เสียงแก้วกระทบโต๊ะครั้งที่สิบกว่าๆ ชายหนุ่มหล่อเหลานั่งอยู่ในบาร์ชื่อดังของเชียงใหม่และกระดกเหล้าเหมือนเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเสียเต็มประดา
มรรคอยู่ในสภาพอกหัก หัวใจแหลกสลาย เขาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆตรงนี้โดยไม่สนใจใครด้วยซ้ำหากแต่น้ำตามันไม่ยอมไหล ทุกอย่างมันช่างอัดอั้นโดยเฉพาะความรู้สึกที่มันเหมือนจุกอยู่ที่คอ มันสับสนและไม่รู้จะเริ่มระบายความโกรธตลอดจนความน้อยใจและความเศร้าออกไปอย่างไรดี
--ย้อนความ--
ในขณะที่ไอ้ตี๋สะท้อนแสงกำลังแกล้งผมโดยการกระชากกาวเทปที่ซีนปากผมอยู่ทีละแผ่น ไอ้กรก็เอาพี่เหว่ยของผมขี่หลังเดินมา ผมไม่อยากจะพูดหรอกว่าสิ่งแรกที่เห็นคือรอยแดงๆบนคอของพี่เหว่ย
~ฉว้ากกกก
"อ๊ากกกกกกกกกกก!!"
ไอ้ตี๋สะท้อนแสงกระชากกาวเทปอันสุดท้ายออกโดยไม่สนใจใยดีว่าผิวของผมจะลอกติดกาวเทปนั่นออกไปด้วยหรือไม่ ผมหันกลับไปจ้องหน้าไอ้ตี๋นั่นอย่างอาฆาต ไอ้ตี๋ยักไหล่นิดๆอย่างไร้ความรับผิดชอบก่อนจะก้มลงไปแก้มัดปมเชือกให้ผมทีละปม ทีละปมให้ผม
'พวกผมพลาดอะไรไปรึเปล่า?'
ไอ้เวรกรเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยปนตกใจในสภาพของผมที่ไม่ต่างจากแหนมหมูถูกๆข้างถนน ผมพาดสายตามองข้ามไปยังพี่เหว่ยที่อยู่หลังมันด้วยความเป็นห่วง พี่เหว่ยไปขี่หลังไอ้นั่นทำไมกัน แล้วทำไม ทำไมถึงมีรอยแบบนั้นบนตัวของพี่เหว่ย
'อ้อ ตอนนี้เหว่ยยังเดินไม่ไหวน่ะ ต้องขี่หลังผมไปก่อน'
ไอ้เวรกรเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าผมกำลังสงสัยอะไร ผมอยากชกหน้ามัน ถ้าไม่ติดว่าผมจะต้องกระโดดเหยงๆไปพร้อมกับเก้าอี้นรกนี่ผมจะไปต่อยปากมันซะ
"แกทำอะไรพี่เหว่ย!!!"
ผมโพล่งถามออกไป ไอ้ตี๋ก็หยุดแกะเชือกแล้วหันไปมองสองคนนั้น ดูเหมือนไอ้ตี๋ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรกับพี่ชายตัวเอง
พี่เหว่ยเงียบและก้มหน้างุดซบลงไปบนไหล่ไอ้กร ไอ้กรยิ้มกว้างก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมแทบระเบิด
'ผมก็ทำหลายอย่างเลยล่ะ จนคุณเหว่ยเดินไม่ได้เลย ฮ่าฮ่าฮ่าๆ...'
ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากสบถด่ามัน เสียงพี่สาวผมก็ดังมาจากทางด้านหลัง
เมย์ : ตายแล้ว!! คุณกรคะ อย่าทำรุนแรงกับเพื่อนพวกเรานักสิคะ
'ผมไม่ได้ทำรุนแรงเลยนะ ผมดูแลเหว่ยดีจะตาย ผมทายาให้คุณด้วย...ใช่มะ'
ไอ้เวรกรตอบพี่สาวผมก่อนจะหันไปจบประโยคที่พี่เหว่ย พี่เหว่ยพยักหน้าเบาๆเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่าสิ่งที่ไอ้กรพูดเป็นความจริงทั้งหมด ผมเอามือข้างที่หลุดจากเชือกแล้วกำแขนไอ้ตี๋สะท้อนแสงโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ผมออกแรงบีบแล้วไอ้ตี๋มันร้อง
"โอ๊ยเจ็บๆ ปล่อยๆๆๆ"
ผมปล่อยมือออกจากแขนไอ้ตี๋อัตโนมัติ พวกพี่สาวตัวแสบทั้งสามรีบเข้ามาแก้มัดให้ผมพร้อมอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พี่เหว่ยกับไอ้กรฟัง ซึ่งเรื่องที่เล่ามันไม่เป็นความจริงเลยซักนิด พี่สาวผมเล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะว่าพวกเราห้าคนเล่นเกมส์กันระหว่างรอให้พี่เหว่ยกับไอ้กรออกมาจากห้อง แล้วผมเป็นคนแพ้เกมเลยถูกจับมัดทรมาน
พี่เหว่ยและไอ้กรดันเชื่อแล้วหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
เมื่อผมหลุดจากเชือก ผมไม่มีแรงจะจะยืนด้วยซ้ำ ผมรู้สึกเหมือนว่าความหวังทั้งหมดมันพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ทลายลงโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้ทั้งที่มันอยู่ต่อหน้า ผมถูกจับมัดให้มองความหวังตัวเองพังลง
ผมส่งสายตาตัดพ้อไปให้พี่สาว ผมส่งสายตาเศร้าๆให้พี่เหว่ย ผมไม่อยากมองหน้าไอ้กรเลยแต่ผมก็จ้องหน้ามันนิ่ง สุดท้ายก่อนผมลุก ผมหันไปจ้องหน้าไอ้ตี๋คนที่แกล้งผมหนักสุด คนที่เห็นดีเห็นงามให้พี่ชายตัวเองไปเป็นของไอ้กร
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวตลก ถึงจะไม่มีใครหัวเราะแล้วก็เถอะ แต่ทุกสายตาในห้องนี้ก็ยังจับจ้องมาที่ผม พวกเขายิ้มอย่างมีความสุขกันในขณะที่ผมไม่เหลือ...ไม่เหลือแม้แต่หัวใจ ไม่เหลือเลยจริงๆ
ผมลุกขึ้นโดยพยายามแสดงท่าทีองอาจไว้ให้มากที่สุด พยายามซ่อนความเศร้าและความสิ้นหวังเอาไว้เท่าที่จะทำได้แล้วกระโจนออกจากห้องพี่เหว่ยทันที
~มีเสียงเรียกผม...แต่ผมไม่สนใจ
~มีเสียงเรียกผมอีก...แต่ผมจะไม่หันไป
~มีเสียงเรียกผมอีกหลายครั้ง แต่มันก็หายไปหลังจากผมกระแทกประตูให้ปิดลง
.....ตอนนี้ผม....อยู่คนเดียว
----------------------------
รู้ตัวอีกทีผมก็กระดกเหล้าอยู่ที่บาร์ซักแห่งในเชียงใหม่ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจอดรถที่เช่ามาจากสนามบินไว้ที่ไหน ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ดึงกุญแจรถออกหลังจอดรึเปล่า
ผมรับรู้เพียงมันเจ็บ มันสิ้นหวัง มันแค้น! ไม่ได้แค้นไอ้กร ไม่ได้แค้นพี่เหว่ย แต่แค้นคนที่ขัดขวางผม โดยเฉพาะไอ้ตี๋น้องชายของพี่เหว่ย ทั้งๆที่มันเป็นคนเดียวที่จะหยุดแผนบ้าๆของพวกพี่สาวผมได้ในฐานะเป็นน้องชายของพี่เหว่ย แต่นี่กลับเห็นดีเห็นงามร่วมส่งตัวพี่ชายตัวเองให้ไปเป็นของคนอื่นด้วย ถึงขนาดบินมาจากกรุงเทพเพื่อร่วมแผนการสิ้นคิดนี่
~ตึกก !!!
ผมวางแก้วเหล้าแก้วที่สิบแปดลงบนบาร์อย่างแรงเช่นเคย ในหัวผมไม่ได้มึน ผมยังไม่เมาด้วยซ้ำ และผมคิดออกแล้วว่าจะเริ่มระบายความโกรธที่ไหน ไม่สิ! ต้องบอกว่าคิดออกแล้วว่าจะเอาความโกรธและความแค้นทั้งหมดไปลงที่ใครมากกว่า
ผมวางแบงค์พันสามสี่ใบไว้ก่อนจะลุกเดินออกไปตามหารถ หัวใจมันเริ่มสูบฉีดเลือดรุนแรงขึ้น ผมตื่นเต้น มันรอที่จะแก้แค้นไม่ไหวแล้ว ผมจะชกไอ้เวรนั่นให้ซี่โครงหัก เอาให้ปอดพังไปข้างนึงเลยก็ดี แล้วถ้ามีโอกาสล่ะก็ ผมจะหักแขนมันซักข้าง
-หยง-
ผมพึ่งกลับมาจากคอนโดพี่ชาย ถ้าไม่นับเรื่องที่คุณชายมรรควิ่งหนีออกไป วันนี้สนุกสนานเฮฮามากทีเดียว ผมพอใจมากเมื่อได้พูดคุยกับคุณกรชายที่จะมาดูแลพี่ชายผม เขาเหมือนแสงอาทิตย์ ยิ้มแย้ม และตลกอยู่ตลอดเวลา มันเป็นส่วนผสมที่ตรงข้ามกันสุดขั้วกับพี่ชายผมเลย แต่ก็อย่างว่า พวกเขาเหมาะสมกันมากจนหาจุดจะแยกไม่ได้
ผมได้คุยหลายเรื่องกับเฮียเหว่ยหลังไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ผมไม่วายชวนเฮียกลับไปช่วยบริหารธุรกิจหลายๆอย่างของครอบครัวเหมือนเช่นทุกครั้ง เฮียก็ยังส่ายหัวเหมือนทุกๆครั้งตามเคย
ตัวผมทั้งๆที่ไม่ได้เรียนจบบริหารมา แต่กลับต้องมาบริหารธุรกิจของตระกูล โดยเฉพาะกิจการนำเข้าและขายรถของเตี่ยที่ตอนนี้แทบจะผูกขาดตลาดในกรุงเทพมหานคร ผมต้องบริหารโชว์รูมรถหรูกว่าสิบสองสาขาเพียงคนเดียว แต่มาถึงตอนนี้ผมก็มีความสุขดี หลังจากเหนื่อยช่วงแรกๆแต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมยอมจับงานทั้งหมดของตระกูลเองและให้พี่ชายได้ทำอาชีพที่เขาอยากทำ เฮียเหว่ยเสียสละหลายๆอย่างในชีวิตให้ผมมามาก และเป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุด แค่นี้เล็กน้อยถ้าผมจะทำเพื่อเฮีย แต่จะว่างั้นทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมเองก็รู้สึกว่างานบริหารมันก็สนุกดีนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
ผมแยกกับพวกเจ๊ๆตัวแสบที่ชั้นสิบเก้า ก่อนที่ผมจะขึ้นสู้ชั้นบนสุดของโรงแรมคือชั้นยี่สิบ จริงๆผมอยากได้ห้องพิเศษขนาดกลางที่ชั้นสิบเก้าเหมือนที่พวกเจ๊เมย์พักกัน แต่ว่ามันเต็มทุกห้อง ผมเลยต้องถ่อขึ้นมานอนห้องซุปเปอร์วีไอพีที่ชั้นบนสุด จริงๆมันก็ใหญ่ดีนะ แต่อยู่คนเดียวมันวังเวงมาก...วังเวงจริงๆ แถมค่าห้องยังแพงแบบตับทำงานล้มเหลวได้เลย
หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็ง่วนอยู่กับการพยายามทำให้รอยนิ้วบีบแดงๆที่ข้อมือข้างซ้ายหาย ผิวของผมมันขาวมากซะจนเจออะไรบีบนิดๆหน่อยๆก็เห็นเป็นรอยชัดเจน แล้วนี่โดนมือพลังช้างสารของคุณชายมรรคบีบเข้าไป เป็นรอยแดงเถือกน่ากลัวมาก
ผมวางขวดยานวดลงและพึ่งคิดออกว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีแค่ผ้าเช็ดตัวโพกอยู่ผืนเดียว ผมจัดการเช็ดผมที่เปียกจนแห้งและหวีมันให้เข้าทรง ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปทีกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น
ผมเดินไปส่องดูตาแมวแล้วก็ต้องผงะ คุณชายมรรคมากดกริ่งห้องผม! เขาไปไหนมา แล้วมาอยู่หน้าห้องผมได้ยังไง เขารู้รึเปล่าว่าพี่สาวเขาเป็นห่วงมากขนาดไหน เขาปิดโทรศัพท์ทำไม สภาพจิตใจเขาจะเป็นยังไงบ้างหลังจากต้องเผชิญเรื่องราวทั้งหมดในวันเดียว คำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวผมส่งผลให้ผมรีบเปิดประตูเพื่อถามสารทุกสุขดิบกับเขาทันที
"คุณชาย เป็นอะไรรึเปล่าครับ คุณไปไหนมารู้รึเปล่าว่าพี่เมย์เป็นห่วงคุณมาก แล้วก็..."
พลั่กก!!
ผมถูกผลักอย่างแรงจนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ข้อเท้าของผมระบมไปหมด ผมรีบปัดผ้าเช็ดตัวกลับลงไปปิดต้นขาเพราะมันถลกขึ้นมาจนเกือบจะถึงส่วนโป๊เปลือยของผมเลยทีเดียว ผมเงยหน้ามองคุณชายมรรคด้วยอารมณ์ตื่นๆ