ฟิน!!!ไปกับภาพ
โยโย่ : มาดูลิ้นใครยาวกว่ากัน

ลูกดิ่ง : ลิ้นผมยาวกว่าเห็นๆ
โยโย่ : หึ! พูดไม่ได้ ต้องพิสูจน์
ลูกดิ่ง : ยังไง?
โยโย่ : ลองเอามาพันกันดู ลิ้นใครรัดอีกฝ่ายได้ถือว่า..ชนะ ลิ้นยาวกว่า
ลูกดิ่ง : หน้าแดงเป็นตำลึงสุก พูดไม่ออก เถียงไม่ได้ เอาแต่ก้มหัวเหม่งให้พี่โย่ จูบแทนการพันลิ้น
สนามรัก..นักบอล
Part 23
30%ปล. ใครที่ยังไม่ได้อ่าน 70% ให้กลับไปอ่านได้ที่หน้า 52 นะคะ “เดี๋ยว!” เสียงทุ้มบอกรุ่นน้อง ลูกดิ่งกำลังซิทอัพกล้ามท้อง รุ่นพี่ตัวโตเรียกให้หยุด หน้าใสชื้นเหงื่อหันมองงงๆ
ไม่เข้าใจพี่โย่บอกให้หยุดทำไม นับได้เกือบห้าสิบครั้งแล้ว
ลูกตาเรียวสวยจ้องมีคำถาม คนตัวโตสวมกางเกงวอร์มสีน้ำเงินเสื้อกล้ามสีขาว
เผยท่อนแขนแกร่งไรขนหน้าอกโผล่เว้าคอเสื้อแลดูเซ็กซี่แมนอย่างกับนายแบบแม็กกาซีน
ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ทำในสิ่งที่นักเตะซึ่งอยู่ในห้องฟิตเนส ถึงกับตะลึงไปตามกัน
ร่างสูงใหญ่ไม่สนสายตาใคร ดิ่งเข้าไปหารุ่นน้องผิวขาวหน้าอมชมพูเลือดลมวิ่งพล่าน
ผลจากการออกกำลังกายต่อเนื่อง ลูกดิ่งนั่งเป็นหุ่นโดนสตั๊นไปแล้ว โยโย่ยื่นมือผูกเชือกรองเท้าให้
ท่ามกลางสายตาสามสิบคู่ ชะงักมองการกระทำดังกล่าวอย่างเหลือเชื่อ บางคนแอบสบตามีทำปากพะเยิบพะยาบไร้เสียง
อ่านริมฝีปากได้ความว่า
‘เทพบุตรผูกเชือกรองเท้าให้น้องแทค..?”
‘ไอ้โย่ผูกเชือกรองเท้าให้ลูกดิ่ง..?’
‘ไอ้หล่อใหญ่..ผูกเชือกรองเท้าให้ไอ้หล่อเล็ก..?’
“ศูนย์หน้าบริการผู้รักษาประตู..?”
นักเตะที่คุ้นเคยนิสัยโยโย่ต่างอ้าปากพะงาบไม่เล็ดรอดเสียงออกมา อาศัยคุยเป็นภาษาใบ้
คนตัวโตที่เป็นประเด็นสนใจขณะนี้ ไม่คิดชายตาแลพฤติกรรมเพื่อนร่วมทีมแม้แต่น้อย
มีเพียงกัปตันทีมชำเลืองมองกระตุกยิ้มมุมปาก ส่ายหัวให้ความบ้าระห่ำของเพื่อนรัก
ช่างกล้าท้าทายกล้องวงจรในห้องจริงๆ สงสัยเดินเครื่องยั่วประสาทย่ามันเต็มกำลัง
“พี่เกรียง..พี่เกรียง” ยุทธกระซิบเรียกพี่เลี้ยงส่วนตัว สองหนุ่มต่างวัยอยู่กับเครื่องเล่นกล้ามแขนใกล้ๆ กัน
“อะไร” เกรียงถาม
“พี่โย่..ผูกเชือกรองเท้าให้ไอ้ดิ่งนั่น” ยุทธบุ้ยปากให้แผ่นหลังกว้างของโยโย่ที่อยู่ห่างพอสมควร
เรียกเกรียงดูพฤติกรรมช็อคโลก
“เห็นแล้ว” เกรียงตอบหน้าตาย
“ไม่แปลกเหรอพี่” ยุทธยังทำเสียงแหบในคอ เหมือนกลัวใครได้ยิน ทั้งที่นักเตะในห้องพากันชะงักกิจกรรม
เหล่ตามองดาวซัลโวรูปหล่อผูกเชือกรองเท้าให้รุ่นน้องอย่างสนใจไปแล้ว
“แปลกยังไง” เกรียงตีมึน..ถามหน้านิ่ง
“โห..งั้นพี่มาผูกเชือกรองเท้าให้ผมเลยป่ะ” ยุทธตีรวน
“เชือกรองเท้ามึงหลุด” เกรียงทำเป็นเหลือบตาดูที่รองเท้ายุทธ เห็นปกติดีเชือกไม่ได้หลุด
“ผมทำให้หลุด พี่ลงมือผูกด้วยนะ” ไม่รอฟังคำตอบรับ ก้มไปดึงหูเชือกรองเท้า กระตุกปมออกทันควัน
“อ่ะ..ผูกให้ผมดิ” มีการยกขาโชว์อีกต่างหาก
“มึงผูกเองดิวะ อยู่ดีๆ แกะออกทำไม” เกรียงนิ่วหน้าใส่รุ่นน้องตัวดี
“อ้าว! อยากรู้พวกพี่เค้าจะสนใจพวกเราหรือเปล่า” ยุทธแจงเหตุผลที่แกะเชือกรองเท้าออก
“อยากรู้มาผูกให้พี่แทนดิ” เกรียงยิ้มปากกว้าง กระดิกเท้าให้ยุทธเป็นฝ่ายผูกให้ตัวเองแทน
“โด่! จ๊าบตรงไหน ผมผูกให้พี่มันปกติ รุ่นน้องบริการรุ่นพี่ใครเห็นคงไม่ชะงักหรอกน่า พี่ผูกให้ผมดิ
รุ่นพี่ลงมือผูกเชือกรองเท้าให้น้อง ไม่อยากจะคิด..อร๊าก!..โคตรอบอุ่น” มีการสั่นไหล่ประกอบคำพูดไปด้วย
“ชาติหน้าก่อนยุทธ..มีอยู่คนลองขอเขาผูกให้ดิ”
“ใครวะครับ” ยุทธถามด้วยท่าทีสนใจ
“แพทย์สนาม ที่มึงบอกเขาฝันดีทุกคืน” กลับเป็นยุทธอ้าปากค้างหน้าแดงหูแดงใบ้แดกในพริบตา
ส่วนเกรียงกลั้วยิ้มอย่างถูกใจ
“พะ..พี่แอบฟังผมคุยโทรศัพท์เหรอ” ชี้นิ้วเอาเรื่อง
“แอบห่าไร..มึงทำตัวมีพิรุธ ทีแรกนึกว่าคุยกับหญิง ดันบิดไปบิดมาเหมือนหนุ่มน้อยริรัก พอได้ยิน..‘ฝันดี..หมอ’
รู้ทันทีมึงคุยกับใคร” ยุทธพูดไม่ออก ลืมสนใจโยโย่กับลูกดิ่งไปเลย พวกนักเตะที่เหลือเริ่มทำกิจกรรมฟิตร่างกายเหมือนเดิม
หนุ่มตัวโตซิทอัพกับรุ่นน้องในความดูแล ทำเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ
คนที่โดนสตั๊น ประหลาดใจที่โยโย่ลงทุนผูกเชือกรองเท้าให้รุ่นน้อง นับเป็นปรากฎการณ์เหนือความคาดหมาย
หนุ่มหล่อเคราดกดีกรีลูกชายประธานสโมสร มีหรือจะลงทุนทำอะไรแบบนี้..
“เฮ้ย! พี่เกรียง อย่าบอกใครนะ ผมกำลังหาประสบการณ์” ยุทธเอานิ้วแตะปาก สั่งห้ามไม่ให้รุ่นพี่ปากโป้ง
“คึคึ! ประสบการณ์หรือประสบกาม ได้ลองมีหวังกู่ไม่กลับ” เกรียงหัวเราะไหล่สั่น
“พี่รู้ได้ไง” ยุทธคิ้วขมวด เหล่ตาคมจ้องเกรียงอย่างจับพิรุธ
“ไม่รู้..ไม่เคยมีประสบการณ์ แค่ฟังมา..ของแบบนี้หากไม่ดีจริง พวกรูปหล่อหน้าตาดีคงไม่คบกันเกลื่อนเมือง”
เกรียงหัวเราะไปด้วย
“เอาไว้ผมลองก่อนค่อยว่ากัน แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ” ยุทธย้ำพี่แทคส่วนตัว อย่างเห็นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“เออน่า..เรื่องของผัวเมียจะปี้กัน..ฮะฮ่าๆๆ” เกรียงดันทะลึ่งขำตัวงอ ยุทธหน้ามุ่ยทำปากยื่นใส่รุ่นพี่ด้วยความหมั่นไส้
>
>
“พี่ไม่น่าผูกให้ผม บอกได้นี่ครับ” ระหว่างพักยก ลูกดิ่งที่ยังไม่หายอาการหน้าแดง
เขาเขินจนอยากเอาหน้าจุ่มถังน้ำแข็ง ดีไม่มีใครมองแล้ว เลยกล้าบอกรุ่นพี่ตัวโตที่ทำหน้านิ่ง
“ทำไม..เท้าดิ่งล็อกเครื่องเล่น พี่ผูกให้สะดวกกว่า” โยโย่ให้เหตุผลที่เป็นความจริง
รุ่นน้องต้องอาศัยเอาข้อเท้าล็อคเครื่องเล่นเพื่อดึงกล้ามท้อง
“มันไม่สมควร พี่เป็นพี่ผมเป็นน้อง ทำแบบนี้แม่รู้ผมโดนดุตายเลย” ลูกดิ่งไม่รู้อ้างอะไร เลยยกแม่เฉย
เชื่อว่าถ้าแม่ญาดารู้คงโดนอบรมหูชา
“คิดแบบนั้นเหรอ พี่ไม่คิดเหมือนดิ่ง คนที่พี่รักอยากดูแลเป็นพิเศษ เป็นพี่เป็นน้องไม่มีความหมายอะไร..
ดิ่งเป็นมากกว่านั้น” เจอประโยคนี้เข้า ลูกดิ่งรู้สึกหน้าจะระเบิด นอกจากไม่มีคำพูดแล้ว
เขายังไม่สามารถอยู่ให้ไฟลุกหน้าได้ต่อไป
“ผมเข้าห้องน้ำแป๊บครับ” พึมพำบอกเบาๆ ผลุนผลันเดินก้มหน้าตรงไปห้องน้ำทันที
ปล่อยคนตัวโตอมยิ้มโหนกแก้มกระตุก ชอบใจอาการเขินจัดของรุ่นน้องที่โดนหยอดเต็มรัก
โยโย่รู้สึกเอ็นดูท่วมท้นหัวใจ อกข้างซ้ายฟูฟ่องอิ่มเอิบ
แม้น้องยังไม่ตอบรับความรู้สึกอย่างที่ต้องการ พัฒนาการที่เป็นอยู่ล้วนเป็นแนวโน้มที่ดี
ต้องใช้เวลา..ผู้ชายซึ่งกำลังสับสนความรู้สึกตัวเอง..
>
>
>
“บ่ายสามเลยเหรอ..มาเร็วกว่านั้นไม่ได้หรือไง” ยุทธคุยโทรศัพท์อยู่นอกห้องฟิตเนส
หลังโค้ชพี่โจ้กับโค้ชอรุณให้นักเตะพัก ค่อยเริ่มเอากำลังต่ออีกรอบ ตอนนี้ใกล้สิบโมงแล้ว
[เทสเช้าเลิกประมาณเที่ยง นัดเพื่อนทานข้าวว่างจริงบ่ายสาม นายมีอะไรด่วน] ผสุตอบคนในสาย
เดี๋ยวนี้เขาไม่แปลกใจหรือรำคาญเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าใครโทรมา คงเริ่มชินจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำไปแล้ว
ที่ยุทธจะโทรมา โดยเฉพาะสามสี่ทุ่มก่อนนอน
“ผมจะกลับบ้าน” ยุทธตอบน้ำเสียงติดอ้อนนิดๆ
[แล้วไง..ก็ดีแล้วนี่] ผสุถามด้วยไม่รู้จุดประสงค์ของยุทธ
“ไหนใครบอกจะไปส่ง” ยุทธทวงสัญญา
[ฉันรับปากเมื่อไหร่ ว่าจะไปส่ง] ผสุไม่แน่ใจ เขาไปรับปากตอนไหนว่าจะส่งยุทธกลับบ้าน
“โห..อะไรวะ..ไม่ทันไรลืมซะแล้ว” ยุทธตัดพ้อทันที
[นี่..อย่าทำนิสัยไม่รู้จักโต ฉันถามว่ารับปากเมื่อไหร่ จำไม่ได้ไม่ใช่ต้องการบิดพลิ้ว
แล้วตกลงฉันไปรับปากนายตอนไหน] ผสุย้ำ เผื่อบางทีเขาเป็นฝ่ายลืมเอง
“หลังกลับจากดูหนังไง ผมบอกแล้วอาทิตย์นี้สโมสรอนุญาตให้กลับบ้าน ชวนหมอไปด้วย รับปากแล้วทำลืม”
ยุทธเหมาเอาดื้อๆ ความจริงเขาชวนแต่ผสุบอกว่าขอดูก่อน ไม่ได้รับปาก ขืนพูดแบบนั้นผสุคงไม่ยอมมารับเขากลับบ้านแน่นอน
[คลับคล้ายคลับคลานายชวน แต่ฉันไม่แน่ใจว่ารับปากนี่สิ] ผสุไม่แน่ใจเท่าไหร่
ส่วนใหญ่เขากับยุทธมักเถียงกันมากกว่า เพิ่งมีพักหลังที่หนุ่มตัวล่ำหน้าคมจะคุยดีด้วย
เลยพอจะพูดกันรู้เรื่องไม่เสียอารมณ์มากนัก
“ไม่ต้องมาพูดเลย ตกลงมารับหรือเปล่า ผมไม่มีรถกลับ ถ้าจะกลับก็ต้องนั่งรถสโมสรไปต่อเอาเอง
หมอบอกมาคำเดียวจะมาไหม” ยุทธพูดไปแบบนั้น ในใจก็ลุ้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวคำตอบของคนปลายสาย
[เออ..รอได้เปล่าบ่ายสาม] ผสุตัดบท ถ้าเขารับปากจริงก็ไม่อยากได้ชื่อว่าไม่รักษาคำพูด
อีกอย่างการไปส่งยุทธที่บ้านก็ไม่ลำบากอะไร
“ได้ครับ..รีบมานะ..ผมจะรอ” ยุทธยิ้มแก้มแตกไปเรียบร้อย
ก่อนหุบยิ้มฉับ..เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของคนปลายสาย
[แล้วลูกดิ่งกลับยังไง ชวนไปด้วยกันเลยดิ] หน้าคมเข้มบึ้งทันควัน
“ถามแล้ว มันไปธุระกับพี่โย่ ทำไม..ไอ้ดิ่งไม่ไปหมอจะไม่มาหรือไง ถ้างั้นก็ไม่ต้องคุย”
ยอมรับอารมณ์ขึ้น เหมือนเขาเป็นตัวเลือกที่ผสุไม่แคร์ความรู้สึก ตรงข้ามยุทธรู้สึกแปลกขึ้นทุกวัน
พอไม่ได้คุยโทรศัพท์ด้วยพานรู้สึกกระวนกระวาย แต่ผสุคอยแต่ถามถึงลูกดิ่งเสียนี่..
[พูดเหมือนนายหึงฉัน ตกลงเราเป็นอะไรกัน] ผสุแค่ต้องการแกล้งหยอกอีกฝ่าย หลังจับน้ำเสียงไม่พอใจของยุทธได้
“อยากเป็นไหมเล่า ไม่ต้องรอประกาศรายชื่อหรอก ลองเลยไหมล่ะ จะได้รู้ว่าผมมีดีกว่าที่คิด” ยุทธสวนทันควัน
[ปากดีเกรียน..ฉันไม่อยากให้นายเดินขัด พานซ้อมไม่ได้เป็นเรื่อง] ผสุขำคำท้าทายของยุทธ
“ไม่ใช่ดีแต่ปากนะหมอ ตกลงจะมารับหรือไม่มา..เอาดีๆ”
[เออบอกไปก็ไปดิ หัวไม่ล้านนอยด์ไปได้] นักศึกษาแพทย์หน้าขาว
ประชดจนได้ พักหลังรู้สึกยุทธรบเร้าผิดปกติ บางทีพาใจสั่นได้เหมือนกัน
“อืม..ผมจะรอนะ..ดูแลตัวเองด้วยครับ..หมอ”
เสียงทุ้มหล่อที่คนพูดเจตนาบอกคนฟังรับรู้ เล่นเอาปลายสายหน้าร้อนได้ไม่ยาก
[อืม..] ขานสั้นๆ ต่างฝ่ายต่างวางหู ยุทธยิ้มแฉ่ง
ในขณะผสุนั่งเหม่อจนเพื่อนร่วมคลาสสะกิดนั่นแหละ ถึงรู้ตัวว่ากำลังใจลอย..
>
>
>
“พี่อยู่คนเดียวเหรอครับ” ลูกดิ่งถามด้วยความแปลกใจ คอนโดรุ่นพี่กว้างขวางเป็นห้องชุด
ตกแต่งมีสไตล์ ยืนพื้นสีขาวควันบุหรี่และเหลืองครีม
ทำให้บรรยากาศภายในห้อง ซึ่งตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงดูหรูและคลาสสิคไปในตัว
มีสองห้องนอนสองห้องน้ำ ลีฟวิ่ง แคนทีน ระเบียงปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นสวนขนาดย่อม
มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสุดลูกหูลูกตา คอนโดอยู่ย่านปทุมธานี ห่างตัวกรุงเทพฯ มาพอสมควร
“อืม” รุ่นพี่ตัวโตตอบสั้น
“คงแพงน่าดู” รุ่นน้องประเมินราคาจากการตกแต่ง ระบบรักษาความปลอดภัยใช้สแกนนิ้วมือ
“เกือบยี่สิบล้าน” คำตอบที่ได้ ทำเอาลูกดิ่งตาโตเป็นไข่ห่าน
“ยี่สิบล้าน โห..ซื้อบ้านได้ตั้งหลายหลัง” คำพูดซื่อๆ
จากความคิดไม่มีกั๊กของลูกดิ่ง ทำเอาโยโย่เผยรอยยิ้มกว้างทันที
“หึหึ! คิดแบบนั้นไม่ผิด ที่นี่มีคนดูแลให้เราหมด สะดวกสบายไม่ต้องกังวลเรื่องจุกจิก
ซื้อบ้านถ้าไม่ได้อยู่ใครจะทำความสะอาดให้พี่ครับ” ลูกดิ่งทำตาปริบๆ ตรึกตรองสิ่งที่พี่บอกอย่างใคร่ครวญ
“พี่ไม่ได้มานอนหรือครับ” ถามด้วยความสงสัย
“มาเสาร์-อาทิตย์ ที่เหลืออยู่สโมสร” โยโย่พารุ่นน้องเดินดูห้องและมุมตกแต่งต่างๆ ชวนคุยไปด้วย
“สวยชะมัด มีสองห้องเก็บไว้ให้ลูกหรือครับ” คำถามหลุดไม่ทันคิด
ทำเอาคนฟังหยุดกึก หันมาจ้องตาคนถามนิ่ง ลูกดิ่งสำเหนียกว่าพลาดไปถนัดที่ถามแบบนี้
“เออ..ผมแค่คิดว่าห้องว่างน่าจะให้...” ไม่กล้าเติมประโยค ปล่อยให้มันหายไปดื้อๆ
“ถ้าพี่แต่งงานกับผู้หญิงเรื่องลูกเป็นไปได้ แต่พี่ดันอยากแต่งผู้ชาย ห้องนั้นเก็บไว้ให้แม่ยายมาพัก
เป็นความตั้งใจที่เพิ่งนึกขึ้นได้ ดิ่งว่ายังไงหืมเห็นด้วยกับพี่ไหมครับ” โยโย่เก๊กหน้าจริงจัง จ้องตารุ่นน้องนิ่ง
ลูกดิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ชักวางตัวไม่ถูก
“คะ..ครับ..ก็ดีครับ” รุ่นพี่เล่นไม่ยอมละสายตา เขาไม่รู้ทำไงตอบรับโดยไม่คิดอะไร
นอกจากต้องการเบนความสนใจพี่ ไปจากหน้าเขาเสียก่อน คงแดงแปร๊ดไปแล้วแน่นอน
“ดีเลย ไปบ้านดิ่งพี่จะได้ชวนแม่ล่วงหน้า” โยโย่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เหมาเอาคำพูดรุ่นน้องดื้อๆ
“หา..พี่จะชวนแม่ผมมาที่นี่” ลูกดิ่งออกอาการตกใจอย่างเก็บไม่อยู่
“อืม..พี่เพิ่งบอกดิ่งไปหยกๆ เก็บไว้ให้แม่ยายมาพัก ไม่ชวนแม่ดิ่งมา จะให้พี่ไปชวนใครครับ”
โยโย่ตีหน้าซื่อบอกรุ่นน้องหน้ามึน เล่นเอาลูกดิ่งใบ้กินเอ๋อแดกไปหลายวิ
“พี่ครับ..อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้นะครับ ผมยังไม่พร้อม ให้เวลาผมอย่างที่เราคุยกันไว้ได้ไหมครับ”
ลูกดิ่งออกอาการใจเสียไปแล้ว
“พี่ไม่ได้พูดสักคำว่าจะบอกแม่นี่ครับ หรือดิ่งอยากให้พี่บอก” โดนพี่แกล้งแล้ว
รุ่นน้องชักรู้สึกว่ารุ่นพี่หน้าหล่อยั่วโมโหเป็นก็เดี๋ยวนี้แหละ
“พี่บอกจะชวนแม่ผมมาที่นี่” ลูกดิ่งย้อนคำพูดรุ่นพี่
“ชวนแม่มาเที่ยวคอนโด จำเป็นต้องบอกหรือครับว่าพี่จีบลูกชายแม่มาเป็นแฟน”
ลูกดิ่งหน้าร้อนวูบ หลังรุ่นพี่พูดมาแบบนี้ แอบสบถในใจ ‘ให้ตาย!..คิดไปไหนแล้วนี่เรา’
ตรงข้ามรุ่นพี่ รู้สึกบันเทิงใจมาก โยโย่มีความสุขที่เห็นอาการลูกดิ่งไปไม่เป็น จะปฏิเสธรุ่นน้องก็ไม่ทำ
ดูเหมือนยอมรับกลายๆ ทั้งที่เขาพูดโจ่งแจ้งชัดเจนกับจุดยืนตัวเอง เหมารุ่นน้องเป็นแฟนดื้อๆ ลูกดิ่งพูดไม่ออก
“ขอโทษครับ ผมไร้สาระไปหน่อย..แหะๆ” แก้เขินด้วยการเกาหัวแกรกๆ เขาไม่รู้ควรพูดอะไรดีไปกว่านี้
“คิดมาก..นั่งที่สวนนะ ทานของว่างรองท้อง อาทิตย์ที่แล้วพี่ไปบ้านดิ่ง เล่นกีต้าร์กล่อมจนหลับ
มาที่นี่พี่เล่นให้ดิ่งฟังบ้าง..ตกลงไหม” โยโย่ไม่อยากให้ลูกดิ่งอึดอัด เปลี่ยนบรรยากาศเสียเลย รุ่นน้องตอบรับคำชวน
สวนสวยตรงระเบียง เป็นสถานที่ของสองหนุ่มนั่งพักผ่อนแบบชิวๆ กีต้าร์โปร่งในมือรุ่นพี่ยี่ห้อแพงกระเป๋าฉีก
คนละตัวกับที่อยู่ห้องพักสโมสร โยโย่หยิบมาจากมุมลีฟวิ่ง บนโต๊ะมีสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ
โทรสั่งจากข้างล่าง น้ำกีวีปั่นสองแก้ว สำหรับทานเล่นพลางๆ
“เสียงเพราะมากครับ” ลูกดิ่งชมจากใจ แค่รุ่นพี่ปรับสายเสียงใสแจ๋วของกีต้าร์ตัวนี้ก็พาเอาทึ่ง
“ลองเล่นไหม” โยโย่อมยิ้มกับท่าทางประทับใจกีต้าร์ของลูกดิ่ง
แววตาสีหน้าไม่มีเสแสร้งปิดบัง พลอยทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้
“ไม่ดีกว่า ผมอยากฟังพี่ร้องด้วยครับ” ลูกดิ่งยิ้มละไมโชว์เขี้ยวสวยให้รุ่นพี่แสบตาไปอย่างไม่ตั้งใจ
“พี่เล่นเพลงเก่า ดิ่งเคยฟังหรือเปล่า มาว่าพี่แก่ไม่ได้นะครับ พี่ชอบความหมายของเพลง
เหมาะกับใครสักคน ซึ่งเป็นคนพิเศษของเรา” โยโย่พูดพร้อมกับจ้องตารุ่นน้องฉ่ำเยิ้ม ลูกดิ่งเขินขึ้นมาเฉย
เฉใช้ส้อมจิ้มสาคูเข้าปากเพื่อหลบการปะทะสายตากับรุ่นพี่
“ร้องมาเถอะครับ ผมไม่ว่าพี่แก่หรอก” พูดอุบอิบบอกรุ่นพี่ไป
“หึหึ..ไม่เพราะเหมือนต้นฉบับหรอก พี่ร้องในแบบของพี่..กลั่นจากหัวใจล้วนๆ”
พูดพร้อมตาคมวาวหวานจ้องหน้าใสลูกดิ่ง แดงเป็นตำลึกสุกไปเรียบร้อย
นิ้วยาวบรรจงเกาสายกีต้าร์อินโทรเพลงหวานซึ้งก็เริ่มขึ้น
เพลง..หยาดเพชร
คำร้อง - ทำนอง: ชาลี อินทรวิจิตร
ขับร้องโดย: ชรินทร์ นันทนาคร
เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง
หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หยาดเพชร เกล็ดแก้วแววฟ้า
ร่วงมาจากฟ้าหรือไร
หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก
ปล่อยคนทั้งโลกร้องไห้
หยาดเพชร เกล็ดแก้วผ่องใส
แม้อยู่ไกลเกินผูกพัน
แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงลงมา ฟ้าคงไหวหวั่น
ดวงดาวก็พลอยเศร้า โศกศัลย์
มิอาจกลั้นน้ำตาอาลัย
เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส
แม้อยู่ในความมืดมน
เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส
แม้อยู่ในความมืดมน
เสียงทุ้มรื่นหูสายตาคมหวานฉ่ำ ไม่แม้จะชำเลืองคอร์ดกีต้าร์สักนิด
เกาท่วงทำนองรับคำร้องละมุนซึ้ง ลูกดิ่งฟังถึงกับเคลิบเคลิ้มจมดิ่งไปกับความหมายของเนื้อเพลง
ความไพเราะในน้ำเสียงคนร้อง ดึงความคิดทั้งหลายทั้งมวลให้รู้สึกสงบตามไปด้วย
แอบคิดไปว่า หากผู้หญิงได้มานั่งหน้าหนุ่มหล่อเสน่ห์เหลือร้าย ซึ่งกำลังร้องเพลงรักหวาน
แถมความหมายยกย่องชมกันแบบนี้ คงได้ละลายเป็นขี้ผึ้งแน่ ขนาดเขาเป็นผู้ชาย..ยังรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
เผลอจ้องตาคมรุ่นพี่ไม่มีหลบ
เหมือนดวงตาเข้มสามารถดูดกลืนวิญญาณของเขาให้ดำดิ่งเข้าไปอยู่ในนั้น
โอบล้อมเขาไว้ด้วยเสียงดนตรีและเสียงร้องเสนาะหู ท่ามกลางไม้ดอกไม้ประดับร่มรื่นบนคอนโดสูงกว่าสี่สิบชั้น
บรรยากาศโรแมนติกดังหลุดไปอีกโลก ที่ไม่มีใครเลย..นอกจากพวกเขาสองคน..?
มาอัพให้แล้วนะคะ เจอกันอีกทีวันอังคารค่ะ
ขอแนะให้เตรียมทิชชู่ไว้ซับน้ำหมาก..แค่เบาะๆ ออร์เดิร์ฟเสิร์ฟก่อน
เรียกน้ำจิ้มกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่ตามกันมาค่ะ
