รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
ตอนที่ 6
ไม่นะ!
สิทธิ์ ได้แต่นั่งถลึงตามองอีกฝ่าย นึกอยากเอาหัวลงไปโขกโต๊ะสักร้อยรอบ ทั้งที่อุตส่าห์ท่องบทสวดทุกบทที่นึกออกเพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตก แต่สุดท้ายกลับหลุดปากต่อว่าอีกฝ่าย แถมยังแรงมากเสียจนเดียร์ค้างไปเลยด้วย
ก่อนที่สิทธิ์จะได้แก้ตัว อีกฝ่ายก็หันหน้าหนีเขาเสียก่อน เป็นเหตุให้สิทธิ์ออกอาการช็อคอย่างแรง เพราะนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะให้เกิด
“ร้องไห้ด้วยครับ” บริกรแสนดีกระซิบแจงรายละเอียดจนคนหน้าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดหนัก “ถ้างั้น เดี๋ยวผมจะเอารายการไปทำก่อนนะครับ”
พอเหลือกันสองคน ก็บังเกิดความเงียบและความอึดอัดขึ้นทันใด สิทธิ์ได้แต่เลิกลั่กเพราะไม่รู้จะสรรหาคำใดมาทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นได้…
โดยหารู้ไม่ว่าที่จริงแล้ว อีกฝ่ายกำลังปลื้มปิติเสียจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
นี่ล่ะ…นี่มันใช่เลย! เสียงทุ้มตะคอกแรงเสียดแก้วหูที่แสน ทรงพลัง ใบหน้าหงุดหงิดน่ากลัวที่เพียงแค่เห็นก็หนาวไปถึงสันหลัง ดวงตาเรียวที่ฉายแววเกรี้ยวกราด พร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่ใครก็ตามที่อยู่ใกล้อา…สมกับที่สู้รอจริงๆ…ขออีกทีจะได้ไหมหนอ…
“เอ่อ…เดียร์” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างหวาดหวั่น “เมื่อกี้ฉันหงุดหงิดไปหน่อยน่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเดียร์นะ…เอ่อ…ฉัน…ฉันขอ…”
“ไม่เป็นไรครับ”
สิทธิ์ ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อโดนตัดบท ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาที่ดูนิ่งเงียบนั้นไม่ได้ทำให้คนเห็นรู้สึกดีขึ้นแม้ แต่น้อย แต่อาจเพราะน้ำเสียงสะบัดที่เหมือนไม่แยแส อีกทั้งโดนขัดจังหวะก่อนเขาจะได้พูดจบ เลยทำให้รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา แต่ชายหนุ่มก็พยายามตั้งต้นท่องบทสวดให้ตัวเองใจเย็นอีกครั้ง และทำเป็นเมินสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายจงใจทำ
บรรยากาศที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริงและแสนหวาน กลับกลายเป็นความ อึดอัดอึมครึมแทน สิทธิ์พยายามไม่คุยเพราะกลัวตัวเองจะหลุดโกรธออกมาอีกครั้ง เพราะเขาเห็นอีกฝ่ายดูนิ่งผิดจากก่อนหน้า จึงคิดว่าอีกฝ่ายเองก็คงจะไม่พอใจจนไม่อยากจะพูดเหมือนกัน
อันที่จริงแล้ว เดียร์พยายามระงับอารมณ์ชื่นมื่นที่ทำท่าจะปะทุออกมา ขืนพูดออกมาตอนนี้ มีหวังเผลอฉีกยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง แล้วต้องหลุดปากขอให้อีกฝ่ายตะคอกใส่อีกเป็นแน่ รับรอง เจ๊ง
และแล้ว การเดินทางของวันนี้ก็ได้สิ้นสุดลง สิทธิ์ขอตัวขึ้นห้องไปก่อน ปล่อยให้เด็กหนุ่มแสนงามอยู่ภายในห้องนั่งเล่นคนเดียว
“…ไม่มีสัญญาณแฮะ”
เดียร์ ชูมือถืออยู่ตรงระเบียงบ้าน ก่อนจะเก็บกลับเข้ากระเป๋า ใบหน้านิ่งออกอาการขยุกขยิก ดวงตากลมกวาดมองไปรอบบริเวณเพื่อดูว่ามีใครอยู่ตรงนั้นหรือไม่ จากนั้นก็เดินขึ้นห้องด้วยความไวแสง ก่อนปล่อยยิ้มร่าออกมาแบบไม่เกรงใจใคร
บ้าเอ๊ย รู้สึกดีเกินไปแล้ว!
พอ ได้แสดงอารมณ์ภายในใจจนโล่งก็หยิบมือถือของตนขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้มีสัญญาณ ขึ้นให้หนึ่งขีดพร้อมกับเสียงเตือนข้อความเข้าที่สั่นดิกอยู่เกือบสิบนาที
คุณได้รับ 150 ข้อความ
เดียร์ เผลอสำลักเมื่อเห็นจำนวนข้อความที่เยอะเป็นกระตั๊กพอเห็นชื่อผู้ส่งก็ถึง บางอ้อ เพื่อนแสนมาโซผู้เป็นลูกน้องแสนดีของพี่ชายตนนี่เอง
เด็ก หนุ่มกดดูข้อความซึ่งมีเนื้อหาใจความใกล้เคียงกันหมดว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนให้ โทรกลับด้วย เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ขืนบอกสิรับรองว่าคุณพี่ได้ตามมาถึงที่แน่และนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขา อยากให้เกิด…เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย จึงต้องกดปิดโทรศัพท์ไว้กันชาใช้จีพีเอสตามมา…
ดูท่าทางจะไม่มีเวลาเอื่อยเฉื่อยแล้วสินะ
ร่าง บางหันไปมองประตู ในหัวนึกสารพัดว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหัวเสียขึ้นไปอีก และด้วยเหตุฉะนี้ จึงต้องดอดออกไปดูสถานการณ์ของอีกฝ่ายก่อน จะได้เตรียมการถูก
ตอน แรกเดียร์กะจะเคาะประตูและทำทีว่าตัวเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่โดนตะคอก แต่เมื่อได้ยินเสียงคุยอยู่ด้านใน เขาจึงเปลี่ยนใจ มาแอบฟังก่อนแทน
“ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆนะครับ เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยกับเรื่องพวกผม…”
โถ พ่อคนดี แค่ตะคอกใส่ฉันทีเดียวก็รู้สึกผิดแล้วเหรอ จะอ่อนไหวไปไหนหา ตัวก็โตอย่างกับยักษ์ปักหลั่น แล้วฉันก็ไม่ใช่คนดีศรีสังคมที่ไม่ควรดึงลงมาแปดเปื้อนกับการแก้แค้นนี่สัก หน่อย…เพราะ ฉะนั้น อย่าบังอาจคิดกลับลำเอาตอนนี้เชียวนะโว้ย ไม่อย่างนั้นฉันได้กลับไปลงนรกขุมเอาอกเอาใจอีกแน่ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ทำๆต่อไปเหอะน่า จะจับฉันกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ไม่ให้ติดต่อกับผู้คนจนเหมือนบุคคลสาบสูญไปเลยก็ได้ ฉันไม่แจ้งตำรวจแน่ สาบานเลยเอ้า
“อาว่าผมควรจะเลิกดีไหม”
ไม่ดีโว้ย!
สิทธิ์ สะดุ้งจนตัวลอยเมื่อได้ยินเสียงดังปังอยู่ที่ประตู ต้นเหตุได้แต่ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่ไม่ได้เตรียมการไว้ เดียร์รีบลุกขึ้นแล้วทำหน้านิ่ง รออีกฝ่ายเปิดประตูออกมา
“…มีอะไรหรือ”
“คือ…ห้องผมน่ะครับ…” ดวงตากลมช้อนมอง แลดูน่ารักชวนหลงดี หากไม่มีประโยคถัดไปตามมา “มันมีฝุ่นน่ะครับ พอดีผมแพ้ฝุ่นมีสักนิดเดียวก็นอนไม่หลับแล้ว”
มัน เป็นความฝันของผมน่ะครับ ที่จะได้ทรมานด้วยการจามไม่หยุดจนน้ำตาเล็ดเพราะฝุ่น แต่คงเพราะฝ่ามรสุมมาเยอะกระมัง ต่อให้เจอฝุ่นโปะเข้าหน้าก็ไม่เป็นอะไร
“เอ๋งั้นหรือ” ชายหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความยุ่งยากใจ นี่ก็ดึกแล้วแม่บ้านที่อยู่ด้วยน่าจะหลับไปแล้ว อีกทั้งเขาเองก็ไม่อยากไปรบกวนด้วย แต่ปัญหาคือจะให้ทำเองก็ใช่ว่าจะสามารถ แถมยังไม่ชอบสุดๆเลยอีกต่างหาก
ก่อนหน้าก็ดันทำให้กลัวไปแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรให้ประทับใจขึ้น มีหวังอีกฝ่ายคงเมินจนเขาต้องใช้วิธีสุดท้ายที่ไม่อยากจะใช้สุดๆเป็นแน่…ถึงจะเตรียมอุปกรณ์ไว้ครบครันแล้วก็เถอะ
“งั้นมานอนห้องฉันแทนไหม…”
ตาม เรื่องตามราวก็คงดูไม่แปลกหรอก ถ้าชายสองคนจะนอนห้องเดียวกัน ยกเว้นเสียแต่ว่าระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเกินกว่าเพื่อนและไม่ใช่ญาติ อีกทั้งชายคนหนึ่งนั้นก็แลดูงามเกินหน้าเกินหน้าผู้หญิงส่วนใหญ่จนชวนให้ใจ คนมองหวั่นไหวนี่ละ
“เอ่อ ฉันหมายถึงว่า เปลี่ยนห้องกันน่ะๆ” สิทธิ์บอกเลิกลั่กทำอย่างกับว่าอีกฝ่ายเป็นสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาก็ไม่ปาน
เด็กหนุ่มชะเง้อมองห้องด้านใน…ซึ่ง ดูแล้วชวนให้พิศวงยิ่งนัก เขาจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันยังสะอาดพอๆกับห้องเขาอยู่แท้ๆ ไยบัดนี้จึงกลายสภาพเหมือนมีพายุเข้าก็ไม่ปานกันได้ละหนอ แล้วเมื่อกี้เขาก็บอกไปแล้วว่าแพ้ฝุ่น ยังจะกล้าเสนอให้เขาอยู่ห้องนี้อีกนะ…ถึงดูๆแล้วจะน่าอยู่พิลึกดีก็ตาม เพราะปกติก็นอนทั้งที่มีของวางระเกะระกะเต็มที่นอนเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่งั้นนอนไม่หลับกันพอดี
และ ดูท่าทางจะรู้ตัวแล้วว่าเผลอนำเสนอของที่แย่กว่า ถึงได้ยิ้มเฝื่อนและพยายามโบกมือไปมาเพื่อปิดบังห้องที่สวยงามไม่ให้เด็ก หนุ่มเห็น แม้จริงๆแล้วแค่ยืนเฉยๆก็จะแทบมิดแล้วก็ตาม
“งั้นไม่เป็นไรก็ได้ครับ ผมคงขออะไรมากเกินไป” ว่าแล้วก็หนีหายเข้าห้องทันที ปล่อยให้ร่างสูงได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆด้วยความงง
อะไรวะ
สิทธิ์ ยั้งปากทันก่อนจะได้สบถออกมา ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่ใกล้ระเบิด ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอคนเอาแต่ใจแบบนี้ แต่ที่ผ่านมา เขาไม่เคยต้องมาอดทนคอยเอาใจแบบนี้ต่างหาก ลองมางอแงดูสิ พ่อวีนใส่จนหนีกันแทบไม่ทัน
แต่รายนี้ ขืนปล่อยให้หนีแผนก็เจ๊งกันพอดีแม้ที่จริงจะลังเลอยากยกเลิกแผนการบ้าๆนี่อยู่ก็ตาม…แต่พอได้เห็นนิสัยที่ชวนหงุดหงิดนั่นแล้ว ความเห็นใจก่อนหน้าเริ่มระเหยไปจนสิ้น
เนื่องจากไม่ใช่คนที่จะไปง้อใครก่อน เลยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อสถานการณ์แบบนี้ดี สิทธิ์ได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะกดมือถืออีกครั้ง
“เมื่อครู่นี้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างกังวล
“ไม่มีอะไรหรอกครับอาวัฒน์ พอดีผมเผลอกระแทกประตูน่ะ” สิทธิ์บอกพร้อมกับหัวเราะมากเกินไปจนอีกฝ่ายรู้ทันทีว่าสิทธิ์โกหก “คือถ้าเราจะง้อใครซักคนเนี่ย เราควรจะทำยังไงดีหรือครับ”
เงียบนานมาก
“จำเป็นต้องทำขนาดนั้นด้วยหรือครับ”
ชาย หนุ่มยิ้มค้าง อยากจะถามเหลือเกินว่าอารมณ์เสียอะไรถึงได้ตอบด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ขนาดนี้ แต่เพราะกลัวจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ เลยปล่อยผ่านไปเสีย
“อาก็รู้ว่าผมตั้งใจให้แผนนี้สำเร็จแค่ไหนนี่นา” สิทธิ์ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ผมจนปัญญาจริงๆ อาช่วยผมหน่อยเถอะครับ”
“แล้วไปทำอะไรเข้าละครับ”
สุด ท้ายคนในสายก็อ่อนใจยอมเป็นที่ปรึกษาให้จนได้ สิทธิ์ก็เริ่มพรรณนาตั้งแต่การดินเนอร์ที่แสนจะดึกและหิวโซจนกระทั่งเรื่อง ก่อนหน้า หลังจากเล่าจบ วัฒน์ก็ให้คำตอบทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สิทธิ์ได้แต่อ้าปากค้าง
“ก็ บอกตรงๆไปเลยสิครับว่าไม่ชอบ ถ้าอดทนต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องตบะแตกกันเข้าสักวัน ถึงตอนนั้น มันจะแย่กว่าที่เป็นอยู่นะครับ”
“แต่ ขืนทำแบบนั้นแล้วเขาไม่ยอม ขอเลิกผมเลยล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างกังวลไม่สมกับรูปร่าง
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คนฟังหวังอยู่เหมือนกัน ใครที่ไหนมันจะไปเห็นด้วยกับแผนทำให้ศัตรูพ่ายด้วยการลักพาตัวน้องเขามาทำร้ายกัน…แอบนึกเสียดายเมื่อครู่ที่ไม่มีโอกาสได้เชียร์ให้อีกฝ่ายรีบๆล้มเลิกแผนนี่ไปเสียก่อน
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วละครับ ผมคงช่วยได้เท่านี้ละ” หนุ่มใหญ่พยายามไม่ให้ความช่วยเหลือมากไปกว่านี้
สิทธิ์ มองโทรศัพท์ในมือตนหลังจากวางหูไป ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องเลวร้ายที่อีกฝ่ายกระทำกับตน ก่อนจะบีบมือถือแน่นแบบพอประมาณเพราะกลัวจะพังคามือ
เอาเถอะ ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆละก็…
ร่างสูงเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องของเดียร์ แล้วพยายามเคาะอย่างเบามือ
“มีอะไรหรือครับ”
…เขา ยอมรับอยู่อย่างว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาเป็นอาวุธสุดๆ แค่ได้เห็นใบหน้าเนียนใสที่โผล่มาจากช่องว่างของประตู ก็เล่นเอาความโกรธเมื่อครู่ปลิวสะบัด
“ฉันเป็นห่วงกลัวเดียร์นอนไม่ได้” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง…ซึ่งแน่นอนว่ามันดูเสแสร้งเสียจนเด็กสามขวบก็ดูออก “เดี๋ยวฉันจะทำความสะอาดห้องให้เอง”
ก็เข้าแผนน่ะสิ
“จริงเหรอ…แต่คุณสิทธิ์ดูเหนื่อยมากเลยนะ ผมว่าอย่าดีกว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันยินดี” ว่าจบก็พรวดพราดออกไปแบกสารพัดเครื่องมือทำความสะอาดเข้ามาในห้อง “เดียร์ไปรออยู่ข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวฝุ่นมันจะกระจายเอา”
เด็กหนุ่มยักไหล่ให้และเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นทันที เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายทำท่าทรมานนัก เพราะมันจะทำให้ตนรู้สึกริษยาเอาเสียเปล่าๆ…ซึ่งก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดไปอีกแบบ…อา…โหยหา แต่กลับทำได้แค่มอง…โอว…แต่มันไม่พอหรอก…ต้องโดนเองสิถึงจะสะใจสุด
กินเวลากว่าสามชั่วโมงที่คุณชายหมดไปกับการทำความสะอาดห้อง…ซึ่ง ที่จริงมันก็สะอาดอยู่แล้ว เดียร์สะดุ้งลุกออกจากเก้าอี้ยาวเมื่อได้ยินเสียงดังตึงตังลงมา พอเห็นสภาพอีกฝ่ายก็ได้แต่เลิกคิ้ว เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายไปทำความสะอาด หรือไปลงดงโจรป่ามากันแน่ สะบักสะบอมเกินกว่าเหตุชัดๆ
“เรียบร้อยแล้วนะ” สิทธิ์ยิ้มกว้างที่ดูอย่างไรก็กำลังฝืนอยู่ชัดๆแถมสภาพร่างกายก็ไม่ชวนให้คล้อยตามเลยสักนิด
แต่ตอนนี้ผลงานเป็นยังไงก็ช่างมัน ต้องให้กำลังใจเป้าหมายก่อน
“ขอบคุณครับ ได้นอนสักที”
แน่นอนว่าช่วงท้ายที่พูดออกไปลดเสียงให้เบาลง แต่ก็ดังพอจะกระทบใบหูของอีกฝ่าย จากนั้นก็เดินลิ่วขึ้นไปชั้นสอง และปิดประตูปัง
ร่างสูงมองตามหน้าเหวอ นี่หรือคือผลตอบแทนที่สู้อุตส่าห์ทำเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบสุดๆ
“พี่เป็นยังไง น้องแม่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ” เสียงทุ้มลอดผ่านไรฟันด้วยความคั่งแค้นไม่มีอีกแล้ว ความเห็นใจใดๆ“คอยดูเถอะ รับรองว่าฉันจะต้องเอาคืนให้สาสมแน่”
แน่ นอนว่าสิทธิ์ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายรอเวลานั้นอยู่นานแล้วและก็กำลังครึกครื้น อยู่กับห้องนอนที่กลายสภาพเหมือนมีฝูงช้างคลั่งวิ่งผ่านเข้ามา
ชา นิ่วหน้ามองจอมือถือของตน ซึ่งไม่มีข้อความหรือการโทรเข้าใดๆให้เห็นสักแอะ นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจ ความจริงเขาไม่ได้เป็นห่วงอีกฝ่ายนักหรอก เพราะมั่นใจว่ารายนั้นไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆแน่ แต่ที่ทำให้เขาต้องคอยพะวงดูมือถือทุกสามวินาที ก็เพราะเจ้านายจอมวีนนั่นต่างหาก
วิ นไม่ได้โวยวายจะคลั่งตายเพราะไม่ได้ติดต่อกับน้องชายเกินสิบสองชั่วโมงแต่ อย่างใด สิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทำประจำโดยสิ้น เชิง วินนอนห่อเหี่ยวเหมือนคนโดดเดี่ยวที่เพิ่งโดนแฟนทิ้งอยู่บนโต๊ะทำงานใน บริษัท ซึ่งเวลานี้มีเพียงเขากับคนติดตามหน้านิ่งอยู่เพียงสองคนเท่านั้นบนตึก มีเพียงไฟในห้องเจ้านายที่เปิดไว้เท่านั้น ส่วนด้านนอกปิดไฟจนมืดสนิท แถมยังเปิดประตูทิ้งไว้ให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศชวนขนลุก ว่าจะมีบางสิ่งโผล่มาจากความมืดหรือเปล่า…
“จบสิ้นแล้ว…ไม่เหลือแล้ว…” วินพึมพำกับตัวเอง ใบหน้ายังคงซบอยู่บนโต๊ะไม่ยอมขยับเขยื้อน
“คุณวิน ใจเย็นๆสิครับ เรายังไม่รู้สักหน่อยว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับเดียร์ บางที เขาอาจจะไปเที่ยวแล้วลืมโทรศัพท์… หรือไปที่ๆสัญญาณไม่ดี หรือไม่ก็ทำโทรศัพท์หายก็ได้” ชา พยายามปลอบเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ รู้อย่างเดียวคือปลอบแบบนี้มาตั้งแต่วินาทีที่วินรู้จากปากเจ้าของร้านดอก ไม้ว่าเดียร์ไปเที่ยว “ผมว่าคุณรีบจัดการเอกสารบนโต๊ะให้เสร็จเถอะครับ ไม่งั้นวันพรุ่งนี้พวกพนักงานได้วุ่นวายกันแน่”
“ฉัน…ทำ…ไม่…ได้…” หนุ่มแว่นยังคงสลดไม่เลิก “จะให้ฉันนั่งทำงาน…ในขณะที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเดียร์เป็นตายร้ายดียังไงเนี่ย…ฉัน…ทำไม่ลง…”
ได้ข่าวว่าเขาไปเที่ยวเท่านั้นนะครับ ถึงจะไม่รู้ว่าที่ไหนก็เถอะ อย่าทำเป็นว่าเดียร์เขาโดนลักพาตัวไปถ่วงอ่าวจะได้ไหม
คิด แล้วก็นึกหงุดหงิดเจ้าเด็กตัวต้นเรื่อง เขามั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเดียร์จงใจทำเป็นแน่ แต่ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มทำอะไรไม่รู้จักคิดหรือปรึกษา แต่เพราะดันทำให้วินเหมือนผีตายซากแบบนี้ต่างหาก เขาไม่ชอบใจสุดๆเวลาวินทำตัวเหมือนคนจะตาย และไม่สนใจเขาอย่างสิ้นเชิง
มันน่านัก
“ป่านนี้คงตายไปแล้วมั้ง”
ลุกขึ้นอย่างไวปานโดนไฟเผาก้น
“พูดบ้าอะไรของแก” วินมองตาขวาง ท่าทางห่อเหี่ยวปลิวหายไปกับสายลม เหลือไว้แต่ความโกรธดุจมารพิโรธ
“อ้าว ผมนึกว่าคุณหวังให้เป็นแบบนั้น เห็นเอาแต่พูดเหมือนกับเดียร์ตายไปแล้วนี่…”
ยัง เอ่ยไม่ทันจบก็ต้องเงียบไปเมื่อโดนอีกฝ่ายผลักจนกระแทกกับกำแพง แขนแกร่งขัดเข้าที่ลำคอจนหายใจลำบาก แต่สำหรับคนชอบความเจ็บปวด มันช่างหฤหรรษ์อย่างที่ฝันไว้ไม่มีผิด ชาไม่คิดจะเก็บอาการระรื่นเอาไว้ เพราะยิ่งยิ้ม ยิ่งทำให้อีกฝ่ายรุนแรงกับเขาจนร้าวไปทั้งตัว
“อย่ามายั่วโมโหฉันนะ!” หนุ่มแว่นตวาดลั่นแล้วกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ก่อนจะผลักกลับไปที่กำแพง “เดียร์จะต้องไม่เป็นอะไร ฉันแค่เป็นห่วงว่าไปที่ไหนก็เท่านั้นถ้าขืนยังพูดมากอีกละก็ ฉันเล่นแกอ่วมแน่”
ทำเหมือนคนลาโลก คงไม่ได้ห่วงแค่นั้นหรอกระมังครับ…แต่เอาเถอะ ขอเพียงคุณกลับมาเป็นคนขี้โวยวายชอบทำร้ายร่างกาย ผมก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว
“เอ้า แล้วนั่นจะยืนนิ่งหาพระแสงอะไร ไหนล่ะ เอกสารที่จะใช้พรุ่งนี้ รีบๆเอามาสิ จะได้รีบๆกลับบ้านสักที”
“ก็วางไว้ที่โต๊ะแล้วไงครับ”
วินหันกลับไปมองบนโต๊ะซึ่งมีเอกสารที่ว่าวางไว้อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นเขาก็ปัดมันลงพื้นเอาดื้อๆ “มันตกลงไปแล้ว รีบๆเก็บสิวะ
สามารถโขกสับจิกกัดผมได้ทุกเวลาแม้จะหน้าแตก นี่สิเจ้านายแสนดีของผม
ชา ก้มลงไปเก็บมาให้ โดยที่ยังยิ้มพราย และแน่นอนว่าเขาก็ต้องก้มกลับมาเก็บอีกรอบเพราะโดนสันแฟ้มปาใส่หน้าแต่รอบ ที่สองเขาไม่ยิ้มแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวเจ้านายจะเอาแฟ้มปาใส่จนไม่เป็นอันทำงาน แต่เพราะกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องเจ้าน้องชายแสนน่ารักของวินที่ไม่รู้กำลัง วางแผนอะไรกันอยู่ต่างหาก
ต่อให้เป็นพวกเดียวกันก็เถอะ แต่ถ้าทำให้คุณวินเอาแต่กังวลเรื่องคุณจนไม่ยอมมาสนใจผม ผมเองก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะ