Chapter 1
Hydrenyears University

...อากาศเย็นสบายแบบนี้ทำให้เขาอยากกลับไปตอนที่บ้านซะให้รู้แล้วรู้รอด...ไม่น่าไปตกปากรับคำว่าจะมาเล่นบาสด้วยกันตอนเย็นเลย...
เวกัสคิดอย่างเซ็งๆ แล้วเอามือปิดปากหาว แม้จะผ่านมาถึงตอนเย็นแล้วแต่นักศึกษาบางคนในมหาลัยยังคงเดินผ่านไปผ่านมาให้เห็นประปราย ท้องฟ้าครึ้มเล็กน้อยเหมือนสัญญาณว่าในไม่ช้านี้ฝนอาจจะตก แต่ดูเหมือนคนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้จะชินเสียแล้วกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย บางคนอาจจะหงุดหงิดโมโหจากผลกระทบที่มาจากฝน แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เพราะเขาสามารถนอนห่มผ้าห่มหลับอย่างมีความสุขท่ามกลางอากาศเย็นสบายและเสียงหยดน้ำจากฝนที่หล่นกระทบหน้าต่างด้านนอก
เขาหันไปมองบีทีนที่นั่งอ่านนิยายอยู่ข้างๆ แล้วกลอกสายตาไปมา บางครั้งเขาก็อยากชวนบีทีนให้หัดออกกำลังกายเสียบ้าง รู้ก็รู้ว่าตัวเองตัวเล็กไม่ชอบออกกำลังเลยป่วยบ่อยไงล่ะ เขาจะชวนไปวิ่งแต่ละครั้งก็ต้องยื้อยุดฉุดกระชากออกมาให้ได้ แถมยังมีหน้ามาบ่นว่าเขาพาออกมาเหนื่อยฟรีๆ อีก
...บางทีนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาชอบชวนบีทีนออกไปข้างนอกบ่อยๆ ไม่ว่าจะไปเที่ยวสวนสนุก อ่านหนังสือ เดินเล่น หาร้านเค้กอร่อยกิน ซึ่งอย่างสุดท้ายเจ้าตัวดูท่าจะชอบที่สุดแล้ว และเขาเองก็ชอบด้วย ชอบ...ที่จะได้อยู่ใกล้กับบีทีน
ความรู้สึกที่เขาไม่เคยหาคำตอบได้เลยตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ทำเอาเขาหงุดหงิดแทบบ้าที่แต่ละวันต้องขนภาพความน่ารักของคนข้างๆ ไปฝันทุกคืน ก่อนนอนก็คิด ตื่นนอนก็คิด ทำไมถึงมีอิทธิพลขนาดนี้นะ ไหนจะแววตาอบอุ่นในความเจ้าเล่ห์ของพี่ชายบีทีนอีก เสียงร้องบวกกับเสียงกีตาร์ในวันนั้นเมื่อสองปีก่อนในเพลงเข้ากันไม่ได้เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ยังคงดังหลอกหลอนเขามาทุกครั้งที่เดินผ่านร้านเครื่องดนตรีหรือร้านขายแผ่นซีดี
ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับเขานี่ ?
“ทำไมแร็กตาร์มาช้าจัง”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ยินหมอนั่นว่าอาจจะช้าหน่อยเพราะมีเรียนวิชาสาขาก่อนเลิกน่ะ”
“อ๋อ เวกัสเดี๋ยวเราจะไปซื้อน้ำเปล่าตรงนั้นจะฝากซื้ออะไรไหม”
“เหมือนเดิม”
“โอเค โกโก้เย็นสินะ”
บีทีนหยิบกระเป๋าเงินและเดินไปทางซุ้มขายน้ำที่ไม่ไกลจากตรงนั้น เขามองตามสะโพกกลมมนที่เดินไปข้างหน้าแล้วต้องบังคับตัวเองให้หันหน้าหนีไปทางอื่น ซึ่งบังเอิญไปเจอกับแร็กตาร์ที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้ ใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อเม็ดเล็กๆ เกาะอยู่ ข้างหลังมีเป้สีดำใบเก่งพาดอยู่บนไหล่ มืออีกข้างกอดลูกบาสสีส้มไว้แนบอก เขาวิ่งมายืดอยู่หน้าเวกัส
“แฮกๆ ขอโทษทีนะ อาจารย์ปล่อยช้าไปหน่อยน่ะ รอนานหรือยังเนี่ย”
“ไม่เป็นไรๆ ตอนเช้านายบอกฉันไว้แล้วล่ะ เลยเพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
“ขอโทษทีนะ ป่ะ พร้อมหรือยัง ฉันพร้อมเต็มที่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ นายมีชุดกีฬามาเปลี่ยนใช่ไหม”
“แน่นอน”
“ไปเปลี่ยนห้องน้ำตรงนั้น เดี๋ยวเจอกัน”
“ได้”
แล้วทั้งสองก็ค้นเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าเดินไปเปลี่ยนตรงห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก
ทางด้านของบีทีนที่กำลังถือน้ำเปล่ากลับมาสองขวดกับแก้วโกโก้เย็นหนึ่งแก้ว นำมาวางไว้ตรงที่นั่งเมื่อครู่
...สงสัยไปเปลี่ยนชุดกันแน่ๆ เลย...ว่าแต่ทำไมเราต้องซื้อน้ำเปล่ามาสองขวดนะ เวกัสเองก็มีโกโก้แล้วนี่...
ใบหน้าของบีทีนแดงก่ำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะใจกำลังคิดไปถึงใบหน้าหล่อเหลากวนประสาทของผู้ชายอีกคนที่นัดเวกัสมาเล่นบาสด้วยกันเย็นนี้ แล้วต้องรีบสะบัดหัวไปมาแก้อาการฟุ้งซ่าน
...บ้าน่า...ไม่จริงหรอก...
...ที่เราซื้อมาสองขวดก็เพราะว่าต้องเผื่อเวกัสตอนเล่นเหนื่อยกลับมาไง เผื่ออยากกินน้ำเปล่าขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปซื้อ...
...ใช่แล้วล่ะ...ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เลย...
7.17 PM
ผู้ชายสองคนที่กำลงเล่นบาสอยู่กลางสนามไม่ได้เรียกความสนใจจากบีทีนเลยแม้แต่น้อย เขานั่งอ่านนิยายจนจบไปหลายบทแต่สองคนนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าเหนื่อยหรืออยากพัก กลับคึกคักถอดเสื้อกีฬาออกโชว์รูปร่างท่อนบนสุดเซ็กซี่ขยี้ใจสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านไปมา แม้เวลาจะผ่านมาเกือบชั่วโมงกว่าๆ แล้วก็ตาม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลเปื้อนตัวของคนทั้งคู่ราวกับไปอาบน้ำมา เสียงตะโกนสลับกัน เสียงลูกบอลกระทบพื้นจากการเดาะ เสียงโห่ดีใจตอนใครคนใดสามารถดังค์ลูกลงห่วงได้ เขาคิดว่าตัวเองก็มีจุดดีเหมือนกันตรงนี้แหละที่เป็นคนประเภทไม่ชอบเล่นกีฬา ถ้าชอบเล่นขึ้นมาป่านนี้คงยืนเหนื่อยวิ่งไปมาอยู่กลางสนามอย่างนั้น แล้วกลับบ้านไปก็คงต้องกินยาแก้ปวดแก้อาการขัดยอกแน่ๆ นั่งมองเขาเล่นแบบนี้คงดีกว่า แม้ว่าจะเบื่อแสนเบื่อมากก็ตาม
บรรยากาศโดยรอบมืดลงเรื่อยๆ ไฟที่ติดไว้ตลอดทางสว่างขึ้น สีส้มของมันที่แผ่กระจายออกมาให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้นมา บีทีนคิดว่ามันเหมือนขนมเค้กรสส้มที่ชอบกินเลย มันจะสีส้มๆ ชวนกินแบบนี้ แถมยังหวานสุดๆ ไปเลย พูดถึงของกินแล้วเริ่มหิวแล้วสิ ก่อนกลับบ้านแวะซื้อขนมปังกับนมสดที่ปากซอยเข้าบ้านดีกว่า ซื้อเผื่อพี่ซีทด้วย รายนั้นคงไม่ยอมหาอะไรกินเองแน่
“โอเคนะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ เหนื่อยแล้ว”
“ได้ๆ วันหลังถ้าว่างตรงกันค่อยมาเล่นใหม่ อ้าว บีน นายเป็นอะไรหน้าบึ้งเชียว”
เวกัสที่เดินเปลือย (?) มากับแร็กตาร์เอ่ยทักเขาที่นั่งหน้าบึ้งอยู่
“รอพวกนายสองคนนั่นแหละ เย็นป่านนี้แล้วนะ ฉันหิวจะแย่”
“พูดถึงก็หิวขึ้นมาเลยทีเดียว”
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันไหม ฉันรู้จักร้านอาหารตามสั่งอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง ใกล้มหาลัยนี่แหละ ถ้าพวกนายไม่รีบกลับไปกินด้วยกันสิ”
แร็กตาร์เอ่ยชวนทั้งสองคน บีทีนกับเวกัสมองหน้ากันเป็นเชิงตัดสินใจ ก่อนเวกัสจะเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเกรงใจ “ฉันขอโทษนะแร็กตาร์ อันที่จริงฉันอยากไปแต่บ้านฉันไกลน่ะ ยิ่งวันนี้ไม่ได้ค้างกับบีนด้วย กลับดึกคงไม่ดีเท่าไหร่ อยู่คนเดียวด้วยน่ะ”
บีทีนเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา “งั้นเดี๋ยวคืนนี้นายนอนบ้านฉันก็ได้ จะได้ไปกินข้าวด้วยกันไง”
เวกัสขมวดคิ้วกับคำพูดนั้นก่อนสวนกลับไป “เดี๋ยวนี้บีนสรรพนามแทนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ เมื่อก่อนบังคับให้พูดก็ไม่ยอมพูด”
จบคำพูดนั้นบีทีนหน้าแดงทันที ...ก็แหม...อยู่กับพวกนายสองคนถ้าไม่พูดเขาก็ประหลาดอ่ะสิ
...ถือว่าเปลี่ยนแล้วกัน...ดูสนิทกันมากขึ้นด้วยเนอะ...
เวกัสมองหน้าอายๆ ของบีทีนแล้วเอามือไปโยกหัวไปมาเบาๆ จนบีทีนหัวเราะออกมาในที่สุด แร็กตาร์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ไม่รู้ทำไมถึงต้องไม่พอใจลึกๆ ด้วย
“เดี๋ยวขอไปล้างหน้าแปปหนึ่งนะ ค่อยไปกัน ไม่เปลี่ยนชุดแล้วล่ะ”
“อืม รีบไปรีบมาล่ะ มืดมากแล้ว”
เวกัสเดินจากไปทิ้งแร็กตาร์กับบีทีนอยู่ด้วยกันสองคน บีทีนก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า จะให้กล้าได้ไงล่ะมายืนถอดเสื้ออยู่แบบนี้ คนเขาเขินนะ
หมับ!
“เฮ้ย”
เขาร้องเสียงดังเมื่ออยู่ดีๆ แร็กตาร์ก็ล้มทับตัวเขาลงบนเก้าอี้นั่งตัวยาวที่นั่งอยู่ ลำตัวของเขาสองคนแนบชิดติดกัน ยิ่งแร็กตาร์ตัวเปียกเพราะเหงื่อทำอะให้อะไรต่อมิอะไรกระทบกันมากยิ่งขึ้น แร็กตาร์ประสานสายตากับบีทีนก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“เหนื่อยจัง ขอพักสักแปปสิ”
“พักก็พักไปสิ นายจะมาทับตัวฉันทำไม ตัวไม่ใช่น้อยๆ นะ ออกไปเลย หายใจไม่ออก”
“ไม่ออก จะกอดแบบนี้แหละ”
“อ๊าก อะไรของนายเนี่ย”
บีทีนร้องออกมาเสียงดังเมื่อแร็กตาร์นึกพิลึกอะไรไม่รู้ เอาจมูกมากดไซร้ซอกคอเขาอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเขาร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนจวนจะระเบิด แต่คนด้านบนยังไม่หยุดแกล้ง
“ทำไมหัวใจเต้นแรงจังเลยอ่ะ” แร็กตาร์เอ่ยแซวออกมา ยิ่งทำให้เขาเขินหนักขึ้นไปอีก
ตึกตัก... ตึกตัก...
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ย้าก!”
เขารวบรวมแรงทั้งหมดผลักแร็กตาร์ออกไปล้มลงบนพื้น แล้วกุมอกตัวเองเอาไว้ คนที่นั่งกองอยู่ด้านล่างหัวเราะออกมาอย่างไม่ถือสา เขาทำหน้าไม่ถูกกับสถาณการณ์แบบนี้ ได้แต่บอกตัวเองให้มีสติ
...เขาแค่แกล้งเราเล่นเท่านั้นเอง...
แร็กตาร์ขยับขึ้นมาหยิบเสื้อใส่และนั่งลงข้างเขาก่อนจะชวนคุย
“อากาศเย็นสบายได้เนอะวันนี้”
“แต่อีกแปปฝนคงตกแน่ๆ ดูฟ้าสิมืดไม่มีดาวเลย จะทันกินข้าวเสร็จหรือเปล่าเนี่ย”
“ทันสิ ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่งพวกนายสองคนแล้วกัน”
“ให้มันตกจริงๆ ก่อนเถอะ ตอนนี้มันยังไม่ตก” บีทีนขัดแร็กตาร์ออกมาอีกครั้ง เขายิ้มที่มุมปากไม่พูดอะไร ก่อนจะเริ่มชี้ชวนบีทีนให้ดูนั่นนี่ไประหว่างรอเวกัส
...โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าหลังเสาต้นเล็กถัดไปไม่ไกลจากจุดที่เวกัสไปล้างหน้านั้นตัวเขาเองก็กำลังมองทั้งคู่อยู่เช่นกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย จะว่ายินดีก็ไม่ใช่ จะว่าเสียใจก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นความรู้สึกบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาคิดร้ายต่อคนทั้งคู่
...อย่างที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่นิด
เบลมอธถอดรองเท้าหนังสีดำไว้บนชั้นวางรองเท้านอกห้องสมุด วางกระเป๋าหนังสีดำไว้บนโต๊ะแถวนั้น เช็กของเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปด้านใน
วันนี้ห้องสมุดคนค่อนข้างเงียบเขาขอโทษฟ้าฝนเมื่อคืนแล้วกันที่ทำให้อากาศเย็นสบายจนนักศึกษาขี้เกียจตื่น แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเขาแน่นอนไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไรเขาก็ทำกิจวัตรประจำวันได้ดีไม่มีผิดเพี้ยนเสมอ
บรรณารักษ์ส่งยิ้มให้เขาอย่างคุ้นเคย ก่อนจะเอ่ยทัก
“วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ คนอื่นๆ คงยังไม่ตื่นแน่ๆ”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็ดีไปอีกแบบคนน้อยดี”
“ฮ่าๆ นั่นสิคะ วันนี้จะจองหมวดวรรณคดีตะวันตกอีกไหมเอ่ย”
“ครับ ขอรบกวนด้วยนะครับ”
เขาส่งยิ้มให้บรรณารักษ์อีกครั้งแล้วเดินไปเข้าไปด้านในสุดซึ่งเป็นชั้นหนังสือของหมวดวรรณคดีตะวันตก
เบลมอธเดินเลือกหนังสือไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลือกได้แล้วหยิบออกมาสองเล่ม หนังสือในห้องสมุดค่อนข้างกว่าตามอายุของมัน แต่เนื้อหาด้านในไม่ได้ลดคุณค่าลงเลยสักนิด และเขาเองก็หลงเสน่ห์แบบนี้จนทำให้ชอบหามุมสงบในซอกตู้วางหนังสืออ่านอยู่บ่อยๆ
...อย่างน้อยก็มีเรื่องราวในหนังสือนั่งเหงาเป็นเพื่อนดีกว่านั่งคนเดียวก็แล้วกันน่า....
"อ๊ะ" เบลมอธอุทานออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองถอยหลังไปชนกับใครเข้า ...เมื่อกี้ยังไม่มีใครนี่นา...หันมาอีกทีมีคนตามเข้ามาแล้วเหรอเนี่ย...
"ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ เป็นอะไรหรือเปล่า"
เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้นก่อนจะตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใช่แล้ว เขาจำได้ ผู้ชายคนนี้ ผู้ชายดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอแววอ่อนโยน เขาเจอผู้ชายคนนี้เมื่อเกือบสองปีที่แล้วก่อนขึ้นเครื่องไปเวนิสกับซิน
...ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ผมได้เจอเขาอีกครั้ง...
คนตรงหน้าดูเหมือนจะงงไปเล็กน้อยกับอาการตกใจของเบลมอธ เขาเลื่อนมือไปแตะหน้าผากคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถาม "นายเป็นอะไรหรือเปล่า"
วินาทีนั้นเบลมอธเหมือนจะรู้ตัวขึ้นมา เขาละล่ำละลักพูดพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น "เปล่าน่ะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เอ่อ ขอโทษทีนะที่ยืนขวางทาง"
"อืม ว่าแต่นายก็ชอบอ่านนวนิยายแถบตะวันตกเหมือนกันหรอ" คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นเหมือนเป็นการชวนคุย เขายิ้มทันทีเมื่อเจอเรื่องที่ตัวเองชอบ
"ใช่แล้วล่ะ ฉันชอบแนวคิดของคนทางนั้น มันดูเป็นศิลปะดีอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าอะไรที่ไม่สามารถเกิดขึ้นมันสามารถเป็นไปได้เสมอถ้าเรามีศรัทธาและตั้งใจจะทำมันขึ้นมาจริงๆ"
"โห นายลึกซึ้งนะเนี่ย สงสัยจะอ่านบ่อยล่ะสิ"
"แน่นอน ที่บ้านฉันมีเป็นชั้นเลยล่ะหนังสือนิยายแนวนี้น่ะ"
"ยังไงว่างๆ ลองแนะนำนิยายน่าอ่านให้บ้างนะ ฉันเลือไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ เล่มไหนอยู่ใกล้มือก็หยิบมาอ่านเลย"
"อื้ม ได้สิ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง ว่าแต่นาย...เอ่อ..."
"ซีเครท หรือ เรียกสั้นๆ ว่า ซีท ก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
เขาส่งมือแข็งแรงมาข้างหน้าเพื่อยื่นให้เบลมอธจับ เบลมอธจับกลับไปและยิ้มแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะ ฉันชื่อเบลมอธ ปี 3 เรียนการท่องเที่ยวอยู่น่ะ"
"จริงเหรอ?" คนตรงหน้าขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ "นายอยู่ปีสามสินะ แต่ฉันปีห้าแล้ว เรียนวิศวะน่ะ"
"บังเอิญจังเลย อยากให้เรียกว่าพี่ไหม? ฮ่าๆ"
เสียงหัวเราะสดใสของเบลมอธทำให้ซีเครทอึ้งไปครูหนึ่ง ...เสียงหัวเราะที่มีความสุขอย่างแท้จริง ไม่ได้เสแสร้งเพื่อทำให้ดูดีเหมือนใครหลายคนที่ประสบพบเจอ... หน้าตาเรียวคมดุสง่าเมื่อจ้องไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ดวงตาเฉียบคมเหมือนสายตาเหยี่ยวแต่สวยงาม ความเศร้าที่หาคำมาอธิบายไม่ได้เปล่งประกายอยู่ในนั้นจนเขาอยากจะช่วยรักษาความเจ็บปวดในดวงตา
...คนตรงหน้านี้...เหมือนอัญมณีล้ำค่าที่นักรบในตำนานล้วนอยากครอบครอง...
"ไม่ต้องหรอก ว่าแต่นายน่ะเรียนสาขาเดียวกับน้องฉันเลยนะ"
"เหรอ บังเอิญจัง น้องนายชื่ออะไรเหรอ"
"บีทีนน่ะ"
"บีทีน..."
เบลมอธทำหน้านึกไปสักพัก ...เขาเพิ่งมาเรียนที่นี่ตอนปีสามเลยยังไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ แต่โดยส่วนตัวก็ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบความวุ่นวาย
"ถ้าเห็นหน้าน่าจะนึกออกน่ะ ยังไงจะลองเข้าไปทักดูนะ"
"อื้ม โอเคเลย"
"ว่าแต่นายอ่านเรื่องอะไรอยู่เหรอช่วงนี้น่ะ อ๊ะ!"
ตุบตับ... ตุบตับ...
"โอ๊ย!"
เบลมอธร้องออกมาเสียงดังเมื่อหนังสือเป็นจำนวนมากหล่นลงมาเหมือนมีคนผลักออกมาจากอีกฟากของชั้นหนังสือ หนังสือเหล่านั้นล้วนมีสันที่หนา บางสันแหลม มันหล่นกระทบใบหน้าของเบลมอธจนเกิดบาดแผล และเลือดสีแดงเป็นทางจากทางซ้ายของหน้าผาก ซีเครทตกใจมาก รีบเข้าไปประครองเบลมอธเอาไว้ แล้วพยุงออกมาอีกด้าน ก่อนจะมองไปด้านนั้นปรากฏว่าหนังสือหล่นลงไปหมดแล้ว เหลือเพียงร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทำหน้าตาแตกตื่นเหมือนกลัวความผิด เขาตะลึงไปทันทีเมื่อมองเห็นหน้าเด็กคนนั้นชัดๆ ...คนที่มีสัมผัสร้อนแรงจนเขาไม่มีวันลืมแน่ๆ หลังจากวันนั้นคนๆ นี้ก็หายตัวไปแบบลับๆ ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่มาก่อน เขาไปที่สถานบันเทิงห่งนั้นอีกหลายครั้ง แต่ไม่เคยเจออีกเลย แล้วนี้มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถาณการณ์แบบนี้ที่คนตรงหน้า...
...ใส่ชุดนังศึกษาของมหาลัยเดียวกับเขา
...เชอร์เบล...
"ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ตรงนี้นะ จะหยิบหนังสืออีกเล่มแต่มือพลาดไปปัดมันตกมาหมดเลย"
เชอร์เบลที่วิ่งหน้ามีอีกฟากของชั้นหนังสือก้มหัวลงและเอ่ยขอโทษอย่างน่าสงสาร เบลมอธที่เริ่มตั้งสติได้แล้วยิ้มส่งไปลดความกังวลกับคนตรงหน้า ...เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอแหละ...
"ไม่เป็นไรหรอก มีแผลแค่นิดเดียวเอง"
"ยังไงเดี๋ยวฉันพาไปห้องพยาบาลนะ ดูสิ มีเลือดออกด้วย"
"อืม ว่าแต่ฉันกับนายเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า"
เชอร์เบลยิ้ม ...ยิ้มที่ทำให้ซีเครทรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว "ฉันเรียนมัลติน่ะ แต่เหมือนเราจะเคยเจอกันในวิชาเสรีการจัดการการท่องเที่ยวน่ะ"
"อ๋อ เข้าใจแล้ว ฉันเบลมอธนะ" เบลมอธเอ่ยแนะนำตัวอีกครั้ง
"ยินดีที่ได้รู้จักนะเบลมอธ ฉันเชอร์เบล หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"
รอยยิ้มสว่างสดใสถูกส่งไปให้เบลมอธที่ยิ้มตอบกลับมาให้ก่อนจะหันไปบอกซีเครทที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"ถ้ามีโอกาสไว้คุยกันนะซีท เราชอบอ่านหนังสือแนวเดียวกัน คงได้เจอกันบ่อยๆ"
"อื้ม ดูแลตัวเองด้วยล่ะ"
"อือ ไปกันเถอะเชอร์เบล"
"จ้า อ๊ะ เบลมอธ เดี๋ยวนายเดินไปก่อนเลยฉันขอไปหยิบหนังสือที่จะยืมแปป นายรอหน้าห้องสมุดนะ"
"ได้ เดี๋ยวตามมานะ" จบคำนั้นเบลมอธก็เดินออกไปทิ้งเชอร์เบลกับซีเครทให้มองตามแผ่นหลังอันสง่างามนั้น
หมับ... ผลัก
"อ๊ะ"
ซีเครทร้องครางออกมาเมื่อคนตรงหน้าคว้าที่จุดไวต่อความรู้สึกของเขา...บีบมันเอาไว้แล้วผลักเขาเข้าไปสุดทางของชั้นหนังสือ มือเรียวคู่นั้นโอบรอบคอเขาเอาไว้แล้วยื่นหน้าไปกระซิบที่ริมใบหูโดยที่มือยังไม่ยอมหยุดออกจากตรงนั้น
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะซีเครทที่รัก"
"....."
"อย่าบอกนะว่านายจำฉันไม่ได้ นายจำคืนนั้นของเราไม่ได้แล้วเหรอ"
"ฉันไปหานายที่นั่นอีกหลายครั้งแต่ไม่เคยเจอนายเลย นึกว่านายคงไม่อยากมาหาฉันแล้ว"
พอตั้งสติได้เขาจึงเอามือโอบรอบเอวร่างบางเอาไว้ ยื่นหน้าผากไปชนกับคนตรงหน้า
"หึ ใครบอก...ฉันน่ะคิดถึงนายจะแย่แล้วนะ"
"....."
ในมุมมืดของห้องสมุดในตอนเช้า วันที่ฝนตกห้องสมุดแทบจะไม่มีคน...ราวกับบรรยากาศเป็นใจ เชอร์เบลรูดซิปกางเกงของเขาลงแล้วล้วงมือเข้าไปจับส่วนสำคัญของเขาแล้วเริ่มขยับมือช้าๆ
ซีเครทเริ่มตาลายกับสัมผัสที่แสนวาบหวาบมนั้น กัดฟันไม่ให้ส่งเสียงออกมา เพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะในลำคอของคนตรงหน้าที่มองเขาราวกับเป็นเด็กน้อยได้ตลกตัวเขาไปกว่านี้
"ทำไมล่ะ ทำไมไม่ส่งเสียง นายนี่เกรดตกไปเยอะนะ"
เชอร์เบลพูดแล้วยื่นหน้าไปกัดซอกคอซีเครทที่เริ่มมีเหงื่อไหลลงมา
"นายกำลังจะทำให้ห้องสมุดมหาลัยเปื้อนนะ แฮกๆ"
เขาเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้นเมื่อบางอย่างบอกเขาว่าสวรรค์กำลังจะมาอยู่ตรงหน้า เชอร์เบลยิ้มหวานก่อนกระตุกมือเป็นครั้งสุดท้าย
"อ๊าก..."
ซีเครทพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุดแล้วเอนตัวพิงผนังหายใจหอบ เชอร์เบลมองภาพนั้นอย่างพอใจ
...ช่างโง่เขลาเสียจริงๆ ผู้ชายพวกนี้
พรึ่บ
เสียงวัตถุบางอย่างหล่นลงตรงหน้าเขาพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น
"อ่ะ ฉันให้ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก"
เชอร์เบลโยนกระดาษทิชชู่จำนวนหนึ่งลงตรงหน้าเขาและหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย...
...ผู้ชายคนนี้...ทำให้เขาหลงยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว...
"ขอโทษทีนะเบลมอธ พอดีช่วยอาจารย์จัดหนังสือน่ะ เลยมาช้าไปหน่อย"
เชอร์เบลวิ่งออกมาท่าทางตื่นๆ จนเขาอดยิ้มไม่ได้
"ไม่เป็นไรหรอกไปกันเถอะ ไปตึกเรียนเลยแล้วกัน"
"ห้องพยาบาลสิ ฉันจะพานายไปทำแผล"
"ไม่ต้องแล้วล่ะมีพลาสเตอร์อยู่ในกระเป๋าแผลเล็กนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย"
"ขอโทษอีกทีนะ..."
เบลมอธมองหน้าหงอยๆ ของคนตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปยีหัวเชอร์เบลจนฟูแล้วจับมือพากันเดินไปข้างหน้า เชอร์เบลโพล่งออกมาเมื่อคิดอะไรออก
"วันนี้เราเรียนวิฃาเสรีกันนี่ แสดงว่าเราได้เรียนเซกเดียวกันสินะ"
"อ๋อ ใช่ จริงด้วยสิ ไปกันเถอะ ไปสายเดี๋ยวอาจารย์บ่นอีก"
ทั้งสองคนใช้เวลาประมาณห้านาทีในการเดินไปตึกที่ใช้เรียนวิชาเสรี วิชาที่ทั้งคู่บังเอิญเลือกเหมือนกันคือการจัดการบริหารการท่องเที่ยว ซึ่งเบลมอธที่ย้ายจากที่อื่นมาสนใจสาขานี้จึงเลือกเรียน แต่เชอร์เบลเลือกเรียนวิชานี้เพราะความชอบส่วนตัว เมื่อมาถึงหน้าห้องปรากฏว่าอาจารย์เพิ่งจะเดินเข้าไปพอดี ทั้งคู่รีบวิ่งไปนั่งตรงหลังห้องทันที นักศึกษาที่มารอก่อนแล้วมองตามพวกเขาไปจนถึงหลังห้อง เบลมอธรู้สึกอายเมื่อคิดว่าตัวเองไม่เคยสายเลยวันนี้ดันมาสายซะได้
"ไงพวกนาย วันนี้มาสายกันเหรอ"
เสียงหวานนุ่มด้านหน้าเอ่ยทักทำให้เบลมอธกับเชอร์เบลที่เพิ่งนั่งลงเงยหน้าขึ้นไปหาคนพูด
เบลมอธรู้สึกสะดุดตากับหนุ่มน้อยตรงหน้าทันทีราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ....เรียนสาขาเดียวกันแน่ๆ แต่ไม่ได้สนใจมอง ที่แท้คนนี้นี่เอง
"นายคือ บีทีนหรือเปล่า"
"อ๋อ ใช่ ฉันบีทีนเอง ว่าจะเข้าไปคุยกับนายหลายครั้งแล้ว เห็นชอบไปไหนคนเดียวน่ะ อยากทำความรู้จักด้วย"
"อื้ม ยินดีที่ได้รู้จักนะบีทีน นี่เชอร์เบลเพื่อนเราที่เรียนมัลติบังเอิญเลือกวิชาเสรีอันนี้ด้วย" เบลมอธผายมือไปทางด้านข้างเชอร์เบลที่ส่งยิ้มไปให้บีทีน บีทีนส่งยิ้มกลับแล้วยื่นมือไปให้จับ
"พวกนายคุยอะไรกันเนี่ย คนจะหลับจะนอน เสียงดัง ฮ้าว" คนที่ฟุบหลับอยู่ข้างๆ บีทีนเอ่ยขึ้นเสียงงัวเงีย
"อะไรกัน ก็นายเล่นเกมจนดึกเองจะมาโวยวายอย่างนี้ได้ยังไง ลุกขึ้นมารู้จักเพื่อนใหม่เลยเดี๋ยวนี้นะ"
"อ๊าก อะไรของนายเนี่ย วู้ๆ"
บีทีนลากคอชายหนุ่มคนนั้นให้ขึ้นมาสบตากับพวกเขา เบลมอธหัวใจกระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าสบตาเข้าพอดี
"ฉันชื่อแร็กตาร์นะยินดีที่ได้รู้จัก"
พูดจบเขาก็ฟุบหลับลงไปอีก บีทีนทุบหลังเข้าไปทีหนึ่งดังอั้กก่อนจะหันมาส่งยิ้มแหยๆ ให้เขา "ตาร์ก็แบบนี้แหละ ชอบหลับเป็นงานอดิเรก"
"พวกนายสองคนดูสนิทกันดีจัง

" เชอร์เบลเอ่ยยิ้มๆ ขึ้นมา บีทีนหันไปยิ้มให้ ดวงตาคนตรงหน้าที่มองมาสวยงามแต่มีบางอย่างบอกเขาว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับบุคคลนี้เป็นอันขาด เพราะอะไรเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
...คงต้องดูไปเรื่อยๆ
"อืม พอดีแร็กตาร์กับเพื่อนเราคนนี้เวกัสชอบเล่นบาสเหมือนกันน่ะเลยพอเข้ากันได้"
เวกัสที่อ่านหนังสืออยู่หันมาส่งยิ้มให้ เบลมอธยิ้มตอบกลับไปในขณะที่เชอร์เบลเอ่ยขึ้นมาอย่างร่าเริง "ยินดีที่ได้รู้จักนะเวกัส ฉันเชอร์เบล"
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะ" เวกัสส่งยิ้มมาให้
อาจารย์เริ่มการบรรยายขึ้น ทุกคนจึ่งหันมาสนใจกับการเรียน ยกเว้นแร็กคาร์ที่ยังหลับเหมือนเดิม
เบลมอธถือปากกาหมึกสีดำขึ้นมาเตรียมจดฟังอาจารย์บรรยายเรื่องประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ชอบที่จะไปเที่ยว โปรเจ็กเตอร์ด้านหน้าฉายภาพมุมนั้นนี้ของประเทศที่ว่าสร้างความฮือฮาให้กับนักศึกษาหลายคน จนอาจารย์เปิดภาพๆ หนึ่งขึ้นมา พร้อมกับกล่าวบรรยาย
"เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ก็เป้นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนส่วนมากชอบไปกัน เมืองนี้โรแมนติกไปกับคนรักจะต้องถูกใจมากแน่ๆ และยังมีอารายธรรมโบราณแฝงอยู่ทุกที่บนถนนที่เดินผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรือกอนโดลา การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ และยัง...."
เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้วตั้งแต่อาจารย์กล่าวคำว่าเวนิสขึ้นมา ความทรงจำส่วนลึกในหัวใจกำลังจะทำร้ายเขาอีกครั้ง
....เมื่อไหร่เราจะลืมนายได้สักทีนะ...ได้โปรดปลดปล่อยที...
ซินจากเขาไปแล้วเนิ่นนานป่านนี้คงกำลังมีความสุขอยู่กับคนที่เขาเลือก เบลมอธบอกตัวเองเสมอว่าตนมีความสุขดี ไม่ได้ใส่ใจซินเลยแม้แต่น้อย ใช้ชีวิตเข้มแข็งตลอดมาโดยไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองบาดเจ็บจากแผลเก่ามากแค่ไหนเวลาที่มีคนพูดถึงและไปสะกิดแผล เขาเคยคิดอยากให้คนอื่นเข้ามาแทนที่ตำแหน่งซิน แต่ไม่ว่าจะลองสักกี่คนก็ไม่เคยเลย
...ที่จะลืมได้แม้สักวินาที...
"อยากไปจังเลย..."
เสียงเชอร์เบลที่นั่งด้านข้างเอ่ยขึ้นมาอย่างเพ้อๆ
"ใช่ ฉันก็อยากไป อยากถ่ายรูปกับเรือกอนโดลา สวยจัง" แม้แต่บีทีนเองก็ไม่เว้น
"ไว้มีโอกาสพวกเราไปด้วยกันเนอะ" เบลมอธพึมพำออกมาลอยๆ เหมือนคนไม่รู้สึกตัว เชอร์เบลหันหน้าไปอีกทางและกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
...แน่นอน...พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกแน่ๆ...