คำขอ…จากหัวใจ
ร่างของสองสาวใช้ที่วิ่งวุ่นจัดโน่นจัดนี่ อยู่ใกล้ๆทำเอาร่างเพรียวกุมขมับแน่น แค่จะไปล่าสัตว์เท่านั้น ทำอย่างกับเขาจะไปออกรบ หรือว่า ชิงเออร์ กับ ม่านเออร์ จะลืมไปว่าเขาก็เป็นชายเช่นเดียวกับคนอื่นนะ
“เมื่อไหร่พวกเจ้าสองคนจะอยู่นิ่งๆซะที แค่ไปล่าสัตว์ ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่” ร่างเพรียวถามสองสาวใช้
“ไม่ได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด ในป่ามีอันตรายร้อยแปด ต้องเตรียมการให้พร้อมแค่พระชายาจะไปล่าสัตว์กับท่านอ๋อง ข้าน้อยก็เป็นห่วงแทบแย่แล้วนะเจ้าคะ” ชิงเออร์บอกกับพระชายาที่นางรัก ถึงนางกับม่านเออร์จะรับใช้พระชายาได้ไม่นานแต่ นางกลับรู้สึกเอ็นดู แล้วก็ถูกชะตา กับคนผู้นี้มากเหลือเกิน พระชายาทั้งน่ารัก เป็นกันเองไม่เคยถือตัวหรือพูดจาดูถูกพวกนางเลยสักครั้งซ้ำยังปฏิบัติต่อนางราวกับว่าพวกนางเป็นพี่สาว ต่างจาก ผู้หญิงของท่านอ๋องไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าผู้หญิงที่หมายจะจับจองท่านอ๋อง คนพวกนั้นอยู่ต่อหน้าท่าอ๋อง ทั้งอ่อนโยน อ่อนหวาน แต่ลับหลังจิกหัวใช้พวกนางอย่างกับทาส แบบนี้จะไม่ให้พวกนางรักพระชายาได้อย่างไร ถึงพระชายาจะเป็นชายแต่ก็ไม่ทำให้พวกนางรู้สึกไม่ดีสักนิด ซ้ำนับวันยิ่งรักและเอ็นดูมากขึ้น แต่เสียอย่างเดียว ต่อหน้าท่านอ๋องพระชายานั้นดื้อรั้นเหลือเกิน แทบจะไม่เคยยอมอ่อนข้อสักครั้ง นางอ่อนใจนัก เฮ้อ
“ใช่เจ้าคะ พระชายาอย่าไปเลยนะเจ้าคะ ในป่ามันอันตรายออกอย่างนั้น อยู่ในจวนเรียนปักผ้ากับ ข้าน้อยนะเจ้าคะ” ม่านเออร์บอกด้วยเสียงสั่นเครือ จื่อเทากำลังสงสัย พวกผู้หญิงนี่เป็นมนุษย์น้ำตาหรืออย่างไร ทำไม อะไรๆก็ร้องไห้เสียหมด
“ชิงเออร์ ม่านเออร์ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นห่วง แต่ข้า เป็น ชาย เหมือนกับท่านอ๋องของพวกเจ้า เหมือนกับทหารทุกคน ที่สำคัญกว่านั้น ข้าเป็นทหาร แค่เพียงออกไปล่าสัตว์ ไม่มีใครทำอะไรข้าได้หรอกนะ” จื่อเทาบอกด้วยความอ่อนใจ เพราะกลัวว่ามนุษย์น้ำตาสองคนนี้จะทำน้ำท่วมห้องของเขา
“มันไม่เหมือนหรอกเจ้าคะ พระชายาออกจะบอบบาง จะไปเหมือนทหารเลวพวกนั้นได้อย่างไร ไม่รู้ล่ะ ถ้าท่านไม่ยอมให้ข้าน้อยจัดสัมภาระให้ ข้าน้อยจะไม่ยอมให้ท่านไปเด็ดขาดเจ้าค่ะ” ม่านเออร์บอกก่อนที่ชิงเออร์จะพยักหน้าเป็นลูกคู่
เฮ้อ คนแคว้นนี้ช่างรับมืออยากเสียจริง แล้วไปเถอะ ให้พวกนางทำตามใจสักครั้ง เขาเหนื่อยจะเถียงแล้ว
“ตามใจเถอะ” ร่างเพรียวบอกก่อนที่สองสาวใช้จะกุลีกุจอจัดของไปยิ้มไป
“เจ้าแพนด้า!!” เสียงร่าเริงของซิ่วหมิ่นดังลอดเข้ามาในห้องก่อนที่เจ้าของเสียงจะถือวิสาสะ เดินเข้ามาโดยที่ไม่มีการขออนุญาต อะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าเข้าตามตรอกออกตามประตูมันก็ไม่ใช่ซิ่วหมิ่นที่เขารู้จักนะสิ เพราะฉะนั้น ก็ปล่อยไปเถอะ
“คารวะพระชายา ขอรับ” องค์รักษ์หน้านิ่งที่เดินตามซิ่วหมิ่นเข้ามาเอ่ยพร้อมกับย่อกายถวายความเคารพ ท่าทีที่เคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนทำให้จื่อเทาหรี่ตามองซิ่วหมิ่นด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเจ้าอ้วนมันทนได้ยังไง ถ้าเป็นเขาคงอกแตกตายถ้ามีคนรักเคร่งครัดขนาดนี้ แต่ จะว่าไป คนๆนั้น ก็ไม่ค่อยจะยิ้มเท่าไหร่นี่นา เจอหน้ากันทีไรก็ชอบทำหน้าบึ้งทุกที ร่างเพรียวที่เผลอคิดถึงใครอีกคน ใครคนนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็น สวามี ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น ทำไมเขาต้องคิดถึงคนๆนั้นด้วยนะ ออกไปจากความคิดข้าซะที อู๋ อี้ ฟาน
“แล้วนี่พี่ใหญ่ ไม่อยู่หรือ จื่อเทา” ซิ่วหมิ่นถามพลางกินขนมไปพลางอย่างสบายใจ
“ทำไม เขาต้องอยู่ที่นี่” จื่อเทาถามอีกคนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่เชื่อเถอะ คนอย่างท่านชายซิ่วหมิ่น ไม่มีทางที่จะกลัวเจ้าแพนด้านี่หรอก
“เพราะว่า ที่นี่เป็นห้องนอนของพี่ข้า แล้วเจ้า ที่เป็นเมียพี่ข้าอยู่ที่นี่ ” ซิ่วหมิ่นบอกเสียงเรียบแต่กลับทำให้ใครบางคน นิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจ แต่จะว่าไป ตั้งแต่ คืนเข้าหอ อู๋อ๋องก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาในห้องนี้อีกเลย สินะ
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว” จื่อเทาบอกอย่างไม่ปิดบัง
“สงสัย พี่ใหญ่คงไปพักที่ “เรือนเล็ก” แน่ๆ” ร่างอวบบอกอย่างไม่ใส่ใจ แต่ใครบางคนที่ได้ยินกลับ รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด เพราะเรือนเล็ก หรือ “เรือนสราญใจ” นั้น จะว่าไปก็เปรียบเป็น วังหลัง หรือก็คือที่ๆเหล่าบรรดา “ผู้หญิงของเขาคนนั้น” อาศัยอยู่ เพราะอู๋อ๋อง คือบุคคลที่น่าเกรงขามที่สุดในแถบนี้ ทำให้แคว้นเล็กแคว้นน้อย ต่างอยากผูกมิตรด้วยทั้งนั้นและวิธีผูกมิตรที่ดีที่สุดคือการส่ง “ผู้หญิง” มาเป็นเครื่องบรรณาการ
น้อยใจ
ทำไมกัน ทำไมเขาถึงรู้สึก น้อยใจ อีกคนไม่ให้ความสำคัญ
เจ็บ…ใจ
เจ็บที่หัวใจเมื่อรู้ว่า ตัวเองก็คง เป็นแค่เครื่องมือ ทางการเมือง
ทำไมหัวใจเขาถึง ปวดมากขนาดนี้ ทำไมแค่คิดว่าตัวเอง ก็แค่ เครื่องมือทางการเมืองที่ทำให้ คนๆนั้น ครอบครองแคว้นเยว่ได้อย่างสมบรูณ์เท่านั้น เป็นแค่เครื่องต่อรอง แค่เชลยที่ต้องถูกจองจำอยู่ที่นี่ตลอดกาล…
“เจ้าแพนด้า เป็นอะไร เจ้าร้องไห้ทำไม” ร่างอวบตะโกนลั่น
“ข้า ไม่ได้เป็นอะไร แล้วนี่เจ้าเตรียมของเสร็จแล้วหรือ ถึงมาหาข้าได้” ร่างเพรียวเลี่ยงที่จะตอบ แต่กลับเลือกที่จะกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองแทน
“ข้าให้เจ้าองครักษ์นี่เตรียมแล้วล่ะ ถึงยังซะข้าก็เป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องขนอะไรไปหรอก”
จื่อเทาปล่อยให้ซิ่วหมิ่นพูดไปกินไปสักพักก่อนที่เจ้าของร่างอวบกับองครักษ์หน้านิ่งจะขอตัวกลับห้อง ร่างเพรียวได้แต่ถอนหายใจอย่างแรง ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยที่ต้องเล่นกับซิ่วหมิ่น หรือ เหนื่อยเพราะต้องหาวิธีกลบเกลื่อนหัวใจตัวเองกันแน่
เช้าวันใหม่จื่อเทาที่เตรียมตัวพร้อมแล้วกำลังนั่งปลอบมนุษย์น้ำตาสองคนที่ร้องห่มร้องไห้อย่างกับเขาจะไปรบอย่างอ่อนใจ แต่กลับดีใจอยู่ลึกๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงความห่วงใยและความภักดี ที่สาวทั้งสองมีให้
“พวกเจ้าสองคนจะร้องไห้ทำไมกัน”
“ข้าน้อยเป็นห่วงพระชายานิเจ้าคะ ในป่าอันตรายมากมายขนาดนั้น เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะเจ้าคะ แค่พระชายาบอกกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องต้องอนุญาตแน่” ม่านเออร์เสนอความเห็น
“ไม่มีทางหรอก พวกเจ้าอย่าร้องไห้เลยน่า ตอนที่อยู่แคว้นเยว่ ข้าก็ไปล่าสัตว์กับท่านพ่อเสมอ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แล้วที่สำคัญทหารก็ออกจะมากมายขนาดนั้น ใครจะทำอะไรข้าได้”
“แต่”
“พอเถอะน่า ข้าต้องไปแล้วนะ” จื่อเทาบอกกับสาวใช้ทั้งสอง พร้อมกับเดินออกจากเรือนสุขสราญเพื่อไปสมทบกับคนอื่นที่รออยู่หน้าจวน
“กว่าจะมาได้นะเจ้าแพนด้า” ร่างอวบของซิ่วหมิ่นบอกเหมือนตำหนิแต่ก็ไม่ได้จริงจังหนักเหมือนกับต้องการจะล้อเลียนมากกว่า
จื่อเทาก้มหัวให้คนที่รออยู่ก่อนอย่างลุแก่โทษเพราะ โดยเฉพาะบุคคลที่สวมอาภรณ์สีดำแสนคุ้นตาที่นั่งอยู่บนหลังม้าผู้นั้น
“ถ้ามาครบกันแล้วก็ออกเดินทางเถอะ” อูอ๋องบอกเสียงเรียบ
“พระชายา ดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ กระบี่นี่อย่าให้ห่างกายนะเจ้าคะ” ชิงเออร์บอกกับผู้เป็นนาย พลางสะอื้น
“วางใจเถอะ ชิงเออร์ ตราบใดที่ข้ายังอยู่ พระชายาของเจ้าไม่มีวันได้รับอันตราย” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้หัวใจของใครบางคนเต้นแรง
ดีใจ ทำไมถึงรู้สึกดีใจ เมื่อรู้ว่าใครอีกคนอยากปกป้อง
“ไปกันเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับที่มือใหญ่ยื่นลงมาเพื่อนรับอีกคน
“อย่าดื้อน่า จื่อเทา ทุกคนเขารอเราอยู่นะ”
จื่อเทายู่หน้าด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยื่นมืออกไปเพื่อให้ร่างสูงช่วยพยุงขึ้นม้าไปด้วยกัน
“เจ้าว่า สองคนนั้นจะดีกันได้ถึงครึ่งวันไหม” ร่างอวบเอ่ยถามคนรักที่อยู่บนม้าอีกตัว
“แล้วเจ้าจะกังวลทำไม นั่นมันเป็นเรื่องของเขาสองคนไม่ใช่เรื่องของเจ้านะซิ่วหมิ่น”
“ทำไมเจ้าชอบขัด ข้าอยู่เรื่อยเลยนะ ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว เจ้าองค์รักษ์ งี่เง่า” เฉินได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆกับความเอาแต่ใจของคนข้างๆเพราะถูกตามใจมาตลอดเลยทำให้ซิ่วหมิ่นไม่ยอมโตสักที
“ท่านอ๋อง ขอรับ ข้าน้อยว่าบรรยากาศมันผิดปกตินะขอรับ” อี้ชิงบอกกับผู้เป็นนาย แม้รอบข้างจะเป็นป่า แต่มันก็ต้องมีเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยบ้าแต่นี่มันเงียบ เงียบจนเกินไป
ฉึก!!!
ลูกธนูที่แหวกอากาศมาปักเข้าที่ทหารที่ตามมาอย่างแม่นยำก่อนที่ห่าธนูอีกนับสิบจะพุ่งตามมา
“มีคนร้าย คุ้มครองท่านอ๋องและพระชายา” อี้ชิงตะโกนก้องพร้อมกับที่คนชุดดำนับสิบจะบุกเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว
“ท่านอ๋อง พาพระชายาหนีไปก่อน ขอรับ” อี้ชิงตะโกนทั้งๆที่ยังคงรับมือกับคนร้ายอยู่
“ทำไมข้าต้องหนี ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ” ร่างเพรียวแหวลั่น กำลังจะกระโดดลงไปสู้กับคนร้ายด้วยแต่กลับถูกมือใหญ่ของใครบางคนรัดเอวไว้แน่น
“ปล่อยข้า ข้าจะไปสู้กับพวกมัน”
“อย่าเพิ่งดื้อตนนี้ได้ไหม จื่อเทา เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกมันมีมากกว่าเรา ถ้าเจ้ายังขืนดื้อดึงอยู่แบบนี้จะทำให้ อี้ชิงและเฉินยิ่งกังวล ข้าว่าเจ้าไปกับข้าดีกว่า” ร่างสูงบอกอย่างใจเย็นก่อนจะควบม้าเข้าไปในป่าท่ามกลางเสียงโวยวายของคนในอ้อมกอด อู๋อ๋อง ไม่ใช่คนกลัวตาย ไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องหลบหนี แต่เขาห่วงคนในอ้อมกอดมากกว่า เขารู้ รู้ว่าจื่อเทา ดูแลตัวเองได้ แต่เขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี คนชุดดำพวกนั้นไม่ใช่โจรกระจอก แม้ดูผิวเผินจะเหมือนว่าพวกเขาถูกปล้น แต่เขาแน่ใจ ไม่มีโจรที่ไหนไม่กลัวตายจนกล้าปล้นขบวนของอู๋อ๋อง หากไม่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
“เราพักที่นี่กันก่อนเถอะ” เสียงทุ้มบอกอีกคนที่ยังคงหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมเจ้าถึงต้องห้ามข้า แค่คนพวกนั้นข้าไม่ได้กลัวมันสักนิด” ร่างเพรียวที่โดดจากหลังม้าแล้ว เอ่ยอย่างขัดใจ
“ถ้าข้าบอกว่า ข้าเป็นห่วงเจ้าล่ะ” ร่างสูงบอกเสียงเข้มพลางลงมือยืนข้างๆคนหน้างอ
คำพูดที่ออกจาปากของร่างสูง ทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรงจนแทบห้ามไม่อยู่
ที่พูดออกมานั้น มันออกมาจากใจจริงของเจ้าหรือไม่นะ อู๋อ๋อง
“จื่อเทา เจ้ายังจำสัญญาของคนชนะในการประลองได้หรือไม่” ร่างสูงเอ่ยถาม
“จำได้”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอใช้สิทธิ์ของผู้ชนะ ได้หรือไม่”
“นั่นมันเป็นสิทธิ์ของเจ้า เจ้าจะใช้ตอนไหนมันก็เรื่องของเจ้า”
“ถ้าเช่นนั้น ระหว่างที่อยู่ในป่าข้าขอให้เจ้าลืม ลืมไปได้ไหม ว่า เราสองคนเป็นใคร ไม่มี อู๋อ๋อง ไม่มีพระชายา แต่มีแค่ อู๋อี้ฟานและ ฮวางจื่อเทา คนธรรมดาเท่านั้น ได้หรือไม่”
“ทำไมต้องทำแบบนี้” จื่อเทาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“สักวัน เจ้าจะรู้ แต่ตอนนี้ช่วยทำตามคำขอของข้าได้หรือไม่”
จื่อเทาทำเพียงพยักหน้าตอบคนตัวสูง เพราะตอนนี้เขากำลังพยายามอย่างหนักที่จะ ควบคุมหัวใจไม่ให้เต้นแรงไปมากกว่านี้
...................TBC........................

ยังคงปากแข็งจนหยดสุดท้าย
ฮ่าๆๆๆขอบคุณที่ติดตามนะคะ :mew1:อันนี้แฟนเพจเค้านะจ๊ะ เข้าไปทวงนิยายกันได้น้อ
https://www.facebook.com/pages/PiNaPoNg/487288414628543