ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)  (อ่าน 145652 ครั้ง)

ออฟไลน์ riangkarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
«ตอบ #210 เมื่อ28-05-2013 10:11:13 »

อยากบอกว่า เข้ามาดูทุกวันเลยค่ะว่าอัพหรือยัง

ติดนิยายเรื่องนี้แบบสุดๆไปเลย

มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
«ตอบ #211 เมื่อ28-05-2013 10:23:55 »

รอพี่บลูกับน้องทะเลอยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
«ตอบ #212 เมื่อ28-05-2013 12:47:52 »

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึนมาก แต่ก็เลิกอ่านไม่ได้
ยิ่งอ่านยิ่งติด มันไม่ได้เศร้าจนน้ำตาไหล แต่ก็ไม่ไ้ด้สุขไปในเวลาเดียวกัน
มันให้ความรู้สึกแบบ อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
เป็นนิยายที่แสดงถึงตัวตนของมนุษย์ได้ดีสุดๆ
มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง
ชอบมากๆ มาลงต่อเร็วๆนะค่ะ จะรอติดตาม
อยากรู้ว่าบลูจะทำยังไงต่อไป ชีวิตบลูในวันข้างหน้า

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
«ตอบ #213 เมื่อ29-05-2013 00:42:26 »

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ เชื่อว่าต้องผ่านมันไปได้

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
«ตอบ #214 เมื่อ29-05-2013 09:25:23 »

แบบว่าไม่ได้หายไปไหนนะคะ แค่รอให้มันเยอะๆแล้วค่อยมาอ่านอ่ะค่ะ เพราะความเศร้ามันค้างคามาก นี่ยังคิดเลยว่าน่าจะรอให้ตอนต่อไปมาก่อนแล้วค่อยอ่านเพราะตอนล่าสุดทำร้ายจิตใจกันมาก ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมใจไว้นะเพราะคิดอยู่แล้วว่าวันนึงเรื่องมันต้องดำเนินมาถึงจุดนี้แต่ก็อยากจะมีความสุขบ้าง ได้ม้ายยยยยย นี่ขนาดตอนหวานๆพอมันผ่านมุมมองของบลูมันก็เป็นความสุขหม่นๆ พอถึงตอนต้องจากกันก็....พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน แต่คิดในแง่ดีนี่จะเป็นการพิสูจน์ไปเลยว่าทั้งสองคนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงรึเปล่า หรือน้องทะเลมีค่าคู่ควรกับการเป็นคนที่รักแต่ไม่ใช่คนที่จะอยู่คู่กัน นึกถึงเพลง คนบางคนผ่านมาให้รักไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน~

ออฟไลน์ สักวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
«ตอบ #215 เมื่อ30-05-2013 15:41:21 »

-17-
Here With Me

http://www.youtube.com/v/y0Pu9FqXV1Q?version=3&hl=en_US


ไร้ค่า...เป็นสิ่งที่ผมให้คำจำกัดความตัวเองเนิ่นนานมาแล้ว

นานมาก...จนผมเกือบลืมเลือนไป

เวลานี้คำๆนี้กลับมาตอกย้ำผมอีกครั้งเมื่อผมโดนคนที่คิดอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นครอบครัวไล่ออกจากบ้านอย่างไม่ไยดี เขาทำราวกับว่าตัวผมเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ต้องกำจัดให้เร็วที่สุด แม้เหตุผลจะสมควร...จิตใจผมก็แหลกเหลวย่อยยับจากการกระทำนั้นอยู่ดี

ระยะเวลาที่จากที่นั่นมาเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นทุกขณะ ผมตระหนักความจริงที่ว่าปัจจุบันมีแค่ตัวผม ไม่มีคำว่า 'ครอบครัว' อีกต่อไปแล้วในทุกๆวินาทีที่เคลื่อนผ่าน ความทรมานเมื่อถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวกัดกินจิตใจ

พื้นที่ๆผมเคยมีตัวตนอยู่ทั้งกับแม่และกับน้าวิทย์...ต่างไม่ใช่ที่ของผม

ผมไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เป็นความจริงที่น่าเศร้าที่ต้องจำใจยอมรับ ผมจมอยู่กับอารมณ์สูญเสียที่มีเพียงตัวเองที่เข้าใจ เหม่อมอง หม่นหมอง ล่องลอย มีควันบุหรี่ลอยอวลเป็นม่านกางกั้นตัดขาดจากผู้คนรอบข้าง

ป็อปกับร็อคให้ผมมาอยู่ด้วยที่บ้านของพวกมัน ความเป็นห่วงฉายชัดทุกครั้งที่มองดูผม เราแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ผมบอกพวกมันสั้นๆว่าน้าวิทย์กับน้าเพลงรู้เรื่องของผมกับทะเลแล้วแค่นี้ทั้งสองคนก็เดาเรื่องราวทั้งหมดได้และไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก แต่ถึงจะอย่างนั้นพวกมันก็เฝ้าผมไม่ห่างสายตา ผมรู้สึกได้...และก็รู้ว่าพวกมันกลัวอะไร...คราวนั้นที่ผมทำร้ายตัวเองมันก็คงจะรู้แม้ผมจะบ่าบเบี่ยงไม่เคยพูดถึงแต่รอยแผลก็บ่งบอกชัดในตัวของมันเอง...


“เลต้องรอนานแค่ไหน กว่าพี่บลูจะกลับมา"

ผมได้รับข้อความของทะเลตั้งแต่คืนวันนั้นที่ผมออกจากบ้าน นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ทะเลส่งมาก่อนจะติดต่อไม่ได้อีกเลย ผมอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้งราวกับว่ากำลังจ้องมองทะเลอยู่ มันเป็นสิ่งๆเดียวที่ทำให้รู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างกัน จากทุกสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดผมไม่กังขาใดๆในความรักของเรา...แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้รู้สึกว่ามันกำลังถูกสั่นคลอน เหตุผลก่อนหน้าที่ผมเคยคิดแต่ก็หลีกเลี่ยงและหลงลืมมันกลับมาในสำนึกอีกครั้ง ผมรู้ว่าเรื่องของเราเป็นไปได้ยากตั้งแต่ต้นแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทะเลไม่ใช่คนที่ผมควรจะรัก...ผมรู้ตั้งแต่แรก แต่จะรักหรือเลิกรักเหตุผลไม่ใช่ตัวกำหนด ผมเคยฝืนความรู้สึก สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น พอปล่อยให้ความรู้สึกนำทาง เหตุการณ์ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดน้อยไปกว่ากัน...

ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่เมื่อมันซัดโถมมาถึงในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดก็เหมือนสะดุ้งตื่นจากฝันเพื่อมาพบกับความเป็นจริงอันน่าชัง...ดึงความรู้สึกผมให้ลงต่ำได้อย่างน่าใจหาย

สามอาทิตย์ที่ผ่ามมาผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อที่จะปกปิดอารมณ์ที่รู้สึกไว้ภายในไม่อยากให้ใครได้รับรู้ กลบเกลื่อนความทรมานเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย...ผมไปเรียน ไปเล่นที่ร้าน ซ้อมดนตรี ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตตรงส่วนนี้เอาไว้ไม่ให้สูญเสียมันไปอีก

ส่วนสิ่งที่เสียไปแล้วผมก็ได้แต่แหงนหน้ามองดูมัน...

เกือบทุกๆวันหากเป็นไปได้ผมจะยืมรถของร็อคเพื่อกลับมาที่บ้าน ในยามดึดดื่นเงียบสงัดบ้านปิดเงียบไม่มีแสงไฟผมจะยืนมองอยู่ข้างนอก ผมไม่แน่ใจว่าการที่ยืนอยู่ตรงนี้จะช่วยเยียวยาหรือซ้ำเติม แต่ที่แน่ๆคือผมอยากจะอยู่...และเฝ้าดูทะเลอยู่ห่างๆแม้จะมองไม่เห็น...

จากการที่ผมไม่เจอทะเลทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านทำให้รู้ว่าน้าวิทย์จริงจังกับเรื่องของเราทั้งสองคนมากแค่ไหน ยิ่งระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง ผมคิดถึงไออุ่นของทะเลเมื่อได้กอดเขาไว้ในอ้อมแขนมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด ในเวลาที่ผมนอนจึงไม่อาจหลับสนิทแม้สักครั้ง ฝันร้ายจู่โจมในยามที่จิตใจผมอ่อนแอและผมก็ไม่สามารถปกปิดมันไว้ได้เมื่ออยู่ในห้วงไร้สติ ร็อครับรู้ได้เมื่อผมนอนกระสับกระส่ายอยู่ที่ข้างเตียงมันบ่อยเข้า ความที่ไม่รู้จะทำอย่างไรมันก็คงไปปรึกษากับป็อปเพื่อช่วยกันหาทางออกกับเรื่องของผม

ตัวตนของผมที่ป็อปเคยสัมผัสในช่วงที่เราเคยอยู่ด้วยกันมีส่วนให้มันกังวลยิ่งกว่าใคร ป็อปคอยแต่จะป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆตัวผมและเฝ้าสังเกต สายตาที่ใช้มองผมราวกับว่าเห็นเศษซากที่แตกหักและพยายามเก็บรวบรวมซากนั้นเพื่อต่อให้คืนสภาพเดิม...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้

ผมมองความห่วงใยของป็อปด้วยหัวใจเฉยชาในทีแรก แต่เมื่อเวลาไหลผ่านไปผมก็ไม่อาจป้องกันตัวเองจากความรู้สึกที่ผมโหยหา ผมยอมปล่อยให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมาในคืนวันหนึ่ง ร็อคไม่ได้นอนที่บ้านจากเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ และแม้ผมจะบอกป็อปว่าอยากอยู่คนเดียวป็อปก็ยังไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ กลางดึกคืนนั้นผมสะดุ้งตื่น พยายามข่มตาหลับต่อก็หลับไม่ลง ผมลุกขึ้นนั่งหายใจเข้าออกในความมืด ไม่มีสิ่งใดในความรู้สึกนึกคิดเป็นรูปเป็นร่าง เวลาผ่านไปนานเกือบชั่วโมงผมจึงหันไปมองคนที่คาดว่าจะหลับอยู่แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ป็อปนอนมองผมเงียบเชียบ ไม่มีความง่วงในแววตาแม้แต่น้อย ความรู้สึกบางอย่างที่ป็อปส่งมาทำให้น้ำตาผมไหลโดยไม่รู้ตัว

ป็อปได้แต่นอนมองด้วยความตกใจกับน้ำตาของผมที่เคยเห็นเป็นครั้งแรก ไม่ได้ลุกขึ้นหรือแม้แต่พูดอะไรออกมาสักคำราวกับกลัวว่าผมจะหยุดการกระทำนี้

สิ่งที่รู้สึกยามนี้ยากอธิบาย ผมกำลังรู้สึกอุ่นใจที่มีป็อปอยู่ข้างๆ มันเป็นความอุ่นใจแสนเศร้า พอถึงจุดอ่อนแอการมองเห็นใครสักคนที่รักเราทำให้กำแพงที่พยายามตั้งเอาไว้พังทลายลงได้ง่ายๆ ไม่เกี่ยวกับว่าเราจะรักคนๆนั้นตอบหรือไม่ แต่จุดสำคัญในยามอ่อนแอคือเราต้องการที่จะอยู่กับคนที่เรารู้ว่าเขารักเราเพื่อปลอบประโลมจิตใจ

ที่สุดแล้วคืนนั้นผมก็หลับลงได้อีกครั้ง แม้จะไม่มีบทสนทนาหรือสัมผัสระหว่างกันผมก็นึกเข้าใจสิ่งที่ป็อปพยายามสื่อ

ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...

ป็อปสื่อออกมาแบบนั้น

...ผมได้แต่ยิ้มเศร้าให้เขาก่อนจะหลับตา...

...

ผมเก็บตัวอยู่ในห้องซ้อมในเวลาที่ไม่มีเรียนไม่มีซ้อม มันเป็นที่ๆป็อปกับร็อคยินดีจะยกให้ผมอย่างเต็มใจ วันนี้หลังจากซ้อมกลองเป็นชั่วโมงจนเหนื่อยผมก็ทิ้งตัวลงกับพื้นนอนพัก ความสับสนทุกข์ใจของผมลอยอยู่ในอากาศบีบอัดออกมาเป็นความหม่นเศร้าอีกครั้ง เสียงดนตรีผ่านเครื่องเสียงดังแว่วเข้ามาในความคิดเป็นพักๆ ขณะที่ความคิดและความรู้สึกของผมกำลังจมลึก บอกไม่ถูกว่ากำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงบานประตูเปิดออกและปิดลง จากนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้ามา เขานั่งลงบนเก้าอี้และหมุนไปมาจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดรบกวนประสาท

“ตายรึยังวะ"

เสียงพูดที่ดูเหมือนพูดกับตัวเองเป็นเสียงไม่คุ้นเคยแต่ก็รู้ว่าเป็นใคร ปาร์คพูดออกมาและนิ่งเงียบไป ผมนอนอยู่แบบนั้นไม่ตอบสนองอะไร ในใจนึกหงุดหงิด ไม่นานผมก็ไม่สามารถนอนอยู่แบบนั้นได้อีกเมื่อปาร์คยังคงทำเก้าอี้เสียงดังไม่หยุด ผมลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่ง

“โทษที ทำให้ตื่น" ปาร์คบอกแต่ดูก็รู้ว่าจงใจทำแบบนั้น
“ป็อปเลิกสอนกี่โมงรู้ไหม ไปหามันแล้วมันไล่บอกให้มารออยู่กับมึงที่นี่ก่อน" ปาร์คใช้คำพูดสนิทสนมกับผมทั้งๆที่เราแทบไม่เคยพูดคุยกันตรงๆสักครั้ง ผมมองท่าทางสบายๆของปาร์คก่อนตอบคำสั้นๆ
“ไม่รู้...เดี๋ยวมันก็คงมา"

จบคำแค่นั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เสียงเพลงที่เปิดเอาไว้ช่วยให้เราไม่อึดอัดและต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเองไป ถึงจะไม่ได้อยู่คนเดียวแต่ปาร์คก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกเฝ้ามองเหมือนอยู่กับเพื่อนทั้งสองของผม คงเพราะปาร์คไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรของผมมากนัก แม้สายตาจะสงสัยอยู่ในบางทีแต่ไม่นานปาร์คก็เลิกที่จะสนใจ

หลังจากผ่านไปสักพักประตูห้องก็เปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นตูนที่คงจะมารอไอ้ร็อคมันเลิกสอนด้วยอีกคน ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมไม่ถามให้มากความ

“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนนะ อาจารย์เลื่อนไปชดเชยอาทิตย์หน้า เคนเพิ่งโทรบอก" ตูนนั่งลงข้างๆผมแล้วบอกขึ้น ผมพยักหน้าตอบกลับไป นึกเสียดายที่ไม่มีเรียนเพราะยิ่งผมว่างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผมคิดฟุ้งซ่าน...

ในตอนนี้จากห้องที่เป็นเขตส่วนตัวของผมกลายเป็นที่สาธารณะสำหรับพวกว่างนั่งรอคนไปโดยปริยาย ทั้งสองคนนอกเหนือจากตัวผมมีจุดร่วมที่เหมือนกัน นั่นคือการมาเพื่อที่จะเจอคนของพวกมัน ความสัมพันธ์ที่คล้ายกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาจากมุมมองนี้ แต่ในอีกมุมกลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสายตาของน้าวิทย์...ยิ่งคิด...ผมก็อดไม่ได้ที่ผมจะเอ่ยถามตูนออกไป

“ตูน พ่อกับแม่งมึงรู้รึเปล่าเรื่องไอ้ร็อค" ตูนมองผมอย่างแปลกใจที่ผมถามขึ้นมา แต่คงเป็นเพราะปัญหาที่ผมกำลังเผชิญอยู่ทำให้ตูนบอกเรื่องส่วนตัวออกมาง่ายๆ
“ไม่รู้หรอก กูมาเรียนนี่ ปิดเทอมค่อยกลับไปก็ธรรมดาที่เขาจะไม่รู้อะไร"
“มึงคิดจะบอกไหม"
“ยังเร็วไป กูยังไม่ได้คิด"
“ถ้าเกิดวันนึงเขารู้ขึ้นมา...มึงว่าเขาจะรับได้รึเปล่า"
“กูก็ไม่แน่ใจ...”
“.......”
“แต่กูคิดว่ากูจะไม่เลิกกับใครเพราะพ่อแม่รับไม่ได้หรอก..."
“แล้วถ้าพวกเขาเสียใจที่มึงทำแบบนั้น...” ตูนถอนใจกับคำพูดกึ่งคำถามของผม
“ไม่รู้สิ...ถ้ากูคิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อนกูก็ไม่คิดว่ามันผิด"

ผมรับฟังแล้วครุ่นคิด มุมมองที่ตูนบอกและเหตุผลจะเอามาเปรียบเทียบกับเรื่องของผมก็คงจะไม่ได้ซะทีเดียว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมมันซับซ้อนมากกว่านั้น น้าวิทย์กับน้าเพลงเป็นคนที่ผมเรียกว่าครอบครัว แต่ก็ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆที่จะคิดเอาแต่ใจตัวเองได้ ผมไม่อาจปฎิเสธอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการ ชีวิตใหม่และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเคยให้มันมีความหมายเกินกว่าจะเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้นได้

"มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา...” ปาร์คที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นลอยๆ “ถ้าจะให้ยอมรับเรื่องแบบนี้เลยมันก็ออกจะแปลก...ไม่คิดงั้นเหรอวะ..."

ผมหันไปมองปาร์คที่มีสีหน้าจริงจังดูแตกต่างไปจากทุกที สิ่งที่ปาร์คต้องการสื่อผมเข้าใจ มันต้องใช้เวลาผมรู้...แต่ก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหน...และไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นไหมด้วยซ้ำ...

ผมกลับเข้าวังวนเดิมๆกับการหาทางออกไม่เจออีกครั้ง ตอนนี้ผมอยากเจอทะเลที่สุด อยากเห็นหน้า อยากรู้ว่าทะเลจะเป็นยังไง จะเป็นเหมือนกับผมไหม...

“อยู่กันครบเลย" ร็อคเปิดประตูเข้ามามองรอบๆห้องแล้วพูดขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากความคิด ไม่นานป็อปก็ตามเข้ามา หลังจากนั้นพวกมันทุกคนก็ตกลงกันว่าจะไปกินข้าวที่ไหน ผมอยู่ตรงนี้และกำลังมีปัญหาพวกมันจึงมักพาผมไปนู่นมานี่ไม่อยู่กับที่เพราะคิดว่าคงช่วยผมได้ไม่มากก็น้อย เรามาลงเอยกันที่ร้านอาหารประจำที่มักมากินกันก่อนจะไปเล่นที่ร้าน คืนนี้เราเล่นเป็นวงสุดท้ายช่วงดึกจึงนั่งยาวไปจนถึงช่วงค่ำๆ

ปกติแล้วการที่มีร็อคอยู่จะทำให้ผมไม่สามารถอยู่กับความคิดตัวเองได้ มันจะคอยกระตุ้นผมให้มีส่วนร่วมกับบทสนทนาอยู่เสมอโดยเฉพาะในช่วงนี้ เมื่อมีปาร์คที่ดูจะกวนตีนไม่น้อยไปกว่ากันเพิ่มมาก็ทำให้ผมได้สังเกตเพื่อนใหม่คนนี้ชัดๆอีกครั้ง สายตาของปาร์คที่ผมเจอเขาแรกๆบ่งบอกสัญญาณไม่เป็นมิตรเปลี่ยนไปมาก โดยที่ผมไม่รู้ตัวสายตาที่แสดงออกกับผมก็เหมือนกับที่มองเพื่อนๆคนอื่นๆไปแล้ว จะมีพิเศษอยู่กับแค่คนเดียวที่มันนั่งข้างๆอยู่ตอนนี้

ผมนึกแปลกใจกับท่าทีของป็อปอยู่เหมือนกันเมื่อได้เห็นบ่อยเข้า ผมไม่เข้าใจว่าป็อปกำลังคิดอะไรอยู่ ป็อปเป็นคนปกปิดอารมณ์ของตัวเองได้ดีหากเขาไม่ต้องการที่จะให้ใครรู้ก็จะไม่มีใครรู้ กับปาร์คแล้วแววตาที่ป็อปใช้มองไม่เหมือนกับที่มองผม มันเป็นสายตาแปลกประหลาดที่ผมตีความมันไม่ออกเหมือนมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ผมไม่อาจเข้าใจได้ ปาร์คมักจะหงุดหงิดบ่อยๆเมื่อป็อปใช้สายตาแบบนั้นจ้องมอง กฎแรงดึงดูดของปาร์คดูจะใช้กับป็อปไม่ได้ผล ความสัมพันธ์ที่คล้ายจะใช่เมื่อได้มองดีๆแล้วกลับยังไม่เป็นอย่างที่คิดมันทำให้ผมอยากจะรู้ว่าในที่สุดแล้วฝ่ายใดที่จะเป็นฝ่ายชนะ

...

ร้านพี่ตินผู้คนก็ยังแน่นขนัดแม้จะเป็นวันธรรมดา ช่วงที่เราขึ้นเล่นเป็นช่วงที่ทุกคนคึกคักสุดขีด ผมปล่อยพลังงานไปกับจังหวะอารมณ์ที่หนักหน่วงรุนแรงแทบไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น จวบจนเพลงสุดท้ายที่จังหวะเนิบช้าผมจึงค่อยเงยหน้ามองบรรยากาศโดยรอบ

และเห็นดวงตาคุ้นเคยที่จ้องตรงมา...

ผมจังหวะสะดุดแทบล้มเลิกกลางคัน ทะเลยืนอยู่ตรงนั้นที่เดิมเหมือนที่มาทุกครั้ง ในร้านที่มีเพียงแสงไฟไม่มากนักทำให้บอกไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือภาพลวงตาที่เกิดจากความคิดของผมเอง ผมนึกอยากให้เพลงสุดท้ายนี้จบโดยเร็วเพื่อพิสูจน์สิ่งที่สงสัย ผมมองทะเลเอาไว้แทบไม่ละสายตาเพราะกลัวว่าจะหายไป

เมื่อจังหวะสุดท้ายสิ้นสุด...ผมก็ลุกขึ้นกระโดดลงจากเวทีเพื่อไปหาคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

ผมดึงทะเลเข้าหาตัวและสัมผัสได้ถึงไออุ่น...เป็นทะเลจริงๆ...

ผมกอดรัดทะเลแน่นไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองอยู่ แขนทะเลก็กอดรัดผมรุนแรงเช่นเดียวกัน เราดื่มด่ำช่วงเวลานั้นชั่วอึดใจก่อนที่ผมจะพาทะเลออกมาข้างนอก เราอยู่หลังร้านที่ไม่มีใครผ่านไปผ่านมาให้ความเป็นส่วนตัวมากพอที่ผมจะจูบคนตรงหน้าอย่างกระหาย หัวใจบีบรัดจากความรู้สึกคิดถึงจนเต้นถี่แรง

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมผละออกช้าๆแล้วถาม ทะเลมองผมเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็พยายามข่มกลั้นกัดริมฝีปากเอาไว้
“ดึกขนาดนี้เลมายังไง"
“เอารถพี่บลูมา...เลแอบพ่อออกมา...”

ผมคิดว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเลยเข้าไปบอกพวกไอ้ร็อคให้กลับกันไปก่อนและอาจไม่กลับบ้าน แค่เห็นร็อคพยักหน้ารับรู้ผมก็รีบออกมาอย่างรวดเร็วไม่ได้สนใจสายตาเป็นห่วงของพวกมัน

ผมพาทะเลมาเปิดห้องพักที่อยู่ไม่ไกล ไม่ถามหาความสมัครใจหรืออะไรทั้งนั้น ทะเลก็ยอมตามผมมาโดยไม่ปริปากถาม เมื่อถึงห้องพักเราต่างก็เงียบเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ผมจับจ้องคนตรงหน้าแน่นิ่งและเห็นแววตาหม่นเศร้าไม่ต่างจากของผมก็รู้สึกหน่วงหนักในใจ ผมคิดอยากเห็นทะเลที่สดใสคนเดิมเมื่อนานมาแล้ว คิดถึงรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้ผมหลงรัก อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนทำให้รอยยิ้มนั้นกลายเป็นอดีตไป

ทะเลยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบใบหน้าผม เป็นสัมผัสที่บอกว่าคิดถึงและปลอบประโลมใจผมในเวลาเดียวกัน ผมยิ้มตอบสัมผัสรักใคร่แล้วจูงทะเลมาที่เตียง

“เลเพิ่งรู้ว่าจำเบอร์พี่บลูไม่ได้ก็ตอนพ่อเอาโทรศัพท์เลไป" ทะเลบอกเมื่อเราสองคนนอนลงหันหน้าเข้าหากัน
“พี่บลูอยู่ที่ไหนตอนนี้...อยู่กับพี่ป็อปรึเปล่า"
“อืม"ผมจับมือทะเลมาไว้ตรงอก แล้วมองทะเลไม่วางตา "พี่อยู่กับสองคนนั้น"
"เกือบเดือนที่พี่ไม่อยู่เลแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...พ่อไม่ให้เลไปไหนเลยนอกจากโรงเรียน เลพยายามคุยกับพ่อหลายครั้งแต่พ่อไม่ก็ฟังอะไรที่เลพูด...เลไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...เลเป็นห่วงพี่บลู กลัวพี่เสียใจ...กลัวพี่จะทำร้ายตัวเองอีก..."
“พี่ไม่เป็นไร...”
“ไม่จริงหรอก ดูตาพี่ก็รู้ ตอนที่พี่เห็นเลพี่ทำหน้าแบบไหนรู้ตัวรึเปล่า มันทำให้เลคิดว่าน่าจะออกมาหาพี่ตั้งนานแล้ว" วูบหนึ่งในความคิดหลังจากได้ยินทะเลพูดทำให้ผมไม่อยากปล่อยให้ทะเลกลับไป ความรู้สึกของทะเลที่มีต่อผมเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่สุด ผมต้องการความรักของทะเล ต้องการความรู้สึกห่วงใยที่มีให้ผม เพราะมันเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยผมได้

"ตั้งแต่ออกมาจนถึงตอนนี้พี่ก็ไ่ม่รู้จะทำยังไงเรื่องของเรา" ผมพูดขึ้นเบาๆ "พี่ไม่มีสิทธ์ในตัวเลสักนิดถ้าเทียบกับน้าวิทย์...พี่เลยทำอะไรไม่ได้สักอย่าง"
“พี่บลูไม่ต้องทำอะไร...แค่ไม่เปลี่ยนใจจากเลก็พอ"ทะเลขยับเข้ามากอดผมเอาไว้   “เลได้คุยกับแม่แล้ว แม่ไม่ได้ต่อต้านเรื่องของเราเท่ากับพ่อเลก็เลยเล่าให้แม่ฟัง ถึงแม่จะตกใจที่เห็นภาพแบบนั้นแต่เลคิดว่าแม่เข้าใจ...เลเห็นว่าแม่ห่วงพี่บลูแล้วก็ดูเศร้าตั้งแต่พี่ไม่อยู่..."

ผมไม่ค่อยได้พูดอะไรมากนักได้แต่นอนฟังทะเลพูดไปเรื่อยๆ ทะเลเล่า ผมก็ขานรับให้รู้ว่าฟังอยู่ ผมรู้สึกสบายใจที่สุดที่มีทะเลอยู่ด้วยในตอนนี้ แต่ก็แค่เพียงไม่นานที่ผมมีสติอยู่ได้ ความอบอุ่นและกลิ่นที่คุ้ยเคยทำให้ผมเผลอหลับไป ผมปล่อยความกังวลทั้งหมดแล้วหลับสนิท ความเหนื่อยอ่อนทางจิตใจและทางร่างกายทำให้หลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เวลาที่มีเพียงน้อยนิดผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ทะเลปลุกขึ้นมาเพื่อบอกว่าต้องกลับบ้านแล้ว

“ใกล้เช้าแล้ว...เลต้องกลับก่อนที่พ่อกับแม่จะตื่น"
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ผมบอกแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้เลยมองหาปากการอบๆห้อง เมื่อเจอแล้วก็เขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงบนฝ่ามือของทะเล ผมบอกให้ทะเลจำมันไว้ด้วยเพื่อจะได้ติดต่อกัน

เมื่อถึงหน้าบ้านทั้งผมและทะเลต่างก็ยังไม่ยอมถอยห่าง ท้องฟ้ายังมืดอยู่ก็ยังดูเหมือนพอมีเวลา ผมรู้สึกดีขึ้นที่ได้เจอทะเลและคลายกังวลไปด้วยส่วนหนึ่ง ช่วงเวลาแสนสั้นกับทะเลยังคงเป็นช่วงที่ทำให้ผมทั้งสุขทั้งเศร้า ผมกอดทะเลแน่นก่อนจะปล่อยเขาไปในที่สุดเเมื่อเริ่มเห็นแสงที่ขอบฟ้า

“เลจะไปหาพี่บลูที่ร้านอีกถ้าออกมาได้"

ทะเลพูดทิ้งท้ายก่อนตัดใจหันหลังเดินจากผมไป

...

มีความเปลี่ยนแปลงในตัวผมหลังจากวันนั้นที่เจอกับทะเล ทุกอย่างดูไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดเหมือนกับก่อนหน้า ผมหลุดออกจากอารมณ์หม่นหมองเพื่อใช้ชีวิตต่อไปอย่างที่ควรจะทำ ชีวิตผมถูกพัดพาไปจากจุดหนึ่งสู่อีกจุดหนึ่งซึ่งต้องยืนบนขาของตัวเอง ผมโตมากพอที่จะรู้ว่าควรใช้ชีวิตคนเดียวอย่างไร เรื่องครอบครัวผมควรจะทำใจซะในเมื่อมันไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ในไม่ช้าเรื่องที่ผ่านมาก็จะเป็นแค่อีกหนึ่งรอยแผลเป็นให้หวนนึกถึง

นอกจากเรียนและเล่นที่ร้านผมตั้งใจจะทำงานให้มากขึ้น ร็อคกับป็อปรีบเสนอให้ผมช่วยสอนกลองให้กับโรงเรียนดนตรีเล็กๆของพวกมันทันทีที่รู้ว่าผมตั้งใจจะหางาน ผมให้ชั่วโมงว่างทุกชั่วโมงกับพวกมันเพื่อรับงานสอน  เมื่อลงมือทำจริงๆจังๆทั้งเรียนและทำงานผมก็คิดว่าไม่ได้หนักหนาเกินไปนักและมีส่วนดีตรงที่ไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องส่วนตัว

ผมเจอกับปาร์คที่นี่บ่อยๆจนเป็นเรื่องชินตา ผู้ชายผมยาวประบ่าพร้อมรอยสักตรงท้ายทอยคนนี้ชอบมานั่งรอป็อปในห้องซ้อมทำให้เราได้พูดคุยกันมากขึ้น ร็อคเคยบอกครั้งหนึ่งว่าผมกับปาร์คดูมีอะไรที่คล้ายกันแต่มันก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร บางทีอาจเป็นในส่วนของความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกร็อคถึงพูดแบบนั้น ผมพูดคุยกับปาร์คได้อย่างสนิทใจเท่าป็อปกับร็อคและก็ต้องยอมรับว่าปาร์คเป็นคนมีแรงดึงดูดผู้คนให้เข้าหาไม่เว้นแม้แต่ผม

ช่วงนี้ผมคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะมีที่เป็นของตัวเองไม่ต้องรบกวนเพื่อนฝูงจึงเริ่มหาห้องพัก พอพูดกับปาร์คไปได้ไม่กี่คำมันก็เสนอห้องว่างที่พี่มันมีอยู่และคิดไว้ว่าจะเปิดให้เช่า ห้องที่ปาร์คว่าอยู่ชั้นบนของร้านสัก พี่ปาล์มพี่ชายปาร์คเคยอยู่ที่นี่แต่ก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้วตั้งแต่แต่งงานไม่กี่เดือนก่อน

“พี่ปาล์มคิดราคากันเองเพราะเป็นเพื่อนกู ลองดูก่อนแล้วกัน กูว่ามึงน่าจะชอบ" ปาร์คว่าเมื่อพาเรามาถึงที่ร้านช่วงค่ำวันหนึ่ง ผมกับป็อปที่มาด้วยกันเจอพี่ปาล์มแล้วทักทายเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่เขากำลังสักให้ลูกค้าอยู่
"ร้านเพิ่งจะย้ายมาที่นี่แค่สองสามปี เมื่อก่อนพี่ปาล์มรับสักมันที่บ้านนั่นแหละคิดว่าจะทำเล่นๆ เอาเข้าจริงลูกค้าเยอะจนกูต้องช่วย" ปาร์คเล่า

อาคารพาณิชย์สองชั้นที่นี่ยังดูใหม่อยู่มาก ห้องชั้นสองก็ค่อนข้างใหญ่ มีเฟอร์นิเจอร์ครบเกือบทุกอย่าง และผมก็ชอบตรงที่มันดูมีความเป็นส่วนตัวอยู่มาก

“กูว่าที่นี่ก็ดีนะบลู ไม่ไกลทั้งมหาลัยทั้งตึกพวกกู" ป็อปพูด ผมเห็นปาร์คเหล่มอง
“อืม ดีเหมือนกัน ไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ด้วย..." ผมเห็นด้วยอย่างที่ป็อปว่า อีกอย่างที่ผมคิดคือที่นี่ไ่ม่ไกลจากหาดแล้วก็ไม่ไกลจากบ้านเก่าของผม เมื่อเป็นดังนั้นเราจึงลงมาคุยเรื่องค่าเช่ากับพี่ปาล์มข้างล่าง

ผมตกลงเช่าที่นี่และย้ายเข้ามาอยู่ในอาทิตย์ถัดมา นอกจากย้ายที่อยู่ใหม่ผมก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ด้วยเพื่อความสะดวก การที่เล่นที่ร้านมานานทำให้ผมไม่เดือดร้อนมากนักเมื่อจะต้องอยู่คนเดียว จะติดอยู่อย่างเดียวคือสภาพจิตใจที่ยังไม่ปกติดีเท่าไหร่

จากที่ทะเลมาหาวันนั้นผมก็ยังไม่ได้เจอทะเลอีก จะมีเป็นบางครั้งที่ทะเลโทรมาหาผมจากเครื่องของคนอื่น เราคุยกันเกือบทุกวันแต่ก็ไม่นาน การได้ฟังแต่เสียงดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำมีแต่จะโหยหามากขึ้น แม้ผมจะเริ่มทำใจแล้วว่าจะไม่มีวันได้กลับไปอยู่ที่บ้านอีกผมก็ยังนึกเศร้าอยู่ในบางครั้ง การที่ต้องอยู่คนเดียวไร้คนที่เคยอยู่ข้างๆกันก่อเกิดความเหงาขึ้นในใจ

หากว่าไม่มีตั้งแต่แรกก็คงจะไม่รู้สึกขาด...ผมนึกเปรียบเทีบกับความเหงาในวัยเด็กแต่มันกลับไม่ใช่แบบเดียวกัน ยามกลางคืนห้องใหม่ที่ไม่คุ้ยเคยทำให้เวลาเดินช้า รู้สึกนานเนิ่นและเงียบสงัด สร้างความเย็นเยียบในหัวใจได้อย่างทรมาน ช่างดูเป็นชีวิตใหม่ที่เปราะบางจนผมไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน...


การรอคอยของผมสิ้นสุดลงเมื่อผมได้เห็นหน้าคนที่อยากเจออีกครั้งสามอาทิตย์ถัดมา

ผมยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้านเพื่อหวังที่จะเจอทะเลอย่างเคย และแม้หวังอย่างนั้นพอได้เห็นทะเลจริงๆผมก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ทะเลมาด้วยชุดนักเรียนเหมือนไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แววตาโหยหาที่ทะเลมองผมทำให้รู้ว่าแรงดึงดูดเข้มข้นระหว่างกันยังคงอยู่ เมื่อผมดึงทะเลมากอดก็ได้รับรู้ถึงการเต้นของหัวใจทะเลที่รุนแรงไม่ต่างกัน คืนนั้นหลังจากเล่นเสร็จผมพาทะเลมาที่ห้องเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน

ผมไม่ถามทะเลว่าทำไมถึงมาหาผมไม่ได้เพราะรู้ดีว่าจะเป็นตัวเองที่เจ็บหากได้ยินท่าทีต่อต้านของน้าวิทย์ที่มีต่อผมอีก

“เลขอโทษที่ไม่ได้มาหา" ทะเลพูดและแสดงออกทางแววตาอย่างที่บอก
“คิดถึง" ผมพูดเสียงสั่นเหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง ทะเลได้ยินแบบนั้นก็โผเข้ากอดผมแล้วร้องไห้ออกมา
“...เลก็คิดถึงพี่บลู เลไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน..."

ผมนึกคำพูดปลอบใจไม่ออก ในสถานการณ์นี้ไม่รู้ว่าใครที่ทรมานไปกว่ากัน ผมก้มลงจูบทะเลแล้วแสดงความต้องการอย่างชัดแจ้งออกมา ทะเลไม่ได้ว่าอะไรที่ผมรุกเร้าหนักขึ้นและตอบสนองผมไปพร้อมๆกับน้ำตา

“กอดเลแรงๆก็ได้...เลไม่เป็นไร"ทะเลกระซิบบอกเมื่อผมทาบทับลงกับเตียง ทะเลรู้ว่าผมกำลังยับยั้งชั่งใจกับความดิบเถื่อนที่ผมมีอยู่ภายใน

แม้ความเจ็บปวดจะท่วมท้นแต่ผมก็มีความคิดที่อยากจะแสดงความรักมากกว่าแสดงด้านที่จะทำร้ายกัน ผมยิ้มให้ทะเลบางๆกับคำพูดที่เขาเอ่ยกับผม บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมความเจ็บปวดจากความรักจึงเกิดขึ้นได้แม้เราจะรักกัน ผมเจ็บให้กับอะไรบางอย่างตลอดมาจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น

หากจะหาเหตุผลที่ใกล้เคียงที่สุดคือผมไม่อาจครอบครอง

ความคิดนั้นทำให้การร่วมรักกับทะเลที่ผ่านมาไม่เคยพอ ไม่ว่าจะตอกย้ำสักกี่ทีก็ไม่เคยถมเต็ม

หลังจากกิจกรรมอันยาวนานทะเลก็หลับไปในอ้อมกอดผม...ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าแล้วลูบไล้แผ่วเบา

ไม่อยากให้ทะเลกลับไป

ไม่อยากเลย...

ผมไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา...เวลาที่ทะเลอยู่ที่นี่ความเหงาที่มีอยู่ทุกวันหายไปและดึงวันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันกลับคืนมา ช่วยไม่ได้เลยที่ตอนนี้ผมจะคิดเห็นแก่ตัวอยากให้ทะเลอยู่กับผมตลอดไป

มันจะเป็นไปได้ไหม...มันจะผิดมากหรือเปล่าหากผมทำแบบนั้น

ผมคิด...และมองแผ่นหลังของทะเลที่ค่อยๆเลือนหายไปเพราะความชื้นจากน้ำตา...




Song Titles : Here With Me
Artist :  The Killers

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หายไปตั้งสองอาทิตย์ แหะๆ  :try2:
เห็นมีคนรออยู่ด้วย แอบดีใจ
ตอนที่ผ่านมาชอบหลายๆคอมเม้นท์เลย
เพลง vincent ของคุณ เมล่อนคอซอง ก็โดนมาก
เพลงของคุณ 1wariya1 นี่ก็เศร้าเชียว (ถ้าบลูกับทะเลจะไปในทิศทางนั้น)

อาทิตย์หน้าก็ไม่แน่ว่าจะมาไหม สปีดต่ำสุดๆ
แต่เรื่องมันคงไม่เศร้าไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ เขียนเองก็เศร้าเหมือนกัน... :ling3:

ยังไงถ้ายังไม่เฮิร์ทกันจนเกินไปก็เจอกันตอนหน้านะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #216 เมื่อ30-05-2013 15:48:01 »

 :m15: ชิวิตมันเศร้า!!!   :ling1:

ไม่เป็นไรค่ะๆ ค่อยๆแต่ง คนอ่านรอได้  แต่ถ้ามาเร็วได้ก็ดี555 :กอด1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #217 เมื่อ30-05-2013 16:10:06 »

ทะเลมาทีบลูก็ดีขึ้น มีชีวิตชีวา
หวังว่าทั้งสองคนจะหาทางออกที่ดีได้
ไม่อยากให้เศร้าไปกว่านี้เหมือนกัน

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #218 เมื่อ30-05-2013 16:51:10 »

อย่าพึ่งให้น้าวิทจับได้น่ะะะะ  :ling2: :ling3:

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #219 เมื่อ30-05-2013 18:14:07 »

หน่วงแบบเบาๆ รอจนกว่าวันที่ฝนจะหยุดตกค่ะ

 /นี่เพิ่งเข้าหน้าฝน :katai1:

ขอบคุณค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
« ตอบ #219 เมื่อ: 30-05-2013 18:14:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pharm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #220 เมื่อ30-05-2013 18:42:29 »

โอ๊ยดรามา  :o12:
ขอให้ผ่านดราม่าไปไวไว
แล้วไม่ใช่ว่าบูลไปทำเรื่องเพิ่มมาอีกนะ อยู่ดีดี มีแค่เลคนเดียวก็พอ
ชอบคุณแม่เล น่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้
แต่พ่อนี่ไม่ไหวเลย ดีนะที่เลไม่หนีออกจากบ้านน่ะ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #221 เมื่อ30-05-2013 22:11:12 »

โถ่น่าวิทย์
ใจอ่อนเถอะ
สงสารทั้งเลทั้งพี่บลูเหลือเกินนน

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #222 เมื่อ31-05-2013 06:05:41 »

พี่บลู น้องเล จะผ่านมรสุมชีวิตครั้งนี้ไปได้ไหมนะ :m15:
ยังดีที่คุณแม่ไม่ค่อยว่าอะไร แต่คุณพ่อนี่แหละด่านใหญ่ เฮ้อ เลิกเศร้าซะทีเถอะน้า พลีสสสสส :hao5:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #223 เมื่อ31-05-2013 08:58:31 »

TTTTTT^TTTTTTT

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #224 เมื่อ31-05-2013 10:43:46 »

เห็นคนเขียนมาอัพเราเลยมาอ่านถึงรู้ว่ามันจะค้างก็เถอะ
ปัญหาเรื่องพ่อแม่ก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน
ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นน้าวิทย์นะเราก็จะทำเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้แหละ
คิดดูสิว่าบลูเป็นใคร อดีตของบลูใช่ว่าน้าวิทย์จะไม่รู้นะ
ต่อให้ทั้งคู่ไม่ใช่ชายรักชาย ถ้าบลูเป็น ญ หรือทะเลเป็น ญ ก็เหอะ
การที่พ่อแม่จะวางใจให้คบกันอย่างบริสุทธิ์ใจมันยากนะ
สิ่งที่พอจะเป็นไปได้คือบลูต้องเป็นคนดีจริงๆ ต้องมั่นคง จริงใจ พิสูจน์ให้พ่อแม่ของทะเลเห็นไปเลย
แต่ตอนท้ายๆแอบกลัวความคิดบลู ทำไมลางๆเหมือนจะพาทะเลหนีเลยหว่า
ถ้าจะพาหนีจริงๆมันก็อาจจะดีนะ แต่ก็ตัดอนาคตของทะเลอ่ะ เพราะกำลังของทั้งสองคนไม่พอจะส่งเสียให้เรียนจบทั้งคู่หรอก
ตายแล้ว :katai1: ฉันพล่ามอะไรมากมาย อย่าไปฟังมากนะ อิอิ
อาทิตย์หน้าไม่มาไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆแต่งไป เอาให้มันลึกซึ้ง น้ำตาหยดแหมะๆไปเลยก็ได้จ้า :mew6:

ออฟไลน์ iamew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #225 เมื่อ11-06-2013 23:32:05 »

หลังจากไม่ได้เข้าเล้าเป็ดนาน(ในความคิดตัวเอง) มาอ่านตอนล่าสุด แปลก ที่แม้ว่าจะเป็นเวลานานแล้วหลังจากอ่านตอนที่16 พอมาอ่านตอน17 มันเหมือนกับแค่เมื่อวานนี้เองที่เพิ่งอ่านตอน16 มา มันไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นความทรงจำ ความรู้สึก แต่เพียงบรรทัดแรกก็สามารถต่อติดอารมณ์เดิมๆ ได้

ทุกๆ ตอนที่ผ่านมา มักจะเป็นอารณ์เศร้าๆ อึนๆ บวกความกลัว กลัวว่าจะเป็นแบบนั้น กลัวว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ตอนล่าสุด มันกลับไม่ใช่ความกลัวแล้ว มันเหมือนกับ.. อยากจะร้องไห้โฮออกมาให้สุดๆ ให้สมกับความรู้สึกที่ผ่านมา

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ
 

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #226 เมื่อ12-06-2013 02:21:38 »

อ่านแล้วมันรู้สึกมึนๆอึงๆไปกับเนื้อเรื่อง ร้องไห้เลยสงสารบลูเกิน
ยกนิ้วให้เลยค่ะกับความสมจริงของตัวละคร ความมีมิติในอารมณ์ของแต่ละตัว
เป็นเสมือนบุคคลที่พบเจอได้ในชีวิต
 ในส่วนเนื้อเรื่องก็ทำได้ดีมากค่ะ ไม่มีอะไรสะดุดเลยแม้แต่น้อย 
หวังว่าสุดท้ายแล้วจะแฮปปี้นะค่ะ TT

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #227 เมื่อ17-06-2013 17:14:50 »

ปวดตับ

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
«ตอบ #228 เมื่อ17-06-2013 23:31:24 »

บลู    สู้ๆๆ   ต้องยืนหยัดให้ได้นะ!!!!   สร้างเนื้อสร้างตัวแล้วสู่ขอทะเลเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย   :hao3:

ออฟไลน์ สักวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #229 เมื่อ12-07-2013 00:01:49 »

-18-
Closer

http://www.youtube.com/v/rH-iTWfGXAI?version=3&hl=en_US

แม้ผมจะไม่ได้พูดว่าอยากให้เขาอยู่แต่ผมก็คิดว่าทะเลรู้ความรู้สึกของผมดียิ่งกว่าใคร จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวรั้งทะเลไว้ ผมมักจะเป็นแบบนี้เมื่อเป็นเรื่องของทะเล ต้องคิดหน้าคิดหลัง ไตร่ตรองเกินจำเป็นจนสับสนระหว่างความรู้สึกและเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้ผมไม่อาจทำตามความต้องการของตัวเองก็เพราะผมรู้ว่าไม่ว่ายังไงมันจะทำร้ายทะเลให้เกิดรอยแผลในจิตใจจากการหันหลังให้กับครอบครัวของตัวเอง

เวลาเช้ามืดผมขี่มอเตอร์ไซค์เลียบชายหาดพาทะเลกลับบ้าน อากาศเย็นชื้นจากลมที่ปะทะหน้าทำให้คลายความง่วงไปได้บ้าง เช่นเดียวกับครั้งที่แล้วที่ต้องจากกัน เรายืนนิ่งยื้อเวลาอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนัก บรรยากาศของการลาจากทำให้ผมหยิบบุหรี่่ขึ้นมาเพื่อหวังปลดปล่อยความเครียดที่มีอยู่แต่ทะเลเอื้อมมือคว้าไฟของผมไว้ก่อนที่ผมจะยกขึ้นจุด ผมมองตามไฟแช็คที่อยู่ในมือทะเลก่อนจะละสายตาขึ้นมองคนที่ถือมันไว้

รอยยิ้มขี้เล่นที่ผมไม่นึกว่าจะได้เห็นปรากฎอยู่บนใบหน้าทะเล มันไม่ใช่รอยยิ้มหมองเศร้าที่มักเห็นและคุ้นเคยในช่วงนี้ แม้จะแปลกใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ทะเลเห็นผมยิ้มก็ทำให้ลักยิ้มยิ่งกดลึก ผมนั่งลงบนเบาะรถแล้วคาบบุหรี่เอาไว้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ลืมเรื่องรบกวนใจเพียงแค่รอยยิ้มเดียวที่ผมอยากเห็นมาตลอด ทะเลค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆดึงบุหรี่ออกจากปากผมแล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากของตัวเอง

“กว่าจะยิ้ม" ทะเลพูดเบาๆ เมื่อผละออกทะเลก็ยื่นบุหรี่ให้ผมคาบเหมือนเดิมแล้วจุดไฟให้
“พี่บลูรู้ไหมว่าเลกลัวอะไรที่สุด" ทะเลถาม หย่อนไฟแช็คลงกระเป๋ากางเกงผม
“อนาคต" ผมตอบคำตอบที่เป็นของผมเข้าไปแทนเพราะมันดูกว้างมากพอจะรวมคำตอบของทะเลเข้าไปด้วย
“ไม่ใช่ เลไม่ได้กลัวอนาคต แต่เลกลัวความคิดของพี่" ผมขมวดคิ้วกับคำตอบ ทะเลจับมือผมแล้วสอดประสานนิ้วของตัวเองเข้ามาโดยไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม
“ทำไมต้องกลัว"
“เลเดาใจพี่ไม่ออก เลเข้าไปไม่ถึงเพราะพี่ชอบเก็บทุกอย่างไว้..."
"....."
"ก่อนหน้านี้เลไม่รู้ว่าทำไมพี่บลูถึงเข้าถึงยาก เราอยู่ด้วยกันแต่เลก็คิดว่าไม่ได้รู้จักพี่ทั้งหมด พี่ชอบทำในสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เหมือนจมอยู่กับอะไรบางอย่างที่เลไม่สามารถจะเข้าใจ...ถึงตอนนี้เลจะรู้สาเหตุ...แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพี่คิดอะไร...ไม่รู้ว่าพี่เจ็บแค่ไหนเวลาที่พี่ปกปิดมันเอาไว้ เลกลัวว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่มันจะทำให้พี่เจ็บจนสุดท้ายก็เลือกที่จะจบเรื่องของเรา" ทะเลพูดด้วยรอยยิ้มเศร้าๆแบบเดิม
“เลสำคัญกับพี่มากกว่าที่เลคิด" ผมบอก ดึงทะเลลงมานั่งตักแล้วกอดเอาไว้ "ไม่จำเป็นต้องกลัวสักนิด ถ้าพี่ทนไม่ไหวสิ่งที่พี่จะทำคือพาเลมาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ตัดใจทิ้งไป"
“งั้นเมื่อไหร่จะทนไม่ไหว" ทะเลถามทีเล่นทีจริง ไม่ได้รู้เลยว่าอยู่ใกล้จุดนั้นมากแค่ไหน
“ใกล้แล้ว...” ผมเอ่ยความจริงที่อยู่ในใจ จากนั้นก็นั่งนิ่งมองออกไปตรงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นกอดทะเลไว้ไม่ยอมปล่อยออกทั้งที่รู้ว่าถึงเวลาแล้ว
“เดี๋ยวนี้ห้องพี่บลูเป็นห้องเลแล้วนะ เลนอนห้องพี่ตลอดเลย"
“ยกให้" ผมพูดอู้อี้อยู่ตรงบ่าของทะเล
“แต่ยิ่งอยู่ห้องนั้นก็ยิ่งคิดถึงพี่บลู..."
“คอยฟังเสียงรถเอาไว้ ตอนดึกๆวันไหนที่ไม่ได้เล่นที่ร้านพี่จะมาหา"

ทะเลยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เราจากกันด้วยความคิดที่ว่าอีกไม่นานคงได้เจอกันจึงทำให้ยิ้มได้ด้วยความหวัง ผมมองส่งทะเลเข้าบ้านและเดินลงชายหาดเพราะอยากสัมผัสกับผืนทราย ผมคิดถึงเจ็ทสกีของผม คิดถึงความรู้สึกอิสระ คิดถึงหลายๆอย่างของมันจนรู้สึกใจหาย ตอนนี้รอบๆด้านสว่างแล้วแต่ก็มีเพียงผมคนเดียวที่ชายหาดแห่งนี้ ผมเดินทอดน่องเพียงลำพังและซึมซับความรู้สึกที่คุ้นเคย ทรายและน้ำทะเลยังคงเป็นเพื่อนที่ผมพึ่งพายามเหงา มันไม่ได้ช่วยคลายเหงาแต่มันทำให้ความอ้างว้างของผมมีความหมาย ผมนึกถึงคำพูดของทะเลที่คุยกันก่อนหน้านี้ ที่ทะเลบอกว่ากลัวความคิดผม คำที่บอกถึงความแคลงใจในตัวผมทำให้รู้ว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรให้ทะเลมั่นใจได้เลยนอกจากคำพูด อะไรที่ผมจมอยู่มักฉุดรั้งให้ผมเลือกนิ่งเฉยแทนที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกหรือการกระทำออกมาเพราะผมเคยชินที่เก็บกดความรู้สึกเอาไว้

ผมถอนหายใจ คิดอยากทำให้ทะเลสบายใจเมื่ออยู่กับผมเหมือนที่ผมสบายใจเมื่อได้อยู่กับทะเล ไม่ใช่ทำให้ทะเลคอยหวั่นใจกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและกลัวใจผมที่ดูเหมือนจะไม่เข้มแข็งพอ...

เกือบชั่งโมงที่ผมเดินเหม่อลอยอยู่กับความคิดตัวเอง เมื่อเดินกลับไปที่รถผมก็หันกลับไปมองบ้านอย่างเคยชิน

ผมมอง...เห็นบ้าน...กับคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น

น้าวิทย์ยืนกอดอกนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่หน้าอู่ สายตาจับจ้องที่ผมแต่ก็ไม่ได้ใกล้พอที่จะเห็นแววตาและสีหน้าว่ากำลังเป็นแบบไหนหรืออยู่ในภาวะอารมณ์ใด ตัวผมก็หยุดอยู่กับที่ไม่อาจขยับเขยื้อน ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นน้าวิทย์ก็หันหลังเดินเข้าบ้านทิ้งให้ผมได้แต่ยืนมองเพียงฝ่ายเดียว ผมไม่รู้ว่าน้าวิทย์ยืนอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหนและเห็นอะไรบ้าง   

ผมปิดกั้นความคิดที่หลั่งไหลเข้ามาพยายามไม่คิดมากเกินจำเป็น ระยะเวลาเป็นสิบปีที่อยู่ด้วยกันมันอัดแน่นไปด้วยความทรงจำ ยิ่งกว่านั้นคือสิ่งที่เรียกว่าความผูกพัน

ชั่วขณะที่เรายืนจ้องกันอยู่ในที่ไกลๆ...
ผมไม่อาจบอกได้ว่าความรู้สึกเศร้าเสียใจที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นความรู้สึกของผมหรือความรู้สึกของน้าวิทย์ที่ส่งมากันแน่...

...

ถึงผมจะบอกทะเลว่าจะมาหาวันที่ไม่มีเล่นที่ร้านแต่ผมก็ไม่ได้ทำตามคำพูดซะทีเดียว ในวันถัดมาหลังจากเล่นเสร็จแล้วผมก็ตรงมาหาทะเลโดยหวังใจว่าทะเลจะได้ยินเสียงรถผมและชะโงกมองลงมา

ตอนที่ผมไปถึงประมาณเกือบตีหนึ่ง ไฟในห้องของผมปิดเงียบ ผมจอดรถที่หน้าบ้านโดยที่ยังไม่ดับเครื่อง ปล่อยให้มันดังอยู่นานจนกว่าจะคิดถอดใจ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นความคาดหวังของผมเป็นจริงเมื่อได้ยินเสียงบานประตูและเห็นทะเลที่ก้าวออกมาอย่างระแวดระวัง ผมดับเครื่องแล้วนั่งลงตรงหน้าบ้านกับทะเลที่ตาปรือฟ้องชัดว่าผมเป็นคนปลุกให้ตื่น ถึงจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยแต่ก็ดีใจที่ทะเลได้ยินเสียงรถผมแม้จะยังหลับอยู่

วันนี้เราคงได้แต่นั่งกันอยู่ตรงนี้ เป็นแค่เพียงการพบหน้าให้คลายความคิดถึง ผมคิดว่าแค่ได้เห็นหน้าทะเลก็เพียงพอแล้วและไม่อยากที่จะเสี่ยงไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้น้าวิทย์จับได้ที่พาทะเลไปไหนต่อไหน ที่ได้เห็นท่าทีนิ่งเฉยของน้าวิทย์เมื่อวานผมก็ไม่อาจวางใจได้ว่าน้าวิทย์กำลังคิดอะไร

ทะเลเอนหัวมาซบไหล่ผมนิ่งแต่ผมรู้ว่าทะเลไม่ได้หลับ เราแค่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มีเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกันและความเงียบแค่นี้ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ

ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันช่างเรียบง่ายเหลือเกิน เรียบง่าย...เปราะบาง...เพียงแค่นั่งหายใจอยู่ข้างกันก็มีความหมาย

เรานั่งอยู่แบบนั้นได้ไม่นานนักผมก็ต้องไล่ทะเลเข้าบ้านเพราะยุงข้างนอกนี่ทำให้ทะเลนั่งเกาจนแขนขาลายไปหมด แต่ทะเลกลับไม่สนใจยังคงนั่งกอดแขนผมทำทีไม่ได้ยินที่ผมพูด

“เข้าบ้าน"
“พี่บลูเพิ่งมา เลยังไม่อยากให้กลับเลย"
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ ถ้าพี่มาหาได้จะมาทุกวัน" พอผมพูดแบบนั้นทะเลก็มองผมด้วยแววตาสดใส ไม่มีเค้าความง่วงอยู่อีกแล้ว
“จริงนะ" ผมยิ้มให้ก่อนจะฉุดทะเลให้ลุกขึ้นแล้วไปส่งหน้าประตู


ตั้งแต่นั้นการแอบนัดพบกันทุกวันเป็นสิ่งที่ผมตั้งตารอคอย แม้จะดึกดื่นแค่ไหนทะเลก็ไม่เคยให้ผมมาเก้อ พอได้ยินเสียงรถทะเลจะปลุกตัวเองเพื่อมาพบผมเสมอ จากครั้งที่ผมไล่ทะเลเข้าบ้านเพราะยุงเป็นเหตุหลังจากนั้นทะเลก็พกยากันยุงลงมาด้วย ให้เราอยู่ด้วยกันได้นานขึ้น ทะเลพูดแบบนั้นครั้งหนึ่งขณะที่ฉีดยากันยุงบนแขนผมแล้วทาให้ หลายครั้งของการพบเจอเราเพียงนั่งจับมือกันจนชื้นเหงื่อหรือแค่ซบอิงกันเท่านั้น แต่ถึงจะแค่นั้นผมก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เกี่ยวกันแน่นระหว่างเรา การแสดงออกยิ่งเรียบง่ายมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันลึกซึ้ง

เป็นอีกด้านของความรักที่ดูบริสุทธิ์ นิ่งสงบแต่ก็อิ่มใจ

หากผมหยุดอยู่นิ่งๆและมองดูดีๆก็จะพบว่าคนข้างๆผมก็ไม่เคยไปไหนไกลจากผมเลย ทะเลที่มักวนเวียนอยู่รอบตัวไม่เคยละความพยายามที่จะไล่ตามผม ทั้งเมื่อก่อนหรือแม้แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าความดำมืดที่ห่างไกลเป็นแรงดึงดูดที่ทำให้ทะเลเข้าหาผม เหมือนๆกับที่ผมถูกความอ่อนโยนของทะเลดึงดูด

เวลาที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มันทำให้ความรู้สึกนึกคิดของผมมีความเปลี่ยนแปลง ผมยังคิดอยากให้ทะเลมาอยู่ด้วยกันแต่ขณะเดียวกันผมก็รักช่วงเวลานี้ของเรา...รักที่มันบอกได้ว่าทะเลรักผมมากเช่นเดียวกับที่ผมรักเขา ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอนสั่นคลอนจิตใจมีบางอย่างค่อยๆหยั่งรากลงในใจ

ซึ่งผมและทะเลต่างก็รู้สึกได้เหมือนๆกัน

...

เวลาล่วงเลยมาเกือบสามเดือนหลังจากที่ผมออกมาจากบ้านผมถึงได้รับการติดต่อจากเจ๊หนิง ดูเหมือนว่าน้าวิทย์จะไม่ได้บอกเรื่องที่ผมไม่อยู่ที่นั่นแล้วให้เจ๊รู้ถึงเพิ่งจะโทรมาหา เจ๊หนิงบอกว่าไปที่บ้านแล้วไม่เจอผมจึงถามกับน้าวิทย์แล้วค่อยทราบเรื่องราวทั้งหมด ผมรับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยของเจ๊หนิงได้จากน้ำเสียง มันไม่ได้แตกต่างไปจากตอนที่ถามผมเรื่องพี่หญิงเลยสักนิดแม้จะรู้เรื่องของผมกับทะเลแล้ว เจ๊หนิงถามเรื่องราวคร่าวๆและนัดผมให้มาเจอกันในวันรุ่งขึ้น ถึงจะรู้ว่าเจ๊หนิงเป็นห่วงแต่ผมก็อดคิดในแง่ร้ายไม่ได้ว่าเจ๊หนิงจะบอกให้ผมเลิกยุ่งกับทะเลด้วยอีกคน แต่ผมก็แค่คิดไปอย่างนั้น ผมไม่ได้ปฎิเสธนัดแม้จะกังขาในเจตนาเพราะความรู้สึกอยากเจอเจ๊หนิงนั้นมีมากกว่า

จุดนัดพบของเราเป็นร้านอาหารในห้างๆหนึ่งที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของคนที่นี่ ผมรอเจ๊หนิงในร้านอาหารมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาและเห็นเงาสะท้อนอันเลือนลางของตัวเองบนกระจก ผมสงสัยไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยว่าทำไมชีวิตของพวกเขาถึงดูมีความสุขกันนัก มันเป็นข้อสงสัยตั้งแต่เด็กๆเวลาผมมองเหล่านักท่องเที่ยวบนชายหาด ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ ผมนั่งเงียบๆมองดูผ่านกระจกที่กั้นโลกของผมกับโลกของพวกเขาเอาไว้...

เจ๊หนิงมาหลังจากเลยเวลานัดไปได้ไม่นาน หลังจากทักทายเจ๊หนิงก็บ่นถึงความวุ่นวายที่ร้านกว่าจะออกมาได้ให้ผมฟังยาวเหยียด ผมฟังด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย การฟังเรื่องของคนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ทำได้เพียงแต่นั่งฟังไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย เราสั่งอาหารและคุยกันเรื่องทั่วไปก่อนที่หัวข้อสนทนาจะมาถึงเรื่องหลักซึ่งก็คือเรื่องของผม

“ทำไมบลูไม่บอกเจ๊ตั้งแต่ที่ออกจากบ้าน" เจ๊หนิงเปิดประเด็นถามด้วยอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ
“ผมคิดว่าน้าวิทย์คงจะบอก แล้วผมก็ไม่อยากให้เจ๊ลำบากใจ"
“เรื่องนี้เจ๊มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก เป็นคนฝากบลูไว้กับวิทย์แต่ก็ไม่มีใครคิดจะบอกเจ๊สักคำ...แล้วยังไงตอนนี้...เล่าให้ฟังมาตั้งแต่แรกซิ"
“ก็อย่างที่เจ๊รู้...ผมกับเลแอบคบกัน...แล้วน้าวิทย์ก็จับได้เพราะเทป...”
“เลยอมบลูใช่ไหม...บลูไม่ได้บังคับน้องใช่ไหม" ผมรู้ว่าเจ๊หนิงกำลังคิดอะไรจึงได้แต่ยิ้มขื่นๆ
“ผมรักเล...แล้วเลก็บอกว่ารักผม...เจ๊พอจะเข้าใจความเป็นไปได้ของมันไหม" เจ๊หนิงจ้องผมราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง ผมเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง ความรู้สึกเศร้าจู่จับหัวใจ
“ก็แค่ถามเพื่อความแน่ใจ ทำไมเจ๊จะไม่เข้าใจ...”
“เจ๊หนิงว่ามันผิดไหม"
“ถ้าถามเจ๊ เจ๊ก็ว่ามันไม่ผิด แต่คำตอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เจ๊ก็เข้าใจวิทย์ที่รับไม่ได้ สำหรับคนที่รับไม่ได้เขาก็เห็นเป็นอีกแบบ"
“ผมไม่อยากให้การกระทำของเราที่น้าวิทย์เห็นเป็นตัวตัดสินแต่ผมก็อธิบายอะไรไม่ได้ ยิ่งผมพูดว่ารักเลน้าวิทย์ก็ยิ่งไม่อยากฟัง ผมไม่รู้ว่ามันผิดที่ตรงไหนสำหรับน้าวิทย์ ผิดที่ผมทำ...ผิดที่ผมรักเล...ผิดที่อดีตของผม...หรือผิดที่เราทั้งคู่เป็นผู้ชาย"

ความเงียบเข้าครอบงำเราหลังจากนั้น เจ๊หนิงเหมือนค่อยๆจมลึกอยู่ในความคิดของตัวเอง

“วิทย์อาจจะมีเลือดของพ่อเข้มข้น...” เรากินข้าวกันเงียบๆสักพัก เจ๊หนิงก็พูดลอยๆขึ้นมา

"บลูรู้ไหมว่าที่เจ๊เป็นอยู่นี้พ่อเจ๊ก็ไม่เคยยอมรับ การถูกคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ปฎิเสธตัวตนของเรามันเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร จุดนี้เจ๊ก็ผ่านมันมาเหมือนกัน"
“แล้วเจ๊ทำยังไง"
“ก็มันเป็นสิ่งที่เราเป็นจริงๆถึงเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับมันก็เท่านั้นในเมื่อมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้"
“ใช่...มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้...ผมเคยพยายาม สุดท้ายก็เหมือนเดิม” เจ๊หนิงยิ้มเมื่อได้ยินผมพูด ยิ้มแบบมีเลศนัยให้ผมเกิดความรู้สึกเก้อเขิน
“รักกันมานานแค่ไหนแล้ว"
“ผมบอกไม่ได้หรอก...กว่าจะเป็นรักแบบนี้มันก็เป็นรักอีกแบบ"
“บลูดูมีความสุขกว่าที่เจ๊เคยเห็น ถ้ามันเป็นเพราะเลจริงๆเจ๊ก็ว่าเรื่องของเรามันไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย..." ผมรู้สึกอุ่นใจที่เจ๊หนิงพูดแบบนั้น เหมือนกับว่าเจ๊หนิงกับผมอยู่ในโลกด้านเดียวกันที่จะสามารถเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายอะไร
“ที่ผ่านมาผมนึกขอบคุณเจ๊ในทุกๆอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมอยากขอบคุณเจ๊หนิงที่สุดคือทำให้ผมได้เจอกับเล" แม้จะเคยรู้สึกกระดากอายจนไม่กล้าพูด แต่ครั้งนี้ความรู้สึกทั้งหมดมันทำให้ผมต้องพูดมันออกมา และผมก็แปลกใจว่าเมื่อได้พูดมันออกมาแล้วไม่ใช่ความอายที่ผมรู้สึก มันกลับเป็นความรู้สึกดีใจที่ได้เห็นเจ๊หนิงยิ้มรับคำขอบคุณของผมอย่างเต็มใจ

เราคุยต่ออีกพักใหญ่ๆกว่าจะแยกย้ายกัน เจ๊หนิงพูดถึงแม่ให้ฟังบ้างแต่ผมก็คร้านที่จะสนใจ ผมว่าการที่ไม่มีแม่ในชีวิตของผมนั้นจะดีกว่า แม้ว่าผมจะไม่เหลือใครแล้วก็ตาม เจ๊หนิงเสนอความช่วยเหลือหลายๆอย่างแต่ผมก็ปฎิเสธ ผมเล่าให้ฟังว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนทำอะไรบ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเด็กผู้ชายที่เจ๊หนิงจำภาพนั้นไว้

“เจ๊ดีใจที่เห็นบลูไม่เป็นไร...เรื่องของบลูกับเลเจ๊จะลองคุยกับวิทย์ให้ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรหลังจากนี้เจ๊ก็อยากให้บลูบอกเจ๊...จำไว้ว่าบลูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว"

เจ๊หนิงพูดทิ้งท้ายก่อนที่เราจะจากลา ผมมองเห็นความหวังจากคำพูดของเจ๊หนิง...อนาคตที่มองไม่เห็นเมื่อมีแสงเล็กๆส่องเข้ามามันยิ่งใหญ่เสมอ...แม้ว่าแสงนั้นจะริบหรี่แค่ไหนก็ตาม

...

ช่วงสอบเป็นช่วงที่ผมและทะเลตกลงกันว่าอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เราต่างคนต่างใช้ชีวิตที่ไม่มีส่วนใดทับซ้อนกัน ส่วนใหญ่แล้วผมจะไปหาทะเลวันเสาร์อาทิตย์แต่ก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานอยู่ดี ผมมีงานที่แทบจะเรียกได้ว่าล้นมือ เวลาว่างที่ผมใช้สอนทำให้มีเวลาทำงานของมหาลัยน้อยลง การแบ่งสัดส่วนตรงนี้ยังไม่ลงตัวเลยยุ่งวุ่นวายอยู่พอสมควร

มีบางครั้งบางทีเหมือนกันที่ผมอยากเจอทะเลจนทนไม่ไหวแล้วไปรับมาแม้จะเป็นวันธรรมดา ผมให้ทะเลมานอนที่ห้องแล้วตัวเองก็นั่งทำงานไปเหมือนกับว่าขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกันบ้างก็ยังดี ทะเลชอบลากหมอนมานอนข้างๆมองดูผมจนหลับไปทุกครั้ง ขอบเขตที่เราจะอยู่ด้วยกันยังคงเป็นตอนกลางคืนเสมอๆ ไม่ว่าน้าวิทย์จะรู้หรือไม่รู้ผมก็ไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งไปมากกว่านั้น ผมไม่เคยเห็นน้าวิทย์อีกเลยตั้งแต่คราวที่น้าวิทย์ยืนอยู่หน้าบ้าน ทะเลเล่าให้ผมฟังว่าจนถึงตอนนี้น้าวิทย์ก็ยังไม่ยอมคุยกับทะเลเรื่องของผม ใจผมก็ไม่คิดเร่งรีบให้น้าวิทย์เข้าใจมันแต่ก็ยังคงหวังอยู่ว่าสักวันน้าวิทย์จะเข้าใจ

ความสัมพันธ์ที่คล้ายจะสุขสมหวังแต่ก็ไม่ ทำให้ผมกับทะเลยิ่งจับมือกันให้แน่นขึ้น อารมณ์ต่างๆพัฒนาไปในทิศทางที่ทำให้ผมประหลาดใจ โดยไม่รู้ตัวผมก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานใจเมื่อไม่ได้มีทะเลอยู่ใกล้ๆอีกแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ช่วงเวลาที่วุ่นวายทำให้ผมอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้เหลียวมองอดีตและไม่ได้กังวลกับอนาคต

ที่ๆผมอยู่เริ่มมีความทรงจำของทะเลเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา ทะเลจะจากไปโดยทิ้งกลิ่นเฉพาะตัวไว้บนหมอนและกลับมาใหม่เมื่อกลิ่นนั้นเจือจาง เมื่อเห็นผมมีเครื่องเสียงเก่าๆอยู่ทะเลก็ขนแผ่นเพลงที่เป็นของผมกับเพลงที่ทะเลชอบเอามาไว้ให้ หนึ่งในนั้นมีแผ่นที่เป็นเพลงที่ทะเลแต่งให้ผมด้วย ครั้งแรกที่ผมได้ฟังเพลงนั้นผมคิดว่ามันเป็นเพลงเศร้ามากกว่าที่จะเป็นเพลงรัก ทะเลบอกกับผมว่าผมให้ความรู้สึกที่เหมือนกับเพลงนี้...

“ให้ความรู้สึกเศร้า...แต่ก็ละสายตาไม่ได้...เลรักความรู้สึกนั้นในตัวพี่บลู"

คำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้มของทะเลทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกโอบกอด ผมไม่มีความรู้สึกว่าต้องการเป็นเจ้าของหรือครอบครองใดๆเหมือนแต่ก่อน ไม่จำเป็นเลย แววตาของทะเลบอกได้ว่าเขายังเป็นของผมตราบใดที่แววตานั้นมันยังไม่เปลี่ยนไป ผมพยายามแสดงออกมากกว่าที่เคยเพื่อให้ทะเลรับรู้ความรู้สึกของผมเช่นเดียวกัน ระหว่างเรามีทั้งความสุข แต่บางอารมณ์ก็ยังเจือปนด้วยความเศร้าและความเหงา อารมณ์ต่างๆพวกนี้ไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว ความเหงาทำให้การพบเจอกับทะเลเต็มไปด้วยความสุขใจ และอดเศร้าใจไม่ได้ทุกครั้งเมื่อมีการจากลา

หลังจากที่ทะเลผ่านพ้นช่วงสอบและปิดเทอมกลางภาคไปแล้วจึงค่อยถึงช่วงสอบของผม ทะเลเข้าใจที่ผมไม่ค่อยได้ไปหาและเป็นฝ่ายมาหาผมเองอยู่หลายครั้ง ทะเลใช้มอเตอร์ไซค์ที่เคยเป็นของผมออกมาหาโดยบอกน้าวิทย์ว่าออกมาซ้อมดนตรีกับเพื่อน แต่บอกน้าเพลงว่ามาหาผม ทะเลบอกว่าไม่อยากโกหกน้าเพลงและก็รู้ว่าน้าเพลงจะไม่ห้าม ยิ่งกว่านั้นน้าเพลงยังช่วยพูดกับน้าวิทย์ให้ปล่อยทะเลออกมาข้างนอกอีกด้วย บางทีผมก็อยากจะคิดว่าน้าวิทย์รู้เรื่องที่ทะเลออกมาแต่ก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้ มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมคิดไปแบบนั้น หนึ่งในนั้นก็คือเรีื่องที่เจ๊หนิงเล่าให้ฟังว่าคุยกับน้าวิทย์ให้ผมแล้ว...ที่เหลือก็ให้ผมรอดูผลของมันเอาเอง...


วันนี้ทะเลมาหาผมเช้ากว่าทุกวันด้วยเหตุผลเดิมที่เคยบอกว่า ให้เราอยู่ด้วยกันนานขึ้น

มันเป็นวันหยุดที่ผมว่างทั้งวันเพราะพรุ่งนี้ผมมีสอบ ผมงดสอนจนกว่าจะสอบเสร็จและไม่มีเล่นที่ร้าน ผมได้ใช้เวลาอยู่นิ่งๆอ่านหนังสือ อยู่กับทะเล เป็นโมงยามอันแสขสุข เสียงเพลงที่แว่วเข้ามาในโสตประสาทขณะที่ผมอ่านหนังสืออย่างเคร่งเครียดไม่ได้ทำให้ผมรำคาญหรือเสียสมาธิ ตรงกันข้ามผมกลับชอบเพราะมันทำให้ห้องไม่เงียบเหงาจนเกินไป ทะเลนั่งพิงกับเตียงเล่นกีตาร์เบาๆอยู่เป็นเพื่อน บรรยากาศตอนกลางวันทำให้นึกถึงตอนอยู่ที่บ้านด้วยกันแบบนี้ทุกๆช่วงปิดเทอม

เสียงเพลงเงียบลงพร้อมๆกับที่ผมพักสายตา ผมคลานไปหาทะเลแล้วพาดหัวลงนอนตักหลับตา สัมผัสของนิ้วทะเลไล้บนหน้าผมเบาๆให้ความรู้สึกสบายจนไม่อยากทำอะไร แค่ทะเลอยู่กับผม ที่นี่ก็เป็นเหมือนบ้าน และไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ขอแค่มีทะเลอยู่มันก็จะเป็นบ้านสำหรับผม

“ถ้าสอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันไหม" ทะเลถามพร้อมกับแนบฝ่ามือเข้าที่แก้มผม ผมยิ้มเพราะรู้สึกชอบน้ำเสียงติดจะอ้อนของทะเลที่ใช้ถาม
“เลอยากไปไหน" ผมลืมตามองหน้าทะเลที่กำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน
“ไปไหนก็ได้ ไกลๆ...”
“พี่อยากไปทะเล"
“ไม่เบื่อเหรอเห็นทุกวัน" ผมจ้องหน้าทะเลสักพักก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เบื่อ"
“ทำไมพี่บลูถึงชอบทะเล..." คำถามแปลได้สองความหมาย แต่ผมก็รู้ว่าทะเลถามออกมาในความหมายเดียว
“อธิบายยากมันเป็นความรู้สึกตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่อยากไปเพราะอยากเห็นทะเลที่อื่นบ้าง ที่ๆมันใสกว่านี้"
“ไปสิ เลไปที่ไหนก็ได้"
“แล้วจะบอกน้าวิทย์ว่ายังไง"
“ก็บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อน ปิดเทอมครั้งที่แล้วเลก็ไปเที่ยวกับพวกก้าน พ่อกับแม่ก็ให้ไปไม่เห็นเคยว่าอะไร"

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนมากมายนัก ที่ๆเราอยู่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวผมจึงไม่เห็นความจำเป็นหรือคิดอยากไปไหนเท่าไหร่ มีบางทีที่น้าวิทย์กับน้าเพลงพาไปเที่ยวตอนที่เรายังเด็กๆเหมือนกัน แต่มันก็นานมาแล้ว ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายพอโตมากพอที่จะไปไหนเองได้ทั้งสองก็เลิกพาเราไปเที่ยวไปโดยปริยาย กับเพื่อนก็มีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่วางแผนไปเที่ยวกันจริงจังซึ่งผมก็ไปบ้างไม่ไปบ้างตามอารมณ์

มาคราวนี้ไม่มีเหตุผมอะไรที่จะตอบปฏิเสธ...ผมตอบตกลงกับทะเลว่าจะพาไปเที่ยวหลังสอบเสร็จเพราะเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ผมแค่อยากไปที่ไหนก็ได้ที่ได้ใช้เวลาอยู่กับทะเล...

อีกครั้งที่ทะเลเผยรอยยิ้มดีใจเมื่อผมรับปาก ดูน่ารักไร้เดียงสาเหมือนตอนหกขวบไม่มีผิด หากเป็นไปได้ผมอยากจะทำให้ทะเลยิ้มได้แบบนี้ตลอดไป เพราะยิ้มของเขาที่ทำให้โลกของผมสดใสได้แม้จะรู้สึกเจ็บปวด ผมลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปจับใบหน้าทะเลไว้ รอยยิ้มของทะเลค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบเมื่อผมกดนิ้วไล้หัวแม่มือไปบนริมฝีปาก พอมันขึ้นสีแดงเข้มขึ้นผมจึงแตะริมฝีปากตัวเองลงไปเบาๆ ซ้ำๆ

และเหมือนกับทุกครั้งที่มันไม่เคยพอ ผมกระเถิบเข้าใกล้...กดจูบดูดดื่ม

เมื่อให้ความรู้สึกซาบซ่านจนพอใจแล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอนตักทะเลเหมือนเดิมและหลับตา ผมงีบหลับไป ตกเย็นถึงค่อยตื่นขึ้นมาและพบว่าในห้องไม่มีใคร

มีเพียงกระดาษโน๊ตที่ทะเลเขียนทิ้งไว้

ขอโทษที่กลับก่อนแล้วไม่ได้ปลุกบอกแม่ไว้ว่าจะกลับเร็ว
เลซื้อข้าวมาไว้ให้ ตื่นแล้วกินด้วยนะ
แล้วเจอกันวันสอบเสร็จ
เลจะมารอที่นี่...





Song Titles : Closer
Artist :  Travis

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แอบมาลงเงียบๆ  :katai5:

 :pig4:
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
« ตอบ #229 เมื่อ: 12-07-2013 00:01:49 »





ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #230 เมื่อ12-07-2013 05:50:50 »

มาเงียบจริงๆฮ่ะ แต่มันไม่รู้สึกหดหู่แล้วล่ะ :mew4:
มีความหวังขึ้นมาบ้างแล้วเนอะ เวลาช่วยได้ ขอแค่มั่นคงต่อกัน น้าวิทย์ต้องเห็นใจแน่นอน
เป็นกำลังใจให้นะสองหนุ่ม :กอด1:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #231 เมื่อ12-07-2013 06:10:06 »

'ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันช่างเรียบง่ายเหลือเกิน เรียบง่าย...เปราะบาง...เพียงแค่นั่งหายใจอยู่ข้างกันก็มีความหมาย'...' ขอแค่มีทะเลอยู่มันก็จะเป็นบ้านสำหรับผม' ชอบประโยคนี้จังงงง อ่านแล้วรู้สึกขนลุกซู่555

เจ้หนิงดีมากกกกก :ling1:

เดีี๋ยวพ่อก็คงยอมแล้วแหละดูรักกันลึกซึ้งมากๆเลย :กอด1:

มาต่อเร็วๆน้าาา :mew1:

ปล.เพลงCloserเพราะจังงง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2013 06:23:40 โดย Theomen »

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #232 เมื่อ12-07-2013 11:44:44 »

เนื้อเรื่องดี เพลงประกอบก็เพราะอ่ะ o13

หน่วงๆๆดี  :mew2:

ออฟไลน์ Minnie~Moo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #233 เมื่อ12-07-2013 15:07:10 »

ขออย่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับ ทะเล และบลูอีกเลย  :hao5:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #234 เมื่อ12-07-2013 22:42:57 »

สุขปนเศร้าเหงาเหงาซึ้งซึ้ง   

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #235 เมื่อ13-07-2013 01:17:20 »

ความรู้สึกตอนอ่านจบคือเรียบตึง

ตอนสุดท้ายของตอนที่บลูหลับไปแล้วตื่มมาเจอจดหมายของเล

บอกเลยว่า คว้าง เรารู้สึกแบบนั้น

มัน'deep'จนเราไม่อาจแน่ใจในความสุขที่ทั้งสองได้รับมันสุขจริงๆหรือเปล่า

แต่ยังไงๆ ความสุขก็คือความสุข

   ขอบคุณคนเขียนอีกเช่นเคยค่ะ :กอด1:

//แอบมาเปิดดูทุกวันเลย อัพแล้วอ่ะ ดีใจสุดๆ,:-7


ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #236 เมื่อ13-07-2013 02:03:41 »

อ่านแล้วอิ่มในใจมากๆเลย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #237 เมื่อ13-07-2013 11:04:40 »

พี่บลูเปิดใจมากขึ้นไม่จมดิ่งอยู่คนเดียว นี่น่าจะเป็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น
น้องเลยังเป็นกำลังใจที่เข้มแข็งเสมอมา
เจ๊หนิงก็ดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ

ปล.เพลงเพราะมากค่ะ

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #238 เมื่อ13-07-2013 18:35:46 »

เพิ่งมาตามอ่าค่ะ หน่วงสุดๆไปเลยเรื่องนี้

อ่านแล้วรู้สึกใจหนักๆ มีตะกอนในใจตลอดเลย อยากให้จบแฮปปี้มาก สงสารบลูสุดๆ  :m15:

แล้วมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ iamew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
«ตอบ #239 เมื่อ31-07-2013 03:54:03 »

แอบมาลงเงียบๆ จนคนอ่านจับไม่ได้ ไหวตัวไม่ทัน นี่ถ้าไม่เปิดหน้านิยายไปเรื่อยๆ คงไม่เห็นจริงๆ แอบดีใจแบบว่าไม่คาดคิดว่าจะได้อ่านตอนใหม่

ตอนล่าสุดน่ะ เหมือนช่วงเวลาใกล้เช้าเลย คือท้องฟ้าที่มีดวงดาวเริ่มเห็นแสงจางๆ ที่ขอบฟ้า รอว่าเมื่อไหร่แสงมันจะสว่างขึ้นๆ จนเห็นเป็นสีทองที่ขอบฟ้า ทีนี้ก็รอแค่พระอาทิตย์ดวงโตจะโผล่ออกมาให้เห็น อารมณ์ประมาณนั้นเลย

เรื่องนี้ไม่ได้หวังให้เรื่องเรื่องมันสดใสซาบซ่า แต่ก็อยากเห็นแสงสว่างเรื่องเรืองในเรื่องนะคะคุณผู้เขียนขาาาาาาาา (แอบมีความหวัง)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด