…………………24………………
ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินเพื่อกลับเข้าห้องแต่กลับถูกเสียงทุ้มเรียกไว้ซะก่อน
“จะไปไหน”
“จะกลับห้องครับ”
“ทำไม จะไปทำลายหลักฐานหรือไง” เขาถามเสียงเย็น
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูด ผมว่าคุณหยุดพูดดีกว่าครับ”
“ ไม่ปฏิเสธแบบนี้ ไปเอากับมันมาแล้วหรือไง”
“แล้วไงครับ ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าผมจะไปทำอะไร กับใครมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณสักนิด” ผมตอบก่อน
จะยกยิ้มอย่างเป็นต่อ
“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเมฆ สงสัยช่วงนี้พี่จะใจดีกับเมฆมากไปจริงๆ หรือพี่คงต้องย้ำสถานะให้รู้อีกสักรอบครับ”
“อย่ามายุ่งกับผม ถ้าอยากขนาดนั้นทำไมไม่ไปทำกับคู่หมั้น คุณห่ะ” ผมแหวลั่น
“หึ ไม่ได้หรอกครับ คุณแพร เขาดีเกินกว่าที่พี่จะแตะต้อง อย่างคุณแพร พี่ต้องถนอมเธอให้ถึงวันแต่งงาน ส่วน…” เขาเว้นก่อนจะใช้มือไล้ไปบนหน้าผม พร้อมกับมองด้วยสายตาโลมเลีย
“เวลาที่ต้องการน่ะ มันใช้กับ “เมียน้อย” อย่างเมฆมากว่านะครับ”
“เถียงไม่ออก เพราะมันจริงใช่ไหมครับ หึ เป็นไงครับ รสชาติของความเป็นเมียน้อยที่เมฆรังเกียจหนักหนา พอได้เป็นเองแล้วมัน
เจ็บดีไหมครับ ”
ผมได้แต่เม้มปากแน่นพลางจ้องเขาด้วยความไม่พอใจ ก็นั่นแหล่ะ ป่วยการที่จะเถียงเพราะต่อให้เถียงหรือขัดขืนให้ตายสุดท้าย คนที่แพ้ก็คือผมอยู่ดี
“หึ ถ้าไม่ยอมตอบคำถามพี่ งั้นก็ครางอย่างเดียวแล้วกันนะครับ”
คงไม่ต้องบอกว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น กับผมบ้าง วังวนเดิมๆ ความเจ็บปวดเดิมๆ ที่ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับหนังที่ฉายซ้ำ แล้วมีใครตอบผมได้ไหมว่าเมื่อไหร่ที่ความแค้นมันจะจบสักที
………………………………………………………………………………………………….
“สวัสดีครับ เมฆ” เสียงร่าเริงของพี่ชายข้างบ้านเอ่ยทักแต่แปลกที่วันนี้เขาเข้ามาทักถึงในบ้านไม่ใช่ริมรั้ว เหมือนทุกวัน
“พี่ชิน เอ่อ มาแต่เช้าเลยนะครับ” ผมเอ่ยทักพลางมองไปรอบๆด้วยความระแวง ดีนะที่เขายังไม่ตื่น ไม่งั้นผลมันก็คงไม่ต่างจาก
เมื่อวาน
“พี่เป็นห่วงน่ะครับ เมฆโอเคนะ” พี่ชินถามพลางจับมือผมไปด้วย
“ผมโอเค ครับ ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“แน่ใจนะว่า เขาไม่ได้ทำอะไรเมฆ พี่เป็นห่วงนะครับ” เขาบอก น่าแปลกที่คำว่าเป็นห่วงของพี่ชิน ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันอย่างบอก
ไม่ถูก นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้ยินคำนี้
“ผมว่าคุณกลับบ้านไปดีกว่าไหมครับ แล้วก็ช่วยกรุณาปล่อยมือ เมีย ผมด้วย”
เสียงทุ้มของพี่ใหญ่ดังขึ้น ก่อนที่ผมจะพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจับมันแน่นเหลือเกิน
“เมฆ หิวไหม พี่ทำกับข้าวไว้เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พี่ชินพูดกับผมด้วยท่าทางปกติ โดยที่ไม่สนใจคนที่ยืนอยู่อีกคนสักนิด
“กูบอกให้มึง ปล่อยมือเมียกู เดี๋ยวนี้!!!” พี่ใหญ่สบถลั่นก่อนจะกระชากมือผมออกจากมือพี่ชิน
“หึ จุ๊ๆๆ จำที่ผมบอกไม่ได้เหรอ ว่าถ้ายังทำตัวเป็นหมาบ้าแบบนี้ ไม่มีใครเขาอยากจะอยู่ใกล้คุณหรอกนะครับ”
“หุบปาก แล้วไสหัวออกไปจากบ้านกูซะ แล้วจำไว้ด้วยว่าอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก”
“ฮ่าๆๆๆ คนของคุณ ไหนครับ ผมไม่ยักกะเห็น ที่นี่ไม่มีคนของคุณหรอกครับ คุณชลธร ผมได้ข่าวว่าคุณหมั้นแล้วนิ ทำไมไม่ไปดูแลคู่หมั้นละครับ อย่ามาหวงก้างแบบนี้ ดีกว่า ” พี่ชินบอกก่อนจะแสยะยิ้ม
“ไอ้ชิน กูเตือนมึง อีกครั้งเดียว ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่ามายุ่งกับเมียกู ” พี่ใหญ่ตะคอก ก่อนจะลากผมเข้ามาในบ้าน แต่
บทสนทนาที่เขากับพี่ชินคุยกันมันทำให้ผมแปลกใจ มันเหมือนกับว่า เขาสองคนรู้จักกันมาก่อน
“มีอะไร มองทำไม หรืออยากจะออกไปหามันห่ะ!!”
“เหอะ ผมก็ไม่อยากจะมองนักหรอก”
“หึ ดีนิ หน้าผัวตัวเองไม่อยากมองแต่ดันออกไปยืนอ่อยผู้ชายที่หน้าบ้าน มั่วไม่เลือก!!”
“กรุณาอย่ามาดูถูกผมนะครับคุณ ชลธร ไม่ใช่ว่ามีคุณคนเดียวที่โกรธเป็น!!!” ผมเถียงกลับก่อนจะเดินเข้าห้องอย่างหัวเสีย
แต่คำพูดของพี่ใหญ่และพี่ชินยังคงค้างคา ในหัวผม ทำไมสองคนนั้นพูดเหมือนรู้จักกันมานาน
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ก่อนที่หน้าจอจะโชว์เบอร์พี่ชายข้างบ้านที่ผมเพิ่งได้เบอร์มาไม่นาน
“ครับ” ผมกดรับหลังจากที่ลังเลอยู่นาน
“พี่คิดว่าเมฆจะไม่รับสายพี่แล้วซะอีก”
“มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องไม่รับครับ”
“เมฆมีอะไรจะถามพี่ไหม” เขาถามเสียงเครียด เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมได้ยินเสียงของพี่ชินในอารมณ์นี้
“พี่กับพี่ใหญ่ รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม” ผมถามในสิ่งที่สงสัย ไปทันที
“เฮ้อ ใช่ครับ พี่กับมันเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่สิต้องใช้คำว่าเคยเป็นเพื่อนมากกว่าสินะ” ปลายสายถอนหายใจก่อนจะตอบ เสียงเบา
“แล้วที่พี่เข้ามาตีสนิทผมพี่ต้องการอะไร” ผมถามออกไปอย่างอ่อนล้า ทำไมผมต้องกลายเป็นหมากในการแก้แค้นอยู่เรื่อย
ทำไมชีวิตนี้ผมถึงไม่เคยเจอคนที่หวังดีกับผมจริงๆเลยสักคน
“ถ้าพี่บอกเมฆว่า พี่ไม่ต้องการอะไรล่ะ”
“พี่หมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้พี่ยังบอกอะไรเมฆไม่ได้ รอให้อะไรๆมันชัดเจนก่อนแล้วพี่จะบอกนะครับ แต่เรื่องเดียวที่พี่บอกเมฆได้คือ พี่ไม่เคยต้อง
การอะไรจากเมฆเลย พี่หวังดีกับเมฆจริงๆนะครับ จริงอยู่ว่าพี่กับไอ้ใหญ่รู้จักกัน แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่พี่เข้าหาเมฆแน่นอน ขอให้เมฆเชื่อใจพี่ได้ไหม ช่วยเชื่อพี่ได้ไหมว่าพี่หวังดีจริงๆ”
“ผมไม่รู้ว่าควรเชื่อมากแค่ไหน ชีวิตผมถูกหลอกมาเยอะจนนับไม่ถ้วน แต่สัญชาตญาณของผมมันบอกว่า ผมเชื่อพี่ได้ ผมจะยอมเชื่อพี่สักครั้งแล้วกัน แต่นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะเชื่อ พี่เข้าใจใช่ไหม”
“เข้าใจครับ ขอบคุณมากนะครับที่ยอมเชื่อพี่ แล้วถ้าวันนั้นมาถึง พี่จะบอกทุกอย่างให้เมฆรู้ ส่วนเรื่องไอ้ใหญ่ ถ้าเมฆไม่มีใครหรือที่พึ่งที่ไหนมาหาพี่ได้ทุกเวลานะ พี่พร้อมจะปกป้องเมฆเสมอ”
“ขอบคุณนะครับ”
“ครับ เมฆพักผ่อนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
ปลายสายวางไปแล้ว วางไปพร้อมๆกับที่ผมถอนหายใจอย่างหนัก ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะเชื่อพี่ชิน แต่อะไรบางอย่างมันบอกผมว่าพี่ชินไม่ได้โกหก แววตาอ่อนโยน และสัมผัสที่อบอุ่น มันคือของจริง
“หึ เช้าถึงเย็นถึง เชียวนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“แล้วจะทำไมครับ ผมจะคุยกับใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าถ้าผมมีหน้าที่แค่บนเตียง นอก
เตียง ก็อย่ามายุ่งกับผม ”
“ตั้งแต่มีไอ้ชินให้ท้ายรู้สึกว่า จะปากเก่งขึ้นเยอะนะครับ พี่ขอบอกไว้ก่อนนะต่อให้มีไอ้ชิน เมฆก็ไม่มีวันไปจากพี่ได้ ถ้าพี่ไม่อนุญาต” เขาบอกเสียงเข้ม
“เหอะ ” ผมแค่นเสียงในลำคอก่อนจะเดินไปอีกทาง ป่วยการที่จะคุยเพราะต่อให้คุยทั้งวันก็คงไม่รู้เรื่อง
“ถ้าคิดว่าไอ้ชินมันจริงใจกับเมฆล่ะก็ ขอบอกว่าเมฆคิดผิด ไอ้ชินมันแค่เห็นเมฆเป็นหมากที่ใช้แก้แค้นพี่เท่านั้น”
“ผมก็ไม่ได้คาดหวังให้ใครมาจริงใจด้วยหรอกครับ ผมไม่รู้ว่าพี่สองคนเคยมีเรื่องอะไรกัน แต่เรื่องเดียวที่ผมเชื่อคือ พี่ชินไม่มีทางทำร้ายผมเด็ดขาด!!!” ผมเถียง
“หึ รู้จักกันไม่กี่วัน ออกรับแทนกันขนาดนี้แล้วเหรอครับ สงสัยไอ้ชินมันคงจะถึงใจสินะ ถึงได้ติดใจขนาดนี้” เสียงทุ้มเอ่ยเยาะ
“ถ้าคิดแล้วสบายใจก็คิดต่อไปเถอะครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ไม่มีใครเขาคิด หรือทำ อะไรที่สกปรกแบบนั้นหรอกนะครับ คุณชล
ธร” ผมบอกก่อนจะเดินออกมาจากห้องไป
เฮ้อ ชีวิตผมนี่มันเหนื่อยจนอยากจะหายตัวไปจริงๆนะครับ
..........................................................

หายไปแสนนาน เก๊าขอโทษน๊า

แบบว่ามันยุ่งจริงๆ แหะๆๆ
ช่วงนี้พระเอกของเราดู อารมณ์ ป่วงๆ เหวี่ยง และจะวีนตามมา ก๊ากๆๆ