Re: รักซ่อนแอบ ##บทที่ 13 หน้า 1 วันที่ 06/03/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: รักซ่อนแอบ ##บทที่ 13 หน้า 1 วันที่ 06/03/2020  (อ่าน 3321 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2020 02:41:08 โดย Tassanee »

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
...เกริ่น...


"มีอะไรที่มึงอยากทำอีกไหม?"   ผมเอ่ยถามมันเบาๆ ขณะที่ตัวเองกำลังจมจ่อมกับความคิดของตัวเองในวังวนที่กำลังจะเดินมาถึงในไม่ช้า
ร่างกายนอนนิ่งๆ ไม่ไหวติงบนเตียงนอนอ่อนนุ่มที่คุ้นเคย เงยหน้ามองเพดานอันมืดมิด แม้สายจะปรับเข้ากับความมืดได้แล้วก็ตามที แต่ก็ยังรู้สึกร้าวกระบอกตา ที่น้ำใสมันไหลเอื่อย ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น เพราะกลัวคนที่นอนข้างๆ จะรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เริ่มก่อตัวหนักขึ้นทุกที

"มึงถามทำไม?  จะรีบร้อนไปไหนหนักหนาว่ะ อยู่ด้วยกันทุกวันแท้ๆ กูอยากไปที่ไหนเมื่อไหร่กูก็บอกมึงเองแหล่ะ หึหึ"  คนข้างเอ่ยน้ำเสียงติดจะขำ ที่ผมพยายามชวนมันไปนั่นไปนี่ ขึ้นเหนือล่องใต้ ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา

"เออ..กูรีบ สัด เรื่องมากทำไมเนี่ย อยากไปไหนก็รีบไปดิ ถ้ากูไม่อยู่แล้วกูจะได้ไปเที่ยวกับมึงไหม? " ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่กล้ำกลืนฝืนทนเต็มที  แต่มันคนที่ไม่เคยสังเกตุสังกาอะไร ยังคงนอนอมยิ้มอยู่ในน้ำเสียง   สักพักมันก็พลิกตัวมากอดผมใบหน้าซบอยู่กับแถวๆ ซอกคอ  ผมสะดุ้งรีบพลิกตัวตะแคงหันไปกอดมันทันที เกยคางไว้บนผมนุ่มๆ ของอีกฝ่าย  กลัวว่ามันจะจับได้กับคราบน้ำตาที่กำลังเกลื่อนเต็มใบหน้า

"จะไปไหนล่ะ... ไม่ให้ไปไหนหรอก มึงอยู่เป็นเพื่อนกูแบบนี้ตลอดไปนี่แหล่ะ สำหรับกูขอให้มีแค่มึงไม่ต้องมีใครก็ได้ "  อีกฝ่ายว่าแค่นั้น บทสนทนาของเราก็จบไป  เสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะบ่งบอกให้รู้ว่ามันหลับไปแล้ว   ผมกระชับกอดแน่นขึ้น



"ตอง...กูขอโทษ"

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 1  สิ่งที่หายไป


ผมรู้สึกตัวในตอนเช้าความรู้สึกง่วงยังเข้าครอบงำไม่หาย เหลือบมองหาคนที่นอนข้างๆ ก็เห็นเพียงรอยยับย่นของผ้าปูเตียง
ที่เป็นหลักฐานว่าใครอีกคนเคยนอนตรงนี้  ขยับตัวเล็กน้อยปากก็เรียกหาตามความเคยชิน

“ไผ่.. ไผ่”  เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับดังที่เคย ถึงได้ยันตัวลุกเดินไปดูที่ห้องน้ำ  ประตูยังเปิดอ้าซ้าไร้วี่แววการใช้งาน
ห้องน้ำแห้งสนิท ไม่มีแม้แต่หยดน้ำสักหยด   หันกลับไปมองนาฬิกา อีกนานโขกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน ไม่ควรรีบขนาดนั้น
ปกติถ้ามีธุระมันก็น่าจะบอก

“ไผ่.. อยู่ไหนวะ”  เดินไปหาที่ห้องครัว เจอแซนวิซไส้แฮมชีสวางอยู่ 4ชิ้น พร้อมกระดาษโน้ตที่อีกฝ่ายฝากข้อความไว้
“กูทำแซนวิชที่มึงชอบไว้ให้ กินด้วยหล่ะ ”  ถึงกับหลุดยิ้มเบาๆ มันคงมีธุระด่วนจริงๆ นั่นแหล่ะนะผมว่าถึงไม่ปลุกผม
รู้ดีว่าผมขี้เซาขนาดไหน ถ้านอนไม่อิ่มแล้วมากวนมึงได้เจอกูเหวี่ยง  ถึงจะยังไม่รู้อะไรแต่ก็พอยอมให้ได้กับความน่ารักของมัน
กินแซนวิช 4ชิ้นหมดในพริบตา นี่ไม่ได้หิวนะ   ก็แค่กลัวแม่งเสียน้ำใจ  ผมฮัมเพลงอย่างที่ชอบทำ  ตรงดิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว
รีบไปหามันดีกว่าเผื่อมันต้องการความช่วยเหลือ


ไม่นานเกินรอ...คนหล่อในชุดนักศึกษาก็เรียบร้อยผมที่เซ็ทไว้ให้สาวๆ หลง ก็ยังคงเป๊ะตามเดิม หยิบกระเป๋ากำลังจะออกเดินทาง
นึกขึ้นได้ว่าลืมกินน้ำ ผมกลับไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม พอปิดประตูเท่านั้นก็เหลือบเห็นกระดาษโน้ตแบบเดียวกัน
กับที่แปะกับแซนวิชไว้

“ดูแลตัวเองดีๆ นะ.... กูเป็นห่วงมึงมาก  ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา รักมึงนะไผ่”  ผมไม่เข้าใจข้อความที่มันฝากไว้
มันดูมีอะไรแปลกๆ เหมือนบอกลา จะว่าไปช่วง 3-4 เดือนมานี่  คำพูดทำนองนี้ออกจากปากมันบ่อย ท่าทางที่ดูมีความสุข
ก็มักจะหลุดแววตาเศร้าๆ ที่ผมหาสาเหตุไม่เคยได้ แต่เพียงครู่เดียวมันก็สดใสเหมือนเคย   แต่วันนี้แปลก ....
ที่ใจผมมันรู้สึกกระตุก  รู้สึกว่ามันมีอะไรๆ มากกว่าที่ผมเห็น  ถอนหายใจหนัก.. เริ่มกวาดสายตามองรอบห้อง 
มีของสำคัญของมันหายไป...ไอ้หน้าใหญ่ตุ๊กตาแมวแก่หน้าเหนียงตัวอ้วนที่น้องสาวมันซื้อให้ ที่มันรักมากกว่าอะไรดี
ทุกครั้งไม่อยู่บนโซฟา ก็ต้องเตียงนอน ตอนนี้ไม่มีแล้ว  รองเท้าผ้าใบใส่เที่ยวที่แม่งก็มีอยู่คู่เดียวหายไป
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความรู้สึกตีรวน เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า  ....หาย    เสื้อผ้าที่แม่งก็ใส่วนๆ อยู่ไม่เกิน 15 ชุด
หายไป  เกิดเสียงวิ้ง...ดังขึ้นมาในหัว กำลังงงว่าเกิดอะไร   ผมหยิบมือถือขึ้นโทรหามัน  ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวตอบกลับ
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

“เชี่ยอะไรว่ะเนี่ยยยย...”   ผมสบถเสียงดัง หยิบกระเป๋าสะพายตรงดิ่งไปที่ลานจอดรถ  ในใจรู้สึกหงุดหงิดเต็มที่
เหยียบคันเร่งเพื่อไปมหาลัย

“มึงไปไหนกันแน่ว่ะ ...ไอ้ไผ่”.


..
.
“เอี๊ยดดดด...”   ผมกระทืบเบรกเพื่อหยุดรถไม่ได้สนใจความเร็วที่เข้ามาในมหาลัยสักเท่าไหร่ ในช่วงสายที่นักศึกษา
ต่างก็เข้าคลาสเรียนก็บ้างแล้ว  ตอนที่ขับมาก็พยายามต่อสายผ่านบลูทูท หามันแทบไม่ได้หยุด  ใจกำลังร้อนเป็นไฟ
ทั้งไม่เข้าใจและสับสน  รีบเปิดประตูรถลงมา

“อ้าวไอ้ตอง...มาแล้วเหรอว่ะ มึงเนี่ยน้าไม่ยอมบอกพวกกูมั่งเลยว่าไอ้ไผ่มันจะย้ายมหาลัย เล่นเอากูนิงงเลย
อยู่ๆ มาย้ายกลางเทอม นี่ปี3 แล้วนะเว่ย ห่าไม่บอกกันสักคำ จะล่ำลา จะเลี้ยงส่งไม่ทันสักอย่าง เฮ้อ..”  ไอ้เอกทักผมทันที
ที่เห็นหน้า

“มึงว่าอะไรนะ...ใครย้าย  ทำไม อะไร ยังไง มึงพูดเรื่องอะไร กูไม่เข้าใจ”   ผมขมวดคิ้วมุ่น ความสับสนประดังประเด
จนหัวแทบแตก

“อ้าวเชี่ยยย... นี่มึงยังไม่รู้เหรอวะ กูก็นึกว่ามึงรู้แล้วซะอีก แล้วแอบปิดพวกกู เชี่ยๆๆๆๆ  ไอ้ไผ่น่ะสิมันย้ายมหาลัยแล้วนะมึง
เห็นว่ามาลาอาจารย์เมื่อเช้า ...”

“ย้ายไปที่ไหนมึงรู้รึเปล่า”

“ไม่รู้ว่ะ ...  รู้แค่ว่า วันนี้มันมาที่นี่วันสุดท้ายและก็กลับไปแล้ว”   ผมหลับลงเพื่อข่มความโกรธเอาไว้มือกำแน่น
ก่อนจะพ่นลมหายใจยาวเหยียด

“มึงโทรหามันให้กูหน่อย... อยู่ดีๆ แม่งก็ไปไม่ลา ไม่บอกกูสักคำ กูโทรหามันจะร้อยครั้งล่ะ มันไม่รับสายกู กูวานมึงหน่อยล่ะกัน”

“เออๆ  กูเข้าใจ  มึงใจเย็นๆ ก่อน คนยังไอ้ไผ่มึงก็รู้ถ้าไม่มีเหตุผลมันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้หรอก มึงก็รู้ดี ... รู้ดีกว่ากูซะอีก”  ไอ้เอก
ตั้งหน้าตั้งตากดมือถือ  ผมน่ะเหรอที่รู้ดี?  เฮอะ..ตอนนี้กูรู้อะไรบ้างเถอะ  กูแทบไม่รู้อะไรเลย มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าว่ะไผ่
ในใจผมรู้สึกเจ็บปวดแทบคลั่ง มันสำคัญ...มันรู้ดี ว่ามันสำคัญกับผมขนาดไหน   เพราะอะไรมันถึงหนีไปไม่บอกกันสักคำ
รู้สึกจุกแน่นไปทั้งอกแต่ตั้งกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ ในหัววนไปวนมากับคำถามว่า “ทำไม?”   
หรือเพราะ..... มันเริ่มระแคะระคายความในใจที่ผมเก็บซ่อนไว้ข้างใน ถึงได้หนีไปจากผม

ไอ้เอกถอนหายใจ มันกดโทรออกเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้ สุดท้ายก็ยื่นมือถือมาให้ ผมรีบกุลีกุจอรับมา

“ฮัลโหล........”




“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ตู๊ดๆๆๆ”

“กูช่วยมึงได้แค่นี้นะ...  ถ้ากูติดต่อมันได้ก็จะรีบบอกมึง ใจเย็นๆ”  ไอ้เอกเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆ ผมได้แต่พยักหน้ารับ
 เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ก้าวขาขึ้นรถซุกหน้าลงกับพวงมาลัย  หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอกำลังเซาะเข้าไปในความรู้สึก
 กัดกินจนเหน็บหนาวไปทั้งใจ ขับรถออกไปตะเวนหาในที่ที่เราเคยไป ในใจก็ได้ยินแต่เสียง 

“มีอะไรที่มึงอยากทำอีกไหม?"   ผมลืมถามมันไปรึเปล่า? ว่ามันเองนั่นแหล่ะที่อยากไปไหน ทำอะไร  ทุกที่ที่ไป
ก็มีแต่ที่ที่ผมเคยบอกกับมันว่าผมอยากไป  ตอนนี้ตี5 แล้ว ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ความเหนื่อยล้าที่ตามหามันทั้งวันทั้งคืน
หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ มันคงไปไกลแล้ว.. 

ผมหลับตาลงให้น้ำตาที่ไหลเอื่อยได้ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงดวงตาที่แห้งและแดงกล่ำ และหัวใจที่อ่อนแอเหลือเกิน 
ขณะที่เสียงในหัวยังวนเวียน

“มีอะไรที่มึงอยากทำอีกไหม?"   


“มีสิ...กูยังมีสิ่งที่กูอยากทำ"   






“กูยังไม่ได้บอกรักมึงเลยนะไผ่"   

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: รักซ่อนแอบ
«ตอบ #3 เมื่อ06-11-2019 22:03:03 »

รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 2 เพื่อนใหม่



“มึงชื่อไผ่รึเปล่า”  ผมเงยหน้าที่กำลังวุ่นวายจากการเอาหนังสือเก็บเข้ากระเป๋า แล้วหันมามองคนตรงหน้า
เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กว่าผมสัก 10 ซม. เห็นจะได้ ผิวคร้ามแดดเล็กๆ ใบหน้าคมคาย
เรียกได้ว่าหล่อจนสะดุดตา แต่กำลังทำสีหน้าเรียบเฉยมองตรงมาที่ผม
 
“ใช่คับพี่ มีอะไรรึเปล่าคับ”  ผมยกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัย แต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มเล็กๆ พยักเพยิดให้ตามไป

“ตามกูมา”  รู้สึกขนลุกซู่.. เอาแล้วววกู พึ่งเข้ามาวันแรก ก็มีเรื่องแล้ววว   ถอนหายใจยาวๆ
แล้วรีบสาวท้าวตามอีกฝ่ายไป  ผมเข้ามารายงานช้ากว่าชาวบ้านสักอาทิตย์นึงด้วยความจำเป็นบางอย่าง
เกี่ยวกับครอบครัว  วันนี้เป็นวันเริ่มเรียนวันแรก หลังจากที่ชาวบ้านเค้ารับน้องไปแล้ว
ขณะที่ผมยังไม่ทราบว่าใครเป็นใคร แต่ก็คนที่มาตามผม แค่เราดูรูปร่างก็พอรู้ว่าเป็นรุ่นพี่

“ถึงแล้ว”  อีกฝ่ายว่า แล้วหยุดอย่างกะทันหัน  ผมที่ไม่ทันตั้งตัวหัวก็ชนอีกฝ่ายเต็มๆ

“ขอโทษพี่”   ลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะมองเห็นกลุ่มรุ่นพี่กลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นหันไปขอบใจ
ผู้ชายที่ไปตามผมมา

“ขอบใจนะไอ้ต้อง.... มึงรออยู่นี่หล่ะพี่มึงพึ่งมาถามหา”    ผู้ชายคนเดิมหันมามองผม

“มึงชื่อไผ่ใช่ป่าว..เนี่ยพวกพี่รอมึงคนเดียวเลยนะ รอน้านนนานน  แล้วรู้รึยังพี่สายรหัสมึงเป็นใคร”   

“ยังไม่รู้เลยพี่..ผมพึ่งมาวันนี้วันแรก” 

“อือ..ไม่เป็นไร  พวกพี่เป็นพี่ปีสองหนึ่งในนี้เป็นพี่สายรหัสมึง  แล้วส่วนไอ้นั่น” 
ชี้ไปทางผู้ชายที่ไปตามผม

“มันชื่อไอ้ตอง..รุ่นเดียวกับมึง ไม่ต้องเรียกมันว่าพี่นะ  555”  ผมหันไปมองมันหน้าเหวอ

“สรุปว่ามึงหน้าอ่อน หรือไอ้ตองมันหน้าแก่ว่ะ”   เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงจากทั้งกลุ่ม

“อ้าวววว  ทำไมมึงไม่บอกกูเนี่ย”  หันไปค้อนมันทีนึง เห็นแววตาขบขัน ริมฝีปากหยักยิ้มเล็กๆ
แต่ไม่ถึงกลับขำออกมา

“ก็มึงไม่ได้ถาม”  มันแก้ตัวน้ำขุ่น ผมได้กัดปากเบา ๆ ในใจตะโกนด่ามันอยู่






หลังจากวันนั้นไอ้ตองก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทผม มันเป็นคนพูดน้อย แต่ด้วยความที่มันหล่อมาก 
(อันนี้ผมคงต้องยอมให้) ไม่ว่าจะด้วยส่วนสูง มัดกร้ามแน่นๆ ผิวคร้ามแดดนิดๆ
แต่ส่งผมให้หน้ามันดูคมคายขึ้นไปอีก เรียกได้ว่ามันไม่ต้องทำอะไรหรอก 
แค่มึงหายใจ...ก็เด่นจะแย่อยู่แล้ว   

แต่ผมก็ไม่ได้แย่นะ แค่แพ้มันนิดหน่อย ผมเป็นคนผิวขาวครับ แม่เป็นคนเหนือ พ่อเป็นใต้
ถึงจะเตี้ยกว่ามันอยู่หน่อย ตัวค่อนบางกว่า หน้าผมค่อนไปแม่ อาจจะดูว่าทั้งหวานทั้งหล่อก็คงไม่ผิดนัก
สาวๆ นี่แพ้ตาหวานของผมมานักต่อนักล่ะ

“หิวว่ะ” ไอ้ตองบ่นเบาๆ มาเอาตัวที่ใหญ่ราวกับหมีป่าถ้าเทียบกับผม กระแทกมาเบาๆ

“สัด กูหนัก”  ผมดิ้นคลุกคลัก แล้วเบี่ยงตัวให้มันหงายหลังลงไปที่พื้น   ดีที่มีกระเป๋าผมวางอยู่
หัวมันเลยไม่ได้กระแทกพื้นซะทีเดียว

ไอ้หมีตัวใหญ่มันนอนนิ่ง แต่ส่งสายตาเซ็งแซ่มองมาที่ผม ผมหยักยิ้มที่ริมฝีปากอย่างคนที่มีชัย

“กูหิว”   มันบอกซ้ำ

“เออจะกินไร”

“กินไรก็ได้..มึงอ่ะกินไร” มันโบ้ยหน้าที่มาให้ผม

“กระเพราปลาหมึกเจ๊ฝอย”

“เจ๊ฝอยทำเผ็ดทุกอย่าง กินแล้วท้องเสีย”

“สุกี้ทะเลแม่นวล”

“รอนานเป็นชาติ”

“ต้มยำกุ้งป้าหอม”

“โหววว มึงนี่แต่ละอย่างนี่ข้าวเที่ยงจะทันแดกมั้ย”

“ฮ้วย...แล้วมึงจะแดกไร”

“ก็........อะไรก็ได้”    มันว่าน้ำเสียงอ่อนลงเพราะแม่งก็คิดไม่ออก   
ผมทำหน้าเบื่อหน่าย มันเป็นคนที่พูดน้อยก็จริง แต่ก็คงต้องยกเว้นไว้แค่ผมคนเดียว
ที่แม่งขยันกวนตีนได้ตลอด อาจจะเพราะเราสนิทกันมาก

“งั้นไปกินข้าวร้านน้องส้มล่ะกัน”  ผมสรุป ริมฝีปากก็อมยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ 
ร้านที่หนุ่มๆ ทั้งมหาลัย ขยันไปขายขนมจีบ หนึ่งในนั้นก็เป็นผม น้องส้มเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารัก
นิสัยดี ตากลมโต ขนตายาวเป็นแพ ผิวขาว ผมยาวสลวย ตัวเล็กน่าทนุถนอม 
ขยันมากๆ  ใครเห็นไม่ตกหลุมรักก็บ้าแล้ว

“นาน”  ยกเว้นไอ้หมีป่านี่  มันเบ้ปาก

 “เอาน่าเพื่อนช่วยเห็นแก่ความรักของกู”  ไอ้ตองถอนหายใจยาว สุดท้ายก็พยักหน้า

“เออ”

“มึงนี่สมเป็นเพื่อนรักกู”  ผมเอามือตีที่หัวมันปุๆ ก่อนจะรั้งหัวมันเข้ามาใกล้
เอาหัวตัวเองไถหัวมันอย่างนึกเอ็นดู ถึงมันจะเป็นหมีป่า ... แต่มันก็น่ารักใช้ได้อยู่   




เรามาถึงร้านน้องส้มเกือบสิบนาทีแล้ว ออเดอร์ที่สั่งยังคงต้องรออีกสักพัก ผมนั่งจ้องน้องส้ม
ที่กำลังเดินไปเดินมา ต้อนรับลูกค้าทั้งหลายที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย...
หัวใจแทบละลายแน่ะ ขยับแต่ละทีน่ารักชิบหาย

แต่วันนี้แปลกน้องส้มดูจะเดินผ่านโต๊ะผมบ่อยๆ  รอยยิ้มขวยเขินถูกฉาบอยู่บนแก้มใสๆ
ผมเผลอกัดปากตัวเองเบาๆ ......สงสัยจะใจตรงกัน

“มึงเห็นป่ะ .... น้องส้มเค้ายิ้มให้กู”  ผมหันไปคุยกับไอ้หมีป่าที่นั่งอยู่ข้างๆ   
ปากรึก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้หยุด  มันทำหน้าเมินเฉยสุด ยกคิ้วสูง ทำเอากูเสียเซล 
อารมณ์ตื่นเต้นเมื่อครู่ลดลงไปนิดๆ

“มึงแน่ใจ?”  ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่   พอเห็นหน้าไอ้คนข้างที่หล่อวิ๊งทุกองศา 
กูก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาดื้อๆ  มีคำถามผุดขึ้นมาในใจ รึน้องเค้าไม่ได้ยิ้มให้กูว่ะ?

“รึมึงไม่คิดแบบนั้น”  ผมถามย้ำไปอีกที มันหยักไหล่

“แล้วแต่มึงจะคิด”  เออ..กูเริ่มคิดได้ล่ะ ว่าไม่น่าชวนมันมาด้วย


“ข้าวได้แล้วค่ะ กระเพราปลาหมึก กับข้าวผัดไก่นะคะ”  น้องส้มเลื่อนข้าวผัดไก่มาให้ผม
ส่วนกระเพราปลาหมึกให้ไอ้หมีป่า

ผมเหมือนหูอื้อตาลาย... รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับใบหน้าที่หวานจับใจ น้ำเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ม...   
อืมมมม   สวย

“อันนี้ของมึง”  ผมได้ยินเสียงแว่วของไอ้หมีป่า  มันเลื่อนจานกระเพราปลาหมึกมาให้ผมตรงหน้า
ก็ขณะที่น้องส้มก็มองมันแล้วยิ้มกริ่ม  เอ๋.... ทำไมไม่ใช่กูว่ะ  ผมเริ่มขมวดคิ้วนิดๆ

“ทานข้าวผัดไก่เหรอคะ   ส้มนึกว่าชอบทานกระเพราซะอีก”  คนยิ้มหวานเริ่มชวนคุย   
ไอ้หมีป่าตักเข้าข้าวปาก เหลือบมองน้องส้ม แล้วหันมามองผมนิดนึง
เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าคนที่น้องเค้ายิ้มให้ไม่ใช่ผม

“ไม่ชอบกินเผ็ด” มันตอบ  ก้มหน้าก้มตากินต่อ ไม่ได้สนใจน้องส้มสักเท่าไหร่ 
คนยิ้มหวานขยับเก้าอี้ตัวตรงข้ามไอ้หมีป่าแล้วนั่งลง  ยิ้มหวานละมุนสุดๆ ส่งมาให้
 ขณะที่ผมได้แต่ถอนถายใจเฮือกๆ

“ไม่ชอบเผ็ดก็สั่งได้นะคะ  เดี๋ยวส้มบอกแม่ครัวให้ค่ะ”   เธอยิ้มอีกรอบ 
เห็นทีไรผมก็เผลอละลายซะทุกที ยังไม่ทันที่บทสนทนาถัดไปจะเริ่ม
หนุ่มโต๊ะอื่นก็เรียกให้น้องส้มไปรับออเดอร์   ผมได้แต่มองตามเธอตาละห้อย

“แดกได้ล่ะ” ไอ้หมีป่ามันว่า น้ำเสียงติดจะรำคาญ

“เออ”  แล้วหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: รักซ่อนแอบ
«ตอบ #5 เมื่อ07-11-2019 23:05:55 »

รอติดตามค่ะ
  ขอบคุณมากนะคะ   :hao7:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: รักซ่อนแอบ
«ตอบ #6 เมื่อ07-11-2019 23:14:34 »

ฝากติดตามผลงานเรื่องเก่าๆ ด้วยนะคะ แต่งไว้นานมากแล้วค่ะ

>>>กอด
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.30

>>>ยอม...มึงคนเดียวอ่ะ
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30509.0

>>>มากกว่าเพื่อนได้ไหมวะ
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31213.0

>>>มรดกทาส
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32551.0

>>>รัก...ที่ขาดหาย
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33937.0



ไม่ได้แต่งนาน Account เดิมเข้าไม่ได้แล้ว เลยสมัครใหม่ 5555  ฝากติดตามผลงานด้วยค่ะ
 :katai5:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 3


ผมมองไอ้ไผ่ที่เดินหน้าบึ้งเป็นตูด สะบัดสะบิ้งเหวี่ยงไปมาเพราะสาวที่มันเล็งดันหันมาสนใจผมแทน

เป็นคุณจะเลือกมันมั้ย?  ผู้ชายที่แทบจะเหมือนตัวเอง  ผิวขาว ตัวบาง ปากแดง แค่หุ่นสูงกว่า ไม่มีนม

ขนตางอนๆ ก็ใช่ย่อย เวลามันยิ้มแม่งโคตรหวานหยดย้อย

มันไม่เคยสังเกตตัวเองสินะ  ว่ามีผู้ชายหลายๆ คนก็เล็งมันไว้เหมือนกัน 
ที่ยังไม่มีใครเข้ามา...  ก็เพราะกูขวางไว้หรอก

มันน่ารัก...ทั้งยังตลก  ซุ่มซ่ามเหมือนกับว่า ถ้าหากผมเผลอให้มันห่างสายตาแค่นิดเดียว
มันก็พร้อมที่จะเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ

จริงๆ ก็ไม่เคยคิดว่าจะสนิทกับมันหรอก แต่เคยมั้ยหล่ะที่เราเห็นนกน้อยที่มันดูแลตัวเองไม่ได้
ก้าวซ้ายก็เซ ก้าวขวาก็ล้ม

เห็นแบบนั้นใครจะทนไหว รู้ตัวอีกทีผมก็คอยอยู่ข้างๆ มันไปแล้ว  พอยิ่งอยู่ใกล้... ผมกลับสบายใจอย่างน่าประหลาด

ปกติผมแทบไม่สุงสิงกับใครเท่าไหร่  แต่กับมันผมมีความสุข ที่จะคอยแหย่ คอยแกล้ง 
และกันหมาใหญ่ทั้งหลายที่เล็งมันไว้

มันเป็นคนสบายๆ อยู่ด้วยกัน มันจะคิดถึงเรื่องผมมาก่อนเสมอ  พยายามดูแลผม บางทีมันก็เผลอ
ลืมที่จะคิดเรื่องตัวมันเองด้วยซ้ำ

แค่นี้พอไหม...  ที่ผมไม่อยากให้มันใกล้ชิดใคร   

“มึงไม่น่าไป”  มันมุ่นคิ้วคาดโทษมาที่ผม  แล้วถอนหายใจยาวเหยียด

“ใครเป็นคนชวนกู?”  ผมยกยิ้มเล็กๆ มองมันที่กระฟัดกระเฟียดหนักขึ้น เมื่อเริ่มเถียงไม่ออก 
ขาเล็กก็ก้าวเดินนำหน้าผมไปตามถนน   โดยมีผมเดินตาม

“กู!!”

“เออ ก็มึงน่ะแหล่ะชวนกู”

“เออ กูแม่งหล่อสู้มึงไม่ได้เองอ่ะ น้องส้มก็เอาแต่มองมึง ไม่เหลียวมามองกูสักนิด แต่ถ้ามึงไม่ไป..... อ๊ะ ๆๆ”   

ผมรีบคว้าแขนมันไว้ ขณะที่มันเซจนเกือบถูกรถชน แรงดึงทำให้มันมากระแทกอกผม   

“กูบอกกี่ทีแล้วเวลาเดิน ก็ดูทางดีๆ ไม่ใช่หันลีหันขวาง กลับไปกลับมาแบบนี้”   
มันมองผมหน้ามุ่ย  ผมถอนหายใจเบาๆ

“เป็นไรรึเปล่า?”   สองมือผมยังจับไหล่มันไว้ทั้งสองข้าง จับมันหันซ้ายหันขวาสำรวจ 
มันทำหน้าตึง มันช้อนตาขึ้นมองผม ก่อนจะสะบัดขนตางอนงาม หนีไปอีกทาง

“ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”     มันว่าเสียงเบา  ผมอมยิ้มมุมปาก ลูบหัวมันเบาๆ

“หายโกรธกูนะ... มึงก็รู้กูไม่ได้ตั้งใจ เกิดมากูก็หล่ออย่างนี้มาตั้งแต่เกิด  แถมน้องส้มอะไรนั่น

กูก็ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรสักหน่อยมึงก็เห็นนี่   กูทำหน้าตาพิสวาส หรืออ่อยเค้ารึไง?”   

มันทำหน้าเหมือนหมั่นไส้  แต่ผมก็พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงปกติ  มันเหลือบมามองผมนิดๆ

“อือ... หายโกรธก็ได้  แต่มึงไม่สนแน่นะ”   แววตามันสดใสขึ้นมานิดๆ

“อือ ..ไม่สนหรอก รำคาญ”   

“ยังงี้สิเพื่อนรักกูววววว”    มันว่าเสียงดังริมฝีปากยิ้มกว้าง     มือเล็กอีกข้างของมันตีปุปุ ที่หัวผม
 ก่อนจะโน้มหัวผมลงไปประทับริมฝีปาก ลงมาบนหัวของผม  อย่างเอ็นดู

“ป่ะๆ  ไปเรียนกัน”  มันจูงมือผมเดินต่อ

.
.
.
ทำไมวะ... ทำไมถึงรู้สึกว่าลำคอตัวเองแห้งผาก    หน้าก็รู้สึกร้อนอย่างช่วยไม่ได้ 
มือที่จับกันอยู่ .....กำลังทำให้ผมใจสั่น 



เพราะอะไร   ไม่เข้าใจเลยจริงๆ   
.
.
.








“ไอ้ตอง” 



“หะ..ห๊ะ”



“คืนนี้กูไปนอนห้องมึงนะขี้เกียจกลับบ้าน”



“อ่ะ...อืม ตามใจมึง”
.






ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 4


ผมเฉตามองไปอีกทาง เมื่อไอ้ตัวเล็กอาบเสร็จแล้วพันแค่ผ้าเช็ดตัวหมิ่นเหม่แค่เอว
ทำท่าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ออกมามาจากห้องน้ำ

ริมฝีปากบางแดงจัดยกขึ้นผิวปากอย่างอารมณ์ดี หยดน้ำยังเกาะพราวทั่วทั้งตัว เหมือนเจ้าตัวไม่คิดจะเช็ดให้เสร็จ
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกเริ่มหายใจลำบาก ลมหายใจที่เข้าออกเริ่มร้อนผ่าว

ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศมันร้อน รึว่าเพราะอย่างอื่นกันแน่ ผิวขาวๆ ที่สะท้อนแสงเดินมาหยุดตรงหน้า
ก้มลงมายักหน้าโยกซ้ายทีขวาที เม็ดสีชมพูชูเด่นตระหง่าน ผมถึงขั้นถอนหายใจยาว

ละสายตาจากเม็ดชมพู เพื่อไปสบตาอีกฝ่าย  เห็นหน้ามันยกยิ้ม กำลังสนุกสนานกับการยั่วให้รำคาญ.. 
ที่แม่งโคตรจะได้ผลกับผมแต่ในทางด้านอื่น

“แนะๆ... ไอ้ตองงงง มึงอย่าหลบตากู  นั่งเหม่อขนาดนี้คิดถึงใครอยู่ห๊ะ... ไม่คิดจะบอกเพื่อนบอกฝูง”   
ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โยนผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลงมาบนตัก ผมหยิบอย่างรู้หน้าที่ เช็ดไปบนหัวอีกฝ่ายแรงๆ

เพราะรู้สึกหมั่นไส้เหลือเกินกับสิ่งที่มันทำ   กลิ่นหอมจากแชมพูโชยมา ไม่ได้คิดจะสูดดมแต่ประการใด 
รู้สึกตัวอีกทีก็กดจมูกไปบนนั้น ดีที่มีผ้าเช็ดผมกั้น ไม่งั้นมันคงได้รู้ทันที 

รีบถอยห่างรู้สึกใจเต้นไม่ค่อยปกติ แต่ไม่รู้ว่าทำไม

“อะไรของมึงกูก็แค่.....คิดอะไรเรื่อยเปื่อย..ไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้นแหล่ะ”  แถไปเรื่อย...   

“กูไม่เชื่อ” มันค้าน ลอบมองผมด้วยหางตา เลยผลักหัวมันไปเบาๆ

“กูจะไปอาบน้ำแล้ว” อีกฝ่ายหันมาค้อน  เบะปากแบบที่มันชอบทำ  ไม่กล้ามองต่ำกว่านั้น
 พยายามจดจ้องอยู่แค่บริเวณใบหน้า กระนั้นก็ทนไม่ไหวจนต้องเบนสานไปทางอื่นกัดริมฝีปากด้านใน
 เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้

“ผมกูอ่ะ”  มันหันมาถาม ยกนิ้วชี้ไปที่หัว

“มือมึงอ่ะมีมั้ย?” 

“ก็มี..อยากให้มึงทำให้”  มันทำหน้าอ้อนๆ

“สัด”  ด่าจบก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เข้าห้องน้ำไป เปิดฝักบัวปรับระดับน้ำให้แรงสุด
ให้สายน้ำสาดมาทั้งตัว  ถึงปกติจะชอบน้ำอุ่น  แต่ขณะที่รู้สึกรุ่มร้อนเช่นนี้ น้ำเย็นๆ ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า   

นานเท่าที่ต้องการ พันผ้าเช็ดตัวลวกๆ ที่เอว หยิบผ้าอีกผืนมาเช็ดหัวแล้วเดินออกมา
เห็นไอ้ไผ่ก็อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาบอลขาสั้น มันนอนชันเข่าเข้าหนึ่งอยู่บนเตียง

กางเกงล่นจนแทบถึงขาหนีบ อีกข้างเหยียดยาวอ่านการ์ตูนเพลินๆ บนเตียง
 มันเหลือบมามองผมนิดนึง

“ไอ้คนสกปรก”  ปากเล็กๆ นั่นขยับ ผมสะดุ้งเฮือกยืนค้างตาโต อย่างวัวสันหลัวหวะ ...  รึมันจะรู้สึกที่ผมคิดเมื่อครู่วะ 

“เชี่ยไร” รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา แต่ก็ยังแสร้งเบี่ยงประเด็นไม่รู้ไม่ชี้

“มึงอาบน้ำนาน...ย่อมเป็นคนสกปรกโสโครก โบราณว่าไว้ 555”    มันหัวเราดีอกดีใจที่ทำผมตกใจได้
ตบมือลงบนขาตัวเองฉาดใหญ่

“พ่องดิ...”   นั่งลงตรงปลายเตียงหันหลังให้อีกฝ่าย เอามือเช็ดผมที่กำลังเปียกม่ะล่อกม่ะแลก

“เห้ย..”  ถูกอีกคนกระโจนใส่จากด้านหลัง  มือสองข้างกอดเข้าที่คอผม วางคางบนบ่า เสียงหัวเราะชอบใจ
โยกตัวหนักๆ พยายามให้ผมเซล้ม ผมก็ขืนตัวไว้ เพราะมันตัวเบาอย่างกับอะไรดี ทำแค่นี้ผมไม่สะเทือนหรอก

 ตัวผมน่ะไม่สะเทือน แต่พักหลังรู้สึกใจมันแกว่งๆ ส่วนไอ้ตัวการน่ะไม่เคยรู้สึกอะไรหรอก
เพราะมันเล่นแบบนี้กับผมประจำ    เหมือนที่มันเล่นกับพี่ชายมันที่บ้าน ถึงไม่เคยเจอแต่มันเล่าให้ฟังบ่อยๆ

“อ๊ะๆ มึงอย่างอนกูดิ กูล้อเล่น มาๆ กูเช็ดผมให้มึงนะๆๆๆ”    ยกยิ้มหน่อยๆ มันก็แบบนี้แหล่ะ
 ชอบแหย่ ชอบง้อ ขอบอ้อนตลอด

“แน่ะๆ มึงยิ้มแล้วแสดงว่าไม่โกรธกูแล้วใช่ป่าว”

“เออ...  มึงก็รู้  กูไม่เคยโกรธมึงสักครั้งรึยัง?”   อีกฝ่ายหัวเราะร่วนเป็นอย่างที่มันคิดไว้

“มึงนี่น่ารักน่ะ...ถ้ากูเป็นผู้หญิงนะ กูว่ากูชอบมึงชัวร์”  มันว่ายิ้มๆ เอามือตีหัวผม ปุๆ

“ไม่ต้องบอกกูก็พอรู้... ”  ผมหันไปยิ้มให้มัน

“ทำไมอ่ะ? มึงรู้ได้ไง?”

“ก็กูหล่อ...เหตุผลแค่นี้พอมั้ย?”  ยิ้มมุมปากเบาๆ

“เอ้ออ...ไอ้หล่อออ  ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะมึงเนี่ย”  มันขำกลิ้งมือผลักมาที่ไหล่ผมแรงๆ
แต่กลับเป็นตัวมันเองที่ล้มลงไป

“หรือมึงว่าไม่จริง?” คราวนี้เป็นตัวเองที่กระโดดไปทับอีกฝ่าย ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักทั้งตัว เพราะกลัวอีกฝ่ายจะหนัก
แขนสองข้างดันตัวขึ้นกักอีกฝ่าย ปากทำท่าเหมือนจะงับไปที่ไหล่ของมัน  แต่สายตาก็เฉมองคอขาวๆ ของมันอีก
มันหัวเราะชอบใจ

“5555 เออยอมแล้วๆ มึงหล่อ ๆ แต่หล่อกว่ากูแค่นิดเดียวนะ”  เอามือดันหน้าผมออก ก็พลิกตัวไปนอนข้าง
 ริมฝีปากยกยิ้มอย่างพอใจ รู้สึกสบายใจ ทุกครั้งที่อยู่กับมัน ไม่เคยเบื่อไม่เคยเหงา

“เออมึง... การ์ตูนมึงเล่มที่กูอ่านอ่ะ นางเอกแม่งเอ็กสัด ของดีๆ แบบนี้ มึงต้องแบ่งปันกูนะจำไว้ ”

“เออ...ไอ้งก  ไม่เคยซื้อเองซักเล่ม”

“ก็มึงซื้อแล้ว...จะให้กูซื้ออีกทำไมคับเพื่อน มีของดีต้องแบ่งปันเด้อออ”

“เออออออ”  ลากเสียงยาวๆ เพื่อให้รู้ว่ารำคาญ 

“แล้วอีกอย่าง.... ถ้ามึงจะมีแฟนก็อย่าลืมบอกกูด้วยหล่ะ”  พอผมทำท่ายักไหล่ไม่ตอบรับอย่างที่มันต้องการ
มันก็กระโจนเข้ามากอดผมอีก บังคับให้ผมตอบตกลง  กลิ้งกันไปมาอยู่สักพัก  ก็พยักหน้า  อีกฝ่ายถึงได้พอใจ




.คืนนี้เป็นคืนที่หลับยากอีกคืน นอนตะแคงมองอีกฝ่าย คนข้างๆ หลับไปสักพัก ส่วนตัวเองกำลังทรมาน
กับกลิ่นหอมๆ ของมัน  มันนอนดิ้นกลิ้งไปกลิ้งมาสักพัก ก็บังเอิญกลิ้งเข้ามาซุกอยู่ในอ้อมกอด 

คงหนาวก่อนจะนอนบอกให้ห่มผ้าไม่เคยยอม  พอดึกๆ ก็ชอบกลิ้งมาหาทุกที ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้
นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน  เสียงลมหายใจของมันยังสม่ำเสมอ   ขณะที่ผมใจเต้นแรงจนกระตุก

กดจมูกลงบนผมนุ่มของอีกฝ่าย สังเกตว่ามันยังนอนนิ่ง ความรู้สึกที่พองโตต้องการมากขึ้นไปอีก
เชยคางของมันขึ้น ค่อยๆ กดจมูกกับแก้มที่หอมๆ ของมัน เหมือนกำลังกลืนกินมันเข้าไป

แช่จมูกอยู่สักพัก แล้วล่ะออก  ปรับหน้าอีกฝ่ายลงให้หลับอยู่ในท่าสบาย

รู้สึกใจเต้นหนักหน่วงง.... 






แต่กลับมีความสุข...จนแทบบ้าไปเลย

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ใครแอบรักใครกันแน่เนี่ย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 5


รีบตื่นในเช้าอีกวัน แม้เมื่อคืนความสุขมันจะทะลักล้น  กลิ่นหอมอ่อนๆ ผิวกายที่นุ่มหยุน ยังวนอยู่ในความทรงจำ
ของผมไม่จางหาย
แต่ก็ไม่กล้าที่จะตักตวง จนอีกฝ่ายสังเกตุเห็น รีบหยัดกายลุกขึ้น มองอีกฝ่ายที่ยังตาพริ้ม ลมกายใจเข้าออกสม่ำเสมอ 

เผลดกดจมูกลงเบาๆ ที่หน้าผาก สูดกลิ่นกายหอมอ่อนๆ  ยังคงนั่งแช่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อยอิ่ง  ไม่อยากให้เลือนหาย 
เมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับ  ก็โจนหนีวิ่งเข้าห้องน้ำไป  มองตัวเองหน้ากระจก กับรอยยิ้มมุมปากจางๆ ที่ปิดยังไงก็ไม่มีทางมิด 

วักน้ำล้างล้างตาให้สดชื่น  พยายามซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้  เปิดฝักบัวในระดับที่แรงสุดให้สายน้ำเย็น
ดูดกลืนความขุ่นมัวของร่างกายทีกำลังแข็งขืนเต็มที่

"อ่าา... "  เผลอนึกถึงริมผีปากแดงที่ไม่กล้าจะแตะต้อง ซอกคอที่น่าขบกัด  รู้สึกแปลก ที่ต้องมาจินตนาการ
ถึงเพื่อนรักตัวเอง กัดริมฝีปากตัวเองหนัก มือก็วุ่นวาย ทำให้ลูกชายตัวเองถึงฝั่งฝัน

“อึก...อืมมมมม”  ร่างกายกระตุกปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นให้ออกมาชมโลก กัดปากตัวเองที่กำลังครางเสียงต่ำ
 ฟังดูหยาบโลน ไม่กล้าแน่ที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน 

เปิดประตูออกมายังเห็นอีกฝ่ายนั่งสลึมสะลือ เหมือนเปลือกตายังไม่เปิด 

"ตื่นแล้วเหรอ"

"ยัง...นี่กูละเมอ"  ถึงปากจะตอบ แต่กลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมาสักนิด  เดินมาผลักหัวมันเบาๆ
 ก็หน้าหงายไปข้างหลัง จนมันต้องเปิดเปลือกตา  ไม่ลืมจะส่งสายตาอาฆาตมาให้

"สัด ...ตอนเด็กๆ มึงไม่มีเพื่อนเล่นใช่ เลยชอบแกล้งชาวบ้านอ่ะ"  ผมหลุดขำกับตรรกกะ ของมัน"

"มึงน่ะสิสำออย กูผลักเบาๆ เล่นใหญ่ตลอด"มันขำเบาๆ

"สัด ดูกีบเท้าหน้ามึงก่อนเหอะใหญ่ยังกะหมีป่า  ชอบมาทำให้ผู้ดีอย่างกูระคายผิว" เอากับมันคับ
ดูถ้ายังทะเลาะกันต่อไป เห็นทีต้องสายชัวร์

"พูดมากไปอาบน้ำได้ล่ะ" 
มันค่อยๆ กลิ้งตัวไปมาบนที่นอน  ผมมองมันอยู่สักพัก จังหวะที่มันกลิ้งไปอีกอ้านหันหลังให้
ก็จับหมับเข้าที่คอเสื้อด้านหลัง ดึงขึ้นรั้งคอมัน มันรีบจับหมับที่คอเสื้อด้านหน้า เพื่อไม่ให้รั้งคอ

"แค่กๆๆๆ"

"ให้กูไปส่งมึงที่ห้องน้ำมั้ย"  ผมส่งยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดไปให้  มันเบะปาก

"มึงมันชั่วร้าย หมีเป็นสิ่งเลวร้ายยย   ถ้าเสื้อกูยืดมึงจะทำยังไง"

"มึงก็ใส่เสื้อยืดอยู่แล้ว"  มันจิปากเสียงดังอย่างขัดใจ

"ไม่ใช่ กูหมายถึงถ้าคอมันย้วย"

"เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่ ไป..ไปอาบน้ำได้แล้ว”

"คึคึ ค่อยคุยกันได้หน่อยๆ" ไอ้ไผ่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี รีบกระโจนเข้าห้องน้ำอย่างฉับไว 
หยิบกางเกงใน ที่มีแต่สีโทนเดิมๆ ไม่ขาว เทา หรือไม่ก็ดำ หยิบมาตัวหนึ่งมาสวม แล้วถอดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวตาก

แกร๊ก..

“ครีมอาบน้ำหมดอ่ะมึง.” 

“อือ..เดี๋ยวให้”  ผมเดินใส่กางเกงในตัวเดียวเอื้อมมือไป ไปหยิบบนชั้นเก็บของแล้วเอาไปยื่นให้มัน

“เออ ...ขอบใจ  มึงคิดจะอายผีอายสางบ้างไหม...อายกูสักนิดก็ยังดี”

“กูไม่อาย...มึงอยากมองอะไรก็มองไปดิ”

“คิดว่าตัวเองหุ่นดี?”  มันยกคิ้วสูงคงหมั่นไส้ตัวผม   ถึงกับหลุดยิ้ม  โน้มตัวลงไปหา กดหน้ามันซุกมายังอก
ที่ยังเปลือยเปล่า แล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“กูว่า....ก็ดีกว่ามึงนะ”    มันดิ้นขลุกขลักชกมาที่ท้องจนผมต้องปล่อย

“อย่างมึงอ่ะ ก็หุ่นดีกว่ากูแค่นิดเดียวเท่านั้นแหล่ะ ... นี่นี่มึงดูกล้ามกูซะก่อน”  มันยกแขนขึ้นมาโชว์กล้าม
เสื้อตัวบนถูกถอดทิ้งไปแล้ว กวาดตามองผิวขาวๆ ออร่า เม็ดสีชมพูสีหวานๆ  ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอ

“ฮ่าๆๆๆ  แค่นี้ถึงกลับกลืนน้ำลายเลยเหรอวะ มาๆ มึงจับดู ดูว่ากล้ามกูแม่งพอๆกับมึง  กลัวกูจะหุ่นดีเท่ามึงล่ะซี้” 
มันดึงผมไปจบที่อก

สัด!  ผิวแม่งลื่นมาก นุ่มมาก ผมชักมือกลับ ใจเริ่มไม่สงบเท่าไหร่  ก่อนจะผลักหัวมันเบาๆ

“อาบน้ำไปเลยมึงอ่ะ...อย่าพูดมาก”    แล้วรีบเดินหนีออกมา
เรามาถึงมหาลัยเกือบๆ 7โมงครึ่ง  ทำในสิ่งที่ทำประจำเดินไปโรงอาหารที่มีนักศึกษาขวักไขว่ 

นั่งลงตรงม้านั่งที่มีโต๊ะยาว

“มึงกินอะไร”

“มึงกินตามกูใช่ไหม  เดี๋ยวกูไปซื้อเองไม่ต้องให้หมีป่าอย่างมึงลำบากหรอก”  ผมหัวเราะหึ
 ยื่นเงินให้มันไป กำลังมองตามคนกำลังเดินห่างออกไป ใครบางคนก็เดินเข้ามา 

“ทานข้าวที่นี่เหรอคะ  แหมไม่ไปทานที่ร้านส้มมั่งเลย  ใจร้ายจังนะคะ”  หย่อนตัวลงตรงข้าม 
แค่ปรายตามองไม่ตอบอะไร

“...”

“แล้วเพื่อนที่ไปทานกับพี่ตอง ชื่ออะไรนะคะ”

“ไผ่”

“นั่นแหล่ะๆ วันนี้ไปไหนแล้วหล่ะคะ วันนี้ไม่มาด้วยกันเหรอ”   ผมชี้มือไปทางที่ไอ้ไผ่เดินไป

“อยู่นู่น”

“พี่ตองพูดน้อยจัง  ส้มอยากเป็นเพื่อนพี่ตอง  ไม่รู้พี่ตองจะรังเกียจส้มรึเปล่าน้า  ”    ส้มยิ้มหวาน 
ขณะที่ผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“พี่ไม่คอ่ยถนัดเป็นเพื่อนกับผู้หญิง”  รอยยิ้มของส้มฉีกกว้างขึ้นไปอีก

“ค่อยๆ ทำความรู้จักกันก็ได้นะคะ  ส้มไม่รีบ”  ผมเบนสายตาไปหาไอ้ไผ่

“คงไม่สะดวก เพื่อนพี่ชอบเรา พี่ไม่ชอบมีปัญหาเรื่องนี้” 

“แต่ส้มไม่ได้ชอบเพื่อนพี่”

“ส้มชอ...” 

“เห้ย..ไอ้ไผ่ได้รึยังวะ”  รีบดันตัวลุกขึ้นเดินไปหามัน แสร้งทำเป็นไม่สนใจน้องส้มอีก
ผมไม่ชอบความอึดอัด ยิ่งอยู่ใกล้ผู้หญิงอย่างส้มยิ่งรู้สึกอึดอัด

“มา...กูช่วยถือ”  ไอ้ไผ่ที่มัวแต่ระวังจานข้าวในมือมันจะหก เพราะแม่งถือ3จานในคราวเดียว
เลยไม่ทันสังเกตว่ามีแขกคนไหนเข้ามา  ยกมองผมด้วยท่าทางที่สงสัย 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มันถือ 3 จาน แต่ผมก็ไม่เคยมาช่วยมัน

“เมื่อเช้า....มึงแดกยาผิดรึเปล่าวะ”  ผมทำหน้าเบื่อหน่าย

“รึมึงอยากจะถือคนเดียว”   ผมทำท่าจะคืนจาน  มันก็รีบเอี้ยวตัวหนีอย่างว่องไว

“เออออ กูก็ไม่ได้ว่าอะไร  แบบนี้มึงก็ทำให้ได้ทุกวันสิ ช่วยกูบ้างไรบ้างงง ”

“เออ... วันหลังผมจะเป็นทาสรับใช้ท่านชายเลยดีมั้ยครับ”  ผมทำท่าโค้งให้มันเหมือนพ่อบ้านประจำตระกูล

“มันพูดเองน่ะ  เริ่มตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไปเลยไอ้น้องงง” 

“กูประชด”

“เซ็งเป็ด แม่งไม่มีสัจจะในหมีป่า” 

“ฮ่าๆ แน่นอน”
พอเดินกลับไปถึงโต๊ะ น้องส้มก็หายตัวโดยไร้ร่องรอย  ผมไม่ได้บอกอะไรไอ้ไผ่  ไม่รู้สินะผมเองก็ไม่อยากผิดใจกับมันเรื่องนี้

“เห้ยมึง ... นั่นน้องส้มนี่ โหยยย เห็นแค่หลังยังน่ารักเลยสาดดดด”  ไอ้ไผ่ที่เหลือบไปเห็นน้องส้มที่อยู่ไกลริบๆ

“…”  ผมก้มหน้าเริ่มจัดการอาหารตรงหน้า

“มึงงงงงง มึงว่ากูกับน้องส้มนี่เนื้อคู่กันป่ะวะ  ดูดิร้อยวันพันปีมาโรงอาหารแทบทุกวัน
น้องส้มไม่เคยโผล่มา เพราะชะตาฟ้าลิ.....”

แคร่กๆๆๆ 


ตักข้าวยัดปากแม่งพูดเพ้อหาอยู่นั่น


“รีบแดกได้ล่ะ จะได้รีบไปเรียน”


“สัด”


ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใครแอบรักใครกันแน่เนี่ย  :hao3:

พระเอกของเราก็หลงไปก่อนค่ะ 555

:L2: :L1: :pig4:

ขอบคุณนะคะ :o8:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 6

พักเที่ยงผมรีบวิ่งออกจากห้องเรียนตรงดิ่งไปหาเป้าหมาย...   

“ไอ้ไผ่… มึงจะรีบไหน” เสียงตะโกนเรียกมาจากใต้ตึกเรียน  ผมถอนหายใจหยุดยืนแล้วหันกลับไป

“กูจะไปร้านน้องส้ม...มึงไม่ต้องไปกับกูหรอก”  มันหน้าเบ้

“ทำไม? กูจะไปกับมึงอ่ะ”  พูดเสร็จก็เดินมาถึงตัวมืออีกข้างรั้งแขนผมไว้ ขมวดคิ้วค่อยๆ แกะมือมันออก

“มึงก็รู้ว่าทำไม? เอาน่า...ตอนเย็นก็เจอกัน”   ผมตบไหล่มันเบาๆ แล้วเดินหนีไป  ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ

“มึงจะเอาจริงๆ ใช่ไหม? คนนี้”  ผมหันกลับไป มันยืนขมวดคิ้ว เท้าสะเอวอย่างขัดใจ

“เออ..คนนี้กูรักจริง”

“…..” 

ผมหันหลังกลับรีบเดินต่อ   ไม่รู้ทำไม...ทำไมถึงถูกใจน้องส้มนัก ผมไม่เคยถูกใจใครมาก่อน ...
เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าไม่มีสาวๆ เข้ามาหรอกนะครับ มีมาเยอะ  แต่ผมก็แค่แซวเล่นไปเท่านั้น 

น้องส้ม......ทำให้ความทรงจำวัยเด็กมันผุดขึ้นมา .

“ทำอะไรอยู่คะ..น้องส้ม ให้พี่ช่วยมั้ยคะ”  สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวตาโต ถักผมเปียให้มายิ้มให้ 

“พี่ไผ่ใจดีกับส้มตลอด เดี๋ยวส้มเคยตัว”  แก้มป่องๆ พองขึ้นเล็กน้อย

.
.

“น้องส้มน่ารักจัง แก้มก็นิ่มน่าหอมมาก” ผมลูบแก้มน้อง อีกฝ่ายยิ้มเอียงอาย  น้องสาวคนสวยของผม

“พี่ไผ่ก็... ถ้าส้มให้หอมแก้ม ส้มไม่ให้ไปหอมใครแล้วนะคะ”  ผมลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู น้องซุกตัวเข้ามาหา
.
.
.
“ทำไมพี่ไผ่ไม่ชอบส้ม...ฮือๆๆ  ส้มไม่ดีตรงไหนอ่ะ ” เด็กสาวตัวน้อยของผม กำลังร้องไห้ตัวโยน แก้มขาวนวล
ตอนนี้ขี้สีแดงปลั่งเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เสียงสะอื้นไห้ บาดใจผมเหลือเกิน

“พี่...”   ผมเป็นแค่เด็ก ม.ต้น น้องส้มเป็นน้อง ป.5 นอกจากความเอ็นดู ผมไม่ได้คิดอย่างอื่นจริงๆ

 “ถ้าพี่ไม่ชอบส้ม พี่มาใจดีกับส้มทำไม ....ส้มเกลียดพี่ไผ่!!” 

เพี๊ยะ!!   เอามามือกุมแก้มที่มือเล็กๆ นั่นเฉียดมาโดน ไม่ได้เจ็บสักนิดที่แก้ม.....
แต่ที่ใจของผม....ความรู้สึกผิดกำลังถาโถม   เพราะผมไม่ระวังให้ดี ไม่เคยรู้เลย   

บางครั้ง....ความใจดีของผม มันก็ทำร้ายคนอื่นได้เหมือนกัน  หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยได้เจอน้องส้มอีก
น้องส้มไม่ยอมมาโรงเรียนอยู่สองวัน  แต่ที่ผมพึ่งรู้คือครอบครัวน้องส้มมีแผนจะย้ายไปต่างจังหวัดพอดี 

ผมไม่เคยได้ขอโทษแต่ยังจำใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของน้องได้ดี 

ถ้าผมยังพอมีโอกาส....ผมอยากจะไถ่โทษนั้น

ผมนั่งลงสั่งอาหาร  ขณะที่รอใจก็จมจ่อมกับเรื่องราวในอดีต  ใบหน้าที่คล้ายคลึงของคนที่รับออเดอร์
มันทับซ้อนจนผมแทบจะคิดว่าเป็นคนๆ เดียวกัน

“.พ.....พี่... ..พี่ไผ่คะ”   เสียงที่กำลังแว่วมา

“ค..ครับ” ผมหลุดจากภวังค์ก็เจอน้องส้มกำลังอมยิ้มขำผมเบาๆ 

“เหม่อไปถึงไหนแล้วคะนี่... ข้าวได้แล้วค่ะ” ผมเกาหัวเขินๆ

“ขอบคุณครับ”

“พี่ชื่อพี่ไผ่ใช่ไหมคะ  ถ้าส้มจำไม่ผิด ”

“ใช่ครับ น้องส้มจำชื่อพี่ได้ด้วยเหรอ”

“ส้มเคยถามพี่ตองน่ะค่ะ”  ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงไม่รู้ว่าน้องไปเจอไอ้ตองตอนไหน

“เมื่อเช้าวันจันทร์น่ะค่ะ  พอดีเจอพี่ตองเลยเข้าไปแซวว่าไม่เห็นมาที่ร้านบ้างเลย”

“อ้อ...พี่จำได้แล้ว ตอนพี่เดินกลับมาที่โต๊ะเห็นน้องส้มอยู่ไกลๆ ”

“แล้วพี่ตองไม่มาเหรอคะวันนี้?”

“ทำไมเหรอครับ?  น้องส้มคิดถึงไอ้ตองเหรอ”  ผมพูดอ้อนๆ ยิ้มหวานๆ ให้น้อง

“เอ่อ...ก็ปกติเห็นพี่ไผ่ ก็ต้องเห็นพี่ตองนี่คะ ส้มเลยถามดู” เธอยิ้มเขินๆ

“ถ้ามีเวลาว่าง....คิดถึงพี่ไผ่บ้างก็ได้นะครับ ฮ่าๆ ”

  “โหวววว...พี่ไผ่ คิคิ..  ส้มเขินนะคะเนี่ย  จะว่าไปส้มรู้สึกคุ้นชื่อพี่ไผ่บอกไม่ถูกนะคะ”   
น้องส้มเอียงคอทำท่าครุ่นคิด

“ส้มค้าบบบบ รับออเดอร์หน่อยค้าบบบ”  เสียงตะโกนเรียกมาจากโต๊ะอื่นดังขึ้น

“ส้มต้องไปก่อนนะคะ  อ่อนี้เบอร์ส้มนะคะ พี่ไผ่แอดไลน์มานะคะ อาทิตย์หน้าส้มเปิดเทอมแล้ว
คงไม่ค่อยได้มาช่วยงานที่ร้านแล้ว”  น้องส้มยิ้มหวานแล้วเดินจากไป 

ผมมองดูเบอร์ในมือแล้วยิ้มกริ่ม  รีบจัดการข้าวตรงหน้า เพราะใกล้เวลาที่จะหมดเวลาพักแล้ว 

วิ่งกระหืดกระหอบเข้าห้องเรียน เหงื่อไหลท่วมตัว  ...  มองไปหาใครอีกคน ก็เผลอสบตามันตรงๆ
 มันหน้าบึ้งมาก แล้วเมินผมไปอีกทาง แต่ที่นั่งข้างๆ มัน...  ว่างอยู่  ผมอมยิ้มถึงมันจะเคือง  แต่ก็.....  น่ารักอยู่นะ

“มึงช้า” มันว่า...  แต่สายตาไม่ได้หันมามองผม  ผมเอาไหล่กระแทกไหล่มันเบาๆ

“มึงอย่างงอนสิ ...มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจ  ถ้ามึงไปด้วยน้องเค้าคงไม่มองกู”

“มึงเลยทิ้งกูเลยว่างั้น... ไม่แคร์เลยว่ากูจะไปกินข้าวกับใครที่ไหน”  เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ที่มันหันมามองผม ผมอมยิ้มเอามือไปดึงแก้มมันยืดไปมา  หน้ามันบูด...แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

“แล้วมึงได้กินข้าวรึยังหล่ะ?”

“กินแล้ว”

“กินกับอะไร  แล้วไปกินข้าวกับใคร”

“กินกระเพราะหมูสับ กับเราเอง”  หงส์ยิ้มหวานหันมาตอบแทนไอ้ตอง  มันทำหน้าเบื่อๆ

“กูไปกินคนเดียว หงษ์วิ่งไปนั่งเองต่างหาก” หงส์บิดซ้ายทีขวาที

“ตองก็ไม่ต้องเขิน ขนาดนั้นก็ได้ ถึงยังไงเราก็ไปกินกันสองคนนะจ๊ะ อิอิอิอิ” 
หงส์ทำท่าเพ้อฟันไปอีกไกล ผมได้แต่ส่ายหน้าขำๆ

หันมาอีกคนยังทำหน้าบูดเช่นเดิม  เปลี่ยนจากดึงแก้มเป็นกอดคอมันแทน

“มึงไม่ชอบกินเผ็ดไม่ใช่เหรอ?”  มันเหลือบมามองผมด้วยหางตา

“อย่างอนดิว๊ะน้า.. เย็นนี้กูนวดให้มึงเลย นะนะนะ”  ผมเอาหัวไถๆ ที่ไหล่มัน 

“อือ”   มันแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ผมเห็นนะว่ามันแอบยิ้ม  ผมว่ามันรู้แหล่ะว่ามันเป็นเพื่อนคนสำคัญของผม
.







เรากลับมาถึงห้อง..  ห้องของไอ้ตองนี่แหล่ะ ผมย้ายมาอยู่กับมันสักพักล่ะ...  ที่พักเก่าผมอยู่กับพ่อแม่
แต่มันไกลมากอยู่แถวชาญเมือง กว่าจะไปจะมาเจอรถติดของกรุงเทพเข้าไปนี่...เล่นเอาหลับในห้องเรียนบ่อยๆ

ผมเป็นคนเมารถ ช่วงไหนพักผ่อนน้อยจะเมาเป็นพิเศษ เรื่องเรืยนนี่ไม่ต้องพูดถึงนะ ดร็อปลงไปเยอะ 
คอนโดนี้พ่อไอ้ตองซื้อไว้ให้มันอยู่คนเดียว นิสัยที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ผมกับมันแทบจะตัวติดกัน 

มันชวนผมมาอยู่ด้วยโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรสักบาท แม้ค่าน้ำค่าไฟบ้านมันรวย ผมไม่เคยถามว่าครัวมันทำธุรกิจอะไร
เหมือนๆ ที่มันเองก็ไม่เคยถามว่าครอบครัวผม ทำมาหากินอะไร ผมกับมันคบกันด้วยนิสัยล้วนๆ 

ตอนแรกผมก็กลัวมันอึดอัด แต่ก็เปล่า...  มันดูมีความสุขมากขึ้น แววตาที่เหงาๆ นั่น แทบไม่เหลืออยู่แล้ว
ผมเองก็ดีใจ... สิ่งเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับครอบครัวมันก็คือ...แม่มันเสียไปนานแล้ว 

ตั้งแต่มันยังเด็กพ่อมันทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาดูแลมัน มันถึงเป็นมันแบบทุกวันนี้ เข้มแข็ง ซึ่งมันก็แค่ภายนอก 
พอได้รู้จักตัวตนของมันจริงๆ มันเป็นคนอ่อนโยน แต่การแสดงออกนั้น...แย่ไปหน่อยเท่านั้นเอง

ผมวางกระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ เดินเข้าห้องนอน หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเหงื่อโยนลงตระกร้า
ดันประตูกระจกที่กั้นสำหรับโซนอาบน้ำออกมา

 มันเป็นกระจกที่ติดสติกเกอร์แบบโมเสคสีขุ่น แต่ก็ยังสามารถมองเห็นรูปร่างคร่าวๆ ของคนที่อยู่ด้านใน ... 
ยืนอยู่ใต้ฝักบัวที่มีกระแสน้ำเย็นไหลเทลงมา  ผมชอบน้ำเย็น... ทำให้รู้สึกเย็นสบายผ่อนคลายจนบอกไม่ถูก 

จิตใจจมจ่อมกับอดีตอีกครั้ง  ....   นึกว่าจะลืมเรื่องนี้ไปได้แล้วซะอีก  ....   แต่น้องส้มก็ทำให้ผมรู้ว่า.... 
ผมคงไม่มีทางลืม..... ที่ทำให้รักแรกของส้มต้องเจ็บปวดแน่นอน 

“หรือจะเป็นคนเดียวกัน?”  ในอีกสำนึกหนึ่งของจิตใจ....มันร้องออกมาเบาๆ

ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด... แต่ผมไม่ได้สนใจ  เป็นเรื่องปกติที่มันจะเข้ามา  ผมหันหลังให้กับมัน
ถึงมันจะเห็นรูปร่างของผมก็คงไม่รู้สึกอะไร ผมก็เป็นแค่ผู้ชายเหมือนกับมัน   ผมสระผมและฟอกตัว 

ไม่นาน...ก็มีเสียงเปิดประตูออกไป  คงแค่มาหยิบอะไรสักอย่าง  อาบเสร็จก็หาผ้าเช็ดตัวไม่เจอ
นึกขึ้นได้เมื่อสักครู่คงเหม่อเกินไป...  น่าจะเผลอโยนใส่ตระกล้าผ้าที่ใช้แล้วไป 

ส่ายหัวเซ็งๆ  เปิดประตูกระจกกลั้น ยื่นเท้าไปเขี่ยพรหมเช็ดเท้า มาใกล้ แล้วเหยียบลง
ก่อนกระดึบๆ มาที่ประตู  แง้มประตูออกแทรกตัวออกไปแค่บางส่วน เนื้อตัวยังพราวไปด้วยน้ำ

“ตอง...หยิบผ้าเช็ดตัวให้กูหน่อย”  มันหันมามองทำท่าอึกอักนิดหน่อย  แต่ก็หยิบมาให้แต่โดยดี

“มึง....เอ่อ..”

“หืม.?”  ผมเงี่ยหูฟังหลังจากรับผ้าเช็ดตัวมา

“ทำไมไม่หยิบผ้าเช็ดตัวมาอ่ะ”  มันว่าเสียงอ่อยๆ ไม่ได้สบตาผม

“โทดทีเว่ย..กูลืม”

“อ่อ... รีบๆ หล่ะ กูร้อนแล้ว”  มันว่าแค่นั้นก็เดินกลับไป ผมว่าหูมันแดงแปลกๆ   
หยิบผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวลวกๆ ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดพื้นให้แห้ง แล้วเดินเข้าห้องไป

“….”  ไอ้ตองที่นอนอยู่ที่เตียงเงยหน้ามามอง ผมว่ามันอึ้งไป...จนผมเองก็งง อึ้งห่าอะไรวะ

“มึงร้อนไม่ใช่เหรอ...ไปอาบน้ำสิ”

“อ่ะ...เออ  กูไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”  มันรีบผลุนผลันลุกไป

“เดี๋ยวไอ้ตอง”

“ห๊ะ..มึงมีไร” มันล่อกแล่ก จนผมหลุดขำ

“มึงลืมผ้าเช็ด”

“อ่อ... ขอบใจๆ ” แล้วมันก็วิ่งหนีหายไปเลย   ผมเลยเดินไปตู้เสื้อผ้าแทน






“แกร๊ก..” 

ผมหันไปมองประตูห้องน้ำที่แง้มออก ขณะที่ผมอยู่ในท่าก้าวขาใส่กางเกงในได้ขาเดียวขาลอยอยู่ในอากาศ
กางในถูกดึงสูงอยู่เหนือเข่า

ผมส่งสายตาเป็นคำถามว่ามันจะเอาอะไร   ไอ้คนที่ยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำดูเก้อๆ

“เอ่อ....กูลืมแล้วว่าจะเอาอะไร”  มันยกมือเหมือนปาดเหงื่อ  ผมหลุดหัวเราะเสียงดัง

“มึงดูอ๋องๆ นะ กูว่า ฮ่าๆๆ”  มันเกาหัวแกรกๆ  แล้วก็มุดกลับเข้าห้องน้ำไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2019 01:17:39 โดย Tassanee »

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 7

“แกร๊ก”  ล็อคกลอนประตูห้องน้ำ ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้น รัวเป็นกลอง

ตึกตักๆ 
ตึกตักๆ
ตึกตักๆ
ตึกตักๆ     

 ยกมือข้างนึงขึ้นมากกัดแน่นๆ หลับตานึกคนข้างใน ภาพที่มันยกขากำลังดึงรั้งกางเกงในธรรมดาสีเทา 
ผ้าcotton ที่พาดทับตัดกับสีผิวขาวสว่างจ้า เรียวขาที่มีผ้าเช็ดตัวร่นไปถึงขาหนีบ เรียบเนียนไร้ขน   

ปากสีแดงรั้นได้รูป กับดวงตาสีดำขลับทำเอาผมแทบคลั่ง หยดน้ำที่ไหลพราวมาตามแก้ม  ...  ช่างเย้ายวน

“สัด”  ผมสบถพึมพำ รู้สึกขุ่นเคืองในอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้อยู่ตอนนี้  ได้แต่หลับตาพริ้มคิดถึงภาพของอีกฝ่าย 
ริมฝีปากผมกำลังลามเลียข้างใบหูสอดลิ้นเข้าไปทักทายรูเจ้าปัญหา อีกฝ่ายบิดกายแล้วเชิดหน้าขึ้น

ผมรั้งให้มันหันมาทางผม  บดริมฝีปากดูดกลืนริมปากสีสดนั่นอย่างที่ใจนึกอยาก ไล่ต้อนลิ้นเรียวเล็กแสนหวาน
เนิ่นนาน ก่อนจะหันสูดดมซอกคอขาว กลิ่นอายหอมอ่อนๆ ละมุนจนอยากจะแทรกสิงเข้าไปในกาย 

ขบกัดปลายคางมันเบาๆ  แล้วลากลิ้นร้อนมาหยอกเย้าเม็ดสีชมพูที่กำลังเบ่งบานแข็งขันสู้กับลิ้นสวาท 
ที่สวาปามราวกับไม่เคยได้ดูดดื่ม  ทุกอณูของร่างกายที่สัมผัสลากผ่าน 

ไม่ว่าจะสัมผัสส่วนไหนกระละมุนไปทุกอณูผิว  สอดมือเข้าไปในกางเกงตัวเอง เร่งจังหวะหฤหรรษ์
ที่มีเพียงอุ้งมืออุ่นๆ คอยขับเคลื่อน ความแข็งขืนด้านล่าง คิดถึงริมฝีปากบางแดงที่กำลังอ้ากว้าง

ไล้เลียหยอกเย้า ส่วนปลายหัวแตก  ก็บดบี้มือตัวเองถูไถซ้ำๆ  ก่อนลูกขึ้นลงเร็วๆ เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน
“อืมมมมมมมมมมม”     ครางเสียงต่ำอยู่ในลำคอ ปล่อยปากที่กัดมืออีกข้างไว้แน่น จนเห็นรอยเด่นชัด

ได้แต่หอบหายใจแรง อกกระเพื่อมด้วยความหอบเหนื่อย ทิ้งตัวลงกับพื้น คราบขาวขุ่นยังเลอะขา
ช่างเป็นความเจ็บปวดที่เกินรับไหว....  ผมหลับตาลงพิงหลังเข้ากับกำแพง

ภาพเมื่อครู่มันคงเป็นได้เพียงความฝัน เป็นเพียงผมที่ต้องแอบซ่อนมันไว้ข้างใน
 คำพูดคำนั้นของมันยังดังก้องซ้ำไปมา

“มึงจะเอาจริงๆ ใช่ไหม? คนนี้” 
“เออ..คนนี้กูรักจริง”

ตอกย้ำจนใจผมเจ็บไปหมด  .....     ความรู้สึกผมชัดเจนขึ้นทุกวัน ...รู้ดีว่าวันนึงมันก็คงปิดไม่อยู่ 
ไม่ใช่คนที่เก็บความรู้สึกเก่ง รู้สึกยังไงก็จะแสดงออกแบบนั้น   
นึกถึงชีวิตที่ไม่มีมันเป็นเช่นไร

“...”   ยังคงมีแต่ความเงียบแทนคำตอบ

ผมทำความสะอาดและนอนแช่น้ำไปนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ...  เปิดประตูออกมา  ไม่เห็นมันในห้องนอน
เดินย้อนไปดูห้องดูทีวี ก็ยังไร้เงาคนที่ตามหา ได้ยินเสียงแว่วดังมาจากระเบียงห้องนอน เดินตามไปหา

“ถ้าน้องส้มมีอะไรไม่เข้าใจปรึกษาพี่ได้นะ....พี่ยินดีครับ”   

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาเป็นระยะ  เดินออกจากห้องนอนไป เปิดทีวีให้กลบเสียงที่ว่า
หยิบเบียร์เย็นๆ ขึ้นดื่ม เสียงทีวีช่วยซ่อนเสียงบางอย่างที่ผมไม่อยากได้ยิน พิงหลังลงกับโซฟา

หลับตาลง...ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น  อยากให้สมองว่างเปล่า

“แดกเบียร์ไม่ชวน...นิสัย”  สะดุ้งจนต้องลืมตาขึ้น เพราะมือเย็นของอีกฝ่ายเข้ามาแตะที่ไหล่ด้านหลัง

“...”    ผมหันไปมองก่อนที่มันจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ  เสื้อยืดสีขาว กับกางเกงบอลขาสั้น   
ยกเบียร์ขึ้นดื่มได้อึกเดียว อีกฝ่ายก็แย่งไปจากปาก

“กระป๋องนี้กูขอ...”  ยกขึ้นกระดกเข้าปากราวกับเป็นของหวาน

“ทำไมไม่เป็นเอากระป๋องใหม่” 

“กินกับมึงนี่แหล่ะ กินเยอะเปลือง”  ถึงมันจะพูดแบบนั้น แต่เบียร์กระป๋องนี้ก็ไม่ตกถึงปากผมอีก

“เอาอีกมั้ย?”

“อืออีกกระป๋องเดียวนะ”  เป็นผมที่ลุกขึ้นไปหยิบเบียร์ วางตรงหน้า ต่างคนต่างดื่มไปเงียบ ๆ
 ผมไม่ได้ถามว่ามันคุยอะไรกับใคร และดูเหมือนมันเอง ก็ไม่ได้อยากให้ผมรู้เท่าไหร่
.
.


“แกร๊ง!!”  ผมหันไปมองคนที่นอนคอพับลงมาบนตัก  มืออีกข้างที่ถือกระป๋องเบียร์
ถูกปล่อยให้หลุดลง เสียงดังกระแทกพื้น ..

ไม่รู้กระป๋องที่เท่าไหร่ที่ทำพวกเราเป็นแบบนี้ .... พยายามดันคนที่ตักให้พิงไปที่อีกด้านของโซฟา
 ก่อนจะดันตัวลุกขึ้น ... น่าแปลกที่ผมเซ  แต่ก็สรุปได้กลายๆว่า ...  กูเมา

“ไผ่...อ้าายไผ่”

“อือออ” 

“ลุกกก”   สอดมือเข้าใต้รักแร้ ออกแรงทั้งหมดที่มี ดึงแขนมันโอบรอบไหล่

“อือออออออ”   เสียงมันประท้วง แต่ก็กอดคอผมไว้หลวมๆ เซลงไปทีโซฟา ดีที่แขนอีกข้างดันโซฟาไว้ทัน
อีกข้างก็กอดคนเมาข้างหน้า หอบหายใจรู้สึกเหนื่อย ดีที่มันไม่ได้ดิ้นสักเท่าไหร่

อาจจะเพราะเมามากไปหน่อยถึงรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้  แต่ในใจลึกๆ ก็อยากกอดมันไว้แบบนี้ 
รู้สึกดีบอกไม่ถูก ไอ้ไผ่วางคางไว้บนไหล่  แค่ผมหันไปจมูกก็เผลอซุกตรงซอกคอมันแล้ว   

หอม.......นอกจากกลิ่นเบียร์ที่ผมชอบก็เห็นจะเป็นกลิ่นมัน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้รู้สึกสบาย
เผลอกดจมูกลงหนัก ..... แต่ก็สึกว่าเซจนเกือบจะล้ม 

คิดว่าอยู่ตรงนี้คงไม่ดีแน่ ทั้งๆ เตียงก็อยู่ใกล้ แต่ด้วยสภาพของผมตอนนี้ ราวกับมันไกลเป็น 100เมตร 

“จะเดินล่ะนะ”  กระซิบที่ข้างหูอีกฝ่าย เผลอดูดติ่งหูมันเบาๆ  มันหดคอหนีแต่กอดผมแน่นขึ้น 
เราเดินโย้กไปเย้มา ดังงูเลื้อย เชื่องช้าเหมือนเต่า 10กว่านาที กว่าจะมาถึงเตียง

ผมแอบลวนลามมันอยู่หลายครั้ง ซอกคอหอมๆ ที่ผมอดใจไม่ไหว ติ่งหูที่ผมแอบดูดเม้น
ลมหายใจที่จงจงเปล่ารดใบหูอีกฝ่าย ที่ทำมันขนลุก ไล้มือแทรกใต้เสื้อผ้าผิวนุ่มๆ นั่นอย่างคนได้ใจ 
ค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมกัน  มือข้างนึงประครองเราทั้งคู่ไว้ไม่ให้กระแทก อีกข้างโอบกอดมันไว้


ถึงเตียงเมื่อไหร่ไม่รู้.....แล้วไอ้การที่ต้องล้มไม่เป็นท่านี่.....ไม่ได้มีอยู่ในแค่ละครใช่ไหม  มันอยู่ข้างล่าง
ผมอยู่ข้างบน พอตเรื่องแม่งชัด

อืมมม....มาถึงขั้นนี้แล้วผมบอกเลยสติกระเจิดกระเจิงไปมาก  ตั้งแต่ปากแดงๆ ของมันที่เผยอเล็กๆ
กลิ่นหอมจางๆ ที่ผมคุ้นเคย เผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  ไม่ไหว....หยุดไม่ไหว 

กดจมูกสูดดมซอกคอหอมๆ สำรวจไปจนถึงใบหู ไล้ลิ้นที่ติ่งหู แล้วดูดกลืนเบาๆ   ผมพรหมจูบไปทั่วใบหน้า
แค่นั้นก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงได้อีก  เรียกร้องสิ่งที่มากกว่านั้น  ทาบปากลงบนริมฝีปากหวานละเลียดชิม

ความนุ่มหยุ่นที่โหยหา ไม่อาจละปากออกมาได้อีก ลงน้ำหนักมากขึ้น  แทรกลิ้นเข้าไปดูดดุนลิ้นนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย 
มันขยับหนี แต่ผมไล่ต้อนเกาะเกี่ยวจนมันเกี่ยวตอบ

“อือ” ได้ยินเสียงครางเบาๆ ปากเล็กนั่นดูดตอบ  ทำผมแทบคลั่ง ลมหายใจกระเส่า ไม่ใช่แค่ผมจูบมัน 
แต่มันก็จูบผม เราต่างจูบกันไปมา ราวกับกำลังต่อสู้ในสมรภูมิรบ 

ผมล้วงเข้าไปใต้เสื้อของอีกฝ่าย ลูบไล้ ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส  หลงใหล ผมดันเสื้อมันขึ้นสูง เม็ดสีชมพูลอยเด่นชูชัน
ผมแนบริมฝีปากลงไป มันแอ่นอก ทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม สัด! ความเป็นชายของผมปรากฏชัดทุกสัดส่วน

ความร้อนรุ่มร้อนแรง  ผมถอดพันธนาการ ที่ห่อหุ้มร่างกายทิ้งไป อดไม่ได้ที่จะดูดกลืนเม็ดสีชมพูที่ลอยเด่น
 นิ้วมืออีกข้างก็บดขยี้เม็ดชมพูสีสวย  ลากลิ้นร้อนๆ ขยับทุกตารางนิ้ว  ดูดกลืนแสดงความเป็นเจ้าของ   

รอยสีแดงระเรื่อทำผมได้ใจ   รอยแล้วรอยเล่า  คนข้างล่างบิดกายเร่าๆ  ถึงทุกอย่างที่เกิดจะเพราะมันไม่มีสติก็ตามที 
แต่ร่างกายที่มันตอบสนองอยู่นี่  ยิ่งกว่ารู้สึกดีซะอีก  ผมเอามือลูบไล้ผ่านกางเกงบอลตัวบาง

ความแข็งขืนบางอย่างปรากฏกายขึ้นมา ริมฝีปากผมยกยิ้ม บ้าไปแล้ว...  ผมดึงกางเกงให้ล่นลง
ส่วนนั้นของมันข่าวเด่นน่าเอ็นดู ค่อยๆ ไล้เลียความเป็นชายของไอ้ไผ่  ได้ยินเสียงครางหนักขึ้นไปอีก

นึกแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้ขยะแหยง หรือรังเกียจ  ทุกส่วนที่เป็นของมัน ผมปรารถนาจะครอบครอง 
มือของมันสอดเข้ามาในผม และกำลังขยำขยุ้ม  ผมใช้ปากครอบท่อนลำของมันไปจดหมด ขยับปากขึ้นลง

ขณะที่ลงลิ้นกับส่วนหัวที่เป็นแฉก

“อึก...อืมม”    มันสั่นสะท้าน ผิวขาวๆ กลายเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าของมันดูทรมาน
มือยังจิกแน่นอยู่บนหัวผม  ผมขยับปากให้เร็วขึ้น

เร็วขึ้น ……   

เร็วขึ้น 

เร็วขึ้น    รู้สึกถึงแรงจิกที่หนักขึ้นไปอีก  สะโพกของมันแอ่นเข้าหา

“อืออออออออออ”     น้ำสีขุ่นทะลักเข้ามาในปาก ผมดูดกลืนเหมือนในหนังที่ผมเคยดู  มีความสุขจนบอกไม่ถูก 
ผมถอนปากออก ค่อยๆ จัดการลูกชายตัวเองที่อดทนมา ด้วยมือข้างเดียวที่มี 

เอาหน้าซุกท้องน้อยของอีกฝ่าย สูดดมความหอม  หยัดตัวขึ้นจ้องมองอีกฝ่าย

“อึก.....อ่ะ .”

“อืมมมมมมมมมมมมม”   

ร่างกายกระตุก ปลดปล่อยน้ำรัก สีขุ่นบนหน้าท้องอีกฝ่าย  ก่อนจะไถแท่งร้อนถูไถบนหน้าท้องนั่น
นึกถึงถ้าเป็นส่วนนั้น...จะทำให้ผมบ้าไปกว่านี้รึเปล่านะ   

ผมนั่งพักเหนื่อย แล้วรีบทำความสะอาดอีกฝ่ายที่หลับฝันดีไปแล้ว  ดึงกางเกงบอลขึ้นมาให้เข้าที่
 ก่อนจะทำความสะอาดตัวเองต่อ    แล้วทิ้งตัวนอนกอดมันทั้งอย่างนั้น
.
..
.
ฝันดีนะ.....ที่รัก

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 8

สองเดือนแล้วที่ผมนอนมองเพดานบนเตียงเงียบๆ ลำพัง...    พื้นที่ช้างกายที่เคยมีใครข้างๆ ตอนนี้ว่างเปล่า
.
“ไอ้ตอง!! มึงทำเหี้ยอะไรกู มึงตอบมา” มือสองข้างไอ้ไผ่กระชากคอเสื้อผมแน่น  สีหน้าโกรธจัดของอีกฝ่ายผมเข้าใจดี 
เหลือบตาลงต่ำไม่กล้าที่จะสบสายตาอีกฝ่าย 

“กู...”    ทำได้แค่นั้น...  เสียงทั้งหมดก็กลืนหายลงคอ  มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ  ความรู้สึกผิดถาโถมจนพูดไม่ออก

“มึงทำไม...ตอบกูมาเซ่!! ตอบกูมา!!”    แขนเล็ก กระชากคอเสื้อผมแรงขึ้น  ก่อนจะเงื้อมันกลับไปด้านหลัง
แล้วกระแทกกลับมาที่หน้าผม

หงายหลังลงกับพื้น  ขณะที่ใครอีกคนนั่งค่อมอยู่  กัดริมฝีปากตัวเองแน่นๆ  ไม่ได้ต่อสู้อะไร

พลั่ก !! 

พลั๊ว!!   

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่   รู้แค่ว่า....นานจนมันพอใจ  รู้สึกเจ็บแปลบที่ริมฝีปาก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจางๆ

แฮ่กๆ  เสียงหอบเหนื่อยจนน่าสงสารของคนตรงหน้า แววตาของมันดูผิดหวัง  น้ำตาหนึ่งหยดที่ล่วงลงมาบนแก้มผม   

แต่... ไม่ใช่ผมหรอกที่ร้องไห้ ....เป็นมันต่างหาก     รู้สึกถึงความเจ็บปวดกำลังทิ่มแทงไปถึงขั้วหัวใจ... 
ไม่ใช่เพราะมันชกผมหรอก  แต่เพราะผมทำมันเจ็บต่างหาก   ทนไม่ไหวรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นๆ
 มันพยายามดิ้นหนี แต่สู้แรงหมีแบบผมไม่ไหว

“ฮือ..  ทำไม  มึงทำไม...มึงเป็นเพื่อนรักกู ได้ยินไหม มึงเป็นเพื่อนรักกู  ฮือๆๆ”   มันร้องไห้หนักมาก 
ร้องไห้จนตัวโยน สะอึกสะอื้นอย่างที่ผมไม่เคยเห็น  รู้สึกเจ็บที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ ในที่สุดก็ซ่อนความอ่อนแอ
ของตัวเองไม่ไหว  ยอมให้น้ำตาที่เคยสัญญาไว้กับหม้าว่าจะไม่ร้องไห้อีก ยอมให้มันไหลออกมาอีกจนได้

“กูขอโทษไผ่....กูขอโทษ”   ได้แต่กระซิบคำที่แสนแผ่วเบา  …  ที่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับรู้มันอีกแล้ว

“ทำไม... ฮือๆ  ทำไม”

.


ผมกระพริบตาถี่ๆ ..  แม้จะพยายามลืมเรื่องวันนั้นสักเท่าไหร่ มันก็ยังวนเวียน เข้ามาอยู่ทุกวี่ทุกวัน 
มันหนีไปตั้งแต่วันนั้น ... 

แล้วค่อยกลับมาเก็บของในเวลาที่ผมไม่อยู่  รู้อีกทีก็ไม่มีอะไรที่เป็นของมันในห้องนี้แล้ว 

ผมคอยตามดู... อย่างน้อยก็รู้ว่ามันอยู่กับไอ้เอกเพื่อนอีกคนในห้อง 

ยิ่งผมเข้าใกล้มันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหนี ...  ถ้าผมเข้าไปในกลุ่ม มันจะลุกออกจากวงทันที   

หลายๆ คนรู้ถึงความเปลี่ยนไประหว่างเรา แต่ก็ไม่มีใครได้คำตอบอะไรทั้งนั้น   
ผมถอยออกมาเฝ้ามองมันอยู่อีกมุมหนึ่ง   มุมที่ขอแค่ได้มองเห็นมันก็พอ 
ได้แต่รบกวนไอ้เอก..ที่คอยบอกความเป็นไปของมันอยู่ทุกๆ วัน   

หลับตาลงอีกครั้ง.... ในห้องที่มืดมิดดังเช่นวันที่ผ่านมา เสียงนาฬิกายังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน 
หากแต่กลับดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวของผม  สุดท้ายก็ผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง 
ยอมแพ้ต่อการพยายามข่มตาให้หลับ     หยิบชุดลวกๆ ขึ้นมาแต่งตัว ...  ในใจเอาแต่เหม่อลอย 
สุดท้ายก็ต้องพึ่งเสียงสียามราตรี เพื่อช่วยข่มความรู้สึกเจ็บปวดให้หายไปเพียงชั่วครู่ก็ยังดี
.




ไผ่ PART

“มึงจะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอ?”  เสียงไอ้เอกพูดกรอกหูผมเป็นครั้งที่ร้อยในรอบสองเดือนเห็นจะได้   
ไม่ได้ตอบแค่ปล่อยให้คำถามมันลอยผ่านไป เหมือนไม่ได้ยินเช่นเคย 

นอนคว่ำหน้าพิงอยู่บนหมอนในใจยังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย  จนคนถามคงทนไม่ไหว

“กูถาม....นี่มึงคิดจะตอบกูมั้ย?”   เตียงยวบลงเล็กน้อย รู้โดยไม่ต้องหันหลังไปมองว่ามันมานั่งลงข้างๆ ผมแล้ว 
แค่เหลือบหางตาไปมอง

“เออ”  กับคำตอบสั้นๆ อย่างเคย

“เออ... เหี้ยอะไรของพวกมึงห๊า  จำเป็นมั้ยที่กูจะต้องไปคอยลากศพไอ้เหี้ยตองทุกค่ำคืนกลับบ้านเนี่ย?” 
มันถอนหายใจอย่างอ่อนกำลัง

ใช่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา  ... ผมกับไอ้เอก ต้องคอยไปเก็บซากไอ้ตองที่ผับที่มันไปประจำ
เมาเหมือนหมาทุกคืน  มันไม่เคยรู้หรอก ความโกรธของผมยังไม่ได้หายไปไหน  แต่ความห่วงก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน 

ไม่เคยคิดว่าการทะเลาะกันครั้งนี้จะทำให้มันเมาหยำเปขนาดนี้  กินหนักจนผมเองก็กลัวว่านอกจากมันจะตับแข็งตายแล้ว 

เรื่องเรียนที่มันโดดเป็นว่าเล่น...   จะทำให้มันไม่จบพร้อมเพื่อนก็เป็นได้  บางครั้งผมก็รู้สึกเสียใจที่มันเป็นแบบนี้

“มึงเป็นเพื่อนมันมั้ย?”  ผมหันหน้าไปมองค้อนมันทีนึง  มันอ้าปากพะง่าบๆ  เหมือนจะเถียง แต่ก็เถียงไม่ออก

“เออ!!”  ตอบกลับมาเสียงดัง  หน้าก็มุ่ย  ผมจ้องมันหน้าเขม็ง

“แล้วมึงเป็นเพื่อนกูมั้ย?” 

“ก็ช่ายยยย  โอ๊ยยย แม่งเอ้ยยย  ก็ถ้าพวกมึงจะห่วงกันขนาดนี้มึงก็กลับไปอยู่ด้วยกันซะที คืนดีกันได้แล้ว 
 ทำไมต้องทำให้กูเหนื่อยด้วยเนี่ย  คนถึงก็ถามหาอยู่นั่นแหล่ะ กูนี่แทบจะเขียนรายงานเรื่องมึงถวายมันล่ะ
 ถามกูได้ทุกวี่ทุกวัน ห่านป่าอะไรเนี่ย  แล้ว ส่วนมึงอ่ะทำไร ก็ลากกูไปเก็บศพแม่งทุกวันนี่ไง แล้วไหนอ่ะ
ชีวิตกู แฟนกูอ่ะ จะให้กูทำยังไง?  ก็ถ้าจะห่วงใยกันขนาดนี้ ก็รีบคืนดีกันซะ  ก่อนที่ไอ้เชี่ยตองแม่งจะตับแข็งตายไปจริงๆ ”

“ห๊ะ...มึงว่าอะไรนะ  ไอ้ตองน่ะเหรอถามเรื่องกู  ตั้งแต่เมื่อไหร่  แล้วมึงก็บอกมันเนี่ยนะ ก็รู้ว่ากูโกรธมันอยู่?” 

“เออ!!  ก็ตั้งแต่วันที่มึงมาอยู่กับกู มึงคิดว่ากูใจดีซื้อข้าวของให้มึง  ชวนมึงดูหนัง แดกข้าวฟรี อยู่ห้องกูฟรี
  เป็นเพื่อนดี ศรีประเสิรฐไรงี้? 

ถึงมึงจะมาอยู่ห้องกูฟรีนี่กูก็ไม่ได้มีปัญหาหรอกนะ  แต่ถึงขนาดเลี้ยงดูปูเสื่อมึงแบบที่เป็นอยู่เนี่ย
ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ตองเป็นสปอนเซอร์เนี่ย มึงว่ากูจำเป็นต้องเจียดเงินที่กูเอาไว้เลี้ยงสาวมาเลี้ยงมึงมั้ยว๊ะ ”   

“กูว่าแล้ว...ทำไมแม่งใจดีโคตรๆ ” 

“เอาจริงๆ นะ กูก็ไม่รู้หรอกว่าพวกมึงทะเลาะอะไรกัน   แต่มึงว่าแบบนี้มันดีแล้วเหรอว่ะ 
นี่มันสองเดือนแล้วนะเว่ย มึงไม่สงสารไอ้ตองบ้างเหรอว๊ะ  มันยอมออกจากกลุ่ม  ยอมอยู่คนเดียว
ยอมไม่มีเพื่อน เพราะอยากให้มึงมีพวกกู  ให้มึงไม่อึดอัดใจ 
มึงก็รู้ดีคนอย่างมัน ..  หาเพื่อนได้ง่ายที่ไหน  มึงไม่เห็นสายตาที่มันคอยมองมึงตาละห้อยเหรอวะ 
ให้อภัยมันไม่ได้สักครั้งเหรอวะ ”   มือใหญ่ๆ ของมันบีบเบาๆ ที่ไหล่ของผม   

 ได้แต่ครุ่นคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย   

.
..

.
“มาแล้วเหรอน้อง.. อยู่ทางนู้นแหน่ะ” 


“ขอบคุณครับพี่”

“เออ...ไม่เป็นไร  เพื่อนน้องทริปหนัก มาบ่อยๆ ได้ พี่ไม่ถือ ”  พนักงานของบาร์ที่คุ้นเคยกับพวกเราเป็นอย่างดี
ทักทายก่อนชี้ไปยังเป้าหมายที่นอนหลับสนิทไปกลับโต๊ะ ชั้นสองโซนวีไอพี 

กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง...... จนแทบจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของมันแล้ว   ผมกับไอ้เอกหิ้วปีกมันคนละข้าง

ลากมันไปที่รถของไอ้เอก  ยัดมันไว้ที่เบาะด้านหลัง ให้นอนเหยียดยาวดังเช่นทุกวัน 
ไอ้เอกขับตรงไปยังคอนโดของมันเช่นเคย
.

กว่าจะลากคนตัวใหญ่อย่างมันขึ้นมาถึงห้องเล่นเอาเหนื่อยน่าดู ...  ผมกับไอ้เอกถึงกลับออกอาการหอบ
เพราะคราวนี้ดูมันเมาหนักกว่าที่เคย  คนเมานอนแผ่หลา มีผมที่นั่งหอบอยู่ข้างๆ 

ไอ้เอกก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเสร็จถึงกลับถอยหายใจเบาๆ

“ป่ะ...กลับกันได้แล้ว”  ”   ผมพยักหน้ารับกำลังจะลุกขึ้นก็ทรุดลงไปนั่งกลับเตียงใหม่ 
มือคนเมารวบมากอดที่เอวผมแน่น

“อือออออ   อ..ย่....   อย่าทิ้งกู อึก..... ไผ่..   อย่าไป...กู..ขอโทษ”     แรงแขนที่โอบแน่นขึ้นอีก 
รู้สึกลมหายใจมันติดขัด  . ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้

ใจนึงก็โกรธ ... 

ไม่อยากจะยกโทษให้มันง่ายๆ   อีกใจก็เป็นห่วง.. ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้  ที่ผ่านมามันช่วยผมไว้หลายอย่าง 
ไม่มีมัน...  ชีวิตผมก็คงแย่กว่านี้  ผมนั่งเงียบงัน ....ทะเลาะกับตัวเองอย่างหนักในใจ
  เพียงแต่หาคำตอบไม่ได้ก็เท่านั้น

“สรุปมึงจะเอาไง?”  เสียงไอ้เอกปลุกผมจากภวังค์   ผมทำได้แค่เงียบหน้าสบตากับมัน 
มีความเงียบเป็นคำตอบ   สุดท้ายก็หลับตาลงแล้วสูดลมหายใจอึกใหญ่
ก้มลงแกะมือคนเมาที่พันธนาการเอวของผมไว้   

“ก...กลับม.านะ .....ข..อร้อง”    มือผมชะงักเพียงแค่นั้น

“อือ... เคลียร์กันดีๆ หล่ะ  กูกลับหล่ะ”   ผมหันไปมองเอกพยักหน้าเบาๆ

“เอก...  ขอบใจนะเว้ย”

“เออ...  ไม่ต้องมาซ้งมาซึ้ง ห่า....ตากูจะปิดล่ะ”
 
เสียงประตูปิดลง.... ผมทิ้งตัวลงข้างๆ คนเมา   สองเดือนแล้วสินะ ...  ที่ไม่ได้มองมันใกล้ๆ แบบนี้ 
ผมจ้องมองมันในความมืด  สายตาที่สามารถปรับเข้ากับแสงได้แล้ว    เอามือลูบแก้มมันเบาๆ 

มันก็โผลเข้าหา...ราวกับว่าคิดถึงซะเหลือเกิน  มือผมถูกดึงไปแนบแก้ม  มือข้างนั้นกำมือผมไว้แน่น 
แน่นเสียจนคิดได้อย่างเดียวว่าเจ้าของมือกลัวมันจะหลุดไป    ผมปล่อยให้มันจับมือผมอยู่อย่างนั้น 

สำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายที่ดูซูบลง แต่ก็ไม่ทำให้ความหล่อที่มีลดลงสักเท่าไหร่   
ผมไล้นิ้วกับแก้มของอีกฝ่ายเล่นอยู่อย่างนั้น  ความเหนื่อยล้าตลอดวันที่ผ่านมา...  แม้แต่กับคนตรงหน้า

ตอนนี้ที่ผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าพรุ่งนี้  ผมจะให้อภัยมัน หรือเลือกจะให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป

 ตอนนี้ผมเหนื่อยไม่อยากคิดอะไร ... พอได้หลับตาลง ก็เหมือนโลกทั้งโลกโถมทับเปลือกตาให้จมสู่นิทราของค่ำคืน

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ตองหนีไผ่ทำไม :ling1:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 9


กี่คืนแล้วไม่รู้ที่ต้องนอนฝันร้าย ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมความว่างเปล่า ...  หากแต่วันนี้ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป
 ถึงเมื่อคืนจะนอนฝันร้ายเช่นคืนที่ผ่านมา แต่ลึกๆ ข้างในกลับรู้สึกอบอุ่น ไม่ได้เหว่หว้าเช่นเคย 

มือที่ไขว่คว้าไปในอากาศ จับยึดสิ่งที่ไม่ใช่ความว่างเปล่า  หากแต่เป็นใครสักคนหนึ่ง 
รู้แค่นั้นผมก็จับยึดเอาไวให้แน่นขึ้น  ไม่กล้าแม้แต่จะผ่อนแรง  เพราะกลัวสิ่งที่มีจะหายไป

คนในอ้อมแขนขยับตัวเล็กน้อยเหมือนอึดอัดจากแรงกอด  สักพักก็หยุดลง ระบายลมหายใจผละแผ่ว
พัดผ่านใบหน้าผมไป  ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น สมองเริ่มประมวลผลเรื่องใครสักคนในอ้อมกอด 

และลำบากมากขึ้นไปอีกเมื่อพยายามจะเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งให้ลืมขึ้นมา 
รู้สึกชาวาบอยู่ในอก นึกกลัวว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดจะเป็นใครไม่รู้ที่ผมลากมาจากความเมา

หลายค่ำคืนที่ดื่มด่ำจนเมามายจนไม่เหลือสติ ใครสักคนนึงก็พาผมกลับมา 
และไม่ว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นใคร เพราะเค้นถามพนักงานที่ร้านสักเท่าไหร่ก็ได้คำตอบเดิม 

“เพื่อนน้องคนเดิมแหล่ะ...  พี่จำชื่อไม่ได้นะมากันสองคน มาแบกน้องกลับไปทุกคืน”   
หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด...  ผมคงไม่ได้ปล้ำใครลงไปใช่ไหม 

ค่อยๆ กระพริบตาถี่ๆ เหลือบเห็นขนปุกปุย ในอ้อมกอด   ดีใจแทบบ้า .....  คนที่คิดถึงใจจะขาด
อย่าบอกนะว่าทุกๆ คืน คนที่ไปลากผมกลับมาเป็นมัน  ถ้าให้เดาอีกคนคงเป็นไอ้เอก 

กอดจูบไปที่หัวทุย นั่นเบาๆ   อีกฝ่ายที่ยังหลับไม่ได้สติ ลมหายใจกระเพื่อมเบาๆ 
อยู่ดีๆ ร่างกายผมก็สั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น นึกถามตัวเองในใจ...นี่ความจริงหรือแค่ผมฝันไปนะ   

ภาพวันสุดท้ายที่ผมทะเลาะกับมัน......บอกตามตรงว่าผมกลัว   กลัวจะเสียมันไปอีกครั้ง
 มันยังโกรธผมอยู่มั้ยนะ สองเดือนมานี่...ไม่มีมันอยู่    ไม่รู้ว่า...ความสุขของผมหายไปไหน

 ผมจ้องมองคนที่ยังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ค่อยๆ ละมือที่เกาะกุมอีกฝ่ายไว้จนแน่น
เมื่อก่อนหน้านั้นออก   ถ่อยห่างออกมา ... เริ่มทำตัวไม่ถูก ต้องเว้นระยะแค่ไหน 

ถึงจะเพียงพอที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายอึดอัด  เพียงพอที่จะไม่ทำให้มันทิ้งผมไปอีก 
ตอนนี้ผมยอมรับ...ขอแค่มีมันอยู่ข้างๆ ก็พอ  จะในฐานะอะไรก็ได้   
แค่ได้มีมันอยู่ในสายตาผมเท่านั้น
.
.

“ตื่นนานแล้วเหรอ  อื๊ออ....”    ผมเงยหน้าไปตามเสียงของไอ้ไผ่  หลังจากคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
 มันก็บิดขี้เกียจทีนึงก่อนจะทำท่ากลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง   ยิ้มให้กับท่าทางสบายๆ เหมือนอย่างที่มันชอบทำ

“อือ  มึงพากูกลับมาเหรอ?”   ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว   มันดันตัวลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ผม
แต่ก็ยังยืดแขนบิดซ้ายที ขวาทีเพื่อคลายความเมื่อยขบ  อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนผมกอดมันแน่นเกินไป

“มึงคงจะกลับมาเองได้หรอก กูกับไอ้เอกช่วยกันแบกมึงกลับมา หนักยังกับหมียังจะกล้าเมา
ให้พวกกูไปลากกลับอีกนะมึง”   พูดไปก็ก้มตัวลงไปนวดแข้งนวดขา   

คงเพราะนานแล้วที่เราไม่ได้คุยกัน  .....  จนไม่รู้จะเริ่มทำตัวยังไงเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากันยังไง

“ขอบใจนะ... ลำบากมึงกับไอ้เอกเลย”   นึกขอบใจที่มันยังไม่ได้หันกลับมา
ผมถึงสามารถมองมันอย่างตาละห้อย  ความรู้สึกผิดครั้งก่อนโถมทับเข้ามาอีกครั้ง   

 พอมันเริ่มหันกลับมาก็กลายเป็นผมที่เสตามองพื้น ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ

“ทำไมต้องทำแบบนั้นว๊ะ...  ทำไม....มึงจะต้องเมาขนาดนั้นทุกวัน  เพราะกูเหรอ?”   
ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไง....รู้แต่ว่าหน้าตัวเองตอนนี้คงซีดเผือด 

ใจมันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  เพราะเรื่องมันกำลังจะวกเข้าเหตุการณ์วันนั้นสินะ  เงยหน้า   
หันมาสบตาคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“ไม่ใช่เพราะมึงหรอก...เพราะกูเองแหล่ะ กูทำตัวเอง”

..” มึงยังโกรธกูอยู่มั้ย?”  เสียงที่แหบแห้งกลืนหายไปในลำคอ  มือชื้นเหงื่อรอฟังคำตอบของอีกฝ่าย
ผมจ้องมองมันราวกับขอร้อง แต่อีกใจก็รู้ดีว่าผมไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะหวังอะไรขนาดนั้น

“กูไม่รู้...   ไม่รู้.จะบอกยังไงดี กูโคตรจะโกรธมึง โกรธมาก แต่สุดท้ายกูก็เป็นห่วงมึงอยู่ดี
สองอย่างนี้มันตีกันวุ่นวายไปหมด กูไม่มีความสุขเลยตอนที่เราทะเลาะกัน 
ยิ่งกูเห็นมึงเป็นแบบนี้ มีแต่ทรมานทั้งมึงทั้งกู ไหนจะเพื่อนๆ อีก  กูเหนื่อย และกูก็เบื่อแล้ว 
กูไม่อยากจะนึกอะไรแล้ว  ให้มันจบแค่นี้เถอะว่ะ”     

รอยยิ้มอ่อนๆ ของมัน  เป็นเหมือนแสงสว่าง.....ที่สว่างที่สุด ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่าน 
 ความเจ็บปวดที่ได้ลิ้มรส ค่อยๆ จางหายไป 

ผมจิกมือลงบนผ้าห่ม...  ก้มหน้าลงเหลือบมองมือคู่นั้นที่เมื่อคืนผมจับมันไว้จนแน่น
กัดปากตัวเองข่มน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้   

รู้สึกถึงมือใครอีกคนที่กุมมือผมไว้   เป็นผมที่หันไปยิ้มให้มัน







“ขอบใจมึงนะ”   

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ดีกันแล้วใช่มั้ย  :mew2:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 10

ไผ่ Part

“กลับมาอยู่กับกูนะ”.  ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่สายตาของมันตอนนี้ช่างเหมือนกำลังอ้อนวอนผมเหลือเกิน   
สายตาที่ผมแทบไม่เคยเห็นมาก่อน ยกยิ้มมุมปากนิดๆ  ผมก็เบื่อแล้วที่จะแสร้งทำเป็นหน้าเกลียดมัน 

เบื่อไอ้เอก....ที่วันๆ เอาแต่กรอกหูผม พร่ำพรรณนาให้ผมคืนดีกับมันเสียที และก็เบื่อมากที่ไอ้คนตรงหน้า
ชอบเมาเหมือนหมา และต้องคอยลากมันกลับบ้าน  เบื่อมากแล้ว

“อือ”   

“เห้ย!!  จริงดิ ...”  เคยเห็นหมีกระโดดขาคู่ลอยตัวกลางอากาศมั้ยครับ  ผมเมียงมองท่าทางดีใจของหมี
ก่อนที่มันจะล่วงลงมาบนเตียง พลิกตัวนอนคว่ำอย่างสบายอารมย์

อั๊ก!!     สีหน้าเหยเกของไอ้หมีป่าทำผมแทบขำ  หลังจากกระโดดทับมันบ้าง มันหันมามองผม
ด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเสียเต็มประดา  ผมยกยิ้มอย่างเป็นต่อ  ...  รู้สึกถึงความคุ้นเคย
แบบที่เคยเป็นอย่างเมื่อก่อน.

“มีปัญหา?”   ยกคิ้วขึ้นสูงจ้องหน้าอีกฝ่ายยิ้มๆ  มันหรี่มองผมด้วยหางตา

“อือออ...ไม่กล้ามีร้อกกกก”  น้ำเสียงประชดประชันแกมหยอกตอบกลับมา  ทำเอาหลุดยิ้มแบบกลั้นไม่อยู่
วางมือบนหัวของอีกฝ่าย ตีปุ๊ๆ เบาๆ อย่างที่เคยทำ   

“ฮ่าๆๆ  ดีมาก แบบนี้ถึงจะอยู่ด้วยกันได้”    มันเหลือบตามองบนก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ ปนกับยิ้มขำ 
 
“ไปตอนนี้เลยมั้ย?” พอมันหันมาถามพร้อมกับใบหน้าแป้นแล้น..  ก็กลายเป็นผมเองที่สงสัย   

“ไปไหนวะ”

“บ้านไอ้เอกขนของมึงไง  กูรีบ ป่ะๆ”    ไม่ว่าเปล่ามันดันตัวลุกขึ้น ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็กลิ้งหลุนๆ ไปด้านข้าง   
ได้ยินเสียงหัวเราะขำอยู่ใกล้ๆ มันจะยื่นมือมาจับแขนผมให้ลุกขึ้น   ผมก็ยึดที่แขนของมันเช่นกัน   
แค่มันออกแรงเบาๆ ผมก็ยืนลุกขึ้นมายืนทั้งตัว

“เออ... ไม่รู้จะรีบไปไหน”     แสร้งทำเป็นโวยวาย ทั้งที่ตอนนี้ ในใจก็อยากจะรีบไปซะเต็มแก่ 
แต่ยังติดอยู่ว่า...ฟอร์มผมเยอะ

“ไม่ได้หรอก...เดี๋ยวมึงเปลี่ยนใจ”  เสียงกระซิบข้างๆ หู แผ่วๆ  เงยหน้ามองอีกทีมันก็เดินนำหน้าผมไปแล้ว

“มาสิไผ่  กูรอมึงนานแล้วนะ”  ผมหลุดยิ้มขำ  ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ของวันนี้...   จะไม่ให้ขำได้ยังไง 
ก็มันพึ่งก้าวผ่านผมไปไม่ถึงเสี้ยวนาที แค่ไม่ถึงนาที.... มันนานแล้วเหรอวะ   ส่ายหัวให้กับตรรกะของมัน   

“กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร....  สำหรับกูนาทีนึงมันก็นานเกินพอแล้ว”

“เรื่องเวอร์นี่..ก็ว่าไม่มีใครเกินมึง”

“เอาน่า... เดี๋ยวมึงก็ชิน ป่ะ ไปกันได้แล้ว”

“อือ”

.

.

เอก PART

ติ๊ด  ติ๊ด  ผมหยิบมือถือที่มีแอปพลิเคชั่นสีเขียวแจ้งเตือน

“ไผ่ : ขอบใจมึงมากนะ รบกวนมึงมาเยอะเลย”

“เอก : เออ ... ไม่ได้รบกวนอะไรมากหรอก  มึงสองตัวดีกันก็ดีล่ะ ”

.

ติ๊ด  ติ๊ด  มีข้อความจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวแจ้งซ้อนมาจากอีกคน

“ตอง : ขอบใจมึงมากนะ รบกวนมึงมาเยอะเลย”   แค่อ่านก็ทำเอาผมหลุดยิ้ม ข้อความเดียวกันเป๊ะ

“เอก : เออ ... ไม่ได้รบกวนอะไรมากหรอก  มึงสองตัวดีกันก็ดีล่ะ ”  ผมก็อปข้อความเดิมส่งไปให้อีกคน

ติ๊ด  ติ๊ด 

“ไผ่ : ไม่มีมึงช่วย...ก็คงไม่ดีกันง่ายๆ แบบนี้หรอก ขอบใจจริงๆ ว่ะ”

 “ตอง : ถ้ามึงไม่ช่วย...ก็คงไม่ดีกันง่ายๆ แบบนี้หรอก ขอบใจจริงๆ ว่ะ”

ยังไม่ทันได้ตอบอีกข้อความก็เด้งเข้ามา  รู้สึกเดจาวูตะหงิดๆ หรือผมต้องทนอ่านข้อความซ้ำซ้อนแบบนี้
ไปเรื่อยๆ ว่ะอะไรจะใจตรงกันขนาดนั้น

“เอก : เอาน่า..ไม่ต้องคิดมากหรอก มึงสองตัวก็เพื่อนกู แค่พวกมึงดีกัน กูก็ดีใจจะแย่แล้วสัด ” 
ตอบกลับไปให้ทั้งสองคน

ติ๊ด  ติ๊ด 

“ไผ่ : 555”

 “ตอง :ฮ่าๆๆ”

ผมขนลุกเกรียว ในใจเริ่มนึกว่าแม่งสองตัวลุมแกล้งผมรึเปล่านะ  อะไรจะบังเอิญปานนั้น 
ไอ้ความสงสัยของผมก็เริ่มทำงาน

“เอก :  มึงอยู่ไหนทำอะไรอยู่อ่ะ” 

ติ๊ด  ติ๊ด 

“ไผ่ : คอนโดไอ้ตองน่ะแหล่ะ  เข้าห้องน้ำอยู่ทำไม?”

 “ตอง : ห้องกู นอนอ่านการ์ตูนอยู่ มีไร?”

“เอก :  อ่อ ป่าวๆ แค่นี้แหล่ะ กูจะนอน” 

“ไผ่ : เคร”

 “ตอง :เออ”

ผมถอนหายใจ ทิ้งมือถือแล้วทิ้งตัวลงนอน  จะว่าไปตั้งแต่พวกมันทะเลาะกัน ผมไม่เคยได้นอนเต็มอิ่มสักวัน

 ถ้าไม่คอยสังเกตการณ์ไอ้ไผ่ ก็ต้องคอยชวนมันทำนั่น นี่ โน่น และอีกอย่างคือไปลากไอ้ตองกลับบ้าน 

มันก็เหนื่อยนะ ....เหนื่อยเอาการอยู่ แต่ก็นะ พอเป็นเรื่องของเพื่อน มันก็ทิ้งไปได้ที่ไหน   

หวังว่าพวกมันจะไม่ทะเลาะกันอีกนะ   ทำไม...เปลือกตามันหนักจังวะ
.
.
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่....สุดท้ายผมก็ปล่อยให้สติตัวเองหลุดลอยไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 11

 
TONG PART

“ไปไหน?”

“ไปหาส้ม”

“อ่อ... เย็นนี้จะกลับมามั้ยกูจะได้รอกินข้าว”    เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบ 11 โมง 

“ไม่ทันว่ะ ...น่าจะดึกแหล่ะ มึงไม่ต้องรอหรอก ไปนะ”     พยักหน้ารับ มองไอ้ไผ่ที่วุ่นวายกับการใส่รองเท้าผ้าใบ
อย่างเร่งรีบ ก่อนจะหุนหันออกไป   

ทิ้งตัวนอนลงกับเตียงอีกรอบ  กระพริบตาถี่ๆ โครงศรีษะอีกนิด  เพื่อขับไล่ความง่วงออกไป 
ในที่สุดก็ยอมลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป  เอื้อมมือไปหมุนฝักบัว สายน้ำเย็นๆ ที่ปะทะเข้ากับร่างกาย 
เรียกความสดชื่นกลับคืนมา   

ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ ....  ตั้งแต่วันนั้น   น่าจะเกือบๆ ปี ตั้งแต่ไอ้ไผ่กลับมา... 
ผมและมันก็ทำตัวเหมือนเพื่อนกันเช่นที่ผ่านมา  กอดคอ กินข้าว กินเหล้า มันอาจจะลืมๆ ไปแล้วก็ได้นะ
ว่าผมเคยทำตัวไม่ดีกับมัน 

ตั้งแต่วันนั้น.... ผมก็เข็ด ไม่กล้าทำอะไรที่เกินเลยขอบเขต  ถ้ามองจากสายตาคนข้างนอก
อาจจะคิดว่าผมกับมันกลับมาสนิทใจกันดังเดิม   แต่ความจริงแล้วมันเหมือนเดิม...  มีแค่ผมที่คอยระวังตัวระวังใจอยู่ตลอด   

การที่มันหายไปจากชีวิตผม   ผมรู้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน....  ความรู้สึกที่เราอยากจะเห็นมัน แต่ก็ไม่ได้เห็น
 ความรู้สึกที่อยากรู้ทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับมันแต่ก็ไม่ได้รู้  หรือแม้ความรู้สึกที่เป็นห่วงแทบขาดใจ
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อมันได้เลย....  มันแย่มาก       

ดังนั้นผมเลือกที่จะอยู่ข้างๆ ได้เห็น ได้รู้ และได้คอยห่วงใยมันตรงนี้ ถึงแม้ว่า...เรื่องที่ต้องรับรู้เป็นเรื่องที่ทำให้เสียใจ 
แต่เชื่อไหม  มันไม่ยากเลยที่ผมจะยอมรับมัน

ไอ้ไผ่เดินหน้าจีบน้องส้ม....โดยที่ผมไม่ได้ก้าวก่าย  จะว่าไป... ผมก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ผลักดันอยู่ห่างๆ
และยังเป็นที่ปรึกษา  ผมมองความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ ชัดเจน  ถึงจะไม่มีใครระบุสถานะความสัมพันธ์ครั้งนี้ 
แต่ในบรรดาหนุ่มๆ ที่เทียวมาขายขนมจีบน้องส้ม

นอกจากมันแล้ว...ก็ยังไม่เห็นว่าใครจะสนิทสนมไปมากกว่านี้ ผมเองมีความสุขนะ  รอยยิ้ม...ที่มันเผื่อแผ่มา   
แววตาที่มีความสุข   มันทำให้ผมมีความสุขตามไปด้วย 

เอามือขยำผมที่เต็มไปด้วยแชมพูจนทั่วเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะปล่อยให้สายน้ำเย็นผ่านร่างกาย
.



PHAI PART

แฮ่กๆๆ  ผมรีบสุดกำลัง วิ่งบ้าง เดินบ้าน  เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางให้ทันเที่ยงวัน 
ย้อนไปเมื่อ 10 โมงเช้าผมค่อยๆ ลืมตาตื่น ด้วยความเมื่อยล้า 
เมื่อคืนผมกับไอ้ตองรวมกับเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคน นั่งทำรายงานวิชาสุดท้ายของปีสอง

ที่ถ้าไม่ส่งภายในวันอังคารหน้านี้ เห็นทีทั้งกลุ่มอาจจะไม่มีผลเกรดวิชานี้แน่นอน 
หลังจากเลื่อนกันไป เลื่อนกันมา จนถึงวินาทีสุดท้าย ถึงได้ตาลีตาเหลือกร่วมใจกัน
ทำอย่างสมัครสมานสามัคคี  กว่าจะเสร็จก็ได้ก็ปาเข้าไปเกือบๆ ตี4 เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย

เหลือเพียงรูปเล่มรายงานฉบับจริงที่ต้องปริ๊นออกมา ไอ้เอกผู้ใจดีมีมารยาก็อาสาเป็นคนจัดการ
โดยไถตังค์เพื่อนๆ ในกลุ่มไปเป็นที่เรียบร้อย  จากนั้นก็ต่างคนต่างไป  พอเพื่อนๆ กลับ

ผมกระโดดขึ้นเตียงพร้อมนอน ขณะที่ไอ้คุณชายจอมสะอาดต้องพิถีพิถันบรรจงไปอาบน้ำ
ซึ่งสภาพผมไม่ไหวล่ะ  ไม่รู้มันเสร็จตอนไหน....  รู้แต่ว่าแค่หัวถึงหมอนผมก็หลับเป็นตาย

ตื่นเช้ามาก็เห็นแขนหนักๆ ของไอ้หมีป่าพาดมากอดเหมือนทุกคืน   ผมหยิบมือถือเป็นอย่างแรก 
เห็นแอปพลิเคนสีเขียวแจ้งเตือนข้อความเข้า

Time :  8.30 <Orange>ทำอะไรอยู่คะพี่ไผ่   วันนี้ส้มอยากกินบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นที่สยามอ่ะ 
เดี๋ยวเจอกันเที่ยงนะคะที่ร้าน  ถ้าไม่สะดวกโทรหาส้มด้วยนะคะ  ถ้าไม่ตอบส้มถือว่าไม่ปฏิเสธน้า คิดถึงค่ะ  (^//////^) 

ผมเหลือบมองเวลาในมือถือบอกเวลา 10.00 น. ชิบหายล่ะ  .....  มีเวลาสบถได้เพียงแค่นั้น 
ผมก็รีบจนไม่รู้จะรีบยังไง เพื่อมาให้ทันนัด



.
“12.15 นาที   ช้า!”      น้องส้มทำแกล้มป่องพองลม หมุนซ้ายทีขวาที อย่างเด็กน้อยที่โดนขัดใจ 
ทำไมไม่รู้ ...อาจจะเพราะความน่ารักของส้ม ทำให้ทุกอย่างที่ผมมองเห็น ดูจะน่ารักไปเสียหมด

“ไม่เอาครับ...ไม่งอนนะคะ  ขอโทษนะครับที่ทำให้น้องส้มรอ  กว่าพี่จะเห็นข้อความส้มก็เกือบ 10 โมงแล้ว
 อย่าโกรธพี่น้า  นะครับนะ”

ผมเอานิ้วจิ้มที่แก้มป่องๆ เบาๆ  ความนิ่มแบบนั้นทำผมอยากกดจมูกเข้าไปหอมแก้มแดงๆ
ของอีกฝ่ายเสียทุกครั้งไป

“แล้วพี่ไผ่มัวคุยกับสาวที่ไหนอยู่ล่ะคะ ถึงไม่เห็นข้อความส้ม”   สาวน้อยช้อนตาขึ้นมอง
ขนตางอนสะบัดพัดเบาๆ   ทำผมอมยิ้มแก้มแทบแตก...น่ารักไปหมด

“ก็พี่มัวทำรายงานไงคะ   ...  เมื่อคืนพี่ก็บอกน้องส้มแล้วนะครับอย่างงอนนะ 
เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้ว  ไม่งอนพี่นะคะ” ผมยิ้มหวานอย่างที่น้องส้มชอบมอง
 ยกนิ้วก้อยขึ้นยื่นไปตรงหน้า   ส้มอมยิ้มเล็กๆ

“นะครับ นะ นะ หายงอนพี่นะคะ”  หยอดลูกอ้อนไปอีก   น้องส้มถึงกลับยิ้มขำขึ้นมาทันที

“ก็ได้ค่ะพี่ไผ่ เห็นว่าง้อน่ารักนะเนี่ย...ไม่งั้นส้มไม่ยอมง่าอๆ ด้วย”   นิ้วก้อยเรียวๆ ยื่นมาเกี่ยวกับนิ้วผม

“ขอบคุณมากค้าบบบ สาวน้อย”

“ไปกันค่ะ...ส้มหิวไส้จะขาดแล้วววว”    ส้มดึงแขนผมไปกอด ซบหัวลงมาบนไหล่เบาๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมามอง
ขนตาที่ยาวเป็นแพ ช่วยขลับดวงตาที่ดูหวานให้มันหวานยิ่งขึ้นไปอีก

“ไปครับพี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน”
.

.

.

วันนี้ทั้งวัน ผมอยู่กับส้ม เราเดินจูงมือ กินข้าว ดูหนัง เดินห้าง ดูร้านหนังสือบ้าง มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
จนเกือบสี่ทุ่ม

“ว้า...สี่ทุ่มซะแล้ว  ส้มยังไม่อยากกลับเลยค่ะ”  ลูกแมวน้อยของผม อ้อนอีกแล้ว 

“แต่มันดึกแล้วน้าคนดี....ถ้ากลับดึกมากๆ พี่เป็นห่วงส้มนะสิ  กลับดึกมันอันตรายนะครับ”  ผมลูบหัวแมวน้อยอย่างเอ็นดู

“ถ้ากลับดึกมันอันตราย งั้นส้มไปค้างกับพี่ไผ่ก็ได้  นะ นะคะส้มอยากไปผลับแถวๆ ม.ก่อนอ่ะ 
นะๆ นะคะ พี่ไผ่ไปเป็นเพื่อนส้มน้า”

“แต่ว่า..”

“นะคะ นะๆ ส้มสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซนนะ”

“แล้วที่บ้านส้มหล่ะครับ จะไม่ว่าเราเหรอ”

“ส้มบอกที่บ้านไว้แล้วค่ะว่ามาค้างกับเพื่อน  น้า พี่ไผ่นะคะ พาส้มไปหน่อยน้า”  หัวกลมๆ
กำลังอ้อนผมอย่างเอาเป็นเอาตาย  ผมถอนหายใจยาวๆ สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน

“ก็ได้ครับ ”

“เย่ๆ  พี่ไผ่ใจดีที่สุดเลย พี่ไผ่ชวนเพื่อนมาด้วยสิคะ  ไปหลายคนสนุกดี”     น้องส้มแกว่งแขนผม
ไปมาด้วยความดีใจ   แก้มนุ่มๆ นั่น ยิ้มแก้มแทบปริ ลักยิ้มสวยๆ ที่ผมชอบมอง  ผมหยิบโทรศัพท์
 กดเบอร์เกือบๆ ล่าสุดแล้วโทรออก

.ตรู๊ดดดดดด 

“ฮัลโหล.”  เสียงปลายที่ตอบกลับมา

.“อือ ตองมึงว่างรึเปล่า กินเหล้ากันร้านหน้า ม.”

“เออได้  อีกครึ่ง ชม. เจอกัน มีใครไปบ้างอ่ะ”

“ส้มกับกู  มึงชวนไอ้เอกด้วยนะ เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน”

“เคร”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2020 11:55:45 โดย Tassanee »

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 12


ผมก้าวเข้ามาในร้านเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม แสงไฟที่ส่องแสงสลัว ผู้คนมากหน้าหลายตากำลังส่ายสะโพกโยกย้ายตามจังหวะดนตรีที่เร้าใจ 
ก้าวขาไปข้างหน้าอย่างคุ้นชิน ...  ไม่ได้มานานมากแล้ว แต่ที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ 

พยายามแทรกผ่านผู้คนตรงไปยังชั้นสองแถบหน้าเวที  เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังโบกเรียกผมอยู่ก่อนแล้ว ยกมือตอบก่อนมุ่งไปทางด้านนั้น 

“คนเยอะ”   พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ไอ้ไผ่ มันยิ้มกว้างแขนข้างนึงกำลังโอบเอวสาวที่ข้างกายละออก
หันไปสนใจจะชงเหล้าให้ผม   
ขณะที่ส้มยิ้มละไมเหมือนเช่นทุกที  บางทีก็ไม่เข้าใจกับรอยยิ้มที่ดูหว่านเสน่ห์ขนาดนั้น  ผมทำได้แค่ยิ้มตอบตามมารยาท

“แดกไร ” ไอ้ไผ่เอ่ยถาม

“เหมือนเดิม  ไอ้เอกหล่ะ”    ยื่นมือไปรับแก้วเหล้าผสมโซดาแล้วยกดื่ม   อีกฝ่ายยกแก้วของตัวเองแล้วเลื่อนมือไปโอบเอวอีกคนไว้อย่างเดิม

“เข้าห้องน้ำ....   นี่หายไปจะ 20 นาทีแล้ว”  มันว่ายิ้มๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหายไปทำอะไร ตามประสาหนุ่มโสดขี้อ่อย

“ให้กูไปตามให้มั้ย” 

“ไปมั้ยหล่ะคะ...ส้มจะได้ไปเข้าห้องน้ำด้วย  จะไปมีเพื่อนไป”  น้องส้มหันมาสบตาผมดวงตาเป็นประกาย  ผมเหลือบมองไอ้ไผ่ที่เหมือนรอให้ผมปฏิเสธ ลอบถอนใจนิดๆ

“มึงพาส้มไปสิ  ไปตามไอ้เอกมาด้วย กูจะได้ไม่ต้องเดิน” ไผ่หยิบแก้วผมไปชงเพิ่ม ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างอย่างถูกใจ ก่อนจะยื่นกลับมาให้ผมอีกรอบ

“ป่ะส้ม... เดี่ยวพี่พาไป”  มันหันไปมองหน้าส้ม ไล้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่บดบังใบหน้าขาวให้ไปทัดข้างหู  ผมกระดกเหล้าอึกใหญ่มองภาพเดิมไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกไป 
เพียงแค่นั่งนิ่งอย่างเดิมเท่านั้น   ส้มทำท่าอิดออดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยดี

“ได้ค่ะ” 

“เดี๋ยวกูมา”  ผมพยักหน้าตอบ  มองทั้งคู่เดินจากไป สองแขนที่โอบแน่นราวกับจงอางหวงไข่ของไอ้ไผ่ ที่ผมเห็นจนชินตา

ไม่นึกว่า...คนอย่างผมจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แอบรักเพื่อนแค่ข้างเดียว แถมเพื่อนที่ว่า...ก็ดันเป็นผู้ชายซะอีก 

และที่ตลกกว่านั้น....คือไอ้ผู้ชายคนที่ว่าก็ดันมีผู้หญิงที่มันชอบไปแล้ว  ทั้งเจ็บทั้งเหนื่อย....แต่ผมก็ทนได้ ถึงจะเป็นแบบนี้มันก็ยังดีกว่า...ไม่มีมันเป็นไหนๆ

“ไงมึง...ไหวมั้ยวะ” ไอ้เอกที่เดินสวนออกมาก่อนนั่งลงข้าง ๆ พร้อมชงเหล้าแก้วเดิม ที่น้ำแข็งละลายไปนานแล้ว  มันตบลงที่ไหล่ผมเบาๆ เป็นการปลอบใน

“ก็ไม่ไง... เหมือนเดิม”   ยกแก้วขึ้นแกว่งไปมา

“เอาน่ามึง...อย่าคิดมาก แดกเหล้ากันดีกว่าอีกปีกว่าๆ ก็จบล่ะ”    ไอ้เอกยกแก้วมาชนกับแก้วผม แล้วกระดกขึ้นดื่ม 

“กูไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่มึงหายไปไหนมานานเชียว หรือไปป้อสาวที่ไหนมาวะ ”   ยกแซวมันยิ้มๆ

“มึงเห็นโต๊ะมุมนู้นไหม สาวชุดดำเดรสลูกไม้ทั้งตัว ...  เมื่อกี้ยังคุยจ้อกับกูอยู่เลย พอมึงมาเท่านั้นแหล่ะ มองตามตาเป็นประกายเลย”

“กูไม่สน..มึงก็รู้”  ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ในลำคออีกฝ่าย

“ก็เพราะกูรู้ไง...ไม่งั้นกูไม่มากับมึงให้โง่หลอก.... กี่รายๆ มึงคงคาบไปแดกหมดอ่ะ”

“เชี่ยนี่...กูเคยทำแบบนั้นเหรอวะ”   บางครั้งก็นึกสงสัย  ...ผมไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้นสักหน่อย ออกจะรักเดียวใจเดียว

“กูก็แค่พูดเปรียบเทียบไง มึงนี่จะจริงจังไปไหน รู้แล้วจ้า ว่ารักเดียวใจเดียวววว ข้าวเหนียวนึ่ง  555”     ไอ้นี่ก็ช่างแซว พวกเราก็ยิ้มขำๆ กันไป

พูดคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องสัพเพเหระ อยู่เนิ่น  จนสาวชุดดำคนที่ว่า มานั่งอยู่บนตักไอ้เอก รวมถึงสาวหลายต่อหลายคนเวียนมาชนแก้ว จนแทบดื่มต่อไม่ไหว

“เสียดายจังค่ะ  ตองไม่น่ามีคนที่ชอบแล้วเลย อดทำความรู้จักกันซะงั้น เฮ้อ”  เธอทำหน้าตาเหมือนสีดายหนักหนา ที่ยังนั่งอยู่บนตักของไอ้เอก ผมถึงกับยิ้มขำออกมา

“เกินไปแล้วนะครับก้อย ...  นี่นั่งอยู่บนตักเอกแท้ๆ ยังจะไปสนใจคนอื่นอีก แบบนี้ต้องทำโทษ”  พูดจบไอ้เอกก็จัดการหอมแก้มอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก จนผมนึกขึ้นได้ว่าไอ้ไผ่กับส้มหายไปนานขนาดไหน

“เอก ... เดี๋ยวกูไปตามไอ้ไผ่ก่อนนะ”

“อือ”  มันพยักหน้ารับ พร้อมกับหันไปสนใจน้องก้อยคนสวยต่อ
.
คนค่อยๆ เดินเบียดผู้คนมากมาย ที่พอยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคัก ทั้งความเมา ทั้งการออกสะเต็ป ร่างกายเสียดสีกันแทบไฟลุก

ผมเดินเลี่ยงหลายคู่จนแล้วจนรอดก็มาถึงห้องน้ำ  ทางเดินแคบๆ แต่ทอดยาวตรงไป แสงไฟที่ยังคงคอนเซ็ปสลัวเช่นเดิม กำลังจะเลี้ยวเพื่อเข้าสู่โซนห้องน้ำ

“อือ”  เสียงครางเบาๆ ที่ทำผมชะงักกึก หัวใจเต้นแรงจนบีบรัด...รู้สึกชาหนึบที่หัวใจ สมองไม่ยอมประมวลผลใด

  เพราะจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร กำลังชั่งใจว่าจะก้าวต่อไป หรือถอยกลับดี  ยังไม่ทันได้คำตอบเสียงไอ้เอกก็ตะโกนถามมาก่อน

“ไอ้ตอง...มึงเจอไผ่ยัง” ไม่ใช่แค่ผมที่สะดุ้ง  ได้ยินเสียงของคนสองคนที่กำลังผละออกจากกัน  ไม่รู้ว่าจะโล่งใจ... ต้องทำใจกันแน่

“ยังว่ะ  ... กูกำลังจะไปตาม”  ผมหันไป  พอหันกลับมาก็เห็นทั้งไอ้ไผ่และส้ม ออกมายื่นตรงหน้าแล้ว

“เอ่อ...คือพวกเรากำลังจะกลับโต๊ะ พอดีค่ะ ”

“ใช่ๆ ห้องน้ำคนเยอะมากเลย”   ส้มเป็นคนเอ่ยก่อนที่ไอ้ไผ่จะเสริมทัพ   ท่าทีลนลานหน่อย .....ผมแน่ในว่าทั้งคู่รู้ว่าผมได้ยิน ไอ้ไผ่เช็ดปากเบาๆ ก่อนจะหันไปจูงมือน้องส้มไว้อย่างเดิม

“เออ เจอกันก็ดีล่ะ...เดี่ยวกูจะขอตัวกลับก่อนนะ”   

“อ้าว.. ทำไมหล่ะ”  ผมรีบหันไปถามอีกฝ่าย

“น้องก้อยรออยู่ที่โต๊ะ”  มันว่ายิ้มๆ  ผมก็ได้แต่พยักเพยิดให้มันไป  มิน่าถึงรีบมาตามกลับ   ไอ้เอกหันหลังจะเดินกลับ น้องส้มก็เดินนำหน้าผมไป

“ตอง”  ผมหันกลับไปมองอีกฝ่าย  ที่ดึงแขนผมไว้ 

“ว่า?”   

“น้องส้มไปค้างที่ห้องด้วยนะ...คืนนี้”  ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่...  เป็นเรื่องที่อยากจะปฏิเสธที่สุดในตอนนี้ ยืนสะตั้นมองอีกฝ่าย

“หรือถ้าไม่สะดวก...กูไปที่อื่นก็ได้นะ”  มือที่รั้งแขนผมเมื่อครู่ปล่อยลง กำลังเดินนำหน้าผมไป

หลับตาลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่อีกฝ่ายไม่เคยรับรู้  มันคงคิดว่าวผมเป็นเพื่อนกับมันแล้วจริงๆ สุดท้ายก็เอื้อมมือไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ 

ผมรู้ว่ามันไม่สะดวกไปที่ไหนทั้งนั้นแหล่ะ...  ที่มาอยู่กับผมก็เพราะปัญหาเรื่องเงินจากทางบ้านส่วนหนึ่ง ถึงจะทำงานพิเศษ รับจ็อบนั่นนี่โน่น

แต่ก็ใช่ว่าจะใช้เงินมือเติบ อย่างค่าโรงแรมเป็นว่าเล่น และผมก็ไม่อยากให้มันไปไหน  ยังไงซะ...วันนึงมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว  สู้ให้ผมได้เจอ ได้เห็นกับตา  เผื่อว่า...ผมจะตัดใจจากมันได้บ้าง

“ก็ไปสิ... กูไม่ได้ว่าอะไร”   ผมละมืออก  อีกฝ่ายก็กระโดดแกดแขนผมอย่างดีใจ 

“ขอบใจนะมึง.”  มันยิ้มจนตาปิด ผมลอบมองริมฝีปากสีสดที่หยักยิ้มเต็มที่ คิดถึงวันที่เคยได้ครอบครอง ..รู้ดีว่ามันหวานล้ำขนาดไหน 

คิดภาพไม่ออก ... ว่าผู้ชายอย่างมันจะทำแบบนั้นกับผู้หญิงได้ยังไง เพราะต่อให้คิดเรื่องมันเมื่อไหร่   ก็มีแค่มันที่อยู่ใต้ร่างผมเท่านั้น  ทั้งริมฝีปากนั่น  ทั้งตัว และหัวใจของมัน

....  กูคิดผิดสินะ ...

“อือ.”  ได้แต่ฝืนตอบอีกฝ่ายไปเบาๆ

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทที่ 13

แกร๊ก….
“มึงนอนห้องใหญ่กับส้มแล้วกัน”  ผมเปิดประตูเดินนำเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของห้อง เลือกหยิบกางเกงขาสั้นกับผ้าเช็ดตัว
“อืออ จายมากเพื่อนนน”  ไอ้ไผ่ว่าประคองคนเมาที่เดินเซไปมา  ได้แต่นึกในใจว่าจะรอดมั้ยคนเมาสองคนกระเตงกันไปมา
ปึก!  สุดท้ายส้มก็ดิ้นหลุด แล้วพุ่งมาทางผม ผมเซเล็กน้อยเมื่อีกฝ่ายทิ้งตัวมาเกาะที่แขนผมแน่น
“พี่ตองงงงงง ขอบคุณนะค้า ”    ผมมองส้มที่ยังเกาะหนึบที่แขนไม่ยอมปล่อย ไม่ทันได้อ้าปากตอบ
ไอ้ไผ่เลยรีบเซถลาตามประสาคนเมาได้ที่ สองมือจับที่แขนทั้งสองข้างของส้มจากด้านหลัง 
ส้มหันไปมองตอบ ก่อนจะลากถูลูถูกังกันไปที่เตียง
“ส้มๆ มาๆ ไปนั่งรอที่เตียงนะค้าบบบบ  นอนๆ นะ เด็กดี”   ผมมองทั้งคู่ที่พึ่งล้มลงไปบนเตียง
 เคยเห็นฉากในละครไหม  .... แบบนั้นแหล่ะ   ทั้งคู่ล้มลงไปขณะที่แขนข้างไอ้ไผ่โอบเอวของส้ม
ถูกทับลงกับพื้นเตียง ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน  เหมือนไฟที่มันสปาร์ค  ไอ้ไผ่ไล้มือลูกที่แก้มส้ม...   
ถึงจุดจุดนี้... เหมือนผมไม่ได้มีตัวตนอีกต่อไป ผมกำมือตัวเองแน่น เบือนหน้าไปทางประตูห้อง แล้วรีบเดินออกมา   
ทิ้งตัวลงกับโซฟาความตั้งใจแรกที่จะอาบน้ำแล้วรีบนอนถูกลบเลือนหายไป 
กดเปิดทีวีเพื่อกลบเสียงบางอย่าง เดินไปหยิบเบีย์ในตู้เย็นที่มีอยู่ครึ่งโหลออกมา
กระดกเบียร์ดื่ม ...  เจ็บกว่าที่คิดแฮะ  เจ็บเหมือนจะทนไม่ไหว.. ผมนั่งห่อตัว มืออีกข้างกำลังจิกเข้าไปที่อก....
ข้างที่หัวใจของผมกำลังบีบรัดอย่างเจ็บปวด  เจ็บ...แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  นี่น้ำตาผมไหลเหรอ?   
ไม่ได้มีเสียงสะอื้น....ก็แค่หยดน้ำใสๆ ที่ค่อยๆ ไหลอย่างเชื่องช้า   ค่อยๆ ทรมานหัวใจของผมให้ด้านชาเหมือนเดิม   
ผมไม่อยากคิดว่าข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น  ..  แต่ถึงผมจะโกหกตัวเองไปแบบนั้น 
แน่นอนว่า...ถึงจะพยายามสุดความสามารถแค่ไหน  แต่ผมรู้ดี...  รู้ว่าข้างในกำลังเกิดอะไร   
ผมควรจะยินดีงั้นหรือ?  ทำไมผมถึงไม่รู้สึกถึงความยินดีสักนิด  มีแต่ความเจ็บร้าวที่กำลังกัดกินหัวใจของผม   
หรือถึงเวลาแล้ว......ที่ผมควรจะพอ   มันควรจะชัดเจนแล้วใช่ไหม....ว่าผมต้องพอสักที

ผมไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน...  เบียร์หลายกระป๋อง ถูกกระดกเข้าไปในลำคอ.....  รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจนแทบทนไม่ไหว   
ผมทิ้งตัวลงกับพื้นโซฟา ไฟของห้องดับสนิทไปแล้ว มีเพียงแสงไฟจากทีวีที่ยังทำหน้าทีของมันได้ดี 
ผมหลับตาลง... เพลงเศร้าเพลงนึงจากรายการที่ผมไม่รู้ว่ารายการอะไรเพราะผมไม่ได้สนใจดังขึ้น
เพลง #เรา
https://www.youtube.com/watch?v=M5H7fr-lmD8&list=RDM5H7fr-lmD8&start_radio=1&t=0

 เนิ่นนานที่เรามองตากัน
ในแววตาคู่นั้นเหมือนเธอไม่มั่นใจ
เธอสงสัยเรื่องใดสายตาของเธอบอก
 บอกว่าเธอไม่มั่นใจ
เราคบกันมาเป็นปี
จากวันนั้นถึงวันนี้เธอยังคิดอะไร
เธออยากรู้เรื่องใดขอเธอจงถามไถ่
 เธออย่าทำหน้าอย่างนั้น
ความรักฉันไม่เคยเลือนลาง
ไม่เคยจางหาย ไม่เคยจางไกล
ความคิดถึงไม่เคยจางไปจากใจ
ฉันมีแต่เธอเสมอ
**ความรักของฉันไม่เปลี่ยนไปไหน
ความคิดถึงฉันยังไม่แปรเปลี่ยนไป
เพราะฉันรักเธอ รักเธอมากสักเท่าไร
ใจของฉันจะเป็นของเธอเสมอ
แม้เวลาผ่านเป็นปี
 จากนาทีแห่งนี้ไปจนนิรันดร์
เพราะฉันรักเธอมากเกินกว่าชีวิตฉัน
โปรดจำไว้ ว่าใจฉันเป็นของเธอ
เราสองแม้จะแตกต่าง
แต่ชะตาปลายทางยังให้เรามาเจอ
ชีวิตฉันแม้มันจะไม่ได้เลิศเลอ
 โปรดเถิดเธอจงรู้ไว้
ความรักฉันไม่เคยเลือนลาง
ไม่เคยจางหาย ไม่คลายเคลือนไป
เพราะรักแท้จะไม่จางไปจากใจ
ฉันมีแต่เธอเสมอ
**ความรักของฉันไม่เปลี่ยนไปไหน
ความคิดถึงฉันยังไม่แปรเปลี่ยนไป
เพราะฉันรักเธอ รักเธอมากสักเท่าไร
ใจของฉันจะเป็นของเธอเสมอ
แม้เวลาผ่านเป็นปี
จากนาทีแห่งนี้ไปจนนิรันดร์
เพราะฉันรักเธอมากเกินกว่าชีวิตฉัน
โปรดจำไว้ ว่าใจฉันเป็นของเธอ
ความรักฉันไม่เคยเลือนราง
 ไม่เคยจางหาย ไม่คลายเคลือนไป
เพราะรักแท้ไม่เคยจางไปจากใจ
ฉันมีแต่เธอ

 Cocktail are : Vocal : ปัณฑพล ประสารราชกิจ Guitar : ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย Drum : ฟิลิปส์ เปรมสิริกรณ์ Bass : เกริกเกียรติ สว่างวงศ์

ผมขดตัวให้เล็กลง...ราวกับว่าความเจ็บปวดที่คืบคลานเข้ามาหาอยู่นี้ จะหายไปได้อย่างนั้น  เสียงเพลงที่ดังแว่วลง
 ค่อยๆ ห่างไปทุกที พร้อมๆ กับสติของผม ที่ค่อยๆ เลือนหายไปเช่นกัน


“ตอง ตอง ”   ผมกระพริบตาถีๆ  ภาวนาขอให้เมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความฝัน   ค่อยเปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้า   
ใบหน้าไอ้ไผ่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ผมกัดริมฝีปากแน่น... ยกแขนข้างนึงขึ้นพาดมาบนหน้า ซ่อนน้ำตาที่กำลังจะล้นออก 
รอยจางๆ ที่คอ... มันย้ำชัดความถึงที่ว่า 
“หือออ”   แสร้งทำเป็นง่วงต่อ เพียงเพื่อจะหลบเลี่ยงบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้น
“มึงไปนอนในห้องดีๆ เถอะ  เดี๋ยวกูไปส่งส้มก่อนเดี๋ยวแวะซื้อโจ๊กเจ้าประจำมาให้... ขี้เซาเอ้ยย    หึหึ” 
มันขยี้หัวผมเบาๆ  แล้วจากไป  มันจะรู้บ้างไหมว่ามันยิ่งสัมผัสผมมากเท่าไหร่
หัวใจ....ผมยิ่งแตกสลายมากเท่านั้น  เสียงประตูปิดลง...
ผมซมซานพาร่างที่ยังแฮ้งเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ กำลังจะเปิดประตูก็ชะงักกึก  ...
บ้าเอ้ย....  มือผมสั่น  เมื่อภาพเมื่อคืนฉายชัดอีกครั้ง หันหลังพิงผนัง....ขาที่อ่อนแรงค่อยๆ ทรุดลงไปกับพื้น
บางครั้งผมก็เกลียด.....  เกลียดความเหมาะเจาะของทุกอย่าง  เสียงเพลงจากทีวีที่ยังเปิดค้างไว้ดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงที่ทำให้เขื่อนของน้ำตาผมพังทลาย
https://www.youtube.com/watch?v=2B9wsX6mcPY
ทำได้เพียง
ทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์
นานกว่าจะทำใจ
กว่าจะเรียนรู้มันเป็นอย่างไร
รักของเธอกับฉันมันไม่ง่าย
เมื่อวันเวลา
ที่คอยสั่งสอนให้เราเข้าใจ
มันตัดสินให้ต้องลา
ฉันคงไม่โทษที่เธอไป
เพราะว่าเข้าใจตลอดมา
หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป
แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
คือความคิดถึงที่เธอนั้นไม่รู้
พูดไม่ได้
ทำได้เพียงแค่คิดถึงเธอ
ยอมอยู่กับความจริง
แต่จะไม่ทิ้งเรื่องราวที่ดี
ฉันจะมีเธอไว้ในหัวใจ
อยู่กับเวลา
ที่มันยังหมุนให้ก้าวต่อไป
แม้ต้องเหงาสักเท่าไร
ฉันคงไม่โทษที่เธอไป
เพราะว่าเข้าใจตลอดมา
หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป
แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
คือความคิดถึงที่เธอนั้นไม่รู้
พูดไม่ได้
ทำได้เพียงแค่คิดถึงเธอ (ฮ้า ฮ้า ฮ้า)
ฉันคงไม่โทษที่เธอไป (ฮ้า)…

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด