● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 9 – หวง
ตะดึ๊ง! เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นอีกครั้ง สามภพเอามือไปเลื่อนปิดเสียงเปลี่ยนเป็นระบบสั่นก่อนจะถูกอาจารย์เชิญออกจากห้อง ก้มลงมองจอโทรศัพท์ซึ่งยังค้างอยู่หน้าเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เว้นแต่มีข้อความใหม่เด้งขึ้นมาต่อจากรูปหมีกอดกระต่ายน่าขนลุกที่สรัญเพิ่งส่งออกไป
‘เพ้ออะไร จะอ้วก’ เป็นประโยคแรกจากคิมหันต์ซึ่งถูกส่งกลับมา
วืดดด!
‘โทรศัพท์ตัวเองอย่าเที่ยวเอาไปให้คนอื่นเล่น’
วืดดด!
‘งั่ง!’
วืดดด!
‘หรือเครื่องนี้ขโมยเขามา’
เครื่องสั่นรัวกันเลยทีเดียว สามภพอ้าปากค้างอยู่อีกครู่หนึ่งกว่าจะเค้นเสียงสบถลอดไรฟันออกมาได้ “เด็กเวร!”
“ไอ้ภพ ทำไมทำหน้างั้น” สรัญเห็นสภาพเพื่อนแล้วให้อดขำไม่ได้ “น้องมันตอบมาว่าไงวะ เอามาดูดิ๊” พูดจบก็แย่งออกมาจากมือเจ้าของโดยไม่รอคำอนุญาตสักแอะพร้อมกับที่ข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามาพอดี
วืดดด!
‘และถึงคนที่พิมพ์อะไรปัญญานิ่มเมื่อกี้มา’
“เฮ่ย...!” ชายหนุ่มผิวแทนทำตาโตจ้องมองโทรศัพท์เหมือนมันเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยเวลาที่แต่ละข้อความเด้งขึ้นมาช่างบังเอิญพอเหมาะพอเจาะเหลือเกิน นึกทึ่งเด็กหนุ่มซึ่งอยู่อีกปลายสายที่ดูจะรู้ทันว่าตัวหนังสือพวกนั้นไม่ได้ถูกส่งไปจากสามภพ
วืดดด!
‘ผมว่าเลิกสุงสิงกับไอ้พี่ภพเหอะ เดี๋ยวติดเชื้อบ้า’“......” สรัญเลิกคิ้ว ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่ากำลังอ้าปากค้างแบบเดียวกับที่สามภพเพิ่งทำอยู่เมื่อครู่ไม่มีผิด พักใหญ่กว่าจะจัดการสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาในที่สุดจนลืมสนใจอาจารย์ที่กำลังสั่งงานอยู่หน้าห้องก่อนหมดคาบไปสิ้น “ฮ่า ๆ ๆ น้องดุ๊กดิ๊กของแกนี่แม่ง...เด็ดเกิ๊น”
“ไม่ใช่ของฉัน” เจ้าของโทรศัพท์ทำเสียงแข็งแล้วพ่นลมหายใจพรืด หมดอารมณ์จดการบ้านที่อาจารย์ย้ำปาว ๆ ขณะที่นักศึกษาคนอื่นเริ่มเก็บข้าวของ “บอกแล้วว่ามันกวนตีน”
“เออ..ไม่ใช่ก็ดี งั้นไม่ต้องขอแล้วสิ” เขาพึมพำชอบใจ “แกดู..น้องมันห้ามฉันยุ่งกับแกด้วยว่ะ น่ารักไปละ”
สามภพหันมาขมวดคิ้วพร้อมกับแย่งโทรศัพท์คืนมาจ้องจนตาแทบหลุด เห็นบทสนทนาทั้งหมดแล้วก็ให้จะประสาทตาย ทั้งกวนตีนทั้งรู้มาก ไม่เจอตัวเป็น ๆ แต่มาแค่ข้อความก็ป่วนอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่จัดเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของเด็กนั่นด้วยหรือเปล่า
“ขอยูสเซอร์เนมในไลน์น้องมันหน่อยดิ จะได้แอดไว้คุยเอง” สรัญเริ่มป่วนอีกครั้ง สามภพไม่รู้เขาทนเป็นพาร์ทเนอร์แล็บหมอนี่มาได้อย่างไรตั้งเกือบปีเข้าไปแล้ว “เมื่อกี้ลองเซิร์จดูแล้วหาไอดีน้องไม่เจอ”
“ไม่รู้ นี่มันแอดมาจากเครื่องโน้น”
“น้องแอดแกเองหรือ?”
สามภพยักไหล่เป็นเชิงว่า
‘ก็ทำนองนั้น’ ขี้เกียจอธิบายข้อเท็จจริงว่าที่แท้แล้วเขาเป็นฝ่ายแย่งโทรศัพท์คิมหันต์มาแล้วจัดการแอดชื่อตัวเองเข้าไปต่างหาก
สรัญทำสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย เพื่อนนักศึกษารอบตัวเริ่มแยกย้ายแต่พวกเขายังคงวนเวียนอยู่กับบทสนทนาเรื่องเดิม “เอางี้ เรียนที่ไหนพาไปดูหน้าหน่อย”
ชายหนุ่มเผลอทำหน้ายุ่งใส่เพื่อนเกย์ “จะงาบเด็กหรือไงวะ”
“อยากไปเจอ”
“ไปเองดิ”
“งั้นก็บอกมาสิวะว่าน้องมันเรียนที่ไหน” เพื่อนผิวแทนยังตื๊อไม่เลิก ขนาดไม่ใช่เป็นคนจะโดนจีบเองยังรำคาญแย่แล้วขณะที่อีกฝ่ายก็ยังยืนกรานต้องเอาให้ได้ “อมพะนำอยู่นั่น จะได้เลิกกวนแกซะทีไง”
สามภพชะงักมือที่กำลังเก็บสมุดเข้ากระเป๋า
นั่นสิ...แค่บอกมันไปว่าไอ้เด็กคิมนั่นเรียนที่ไหนแล้วให้พวกนั้นไปจัดการกันเอาเองก็จบ เผลอ ๆ สรัญจะดึงความสนใจคิมหันต์ตามจุดประสงค์แรกเริ่มเดิมทีของอันนาดีกว่าเขาด้วยซ้ำไป จะได้เลิกวุ่นวายไปอีกหนึ่งเรื่อง คิดจากมุมไหนเขาก็ได้ประโยชน์เห็น ๆ
“มันเรียนที่...” ชายหนุ่มพึมพำตอบ แต่น่าแปลกที่เสียงตัวเองฟังดูไม่ค่อยหนักแน่นอย่างทุกที
“ที่?” อีกฝ่ายทวนคำ ท่าทางลุ้นเต็มเปี่ยมเหมือนรอคำประกาศผลรางวัลนางสาวไทยโดยมีตัวเองเป็นผู้เข้ารอบสามคนสุดท้าย นั่งกดดันด้วยสายตาให้สามภพพูดต่อและเริ่มสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวจึงได้เว้นช่วงตรงจุดสำคัญของประโยคไปนานนัก
สมุดโน้ตเล่มสุดท้ายถูกโยนลงกระเป๋า พร้อมกับที่สามภพลุกขึ้นยืน เดินนำออกไปจากห้องโดยทิ้งสรัญไว้เบื้องหลัง ยอมปริปากพูดต่อในที่สุดแต่ไม่ใช่สิ่งที่สรัญกำลังตั้งใจจดจ่อรอฟังอยู่แน่นอน
“ที่ไหนก็ลืมไปแล้วว่ะ” สรัญกระตุกมุมปาก กลอกตาเซ็งโลกพลางบ่นไล่หลัง
"ไอ้เพื่อนเชี่ย แล้วหมาที่ไหนบอกไม่หวงวะ!”.............................................................
......................................
.
.
.
.
“คิมหันต์!”เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง ซุกโทรศัพท์มือถือใส่ลิ้นชักทันใด “ครับ!”
“มีกี่ประเภท?”
“...หา?” คิมหันต์ออกอาการเหวอ กี่ประเภทคืออะไร? ไม่ได้ฟังสักแอะ “...คือ ผมฟังคำถามไม่ชัดครับอาจารย์” เด็กหนุ่มพยายามถ่วงเวลาให้ตัวเองขณะที่หันไปสบตาตัวช่วยซึ่งนั่งทำหน้าสะใจเล็ก ๆ ปิ่นหยกยิ้มมุมปากอยู่โต๊ะข้างเคียงแต่ก็ยังอุตส่าห์ชูสี่นิ้วมาให้แทนคำตอบขณะที่อาจารย์เริ่มทวนคำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงซึ่งบอกให้รู้ว่าความอดทนใกล้หมดลงเต็มที
“อ่า..สี่ประเภทครับ”
อาจารย์สาวมองลอดแว่น “ดี มีอะไรบ้าง”
เวรละ!“เอ้า ต่อไป” เธอเบือนหน้าไปทางอื่น และประโยคหลังจากนั้นทำให้คิมหันต์ถอนหายใจโล่งอก “ณัฐกานต์ อย่างแรกคือ?”
สมาธิกลับมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มตัดสินใจเลิกพะวงกับโทรศัพท์มือถือว่าจะมีอะไรตอบโต้กลับมาหรือเปล่าจากคนที่เขาเพิ่งรัวข้อความใส่ มัวแต่สนใจตัวหนังสือพวกนั้นคงได้เรียนไม่รู้เรื่องเป็นแน่ โชคดีที่มันไม่มีการสั่นเตือนอีกเลยจนกระทั่งหมดคาบสุดท้าย
โทรศัพท์นิ่งสนิทเสียจนนึกว่าแบตเตอร์รี่หมดไฟไปแล้ว“เล่นไรวะคิม” ปิ่นหยกเอาเท้าเตะที่หน้าแข้งเขาเบา ๆ ขณะที่พวกเขาสามคนเดินตัดโถงทางเดินใหญ่เพื่อมาโผล่ด้านหน้าตึกผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งกำลังแยกย้ายกลับบ้าน “จะสอบแล้วนะเว้ย”
“ไม่นี่” เด็กหนุ่มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ขัดแข้งขัดขากับเพื่อนรักไปตลอดทางแบบยอมยั้งมือยั้งเท้าให้นิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังไม่ฟื้นตัวดี แถมยังมีลูกเจี๊ยบอาทิตย์เดินประกบแน่นหนึบเหมือนพร้อมจะอุ้มกลับหอพักได้ทุกเมื่อหากปิ่นหยกแสดงอาการไม่ไหวแม้สักนิด บรรยากาศหวานปนมึนของเพื่อนทั้งสองเล่นเอาคนนอกอย่างเขาถึงกับวิงเวียนในบางอารมณ์
“คิม เย็นนี้ไปไหนปะ”
“กำลังคิดอยู่”
“มาช่วยงานที่ร้านดิ” ปิ่นหยกเสนอ เดินแยกไปอีกทางหนึ่งตรงลานจอดจักรยาน ส่วนเขาเลี้ยวเข้าส่วนที่จัดไว้สำหรับจอดรถจักรยานยนต์ข้างกัน “พี่แววคิดถึงแย่ละ ไม่มีคนให้เถียงด้วย”
“หลอกใช้เพื่อนนี่หว่า”
“พี่เอมลองอบเค้กแบบใหม่ด้วยวันนี้ บอกกำลังหาคนช่วยชิมเลย”
คิมหันต์หูผึ่งกับคำเชื้อเชิญ ปิ่นหยกและอาทิตย์ทำงานที่ร้านเค้กจึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ประจำเวลาเอมจิต--ชายหนุ่มเจ้าของร้านควบตำแหน่งเจ้าของหอพักที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่คิดทำขนมสูตรใหม่ ๆ ขนาดเขาไม่ได้เป็นพวกชื่นชอบของหวานนักได้ชิม(ฟรี)ทีไรก็ยังอดประทับใจไม่ได้ และเวลามีเหตุการณ์เช่นนี้ปิ่นหยกก็มักชวนเขาไปด้วยเสมอจนแทบจะไปฝากตัวเป็นน้องชายอีกคนของเจ้าของร้านแล้ว
“ไปดิ ไป ๆ” เด็กหนุ่มตอบรับเริงร่า เตรียมเอามอเตอร์ไซค์ออกขณะที่หันไปนัดแนะเพื่อนรักซึ่งนั่งซ้อนอยู่บนเบาะนั่งจักรยานด้านหลังโดยมีอาทิตย์เป็นคนปั่นอย่างที่เขาเห็นเป็นภาพชินตาทุกเย็น
“เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน ฉันคงถึงก่อน” คิมหันต์ว่าขณะที่หักหัวพาหนะคู่ใจ ทว่าก่อนจะได้ทำอะไรอย่างอื่น สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ดูคุ้นตาจนต้องขมวดคิ้วแล้วเพ่งมองให้ชัดเพื่อยืนยันกับตัวเองอีกครั้ง
วีออสสีบรอนซ์ทอง?เด็กหนุ่มส่ายหน้า..ไม่ใช่หรอกมั้ง
“คิม!”
เขาหันขวับ ท่าทางใกล้เคียงอาการสะดุ้งแต่ยังไม่ถึงขั้นนั้น สีหน้ากลับเป็นยียวนตามปกติในเสี้ยววินาทีก่อนปิ่นหยกจะถามต่อ
“เป็นไรวะ”
คิมหันต์เลิกคิ้ว ตัดสินใจโบ้ยไปเรื่องอื่น “แกแหละเป็นไร เรียกอยู่ได้” และได้รับเสียงด่า “ไอ้เวร คนอุตส่าห์ห่วง” จากเด็กหนุ่มบนเบาะหลังจักรยานซึ่งปั่นมาเฉียดใกล้ ๆ ตามด้วยเสียงทุ้มจากอาทิตย์ว่า “มาห่วงฉันดีกว่า” แทรกขึ้นทันควัน เออ...เอาเลย สวีทวี้ดวิ้วกันให้สาแก่ใจไม่ต้องอายเทวดาฟ้าดินมันแล้ว แดดเปรี้ยงอย่างนี้กับอีแค่ผู้ชายรักกันโผล่มาหนึ่งคู่กลางลานจอดรถ ฟ้าคงไม่ผ่าเอาหรอก
เด็กหนุ่มผมทองหันไปสนใจเรื่องเดิมที่ครุ่นคิดค้างอยู่ ชะเง้อมองรอบตัวรถคันนั้นก็ไม่พบบุคคลน่าสงสัย จากตรงนี้ไกลเกินกว่าจะมองเห็นป้ายทะเบียนว่าใช่คันเดียวกับที่ระแวงอยู่หรือเปล่าแต่ความรู้สึกบางอย่างกำลังร้องเตือนว่ารถนั่นดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย และเขาเชื่อว่าบางทีนอกจากเรื่องเหตุผลก็ควรฟังคำเตือนจากความรู้สึกของตัวเองไว้บ้าง
นั่นไง...เวรเอ๊ย!ห่างออกไปจากตำแหน่งที่รถน่าสงสัยนั้นจอดอยู่หลายสิบเมตร ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษายืนพิงต้นไม้อยู่ จากตรงนี้มองเห็นไม่ชัดว่ากำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไร แต่เมื่อโทรศัพท์ของคิมหันต์สั่นหงึก ๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกง ความระแวงที่ปั่นป่วนอยู่เมื่อครู่ก็คล้ายจะปะติดปะต่อเป็นรูปร่างขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เด็กหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาดู มีข้อความใหม่ส่งมาจากคนเดิมที่เพิ่งก่อกวนเขาเมื่อตอนคาบเรียนสุดท้าย
‘อยู่ไหน?’คิมหันต์แหกปากตอบในมโนว่าอยู่ข้างหลังเฮียห่างออกไปอีกสี่ห้าสิบเมตรนี่ไง! แต่ถ้าทำอย่างนั้นจริงจะกลายเป็นเรื่องโง่เง่ามากทีเดียว ที่เกิดขึ้นคือเขาหันไปตะโกนบอกเพื่อนรักบนจักรยานซึ่งกำลังเคลื่อนตัวออกห่าง “เฮ่ยปิ่น!”
สายตาที่ส่งมาดูคลางแคลงในตัวเขาอยู่ไม่น้อย “อะไร?”
“เดี๋ยวค่อยตามไปว่ะ บางทีอาจถึงร้านช้าหน่อยนะ เก็บเค้กพี่เอมไว้ให้ด้วยชิ้นนึง”
“จะทำอะไรวะ?” ปิ่นหยกตะโกนกลับมา เสียงเบาลงอีกเมื่อระยะทางเริ่มไกลออกไป คิมหันต์ร้องตอบ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือเปล่าเพราะตัวจักรยานเลี้ยวผ่านหัวมุมลานจอดรถไปแล้วเรียบร้อย
“เหมือนจะติดธุระนิดหน่อยว่ะ”คิมหันต์จอดมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไว้ที่เดิม ครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี หากเขาขี่รถออกจากโรงเรียนตามเส้นทางปกติอย่างไรก็ต้องผ่านจุดที่สามภพยืนพิงต้นไม้ซึ่งอยู่เสียใกล้ประตูโรงเรียนและคงโดนเห็นไม่ยาก แต่จะให้ชิ่งหนีไปทางประตูด้านหลังซึ่งเก่าคร่ำครึไม่ได้ใช้มาเนิ่นนานแถมทางยังทั้งอ้อมทั้งสภาพย่ำแย่ก็ใช่เรื่องอีก
จะต้องลำบากอะไรเยอะแยะ เขาไม่ได้มีความผิดถึงขั้นต้องหลบหน้าเสียหน่อย แค่รู้สึกยังไม่ค่อยอยากเจอเท่านั้นเอง คนเราก็ต้องการช่วงสงบสุขหลังเลิกเรียนบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และแผนการหม่ำเค้กฟรีฝีมือเจ้าของร้านเค้กทานตะวันไม่ควรต้องมีอะไรมาขัดให้อารมณ์สะดุด
เด็กหนุ่มยืนพิงเบาะมอเตอร์ไซค์ เบนสายตาจากจุกปิดยางรถยนต์ไม่มีเจ้าของซึ่งคงถูกทิ้งคลุกฝุ่นอยู่พื้นลานจอดรถมานานแล้ว หันไปจ้องมองข้อความบนแอพพลิเคชันอีกครั้ง ลังเลว่าควรตอบหรือเปล่า ทว่าระหว่างที่ยังไม่ได้ตัดสินใจกับตัวเองแน่ชัดมือก็ชิงพิมพ์ไปเรียบร้อย
‘มาทำอะไร’‘เห็น?’ คำถามพยางค์เดียวนั้นถูกส่งกลับมาแทบจะในทันที ท่าทางที่ก้ม ๆ เงย ๆ มองดูเลือนรางจากระยะไกลอย่างที่เขาสังเกตได้ เดาว่าชายหนุ่มคงกำลังงมกับมือถือตัวเองอยู่เป็นแน่
‘เห็นทุกอย่างแหละ’ เวอร์ไปนิด ความจริงไม่ถึงกับทุกอย่างแต่ขอโวไว้ก่อน
‘งั้นก็โผล่หัวมา’
มีสั่ง....? คิมหันต์แค่นหัวเราะ ถ้าว่าง่ายอย่างนั้นก็หมาแล้ว
“เดี๋ยว ตี๋น้อย เออ..แกนั่นแหละ!” เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนหนึ่งซึ่งบังเอิญเดินผ่านมา เลือกใช้คำพูดไม่ได้เจียมเลยว่าตัวเองก็ดูอาตี๋ไม่แพ้กันหากไร้สีผมทอง ๆ ช่วยเบนความสนใจบนใบหน้า
“ผม?” หนุ่มน้อยทำหน้าเหรอหราพลางยกมือขึ้นชี้ตัวเองขณะที่ย้อนถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เดาว่าคงมาเอามอเตอร์ไซค์เตรียมกลับบ้านเหมือนกันและไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกรุ่นพี่ซึ่งตาตี่และส่วนสูงไม่ได้มากมายไปกว่าตัวเองเท่าไรเรียกไว้ด้วยคำว่าตี๋น้อย
“อือ..พี่ฝากเอานี่ให้ไอ้คนนั้นหน่อย” คิมหันต์ว่าพลางชี้มือชี้ไม้ ทำท่าจะยื่นอะไรบางอย่างใส่มืออีกฝ่ายแต่โดนปฏิเสธเสียก่อนทันทีที่เด็กหนุ่มร่างเล็กมองตามไปเห็น
‘ไอ้คนนั้น’ ซึ่งเขาพูดถึง
“โหย ไม่เอาอะพี่ น่ากลัวว่ะ” เขาปฏิเสธ เมื่อครู่เพิ่งเดินผ่านจุดนั้น ได้เห็นผู้ชายคนที่ว่าในระยะใกล้ ๆ ตาขวางมาดโหดเสียจนคิดว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า
“หืม?” คิมหันต์เลิกคิ้ว ส่งรอยยิ้มกริ่มให้รุ่นน้องผู้น่าสงสาร “แกว่าไอ้พี่คนนั้นกับอาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนเรา..อันไหนน่ากลัวกว่ากัน”
ไอ้ตัวเล็กทำตาโต เริ่มออกอาการวิตกจริตเหมือนคนมีชนักปักหลัง เห็นได้ชัดว่าน่าจะเคยได้ยินเรื่องกิตติศัพท์ของคิมหันต์ในโรงเรียนมาบ้าง “..ผ..ผมไม่เห็นต้องกลัวอะไรฝ่ายปกครองนี่”
“อา..กล้าเอาซีดีหนังโป๊มาขายเป็นล่ำเป็นสันในโรงเรียนก็ไม่แปลกที่จะไม่กลัวเนาะ” น้ำเสียงของคิมหันต์ช่างเต็มไปด้วยความเอ็นดูสุดแสน แต่เนื้อความในประโยคทำให้รุ่นน้องผู้นั้นเสียวสันหลังวาบไปตั้งแต่ต้นคอยันก้นกบ “ต่อให้เอารูปตอนกำลังซื้อขายให้อาจารย์ขาโหดพวกนั้นดูก็ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความหนักแน่นได้..เป็นรุ่นน้องที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆ”
“..พ...พี่รู้?” หนุ่มน้อยเริ่มหน้าซีดอย่างน่าสงสาร
“ก็รู้ไม่เยอะหรอก สมบูรณ์ พีระพฤกษ์ นักเรียนเลขที่สามสิบ ชั้นมอสี่ทับเก้า” คิมหันต์ยักไหล่ เอ่ยชื่อจริงนามสกุลจริงพร้อมชั้นเรียนอีกฝ่ายเสียเต็มยศก่อนจะเริ่มดำเนินมาตรการขั้นกว่า “...อย่างเรื่องที่แกไปแอบทำกระจกห้องพักครูแตกมาสองรอบ สูบบุหรี่ในห้องน้ำ กับจิ๊กที่ชาร์จแบตมือถืออาจารย์วิลัยไปใช้แล้วทำพัง...พี่ก็รู้นิดเดียว” เขายกมุมปากขึ้นคล้ายรอยยิ้มแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มด้วย ทำนิ้วมือจีบกันประกอบคำบรรยายให้เห็นว่าไม่มีอะไรมากมายจริง ๆ
“.....”
“เอ..ส่วนแฟนแกคนนั้นน่ารักดีนะ น้องจินใช่ไหม? คนที่ยังไม่รู้เรื่องวีรกรรมอะไรสักอย่างของนายสมบูรณ์ อยากฟังอีกหน่อยหรือเปล่า? ช่วยในการตัดสินใจ” เด็กหนุ่มโน้มตัวไปใกล้อีกฝ่าย "..อีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ เพราะพี่ไม่ค่อยรู้เรื่องแกนักหรอก”
ใบหน้าหนุ่มรุ่นน้องตอนนี้คล้ายจะฉายข้อความว่า
‘บรรลัยแล้ว’ ขึ้นมาเด่นหรา
“..ไว้ชีวิตผมเหอะ” หนุ่มน้อยโอดครวญ
“บอกพี่ทำไม? หรือซ้อมไว้คุยกับฝ่ายปกครอง”
“พี่คิมสุดหล่อ”
“ปากดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นช่วยพี่เอานี่ไปให้ไอ้หมาบ้านั่นดีกว่า”
“พี่แม่ง...”
“รับรองว่าน่ารักโนะเนะกว่าพวกลุงโหดโรงเรียนเราเยอะ”
“ก็ได้วะ! เอามา!”
“เยี่ยมมากไอ้น้องรัก” เขาตบมือชอบใจ “พูดงี้ตั้งแต่แรกก็จบ” เด็กหนุ่มผมทองเอาแขนคล้องคอรุ่นน้องแล้วดึงเข้ามาใกล้ประหนึ่งรักใคร่กันมาเนิ่นนานตามนิสัยเดิมที่มักติดสกินชิพยามเผลอตัว ก้มลงกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างข้างหู ก่อนจะเอาจุกปิดยางรถยนต์ยัดใส่มือไอ้ตัวเล็กที่เริ่มหวั่นใจในชะตาชีวิตตัวเองแต่ยังไม่วายทำสีหน้างุนงงกลับมาพร้อมกับพึมพำว่า
“จุกยางรถ??” ตอนโดนเขาดันหลังเบา ๆ ต่อด้วยตบไหล่หนึ่งป้าบเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจก่อนถูกส่งไปเผชิญกับหมาบ้าพร้อมถ้อยคำกำชับ
“บอกมันให้ครบอย่างที่พี่บอกนะไอ้น้อง”
สมบูรณ์ผู้น่าสงสารหันมาส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเงอะงะเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าเหมือนพร้อมจะกัดผู้บริสุทธิ์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ตลอดเวลา คิมหันต์ยืนส่งพลางทำท่าซาบซึ้งซึ่งไม่เนียนนัก หยิบยกประโยคฮิตจากสตาร์วอร์สมาใช้พร้อมกับโบกไม้โบกมืออวยพร
“May the force be with you.”- หมดยกที่ 9 -
==========================
เฮียภพ...ซึนเอ๊ยยยยยย!!! //หวีดเอง
ส่วนน้องครีม บางท่านอาจยังพอจำได้ ช่วงที่โผล่มาพ่นฉอด ๆ เรื่องคุณชายหน้ามึนในสะดุดรักฯ เมื่อครั้งปรากฏตัวครั้งแรกก็ประมาณนี้ค่ะ เป็นคนรู้มากคนหนึ่งในโรงเรียนทีเดียว ความจริงน้องก็ยังรู้เรื่องคนอื่นอีกหลายคน..เด็กอะไรเนี่ย (ฮา)
แอบตอบคอมเม้นต์ที่มีคำถามนิดนึงค่ะ ^o^
ปอลิง : สรุปสรัญนี่อิงมาจากชื่อเพื่อนหรือชื่อมงคลสำหรับลูกชายคนเขียนที่เจอ
ในกูเกิ้ลคะ ^____________^
เซิร์จจากตั้งชื่อแล้วมาพิมพ์ต่อในกูเกิลอีกทีค่ะ (ฮาาา) ตั้งชื่อตัวละครนี่ลำบากจริงเลย บางทีคิดอะไรไว้หมดแล้วเหลือชื่อนี่เองค่ะที่จะเค้นออกมาจนได้ตอนจะพูดถึงนี่เอง 555
ป.ล. เรื่องนี้ไม่มีใครตายใช่มั้ยครับ
ตัวละครหลักเรื่องนี้ไม่มีใครตายค่าา
ไหนตอนแรกเรนนี่บอกจะเขียนหมอไอซ์น้องอุ่นไง
ไหงไงมาไงกลายเป็นคิม(เพิ่งนึกได้ ฮ่าๆ)
ชะอุ้ย มันต้องเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบตอนลงบทนำเรื่องนี้แน่เลยค่ะ ทีนี้เลยยาวเลย(ฮา)
สรุป คนอ่านไม่ใช่น้องครีม แต่เป็นปิ่นหยก
แล้วปิ่นหยกก็ถือโอกาสแซวน้องครีม ว่ามีผู้ชายมาทักว่า "น่ารัก"
แอบจิ้นตาม แล้วพบว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงก๊าวดีอีกแบบจังเลยค่ะ =////=
2. อ่านตอนนี้แล้วอยากอ่านไอเจี๊ยบภาคมหาลัยจังเลยจ้ะคนเขียน
ภาคมหาลัยรอนิดนะค้าาา อยากเขียนมากมายด้วยเหมือนกันค่ะ คิดถึงความมึนส์ 555
แล้วพบกันตอนหน้า ของแถมรีพลายถัดไปเช่นเคย ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนค่ะ *กอดดด*