ตอนที่ 8 :: เป็นแฟนกันนะ... ::บรรยากาศที่เงียบงันมีเพียงเสียงของแอร์ที่ให้ความเย็นจนหนาวในรถเท่านั้นที่ดังออกมา ปรเมศเหลือบตามองคนที่นั่งข้างๆที่เอาแต่มองออกไปนอกรถแล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆ พลางนึกไปถึงตอนที่เค้าเห็นบางสิ่งที่ไม่ควรเห็น........
“พี่เมศ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” นันทกรถามเมื่อตนเองเลิกกิจกรรมแล้วหันไปเจอปรเมศนั่งอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนตัวที่อยู่ใกล้กับตรงที่ตนนั่งทำกิจกรรม
“เมื่อกี้นี้เอง.....”ปรเมศยิ้มตอบได้อย่างไม่เต็มที่ นันทกรมองพลางอ้าปากจะถามบางสิ่งแต่ก็ต้องหุบลงเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาจับไหล่
“จะกลับแล้วหรืออาร์...........อ้าว....คุณพี่ชายของอาร์สินะครับ สวัสดีครับ ผมเก่งเป็นพี่รหัสของอาร์ครับ”ดวงตาเรียวยาวพร้อมริมฝีปากบางยิ้มส่งให้คนที่ตนทักทาย ปรเมศมองใบหน้ายิ้มแย้มนั้นอย่างรู้สึกแปลกๆ
“สวัสดีครับ ยังไงก็ฝากน้องชายผมด้วยนะครับ”
“ได้ครับ ว่าแต่คุณพี่ชายต้องอายุมากกว่าผมแน่ๆ งั้นผมของเรียกว่าพี่ละกัน พี่ชื่ออะไรหรือครับ”ไม่ทันที่ปรเมศจะตอบ นันทกรก็หันขวับไปทางพี่รหัสทันที
“นี้ก็เย็นมากแล้ว อาร์ขอตัวกลับก่อนนะครับพี่เก่ง.......สวั..”
“อาร์!!จะกลับแล้วหรือ??”นันทกรหันไปมองกลุ่มคนที่เดินมาหา ใบหน้าใสซื่อแย้มยิ้มส่งให้ แต่ในใจขุ่นมัวเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนใหม่มาผิดจังหวะ
“อ้าว!!พี่ชายอาร์นี้น่า สวัสดีครับ!!”เพนยกมือไหว้ร่างสูงอย่างมีมารยาท คนที่เหลือก็ทำตาม
“สวัสดีครับ/ค่ะ!!”ปรเมศมองหนุ่มสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู ยกมือรับไหว้พลางยิ้มเล็กน้อย
“สวัสดีครับ เพื่อนใหม่หรืออาร์.....”นันทกรผงกหัวพลางแนะนำแต่ละคนให้รู้จัก
“ครับพี่เมศ........นี้เพน อ๊อฟ เชอร์รี่ ส้ม น้ำหวาน โฟนครับ ส่วนนี้พี่ชายเรา พี่เมศ พี่รหัสเรา พี่เก่ง”เหล่าน้องใหม่หันไปไหว้อัครเดชที่ยังคงยืนยิ้มอยู่ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองปรเมศ
“งั้นก็พี่เมศสินะครับ.....”ราวกับจะตอบคำถามที่ตัวเองถามไปเมื่อครู่ ปรเมศผงกหัว
“อ๋อครับ...”ดวงตาแวววับที่เหมือนจะมองตรงไปที่ใจของเค้าทำให้ปรเมศรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าคนๆนี้ โชคดีที่นันทกรหันจัดการดึงความสนใจคนๆนั้น เค้าจึงหันมาหายใจได้ตามปกติ
“เดี๋ยวเราจะกลับแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะทุกคน.............ผมขอคุยด้วยหน่อยพี่เก่ง พี่เมศรอแปปหนึ่งนะครับ..”ว่าแล้วนันทกรก็จับแขนลากอัครเดชไปอีกมุมหนึ่ง ปล่อยให้ปรเมศกับเพื่อนใหม่มองอย่างงงๆ
“งั้นพวกเราลานะคะพี่เมศ สวัสดีคะ”ส้มนำขบวนเพื่อนๆลาร่างสูง ปรเมศผงกหัวเข้าใจก่อนหันไปทางที่นันทกรลากคนตัวสูงอีกคนไป แล้วมองด้วยความรู้สึกไม่ดี.........ภาพที่เห็นเมื่อตอนมาถึงยังคงติดตาและสร้างความสงสัยให้กับเค้ามากมาย
มันเป็นความรู้สึกแปลกๆคล้ายความรู้สึกหงุดหงิดปนความไม่พอใจ ที่มีใครมาทำอะไรเด็กน้อยที่ยังดูไม่ประสาของเค้า แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร........คงเป็นความรู้สึกหวง.....ใช่ หวง........แต่ทำไมเค้าต้องหวงละ?? อาร์ก็แค่น้องชาย.........ใช่ เพราะเป็นน้องชายเนี่ยสิถึงต้องห่วงและหวง.........ไม่อยากให้ใครมาทำตัวสนิทสนม......ปรเมศตีความเข้าข้างตัวก่อนจะตัดสินใจว่ามันเป็นเรื่องปกติที่พี่ชายจะหวงน้องชายคนหนึ่ง.....
ปรเมศยืนมองนันทกรเงยหน้าคุยกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเครียดๆแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่อีกฝ่ายกลับยิ้ม มือล้วงกระเป่ากางเกงอย่างสบายๆราวกับสนุกสนานที่ทำให้คนตัวเล็กกว่าเครียดได้................สักพักนันทกรก็เดินกลับมาแต่โดนอีกฝ่ายดึงแขนไว้แล้วก้มลงมาพูดที่ริมหู นันทกรยิ้มชวนเสียวสันหลังแล้วพูดบางอย่างให้อีกฝ่ายยกมือยอมแพ้แต่โดยดี
“กลับกันเถอะครับพี่เมศ”นันทกรชวนอีกฝ่ายกลับเสียงเรียบ ปรเมศรีบทำตามทันที เค้าหันไปมองเด็กน้อยของเค้าที รุ่นพี่ที่ยังคงยืนมองพวกเค้าอยู่ที ความไม่สบายใจและไม่พอใจกลับมาแผ่ซ่านไปเต็มใจของปรเมศอีกแล้วในขณะนี้......
......................................................................
..........................................
..............
...
“ไม่เป็นไรนะอาร์”ปรเมศถามเสียงแผ่ว นันทกรหันมากลับมามอง เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เป็นอะไรครับ??”
“ก็..........พี่เห็นตั้งแต่อาร์นั่งรถก็เงียบตลอด........เลยไม่รู้ว่าอาร์เป็นอะไรหรือเปล่า.........แล้วพี่รหัสเราหน่ะ....”พอปรเมศพูดถึงอัครเดช นันทกรก็ขมวดคิ้วทันที ดวงตาคู่สวยวาววับ
“ทำไมหรือครับพี่เมศ พี่เก่งทำไม...”ปรเมศรีบส่ายหัว
“เปล่า........แค่พี่จะถามว่าเรามีอะไรกับพี่รหัสหรือเปล่า.........พี่ว่าเราดูแปลกๆไปตั้งแต่เจอพี่รหัสคนนั้นนะ”นันทกรพยักหน้าเข้าใจ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ทิ้งตัวลงไปจมกับเบาะที่นั่ง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...........แค่พี่เก่งเค้าแปลกๆ.......เลยไม่รู้จะทำตัวยังไงกับเค้าดี”
“แปลกยังไง??”นันทกรเหลือบมองปรเมศเหมือนไม่แน่ใจที่จะพูดก่อนจะยอมเปิดปาก
“เหมือนเค้าจะจีบผม..........ไม่รู้สิพี่เมศ ผมอาจจะคิดมากไปเอง คงไม่มีอะไรหรอกครับ”พอดีที่นันทกรพูดจบ ปรเมศก็จอดรถตอนไฟแดงพอดี
“แล้วถ้าเค้าจีบอาร์จริงๆจะทำยังไง พี่ว่าไม่ค่อยปลอดภัยแล้วนะ เราไม่รู้ว่าเค้าจะทำอะไรขึ้นมาหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบในข่าวที่พอไม่เล่นด้วยก็เอาไปข่มขืนแล้วฆ่าจะทำไง??”ปรเมศหันมาถามด้วยความร้อนรนเป็นห่วง ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เค้าไม่อยากให้น้องชายคนนี้ไปคลุกคลีกับคนที่เค้าไม่ถูกชะตาด้วย
“พี่เมศพูดซะน่ากลัว........แล้วจะให้ทำยังไงละครับ เค้าเป็นพี่รหัสของผมนะ........หนีกันยังไงก็ไม่พ้น”
“นั้นสินะ”ปรเมศทำท่าครุ่นคิด เค้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเช่นกัน
“งั้น........ถ้าพี่เมศไม่ลำบาก..........พี่เมศแกล้งทำตัวเป็นแฟนผมได้ไหมครับ??”
“ห๋า!!!”ปรเมศหันขวับ ร้องอย่างตกใจ
“ไฟเขียวแล้วพี่เมศ”นันทกรพูดขึ้น ปรเมศจึงจำใจขับรถต่อ และหยุดเรื่องที่คุยกันไว้ก่อน
เมื่อรถคันหรูมาถึงหน้าบ้านแล้ว ปรเมศกลับไม่ใช้รีโมทเปิดประตูรั้วแต่กลับจอดรถและหันมาคุยกับอีกคนเต็มตัว
“เมื่อกี้อาร์พูดอะไรออกมา รู้รึเปล่า??”ปรเมศถามเสียงเข้ม
“รู้สิ ในเมื่อผมเป็นคนพูดขึ้นมาเอง...........ถ้าอ้างว่าพี่เมศเป็นแฟน เดี๋ยวเค้าก็คงตัดใจไปเอง ดีกว่าที่จะโสดอยู่อย่างนี้แล้วให้ความหวังพี่เค้าไปเรื่อยๆไม่ใช่หรือครับ”นันทกรพูดกล่อม
“แต่ทุกคนก็จะคิดว่าอาร์เป็นเกย์นะ........แล้วชีวิตในมหาลัยของอาร์เป็นยังไง คิดบ้างหรือเปล่า”ปรเมศยังค้านอย่างไม่เห็นด้วย
“ก็ไม่มีใครแล้วนี่ครับนอกจากพี่เมศ จะให้ผมไปหาผู้หญิงที่ไหน.......แถมผมไม่แคร์เรื่องอย่างนี้หรอก ที่เมืองนอกเรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วผมว่าเมืองไทยเองก็ค่อนข้างเปิดรับเรื่องพวกนี้ด้วย”นันทกรแย้งขึ้นมาทันที
“เฮ้อ!!!............”ปรเมศถอนหายใจแรง พิงหัวไปกับเบาะ ยกมือตบเข้าที่หน้าผาก
“น่า......นะครับพี่เมศ........พี่เมศจะช่วยผมสักครั้งได้ไหม........พี่เมศ...”นันทกรเขย่าแขนอ้อน ปรเมศนิ่งไปสักพักก่อนจะผงกหัว
“ก็ได้....”
“ขอบคุณครับพี่เมศ!!!........งั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะครับ”นันทกรกอดขอบคุณไปหนึ่งที แล้วผละออกมาพูดต่อ
“แล้วพี่ต้องทำยังไงบ้างละ??”ปรเมศถามอย่างคนไม่รู้
“อืม.......พี่เมศแค่ไปรับไปส่งผมก็พอมั้งครับ แล้วถ้าเกิดพี่เก่งเค้าโผล่ออกมา อาจต้องแสดงละครอะไรนิดๆหน่อยๆ”
“ยังไง??”
“ก็โอบไหล่ ควงแขน แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ....คงงั้นแหละครับ”นันทกรทำท่านึกแล้วไล่นิ้วบอกทีละอย่าง
“อืมๆ ไหนๆก็ตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่.........แต่ตอนที่พี่ไม่อยู่ก็ต้องดูแลตัวเองดีๆละ พี่เป็นห่วง รู้ไหม??”ปรเมศลูบศีรษะน้องน้อยเบาๆ ก้มลงถามด้วยความอ่อนโยน
“อืม.......พี่เมศครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ...”นันทกรพูดจากใจจริง โน้มตัวไปโอบกอดอีกคนแน่น รู้สึกดีกับความอบอุ่นที่ปรเมศมีให้ตลอดมา
เมื่อนันทกรเดินขึ้นห้องของตัวเองไปแล้ว รอยยิ้มใสๆก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที กระโดดลงบนเตียงคว้าตุ๊กตาตัวโปรดมากอดพลาง คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
……………………………………………………
…………………………..
……………
..
“พี่ต้องการอะไรกันแน่..”นันทกรถามเสียงเรียบแข็ง อัครเดชยังคงยืนยิ้มมือล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆ
“ก็ไม่อะไรนี่ พี่แค่อยากรู้จักพี่ชายของอาร์ก็แค่นั้นเอง เผื่ออาจต้องมีอะไรต้องปรึกษากันบ้าง พี่ทำอะไรผิดงั้นเหรอ”อัครเดชพูดอย่างเสแสร้ง
“.......พี่สนใจพี่เมศ??....”นันทกรถามแบบลองเชิง
“ใช่........สนใจนายด้วยเหมือนกัน.........พวกนายน่าสนุกจะตาย ฉันเคยบอกไปแล้วไง”ท่าทางกวนๆของอัครเดชทำให้นันทกรโกรธขึ้นมา แต่ภายนอกยังคงลักษณะนิ่งๆดั่งเดิมไว้
“พูดกับพี่แล้วปวดหัว........ยังไงพี่ก็ไม่มีทางได้พี่เมศไปหรอกนะ”นันทกรทำท่าเดินผละออกมาแต่โดนคนข้างหลังดึงกลับไปแล้วก้มลงกระซิบที่ริมหู
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว.........งั้นถ้าฉันจีบเค้าหรือนายขึ้นมาละ จะทำยังไง”นันทกรเหยียดยิ้มอย่างน่ากลัว
“อย่างผม........พี่ไม่มีทางจีบติดหรอก ส่วนพี่เมศ.........คิดว่าผมจะปล่อยให้พี่จีบได้หรือไง....”อัครเดชหัวเราะก่อนจะยกมือยอมแพ้
“ฮะฮะ!!โอเค.........ยอมแพ้...........แล้วอาร์จะพลิกสิ่งที่ทำเมื่อกี้เป็นโอกาสก็ได้นะ”นันทกรเลิกคิ้วแล้วมองตามสายตาของอัครเดชไปก็เห็นปรเมศที่กำลังชะเง้อมองอย่างเป็นห่วงอยู่จึงหันมายิ้มให้อีกครั้ง
“ถึงพี่ไม่พูด ผมก็ทำแน่อยู่แล้ว”
“แล้วผมก็ทำให้พี่เป็นแฟนกับผมจนได้พี่เมศ.........ถึงจะแค่แฟนหลอกๆก็เหอะ”นันทกรยิ้มพอใจ นอนฝันถึงอนาคตที่ตนจะมีความสุข จากนี้ไปเค้าจะมีปรเมศอยู่เคียงข้างและเค้ามั่นใจว่าปรเมศจะต้องรักและดูแลเค้าตลอดไป.....
////////////////////////////////////////////////
“ว่าไง ที่ฉันให้หามานะได้แค่ไหน.........ให้เวลาตั้งนานหวังว่าคงได้ข้อมูลอะไรดีๆมานะ”หญิงสาวที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องรับแขกแสนหรูหราถามขึ้น พลางจิกตามองชายสองคนที่อยู่ตรงข้าม
“ครับคุณแพรวา........ทางเราได้สืบประวัติทั้งหมดของเด็กคนที่คุณแพรวาสั่งไว้ได้เรียบร้อยแล้วครับ อยู่ในแฟ้มนี้ครับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งเลื่อนแฟ้มกระดาษหนาบนโต๊ะกระจกเลื่อนให้แพรวา
หญิงสาวรับแฟ้มมาเปิดดูพลิกไล่ไปมาสองสามแผ่นก่อนจะวางลง ใบหน้าแสดงถึงความไม่พอใจ
“เยอะขนาดนี้ ฉันจะไปหาจุดอ่อนมันยังไงละ!!! พวกนายนี้มันไม่ได้เรื่องเลย ไม่รู้จักคัดมาแต่เรื่องเสื่อมเสียของมัน!!”หญิงสาวฮึดฮัด ชายหนุ่มตรงข้ามจึงรีบดึงแฟ้มเข้าตัวแล้วพลิกทันที
“เอ่อ.......ถ้าคุณแพรวาต้องการเรื่องนั้น ผมว่าเรื่องนี้คิดว่าคงจะได้นะครับ”ชายหนุ่มพลิกไปยังหน้าหนึ่งก่อนจะเลื่อนส่งให้หญิงสาว
“ไหน............นี้มัน.....เมศ........ไม่ใช่สิ!!!คล้ายมาก!!.........อเลน โจชัวร์ เจนส์กิน.......ฮึ!!อย่างนี้นี่เอง........”แพรวายิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะหยิบซองหนาซองหนึ่งส่งให้
“เอาไป!!พวกนายทำได้ดีมาก.......ถ้ามีอะไรแล้วฉันจะเรียกใช้ใหม่”ชายหนุ่มทั้งสองต่างเปิดซองเงินออกมาดูตาวาว รีบขอบคุณหญิงสาวก่อนจะเดินออกไป
“ฮึๆ แกเสร็จฉันแน่ ไอ้เด็กเวร”แพรวายิ้มขึ้นอย่างมาดร้ายก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันที ฉันต้องการไปอังกฤษ”
///////////////////////////////////
เมื่อยามแสงแดดได้โผล่พ้นปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า ผู้คนเริ่มออกสู่นอกบ้านเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ นันทกรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาแต่งตัวอย่างอารมณ์ดี วันนี้จะเป็นวันแรกที่เค้ากับปรเมศต้องแสดงตัวเป็นแฟนกัน ถ้าเค้าจะประเดิมตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านก็คงไม่แปลกสินะ........หากปรเมศถามที่เค้าทำตัวแปลกๆ ก็บอกว่าเป็นการซ้อมก่อนต้องเผชิญหน้ากับอัครเดชก็ได้
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคนที่เค้าหวังจะร่วมมือด้วย นันทกรรอสัญญาเล็กน้อยก่อนปลายสายจะรับสายอย่างงัวเงีย
“ว่าไง คุณน้องรหัส........โทรมาหาคุณพี่ตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสว่าง มีอะไรให้ช่วยหรือไง”อัครเดชถามเหมือนประชดแต่นันทกรไม่สนใจพูดถามกลับไป
“พี่เก่งวันนี้เข้ามหาลัยรึเปล่า??”
“เข้าสิ วันนี้วันเรียนวันแรก........ถึงพวกนายปีหนึ่งจะไม่มีเรียนวันแรกแต่ก็ต้องเข้าหอประชุม ส่วนปีอื่นก็ต้องเรียนตามปกตินั้นแหละ”
“งั้นพี่มีเรียนกี่โมง??”อัครเดชมองโทรศัพท์ก่อนนิ่งไปสักครู่แล้วถามขึ้น
“ถามทำไม.......จะทำอะไรหรือไง”
“ประมาณนั้น..........สรุปพี่ไปมหาลัยกี่โมง”นันทกรถามอย่างหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบแต่โดยดี
“เล่าแผนการให้ฟังหน่อยสิ”อัครเดชยังไม่ตอบ ทำเอานันทกรถึงกลับกลอกตาไปมา
“ทำไมผมต้องเล่าให้พี่ฟังด้วย แค่พี่บอกเวลามามันก็จบ”
“ก็ถ้าแผนการมันน่าสนุก ฉันก็จะได้ช่วยไงละ............บอกแล้วไงว่าฉันสนใจนายสองคนและฉันก็ชอบเรื่องสนุกๆด้วย”อัครเดชยังพูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน นันทกรคำนวณผลดีผลเสียก่อนจะตัดสินใจ
“ก็ได้.........คืออย่างนี้......”นันทกรเล่าแผนการทั้งหมดให้อัครเดชฟัง ร่างเพรียวสูงที่ตั้งอกตั้งใจฟังค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
“น่าสนุกนิ!!!ตกลง ฉันจะร่วมด้วย นายประชุมตอนเก้าโมงใช่ไหม งั้นฉันจะไปถึงมหาลัยตอนแปดโมงครึ่งละกัน ที่ม้าหินที่เดิมนะ..........อ๋อ!!ฉันมีอะไรสนุกๆจะส่งให้นายด้วย รอรับละกัน แค่นี้นะ”นันทกรวางสายแล้วก็มองโทรศัพท์อย่างสงสัยเพียงครู่เดียวเสียงสัญญาณจดหมายเข้าก็ดังขึ้น นันทกรกดอ่านก่อนยิ้มขึ้น เดินตรงไปห้องของคนที่อยู่ข้างๆทันที
“ก๊อกๆ!!!พี่เมศครับ ตื่นรึยังครับ”นันทกรเคาะห้องปรเมศสักพัก เจ้าของห้องก็เดินผูกเนกไทมาเปิดประตูให้
“ว่าไงอาร์.........เสร็จแล้วหรือ งั้นลงไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”ปรเมศเดินนำคนที่มายืนหน้าห้องแต่เมื่อชายเสื้อด้านหลังโดนดึงเบาๆจึงหันกลับไปมองอีกรอบ
“พี่เมศ......”นันทกรทำหน้าดูกระอักกระอ่วนส่งให้ พูดเสียงแผ่ว อ้าปากแล้วหุบลงสองสามครั้ง ปรเมศอดสงสัยไม่ได้จึงต้องหันกลับมาเต็มตัว
“มีอะไรหรือเปล่าอาร์ ดูเราไม่สบายใจนะ”ปรเมศถามขึ้น เด็กหนุ่มฝรั่งยื่นโทรศัพท์ของตนให้ ปรเมศรับมาดู
“นี้มัน.......พี่รหัสเราส่งมางั้นหรือ??”นันทกรผงกหัว ไม่พูดอะไรออกมา ทำเอาปรเมศรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา........เด็กนั้นคงตั้งใจจะจีบอาร์จริงๆ ไม่งั้นคงไม่ส่งข้อความอย่างนี้มาหรอก......
........วันนี้มาเจอกันนะ พี่มีความรู้สึกบางอย่างอยากบอกอาร์ และหวังว่าอาร์จะรู้สึกเหมือนพี่........ไม่ทันที่นันทกรจะขอโทรศัพท์กลับไป ปรเมศก็จัดการลบข้อความนั้นทิ้งทันที
“ทำไงดีพี่เมศ.........ผมไม่อยากไปเรียนเลยวันนี้ พี่เก่งต้องรออยู่แน่เลย.........ขืนอาร์ปฏิเสธเค้าไป ต่อไปจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้”นันทกรทำท่าหวาดกลัว ปรเมศส่ายหัว
“พี่ว่าอาร์ไม่ควรจะหนีนะ........ไม่ชอบเค้าก็บอกไปซะตั้งแต่เนิ่นๆนั้นแหละดีแล้ว เค้าจะได้ไม่คิดว่าเราให้ความหวัง”
“แต่ว่า.....”ปรเมศจับมือนันทกรขึ้นมา มองดวงตาที่ดูไม่แน่ใจปนระแวงของอีกฝ่ายก่อนคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร........พี่จะอยู่ข้างอาร์เอง........ลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อวานเราตกลงอะไรกันไว้”นันทกรพยักหน้า
“พี่เมศจะแกล้งเป็นแฟนกับผมจริงๆใช่ไหม??”
“อืม........แล้วพี่จะช่วยพูดให้เค้าตัดใจจากเราด้วย”ดวงหน้าที่แฝงไปด้วยความกังวลเมื่อครู่ค่อยๆยิ้มออก ปรเมศมองรอยยิ้มนั้นอย่างเอ็นดู.........ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ เค้าจะไม่มีวันให้ใครมาทำให้คนตรงหน้าต้องลบเลือนรอยยิ้มแบบนี้เป็นแน่
“ป่ะ!!ลงไปกินข้างแล้วไปเรียนเถอะ”ปรเมศจูงมือเด็กหนุ่มลงบันได พลางคิดแน่วแน่อยู่ในใจ
‘นายเจอฉันแน่ ไอ้เจ้าพี่รหัสขี้หลี!!!’
ท่าทางฮึดฮัดของปรเมศทำให้นันทกรอดยิ้มสมใจไม่ได้ รู้สึกขอบคุณอีกคนที่ช่วยให้เรื่องมันง่ายขึ้น แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าปรเมศจะทำอะไรอัครเดชหรือเปล่า
‘ถ้าพี่เมศทำอะไรขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์นะพี่เก่ง.....’
ติดตามตอนต่อไป.....
-------------------------------------------------------
Neya : สวัสดีวันโลกแตกคะ!! จงใจลงวันนี้เลยนะคะเนี่ย ถ้าวันนี้โลกไม่แตก วันหน้าจะเอานิยายมาลงต่อนะคะ(ยิ้ม) ตอนนี้เป็นตอนแรกที่ตั้งแต่แต่งมาแต่งได้ติดๆขัดๆที่สุดคะ แก้หลายรอบมาก อ่านแล้วมันยังติดต้องแก้ แก้แล้วแก้อีกไม่รู้เป็นอะไรกว่าจะลงตัวได้สักที วันอาทิตย์ใครไปงานcomic season6 บ้างเอ่ย?? คนเขียนไปด้วยแหละ ไปด้วยความจงใจและพอดีกับที่ต้องทำงาน ด้วย หึหึ งงอะดิ...แบบว่าคนเขียนทำงานอยู่ตรงไปรษณีย์ไทยคะ เถิบCATไปนิดเดียว ใครเห็นคนแต่งชุดโปโลแดง ทักกันได้นะคะ หุหุ วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ไว้เจอกันหลังโลกแตกนะคะ(ฮา)
ปล. พี่Angel_K จบจากมหาลัยที่มีพระพิฆเนศเป็นองค์ประจำมหาลัยหรือเปล่า!!!

กรี๊ดๆ คนเขียนรุ่น 07500xxx คะ