ตอน7
อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน~
วันนี้ตื่นขึ้นมาเช้ากว่าปกติ อารมณ์ดีเกินหน้าเกินตาจนยามข้างล่างคอนโดทักนึกว่าผีเข้า เมื่อวานหลังจากกลับมาถึงคอนโด ก็มีความสุขจนไม่ได้หลับได้นอน แต่ไม่ได้ทำให้ไอรักอารมณ์เสียในเช้าวันนี้ได้ ขณะที่ผมเดินลงจากรถเพื่อไปซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ให้เกียร์ ก็มีเสียงดังมาจากข้างซอย
“อ๊ะ ปล่อย!” เสียงอะไรวะ
“หึ.. เป็นของนัทแล้วก็อย่าได้หวังจะไปจากนัทเลยน้ำ”
“ไม่ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” ท่าจะไม่ดีละ ทำไงดีวะ
“พี่น้ำคร้าบบ สายแล้ว เดี๋ยวอาจารย์จะดุผมเอานะครับรุ่นพี่” ไม่ใช่ใคร ไอรักเอง ผมทำเป็นวิ่งส่งตาวิ๊งๆไร้เดียงสาไปให้ทั้งคู่ แอ็คติ้งดีเหมือนกันนะนี่ ฮ่าๆๆ
“อ้าวแล้วนี่ใครอ่ะ เพื่อนพี่เหรอ สวัสดีครับบ”
“มึงเป็นใคร” อะโด่ทำเป็นหน้าโหด ถ้าเป็นคนอื่นคงเผ่นแนบไปแล้ว แต่เผอิญด้านภูมิต้านทานนี้ผมเรียนรู้จากเกียร์มาเยอะ เหอะๆ
“อ๋อ ผมเป็นรุ่นน้องของพี่น้ำ เดี๋ยวต้องไปคุยงานกับอาจารย์ด้วยกันน่ะครับ” ผมยิ้มใสๆให้มันไป ..ตายห่าลืมคิดไป คนที่ชื่อน้ำตัวเล็กนิดเดียว ถ้ามันอยู่ปีหนึ่ง ผมคงตายคาตีนไอ้ล่ำคนนี้แหงๆ เอาไงดีวะ ถึงหน้าจะยังยิ้มอยู่ แต่เหงื่อเริ่มผุด มือเริ่มชื้น
“ปล่อยเถอะนัท น้ำต้องรีบพาน้องไปหาอาจารย์นะ” ผู้ชายตัวเล็กจิ้มลิ้มได้สติก็แหลใส่ไอ้ล่ำ แอ็คติ้งดีเหมือนผมเลยอ่ะ กร๊ากก
“จิ๊ คราวหน้าอย่าคิดว่าจะหนีนัทพ้นนะ”
“เฮ้ออ ขอบใจนะน้องไอรัก ถ้าไม่ได้น้องคงแย่แน่ๆ” โหนี่ผู้ชายเหรอวะ ตัวเล็กแก้มแดงๆ ปีหนึ่งแหง ว่าแต่เคยรู้จักกันด้วยเหรอ ไม่ยักจะจำได้ มันคงเห็นผมหน้างงใส่
“ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าชายของมหาลัยหรอก พี่ชื่อน้ำอยู่ศิลปกรรม ปี3นะ” พี่น้ำยื่นมือมาทำความรู้จักพร้อมยิ้มแก้มปริ
“อ่า..ครับ” ผมยื่นไปจับมือ
“เอ้อว่าแต่เมื่อกี้รู้จักชื่อพี่ได้ไงล่ะ”
“อ๋อผมได้ยินก่อนหน้านี้ พี่คนนั้นพูดชื่อพี่น้ำก็เลยเอ่อ...สวมรอยซะเลย แฮ่ะๆ” ความจริงอยากจะบอกว่าไอรักเข้าไปเจือกเอง แต่หน้าตาน่ารักขนาดนั้นไม่กล้าหยาบเลยจริงๆ
“..เห็นใกล้ๆแบบนี้สมคำล่ำลือจริงๆ”
“อะไรมะลึกกึกกือนะครับ?”
“เปล่าๆ พอดีพี่อยากจะขอติดรถไปมอด้วยน่ะ ลืมเอารถมา”
“อ่อได้ครับ...เฮ้ยย” พึ่งนึกออกว่าดันลืมสามอย่างที่ใหญ่หลวงเอามากๆคือ ปาท่อง น้ำเต้า เกียร์ด้วย สายแล้วๆ ตายห่า ฮืออ
“มีอะไรเหรอ”
“รีบไปเถอะครับ!”
“อรุณสวัสดิ์ครับเกียร์ ทานปาท่องโก๋ก่อนนะ หายร้อนแล้วจะไม่อร่อย” เช้านี้คุณเกียร์ดูอารมณ์ดีผิดปกติ ซึ่งไม่ต่างกับผมเท่าไร ยิ้มมาแต่ไกลเชียว ถึงจะยกแค่มุมปากก็เหอะ
“ทำไมมาสาย”
“อ๋อพอดีมีปัญหานิดหน่อย อ้ะ นี่รุ่นพี่ชื่อน้ำ อยู่ศิลปกรรม แล้วนี่ชื่อเกียร์ครับพี่น้ำ” เหมือนเกียร์จะพึ่งรู้สึกตัวว่ามีคนอยู่ข้างหลังจึงหันไปมองและหันกลับมามองผม หน้าบึ้งคิ้วขมวดนิดหน่อยแล้วมองพี่น้ำอีกรอบ ..เป็นไรวะ
“สวัสดีฮะ” ทำไมเสียงพี่น้ำเย็นๆวะ
“....” อะไรกันความรู้สึกนี้ เหมือนน้องไอรักคนนี้อยู่ในลาวาก็ไม่ใช่ ขั้วโลกก็ไม่เชิง ไอ้เกียร์ทำไมมึงไม่ทักพี่เค้าตอบล่ะวะ มึงอย่าหยิ่งได้ไหมมม ตอนนี้รถไม่ต่างอะไรกับป่าช้า ฮืออไอรักอยากร้องไห้
“รู้จักกันตอนไหน” มึงอย่าหันมามองกูด้วยสายตาแบบน้านนนน
“เอ่อ กะ..ก็ตอนผมกำลังลงไปซื้อปาท่องโก๋ให้เกียร์ แต่ดันไปเจอพี่น้ำทะเลาะกับแฟนเขา ก็เลย..” ยังพูดไม่จบ พี่น้ำก็พูดแทรกขึ้น
“แฟนเก่าต่างหาก ตอนนี้พี่โสด แต่กำลังจะมีแฟนใหม่แล้วเนอะไอรักเนอะ” อย่านะ อย่ามาเนอะมาส่งสายตาหวานเชื่อมกับกูตอนนี้ เมย์เดย์ๆ เจ้าชายขอส่งสัญญาณSOSให้ไอ้ไทป์มาแก้สถานการณ์ตอนนี้จะทันไหมครับท่านผู้ช๊มมม
“อ่ะเหรอครับ แฮ่ะๆ” มันจ้องผมเขม็ง กูผิดอะไรอ่ะ
“เอ๊ะ น้องไอรัก เดี๋ยวพี่ลงตรงนี้นะ เอ้อว่าแต่พี่ยังไม่มีเบอร์น้องเลย”
“ไม่ให้” ผมอ้าปากทำท่าจะตอบ แต่ไอ้คนข้างๆชิงตอบให้ผมเสียก่อน
“น้องเป็นอะไรกับไอรักล่ะ อย่าบอกว่าเป็นแฟนกันนะ เหอะ ใครจะไปเชื่อ.. ปัง!” พี่น้ำลงไปแล้ว ทิ้งคำพูดให้ผมกับมันสะอึก
เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
มันไม่ได้รักผม
เราไม่ได้รักกัน
เพราะผมรักมันอยู่คนเดียว
“เลิกเรียนเที่ยงใช่ไหม เดี๋ยวมารับไปทานข้าวกลางวันด้วยกันนะครับ” ผมคว้าแขนมันแน่นก่อนที่มันจะลงไปเรียน
“ไม่ต้องมา” มันหันหลังพูดสวนกลับเสียงแข็ง เหมือนคราวแรกที่เราเจอกัน เล่นเอาผมจุก ก้มหน้าคลายมือที่จับแขนมันพร้อมพูดเสียงแผ่ว
“ผมจะมา …ไม่ว่ายังไงผมก็จะมา”
“...เรื่องของมึง”
...............................................
“เจ้าชายยย...ชะอูยยย ทำไมทำหน้าเหมือนเจ้าหญิงจับได้ว่ามีชู้อย่างนั้นละ” ไอรักสะดุ้งสิครับ มองหน้าพวกมันขวาง
“เฮ้ย จริงอย่างที่ไอ้คลื่นพูดเหรอวะ ไหนบอกรักเดียวใจเดียวไง ไม่ทันไรซาตานในคราบเจ้าชายกลับมาแล้วเหรอวะ กร๊ากก” ผมเดินไปตบกระบาลไอ้คลื่นกับไอ้เนมแล้วนั่งข้างไอ้บอสที่ตอนนี้กำลังโทรศัพท์หน้าเคร่งเครียดอยู่
“ไม่ใช่โว้ย กูมีอยู่คนเดียวก็เครียดตีนกาจะขึ้นอยู่แล้วแมร่ง”
“อ้ะหรา ไหนเล่ามาดิ้ตะเอง” ผมก็เล่าไปละเอียดไส้หมดพุง
“เคี้ยก เคี้ยก เคี้ยกกกก สมน้ำหน้า ทำความดีทีไร มีความซวยติดมาตลอด” พวกมึงแปรงล่างเป็นลิงแล้วสินะ
“กูจะทำยังไงดีวะ” ถ้ามีไอ้ไทป์ ผมคงขอคำปรึกษามัน เพราะรายนั้นเจ้าคิดแผนการเลยล่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีน่ะสิเฮ้อ
“กูว่ามึงไม่ผิดเลยนะเรื่องนี้ แต่จะผิดก็คือพาพี่น้ำมา แล้วมาพูดไม่เข้าหูเกียร์เข้านี่ละ ฉะนั้นมึงก็ผิด”
“แล้วให้กูทำยังไงอ่ะ”
“ไอ้โง่! เรื่องอื่นมึงฉลาดเพอร์เฟคจนพวกกูหมันไส้ แต่เรื่องขี้ประติ๋วของไอ้หนุ่มวิศวะร่างถึกเจือกทำให้มึงโง่ดักดาน แล้วมึงมีเพื่อนขี้งอนไว้ทำพระแสงขอนง้าวอะไรล่ะวะ มึงก็ถามมันสิว่าวิธีง้อแบบไหนจะตอบโจทย์ผู้ชายแมนๆอย่างมันบ้าง โว้ะ!” ไอ้เนมบ่นยาวเหยียดก่อนยกชินจังอ่านอีกรอบอย่างสนุกสนาน(คนเดียว ) เออว่ะ ผมหันไปมองไอ้คลื่นไส้ มันสะดุ้งแล้วชี้เข้าหาตัวมันแบบ อ้าวกูเหรอ? ผมพยักหน้าประมาณว่า จ้า มึงนั่นล่ะขี้งอนตัวพ่อ
.........................................................
“ไปครับ ขึ้นรถ” ผมเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นมันกับเพื่อนๆเดินลงจากตึกเรียน มันเหล่ตาเลิกคิ้วเชิงถาม ผมจึงคว้าแขนมันขึ้นรถ ตลอดทางไม่มีใครปริปากพูดออกมา มันไม่แม้แต่จะถามว่าไปไหน ผมก็ไม่ได้บอกเหมือนกัน หันมาอีกทีมันก็หลับไปแล้ว ผมลอบมองหน้ามัน แม้แต่ตอนนอนยังคิ้วขมวดเหมือนมีเรื่องคาใจ
“เกียร์ครับ ตื่นได้แล้วนะ” มันขยับตัวนิด ลืมตาขึ้นมามองหน้าผมนิ่ง
“ที่ไหน”
“หัวหินครับ”
“มึงว่าดอกไม้จะดีปะวะ”
“ถุยเหอะ ถ้าเป็นกูนะ ไม่ชอบหรอกพวกดอกไม้ แมร่งเกย์ไปปะ แล้วอีกอย่างนะ กูคิดว่าถ้าดอกไม้แท้ วันหนึ่งมันก็ต้องเหี่ยวใช่ปะ แล้วถ้าดอกไม้เทียมก็เหมือนเรารักไม่จริง ความหมายไม่ดีๆ ตัดไปเลย”
“ครับ แล้วผู้เชี่ยวชาญจะให้กระผมทำอะไรดีล่ะครับ”
“หึหึ อย่างแรกก็...ทะเลไง ผู้ชายอย่างเราต้องผจญภัย”
“…..หัวหิน....”
“ใช่ครับ ปะ ลงไปทานข้าวกัน... เอ๊ะ เป็นไรหรือเปล่าครับ” ผมยิ้มให้มัน แต่สีหน้าเกียร์เปลี่ยนไป ผมเห็นแววตาอ่อนไหววูบหนึ่ง ตัวมันสั่นเหมือนหวาดกลัวบางอย่าง
“เปล่า” แล้วมันก็เปิดประตูลงไป ทิ้งให้ผมงงอยู่ในรถคนเดียว อะไรวะ..
กลิ่นเค็มของไอทะเล ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผิดกับอีกคนหนึ่งที่ทำหน้าเหมือนเลื่อนลอย ผมไม่มั่นใจว่าที่เกียร์เป็นแบบนี้เพราะมันยังโกรธผมอยู่ หรือมีอะไรในใจ
“เอา.... เกียร์เอาอะไรครับ” ผมสั่งอาหารไปสองสามเมนู
“…”
“เอ่อเกียร์ครับ ..เกียร์” มันสะดุ้งแล้วหันมามองหน้าผมที่ทำตาแป๋วใส่มันอยู่
“มีอะไร”
“จะเอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” มันส่ายหน้า ผมจึงหันไปบอกพนักงาน
“อ้าวไอ้เกียร์ ไปไงมาไง” ชายวัยกลางคนเข้าทักมัน
“อาโบ้ นี่ไอรัก” มันเรียก สงสัยจะเป็นอาของเกียร์
“สวัสดีครับ” ผมไหว้อาโบ้แล้วยิ้มให้ทีหนึ่ง
“อ้อ อาชื่อโบ้นะ เป็นอาของมัน แล้วมึงมาหัวหินได้ไงวะ ไม่คิดถึงความหลังแล้วหรือไง ตอนกูชวนทำเป็นเล่นตัวเป็นตุ๊ดไปได้นะ ฮ่าๆๆๆ” ความหลังงั้นเหรอ
“หึ อาเงียบเหอะ”
“เอ๊ะ ไอนี่พูดกับอาตัวเองให้ดีดิวะ มึงไม่คิดมากก็ดีแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว” อาโบ้พูดหน้าจริงจัง ทั้งสองสบตากันพักหนึ่งจนกระทั่งเกียร์พยักหน้า
“หนูไอรักกินตามสบายเลยนะ มื้อนี้อาเลี้ยงเอง เดี๋ยวไปเก็บกับพ่อไอ้เกียร์มัน ฮ่าๆๆ” อาโบ้พูดหน้าระรื่นแล้วเดินจากไป ขี้เล่นไม่เหมือนหลานเล้ยย
“อาของเกียร์ตลกดีนะครับ” มันส่ายหน้าระอา
“เป็นแบบนี้ตั้งนานละ ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอีก ...อะไร” มันเห็นผมท้าวคางมองมันยิ้มๆ
“คุณหายโกรธผมแล้วใช่ม้า พูดจ้อเชียว” มันมองผมตาเขียวแล้วเสตาไปมองวิวร้าน
“กูโกรธมึงตอนไหน”
“อ้าว ก็เมื่อเช้าคุณพูดกับผมเสียงแข็งขนาดนั้นนี่นา”
“กูไม่ได้โกรธ”
“โกรธ”
“ไม่ได้โกรธ”
“โอเค ไม่ได้โกรธก็ไม่ได้โกรธ แค่งอนเท่านั้นเอง ใช่ม้า” ผมขยิบตาให้มันทีหนึ่ง
“….”
“เกียร์” มันยังมองด้านข้างไม่สบตาผม หน้าบึ้งเหมือนเด็กสามขวบ เอ่ออาการแบบนี้ต้องเรียกว่างอนจริงๆใช่ไหม อยากจะหัวเราะนะนี่ แต่กลัวมันจะพาลโกรธผมน่ะสิ
“....”
“เกียยร์”
“….”
“ที่รัก อย่าโกรธกันเลยนะครับ”
ชะงักกึก!
ทั้งมันและผมชะงักกลางอากาศตอนที่ผมดันเผลอพูดคำหวานออกไป มันหันมามองผมตาวาว ผมรีบก้มหน้า ถ้ามุดโต๊ะได้คงทำไปแล้ว
“อีกที”
“อะ..อะไรครับ”
“พูดอีกทีสิ”
“..ระ..เรารีบกินแล้วไปเดินเล่นกันดีกว่าเนอะ แฮ่ะๆ”
“หึหึ” เดี๋ยวกูทืบหน้าแหก
“อย่างที่สอง... มึงต้องทำให้มันสนุกจนลืมไปเลยว่าเคยโกรธมึง เรื่องจะทำอะไรนั้นมึงต้องคิดเองนะ กูไม่ใช่ผัวมัน กร๊ากก”
“หวังว่ามึงจะไม่ทำออกกำลังกายในที่ร่มจนร่างกายทรุดโทรมหรอกนะ ฮ่าๆๆ” ไอ้พวกบักจวย กูงอน จบ
“ไม่เดินชายหาดได้ไหม”
“มาถึงที่แล้วก็ต้องเดินให้คุ้มสิ ทำไมเหรอครับ” ผมเงยหน้ามองมันด้วยความสงสัย ด้วยคำพูดของอาโบ้กับท่าทางของเกียร์มันทำให้ผมยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“เปล่า”
“ถ้าไม่สบายใจที่จะเล่า ก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ” มันมองผมนิ่ง
“…”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเกียร์มีเรื่องฝังใจที่นี่ นั้นเราก็มาสร้างความทรงจำที่ดีสำหรับเราดีกว่าไหม” ผมยิ้มตาหยีท้าแสงแดดจ้าให้มัน พร้อมวิ่งไปเช่าม้าตัวเดียว เพราะเกียร์ใส่เผือกอยู่ ตัวหนึ่งสีดำขลับเงางามแต่กีบเท้าเป็นสีขาว ผมหันไปหาเกียร์ที่เดินตามมาแต่สายตาจ้องมองไปที่ทะเลสุดสายตา พอได้คำตอบแล้วผมจึงหันไปบอกเจ้าของม้าว่าไม่ต้องเดินตาม ขี่เป็นและต้องการความเป็นส่วนตัว
ตอนแรกมันก็ขัดขืน ไม่ยอมซ้อนผม ก็มันตัวใหญ่กว่าผมแถมถึกแมนร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ขามันเจ็บเสียขนาดนี้จะขี่ได้อย่างไรล่ะ ผมขี่กันไปเรื่อยๆ ผมหันไปมองมันเป็นระยะ แรกๆมันก็เหมอลอยมองไปที่ทะเล ผมจึงเร่งขี่ และดริฟท์ม้าเสียจนมันสะดุ้งออกจากภวังค์และส่งตาขวางมาให้ผมที่หลุดหัวเราะเสียงดังไม่สนภาพพจน์เมื่อเห็นหน้ามัน จนฝรั่งหลายคนที่อาบแดดหันมามอง หัวเราะกันคิกคัก เราสองคนหันมามองหน้ากันเขินๆ
ม้าวิ่งเยาะๆตามเลียบชายหาดสักพักจูงม้ากลับ และชวนมันทำหลายๆอย่างที่เราทั้งคู่ไม่เคยทำด้วยกัน ไม่ว่าจะเล่นก่อกองทราย ซึ่งผมออดอ้อนแกมบังคับให้เล่น หน้าอย่างมันไม่มีทางชวนผมเล่นกากเกรียนแบบนี้หรอก ไม่ก็นอนอาบแดดตอนเย็นบ้าง
จากนั้นผมกับมันเดินไปซื้อของมินิมาร์ทแถวนั้น แล้วกลับมาชายหาด นักท่องเที่ยวต่างทยอยกันกลับขึ้นชายฝั่งกัน เรานั่งมองพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าพร้อมกระป๋องในมือของทั้งคู่ ของผมเป็นน้ำผลไม้ ส่วนของมันเป็นเบียร์ ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยังไม่ทันไรมันก็ห้ามโน่นห้ามนี่ทำอย่างกับผมเป็นเด็ก ไอรักก็อยากกินเบียร์บ้างอะไรบ้างนะ ฮึ่ย! แต่ถ้าถามว่ายอมไหม คำตอบอยู่ในมือผมแล้วล่ะ
“เหมือนลูกชิ้นหมู/เหมือนขนมดังโงะเลย” ผมกับมันพูดพร้อมกัน เราหันมามองหน้ากันพักหนึ่งแล้วหัวเราะออกมา
“ดังโงะตรงไหน ลูกชิ้นหมูชัดๆ”
“ไม่ใช่อ่ะ เหมือนดังโงะต่างหาก เมฆสามลูกเรียงกันน่ากินกว่าลูกชิ้นหมูด้วย” มันหันมามองผมที่ทำหน้ามุ่ยเถียงเสียงงุ้งงิ้งเอาเป็นเอาตายแล้วคงขำ เห็นอย่างนี้หัวรั้นไม่เบาเลยล่ะผมอะ
“..ความจริงกูมีน้องแท้ๆคนหนึ่ง เด็กกว่ากูสองปี” ผมหันมามองหน้ามันที่มองไปทางทะเล
“ตอนมอหนึ่ง กูอยากมาทะเล พ่อกับแม่เลยพากูกับน้องมา...หัวหิน.. ” เสียงแผ่วเบาลอยมาตามลมถูกกลืนเข้าไปในลำคออย่างขมขื่น น้ำเสียงที่ผมฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนเอามีดมากรีดหน้าอกข้างซ้ายอย่างช้าๆ ผมหันไปมองหน้ามันที่เหม่อลอยมองออกไปที่ทะเลอย่างหว่าเว้เดียวดาย และหดหู่จนทุกข์ทรมาน
“เกียร์...”ผมกุมมือมองหน้ามัน มันหันมามองแล้วยิ้มให้ผมเหมือนอยากบอกว่า ไม่เป็นไร ..กูต้องไม่เป็นอะไร
“น้องกูทั้งดื้อทั้งซน อ้อนพ่อให้ลงไปเล่นน้ำด้วยกัน แต่พ่อบอกให้กูไปเป็นเพื่อนน้องแทน เพราะกูว่ายน้ำแข็ง ต่างจากน้องกู...เราเล่นกันจนพระอาทิตย์เริ่มเป็นสีส้ม ตอนนั้นพ่อเรียกกูบอกให้เลิกเล่นแล้วไปเอาเสื้อคลุมจากแม่ข้างในบ้านพักเพื่อที่จะเอามาห่มน้อง ..กูกับแม่เดินออกมาพร้อมกันก็ได้ยินเสียง ...เสียงพ่อกูร้องขอความช่วยเหลือ ...คนมุงกันเต็ม ...แม่กับกูวิ่งเข้าไปดู กูเห็น..เห็นน้องกูอยู่ในอ้อมแขนพ่อกู...ตัวซีดไปหมด ..พ่อเขย่าตัวน้องจนหัวสั่นไปหมด...มันเหมือนนอนหลับไม่รู้เรื่อง ..น้ำตาของกูไหลออกมาไม่แพ้พ่อกับแม่...กูไม่รู้จะทำยังไง ....ถ้ากูไม่ปล่อยน้องให้เล่นน้ำคนเดียว …ถ้ากูไม่ปล่อยให้เกรย์เล่นน้ำคนเดียว”
ผมฟังแล้วพูดไม่ออก ไม่คิดว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเด็กอายุเพียงสิบสองสิบสาม เพราะอย่างนี้หรือเปล่า ที่มันกลายเป็นคนเงียบขรึม นิ่งจนน่ากลัว ปิดกั้นตัวเองและไม่สนใจคนรอบข้าง
“ไม่ใช่หรอกครับ อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถ้าลืมมันไม่ได้ ก็ให้มันเป็นแค่อดีตที่เคยพบเจอ อย่าให้มันมาทำลายปัจจุบันของเกียร์เลย”
“..”
“ไหนดูสิ เกียร์ที่สุขุมเหมือนน้ำแข็งหายไปไหนหมดนี่ เอาคนเดิมกลับมาเลยนะ” ผมชะโงกหน้าไปมองมัน แสร้งหน้าบูดใส่มัน
“หึ แล้วไม่รักหรือไง” มันยิ้มให้ผมที่ชะงัก ก่อนกดท้ายทอยลงประกบปากอย่างอ่อนโยนสลับเร้าร้อนเหมือนความต้องการลึกที่ตอนนี้ได้ถูกแสดงออกมา มันควานหารสอ่อนหวานจากริมฝีปากผมที่เผยออ้าปากรับอย่างไม่รู้ตัว
“อืม ..อื้ออ..” เสียงครางหวิวของผม ยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจ สองแขนผมเกาะบ่าอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับกลัวมันหายไป มันดึงเสื้อที่อยู่ในกางเกงออกแล้วสอดมือคลึงเอว ก่อนที่มือข้างซ้ายจะเคลื่อนมาลูบหลังให้ผมสยิวแอ่นตัวอัตโนมัติ ผมเริ่มดิ้น ทุบอกมันเบาๆ จนมันหยุดจูบผมแล้วกดหัวผมลงกับบ่าหนาของมัน แต่มืออีกข้างยังคงทำงานลูบเอวผมเบาๆ
“เกียร์สุขุมกลับมาหรือยังล่ะ..หึหึ”
‘ไอ้น้ำแข็งบ้า!!’ ความรู้สึกแปลกๆตอนนี้มันกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า ให้ตายสิ!
“แล้วตกลงวันนี้เรามาหัวหินแค่กินข้าว เล่นแถวชายทะเลว่างั้น?”
“อ่อเปล่าหรอก ความจริงจะพาไปหลายที่ แต่มีเรื่องเกียร์เสียก่อน เลยต้องยกเลิกไปน่ะ แฮ่ะๆ”
“...นั้นเอาไว้ครั้งหน้าเราค่อยมากันใหม่นะ” มันหันมาบอกผม และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนที่ผมจะยิ้มทะเล้นกลับ
“ห้ามเบี้ยวล่ะ คุณน้ำแข็ง” ของผม...
มันยกมือขึ้นมาขยี้ผมนิ่มๆด้วยความหมั้นเขี้ยว ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน เมื่อไร ที่กำแพงน้ำแข็งในใจเขาค่อยๆละลายอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนอีกด้านตั้งความหวังว่า ..ถึงมันจะลืมความทรงจำที่เจ็บปวดกับที่นี่ไม่ได้ แต่หวังว่าจะไม่ลืมการมาหัวหินคราวนี้เหมือนกันนะ
“อย่างที่สามสำคัญที่สุด... กลับมาเลี้ยงข้าวกูหนึ่งอาทิตย์ด้วยไอ้เจ้าชาย~ ”
TBC-------------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
อั้ยย้ะ..! ความจริงเรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ บังเอิญตอนนี้อ้างอิงจากเรื่องจริงเล็กน้อย
งานเยอะมากๆ ถ้ามีเวลาจะมาต่อนะคะ