22 - Trouble (1)
“เอ่อ...อือ...คือ...เอ่อ...คือว่า....”
มันยิ้มหวาน สายตาดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ไหงกลับจ้องผมคนเดียวแบบนั้นล่ะ?
ผมตอบมันไม่ถูก หมาในปากที่เคยเลี้ยงไว้พลันหายหัวหมด พูดตะกุกตะกัก มือเย็น เหงื่อออกซึม ผมเหลือบไปหาไอ้ทัชคิดว่ามันต้องกำลังขำผมอยู่แน่ๆ แต่เปล่าเลย มันนั่งอึ้งไม่คิดว่าจะเจอไอ้เหี้ยพอสที่นี่เหมือนกัน
“อ่าวไอ้แกน ไหนมึงบอกว่าสอบเสร็จนานแล้วไงสัด”
อีเหรี้ยเต็งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่ามึงเป็นใบ้หรอกนะ
ไอ้พอสมันเหยียดยิ้มแปลกๆ ถือวิสาสะนั่งลงข้างผมโดยไม่ขออนุญาต
“เออเนี่ยพี่พอส รุ่นพี่ เคยช่วยกูไว้” ไอ้บิ๊กมันแนะนำ แต่คือ...กูรู้จักแล้วโว๊ยยยย เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันก็รู้จักกับไอ้บิ๊กเหมือนกัน “อยู่คณะเดียวกันคงรู้จักกันสินะ”
ยิ่งกว่ารู้จักอีก เหอๆๆๆๆ
“ส่วนนี่เพื่อนสนิทผมอะพี่ ไอ้แกน กับไอ้ทัชพี่คงรู้จัก แต่นี่ไอ้แต๊งกิ้ว เรียนที่เดียวกับผม” ไอ้แต๊งยกมือไหว้ “ส่วนนี่เต็งหนึ่ง เรียนม.พี่แหละ แต่คณะสัตวแพทย์”
“เป็นเพื่อนสนิทกันหมดเลยเหรอวะ?”
“ช่ายยยย” คนขี้เล่นอย่างแต๊งลากเสียงยาวตอบ
“เออ โลกกลมดี”
กูก็ว่างั้น...
“พี่พอสกินไร เดี๋ยวผมชงให้” ขนาดไอ้บิ๊กยังนอบน้อม คงมีพระคุณมากสินะ
“ไม่ล่ะ กูนั่งโต๊ะโน้น มึงนั่งแดกกับเพื่อนไปเถอะ” พูดจบก็ลุกออกไป
ก็ดีเหมือนกัน อยู่ด้วยแล้วกูอึดอัด
ผมหยิบแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่ม ยังงงๆอยู่ว่ามันโกรธผมรึเปล่า แต่คงไม่...มั้ง
“พี่พอสเคยไปช่วยไรมึงวะไอบิ๊ก” ไอ้ทัชมันถาม
“กูโดนรุม แล้วพี่เค้าก็มาช่วยกูไว้ก็เท่านั้น แต่พกมึงไม่ต้องจินตนาการว่าพี่พอสเค้าจะแตะต่อยจากพวกที่มารุมกูถึง20คนได้หรอกนะ นี่มันเรื่องจริง ไม่ใช่ในหนัง ถึงพี่เค้าจะหล่อจนเป็นพระเอกหนังได้ก็เถอะ...พี่พอสพากูหนี แค่นั้นแหละ”
“แต่มึงดูเคารพมาก?” ไอ้เต็งจี้เข้าไปอีก
“แล้วหลายๆวันต่อมากูมีเรื่องกับเด็กม.มึงอะทัช จะโดนไล่ออกอยู่แล้ว ดีที่ได้พี่พอสมาช่วยพูดไว้ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น กูไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะเว้ย พวกมึงก็รู้นิสัยกูดี เลยกลายเป็นว่ากูก็เลยนับถือพี่เค้า ขอเบอร์ติดต่อไว้ เผื่อกูจะได้ตอบแทนอะไรพี่เค้าบ้าง”
วันนั้นแน่เลย...ที่มันบอกว่าต้องไปคุยกับคณบดี
“แล้วทำไมถึงมาร้านนี้ได้วะ ไกลจากม.กูชิบหาย ถ่อมาถึงนี้..” ทำเอากูซวยเลยไงสัส วางแก้วลง เหลือบมองไปทางโต๊ะใหญ่ที่ไอ้พอสเป็นหนึ่งในนั้น รอบๆตัวมันผมไม่คุ้นหน้าเลย พี่แซค พี่โอ ก็ไม่อยู่ คงเป็นเพื่อนมันอีกกลุ่มละมั้ง
“กูจะไปรู้เรอะ อยากรู้ก็ไปถามพี่พอสเอาเองดิวะ” ไอ้บิ๊กมันตอบ แต่ชิบหายเถอะ ให้ผมเข้าไปถาม มึงอยากให้กูตายไวขึ้นเหรอไง?
“พอๆๆๆ ไอ้แกน มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เมื่อกี้คุยไว้ว่าไงนะ...อ้อออ มึงไม่มีแฟนจริงดิ?” สัดแต๊งกิ้ว มึงจะลากกลับมาเรื่องเก่าทำฟวยไรวะ
ผมทำหน้าเบื่อโลก
“ไม่มีสัด! กูหล่อแบบนี้เป็นโสดสบายใจกว่ากันเยอะ”
“อ้อ มีแต่เมียว่างั้น?”
“ผัวมากกว่า”
ไอ้เหี้ยทัช!!!! หุบปากไปเลยมึง
แต่ดีที่มันพูดเบาเลยไม่มีใครได้ยินนอกจากผม
“เมื่อกี้มึงว่าไรนะทัช” ไอ้เต็งถามเพราะมันนั่งเยื้องๆกัน “เสียงเพลงแม่งดัง กูได้ยินไม่ถนัดวะ”
“เปล๊า...สาวโต๊ะนู้นสวยดี” ทัชแถ
“เออทัช ได้ข่าวว่ามีเมียเป็นดาวคณะ? จริงปะวะ” แต๊งกิ้วครับ มึงจะทำอาชีพเป็นนักข่าวในอนาคตหรือครับ?
“จริง”
“เหยดดดดดดดดดดด” ทั้งโต๊ะร้องโห่ฮา ไอ้ทัชยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ภูมิใจที่อวดเมียได้
“เด็ดสุดยอด” มันยกนิ้วโป้ง “แล้วมึง3ตัวล่ะ ไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนบ้างไง๊?”
ใช่ๆๆ เอาแต่ซักเรื่องกูกับทัช ไม่เห็นพูดเรื่องตัวเองเลยสาดดดดด
“ให้กูมีเมียเป็นตัวเป็นตนคงไม่ไหววะ...ได้โดนดักยิงก่อนทำลูกให้กูแน่”
“เหอๆ กูเรียนหนักขนาดนี้ เอาเวลาไหนไปทำเมียวะ ทุกวันนี้กูจะเอากับสัตว์อยู่ละห่า”
ไอ้เต็งกับบิ๊กอธิบาย แต่มีคนนึงที่นั่งเงียบ ไม่ปริปากกวนส้นของมันเหมือนทุกๆที เอาแต่ยกเหล้ากระดกใส่ปาก สายตามองไปทางอื่น
“เหี้ยแต๊ง ไม่ต้องทำเป็นไม่ได้ยินเลย”
“อะรายยยยยยยย พูดถึงเรื่องรายกันเหรออออออออ” มันทำตาหวานๆของมันปรือ พูดเสียงยานคาง
ถ้ามึงจะเมาเพราะเหล้า2-3แก้วแบบนี้นะแต๊ง...
“สัด ไม่ต้องมาทำเมา” โดนเต็งด่าเข้าให้ สมน้ำหน้า
“หึหึ” ร่างใหญ่ขำในลำคอ ไอ้แต๊งมันหันขวับทันที
เอ...ท่าทางเหมือนไอ้บิ๊กจะรู้อะไร เพียงแต่เจ้าตัวไม่อยากให้บอกเท่านั้น เหมือนผมกับไอ้ทัชเลยแหะ
“บิ๊ก มึงรู้อะไร พูดมา” เสียงแข็งเพื่อเป็นการเค้นคำพูด “ไม่มีความลับเรื่องหว่างเพื่อนฝูงเว้ย” ไอ้เต็งพูดซะผมรู้สึกผิดไปจนถึงทรวงใน
“ก็ไอ้แต๊งมันมีเมียไม่ได้หรอก...นอกเสียจากว่ามันจะไปเป็นเมียชาวบ้านเค้า”
“เหี้ยบิ๊กกกกกกกกกก ย๊ากกกกกกกกกกกกก ตายซะเถอะมึงงงงงงงงงงงงงง” คนถูกแฉลุกขึ้นมาบีบคอคนที่เผยความลับตัวเองเลยครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ ลำบากไอ้ทัชที่ต้องเข้าไปช่วยแยก
“ปล่อยโว๊ยยยยย กูจะฆ่ามานนนนนนนนนนน” แต๊งกิ้วจะพยายามจะทำอย่างที่พูด แต่ผมรู้ว่ามันล้อเล่น เพราะไอ้คนถูกบีบคอมันยังนั่งเฉยๆ หัวเราะขำกับกฏิกิริยาเพื่อนตัวเอง ทั้งๆที่แค่มันออกแรงนิดหน่อยไอ้แต๊งก็ปลิวกระเด็นแล้ว
จนไอ้ทัชกับไอ้เต็งมันแยกออกจากกันได้นั่นแหละ คนถูกแฉเลยนั่งหน้าก้มงุด
“โอ๋ๆๆๆ ไม่เป็นไรน่า...ยังไงซะ ไม่วันนี้ก็วันหน้าพวกมันก็ต้องรู้อยู่ดี” ร่างใหญ่พูดปลอบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่นั่งก้มหน้ารู้สึกดีขึ้นสักนิด
มันก้มหน้านาน ไม่มีเสียงออกมาสักแอะ ทำเอาพวกผมเริ่มใจเสีย
“เห้ย เป็นไรเนี่ยมึง ท้องรึไง?”
“สัดแกรนด์!!!”
ได้ผล ได้แต๊งเงยหน้าขึ้นมาด่าผมทันที แล้วมันก็เงียบไปเมื่อเห็นสายตาเพื่อนๆที่ล้อมจ้องมันเป็นจุดศูนย์กลาง
“เอ่อ...” คนถูกจ้องค่อยๆปริปากพูด “เอ่อ คือ พวกมึงไม่รังเกียจกูเหรอวะ?”
กลายเป็นพวกผมซะอีกที่นิ่งไป
“ตราบใดที่ผัวมึงไม่หล่อกว่ากูอะนะ” ครับไอ้ทัช ไม่มีใครหล่อเกินมึงละ
“โอ๊ยย ช่างแม่งเหอะ ดีกว่ามึงไปเอากับสัตว์ละกัน...ถ้ามึงเอาจริงกูเลิกคบมึงแน่” ห่านี่ก็รักสัตว์เกิ๊นนนน
“แกรนด์แล้วมึงละ?” มันหันมาถามผม เพราะมีผมคนเดียวที่ไม่ออกความคิดเห็น
“ถ้าไอ้แกรนด์เกลียดมึงก็เท่ากับมันเกลียดตัวเองนั่นแหละวะ”
“ห๊ะ!!!”
โอ้ววว ประสานเสียงกันดังกว่าเมื่อกี้อีก
คนขุดหลุมฝังผมจิบน้ำเมาในแก้วแบบยิ้มๆ
แม่งงงงงงงงงงง กูเห็นแล้วหมั่นไส้! เดี๋ยวเถอะมึงๆๆ กูจะไปยุทิวาให้มีผัวใหม่!!
“นี่..อย่าบอกนะว่า...” ไอ้บิ๊กค้างไว้แค่นั้น แต่เชี่ยทัชมันเสือกผงกหัว
“เห้ยยยย ใครแม่งโง่เอาหมาไปทำเมียวะ!”
ป๊าบบบบบบ
ตบไหล่ไอ้ว่าที่สัตวแพทย์ไปทีนึง
“เขินแล้วรุนแรงเหรอมึง”
“อยากโดนมั่งมั้ยละสัด!!”
“ไม่อะ เก็บแรงไว้ไปเล่นกับผัวมึงเถอะ กร๊ากกกกกกกกก”
สัดแต๊ง!
“เอ้า ชนโว๊ยชนนนนนนนนนนน เนื่องในโอกาสที่พวกมึงมากันครบและ...คุณแม่มือใหม่ทั้ง2ด้วยคร้าบบบบบ”
“ห่าบิ๊ก!!/สัดบิ๊ก!!”
ถึงผมกับไอ้แต๊งจะด่ามันแต่ก็...
แกร๊งงงงงงง
“ไม่เมาไม่กลับ ไม่หลับไม่นอน ใครอ้วกเป็นหมันโว๊ยยยยยยยยยยย”
กินเหล้าแต่งานนี้งดเคล้านารีครับ ครบองค์ประชุมทั้งที คุยกันไปเรื่อย สัพเพเหระ เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย แต่ก็คงสู้โต๊ะใหญ่ประจำร้านไม่ได้ ที่ประกอบไปด้วยชายหนุ่มรูปงามและสาวสวยเต็มไปหมด ด้วยความที่เหล้านั้นพร่องไปมากกว่า1กลมแล้ว แต่ละคนก็เริ่มออกอาการสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พูดงัวเงียฟังไม่รู้เรื่อง
“อึก.. แม่ง...ฮืออออออออออออออออออ” เอาละไง ไอ้แต๊ง อยู่ดีๆมันก็ร้องไห้ แต่แปลกวุ้ย คราวนี้มันไม่ร้องเพลงบ้าบอไรของมัน ไอ้บิ๊กที่กำลังจะร้องไห้พร่ำเพ้อถึงมอไซค์ลูกรักถึงกับเงียบ ร้องไม่ออก
“เฮ้ย เป็นไรมึง” ไอ้เต็งหนึ่งดูท่าจะตกใจที่จู่ๆคนที่บ้าๆบอๆขี้เล่นอย่างแต๊งกิ้วร้องไห้แบบนี้
“อึก..ฮือ...อึก แงงงงงงง”
เวรกรรม ร้องหนักกว่าเดิมอีก
ว่าที่สัตวแพทย์ทนไม่ไหว ต้องดึงตัวมันมาซบอกพร้อมกับลูบหัวไปด้วย
เอ่อ..เต็ง นั่นมันไอ้แต๊งเพื่อนเรานะ ไม่ใช่ลูกแมว ถึงมันจะเหมือนแค่ไหนก็เถอะ
“ไม่ร้องนะๆๆ เป็นไรไหนบอกสิ๊” กลายเป็นพ่อลูกอ่อนไปแล้วเพื่อนกู
“ฮึก ฮือออ อึก ... กูก็ไม่รู้...ฮึก..ทำไมมันต้องทำแบบนี้ด้วยวะ...ฮือออออออออออออ” คนที่ลูบหัวถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก บุคคลที่3ที่คนงอแงพูดมันเป็นใครละนั่น?
ผมก็ได้แต่ยักไหล่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ดูท่าคนที่สนิทที่สุดอยู่ในม.เดียวกันจะให้คำตอบได้ แต่มันกลับเบิกตากว้าง มองไปยังด้านหลังผม แล้วอุทานเบาๆ
“ชิบหาย”
รู้สึกเหมือนมีคนเดินมาทางด้านหลัง ยังไม่ทันจะหันหลับไปมอง ตัวไอ้เต็งหนึ่งก็ลอยหวือเข้าไปอยู่ในมุมองศาที่พอดีกลับหมัดแบบไม่ได้ตั้งตัว คนที่ซบอกอยู่กระเด็นไปอีกทาง
พลั่กกกกกกกกก!!
“เฮ้ยยยย”
คนต่อยยังไม่พอใจ คว้าตัวคนที่เซมาต่อยอีกหมัด จนตัวล้มลงไปชนกับโต๊ะ กวาดแก้วน้ำ ขวดเหล้า ถังน้ำแข็งระเนระนาด เสียงแก้วแตกสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในร้าน
“เดี๋ยวก่อนๆๆๆ พี่มิล หยุดๆๆๆๆๆ หยู๊ดดดดดดดดดดดด” ไอ้บิ๊กรีบเข้าไปล๊อคตัวคนที่มาต่อย ส่วนพวกผมที่เหลือก็เข้าไปช่วยไอ้เต็งที่กำลังเช็ดมุมปาก มันสบถออกมา
“เหี้ยไรวะ!!”
แต่ผมดิ เลือดขึ้นหน้าแทนเพื่อนแล้ว
ไอ้สัด! อยู่ดีๆมาต่อยเพื่อนกู
พลั่กกก!!
ด้วยความที่เจ้าตัวถูกล๊อคจากไอ้บิ๊กอยู่เลยทำให้ผมเสยหน้ามันแบบง่ายๆ ไอ้บิ๊กยิ่งเบิกตากว้างเข้าไปใหญ่ คนโดนผมต่อยก็ยิ่งดิ้นๆๆ จนหลุดจากการจับกุม หวังจะเข้ามาต่อยผมคืน แต่ไอ้เต็งหนึ่งมันลุกขึ้นทรงตัวได้ เข้ามาถีบคนที่ต่อยอยากเต็มแรงจนตัวลอยกระเด็นไปไกล
เพล้งงงงง!!
แก้วแตกไปใบที่ร้อยแล้วมั้ง แต่ผมคิดผิด ที่แตกไม่ใช่แก้ว กลับเป็นขวดทรงกลมที่ตอนนี้ก้นขวดหายไปแล้ว เหลือเพียงคมแหลมของตัวแก้วกับปากขวดที่อยู่ในมือของไอ้เหี้ยที่มาต่อยเพื่อนผม
แม่งเล่นงี้เหรอไอ้สัด ได้!!
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หาอาวุธและเข้าไปสู้กับมันซึ่งๆหน้า ไอ้แต๊งกิ้วมันก็วิ่งเข้าไปหาคนที่ถือขวดปากฉลาม
“หยุดสักที!!” มันตวาดใส่ไอ้เหี้ยนั่น ก่อนจะหันมาทางพวกผม “พวกมึงก็ด้วย!!”
อะไรของมึงวะไอ้แต๊ง แม่งเข้ามาต่อยไอ้เต็งหนึ่งเพื่อนเรานะเว้ย เหี้ยเอ๊ยยย
ความวุ่นวายอลหม่านทำให้ตอนนี้ทั้งร้านไม่เหลือลูกค้าแล้ว ดีเจที่จัดเพลงก็หายไป ไอ้ทัชอยู่ล๊อคตัวไอ้เต็ง ไอ้บิ๊กก็เข้ามาจับผมไว้ไม่ให้อาละวาดแทนเพื่อน
นึกว่าเรื่องจะจบ แต่เปล่าเลย ใครไม่รู้อีก3-4คน จู่ๆก็เข้ามาชาร์จใส่พวกผม จนล้มกับระเนระนาด ไม่เว้นแม้กระทั่งไอ้บิ๊กที่มันตัวใหญ่จนเสียงล้มดังตึง!
และเหตุการณ์คนตีกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ตัวละครเยอะกว่าเดิม เพิ่มความสับสนวุ่นวายเข้าไปอีก ต่อยใครได้ต่อย เตะใครได้เตะ ขอแค่ไม่โดนพวกเดียวกันเองก็พอ
“หยุดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงทรงพลังทำให้ทุกอย่างชะงัก นิ่งงันอีกครั้ง ผมง้างหมัดค้าง อีกมือก็ดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้ ทุกคนหันไปมองต้นเสียง
ไอ้เหี้ยพอสนั่นเอง
แม่งหายหัวไปไหนมาวะ? คนตีกันเป็นชาติละสัส! ไหนว่าช่วยเหลือไอ้บิ๊กไว้ไงวะ ไหงเพิ่งโผล่เอาป่านนี้? แม่งงง
แต่ละคนปล่อยมือจากอีกฝ่าย ไอ้บิ๊กค้างตีนไว้อยู่บนท้องของใครไม่รู้ ทัชที่กำลังโดนกระแทกใส่ผนังก็รอดออกมาหวุดหวิด ไอ้เต็งอยู่ตรงมุมโต๊ะก็มิวายมีเลือดไหลออกจากหัว ส่วนแต๊งมีรอยบาดแผลจากที่โดนด้วยปากฉลามแสนคมนั่น
“แยกออกจากกัน” มันสั่ง แต่ทุกคนยังนิ่งเฉยๆ “กูบอกให้แยกออกจากกันไงสัด!!!”
ไม่รู้เพราะมันสั่งหรือเพราะอะไร แต่ทุกคนกลับเชื่อฟัง แยกตัวออกจากกัน ยืนพวกใครพวกมัน สายตาอาฆาตยังส่งถึงกันอยู่
“เชี่ยเอ๊ย แม่ง! ใครจะอธิบายให้กูฟังได้มั่ง?” มันหันหน้ามามองทางพวกผม “ว่าไงไอบิ๊ก”
“คือ...จู่ๆพี่มิลก็เข้ามาต่อยไอ้เต็ง..”
“ก็แม่งกกเมียกูไว้ทำไม!!!!!”
อะอ้าว...
มะ เมีย ?
ผมหันไปมองไอ้แต๊งที่ก้มหน้างุด มือกดเลือดที่ต้นแขนไม่ให้ไหล คนที่ชื่อมิลเดินเข้ามาหา ฉีกเสื้อของตัวเองแล้วเช็ดแผลนั่นให้
เอ่อ .. อึ้งเลยกู ตกลงมันยังไงแน่วะ กูงงไปหมดละห่า
“แล้วจู่ๆไอ้เชียนั่นก็เข้ามาเสือก” ไอ้คนที่กำลังเช็ดเลือดให้แต๊งนั่นชี้นิ้วมาทางผม
พูดงี้ก็ไม่สวยดิสัด
“มึงต่อยเพื่อนกูทำไมละไอเหี้ย!” ผมจะกระโจนเข้าไปต่อย แต่ไอ้บิ๊กจับไว้
“มึงหยุดพูดเลยเหี้ยแกรนด์” ไอ้พอสมันด่าผมครับ สายตาเอาจริงของมันทำให้ผมต้องหยุด “กูว่ากูพอจะเข้าใจละ” มันใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้เข้ามาหาแล้วนั่งกอดอก
“ไอ้มิลเห็นเมียตัวเองอยู่กับชายอื่น...”
“ใช่เลย! แม่งงง อยากจะเข้าไปชกอีกสักหมัด ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย”
“หยุดเลยพี่มิล นั่นมันเพื่อนสนิทผม!!!”
“เชื่อก็ควายแล้วสัด กูไม่ได้แดกหญ้าเป็นอาหารหลักเหมือนมึงนะ!”
“อ้าวไอ้เหี้ยพี่มิล มึงด่ากูเหรอ!!!”
“2ตัวผัวเมีย หยุด!! ไว้ไปเคลียร์กันเองทีหลัง”
ตั้งแต่มันปรากฏหายพูดคำว่าหยุดไปกี่รอบแล้ววะ
“พี่มิล...พวกผม5คนเป็นเพื่อนสนิทกับตั้งแต่ม.ปลายแล้วครับ..จริงๆ เชื่อผมเหอะ” ไอ้บิ๊กพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนเข้าใจผิดขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ้อ งั้นแสดงว่าไอ้หน้าอ่อนนั่นที่มันมาต่อยกูคืนเพราะกูไปต่อยเพื่อนมันสินะ”
“ก็พี่เสือกใจร้อนไม่ฟังคำอธิบาย จนโดนหมัดไอ้แกรนด์เข้าให้อะดิ..แล้วเนี่ย...ผมโดนลูกหลงเลยไง แม่ง”
“งะ..คือ..พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“แสบชะมัด”
“ขอโทษ”
แล้วไอ้แต๊งก็ยิ้ม ไอ้พี่มิลก็ยิ้ม รอบตัวมันสว่างสไวด้วยไฟสีม่วงที่ไม่รู้ผุดขึ้นมาจากไหน
“เออ แล้วไอ้วา ไอ้คีย์ ไอ้ใหม่และก็ไอ้ฮาร์ทก็เลยเข้ามาร่วมตะลุมบอนสินะ” สายตาไอ้เหี้ยพอสปรายไปทางเพื่อนๆของคนชื่อมิลที่มีรอยฟกช้ำไม่ต่างจากพวกผม “เป็นอันว่าจบเรื่อง”
“ยัง ไอ้หน้าอ่อนนั้นมันมาต่อยกูวะพอส”
อ้าวไอ้เหี้ยพี่มิล ไม่จบใช่มั้ยสัด ก็แลกกับที่มึงมาต่อยเพื่อนกูไงครับ คิดว่าเป็นผัวเพื่อนแล้วกูจะให้อภัยง่ายๆเหรอ?
“หยุดเลยสัด นั่นเมียกู”
“ห๊า!!!!!!”
ไอ้เหี้ยพอสสสสสสสสสสสส มึงจะมาพูดอะไรตอนเน้!!!!
ทุกคนตาโตทำหน้าไม่เชื่อ
“นี่เมียมึงเหรอวะพอส?” ใครคนใดคนหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งพูดขึ้น
“เออสิวะ มันชื่อแกรนด์ รู้จักกันไว้ก็ดี”
ถามพวกกูซักคำก็ดีนะว่าอยากรู้จักมั้ย?
“หมัดหนักใช้ได้นี่หว่า”
“เออ..แล้วพวกมึงมีใครข้องใจไรอีกมะ?”
“ไม่วะ แต่ไอ้บิ๊ก ทีหลังมึงช่วยพูดเร็วๆหน่อยนะ กูต่อยเพื่อนมึงไปหลายหมัดเหมือนกัน” คนที่ยืนนั่งเช็ดปากพูดขึ้น ผมเป็นคนต่อยมันเองแหละ
“นั่นดิ อดแดกเหล้าเลยแม่ง คนหายทั้งร้าน” อีกคนพูดสมทบ ไอ้นี่แม้งตัดสกินเฮด หายากนะคนตัดแบบนี้แล้วยังดูดี
“ขอโทษครับพี่วา พี่ฮาร์ท” ไอ้บิ๊กยกมือไหว้ ท่าทางมันจะรู้จักทั้งกลุ่ม
ผมคิดว่ามันจบเรื่องแล้ว...แต่เปล่าเลย
“นี่ครับ ค่าเสียหายทั้งหมด” เจ้าของร้านโผล่ออกมา ถือบิลยาวเหยียดไว้ในมือ
เอ่อ..ทั้งตัวผมมีอยู่พันห้าจะพอมั้ยอะครับ?
โปรดติดตามตอนต่อไป