เจาะไข่แดง“ไข่ดาวไม่สุก”
ร่างสูงใหญ่หยุดตะหลิวผัดข้าว
เงยหน้าขึ้นมาจากกระทะ
มองจานที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
...กระเพราไก่ไข่ดาว
ไข่ดาวที่ยังกรอบฟู ทั้งยังมีไข่แดงก้อนกลมดิก
สีเหลืองเปล่งปลั่งเหมือนพระอาทิตย์อยู่ตรงกลาง
...ไข่ดาวไม่สุก
ก็ใช่...
แล้วยังไง...
“ผมขอเปลี่ยน”
ห่ะ?
บ้ารึเปล่า
นี่ไม่เคยรู้รสทิพย์ของไข่แดงไม่สุกเลยใช่มั้ย
เวลากินเขาต้องใช้ส้อมจิ้มลงไปเจาะให้ไข่แดงแตกก่อน
ให้น้ำเยิ้ม ๆ ของมันไหลลงมารวมกับข้าวสวยร้อน ๆ
แล้วค่อยคลุกกินรวมกับผัดกระเพรา
รสชาติมันจะนุ่มละมุนเข้มข้นอร่อยเหาะ
อย่างนี้เขาถึงจะเรียกว่ากระเพราไก่ไข่ดาวที่แท้จริง
“ไข่ดาวมันต้องกินที่ไข่แดงไม่สุกถึงจะอร่อย”
แนะนำตอบกลับไป
แต่ลูกค้ากลับใช้มือขยับกรอบแว่น
พลางเอ่ยคำอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ในไข่แดงดิบมีโปรตีนที่เป็นปฏิชีวนะ
ถ้าได้รับการสะสมในร่างกายเป็นปริมาณมาก
จะทำให้เกิดกระบวนการขัดขวางไม่ให้ร่างกายได้รับวิตามิน B1
และยังอาจจะติดเชื้อไวรัสที่แฝงมาจากไก่ที่มีโรค เช่น ไข้หวัดนก
ซึ่งเป็นโรคเกิดจากเชื้อไวรัส H5N1 พบในสัตว์ปีกทุกชนิดทั่วโลก
สามารถกลายพันธุ์เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ส่งผลให้มีผู้คนล้มป่วยเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะกลุ่มคนวัย 18-20 ปี มีอัตราการตายเฉลี่ยสูง 60%”
...มันพูดพล่ามอะไรเนี่ย
ไวรงไวรัสบ้าบออะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักอย่าง
อ้อ...
เดี๋ยวนะ...
ใส่เสื้อกราวน์สีขาวแบบนี้
นักศึกษาแพทย์นี่เอง
ถึงว่า...
คงเป็นไอ้พวกรักสะอาด
มีเชื้อโรคนิดหน่อยทำเป็นสะดิ้ง
ถ้าคนกินไข่ดาวไม่สุกแล้วตายจริง
ป่านนี้ประชากรเกินครึ่งโลกคงตายไปนานแล้ว
“แล้วจะเอายังไง”
“ขอไข่ดาวสุก”
เรื่องมากว่ะ!
บ่นหงุดหงิดในใจ
แต่ก็หันไปตั้งไฟในกระทะใบใหม่
คว้าไข่ตอกกับขอบกระทะดังแป๊ก
ทอดลงร้อน ๆ บนน้ำมัน พลิกกลับไปกลับมา
ใช้ตะหลิวกดให้ไข่แดงบี้แบนจะได้สุกทั่ว ๆ เร็ว ๆ
เอาให้สมใจอยากคุณนักศึกษาแพทย์
ที่กลัวจะติดเชื้อไวรัสชักกระแด๊ก ๆ ตาย
เพราะกินไข่ดาวไม่สุกจากร้านเขา
รอสามนาทีจนไข่ดาวเกือบเป็นสีน้ำตาลไหม้
จึงยกลงจากกระทะหันไปใช้ตะหลิวเขี่ยไข่ดาวอันเก่าออก
แล้วนำไข่ดาวที่ทอดเสร็จใหม่ ๆ วางลงบนข้าวกระเพราไก่
“ได้แล้วไข่แดงสุก ๆ คราวนี้สุกแน่
รับรองไวรัสตายเกลี้ยงหมดแล้วไม่มีเหลือ”
พูดประชดแซวไป แต่คนรับไม่ตอบคำ
พยักหน้าแล้วเดินยกจานหายไปในโรงอาหารมหาวิทยาลัย
ปล่อยให้พ่อครัวใหญ่มองตามพลางนึกเซ็งในอารมณ์
สงสัยกล้ามเนื้อใบหน้าคงตายด้าน
ถึงได้ทำหน้านิ่งไม่ขอบคุณกันเลยสักนิด
เสียดายหน้าตาก็ออกจะดูดีอยู่แท้ ๆ
แต่ผอมไปหน่อย ขาวซีดแบบนั้นคงมัวแต่เลือกกิน
เป็นลมเป็นแล้งไปจะสมน้ำหน้าให้
อยากไม่รับรู้ถึงคุณค่าในรสชาติของอาหารดีนัก
...แล้วอย่าหาว่าเขาไม่เตือนล่ะกัน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“ไข่ดาวไม่สุก”
ประโยคเดิมดังขึ้นคล้ายจะได้ยินไปเมื่อวาน
ส่วนคนพูด...
ก็คนเดิมกับเมื่อวาน
นักศึกษาแพทย์ยืนหน้านิ่ง
มือยื่นจานกระเพราไก่ไข่ดาวมาให้
ร่างสูงใหญ่วางทัพพีจากการตักข้าวใส่จาน
แม้จะพอเดาคำตอบได้ในใจ
แต่ก็ยังไม่วายถามกลับ
“อะไร”
“ผมขอเปลี่ยน”
ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
อดไม่ได้ที่จะบ่นด้วยความเซ็ง
“หัดกินบ้างสิ ไข่ดาวไม่สุกกินกับกระเพราแล้วอร่อยจะตาย”
“รู้ได้ยังไงว่าอร่อย”
“เอ้า ก็เพราะกินแล้วเลยรู้ว่ามันอร่อย”
“ความอร่อยเป็นนามธรรม
มนุษย์รับรู้รสชาติอาหารผ่านทางประสาทสัมผัสจากลิ้น
โดยมีปุ่มรับรส เรียกว่า ปาปิลา ซึ่งจะมีเซลล์ต่อกับใยประสาท
เมื่อมีสารเคมีมากระตุ้น ตุ่มรับรสจะเกิดการเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ของเซลล์
ส่งไปตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 และ 9 จนถึงซีรีบัม เพื่อแปลผลออกมาเป็นรสชาติ
โดยจะมีอยู่ด้วยกันแค่ 4 รส คือ รสหวาน รสขม รสเค็ม และรสเปรี้ยว
ไม่มีรสอร่อยอยู่ในนั้น มนุษย์จึงไม่สามารถรับรู้รสชาติของความอร่อยได้”
เออ...
นี่เขากำลังคุยอยู่กับใครวะ
ตำราแพทย์เดินได้เหรอ
มันถึงได้พูดอะไรยาก ๆ ฟังไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง
เคยได้ยินมาเมื่อกันว่าอัจฉริยะกับความบ้าห่างกันแค่เส้นบาง ๆ
สงสัยไอ้คุณชายนักศึกษาแพทย์คนนี้
คงข้ามเส้นที่ว่าไปอยู่อีกโลกเรียบร้อยแล้ว
พ่อครัวใหญ่นึกปลง ความขี้เกียจยังมีอยู่
แต่ไม่อยากฟังว่าที่คุณหมอพล่ามอะไรวิชาการออกมาซ้ำสอง
จึงหันไปจัดการเทน้ำมันรอให้ร้อน หยิบไข่ตอกลงบนกระทะ
ทอดให้สุกจนแน่ใจว่าไข่แดงแข็งเป๊ก
แล้ววางลงบนจานข้าวกระเพราไก่ให้เหมือนเดิม
คนรับถือจานหมุนตัวหันหลังกลับไปไร้คำพูดใด ๆ
ทว่า ยังไม่ทันที่ลูกค้าจะเดินออกห่าง
ร่างสูงกลับเอ่ยคำลอย ๆ
ด้วยเสียงที่ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน
“อร่อยเพราะใจบอกว่าอร่อยก็แค่นั้น”
ร่างบางชะงักเล็กน้อย
แต่ก็ยังก้าวขาเดินไปต่อโดยไม่สนใจ
ทิ้งให้คนมองได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอา
อุตส่าห์แนะนำของดีให้ก็ไม่ยอมฟัง
เอาเถอะ...
อยากทำกินไข่แดงแห้ง ๆ แข็ง ๆ แบบนั้นก็ตามใจล่ะกันนะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“ไข่ดาวไม่สุก”
ไม่ใช่เสียงเดิม แต่เป็นเสียงเขาเอง
ชิงบอกก่อนเลยตั้งแต่คนซื้อยังไม่อ้าปากสั่ง
“กระเพราไก่ไข่ดาวใช่มั้ย กินเมนูเดิมทุกวันไม่เบื่อหรือไง”
พูดพลางหันไปเตรียมตั้งกระทะผัดข้าว
ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่ตอบกลับ
“ผมวิเคราะห์มาแล้วว่าเมนูกระเพราไก่ไข่ดาวมีสารอาหารครบถ้วน
อันประกอบไปด้วย โปรตีนที่ได้จากไก่และไข่แดง คาร์โบไฮเดรตจากข้าวและไข่ขาว
เกลือแร่จากใบกระเพรา ไขมันจากน้ำมันที่ทอดและใช้ผัด
วิตามินซีและเบต้า-แคโรทีนจากพริก สารออร์แกโนซัลเฟอร์จากกระเทียม
โดยกระเพราไก่ไข่ดาวหนึ่งจานจะให้พลังงานทั้งหมด 630 กิโลแคลลอรี่
ซึ่งตามปกติร่างกายของคนเรา....”
“พอ ๆ ครับคุณหมอ เข้าใจแล้ว”
รีบร้องขัดทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ
ขืนรอให้พูดจบก็ไม่ต้องผัดข้าวกันพอดี
ทว่า คู่สนทนากลับยังคงเอ่ยแย้ง
“ผมยังไม่ได้เป็นหมอ ต้องรอเรียนจบอีกสองปี”
ว่ะ! ไอ้เด็กนี่ยังไง
พูดแซวประชดเล่นน่ะรู้จักมั้ย
“เออ รู้แล้ว แค่พูดเล่น ๆ
นี่ถามจริง ซีเรียสกับชีวิตมากเกินไปรึเปล่า
พักบ้างก็ได้เถอะ”
“อาชีพหมอไม่มีวันหยุดพัก”
...อื้อหือ อุดมการณ์แรงกล้า
ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าคนเป็นหมอมันลำบาก
แต่ถ้าไม่หัดเพลา ๆ จากตำราดูบ้าง
เขาว่ามันจะบ้าก่อนเป็นหมอนะ
คิดไปมือก็ผัดกระเพราะไก่
ตักราดข้าวสวยร้อน ๆ หอมกรุ่น
ไม่ลืมที่จะทอดไข่ดาวสุก ๆ วางปิดท้าย
ยื่นจานส่งให้คนรอ
“งั้นก็ตั้งใจเรียนล่ะคุณหมอ
อ่ะ...ไม่ใช่ ต้องว่าที่คุณหมอที่จะจบอีกสองปี”
แกล้งพูดแหย่เล่น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่รับมุก
ส่งเงินให้ทำหน้านิ่งตามสไตล์
แล้วก็เดินหันหลังจากไป
ปล่อยให้เขาได้แต่ยืนมองอยู่ไกล ๆ
เฮ้อ...ไม่เข้าใจพวกไม่มีอารมณ์ตลกในหัวใจเลยจริง ๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“รอแป๊บนะ เดี๋ยวไปผัดกระเพราให้”
เตรียมหันไปหยิบตะหลิวทันทีที่เห็นลูกค้าประจำคนเดิมเดินเข้ามา
“ไม่ต้อง วันนี้ขอเป็นข้าวผัด”
มือใหญ่ชะงัก
หันกลับไปมองร้องถามอย่างงง ๆ
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเดิม ๆ บางอย่าง
จะช่วยทำให้ลดปัญหาความเครียดอยู่ในภาวะระดับเหมาะสม
และยังเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟิน
ซึ่งเป็นสารเคมีในรูปขอพอลิเพปไทด์ที่เกิดจากการเรียงตัวของกรดอะมิโนเพียง 32 โมเลกุล
สร้างมาจากเซลล์ประสาทเพื่อช่วยในการทำงานของสมอง
ทั้งยังช่วยระงับความเจ็บปวด ตลอดจนควบคุมการตอบสนองทางอารมณ์และจิตใจ”
...มาอีกแล้วไอ้ศัพท์การแพทย์
แต่ครั้งนี้มันแปลกๆ
ถึงจะพูดเข้าใจยากอยู่สักหน่อย
แต่ถ้าฟังดี ๆ แล้วก็คล้ายจะพอเดาได้ไม่ยาก
“มีเรื่องเครียดอะไรอยู่ใช่มั้ย”
คนถูกถามนิ่งงัน
ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
หากแต่ดวงตาเรียวภายใต้กรอบแว่นกลับหรุบต่ำลงมองพื้น
ก่อนจะตอบคำเสียงเบากว่าเดิมสั้น ๆ
“คะแนนสอบย่อยทำได้ไม่ดี”
อ้อ...
อย่างนี้นี่เอง...
เขาพยักหน้าเข้าใจ
หมุนตัวหันกลับไปผัดอาหารในกระทะดังโฉ่งเฉ่ง
เสร็จแล้วก็ยื่นจานส่งให้คนรอ
ซึ่งขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อมองเห็นของที่อยู่ภายใน
“ผมสั่งข้าวผัด ไม่ใช่ข้าวกระเพราไก่
แล้วนี่ไข่ดาวก็ไม่สุกด้วย”
“เออน่า...
ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็ต้องหัดกินดู
รับรองกินแล้วอารมณ์ดีทันตา”
ไม่พูดเปล่า มือหยิบช้อนมาเจาะไข่แดงที่ยังไม่สุกดี
ให้น้ำของไข่แดงไหลเยิ้มมารวมกับข้าวสวยร้อน ๆ
คลุกผสมรวมกับกระเพราไก่ส่งกลิ่นหอมฉุย
“อ่ะ อ้าปาก”
ตักขึ้นมาคำหนึ่งยื่นจ่อให้คนตรงหน้า
ทว่า อีกฝ่ายกลับถอยห่างพยายามบอกอธิบาย
“แต่ไข่แดงไม่สุกจะมีโปรตีนปฏิชีวนะ ซึ่ง...”
“เลิกพูดเรื่องวิชาการ แล้วอ้าปากซะ”
คนโดนสั่งนิ่งเงียบทันที
มองสบไปที่ดวงตาคมดุที่จ้องกลับมาอย่างจริงจัง
ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจอ้าปาก
ให้พ่อครัวได้ป้อนเสิร์ฟอาหารถึงที่
“ดีมาก...
หลับตา ค่อย ๆ เคี้ยวช้า ๆ
ให้รสมันละเลียดผ่านลิ้น”
นักศึกษาแพทย์ทำตามอย่างว่าง่าย
หลับตาลง ค่อย ๆ เคี้ยวรับรู้ถึงรสชาติต่าง ๆ
ที่ทยอยผ่านปลายลิ้น
หอม เค็ม หวาน มัน เผ็ด
ทุกรสผสมลงตัวออกมาได้กลมกล่อม
...เป็นรสชาติแปลกใหม่ที่เขาเพิ่งเคยลิ้มลองเป็นครั้งแรก
“เป็นไงอร่อยมั้ย”
คนถูกถามกำลังจะอ้าปากตอบว่าความอร่อยเป็นนามธรรม
แต่บางสิ่งในใจกลับสั่งให้หยุดไว้
แล้วเปลี่ยนเป็นพยักหน้ารับ
“อือ...อร่อย...”
คนฟังยิ้มกว้างเมื่อได้คำตอบถูกใจ
“เห็นมั้ยบอกแล้วว่ากระเพราไก่มันต้องกินกับไข่ดาวไม่สุก
เออ แล้วเรื่องสอบน่ะ ไม่ต้องไปคิดมากหรอก
ครั้งนี้ไม่ได้ครั้งหน้าก็พยายามใหม่
เก่ง ๆ อย่างเราทำได้อยู่แล้ว เชื่อสิ”
พูดให้กำลังใจไป
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เขาพูดออกไปอย่างนั้น
คงเป็นเพราะได้ยืนฟังเจ้าตัวสาธยายเหมือนท่องตำรามา
ถึงได้มั่นใจว่าคนคนนี้คงเก่งไม่น้อย
แม้จะดูเกิน ๆ ไปบ้างสักหน่อย
แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นเด็กธรรมดา ๆ
ที่มีเรื่องกลุ้มใจตามประสาคนทั่วไปอยู่เหมือนกัน
ร่างที่ยืนอยู่นิ่งเงียบ
ดวงตาหลังเลนส์แว่นยังคงมองจานกระเพราไข่ดาวที่กินไปแล้วคำหนึ่ง
ก่อนจะยกจานขึ้นมายื่นส่งเงินให้
คนรับก้มเก็บตังค์ลงในกระเป๋าผ้ากันเปื้อน
ไม่พูดว่าอะไรเพิ่มเติม
เพราะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงเดินจากไปเช่นนี้เป็นปกติ
ทว่า ครั้งนี้ ลูกค้าประจำกลับไม่ขยับ
จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง
แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบางสิ่ง
...รอยยิ้ม
...รอยยิ้มบาง ๆ
แต่ก็ยังสร้างรอยบุ๋มเกิดเป็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มข้างขวา
ดูสดใสชวนมองจนไม่อาจละสายตาออกไปได้
“ขอบคุณครับ”
ได้ยินคำพูดประโยคสั้น ๆ แค่นั้น
ก่อนอีกฝ่ายจะเดินจากไป
ทิ้งพ่อครัวไว้กับอาการผิดปกติบางอย่างที่เริ่มเกิดขึ้น
...แย่แล้ว
รู้สึกใจมันสั่น ๆ หวิว ๆ ชอบกล
แล้วทำไม...
ทำไมปากถึงยิ้มไม่ยอมหุบแบบนี้
...กลับมาก่อนได้มั้ย
ว่าที่คุณหมอช่วยกลับมาตรวจร่างกายให้เขาที
อยากรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้เขาเป็นอะไร
ไม่สบาย...
เป็นไข้...
หรืออาจจะเป็นเพราะโดนไวรัสจากไข่แดงไม่สุก
...เล่นงาน ‘หัวใจ’ เข้าให้เต็ม ๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ENDแวะมาเสิร์ฟกระเพราไก่ไข่ดาวค่า 
เมนูสิ้นคิดที่สั่งเป็นประจำ
ไม่รู้จะเป็นเมนูโปรดของใครบ้างหรือเปล่า
แล้วมีใครชอบทานไข่ดาวไม่สุกบ้างมั้ยเอย
คนเขียนล่ะชอบคนหนึ่ง
ไข่แดงเยิ้ม ๆ คลุกข้าวกินอร่อยจริง ๆ นะตัวเอง
ใครไม่เคยลองก็อย่าลืมหามาทานกันนะจ๊ะ
แล้วระวังจะตกหลุมรักเอาไม่รู้ตัว
ป.ล. ใครโดนชื่อตอนหลอกมาบ้าง
ชักตั้งได้ส่อขึ้นทุกวันแล้ว ฮ่าๆๆ
BitterSweet