เวลาผ่านเนิ่นนานไปจนทั้งคู่เติบโตขึ้นมา มีหน้าที่ของแต่ละคนให้รับผิดชอบ คมเข้าทำงานที่บริษัทของอลันหลังจากเรียนจบ
อลันได้บริษัทนี้มาจากวิคเตอร์ เฟอร์ริงตันผู้เป็นบิดา ตั้งแต่ที่อลันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ คมที่เข้ามาทำงานที่บริษัทได้คอยช่วย
เหลือผู้เป็นนายมาโดยตลอด จนเมื่อฮิโรยูกิเรียนจบมาและได้รับการสอนเชิงธุรกิจจากพี่ชายอย่างอลัน อลันก็ได้จัดการให้
น้องชายของตนเองไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ สร้างบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อคอยรองรับงานจากบริษัทของอลันอีกที
เมื่อคราวแรกที่ให้น้องไป อลันได้ส่งให้คมไปช่วยดูแลต่อจากตนเอง ทั้งคมและฮิโรยูกิก็ยังคงมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งยาวนาน
ตลอดมา โดยที่คมปกปิดมันเอาไว้ แต่ยิ่งเขาปิดบัง ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งก่อเกิด ฮิโรยูกิเองก็เห็นคมเป็นเหมือนจุดศูนย์กลาง
ของทุกสิ่ง มันอาจจะดีที่เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดฮิโรยูกิตลอดเวลาที่ช่วยงานอยู่ต่างประเทศนั้น คมได้เห็นฮิโรยูกิในอีก
มุมหนึ่งที่ไม่ใช่ฮิโระตัวน้อยของเขา เป็นชายหนุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ได้รับการยอมรับ มีใครต่อใครหมายปอง อยู่ในโลกที่เขา
เข้าไม่ถึง และทุกคนที่รายล้อมฮิโรยูกิก็ต่างมีฐานะและชาติตระกูลที่แสนยิ่งใหญ่ คมอดไม่ได้ที่จะเกิดการเปรียบเทียบกับตนเอง
เขาไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงลูกน้องคนหนึ่งในบริษัท เวลานี้เหมือนตนเองกำลังฉุดดึงฮิโรยูกิลงมามากกว่าที่จะคอยช่วยผลักดัน
แม้ตลอดเวลาที่ผันผ่านฮิโรยูกิจะไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ ไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าใครอยู่สูง ใครอยู่ต่ำ นั่นอาจจะเพราะว่าโลกของ
ฮิโรยูกิมีแต่คม เพราะคมทำให้มันเป็นเช่นนั้น เป็นคนก้าวเข้าไปหาเด็กชายฮิโรยูกิ เป็นคนทำให้เด็กชายคนนั้นได้เรียนรู้โลกของ
ผู้ใหญ่ที่เด็กน้อยอย่างฮิโรยูกิในเวลานั้นไม่เคยพบเห็น นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ฮิโรยูกิรักเขา เมื่อความกังวลมากมายเกิดขึ้น
ทำให้คมตัดสินใจจากลา เพราะคิดว่ามันคือหนทางที่จะทำให้ฮิโรยูกิได้ก้าวเดินอย่างสง่าในระดับชั้นที่คู่ควร…
“พี่คม พี่อลันบอกว่าพี่จะกลับไปหรือ!?”
เสียงฮิโรยูกิเอ่ยถามตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาภายในบ้านของตนเอง วันนี้เขาได้รับเชิญจากท่านทูตให้ไปร่วมรับประทานอาหาร
กัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คงอยากให้ได้ทำความรู้จักกับลูกสาวของท่านเองด้วย งานนี้มันเป็นส่วนตัวคมจึงไม่ได้ตามเขาไปด้วย จน
เมื่อถึงเวลาที่เขาจะกลับมาที่บ้าน ฮิโรยูกิก็ได้รู้ข่าวจากอลันว่าคนที่รออยู่ที่บ้าน ณ เวลานี้กำลังจะเดินทางกลับไทยในไม่ช้า นั่น
ทำให้เขาร้อนใจจนต้องรีบเร่งกลับมาเพื่อถามไถ่
คมก้าวเข้าไปรับหน้าคนที่พุ่งตัวเข้ามาในบ้านท่าทางร้อนใจ ฮิโรยูกิมองคมอย่างว้าวุ่น ไม่อยากให้คำตอบมันเป็นไปในทางที่
ตนเองได้รู้มา แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เมื่อคมเอ่ยบอก
“ใช่ ตอนนี้ฮิโระก็จัดการงานทุกอย่างด้วยตนเองได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพี่คอยดูแลแล้วล่ะ ฮิโระเก่งอยู่แล้ว”
คมฝืนยิ้มให้ แต่อีกคนกลับมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้เมื่อได้ฟังเช่นนั้น
“ไม่ พี่จำเป็นสำหรับผมนะ อยู่กับผมเถอะ”
ฮิโรยูกิวอนขอ คมมองคนตรงหน้า พยายามหักใจแล้วให้เหตุผลซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นเพียงข้ออ้าง
“พี่ต้องกลับไปช่วยงานอลันนะ”
“อลันมีคนช่วยเยอะแยะ ถึงไม่มีพี่เขาก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ผมต้องการพี่นะครับ” ฮิโรยูกิเอ่ยแย้ง พยายามจะรั้งคนที่กำลังจะจาก
ไปเอาไว้ให้ได้
“ฮิโระ พี่ขอโทษนะที่ทำให้ฮิโระเป็นแบบนี้”
พอคมพูดมาเช่นนนั้นฮิโรยูกิก็ชะงัก สีหน้าหนุ่มตี๋เจื่อนลงไปเมื่อเริ่มรับรู้อะไรบางอย่างจากคำพูดนั้น
“มะ... หมายความว่าไงครับ?”
ฮิโรยูกิเอ่ยถามเสียงแผ่ว คมมองหน้าอีกคนนิ่งราวกับกำลังรวบรวมความกล้าที่จะพูดบางอย่างที่คิดไว้ออกมา ความเงียบเริ่มปก
คลุมรอบกายของทั้งคู่ ฮิโรยูกิกัดปากตนเองจนเจ็บ หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมาไม่รู้สาเหตุ
“พี่ผิดเอง ฮิโระควรจะมีชีวิตที่ดี อยู่ในสังคมที่ดี และมีคู่ครองที่ดีและเหมาะสม”
“พี่คม”
ฮิโรยูกิเอ่ยเรียกคนพูดน้ำเสียงรวดร้าว พอๆกับใจเขาที่เริ่มเจ็บแปลบ คมสูดลมหายใจเข้าลึก
“ฮิโระควรได้อยู่ในที่ๆคู่ควร ไม่ใช่มาจมปลักอยู่กับคนอย่างพี่ที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ฮิโระเลยสักอย่าง”
“ผมไม่ได้ต้องการให้พี่ทำประโยชน์อะไรให้ ไม่ได้ต้องการความคู่ควรเหมาะสมอย่างที่พี่บอก แต่ที่ผมต้องการคือการมีพี่อยู่เคียง
ข้างเท่านั้น”
“................”
“ถ้าผมเป็นคนไม่ดี ถ้าผมดื้อ พี่จะดุผมก็ได้ จะตีผมก็ได้ แต่อย่าพูดเหมือนจะผลักไสผมแบบนี้…”
คมคว้าร่างเพรียวมากอด รู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดของคนตรงหน้า ฮิโรยูกิยืนนิ่งให้คมกอด แต่เขากลับไม่ไดรู้สึกว่าอ้อมแขนนี้
มันอุ่นแม้แต่น้อย ความอบอุ่นที่เคยมีทุกครั้งที่ถูกโอบกอดมันหายไปแล้ว เพราะในเวลานี้เขากำลังจะถูกทอดทิ้ง…
ฮิโรยูกิตื่นมาในเช้าวันใหม่ก็ไม่เห็นคมอีกแล้ว ชายหนุ่มเหลียวมองหาคนที่โอบกอดกันมาทั้งคืนแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา มือเรียว
คว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาเพื่อที่จะต่อสายถึงคนที่จากไปโดยไม่ลานั้นแต่กลับต้องชะงัก กระบอกตาร้อนผ่าวน้ำตาพาลจะไหล
เมื่อรู้สำนึกแล้วว่าตนเองถูกทิ้งไว้คนเดียวเสียแล้ว จากที่จะโทรหาฮิโรยูกิก็วางมันลงอย่างหมดแรง เหมือนฝัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่
เกิดกับตัวเขามาแสนนานนั้นราวกับแค่ฝันไป และตอนนี้เขาก็ตื่นขึ้นมาจากความฝันนั้นแล้ว กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ไร้
คนข้างกาย และบอกย้ำกับตนเองว่าที่ผ่านมาคงแค่ฝันไป…
… … … … … … …
ความทรงจำที่มีทั้งดีและร้ายปะปนมันจบลงไปนานแล้ว เมื่อกลับมาสู่ปัจจุบัน ณ เวลานี้ทั้งสองไม่ได้แยกจากกันไปไหน มีกัน
และกันในอ้อมกอด หัวใจที่เหน็บหนาวของฮิโรยูกิมีอ้อมแขนอบอุ่นของคมคอยปลอบประโลมให้คลายหนาว คำมั่นสัญญาที่ว่า
จะไม่มีวันทอดทิ้งให้ต้องอยู่โดดเดี่ยวอีกแล้วนั้น ก็คอยโอบประคองให้ความรักที่มีมั่นคง
คมเฝ้าเวียนจูบคนในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากแต่งแต้มรอยยิ้มเปี่ยมสุข จะปกป้องคนนี้ให้ดี ไม่ให้ต้องเจ็บช้ำซ้ำรอยเดิม
อีก และต่อให้ปัญหาที่พบเจออยู่ ณ ตอนนี้จะหนักหนาเพียงไหน เขาก็จะไม่มีทางยอมแพ้โดยเด็ดขาด จะไม่มีทางปล่อยมืออีก
เด็ดขาด…
++++++++++++++
อีกด้านหนึ่ง ณ บริษัทการเงินของอลัน
ภายในห้องทำงานของผู้บริหาร อลันนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ขณะที่แขกประจำอย่างเปียวนั่งอยู่อีกฝั่ง เปียวที่ได้รู้เรื่องราวระหว่างคม
กับฮิโรยูกิจากอลันแล้วเด็กหนุ่มก็หน้าเศร้า อลันรู้ทุกอย่าง แต่ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงเรื่องระหว่างทั้งคู่
เมื่อได้รู้ดังนั้นแล้วเปียวก็รู้สึกว่าเรื่องราวของคมกับฮิโรยูกิช่างเป็นความรักที่เจ็บปวดเสียจริง ทั้งที่รักกันแต่ก็ต้องแยกจากแบบนี้
มันทรมานเกินไป ยิ่งพอกลับมาพานพบกันอีกหนแต่ก็ต้องหักห้ามใจอีกยิ่งแย่ไปใหญ่ เปียวอยากให้เขาทั้งสองสมหวังกันสักที
เด็กหนุ่มมองอลัน จนอีกฝ่ายต้องเงยหน้าขึ้นมาจากงานที่ทำอยู่
“อะไร ไม่ต้องมามองเลย เรื่องนี้ยอมไม่ได้!” อลันทำขึงขังทั้งสีหน้าและน้ำเสียง
“คุณน่ะ~”
เปียวทิ้งเสียงกระเง้ากระงอดเล็กๆอย่างขัดใจ อย่างนี้ทุกทีล่ะอลันน่ะ พอพูดเรื่องคมกับฮิโรยูกิทีไรต้องมามาดนี้ทุกที เด็กหนุ่ม
กอดอกหน้ามุ่ย อลันมองอย่างอ่อนใจ ไม่น่าเล่าให้ฟังเลยจริงๆ
ชายหนุ่มปิดแฟ้มงานที่ทำอยู่ลงก่อนลุกขึ้นเดินอ้อมมาหาคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หมุนเก้าอี้ที่เปียวนั่งมาทางที่ตนเองยืน เปียวเงย
มองเมื่ออีกฝ่ายเท้าแขนกับที่วางแขนของเก้าอี้กันตัวเขาไว้
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาไปเถอะน่า มาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า…” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เรื่องของเรา?” เปียวเลิกคิ้วแล้วเอียงคอมองอีกฝ่าย
“ใช่ เรื่องของเรา”
อลันตอบรับคำ ปลดแขนเรียวที่กอดอกอยู่นั้นออก รวบมือข้างหนึ่งของเปียวยกขึ้นมาจูบ มองสบดวงตาวาวใส โน้มใบหน้าลง
ใกล้ชิด
“เมื่อไหร่คุณจะกลับมาอยู่ด้วยกันสักที ผมไม่อยากห่างคุณนานๆแบบนี้เลยนะที่รัก” คนตัวโตเอ่ยอ้อน เปียวอมยิ้มน้อยๆแล้วว่า
“คุณรู้สึกตัวไหมว่าตัวเองเลี่ยนขึ้นทุกวันแล้ว”
“เป็นแค่กับคุณนะ”
“จริงน่ะ?”
เด็กหนุ่มทำน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อ อลันโน้มใบหน้าลงใกล้อีก หมายจะมอบจุมพิตและเลาะเล็มให้พอชื่นใจ นิ้วเรียวของเด็กหนุ่ม
จิ้มหน้าอกมิสเตอร์แอล ริมฝีปากสวยเปิดยิ้มก่อนเอ่ยประท้วง
“นี่มันที่ทำงานนะครับมิสเตอร์แอล”
“คิดถึง” อลันทำเสียงออดให้อีกคนเห็นใจ
“คิดถึงอะไร เจอกันเกือบทุกวัน” เปียวเอ่ยแย้ง
“คิดถึง...”
ชายหนุ่มตัวโตลากเสียง มือปลาหมึกเริ่มลามไปที่ต้นขาของเด็กหนุ่ม สายตามองลงต่ำตามมือที่ลูบไล้ เปียวมองตามแล้วส่าย
หน้าหน่ายคนหื่น เด็กหนุ่มดันตัวอลันออกก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ อยู่ท่านี้เสียเปรียบที่สุดเลย เมื่อลุกขึ้นมาแล้วเปียวก็เขยิบ
เลี่ยงอ้อมแขนของอลัน
“กลับดีกว่า”
“จะรีบไปไหนเล่า ขอกอดให้หายคิดถึงก่อน มา”
ยังไม่ทันจะเลี่ยงไปไหนไกล มือหนาก็คว้าแขนคนทำเนียนจะเดินหนีแล้วดึงให้เข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรงของตนเอง อลันกด
จมูกทั้งหอมแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม ปัดผ่านเลยมาที่ซอกคอขาวๆจนเปียวจั๊กจี้คอ
“อลัน ไม่เล่นนะ อะ… ฮ่าๆๆ ไม่เอา~”
เด็กหนุ่มหัวเราะ ขณะที่เอวถูกกอดเกี่ยว ทั้งแก้ม ทั้งปาก ทั้งคอก็โดนปากกับจมูกของอีกคนประทุษร้ายไปจนครบ เสียงเคาะ
ประตูดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ที่หยอกล้อกันอยู่ชะงัก ยังไม่ทันที่จะได้ผละออกห่างจากกันประตูก็เปิดผางเข้ามา ไม่แม้แต่จะรอฟังคำ
อนุญาตจากเจ้าของห้อง
อลันและเปียวมองผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้องแล้วขมวดคิ้ว เลขานุการสาวใหญ่หน้าห้องยืนหน้าเจื่อนอยู่ตรงประตู ขณะที่แขกผู้ไม่ได้
รับเชิญก้าวฉับๆเข้ามา อลันปล่อยเอวเปียวแล้วยืดตัวยืนตรง มองหญิงสาวที่เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและเปียวด้วยสีหน้าเรียบ
เฉย ขณะที่เปียวมองผู้มาใหม่งงๆ
‘นาตาเซีย เธอมาทำอะไรที่นี่???’
TBC
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ขอบคุณทุกๆบวกที่ให้กันด้วยค่ะ คืนนี้มาบวกให้เช่นเคย 
ขออนุญาตตอบคอมเม้นต์กันสักนิด (อยากตอบทุกอันเลย แต่มันจะเยอะไปเนาะ^^)
@gupalz >> คนนี้เขารู้จริงเพราะอ่านมาตั้งแต่เรื่องแรก เริ่มรู้แกวกันแล้วว่าจะพาไปแนวไหน เอิ้กๆ
@huneyhoon+zazoi >> ถึงจะชอบอ่านสามพี แต่เรื่องแต่งสามพี... ไม่สามารถค่ะ (ปาดเหงื่อ)
@love2y >> ให้อัลคู่พิชญ คงพลิกล็อคกันน่าดูล่ะงานนี้ ฮ่า สงสารเฮียอเล็กซ์แกเถอะค่ะ ไม่มีใครรักแกเลย น่าสงสารออก
เนาะ (พี่love2yบอก แต่ตูไม่สงสารมันเฟร้ย! 555)
@indy❣zaka+bobby_bear >> ลางสังหรณ์ดีทั้งคู่เลยอ่ะ แฮ่^^” ไม่เคยแต่งได้ยาวเป็นร้อยๆตอนเหมือนคนอื่นเขาสักที
ฝึกต่อไป โย่ว!
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ 
วันใหม่ 