จอมไตรซีรีส์(ดิน)ความรักไม่ใช่แค่คนสองคน END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จอมไตรซีรีส์(ดิน)ความรักไม่ใช่แค่คนสองคน END  (อ่าน 172076 ครั้ง)

ออฟไลน์ zitronen-tee

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
    • https://www.facebook.com/DaisyLetter
เย้ ได้อ่านเเล้ว :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
ดีใจที่ได้อ่านจอมไตรอีกครั้งค่ะ :L2: :L2:

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
พี่ก็รางเลือนเหมือนกัน
รู้แต่ว่าประทับใจกับจอมไตรซีรี่ย์
เพราะงั้น พี่ต้องย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ก่อนน่ะ

munbinkun

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะได้ไปอ่านจอมไตรซีรีย์มาทั้งสองเรื่องไม่กี่วันก่อน แล้วมาเปิดเจออีกเรื่องแล้ว
 คราวนี้เป็นของพี่ดินซะด้วย ได้อ่านคู่นี้ซะที รอมานานแล้ว หุหุ

janeyuya

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยยยยยยยยยย คิดถึงจอมไตร
ตาหวานสุดที่รักของพี่เจน╰( ̄▽ ̄)╭ *โดนเตะ*

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
ตามมาอ่านด้วยคนจ้า
เรื่องราวของปามน่าสงสารจัง แม่มีเหตุผลอะไร ทำไมทำอย่างนี้นะ
ขอให้ได้เจอเรื่องดีๆ ต่อจากนี้นะจ๊ะ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
ไม่มีหลาย P ค่ะ ลองย้อนๆกลับไปอ่านซีรีย์นี้จากเรื่องก่อน ๆ ดูนะคะ สนุกมากกกก และจะได้รู้ว่า ไม่ 2 3 4 5 P แน่นอนค้า ^____^

เผื่อใครงงค่ะ ถ้าเห็นไม่สมควรแจ้งลบได้นะคะ อยากให้ย้อนอ่านทุกคู่เลยคุณจิ๊บเขียนดีและสนุกจริง ๆ  :กอด1:
ชอบธาราอ่ะ นึกถึงภาพสาวทอมก๋ากั๋นหน่อยๆ อิอิ


เอารูปผังบ้านจอมไตรมาฝาก ^^ ((เอ่อ...ถ้าเห็นว่าไม่ควรแปะบอกได้นะคะ เดี๋ยวมาลบให้ค่ะ))


ขอบคุณ iamnan ที่มาตอบแทนค่า ตามนั้นเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับผังตัวละครบ้านจอมไตรด้วยค่ะ ใครจำไม่ได้นึกไม่ออกกดไปดูกันนะค่า

ขอบคุณสำหรับคำชมด้วยค่ะ อิอิ

ตอนที่2

ปารมีกดอินเตอร์โฟนหน้าประตูรั้วด้วยใจกลัวๆกล้าๆ ป้ายบอกชื่อ บ้านจอมไตร ติดอยู่บริเวณกำแพงข้างประตูรั้วอัลลอย เนื้อที่บ้านเหลือประมาณยิ่งทำเอาปารมีใจไม่ดี ในรั้วบ้านมองเห็นบ้านห้าหลังเรียงรายกันอยู่ รูปทรงของบ้านแต่ละหลังแตกต่างกันไป 

“มาหาใครครับ”

เสียงคนด้านในตอบกลับออกมา ปารมีแจ้งชื่อตัวเองและจุดประสงค์การมา ไม่นานประตูก็เปิดออก พร้อมกันลุงคนหนึ่งขับรถกอล์ฟมารับ

รถจอดลงตรงหน้าบ้านหลังกลางซึ่งดูเก่าแก่ที่สุดในบรรดาบ้านทุกหลัง เลขาสาวที่สัมภาษณ์ปารมียืนรออยู่ตรงหน้าบ้านก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ”

ปารมีทักทายหญิงสาวและได้รับรอยยิ้มกลับมาแทนคำตอบรับ

“วันนี้คุณหนูๆหยุดพอดี เดี๋ยวก็จะได้เจอกันเลย แต่ตอนนี้กำลังไปว่ายน้ำกับน้องชายท่านประธาน”

เธอชี้แจงโดยลอบมองปฏิกิริยาของปารมีไปด้วย เมื่อเห็นว่าปารมีเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับการบอกเล่าถึงน้องชายท่านประธานก็แอบโล่งใจที่ดูเหมือนคราวนี้ตัวเองจะเลือกคนไม่ผิด เธอเดินนำปารมีขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านและพามาหยุดยังห้องหนึ่ง

“นี่คือห้องพักของคุณ ขอชี้แจงเรื่องการทำงานอีกครั้งนะคะ วันธรรมดาทำงานช่วงเช้าก่อนคุณหนูทั้งสามคนไปโรงเรียนและตอนเย็นหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน ดูแลอาหารเช้าเย็น จนถึงเวลาสามทุ่มซึ่งเป็นเวลาเข้านอนของทั้งสามคน ส่วนเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดอื่นๆ ให้คุณช่วยดูแลช่วงอาหารเที่ยงเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น นอกนั้นเหมือนวันธรรมดา มีอะไรสงสัยไหมคะ”

ปารมีสั่นหัวแทนคำตอบทั้งๆที่ฟังที่หญิงสาวพูดแทบไม่ทัน

“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องชายท่านประธานจะเป็นคนแนะนำคุณให้คุณหนูทั้งสามเอง”

ว่าแล้วเธอก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน แต่ก่อนออกไปก็ยังไม่วายหันมาพูดอวยพรว่า ขอให้โชคดี ปารมียิ้มรับ แต่ยังสงสัยสายตาของคุณเลขาไม่หาย เหมือนจะสงสารปารมียังไงไม่รู้

ปารมีวางตาหวานลงบนที่นอน เด็กชายนอนหลับมาตั้งแต่อยู่บนรถแท็กซี่และยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ร่างบางเริ่มจัดข้าวของเข้าที่ไปพลางๆในขณะที่ว่าง ไม่นานก็ได้ยินเสียงเด็กดังมาจากชั้นล่าง จึงหยุดมือและลงไปเพื่อแนะนำตัวเอง

“คุณคงเป็นคุณปารมี ผมวฏะฮะ เรียกไม้ก็ได้”

ไม้แนะนำตัวด้วยท่าทางเป็นมิตรและขี้เล่นตามแบบฉบับของเขา แต่เด็กสามคนกลับมองผ่านเลยปารมีไป ไม่สนใจสักนิด พอปารมีหันไปมองด้วยความสงสัย คุณไม้เลยยิ้มอย่างเห็นใจมาให้

“พวกเด็กๆไม่ค่อยชอบพี่เลี้ยงน่ะครับ”

ปารมีพยักหน้าเข้าใจ กลอนเคยมาพูดให้ฟังว่าลูกท่านประธานดื้อ แถมหวงพ่อและอาๆที่สุด

ไม้อยู่ไม่นานก็ขอตัวกลับ เด็กๆหายขึ้นไปยังชั้นสองบ้าน ไม้บอกว่าไม่ต้องตามไป หากปารมีก็ยังลังเลว่าจะเอายังไง แต่แล้วเสียงร้องของตาหวานก็ดังขึ้นมาซะก่อน เพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่นๆปารมีจึงรีบวิ่งขึ้นไปดู  ในห้องไม่ได้มีเพียงตาหวานที่นอนร้องไห้จ้าอยู่บนเตียง รอบๆเตียงยังมีเด็กชายทั้งสามยืนอยู่ไม่ห่าง ท่าทางของเด็กๆเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกและแตกตื่นตกใจ เด็กชายที่ดูจะเป็นน้องคนเล็กก็กำลังตั้งท่าจะร้องไห้ตามตาหวานไปอีกคน

“พวกเราไม่ได้ทำอะไรนะ”

พวกเด็กๆรีบแก้ตัว ซึ่งปารมีก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่เดินไปชงนมและนำมาป้อนตาหวานเท่านั้น อันที่จริงเด็กชายตัวน้อยจะตื่นขึ้นมาเวลานี้และร้องไห้ก็ไม่แปลกนักเพราะได้เวลาดื่มนมอยู่แล้ว แต่เด็กทั้งสามคนไม่รู้จึงกลัวจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนทำให้น้องร้องไห้ เด็กสามคนจ้องมองน้องตัวเล็กๆดื่มนมจากขวดตาแป๋ว

“คนนิ่”

“บอกแล้วว่าไม่ใช่ตุ๊กตา”

เด็กชายสองคนที่หน้าเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวเถียงกันเบาๆ

“น้อง... ของคุณเหรอฮับ”

เด็กชายซึ่งตัวเล็กกว่าเพื่อนเดินเข้ามาเกาะแขนปารมีแล้วถาม ปารมียิ้มให้และพยักหน้า

“นินขอได้ไหม นินอยากมีน้อง”

ปารมียิ้มอย่างเอ็นดู เด็กน้อยพูดไปทำท่าอ้อนไปโดยลืมท่าทางเป็นอริเมื่อแรกเจอจนหมด ฝ่ายพี่ชายทั้งสอง พอเห็นน้องขอก็เลยเรียกร้องขอบ้าง

“ทำยังนั้นไม่ได้หรอกนะครับ น้องไม่ใช่สิ่งของจะให้กันไม่ได้หรอก”

ปารมีเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น เด็กๆท่าทางน่าเอ็นดูไม่เห็นจะดื้อ ซน หรือมีอะไรอย่างที่นึกกลัวเลยสักนิด ปารมีดันลืมนึกไปว่า เหตุใดเด็กทั้งสามคนจึงมาอยู่ในห้องนี้ จะอะไรเสียอีก หากไม่ใช่ทั้งสามวางแผนจะสร้างความแตกตื่นในห้องนอนด้วยสารพัดสัตว์ปลอมเป็นการต้อนรับพี่เลี้ยงคนใหม่ และเป็นการเริ่มต้นแผนขับไล่พี่เลี้ยงอย่างทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้มันต่างไป เมื่อเด็กทั้งสามเดินเข้ามาแล้วมองเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆที่นอนหลับอยู่บนเตียง สองแฝดเถียงกันว่าสิ่งที่เห็นเป็นคนหรือตุ๊กตา ในขณะที่น้องคนเล็กขยับเข้าไปใกล้และตั้งใจจะอุ้มกลับห้องเพราะนึกอยากได้ หากแต่ตาหวานราวกับรู้ เด็กชายแผดเสียงร้องลั่นจนทั้งสามคนผงะถอยออกห่างแทบจะทันที จนปารมีวิ่งขึนมานี่แหละ

“แต่นินอยากได้นิ่”

น้องคนเล็กยังไม่ยอมแพ้ ตั้งท่าแบะปากจะร้องไห้เพราะโดนขัดใจ

“ผมด้วย”

“ผมด้วย”

ดูเหมือนอธิบายอะไรไปก็ไม่ได้ทำให้เด็กๆรู้เรื่องเลย ปารมียิ้มอย่างอ่อนใจแล้วเปลี่ยนจากการปฏิเสธเป็นการยื่นข้อเสนอ

“เอางี้ไหมครับ น้องจะไม่เป็นของใคร แต่ว่าเรามาช่วยกันเลี้ยงน้องดีไหมครับ น้องก็จะเหมือนเป็นของทุกคนไง”

ทั้งสามคนหยุดคิด พี่ชายสองคนซุบซิบปรึกษากันโดยมีน้องสุดท้องจ้องมองพี่ชายอย่างมีความหวัง เมื่อพี่ชายพยักหน้าก็ยิ้มกว้างดีใจ

ทั้งสามจึงสัญญาว่าจะช่วยดูน้องเพราะน้องเป็นของทุกคน

“คุณชื่ออะไรคับ แล้วน้องชื่ออะไร”

“น้องอายุเท่าไหร่ฮะ”

“น้องกินขนมได้ไหม”

“น้องกินน้ำหวานได้ไหม”

คำถามมากมายที่ทั้งสามคนแย่งกันถามโดยไม่รอฟังคำตอบทำเอาปารมีอดยิ้มไม่ได้ ปกติเขาไม่ได้ชอบเด็กเป็นพิเศษ แต่รู้สึกว่าตั้งแต่เลี้ยงตาหวานเขาจะมองเด็กๆว่าน่ารักขึ้นยังไงไม่รู้

เด็กๆสามคน คือ ปฐพี ปฐวี เป็นแฝดที่เหมือนกันมาก ใบหน้าคมคายอย่างคนไทย แต่ดวงตากลับเป็นสีเขียวมรกต แล้วก็ธรณิน ที่หน้าเหมือนพี่ชายทั้งสอง หากธรณินมีสิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่คนไทยแท้ ผมสีชานั้นบอกได้เป็นอย่างดี แต่ที่แปลกคือ สีตาที่ดำสนิท  ทั้งสามคนดูจะเห่อตาหวานมาก ขนาดอาสาเฝ้าให้ตอนที่ปารมีลงไปทำอาหาร และเพราะตาหวานนี่เองที่ทำให้เด็กๆญาติดีกับปารมี แต่ก็ไม่วายขู่ไว้ว่า

“ถ้าคิดจะมาจับพ่อล่ะก็ เป็นเรื่องแน่”

ปารมีฟังภาษาพูดของเด็กๆแล้วอ่อนอกอ่อนใจ จับเนี่ยนะ ใครสั่งใครสอนภาษาแบบนี้กันล่ะเนี่ย

“ก็ได้ยินพี่เลี้ยงคนก่อนๆพูดในโทรศัพท์ว่างั้นนิ่ฮะ”

ชักจะเข้าใจแล้วว่าทำไมสมควรไล่ออกไปจริงๆ ก็พี่เลี้ยงที่พูดคำแบบนี้ให้เด็กๆได้ยิน มันก็ไม่น่าให้อยู่ใกล้เด็กๆ

ปารมีลงมาทำอาหารโดยฝากตาหวานให้อยู่กับพี่ๆ อันที่จริงถึงจะพูดว่าทำอาหาร แต่หน้าที่ที่ต้องทำจริงๆก็แค่คิดเมนูสำหรับเด็กๆและบอกแม่ครัว แต่ปารมีคิดว่าแค่นั้นมันดูไม่คุ้มค่าจ้างจึงตั้งใจจะลงมือทำอาหารเอง จากที่คิดอยู่นานว่าจะทำอะไรดีก็ตกลงใจทำ ต้มจืด กับหมูหวาน ตอนแรกว่าจะทำแค่สองอย่างแต่ก็ทำไก่ราดซอสเพิ่มอีกจนได้ ส่วนของหวานปารมีเลือกทำวุ้นผลไม้ให้เด็กๆกิน หลังจากทำอาหารเสร็จก็ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดี  ปารมีออกมาตามเด็กๆแต่ได้รับคำตอบว่า จะรอกินพร้อมคุณพ่อ

“คุณพ่อสัญญาว่าจะมากินด้วยวันนี้”

ปฐวีกล่าวหนักแน่นและไม่มีใครยอมไปกินข้าวก่อนสักคน ในที่สุดปารมีก็ยอมแพ้ จำใจยกวุ้นผลไม้มาให้เด็กๆได้รองท้องกันก่อน

สองทุ่มครึ่ง

ยังไม่มีวี่แววว่าพ่อของเด็กๆจะมาตามที่สัญญาไว้ ธรณินหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้เมื่อรู้สึกหิวมากแล้ว

“ไปกินกันก่อนเถอะนะครับ เดี๋ยวไม่มีแรงอุ้มน้องนะ”

เมื่อได้ยินปารมีพูดแบบนั้น และดูท่าทางว่าพ่อของตนจะไม่มาตามนัดเสียแล้ว เด็กๆทั้งสามคนเลยยอมกินข้าว แต่ก็แตะเพียงไม่มากเพราะมันเลยเวลาอาหารมามากแล้ว เมื่อกินเสร็จก็ต้องไปอาบน้ำเข้านอนเลย

หลังจากที่ส่งเด็กๆและเอาตาหวานเข้านอนแล้ว ปารมีก็ลงมานั่งข้างล่าง รอการกลับมาของเจ้านาย  เวลาเที่ยงคืนกว่า เสียงรถเข้ามาจอด และการปรากฏของร่างสูงใหญ่สมชายอย่างที่ปารมีนึกอยากให้ตัวเองเป็นแบบนั้นบ้างเดินเข้ามายังตัวบ้าน เพราะไม่ได้เปิดไฟไว้คนมาใหม่จึงไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก

“คุณวสุธา”

ปารมีส่งเสียงเรียกเพื่อให้ฝ่ายนั้นรับรู้การมีอยู่ของตน

ขาที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดชะงักค้าง วสุธาหันมามองทางต้นเสียงเมื่อเห็นร่างของปารมีเป็นเงาตะคุ่มอยู่บนโซฟา จึงหันหลังเดินกลับลงมา

“คุณ พี่เลี้ยงคนใหม่หรือ”

ปารมีมองสายตาเย็นชาที่ส่งตรงมายังตนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก มันมืดก็จริง แต่พอเข้ามาในระยะสายตาแบบนี้แล้ว เห็นชัดทีเดียวล่ะ แล้วเรื่องอะไรต้องมามองกันแบบนั้นด้วย เพราะคิดว่าการนั่งนั้นทำให้ดูเสียเปรียบอีกฝ่าย ปารมีจึงลุกขึ้น แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด เพราะยิ่งลุกขึ้น ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนถึงความแตกต่างด้านรูปร่าง

“ครับ ผมปรามี”

ปารมีพยายามพูดด้วยความเป็นมิตร พยายามคิดว่าความเย็นชา ไม่ค่อยพอใจที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาในทุกอนูรอบๆตัวนั้นเป็นการคิดไปเองของตน

“แล้วมานั่งทำอะไรมืดๆดึกๆแบบนี้ ... หรือว่า… รอผม?”

สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อนระงับความไม่พอใจจากน้ำเสียงระอาเหมือนรำคาญเต็มทนของอีกฝ่าย คิดไปเอง เราคิดไปเอง ปารมีท่องไว้ในใจ เขาไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก เราคิดไปเอง

“ครับ มารอคุณ”

ปารมีตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ร่างของปารมีก็ลอยหวือเข้ากระแทกอกของคนตรงหน้าทันที

“เอานะ อุตส่าห์นั่งรอตั้งค่อนคืน จะสนองให้สักครั้งแล้วกัน”

สนอง สนองอะไรกัน ปารมียังมึนๆแต่คิดว่าท่าทางแบบนี้ไม่ดีแน่ พยายามจะดันตัวออกเพื่อพูดกันให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันทำได้สำเร็จ มือหนาก็ดันคางปารมีให้เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากโดนทาบทับในทันใด ปารมีไม่ได้ตั้งตัวสักนิด มือที่ดันคางเฉยๆเปลี่ยนเป็นบีบอย่างแรงเมื่อปารมีไม่ให้ความร่วมมือในการรุกราน ร่างบางจำใจต้องเปิดรับลิ้นร้อนๆเข้าในโพรงปากเมื่อไม่สามารถต้านทานความเจ็บได้ หายใจไม่ออก คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก แน่ล่ะ ปารมีเคยมีประสบการณ์แบบนี้ที่ไหน เขาไม่เคยมีแฟน เพราะต้องทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่ตลอดเวลา ผู้หญิงที่ไหนจะมาสนใจ

“อือ”

ลิ้นร้อนเข้าสำรวจไปทั่วทั้งโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดเรียกร้องให้ปารมีตอบสนองการรุกรานนั้นอย่างช่ำชอง ปารมีแทบจะหมดสติอยู่แล้วตอนที่วสุธาผละออกไป ขาที่ยืนอยู่ไม่มีแรงจนทรุดลงไปนั่ง  พยายามกอบโกยลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่

“หึ”

เสียงจากลำคอของอีกฝ่ายทำให้ปารมีต้องเงยหน้าขึ้นมอง สายตาดูถูกเหยียดหยามที่ได้รับทำให้สติกลับคืนมาในทันที เร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว ปารมียืนขึ้นและตวัดมือลงไปยังใบหน้าแกร่งเต็มแรง ทุกอย่างสงบนิ่ง นิ่งเกินไปจนน่ากลัว ปารมีนิ่งเพราะตกใจตัวเองที่ทำได้ขนาดนั้น ส่วนวสุธานิ่งไปเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้า

 ปารมีได้สติก่อนและถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว น่ากลัว สัญชาตญาณตัวเองบอกอย่างนั้น

“คุณทำไม่ดีก่อนนะ”

คำพูดนี้ดูเหมือนจะไม่ทำให้วสุธาลดความโกรธลงเลย

“ทำไม ก็นายต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ถึงได้มานั่งรอ”

ปารมีมองอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครหลงตัวเองได้ขนาดนี้

“จะบ้าเหรอ”

แหวสุดเสียงลืมความกลัวไปทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องที่เด็กๆไม่ยอมกินข้าวเมื่อตอนเย็น สาเหตุที่ตัวเองต้องมานั่งรออีกฝ่ายจนค่อนคืน

“ทำไมคุณถึงเพิ่งกลับ”

“เรื่องนั้น ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมาเกี่ยว”

วสุธาหงุดหงิดเมื่อนึกว่าพี่เลี้ยงคนนี้ก้าวก่ายเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองอยู่

 “ไม่เกี่ยว? พูดออกมาได้ไงครับ เพราะคุณสัญญาแต่ไม่มาเด็กๆเลยไม่ยอมกินข้าวตรงเวลา แล้วผมจะไม่เกี่ยวได้อย่างไร”

พอพูดถึงลูกๆดูวสุธาจะระงับอารมณ์ลงได้บ้าง

“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ๆคุณต้องจัดการไม่ใช่หรือ”

แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกเอาอะไรต้องได้อย่างใจ และไม่เคยผิดเลยสักครั้ง ถึงได้โยนเรื่องการที่ตัวเองผิดสัญญากับลูกให้คนอื่นจัดการแบบนี้

“อย่ามาตลกนะครับ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าสัญญาสิ”

“เพราะคิดว่าจะทำได้ถึงสัญญาต่างหาก แต่พอมีงานเข้ามาก็ช่วยไม่ได้”

วสุธาไม่คิดแก้ตัว แต่เริ่มง่วงนอนและรำคาญจึงยอมบอกเหตุผลที่ตัวเองมาตามนัดไม่ได้

“โทรมาบอกไม่ได้หรือไงเล่า”

“ไม่ว่างพอหรอกนะ”

“คุณนี่มัน”

การปะทะคารมของทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร

“ถ้าแค่สัญญากับลูกยังทำไม่ได้ แล้วไปทำสัญญาใหญ่ๆได้ยังไง ไม่รู้ว่าบริษัทของคุณอยู่รอดมาได้ยังไง  แต่ก็ตามใจคุณเถอะ”

ว่าแล้วก็เดินหนีขึ้นไปข้างบนเสียก่อน ดูเหมือนปารมีจะยอมถอย แต่ในความคิดของวสุธา เหมือนตัวเองแพ้ยังไงไม่รู้ ที่จริงวันนี้เขาไม่ได้สัญญากับลูกไว้สักหน่อย แค่พูดว่า ถ้างานเสร็จจะมาให้ทัน ก็แค่นั้น แต่ดูเหมือนสำหรับเด็กๆนั่นคือการสัญญาสินะ ยังไงก็เถอะ ทำไมเขาต้องมานั่งฟังพี่เลี้ยงของลูกๆตำหนิตัวเองด้วยเนี่ย อยู่กันไม่ได้แน่ๆแบบนี้

…………..

“สงสัยโดนไล่ออกแน่ๆ”

ปารมีมานั่งทบทวนตัวเองในห้องแล้วได้บทสรุปแบบนั้น

ปกติปารมีเป็นพวกหลีกเลี่ยงการต้องมีเรื่องกับคนอื่นแท้ๆ แต่มันก็อดโมโหไม่ได้จริงๆเมื่อนึกถึงการกระทำต่างๆของอีกฝ่าย ทั้งคำพูดคำจา ทั้งการผิดนัดผิดสัญญา แล้วยังมาจูบเขาเสียอีก

“เฮ้อ...”

เอาเถอะ ถ้าเพราะเรื่องนี้ต้องออกก็ช่าง ดีกว่าทำงานกับเจ้านายที่ไม่รักษาสัญญากับลูกตัวเอง

คิด คิด คิด คิดจนหลับไปในที่สุด

.............................


มีต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
“เพราะใส่ใจเด็กๆไม่ใช่หรือคะ คุณปารมีเขาถึงทำแบบนั้น”

ทันทีที่วสุธาเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เลขาตัวเองฟัง ก็ได้รับคำตอบกลับมาแบบนั้น

“และดูเหมือนท่านประธานจะทำเกินไปนะที่ไปบังคับจูบเขา”

วสุธามองหน้าลูกน้องที่ช่างตำหนิตรงๆได้อย่างไม่เกรงใจ แต่หญิงสาวไม่มีทีท่าว่ากลัวสักนิด

“คุณผิด ต้องไปขอโทษมากกว่าไล่ออกซะอีก”

“จะมากไปแล้วนะนก”

ในทีสุดวสุธาก็โผงออกมาอย่างทนไม่ได้ ที่จริงแล้วหญิงสาวเป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยมาด้วยกัน และเป็นเพื่อนสนิทกับเลวี่ ภรรยาที่จากไปของวสุธา นั่นทำให้เธอทำงานกับวสุธาที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองและไม่ค่อยรู้จักคำว่าผิดหรือขอโทษมาได้นาน

“ก็มันจริงนี่นา”

เลขาสาวยังลอยหน้าลอยตาพูด ไม่เกรงกลัวคนตรงหน้าสักนิด ปกติถ้าตามหน้าที่การงานเธอต้องเชื่อฟังเจ้านายโดยไม่มีข้อบิดพริ้ว แต่ในฐานะเพื่อนย่อมไม่ต้องการให้เพื่อนทำผิด และการที่ปารมีซึ่งดูจะตั้งใจดูแลเด็กๆจริงๆต้องโดนไล่ออกไปเพราะความไม่พอใจของวสุธา มันก็ดูไม่ถูกต้อง เหนือสิ่งอื่นใด การจะหาพี่เลี้ยงดีๆ ที่ไม่คิดจะจับคนในครอบครัวนี้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก

“อย่าพูดมากน่า คิดว่าใครเป็นคนเหนื่อยเวลาหาพี่เลี้ยงกัน”

ในที่สุด วสุธาก็จำใจยอมแพ้ ด้วยเหตุผลที่ว่าปารมีทำไปเพราะเป็นห่วงลูกของตนนั่นเอง

........................................

ปารมีแปลกใจที่ไม่โดนไล่ออก แต่เมื่อไม่ไล่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไป เอาเถอะ การเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ได้ยากเย็นนักสำหรับปารมี แต่การรับมือกับพ่อของเด็กที่ชวนทะเลาะตลอดเวลานี่แหละที่ทำให้เหนื่อยเกินความจำเป็น จนปารมียังคิดเลยว่า ขอขึ้นเงินเดือนซะดีมั้ย เป็นเบี้ยเลี้ยงในการใช้สมองมาต่อปากต่อคำกับเจ้านาย

“นี่มันอาหารอะไรกันเนี่ย”

ทันที่นั่งลง นี่คือคำแรกที่วสุธาพูดออกมา

“ก็อาหารของเด็กๆไงครับ”

ปารมีตอบกลับด้วยท่าทางเฉยๆ สบายๆ ทั้งๆที่ในใจแอบอมยิ้ม เขารู้มาจากคุณแม่บ้านว่าวสุธาไม่ชอบทานอะไรหวานๆ แต่ทั้งๆที่รู้ อาหารวันนี้กลับมีแต่ของหวานๆทั้งนั้น ผัดผักเปรี้ยวหวาน ไข่ลูกเขย  ไก่ต้มซอสมะเขือเทศ แต่ปารมีก็ยังใจดีทำต้มจืดไว้อีกถ้วย ถึงจะอยากแกล้ง แต่มากเกินไปก็คงไม่ดีนัก

“ลูกผมคงเป็นเบาหวานตายเพราะคุณ”

ปารมียิ้มรับคำพูดนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่คำนึงถึง แต่ว่าน้ำตาลก็เป็นอาหารของสมอง และถึงมื้อนี้จะหนักหวานไปหน่อย แต่มื้ออื่นๆก็ปรับลงให้พอดีได้ ที่สำคัญ ไอ้การออกกำลังกายต่างๆนาๆที่เด็กๆต้องเรียนรู้นั่นคงทำให้มีร่างกายแข็งแรงพอจะรับมือกับน้ำตาลพวกนี้ได้สบายๆอยู่แล้ว

วสุธานั่งพะอืดพะอมไปตลอดมื้ออาหาร ยิ่งลูกๆที่ดีใจว่าพ่อว่างมากินข้าวด้วยตักโน่นตักนี่ให้วสุธาทานตลอดทำให้วสุธายิ่งแย่  ในขณะที่ปารมีพยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่ายอย่างที่สุด

หลังกินข้าวเสร็จ ของหวานวันนี้คือบัวลอย แน่นอนว่าวสุธาปฏิเสธไม่กินเด็ดขาด แต่หลังจากที่ผู้เป็นพ่อขอตัวเลี่ยงไปแล้วนั้น ปารมีก็ยกฝรั่งออกมาให้เด็กๆกินด้วย ปารมีบอกตัวเองว่า ไม่ใช่อยากแกล้งวสุธา แต่เขาเดินออกไปก่อนเองก็เท่านั้น

ปารมียิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตัวเองในวันนี้ เขายังคนยืนยันว่าตัวเองไม่ชอบมีเรื่องและไม่หาเรื่องใคร แต่ไม่รู้ทำไมกับวสุธา แม้จะเหมือนกับแกล้ง แต่การที่ได้ทำให้ร่างสูงๆนั้นแสดงสีหน้าอื่นๆแทนตีหน้านิ่งเฉยกลับทำให้ปารมียิ้มออกมาได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

...........................................

และแล้วในวันถัดมา ปารมีก็ต้องแอบเสียใจนิดหน่อยว่าไม่น่าไปแกล้งวสุธาเลย

วันหยุดที่วสุธาพาเด็กๆออกมาเที่ยว และปารมีต้องออกมาด้วยในฐานะของพี่เลี้ยง คนที่บ้านจอมไตรทุกคนพร้อมใจพากันกลับบ้าน ไม่ก็ออกไปทำธุระกันหมด ปารมีจึงต้องพาตาหวานออกมาด้วย ที่ๆวสุธาพาไปเป็นสวนเล็กๆ มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่นว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือปีนเขาจำลอง แล้วยังมีทะเลสาบที่สวยงาม นับว่าเป็นสถานที่ๆเหมาะสำหรับการผักผ่อนของครอบครัวจริงๆ ปารมีต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้พอสำหรับวันนี้ เพราะวสุธาไม่ต้องการให้เด็กๆทานอาหารข้างนอกที่ไม่แน่ใจว่าสะอาดหรือไม่...........ไม่ใช่ว่าปกติวสุธาเป็นอย่างนี้หรอกนะ ทุกทีก็เห็นว่าเด็กๆจะกินอะไรที่ไหนก็ไม่เคยบ่น แต่วันนี้เกิดจะมีอนามัยขึ้นมา

ถึงจะค่อนข้างแปลกใจ แต่ปารมีก็เป็นแค่ลูกจ้าง เจ้านายสั่งมาก็มีหน้าที่ทำตาม แล้วปารมีก็ค่อนข้างเห็นด้วยที่จะทำอาหารไปกินเองมากกว่าไปซื้อเอา

พอไปถึงที่หมาย เด็กๆก็ช่วยกันยกของลงจากรถ คนละไม้ล่ะมือส่วนปารมีต้องอุ้มตาหวานไปพร้อมๆกับหิ้วข้าวของๆตาหวานไปด้วย แน่นอนว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆจากวสุธาเลยสักนิด

กว่าจะเดินไปถึงที่ว่างซึ่งร่มรื่นพอให้ปูเสื่อ แขนปารมีก็ล้าเป็นอย่างมาก ใครไม่เคยอุ้มเด็กข้างหนึ่ง หิ้วของไปด้วยอีกข้างนานๆไม่มีทางเข้าใจได้ถึงความเมื่อยแขนหรอก บ่อยครั้งที่ปารมีคิดว่าไม่ไหวแล้ว แต่พอคิดถึงว่าถ้าไม่ทนตาหวานอาจจะหลุดตกลงไป และที่สำคัญวสุธาที่เดินตามมาข้างหลังนั้นอาจจะหัวเราะเยาะเอา ไอ้จะไปขอให้ช่วยก็อย่าหวัง พอคิดแบบนั้นก็เลยพยายามเดินมาจนถึงที่

ยังดีที่ช่วงต่อจากนั้นเป็นช่วงกิจกรรมซึ่งปารมีไม่ต้องเข้าไปร่วมด้วย ปารมีใช้เวลาพักผ่อนและเล่นกับตาหวาน ไม่นานเด็กชายนอนก็นอนหลับหลังจากดื่มนม ด้วยสถานที่ร่มรื่นและมีลมเย็นๆพัดผ่านเอื่อยๆตลอดเวลา ปารมีที่นอนอยู่ก็อดจะเคลิ้มๆไปไม่ได้ หากแต่ยังไม่ทันได้หลับลงไปจริงๆสี่พ่อลูกก็กลับมาจากการทำกิจกรรมต่างๆ และดูท่าจะกำลังหิวกันมากเสียด้วย

“คุณปามๆ เดี๋ยวไปขี่จักรยานด้วยกันนะครับ”

ปฐพีซึ่งเป็นแฝดคนพี่เอ่ยชวน ปารมีทำหน้าปั้นยาก ด้วยเรื่องพวกนี้ตัวเองไม่ถนัดมาแต่ไหนแต่ไร

“ทำไมไม่ชวนคุณพ่อไปล่ะครับ”

เมื่อหาทางออกไม่ได้ก็โยนให้คนเป็นพ่อเสียเลย

“ไม่เอาอ่ะครับ คุณพ่อขี่เร็ว พวกเราขี่แข่งด้วยแล้วแพ้ทุกที”

ปารมีถอนหายใจในขณะที่วสุธาหัวเราะออกมาเบาๆ ก็เด็กๆพูดอย่างนี้แสดงว่าปารมีนั้นท่าทางไม่น่าจะชนะได้ถึงได้ชวนไม่ใช่หรือไง

“แล้วใครจะดูน้องล่ะครับ”

ข้ออ้างสุดท้าย แต่ดูจะไม่มีประโยชน์ในการใช้อ้างนัก

“เดี๋ยวผมดูให้”

เท่านั้นแหละ หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ เด็กๆก็ลากปารมีออกไปขี่จักรยานทันที ปารมีเหนื่อยแทบขาดใจ เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ต่างจากเด็กๆที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ไม่มากเท่าที่ปารมีเหนื่อยหรอก แถมที่แข่งๆกัน ปารมียังแพ้เสียทุกที

“คุณ...แกล้ง...กัน...นิ่…”

ปารมีพูดไปหอบหายใจไปด้วยความเหนื่อย เขากลับมาเจอวสุธาที่กำลังนอนเล่นข้างๆตาหวานที่ตื่นและกำลังพยายามจะคืบ เด็กน้อยกำลังหัวเราะเพราะวสุธาเอาของเล่นมาส่ายให้มันเต้นดุกดิกล่อหลอกให้ตัวเองพยายามคืบเข้าหาเจ้าสิ่งนั้น

วสุธาเงยหน้ามองปารมีแวบนึงก่อนจะส่งยิ้มให้ รอยยิ้มที่ไม่น่าประทับใจสักนิด ในดวงตาของร่างสูงวิบวับ ปารมีไม่อยากจะคิดแต่ดูเหมือนเรื่องที่วสุธาเป็นคนเสนอความคิดให้เด็กๆชวนปารมีออกไปขี่จักรยานจะเป็นเรื่องจริง

“แกล้งตรงไหน”

ถามกลับอย่างกับไม่รู้ตัว ปารมีเองก็ไม่กล้าพูดว่าวสุธาแกล้งตรงไหน เพราะวสุธาไม่ได้แสดงออกชัดเจน เลยจำใจเลิกหัวข้อสนทนานี้

“เอาล่ะ เราไปว่ายน้ำกันดีกว่าเด็กๆ”

กิจกรรมสุดท้าย วสุธาพาเด็กๆไปว่ายน้ำยังสระที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก ส่วนปารมีก็มานั่งนวดเนื้อนวดตัวเพราะความเมื่อย ตอนนี้ยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่พรุ่งนี้นี่สิ ไม่อยากจะคิด

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง วสุธาจึงพาเด็กๆที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วกลับมา แน่นอน เด็กๆหิวอีกแล้ว และอาหารที่เหลือก็ถูกจัดการจนเรียบ

ทั้งวันผ่านมาด้วยความทุลักทุเล..............หมายถึงปารมีน่ะนะ แต่คนอื่นๆดูจะมีความสุขสนุกสนานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวสุธาที่ยิ้มส่งมาให้ปารมีหลายครั้ง มันไม่ใช่รอยยิ้มอบอุ่นหรือรอยยิ้มพิมพ์ใจอะไรหรอก ปารมีรู้ความหมายที่มากกว่านั้น วสุธาตั้งใจบอกว่า อย่าคิดจะไปลองดีกับเขาอีก เพราะวสุธาจะเอาคืนแน่นอน

........................................

“เพื่อนคุณทำงานจนล้มเจ็บไม่ไปเยี่ยมหน่อยหรือ”

โทรศัพท์จากสำนักงานที่ต่อมาถึงปารมีจากวสุธา นั่นเป็นประโยคเดียวที่ทางนั้นพูดก่อนที่จะวางสายไป ปารมียังจับต้นชนปลายไม่ถูกด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่วสุธาว่าหมายความว่าอย่างไร จนกระทั่งผ่านไปประมาณหนึ่งนาที ปารมีจึงได้คิดว่า วสุธาคงหมายถึงกลอน ปารมีรีบออกจากบ้านจอมไตรทันที ที่หมายคือโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือของจอมไตร พนักงานทุกคนได้สวัสดิการเข้ารับการรักษาที่นี่ฟรี และกลอนก็มารักษาที่นี่ตลอด

จากที่พยาบาลบอก กลอนทำงานจนฟุบไปกับโต๊ะ ทั้งพักผ่อนน้อย ทั้งทานอาหารน้อย แถมไม่ตรงเวลา แล้วร่างกายที่ไหนจะทนได้

ปารมีเฝ้ากลอนจนกระทั่งฟื้น อยู่จนกระทั่งไม้มาพร้อมกับเด็กๆเพื่อมารับปารมีกลับบ้านพร้อมกัน

วันถัดมาที่มาหากลอน ปารมีออกจะแปลกใจที่ในห้องมีเด็กผู้หญิงตัวน้อยอยู่ที่นั่นด้วย หน้าตาของเด็กหญิงคล้ายกลอนอย่างเห็นได้ชัด แต่พอพูดถามหยั่งเชิงเรื่องหน้าตาของเด็กหญิงเพราะกลอนไม่ได้บอกว่าเด็กหญิงเป็นญาติหรืออะไร เจ้าตัวกลับทำหน้าแปลกใจที่ปารมีว่าอย่างนั้น ดูเหมือนกลอนจะไม่รู้ตัว มันเป็นธรรมดาเพราะคนเรามักจะเห็นตัวเองต่างไปจากที่คนอื่นเห็น ถึงจะมีกระจกส่องก็เถอะ

จนกระทั่งเห็นรูปที่ตกลงมาจากหนังสือที่เด็กหญิงยืมกลอนไปอ่านปรากฏบนมือกลอน ตอนนี้เองมั้งที่กลอนเพิ่งตระหนักได้ว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่แค่บังเอิญมาเจอ แต่อาจเป็นอะไรสักอย่างที่ดลใจ

ปารมีเป็นห่วงกลอนที่เงียบลงไปกระทันหัน การตัดความสัมพันธ์กับเด็กหญิงคนนั้นทันทีนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ปารมีรู้อยู่แล้วว่ากลอนจะทำ แต่ก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ ปารมีรู้ว่ากลอนเอ็นดูเด็กหญิงมาก แต่พอรู้ว่าเป็นหลาน แน่นอนว่าความเจ็บช้ำจากการกระทำของญาติๆนั้นยังคงฝั่งแน่นในความรู้สึก เขาเข้าใจดีว่ากลอนไม่สามารถยกโทษให้ทางนั้นได้ แต่ที่ปารมีเป็นห่วงที่สุดคือความรู้สึกของกลอน กลอนต้องทรมานใจ ลำบากใจมากแค่ไหนที่ต้องทำเหมือนทอดทิ้งเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวแบบนั้น กลอนไม่ใช่คนใจร้าย และค่อนข้างรักเด็ก แล้วการทิ้งให้เด็กคนนั้นผจญชีวิตแบบที่ตนเคยโดนมา .....ปารมีรู้ว่ากลอนทำได้... แต่ทำไปด้วยความรู้สึกแบบไหนล่ะ... สามัญสำนึกที่กลอนมีจะคอยย้ำเตือนกลอนอยู่ตลอดเวลาในสิ่งที่กลอนทำลงไป..... แล้วกลอนจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต...... ปารมีไม่อยากให้เพื่อนมีชีวิตนับจากนี้ไปด้วยความรู้สึกแบบนั้น หากแต่ปารมีไม่กล้าเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเพื่อนเกินกว่าที่ควร

แต่ไม่กี่วันถัดมาไม้เข้ามาบอกปารมีทันทีที่เขารู้ว่าคนที่รับเด็กหญิงไปเลี้ยงคือกลอน ปารมีดีใจมากที่เพื่อนตัดสินใจอย่างนั้น จึงรีบโทรไปหากลอน แล้วเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองได้ทำพลาดไป

“กลอนรับน้ำตาลมาเลี้ยงเหรอ”

ปารมีโทรหากลอนในตอนเย็นวันนั้น กลอนไม่ตอบกลับมา ปารมีเลยพูดออกไปอีกประโยค

 “ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย”

ปารมีถามอย่างตัดพ้อ แต่เพื่อนที่อยู่ในอารมณ์ไม่มั่นคงนักไม่ได้รับรู้ความรู้สึกนั้น

“ก็ไม่คิดว่านายจะอยากรู้”

ปารมีเงียบไปอึดใจกับคำพูดของอีกฝ่าย

“กลอนเป็นอะไรหรือเปล่า อารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไร”

ปารมีรู้เสมอเมื่อเพื่อนผิดปกติไปไม่ว่าจะทางอารมณ์หรือร่างกาย และครั้งนี้กลอนก็ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

“เปล่า มีธุระอื่นอีกไหม พอดีฉันทำงานค้างอยู่น่ะ”

ปารมียอมวาง แต่ยังคาใจอยู่ กลอนไม่ชอบให้ใครไปก้าวก่ายและดูเหมือนปารมีจะล้ำเส้นนั้น ถึงจะทำไปด้วยความหวังดียังไง สิ่งที่ทำไปก็เหมือนยุ่งไม่เข้าเรื่องอยู่ดี แต่ปารมีอดคิดไม่ได้ว่า กลอนเปลี่ยนไป เปลี่ยนตั้งแต่ตอนเข้าโรงพยายาลแล้ว ปารมีไม่สบายใจเลยที่กลอนเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นวันถัดมาปารมีจึงรีบออกไปหาเพื่อนตั้งแต่เช้า

“ยังไม่ตื่นหรือ”

ดูเหมือนกลอนจะยังไม่ลุกจากที่นอนด้วยซ้ำ ใบหน้าของกลอนไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดที่ปารมีมาหา

“มีอะไรหรือเปล่า”

น้ำเสียงห้วนๆทำเอาปารมียิ่งใจไม่ดี

 “ก็กลอนดูโกรธๆ ปามทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า”

 “ไม่มีอะไรหรอกน่า”

ถึงจะปฏิเสธแต่ท่าทางไม่ได้บอกแบบนั้น ปารมีไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดจึงได้แต่เงียบ ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรออกมา แล้วกลอนก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ก่อน

“ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของฉัน แต่ดูเหมือนจะมีคนสอดส่องเรื่องของฉันอยู่เรื่อย นายก็รู้ว่าฉันเกลียดพวกแบบนั้น”

“แต่...”

ไม่มีคำแก้ตัวหลุดออกมาจากปากปารมี ด้วยคบกันมานานและสนิทกันพอจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายพอสมควร ปารมีเพิ่งเข้าใจว่าไม่ใช่แค่กลอนเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ตัวเองก็เปลี่ยนไปด้วย ถ้าเป็นปารมีก่อนหน้านี้จะไม่มายุ่งเรื่องที่กลอนไม่ได้เป็นคนบอกแบบนี้ แต่โดยธรรมดากลอนต้องบอกปารมีไปแล้ว ปารมีเปลี่ยนไป และกลอนเองก็เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน

“ขอโทษนะ”

พูดเบาๆราวกับจะร้องไห้ ปารมีรู้สึกผิดที่ก้าวก่าย และนั่นดูเหมือนจะทำให้เพื่อนไม่พอใจมากขึ้นไปอีก

“นายกลับไปเถอะ ขอร้องว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย แค่นี้ฉันก็เกลียดโลกใบนี้พออยู่แล้ว”

ปารมีรับฟังและกลับมาที่บ้านจอมไตร เขาก็รู้ว่าตัวเองคงทำพลาดไปในเรื่องนี้

ความซึ่มเศร้าของปารมี แม้ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนมากนัก แต่ทุกคนก็สังเกตุเห็นได้

 “คุณไม่เป็นไรแน่นะ”

ขนาดวสุธาที่ปกติต้องหาเรื่องมาต่อปากต่อคำกับปารมีเสมอๆ วันนี้กลับไม่พูดอะไรออกมาเลย นอกจากประโยคที่แสดงความเป็นห่วงนั้น

หลังจากวันนั้น เรื่องราวยิ่งดิ่งลงสู่ความเลวร้าย เมื่อวสุธามาบอกว่ากลอนลาออกแล้ว ปารมีที่พยายามจะทำความเข้าใจกับเพื่อนกลับยิ่งเพิ่มความบาดหมางให้เกิดขึ้น

ปารมีไม่รู้ว่าทำไมเรื่องมันถึงเลวร้ายขนาดนี้ กลอนเป็นคนที่ปารมีรักแทบจะมากที่สุดในชีวิต มีความผูกพันมากมายในช่วงเวลาเป็นสิบปีที่คบกัน ตลอดมากลอนเป็นเหมือนคนในครอบครัว ตอนนี้ปารมีก็ยังรู้สึกอย่างนั้น… แต่.....มันจะสิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นหรือ

.........................................

ปารมีนั่งนิ่งอยู่ในสวน ระหว่างที่นั่งมองเด็กๆสามคนวิ่งเล่นกัน วันนั้นตอนที่ไม้โทรมาบอกว่ากลอนไม่สบาย ปารมีแทบจะพุ่งออกจากบ้านทันที แต่ติดที่ว่าเด็กๆต้องการไปด้วยเลยช้าหน่อย พอไปถึงก็เห็นคุณหมอเอนั่งอยู่ก่อนแล้ว พอได้ฟังคุณหมอบอกว่ากลอนไม่เป็นอะไรมาก แค่อ่อนเพลีย ปารมีก็สบายใจขึ้นแต่ก็ยังยืนยันที่จะอยู่เฝ้าไข้เพื่อน จากนั้นไม่นาน ครอบครัวของพี่ๆกลอนก็มาสมทบอีก ปารมีอยากให้กลอนตื่นขึ้นมา แล้วจะได้เห็นว่าในห้องนี้มีคนที่เป็นห่วงกลอนอยู่มากแค่ไหน เด็กหญิงตัวน้อยเอาแต่ร้องไห้เพราะกลัวกลอนจะเป็นอะไรไป ถึงห้องจะแคบ แต่ทุกคนก็ยืนยันที่จะอยู่เฝ้าไม่ไปไหน

ปารมีไม่นึกเลยว่าพอตื่นขึ้นมาแล้ว กลอนจะหายตัวไป ในระหว่างที่ทุกคนกำลังวุ่นวายตามหากลอน ไม้ก็เข้ามาและบอกว่ากลอนขอไปพักคนเดียว ไม่ต้องเป็นห่วง เขาก็ไม่อยากเป็นห่วงหรอก แต่ก็ต้องห่วง ทำไมไม้ถึงรู้ ทำไมกลอนเลือกบอกไม้ ทั้งๆที่กลอนกับไม้ดูเหมือนไม่ค่อยลงรอยกัน ปารมีที่เป็นเพื่อนสนิททำไมกลอนถึงไม่บอกอะไรเลย กลอนไม่ไว้ใจกันแล้ว หรือไม่เห็นปารมีเพื่อนอีกต่อไป ปารมีอดที่จะคิดมากไม่ได้

“คุณปาม กินหนมได้ยังคับ”

 มือเล็กๆเกาะเข้าที่ชายเสื้อคนนั่ง ปารมีได้สติกลับมา แต่ก็ต้องถามกลับไปอีกครั้งว่าเด็กชายพูดอะไร ปฐวีหน้างอที่ปารมีไม่ฟังที่ตนพูด แต่อารมณ์อยากกินขนมมีมากกว่าจึงตอบไปอีกครั้ง

“กินขนมได้หรือยังครับ”

ปารมีเพิ่งคิดได้ว่าถึงเวลาอาหารว่างแล้ว เขาลุกไปในบ้านเพื่อไปยกของว่างมาให้เด็กๆ แต่ในใจก็ยังคิดเรื่องกลอนไปตลอดทาง

.......................................
TBC

ตอนที่ 3 มาวันจันทร์ค่ะ

tippy

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:.................จะรอนะ จะรอ หมอเอนี่กับพี่น้ำในมะคะถ้าจำไม่ผิดในตอนของไม้กับกลอน :กอด1:

lasom

  • บุคคลทั่วไป
:mc4:ตาหวานกะนุ้งปามมาแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






bow55

  • บุคคลทั่วไป
อ่า
ปารมีช่างน่าสงสาร :o12:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ถ้าจำไม่ผิด  น้ำจะคู่กับพี่เอ
แล้ว ลมจะคู่กับเพื่อนของกลอนที่ทำงานโรงแรมอยู่บนเกาะซักที่นี่แหละ
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องเร็วดี

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
รอตอนที่3ค่ะ อ่านมาตอนนี้สงสารปามอ่ะ มารับรู้ความรู้สึกของปามก็เรื่องนี้
ตอนที่อ่านไม้กลอน ยังนึกเกลียดปามตามกลอนไปอยู่เลย

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันจันทร์เลยได้ไหม
อยากอ่านอา

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
โอยยยย ค้างงงงงงง  :z3:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
เห้อออ พอมาอ่านตอนของปามก็สงสารปาม


รอค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ pppp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 387
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
เด็กๆ น่ารัก แต่พ่อของเด็กขี้แกล้งจริง!

ออฟไลน์ jeeu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เด็กๆน่ารักมากจ้าาา  คุณปามของเด็กๆก็น่ารัก กอดคุณปามกับน้องตาหวานจ้า :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2012 13:39:30 โดย jeeu »

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ปารมีเป็นคนละเอียดอ่อนและแบกความด้อยของตนเอาไว้  เลยทำให้คิดมากเป็นสองเท่า
ส่วนอื่น ๆ ไม่น่ามีปัญหา โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ส่วนตัวคุณพ่อ ชักยังไง ๆ หรือติดใจรสจูบ  :z2:
+1 ให้เจ้จุ๊บจิ๊บ รอวันจันทร์ที่จะถึง ครับ

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ความหวังดีของปามทำให้คนที่เป็นเพื่อนอย่างกลอนเข้าใจความหมายผิดไปมากเลย :sad4:
ปามโดนคุณดินแกล้งแบบเนียนๆ :m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
เดินเรื่องเร็วมากเลยอ่ะ
แต่คุณดินนี่เจอหน้าครั้งแรกก็
ไปจูบปามซะและ

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9

ออฟไลน์ minyoung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 417
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อยากอ่านต่อแล้ว เมื่อไหร่จะวันจันทร์น้อ รอจ้า

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ไปเก็บอ่านเรื่องก่อนๆมาแล้ว

สนุกทุกเรื่องเลยคะ

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :L2:หุๆๆๆเจอหนาก้กัดเขาเลย

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :เฮ้อ:  คุนปามน่าสงสาร

แต่คุณดินไปจูบเค้ารับผิดชอบบ้างดิ   :laugh:

Ai_Rong_Kun

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ ตอนสองนี่เดินเรื่องไวมากๆ ถ้าไม่ได้อ่านไม้+กลอนมาก่อน คงจะงงมิใช่น้อย

ว่าแต่ว่า.... มันใกล้ถึงตอนที่น้าปามโดนท่านประธาน.... แล้วนี่นา  :o8:

รอวันจันทร์อย่างใจจดจ่อ อิอิ หุหุ

ออฟไลน์ ladyzakura

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0

คุณดินนะ มาถึงก็จูบเลย อิอิ

ปามน่าสงสาร

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด