ผมกับกัสรีบขับรถกลับในคืนนั้นทันที โดยไม่รอให้ถึงเช้า ใช้เวลาไม่นานก็ถึงกรุงเทพ
พอมาถึงโรงพยาบาล ก็เห็นทุกคนออกันอยู่ที่หน้าห้องไอซียูครบทุกคนแล้ว ทั้งฟิล์ม พ่อแป๋ม ป้ากัส ซึ่งคนหลังนั้นได้มองผมนิดหน่อย คงจะแปลกใจที่เห็นผมมากับกัส แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ทุกคนมีสีหน้าอิดโรย โดยเฉพาะไอ้ฟิล์มที่ผมเพิ่งเคยเห็นมันร้องไห้หนักขนาดนี้ ส่วนป้าไอ้กัสนั้นก็ได้แต่ถือผ้าเช็ดหน้าแอบเช็ดน้ำอยู่คนเดียว
คนที่นิ่งที่สุดก็คงจะเป็นพ่อไอ้แป๋มละมั้ง แต่ก็ยังแอบเห็นสายตาที่ทุกข์ใจอยู่มาก
"เรื่องเป็นไงครับ และตอนนี้แป๋มเป็นไงบ้างครับพ่อ" ไอ้กัสเข้าไปหาพ่อแป๋มทันที ส่วนผมก็เข้าไปปลอบไอ้ฟิล์ม
"พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคู่กรณีขับรถมาด้วยความเร็วสูงมาก และส่ายเป็นงูเลื้อยเชียว สงสัยจะเมา และสงสัยคงจะบังคับรถไม่อยู่ จึงพุ่งมาชนรถแป๋มที่ขับสวนมาพอดี ส่วนอาการก็...พ่อยังไม่รู้เลย...ฮืก..ก...ฮืออ"
หลังจากคุณพ่อของแป๋มเล่าจบก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อซ่อนน้ำตาของผู้เป็นพ่อไว้
สักครู่ใหญ่ หมอก็ออกมาจากห้องไอซียู ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปเพื่อถามอาการของแป๋ม
"ไม่ทราบว่าใครเป็นญาติของผู้ป่วยครับ"
"ผมเองครับ ผมเป็นพ่อของแก" พ่อของแป๋มรีบละล่ำละลักตอบ
"ตอนนี้คนไข้ฟื้นแล้วครับ"
"จริงหรือครับหมอ ขอบคุณมาก ๆ ครับ ขอบคุณมาก" ไอ้ฟิล์มมันคงจะดีใจเป็นที่สุด รีบเข้าไปจับมือหมอพร้อมกับขอบคุณด้วยอาการดีใจ
"แต่ว่า หมอมีเรื่องจะปรึกษาญาติผู้ป่วยครับ งั้นขอเชิญคุณพ่อทางนี้ก่อนค่ะ หมอมีเรื่องจะปรึกษา" ว่าแล้วก็เดินนำพ่อของแป๋มไปอีกทาง
"พ่อครับ ผมไปด้วย" สักพักไอ้ฟิล์มคงทนไม่ไหว ก็เลยวิ่งตามพ่อแป๋มไปด้วยคน ตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงผม กัส และป้ากัสครับ
ตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจอาการของแป๋มสักเท่าไหร่ เพิ่งดีใจได้ไม่ถึงนาที ทำไม ฟื้นแล้วแล้วทำไมต้องปรึกษาอะไรกันอีก
แต่ตอนนี้เราสามคนนั่งกันเงียบ ๆโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแต่เสียงสะอื้นเบา ๆของป้ากัส
ไอ้กัสมันเห็นดังนั้นก็เลยเอามือไปบีบมือป้ามันไว้เพื่อให้กำลังใจ ส่วนป้ากัสก็ได้แต่พยักหน้าเบา ๆ แทนคำขอบใจ
"คนเรา มันก็เท่านี้" ผมกับไอ้กัสมองหน้ากัน เพราะตอนนี้ป้ากัสเหมือนจะเพ้ออะไรออกมาเบา ๆ
"ชีวิตคนเรา...มันก็เท่านี้เอง" ป้าไอ้กัสกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว จึงปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร ทำให้ไอ้กัสต้องเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจ
"คุณป้าครับ ใจเย็น ๆ ครับ แป๋มจะต้องไม่เป็นไรครับ"
"ใช่ครับ แป๋ม จะต้องไม่เป็นอะไรครับ" ผมไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี เลยปลอบใจป้ากัสไปแบบนั้น และค่อย ๆ เอามือไปวางบนมือของป้ากัสอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพื่อจะปลอบใจ
สิ่งที่ผมกลัวก็คือกลัวว่าป้ากัสจะไม่ยอมรับความหวังดีจากผม แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ป้ากัสค่อย ๆบีบมือผมตอบ พร้อมกับหันมายิ้มให้ผมและพยักหน้าช้า ๆ เหมือนจะบอกว่ารับรู้ในสิ่งที่ผมบอกไป แค่นี้มันก็ทำให้ผมดีใจมากแล้วครับ อย่างน้อย ๆ มันก็ยังมีเรื่องดี ๆ ในความเลวร้ายครับ
ผ่านไปนานพอสมควรครับ พ่อแป๋มกับไอ้ฟิล์มจึงเดินกลับมา ทั้งสองคนไม่แสดงสีหน้าใด ๆทั้งสิ้น ออกจะเลื่อนลอยด้วยซ้ำไป
ไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถาม พ่อแป๋มก็พูดขึ้นมาก่อน
"เราเข้าไปเยี่ยมแป๋มกันดีกว่าลูก" พูดจบก็เดินนำหายเข้าไปในห้องไอซียู เราทั้งหมดจึงเดินตามกันเข้าไป
สภาพที่ผมเห็นตอนนี้ ผมแทบจะจำแป๋ม เด็กผู้หญิงแสนสวนแต่แก่นแก้วคนเดิมแทบไม่ได้
เพราะใบหน้าที่บวมปูด คราบเลือดที่ถูกเช็ดออกไปยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง ผ้าก้อต สายระโยงระยางเต็มไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือ
แววตาที่มุ่งมั่นของแป๋มที่ยังคงมีอยู่ตลอด
ผมสังเกตไอ้ฟิล์มกัดริมฝีปากแน่น มันคงไม่อยากร้องไห้ให้ไอ้แป๋มเห็น ส่วนป้าไอ้กัสก็ได้แต่ยืนหันหลังเหมือนกับไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทั้งพ่อแป๋มและไอ้ฟิล์มรู้อะไรมา แต่ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
แต่ตอนนี้ สิ่งที่ผมเห็นก็คือ แป๋มครับ แป๋มยังยิ้มได้
ตอนนี้พ่อของแป๋มได้เข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูแป๋ม ซึ่งพอพูดเสร็จแป๋มก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ด้วยน้ำตา ก่อนที่พ่อของแป๋มจะพาป้ากัสออกไปข้างนอกห้องเพราะทนเห็นภาพนี้ไม่ได้
เรานิ่งกันไปสักพัก แป๋มก็พยักหน้าเรียกผมให้เข้าไปใกล้ ๆ
ผมรีบเข้าไปจับมือกับแป๋มเพื่อให้กำลังใจ และคอยฟังว่าแป๋มจะพูดว่าอะไร
"บิวจำได้ไหม ที่บิวเคยบอกแป๋มว่า..." พูดสักพักเสียงแป๋มก็เงียบไป เหมือนว่าคนอ่อนแรงมาก ๆ
"แป๋มถ้าเหนื่อยก็อย่าเพิ่งพูดเลยนะ ไว้รอแกหายดีก่อนก็ได้" แต่แป๋มสายหน้าและพยายามที่จะพูดต่อ
"ดอกกุหลาบ ก็คือดอกกุหลาบ ดอกไฮเดนเยีย ก็คือดอกไฮเดนเยีย ดอกทิวลิปก็คือดอกทิวลิป ถึงแม้ว่าดอกไม้แต่ละดอกมันจะต่างชนิดกัน สีสันต่างกัน หรือรูปร่างต่างกัน แต่มันไม่สำคัญเลย มันสำคัญตรงที่ว่า ดอกไม้แต่ละดอกมีพลังที่จะเติบโตในแบบฉบับของตัวมันเอง ก็เหมือนกับคนเรานั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะเกิดมามีรูปร่างต่างกัน เพศต่างกัน มันไม่สำคัญเลย มันสำคัญตรงที่ว่าเราต้องมีพลังที่จะเติบโตในแบบฉบับของตัวเราเอง และฉันก็เชื่อว่าแกจะเติบโตในแบบฉบับของตัวแกเองนะเว้ย" เสียงของบิวหายเป็นช่วง ๆ ตอนนี้ภาพของแป๋มพร่าเลือนเหลือเกิน เพราะตาผมท่วมท้นไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเต็มแก้ม
"อืม...เราจะพยายามนะแป๋ม ...ฮืออ" ผมพยายามส่งยิ้มให้กับแป๋มที่ยิ้มตอบผมกลับมา
"เข้มแข็งไว้นะ...ถ้าเราไม่อยู่ ยิ้มไว้นะ" ภาพทุกภาพระหว่างแป๋มกับผมผุดขึ้นมาเต็มหัวไปหมด ดูสิ ขนาดนี้แล้วมันยังไม่ห่วงตัวมันเองอีก
"อืมได้...เราจะยิ้ม เราจะยิ้มนะแป๋ม" ผมพยายามยิ้มอยากลำบากเพื่อให้มันเห็น
"ดูแลไอ้บิวด้วยนะกัส เราเชื่อว่าแกทำได้" ไอแป๋มหันไปพูดกับไอ้กัสที่พยักหน้าตอบอย่างช้า ๆ
"ส่วนแกไอ้ฟิล์ม...ฉันรักแกนะ" พอพูดจบ ไอ้ฟิล์มก็วิ่งเข้ามาซบหน้ากับอกไอ้แป๋มพร้อมกับปล่อยโฮออกมา
"แป๋มอย่าทิ้งฟิล์มไปนะ..ฮือ..ฮืออออ แป๋มอย่าทิ้งฟิล์มไปนะ" ผมกับกัสมองภาพนั้นด้วยความสลดใจ
สักพักพ่อไอ้แป๋มและป้ากัสก็เข้ามาในห้อง เราทั้งหมดยืนล้อมเตียงแป๋มไว้
"คุณป้าค่ะ รักบิวด้วยนะค่ะ" พอแป๋มพูดจบ ผมกับป้ากัสก็สบตากัน สักพักนึง ป้ากัสก็หันไปพยักหน้าช้า ๆ กับแป๋มพร้อมกับบอกว่า
"แป๋มพักเหอะนะ เหนื่อยมาเยอะแล้ว"
"หลับให้สบายนะลูก"
แป๋มยิ้มให้พวกผมสักพักก่อนที่จะค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ
สภาพของแป๋มตอนนี้เหมือนคนนอนหลับที่กำลังฝันดี เพราะมุมปากมีรอยยิ้มนิด ๆ ...
แป๋มจากพวกเราไปแล้ว
แป๋มไปแล้ว....