HEARTBREAKER
65
“มึงจะกลับมาอยู่กับกูเหมือนเดิมใช่มั้ยต้าร์”
พี่แซทถามพลางลุกขึ้นจากโซฟา เขาจะเดินเข้ามาหาแต่พี่ควินเข้ามาขวางไว้ ผมเห็นพี่ควินส่งสายตาที่เป็นเหมือนสัญญาณซึ่งรู้กันแค่พวกเขาสองคน พี่แซทถอนหายใจแรง แต่ก็ยอมกลับไปนั่งตามเดิม พวกเขากำลังคาดหวังให้ผมกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม สายตาของพวกเขามันบอกผมแบบนั้น แต่จุดประสงค์ที่ผมมาในวันนี้มันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาหวัง ไม่ใช่เลย…
“ตอบมา มึงจะกลับมาอยู่กับกูใช่มั้ย”
พี่แซทถามย้ำ และผมส่ายหน้า นัยน์ตาสองคู่กระตุกทันที
“มึงหมายความว่าไง!”
“ผม…ผมจะไม่กลับมาอยู่กับพวกพี่อีกแล้ว”
ผมตอบพี่แซทเสียงเบา เลี่ยงหลบสายตาเพราะไม่กล้าพอที่จะมองสบนัยน์ตาแข็งกร้าวของเขา
“กูไม่ยอม! มึงต้องกลับมาอยู่กับกู!”
“โอ้ย!”
ผมร้องเสียงหลงกับการจู่โจมที่รวดเร็วของพี่แซท จู่ๆเขาก็พุ่งเข้ามาจับต้นแขนผมบีบแน่น และคราวนี้พี่ควินไม่ได้ลุกขึ้นมาห้ามเพื่อน เขานั่งนิ่งและมองผมด้วยสายตาเย็นชา พี่แซทไม่สนใจเสียงร้องของผม เขาเขย่าตัวผมจนหัวสั่นคลอน นัยน์ตาแดงก่ำจ้องผมเขม็ง
“ทำร้ายผมให้ตายอยู่ตรงนี้มันก็เปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้หรอกครับ”
ผมจ้องตาพี่แซททั้งน้ำตาที่รื้นขึ้นมาเอ่อคลอ รับรู้ได้ว่ามือทั้งสองข้างของเขากำลังสั่น
“ผมจะไม่อยู่กับพวกพี่ ได้ยินชัดมั้ยครับ”
“ทำไม! มึงเกลียดกูมากนักเหรอ เกลียดจนอภัยให้กูไม่ได้เลยใช่มั้ย!”
“ผมไม่ได้เกลียดพวกพี่ แต่ผมลืมสิ่งที่พวกพี่ทำกับผมไม่ได้! ผมลืมมันไม่ได้พวกพี่ได้ยินมั้ย!”
ผมตะโกนใส่เขาจนตัวสั่น เพิ่งรู้ว่าการพูดความจริงมันเจ็บปวดขนาดนี้
“กูผิดมากเหรอวะ กูผิดมากขนาดที่มึงอภัยให้ไม่ได้เลยเหรอ”
พี่แซทถามพลางปล่อยมือออกไป นัยน์ตาทอแววเจ็บปวด
“ที่ผ่านมา ผมต้องทนมาตลอด ทนอยู่กับความทรงจำเลวร้ายในคืนนั้น ทนอยู่กับคนที่ทำร้ายผมอย่างเลือดเย็น”
ผมร้องไห้เมื่อนึกถึงการกระทำโหดร้ายของพวกเขา ทั้งๆที่ผ่านมานานแล้วแต่ผมกลับจำเหตุการณ์วันนั้นได้ขึ้นใจ มันยังคงชัดเจนในความรู้สึก
“มึงจะบอกว่าที่ผ่านมา มึงไม่เคยมีความสุขเลยเวลาที่อยู่กับพวกกู”
พี่ควินถามขึ้นมาเสียงเรียบ ผมหันไปมองเขาที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ปฎิกิริยาที่เขาแสดงออกทำให้ผมไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงได้นิ่งขนาดนี้
“ตอบสิ ตอบว่ามึงไม่เคยรู้สึกอะไรเลย มึงไม่เคยมีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่”
“ผม…”
พี่ควินจ้องตาผม สายตากดดันและคาดคั้นของเขาทำให้ผมอึดอัด
“มึงไม่เคยรัก ไม่เคยผูกพัน ไม่เคยรู้สึกอะไรกับพวกกูทั้งนั้น”
“พี่ควิน”
ผมเรียกเขาเสียงแผ่ว เจ้าของชื่อแสยะยิ้ม เขาลุกขึ้นแต่ไม่ได้เดินเข้ามาหา
“มึงเคยมีความคิดที่จะรักกูบ้างมั้ย”
ผมหลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ความคิดที่จะรักเหรอ…เคยสิ แต่ก็แค่เคย มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบ
“ไม่ครับ ผมไม่เคยคิด”
ผมพูดเน้นก่อนค่อยๆลืมตา เห็นพี่แซทมองผมด้วยความผิดหวัง นัยน์ตาแดงก่ำของเขากำลังสั่นไหว ส่วนคนถาม ตอนนี้เขากำลังยืนหันหลังให้ผม
“มึงแม่ง…โคตรใจร้ายเลยว่ะ”
พี่แซทบอกทั้งรอยยิ้มฝืดๆ
“ขอโทษครับ แต่ผมไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว พวกพี่ปล่อยผมไปเถอะนะครับ”
“ไปสิ มึงอยากไปไหนก็ไป แต่จำไว้ว่าต่อให้มึงหนีไป กูก็จะตามมึงกลับมาจนได้”
พี่ควินหันกลับมา เขายกยิ้มมุมปากทั้งที่สายตาแข็งกร้าว คำขู่ของเขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่ผมรู้สึกเสียใจมากกว่าที่สุดท้ายแล้วความตั้งใจของผมก็ส่งไปไม่ถึงพวกเขา
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย คิดดูให้ดีเถอะครับ”
“มึงไม่ต้องมาบอกให้กูคิดหรอก! ในเมื่อที่ผ่านมามึงไม่เคยลืม เอาสิ มึงอยากทำอะไรก็ทำไป แต่จำใส่สมองมึงไว้ว่ากูไม่มีวัน
ปล่อยมึงไป ไม่มีวัน!”
“พี่ควิน”
ผมมองเขาอย่างตัดพ้อ ทำไมพวกเขาไม่เข้าใจผมบ้าง!
“คนเลวอย่างกู ไม่เคยมีค่าในสายตามึงอยู่แล้วนี่ ในเมื่อมึงไม่เคยคิดจะรักกู กูก็ไม่จำเป็นต้องปรานีมึงเหมือนกัน!”
“เห็นแก่ตัว พวกพี่มันเห็นแก่ตัว!” ผมตะโกนอย่างสุดกลั้น
“เออ! กูมันเห็นแก่ตัว แต่คนทั้งโลกมันก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ!”
พี่ควินตะคอกใส่ เขาหายใจแรงพลางก้าวเข้ามาใกล้ ผมไม่ได้ถอยหนีแต่จ้องนัยน์ตาแข็งกร้าวนั้นผ่านน้ำตาของผมเอง
“กลับมาอยู่กับกูเหมือนเดิม มึงต้องกลับมา”
“ไม่ครับ พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผมอีกแล้ว”
“ต้าร์! มึงอย่ามาดื้อกับกูนะ!”
“ปล่อยผมไปเถอะครับ”
พี่ควินหายใจแรง ได้ยินเสียงเขากัดฟันคล้ายกำลังข่มกลั้นอารมณ์ และโดยไม่ทันตั้งตัวร่างสูงก็ผลักผมติดกำแพง สองมือใหญ่ตรึงไหล่ไว้ไม่ให้ขยับหนี ไม่เว้นช่วงให้ได้ขัดขืนเขาก็จู่โจมด้วยการกระแทกจูบรุนแรงบดขยี้ริมฝีปากผมจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก ผมหยุดความคิดที่จะต่อต้านดิ้นรน ปล่อยให้เขาระบายอารมณ์ตามอำเภอใจ เพราะขืนสู้แรงเขาไปก็มีแต่เจ็บตัวเปล่าๆ
“อื้อ…อื้อ”
ผมครางประท้วงเพราะเริ่มทนไม่ไหว ฟาดมือลงบนไหล่กว้าง
“ไอ้เหี้ยควิน! ต้าร์มันหายใจไม่ออกแล้ว!”
เหมือนลมพัดวูบเข้ามาต่ออากาศให้ผมได้หายใจ เมื่อพี่แซทกระชากพี่ควินออกไป
“มึงทำได้มั้ย ทำยังไงก็ได้ไม่ให้มันไป มึงเปลี่ยนใจมันได้มั้ย!”
พี่ควินตะคอกใส่เพื่อน หันมามองผมตาขวางก่อนกระแทกตัวนั่งลงที่โซฟา
“ทำให้มันลืมเรื่องเหี้ยๆที่มึงกับกูเคยทำกับมันไว้ มึงทำได้มั้ยแซท”
น้ำเสียงแข็งพูดกับเพื่อนเขาอย่างต้องการประชดประชันผมบวกกับสายตาที่จ้องมองมา ผมเคยคิดว่าเวลาที่พวกเขาโกรธหรือโมโหกับเรื่องของผม คนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้และแสดงความก้าวร้าวระบายโทสะอย่างขาดสติก็คือพี่แซท ในขณะที่ควินจะเป็นฝ่ายที่ควบคุมสติอารมณ์ตัวเองได้มากกว่า แต่วันนี้ผมได้รับรู้ความจริงว่าพี่ควินก็ไม่ได้ต่างจากพี่แซทเลย
“ที่มึงมาวันนี้ แค่ต้องการมาบอกพวกกูว่ามึงจะไป แค่นี้เหรอ”
พี่แซทหันกลับมาถามก่อนเดินเข้ามาใกล้ เขาไม่ได้จู่โจมผม ทำเพียงแค่ยืนนิ่งมองมาด้วยสายตาเศร้าๆ
“ครับ ผมต้องการมาคุยกับพวกพี่ให้รู้เรื่อง”
พี่แซทพยักหน้า เขาจ้องผมอยู่นานโดยไม่พูดอะไร
“ผมอยากให้พวกเราจากกันด้วยดี”
“กูรักมึงแทบตาย แต่มึงบอกจะไปจากกู กูต้องรู้สึกยังไงวะ”
ผมพูดไม่ออก พี่แซทขยับเข้ามาประชิดตัว ผมไม่ได้ถอยหนีเพราะเขาไม่ได้มีท่าทีคุกคาม
“จากกันด้วยดีคือไรวะ มึงคิดจะไปมึงก็ไป แล้วความรู้สึกกูล่ะ มึงเคยแคร์บ้างมั้ย”
น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลไปแล้วมันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ผมสะอื้นเมื่อมือหนาจับมือผมข้างนึงไปทาบตรงตำแหน่งหัวใจเขา
“กูก็มีหัวใจ มึงได้ยินเสียงมันเต้นมั้ย”
ผมหลับตาแน่น พยายามชักมือกลับมาแต่เขาก็ยื้อไว้
“กูรู้ว่ากูผิด กูทำร้ายมึง แต่มึงจะไม่ให้อภัยกูหน่อยเหรอวะ ให้โอกาสกูบ้าง”
“พอเถอะครับ”
พอสักที…ผมเดินมาจนสุดทางแล้ว
“กูมันเลว กูมันเหี้ย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้กูจะไม่ทำแบบนั้นกับมึง แต่กูย้อนเวลากลับไปไม่ได้ มึงจะให้กูทำยังไง”
“ผมไม่อยากฟังแล้ว!”
ผมดิ้นแล้วผลักเขาออกสุดแรง มองเขาผ่านม่านน้ำตา
“พี่แค่ปล่อยผมไปก็พอ ปล่อยให้ผมไปตามทางของผม แค่นี้ก็พอครับ”
เราจ้องตากัน เวลาคล้ายหยุดนิ่ง แต่ผมรู้ดีว่าความจริงมันกำลังดำเนินต่อไป และผมเองก็ต้องเดินหน้าต่อไปเช่นกัน แม้ว่าคนตรงหน้ากำลังมองผมด้วยสายตาอ้อนวอนอยู่ก็ตาม
“ให้ผมไปเถอะครับ”
เขาไม่ตอบ ร่างสูงหันหลังให้ ผมมองเห็นไหล่กว้างกำลังสั่นไหว แม้ไม่ได้ยินเสียงแต่ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังร้องไห้ เห็นเขาเป็นแบบนี้ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยความรู้สึกเสียใจไม่ต่างกัน พี่แซทไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็น ผู้ชายคนนี้ไม่เคยหมดท่าต่อหน้าผม แต่วันนี้ ตอนนี้ มันไม่ใช่แล้ว
“ผมขอเป็นคนเห็นแก่ตัวสักครั้ง ขอโทษนะครับพี่”
ผมเช็ดน้ำตาลวกๆ หันหลังเตรียมเดินออกจากห้องนี้แต่พี่ควินไวกว่าผม เขาคว้าแขนผมไว้
“ถ้ามึงยอมให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต กูสัญญา…กูจะไม่ทำร้ายมึงอีก”
พี่ควินมองผมด้วยสายตาเว้าวอน ท่าทางของเขาคล้ายกำลังขอร้องให้ผมอยู่ ถ้าจะใช้กำลังเขาย่อมทำได้ แต่ตอนนี้เขาเลือกจะพูดกับผมตรงๆ นั่นหมายความว่าเขายอมลงให้ผมจนถึงที่สุดแล้ว
“ผมไม่ได้ต้องการความสงสาร ไม่ได้ต้องการความเห็นใจ ผมแค่อยากไปให้พ้นจากพวกพี่…ก็เท่านั้นเอง”
และเพราะคำพูดนี้ ผมถึงได้เห็นนัยน์ตาคมมีน้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมา และผมก็ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเลือกที่จะยื่นมือไปเช็ดหยดน้ำตาที่กำลังไหลลงมาให้เขา ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ไร้ซึ่งคำพูดใด มีเพียงน้ำตาที่ไหลลงไม่หยุด ผมจำได้ว่าเคยพูดประโยคนึงกับเขา
‘พวกเราเกิดมาเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กันและกัน’
และมันถึงเวลาแล้ว…พวกเราต้องจบความเจ็บปวดนี้ได้แล้ว
“ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกพี่เคยทำให้ผม แต่ผมต้องไปจริงๆครับ ให้ผมไปเถอะนะ”
ไม่รอฟังคำตอบ ผมรีบถอยออกมาและเดินผ่านเขาไป แต่พี่ควินก็ตามมารวบตัวผมอีกครั้ง เขากอดผมจากด้านหลัง กอดไว้แน่นจนผมเจ็บ
“อย่าไป กูไม่ให้มึงไป ขอร้อง กูขอร้องต้าร์”
ผมพยายามจับแขนเขาออก แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย เรายื้อกันอยู่จนกระทั่งอังเดรกับอะดอนิสเดินเข้ามา คงเพราะพวกเราคุยกันนานเกินไปจนคนรออยู่ข้างนอกคิดว่ามันผิดปกติ ผมมองหน้าสองบอดี้การ์ด ร้องขอความช่วยเหลือผ่านสายตา โชคดีที่พวกเขารับรู้และเข้าใจจึงรีบเขามาช่วยผม
“ปล่อยกู! ปล่อย!”
พี่ควินถูกอะดอนิสดึงตัวออกไป แน่นอนว่าเขาขัดขืนและอะดอนิสก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ทำตามใจตัวเอง
“อย่าไปนะต้าร์ กูขอโทษ”
พี่ควินทรุด เขาเหมือนคนหมดแรงแต่ก็ยังพยายามต่อสู้
“ฝากพวกเขาด้วยนะครับ”
ผมมองพี่ควินและหันไปมองแผ่นหลังพี่แซทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนรีบเดินออกจากห้อง
“ต้าร์! กลับมา! กูสั่งให้กลับมา!!!”
โครม! ตุ๊บ! เพล้ง!
เสียงตะโกนและเสียงโครมครามดังตามไล่หลังมา ผมยกมือปิดหูรีบเปิดประตูก้าวออกไปและปิดมันด้วยอาการสั่นไปทั้งตัว ผมหอบหายใจแรง หันกลับมามองประตูห้องที่เคยอาศัยอยู่กับพวกเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายื่นมือออกไปสัมผัสมันตั้งแต่เมื่อไหร่
“ต้าร์!”
เสียงเรียกปลุกให้ผมได้สติ หันไปมองคนเรียกก็รีบโผเข้ากอดเขาไว้แน่น
“พี่ครับ ฮึก...ผม…ผมทำให้พวกเขาร้องไห้”
ผมบอกพี่เนสทั้งเสียงสะอื้น ฝ่ามืออุ่นลูบศีรษะผมอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไร ต้าร์ไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าร้อง ต้าร์เสียน้ำตามามากพอแล้ว”
ผมพยายามหยุดน้ำตา แต่มันก็ยังไหลออกมาจนน่าโมโห ร่างกายเป็นของผมแท้ๆแต่กลับสั่งมันไม่ได้เลย
“มันควรจะจบตั้งนานแล้ว ถ้าพี่มีความกล้ามากกว่านี้ ต้าร์ก็ไม่ต้องทนทรมานอยู่กับพวกมัน”
ผมอยากพูด แต่มันพูดไม่ออก รู้สึกปวดตาและคัดจมูกไปหมด
“กลับบ้านเรากันเถอะ คนเก่งของพี่ต้องเข้มแข็งรู้มั้ย หยุดร้องได้แล้ว”
พี่เนสดันผมออกห่างก่อนประคองใบหน้าจัดการเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขายิ้มก่อนโอบไหล่พาผมเดินไปที่ลิฟต์ ผมได้แต่บอกตัวเองในใจซ้ำไปซ้ำมาว่าทำถูกแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้ แต่คำพูดและภาพที่พวกเขาร้องไห้มันยังคงติดตา ผมยกมือปิดหน้า สะบัดหัวไปมาราวกับคนบ้า
“มันจบแล้วต้าร์ ฟังพี่ มันจบแล้ว”
พี่เนสกอดผมไว้แน่น ผมได้แต่เม้มปากพยักหน้าตอบรับ ภาวนาขอให้ทุกอย่างมันจบลงจริงๆ อย่าได้มีเรื่องราวเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
V
V
V