ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ยอดสะเดา กับ ข้าวโพดต้ม
ต้นที่ 12
เผลอพริบตาเดียว...
ค่ายวิศวะอาสาผ่านมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว
เหลืออีกเพียงแค่สามวันก็จะถือว่านายปลายฟ้า
ได้เสร็จสิ้นภารกิจในค่ายนี้อย่างสมบูรณ์
ส่วนของการก่อสร้างโรงเพาะเห็ดและซ่อมแซมห้องสมุด
เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นชาวค่ายก็ยังคงพยายามเร่งให้ทันช่วงโค้งสุดท้าย
เพราะในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
โดยเชิญชาวบ้านในหมู่บ้านมาร่วมยินดี
พร้อมกับมีกิจกรรมกีฬาสานสัมพันธ์กับพวกน้อง ๆ ในโรงเรียน
และด้วยเหตุนี้กลุ่มของนายปลายฟ้าจึงถูกโอนให้มาช่วยหน่วยก่อสร้างแทบจะถาวร
ทั้งใช้แรงงาน แบกของ ทาสีอาคาร ปีนหลังคา สารพัด
แต่พวกเขาไม่เคยปริปากบ่นใด ๆ เพราะเต็มใจกันช่วยอยู่แล้ว
ทั้งยังเข้ากับเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
คงเป็นเพราะได้เคลียร์เรื่องกับเด็กคณะวิศวะไปก่อนหน้า
จึงทำให้อะไร ๆ เหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
คล้ายกับทุกคนร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าเคย
...ยกเว้นอยู่เรื่องหนึ่งที่คนในค่ายพยายามแยกให้เป็นเรื่องของใครของมัน
“บอลล่ามีคนฝากจดหมายมาให้”
ไอ้เกมส์ยื่นกระดาษพับเล็ก ๆ ส่งให้สุดสวยประจำกลุ่ม
ระหว่างกำลังนั่งโต๊ะกินข้าวต้มมื้อเช้ากันอยู่
“ไหนอะไรยะ เอามาสิ”
มือบางคว้ากระดาษมาคลี่เปิดดู
ก่อนส่งเสียงอ่านให้ทุกคนได้ยินกันโดยทั่ว
“อยากเป็นตุ๊กตาหมีให้เธอกอด
อยากเป็นทามาก๊อตให้เธอเลี้ยง
อยากเป็นทูตสวรรค์ข้าง ๆ เตียง
อยากเป็นนกเอี้ยงคอยเลี้ยงเธอ
เทคแคร์นะคัฟ จุ๊บ ๆ
จาก บัดเดอร์สุดหล่อเองคัฟ”
โห....เน่าสนิท!
ปลายฟ้ามองเพื่อนที่เหลือซึ่งทำหน้าอยากจะอ้วกข้าวต้มออกมา
ยกเว้นบุคคลเดียวที่ดูเหมือนจะถูกใจร้องกรี๊ดกร๊าดดีใจไม่ยอมหยุด
“ว๊ายยย!! น่าร๊อกกอ่ะ!!!
แต่เอ๊ะเดี๋ยวก่อน...
ไอ้อยากเป็นนกเอี้ยงมาคอยเลี้ยงเนี่ย
มันหาว่าชั้นเป็นควายไม่ใช่เหรอย่ะ
กรี๊ดดด!! บังอาจมาว่านางสาวไทยในอนาคตได้ยังไง
หึ แต่ชั้นให้อภัยก็ได้ยะ
เพราะเห็นว่ามันเขียนมาจากบัดเดอร์สุดหล่อหรอกนะ
ไม่งั้นแม่จะจับจูบปากให้ช้ำจนถึงไส้ติ่งเสียให้เข็ด!”
บอลล่าสะบัดหางเสียงส่งท้ายอย่างงอน ๆ
หลังจากเพิ่งตระหนักชัดถึงความหมายที่แฝงนัยยะมา
จนตัวกวนประจำกลุ่มต้องตบบ่าเบา ๆ พลางพูดเอ่ยปลอบ
“เอาน่าเจ๊... ได้แค่นี้ก็ยังดีกว่าเขาไม่ส่งอะไรมาให้
ว่าแต่บัดเดอร์เจ๊เก่งนะเนี่ยเลือกกลอนมาตรงกับตัวเจ๊เป๊ะ!”
“เงียบไปเลยนะยะ ไอ้เกมส์!
ใช่ซี้...ก็แกได้ลูกอมตั้งห่อเบ่อเริ้มเลยพูดได้นี่
ของชั้นอ่ะมีแค่กลอนส่งมาให้ทุกวันเอง
แหม...ไม่คิดจะลงทุนกันบ้างเลย”
บอลล่าพูดประชดกัดตอบตามความจริง
เพราะเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา
ไอ้เกมส์เป็นบุคคลหนึ่งเดียวที่ได้รับของฝากจากบัดเดอร์ออกนอกหน้านอกตา
แรก ๆ มันก็บ่นเหมือนกันว่าสงสัยพี่อ้อมจะลืมใส่ชื่อมันลงไป
เลยไม่มีใครคนไหนมาดูแลเทคแคร์กันบ้าง
แต่พอตอนหลัง อยู่ ๆ กลับมีขนมปริศนาห่อใหญ่
ทั้งมันฝรั่งเลย์ โคอาร่ามารช์ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ชาเขียวโออิชิ
ทยอยประเคนฝากคนนู้นคนนี้ส่งให้ต่อกันมาเป็นทอด ๆ
โดยมีกระดาษโพสอิทสีเหลืองแปะข้อความไว้สั้น ๆ ว่า
‘GAME
...With Love
BUDDER’
สร้างความอิจฉาตาร้อนและความสงสัยแกผู้พบเห็น
ด้วยไม่รู้ว่าบัดเดอร์แกไปขนขนมมาจากไหนมากมายทั้ง ๆ ที่อยู่บนป่าบนดอย
แต่สิ่งนี้หาได้ส่งผลต่อคนรับไม่
เพราะไอ้เกมส์ดันยิ้มหน้าบานพูดเดาอย่างมั่นใจว่า
บัดเดอร์ตัวเองต้องเป็นผู้หญิงแน่ ๆ
เพราะมีแต่นิสัยผู้หญิงเท่านั้นที่ชอบส่งขนมกระจุกกระจิกมาให้
ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานเลยทำให้มันยิ่งปลื้มใจเข้าไปใหญ่
“แต่ถึงยังไงก็สู้พ่อเต่าน้อยไม่ได้หรอก
มีบัดเดอร์ดูแลดีแถมยังหล่อแบบดิว
โอยย... ชั้นยังอิจฉาอยู่เลยอ่ะ
ไม่คิดจะแลกกันบ้างเหรอ
ส่งไม้ต่อมาให้เค้าแทนบ้างไรบ้างก็ได้นะ”
บอลล่าเอ่ยแหย่จนคนที่นั่งเงียบมาตลอดถึงกับสะดุ้ง
...นึกว่าจะไม่เข้าตัวแล้วซะอีก
เพราะที่ผ่านมานายปลายฟ้าต้องปวดหัว
กับพฤติกรรมของบัดเดอร์ตัวเองที่โดนรุกหนักใส่ไม่ยั้ง
จนแทบเป็นการเฉลยออกมาโต้ง ๆ ให้ชาวบ้านเขารู้กันทั่วอยู่แล้ว
หึ...ใครจะไม่รู้ก็คงแปลกไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง
ดิวเล่นมาคอยดูแลปฏิบัติเทคแคร์ดีเวอร์ซะขนาดนี้
เหนื่อยก็หาน้ำมาให้ ร้อนก็มาช่วยพัด เดินมาส่งถึงหน้าเต้นท์
คอยถามเป็นห่วงเป็นใย แถมป้อนคำหวาน ๆ
อย่างกับคนเป็นแฟนคบกันช่วงโปรโมชั่น
ทำเอาเขาชักทำตัวไม่ถูกแปลก ๆ
...คือถ้าเป็นผู้หญิงมันก็ไม่ประหลาดเท่าไรหรอก
คงยืดอกได้ปลื้มกว่าไอ้เกมส์ด้วยซ้ำ
แต่นี่บัดเดอร์เขามันเป็นผู้ชายนะโว้ยย!!
แล้วนายปลายฟ้าเองก็เป็นผู้ชายแมน ๆ เหมือนกัน
ทำไมถึงไม่มีใครมองว่ามันประหลาดบ้างเลย
ซ้ำยังเอาไปล้อเลียนกันสนุกสนานไปทั้งค่าย
ยิ่งกับพวกกลุ่มพี่อ้อมพี่ฟ้าพอเห็นเขากับดิวเดินผ่านไปทีไร
เป็นต้องจับกลุ่มซุบซิบหัวเราะคิกคัก
เชียร์ให้เขาจับคู่ชู้ชื้นถูกใจพวกพี่ ๆ ซะอย่างนั้น
หว่าเว้ยย!! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ววะ!!
แต่เรื่องพวกนี้ยังนับว่าไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด
เพราะปัญหาที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ
...นายปลายฟ้ายังไม่ได้เทคแคร์บัดดี้ของตัวเองเลยสักครั้งเดียว!!
ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่มีโอกาส
แต่เขาไม่รู้ว่าจะเข้าไปช่วยเหลือคนมีน้ำใจแบบนั้นได้ยังไง
ทุก ๆ ครั้งที่คิดจะทำกลับถูกอีกฝ่ายชิงช่วยตัดหน้าก่อนเสียนี่
ถึงแม้มันไม่ได้มาทำอะไรให้โจ่งแจ้งแบบดิว
แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องมากมายสำหรับเขาอยู่ดี
เขารู้อยู่แล้วว่าอีกคนไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะมันเป็นนิสัยส่วนตัวที่มีจิตอาสาชอบทำแบบนั้น
แต่ถึงยังไงเขาก็ยังมีฐานะเป็นบัดเดอร์
มาปล่อยให้บัดดี้ดูแลตัวเองแทนแบบนี้
...คิดแล้วมันโคตรเสียศักดิ์ศรีฉิบหายเลยเว้ยย!!
ปลายฟ้าปวดหัวจี้ดอิ่มข้าวต้มรวมมิตรขึ้นมาดื้อ ๆ
จากอาการตกค้างของปัญหามากมายที่รุมเร้าในสมอง
มิหนำซ้ำไอ้ตัวปัญหาทั้งสองคน
มันยังเดินออกมาเป็นตัวเป็นตน
ส่งเสียงทักทายที่ใกล้ ๆ โต๊ะเขาอีกด้วย
“อ้าว ยังกินข้าวไม่เสร็จอีกเหรอครับ”
หนุ่มหล่อสไตล์เกาหลีถามนำมาพร้อมรอยยิ้มหวานโปรยเสน่ห์
ตรงข้ามกับหนุ่มหน้าคมที่ยังคงตีหน้านิ่งเฉยแบบเดิม ๆ
“แหม...นึกว่าเสียงหล่อ ๆ ของใคร ที่แท้ดิวกับคมนี่เอง
เรากินกันอิ่มพุ่งกางหมดแล้วค่า แต่มัวเมาส์มอยเพลินไปหน่อย
งั้นเดี๋ยวเก็บจานเสร็จแล้ว จะรีบไปช่วยทำงานต่อนะคะ
...ป่ะ! พวกเราลุก”
คนฟังทั้งหมดเตรียมถือจานลุกขึ้นยืน
ทว่าเสียงของผู้มาเยือนกลับร้องขัดไว้
“อ่ะ! เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ครับ
เราแค่มีธุระจะคุยด้วยหน่อย”
ทุกคนชะงักเมื่อได้ยินคำห้าม
ก่อนคนพูดจะหลีกทางให้ประธานค่ายเป็นฝ่ายต่อบทสนทนาเอง
“คือเราอยากให้พวกนายช่วยแบ่งกลุ่มไปเยี่ยมคนในหมู่บ้านให้หน่อย
ไปถามผลตอบรับดูว่าพวกเขามีความเห็นยังไงเกี่ยวกับค่ายอาสา
เราจะได้เอาความเห็นมาประเมินทำสรุปผลไว้พัฒนาค่ายครั้งต่อไป
แล้วก็ถือโอกาสชวนพวกเขามางานเปิดโครงการวันพรุ่งนี้ด้วย
เดี๋ยวเราจะให้ไปกับพวกพี่อ้อม แบ่งกลุ่มย่อยสักห้ากลุ่ม
พวกพี่ ๆ เขาคงจัดการกันได้เอง แต่เราอยากให้มีผู้ชายไปด้วย
เพราะมีแต่ผู้หญิงเกิดอะไรขึ้นมาจะลำบาก
ส่วนพวกนายจะให้ใครไปกับใครก็แบ่งกันเอาเองนะ
เออ...งานนี้พอจะช่วยทำให้ได้มั้ย?”
ท้ายประโยคคมสันหันมาถามคู่สนทนาอย่างลังเล
...มันไม่ใช่เป็นการออกคำสั่ง
แต่ที่พูดเพราะต้องการถามความสมัครใจกันก่อน
เหมือนที่เคยได้รับบทเรียนเล็ก ๆ จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้น
เลยไม่อยากให้เป็นความบาดหมางระหว่างคณะกันอีก
ทว่าเด็กเภสัชกลับไม่ได้คิดมากแบบนั้น
เพราะพวกเขาพร้อมใจกันตกลงง่าย ๆ
โดยมีเสียงสาวสวยนำมาก่อน
“ได้สิค่า! ประธานออกปากมาขนาดนี้ไม่ให้ทำได้ยังไง
พวกเราเต็มใจช่วยอยู่แล้วค่ะ
เดี๋ยวจะชวนพี่ป้านาอามางานพรุ่งนี้กันให้หมดหมู่บ้านเลย
เชื่อมือบอลล่าเถอะค่ะ บอลล่าจัดให้!!”
คนอื่นที่เหลือพยักหน้ากันหงึกหงัก
เป็นอันเข้าใจงานที่ได้รับมอบหมาย
เพราะการสานสัมพันธ์กับชาวบ้าน
นับว่าเป็นงานหลักที่สำคัญเหมือนกัน
“งั้นก็ฝากด้วยนะครับ
เดี๋ยวพวกผมต้องไปเก็บงานกันต่อ
เออ... ปลายฟ้า...”
ดิวหันมาหาเจ้าของชื่อซึ่งมองกลับไปอย่างงง ๆ
ก่อนดวงตากลมจะเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
...ประโยคที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานบาดใจจากคนพูด
“...ระวังตัวด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง”
ฮิ้ววววววว~~~!!
เสียงล้อเป่าปากฟิ้วฟ้าวจากบรรดาเพื่อน ๆ
ทำเอาปลายฟ้ารู้สึกแก้มร้อนๆ ขึ้นมาบอกไม่ถูก
...บัดเดอร์ของบอลล่าว่าเน่าแล้ว
เจอบัดเดอร์ของตัวเองเข้าไปเทียบกันไม่เห็นฝุ่น
ตกลงไอ้ที่เล่นบัดดี้กันนี่ เพื่อจะหาว่าใครมีมุกเสี่ยวสุดใช่มั้ยครับ
โดนเอามาพูดเหมือนโดนจีบซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้
จะไม่ให้เขาอายได้ยังไงไหว
ปลายฟ้าพยักหน้ารับคำเขินเก้ ๆ กัง ๆ
ก่อนเผลอเบนหลบสายตาไปบังเอิญสบกับใครอีกคน
ที่คล้ายกับจะมองอยู่ก่อนแล้ว
นัยน์ตาของเขาประสานกับดวงตาคมตรง
...ไม่รู้ว่าคิดไปเองมั้ย
แต่เหมือนมีบางสิ่งส่งผ่านสายตานั้นมาให้
ทว่าแค่เพียงแวบเดียวร่างสูงก็ละออก
หันไปเรียกเพื่อนของตัวเองให้กลับไปทำงานต่อ
ก่อนหนุ่มวิศวะทั้งสองจะพากันเดินแยกหายไปตามทาง
“เฮ้อ...อิจฉาจริง ๆ แต่งกันเมื่อไรก็บอกกันด้วยนะพ่อเต่าน้อย
ชั้นจะได้ไปช่วยกั้นประตูเงินประตูทองให้ตอนดิวเค้าแห่ขันหมากมาขอ”
อือฮือ...ขอบคุณครับเจ๊ ซึ้งน้ำใจจริง ๆ
พวกมึงที่เหลือนี่ก็ไม่มีช่วยห้ามอะไรกันเลย
เออออเห็นดีเห็นงามเหมือนกันหมด
ถามจริงเป็นเพื่อนกันรึเปล่าวะ!
คนโดนแซวทำหน้าละเหี่ยใจ
กับคำล้อที่ยังคงตามมาอีกเป็นกระบุง
ก่อนไอ้เกมส์จะลุกขึ้นยืนตัดบท
“ไปทำงานเหอะวะเดี๋ยวสาย
มันต้องแบ่งเป็นห้ากลุ่มใช่มั้ย
งั้นพวกเราแยกย้ายกันไปห้าคน
ส่วนที่เป็นเศษเกิน...
...ไอ้ปลาย มึงมากับกู”
“อ้าว...แล้วทำไมกูถึงเป็นเศษไปกับมึงล่ะ”
คนที่ถูกทำให้เป็นส่วนเกินถามขึ้นอย่างงง ๆ
ไหนบอกว่าให้มีผู้ชายช่วยกระจายกันไปดูแลทุกกลุ่มไง
ถ้างั้นให้บอลล่าไปแทนเขาไม่ดีกว่าเหรอ
ถึงร่างจะเป็นชายแต่ใจมันเป็นหญิงไปเรียบร้อยแล้ว
แล้วทำไมหวยมันถึงมาออกที่เขาได้วะ
เพื่อนที่เหลือหันมามองคนถามเป็นตาเดียว
ก่อนไอ้เกมส์จะเฉลยข้อสงสัยให้ได้ฟังกระจ่างชัด
ด้วยคำตอบสั้นง่ายได้ใจความ....
“...ก็เพราะมึงมันเป็น ‘ไอ้เต่าปลาย’ ไง”
ขอบคุณครับ
กูได้ข้อสรุปแล้ว
ไอ้เวร พวกมึงแม่งไม่ใช่เพื่อนกู!!!
แม้ปลายฟ้าจะเจ็บช้ำเคืองโกรธมากแคไหน
แต่ท้ายที่สุดก็ต้องจำใจเดินตามพวกเพื่อน ๆ
มารวมตัวกันที่อาคารอเนกประสงค์
เพื่อมาฟังรายละเอียดโดยมีพี่อ้อมเป็นแกนนำในการจัดการ
และนี่เองที่ทำให้เขาได้รู้ว่าเหตุที่แยกกันเป็นกลุ่มเยอะ ๆ แบบนี้
เพราะหนทางไปแต่ละบ้านมันค่อนข้างห่างกันไกล
ถ้าอยู่ในเขตชุมชนก็ไม่ค่อยเท่าไร
แต่ถ้าเลยขึ้นไปบนยอดดอย
มันจำเป็นต้องเดินเท้ากันหลายกิโล
จึงต้องแบ่งกลุ่มเฉลี่ยประมาณสี่ห้าคน
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและมีผู้ชายหนึ่งคนประกบตามไป
ยกเว้นกลุ่มของ พี่อ้อม ที่มี พี่ฟ้า ไอ้เกมส์
และปลายฟ้าเป็นหนึ่งติ่งแถมมาด้วย
ซึ่งจะทำการเดินไปตามบ้านไกลกว่ากลุ่มอื่น ๆ
เมื่อแจกงานกันเรียบร้อยก็เข้าเวลาช่วงสาย ๆ พอดี
พวกเขาจึงทยอยแยกย้ายกันไปตามแต่ละทิศ
แน่นอนว่าทางที่จะไปเยี่ยมชาวบ้านในกลุ่มบ้านไกล ๆ
เป็นถนนเดียวกันกับที่นายปลายฟ้าเดินมาก่อนหน้านี้
...ถนนที่เขาเดินไปส่งน้องกานดากลับบ้านกับใครบางคน
หนึ่งกิโลจากตัวค่าย....
บ้านหลังแรกที่พวกเขาหยุดคือบ้านของน้องแก้ม
เด็กผู้หญิงหน้ากลมยิ้มหวานออกมาต้อนรับพร้อมคุยยาย
ซึ่งพอเห็นปลายฟ้าก็ช่วยคุยชวนถามถึงเรื่องน้ำพริกที่เคยกิน
ไอ้เกมส์เลยรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเสียพนันสองร้อยให้มันไปวันนั้น
นั่งคุยเฮฮากับยายอย่างสนุกสนานเกือบครึ่งชั่วโมง
พวกเขาจึงค่อยขอตัวเดินไปบ้านหลังถัดไปซึ่งมีระยะห่างอีกห้าสิบเมตร
....บ้านของเด็กหญิงกานดา
“สวัสดีค่ะ พวกเรามาจากค่ายวิศวะอาสา ขอรบกวนเวลาหน่อยค่ะ”
พี่อ้อมส่งเสียงขออนุญาตตามธรรมเนียม
ผู้มาต้อนรับเป็นหญิงสาววัยเกือบสามสิบที่นายปลายฟ้าเคยพบก่อนหน้านี้แล้ว
แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากเขาคือร่างเล็กที่เกาะขาแอบอยู่ข้างหลังผู้เป็นแม่
และทันทีที่ดวงตากลมใสแจ๋วมองเห็นว่าใครเป็นคนมาเยี่ยม
เด็กขี้อายจึงรีบผละออกมาโผเข้าหาพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน
จนปลายฟ้าแทบจะล้มจากการอุ้มยกอีกฝ่ายมากอดไว้
กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดทักทายด้วยความคิดถึง
“หวัดดีครับ น้องกานดาคนเก่ง
เป็นไงบ้าง หืม ...ไม่ดื้อใช่มั้ยเรา
...แล้วคิดถึงพี่ปลายมั้ยครับ”
แต่น้องกานดาก็ยังเป็นน้องกานดาคนเดิม
ที่ยังคงเงียบไม่ยอมเปลี่ยน
มีเพียงแค่มือเล็กที่ดึงเสื้อเขาไว้
เหมือนไม่อยากให้จากไปไหนเป็นคำตอบเท่านั้น
จนคนออกมาต้อนรับต้องเอ่ยดุขึ้นมาเบา ๆ
“ดูสิ ลูกคนนี้ไม่ไหวเลยจริง ๆ ไปกวนพี่เขาได้ยังไง
แหนะ...ว่าแล้วยังไม่ยอมปล่อยอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
วันนี้เรามารบกวนสอบถามอะไรนิดหน่อยด้วยครับ”
เขาชี้แจงจุดประสงค์ซึ่งคนฟังก็พยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ ถ้างั้นเชิญเข้ามาในบ้านก่อนได้เลยจ๊ะ”
พวกเขาจึงยกขบวนพากันเข้าบ้านหลังน้อย
หลังจากนั้นพี่อ้อมจึงเริ่มเปิดฉากเข้าสู่ประเด็นเพื่อถามผลสำรวจ
โดยมีพี่ฟ้าจดรายงานใส่กระดาษไปด้วย
“พวกเราอยากมาสอบถามความเห็นนะคะว่า
ค่ายวิศวะอาสาในมุมมองของคนในชุมชนเป็นยังไง
บอกมาได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ
พวกเราจะได้นำไปพัฒนาปรับปรุงในค่ายครั้งต่อไปได้ถูก”
“ก็ดีนะจ๊ะ น้าเห็นว่ามันเป็นกิจกรรมที่เข้ามาช่วยชุมชน
อย่างโรงเรียนมันก็ค่อนข้างเก่ามากแล้ว
พอได้พวกหนูมาช่วยกันทาสีซ่อมแซมมันเลยน่าอยู่ขึ้น
เด็ก ๆ ก็ดีใจ มีพี่ ๆ มาช่วยสอนช่วยเล่นกับพวกเขา
ดูอย่างลูกน้าสิ ยังไม่ยอมปล่อยมือมาหาแม่เลย”
ประโยคสุดท้ายเรียกเสียงหัวเราะให้คนในวงสนทนา
พวกเราชาวค่ายพอได้ฟังผลตอบรับแบบนี้ก็ปลื้มใจครับ
เราลงทุน ลงแรง เหนื่อยกาย มากเท่าไร
แต่เมื่อเห็นว่ามันมีประโยชน์ต่อคนอื่นโดยไม่สูญเปล่า
...เพียงเท่านี้ก็นับว่าคุ้มค่าพอแล้ว
พวกเขาอยู่ชวนเจ้าของบ้านคุยกันอีกเกือบสิบห้านาที
ก่อนจะขอตัวไปปฏิบัติภารกิจต่อยังบ้านอีกหลัง
แม้จะขลุกขลักเล็กน้อยเพราะน้องกานดางอแงไม่ยอมปล่อยมือจากพี่ชาย
กระทั้งท้ายที่สุดผู้เป็นแม่ต้องงัดไม้ตายใช้ขนมมาล่อ
จึงทำให้ร่างเล็กยอมถอนตัวออกมาแต่โดยดี
ทว่าเมื่อนายปลายฟ้ากำลังจะเดินออกไป
กลับโดนคู่สนทนารั้งไว้เสียก่อน
“เออ...เดี๋ยวก่อนนะ น้ามีอะไรจะให้”
หญิงสาวหายเข้าไปในครัวครู่ใหญ่
ก่อนออกมาพร้อมถุงใส่ข้าวโพดต้ม
อัดแน่นเกือบสามสิบฝักแล้วยื่นส่งมาให้
“นี่จ๊ะ...น้าฝากข้าวโพดต้มกลับไปให้เพื่อน ๆ ด้วย
บังเอิญต้มไว้หลายฟัก เอาไปแบ่ง ๆ กันนะ
แล้วอย่าลืมฝากไปให้เพื่อนหนูที่ตัวสูง ๆ
ที่มาพร้อมกันวันนั้นด้วยนะจ๊ะ”
แม้ปลายฟ้าจะเกรงใจ
แต่จะให้ปฏิเสธน้ำใจเจ้าของบ้านที่อุตส่าห์นึกถึงก็ทำไม่ลง
เขาจึงรับถุงข้าวโพดมาพลางพยักหน้ารับคำ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเอาไปให้เขาเอง
...ขอบคุณมากครับ”
สุดท้ายกลุ่มของนายปลายฟ้าจึงต้องหิ้วถุงข้าวโพดต้มไปตระเวนเยี่ยมชาวบ้านด้วย
และกว่าจะเวียนไปได้ครบตามกำหนดการกลับถึงค่ายก็เกือบเที่ยงแล้ว
เป็นเวลาเดียวกับกลุ่มที่มาถึงก่อนล่วงหน้ากำลังเตรียมทำราดหน้ามื้อกลางวันอยู่พอดี
“อุ๊ย พ่อเต่าน้อยกลับมาแล้วเหรอ
อ้าวแล้วนั่นหิ้วอะไรมาเต็มเลยอ่ะ
ว๊ายยย! ข้าวโพดต้ม!! ของชอบเค้าเลย
กินได้ป่ะ บอลล่าขอสองฝักนะตัวเอง”
เจ๊ใหญ่เรียกทักมาไกล ๆ แต่พอเห็นของในมือ
จึงรีบปรี่มาดูพลางร้องวี๊ดว๊ายด้วยความดีใจ
ชวนให้คนอื่น ๆ ในค่ายมามุงดูเพิ่มด้วย
ข้าวโพดต้มจึงถูกทยอยแจกจ่ายไปคนละฝักสองฝัก
...สามฝัก
...สี่ฝัก
...อ้าวนั่นเอาไปเจ็ดแล้ว
เฮ้ย!! ไป ๆ มา ๆ ทำไมมันลดลงเร็วขนาดนี้วะ
...เดี๋ยวก็ไม่ทันเหลือถึงคนที่ฝากมาก่อนเข้าพอดี
ปลายฟ้าจึงรีบชิงดึงข้าวโพดต้มสองฝักสุดท้ายเอาไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิด
ก่อนจะถูกแบ่งไปให้ชาวค่ายจนหมด
ยังไงเขาก็ต้องทำตามที่คุณน้าคนฝากขอมาให้ได้
ว่าต้องเอาฝักหนึ่งไปฝากเพื่อนตัวสูง ๆ ที่มาด้วยกันวันนั้น
ดวงตากลมโตจึงสอดส่องหาเพื่อนที่ว่า
แต่มองหาเท่าไรกลับไม้พบแม้เงา
จนเขาต้องร้องถามคนที่ยืนแทะข้าวโพดต้มข้าง ๆ
“ไอ้เกมส์ เห็นประธานค่ายบ้างป่ะ”
“จะรู้มั้ยวะก็กลับมาพร้อมกัน
สงสัยคุมงานก่อสร้างยังไม่เสร็จมั้ง”
อีกฝ่ายเดาตอบกลับมาส่ง ๆ
ทำให้คนฟังเพิ่งจะนึกขึ้นได้
...ถ้าไม่อยู่ตรงนี้ เขาคงต้องเอาไปฝากไว้ที่อื่นก่อน
“งั้นเดี๋ยวกูมานะ”
“เออ รีบไปรีบกลับล่ะ”
ปลายฟ้าร้องบอกเพื่อนที่กินข้าวโพดเสร็จแล้ว
และเตรียมตัวไปยกจานชามทำหน้าที่สวัสดิการเหมือนเดิม
ซึ่งหัวหน้าหน่วยก็ไม่ลืมเตือนเพราะมีงานเร่งค้างอยู่
ร่างที่ถือถุงข้าวโพดต้มจึงต้องเร่งก้าวออกไปยังทิศทางของที่พัก
ตรงบรรดาเต้นท์นอนเรียงกันอยู่เป็นส่วน ๆ
เขามองหาเต้นท์หลังใหญ่ซึ่งจำได้ผ่าน ๆ ว่าใครบางคนนอนอยู่
ก่อนจะตัดสินใจแขวนถุงข้าวโพดต้มไว้ที่เสาหน้าเต้นท์
มั่นใจว่ายังไงตอนมันกลับมาก็คงเห็นเองเหมือนที่มีคนเคยทำให้เขา
แต่... เออ...
แล้วแขวนไว้เฉย ๆ แบบนี้มันจะรู้มั้ยวะ
เกิดมีคนเข้าใจผิดแล้วหยิบไปกินขึ้นมาจะทำยังไง
คนนิสัยลังเลเริ่มคิดมาก
มองถุงข้าวโพดต้มพลางตบกระเป๋ากางเกงเพื่อคว้านหาของบางสิ่ง
ก่อนเจอปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินที่ไว้ใช้เขียนแบบประเมินผล
เขาจึงหยิบมันขึ้นมากดเขียนข้อความไว้ตรงหน้าถุงพลาสติก
‘คมสัน’
อืม...ระบุชื่อไว้แบบนี้จะได้รู้
รับรองว่าไม่มีใครกล้าแย้งของไอ้ประธานค่ายหน้าโหดนั่นแน่ ๆ
เว้นก็แต่มันจะเสือกมีน้ำใจแบ่งให้คนอื่นไปกิน
เอ๊ะ...แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ ล่ะจะทำไง
เฮ้ย...ไม่ได้ ๆ
คุณน้าเขาอุตส่าห์ตั้งใจต้มมาฝาก
ถ้าไม่กินเองเดี๋ยวจะถือว่าผิดคำสัญญาที่บอกไว้
หรือจะให้เขาเขียนอธิบายที่มาที่ไปทั้งหมดดี
แล้วมันจะไม่ยาวไปเหรอวะ
เนื้อที่ถุงก็มีอยู่แค่เนี่ย
โอย...แม่งยุ่งยากโว้ยย!!
...งั้นแบบนี้เลยล่ะกัน!!
ปลายฟ้าจึงตัดสินใจจับปากกาขึ้นมาเขียนเติมคำสั้น ๆ
‘Budder’
เขายืนมองผลงานของตัวเองที่สถิตอยู่ตรงด้านล่างของถุง
อืม...ค่อยเข้าท่าหน่อย
เขียนไว้แบบนี้มันจะได้รู้ว่าบัดเดอร์ส่งมาให้
และเป็นของที่ให้มันโดยเฉพาะเจาะจง
ไม่ต้องไปมีน้ำใจแบ่งคนอื่นอีก
เออ...แต่ว่ามันจะง่ายไปรึเปล่าวะ
อยู่ ๆ ก็ใส่ไปว่ามาจากบัดเดอร์
ทั้งๆ ที่ไม่เคยเทคแคร์อะไรมาก่อนเลย
เดี๋ยวมันไม่เชื่อขึ้นมาอีกจะทำยังไง
ไหน ๆ ก็รับสมอ้างเป็นคนเอาข้าวโพดมาให้แล้วทั้งที
เขียนอะไรใส่ลงไปเพิ่มอีกหน่อยดีรึเปล่าวะ
ละ...แล้วจะให้เขียนว่ายังไง
ต้องเขียนอะไรถึงจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
ต้องเขียนยาวแค่ไหนถึงจะสื่อถึงความรู้สึกของเขาได้
...ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อคนคนนั้น
เขาทบทวนความคิดของตัวเองเงียบ ๆ
ปล่อยให้ทุกความรู้สึกแล่นตรงไปสู่มือ
ประทับรอยปากกาบนกลางถุงพลาสติก
ให้ปรากฏเป็นข้อความหนึ่งขึ้นมา
...ข้อความที่เขียนมาจากใจของนายปลายฟ้า
‘คิดถึงและเป็นห่วงนะ’
ฮิ้วววววววว~~!!
คนอ่านทวนรู้สึกหน้าร้อนวูบเขินตัวเองแปลก ๆ
เขียนเองแล้วดันเสือกอายเองอีก
สรุปว่าเขาย้ายเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาคมบัดเดอร์เสี่ยวแล้วใช่มั้ยเนี่ย!!
...แต่เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งเข้าใจผิด!!
เขาไม่ได้หมายความตามแบบนั้นนะเว้ย!
...คือไอ้ ‘คิดถึง’ เนี่ยมันแปลว่า
เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เทคแคร์เท่าไร
แต่ก็ยังคอยนึกถึงตลอดไม่ใช่
อยู่ ๆ จะหายหน้าลืมกันไปเลย
...แล้วที่เขียนว่า ‘เป็นห่วง’ เพราะอยากมันให้รู้ว่า
อย่ามัวแต่คอยช่วยคนอื่นจนลืมดูแลตัวเอง
ทำงานหนักเหนื่อย ๆ มาก็ไปพักซะบ้าง
เดี๋ยวจะไม่สบายเอาเปล่า ๆ แล้วจะแย่
ทั้งหมดมันก็แค่นั้นเอง...
...ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลยจริ๊งงจริงงง!!
ทว่าต่อให้พลิกตะแคงซ้ายขวายังไง
มันก็ดูออกมาเลี่ยน ๆ แปลก ๆ อยู่ดี
แต่จะให้เขียนอธิบายลงไปเพิ่มเติม
พื้นที่บนถุงก็แทบไม่มีเหลือ
โอยยย!! ช่างแม่งไม่สนแล้วโว้ยยย!!
...ถือว่าให้แล้วก็จบกัน
มันจะตีความยังไงก็เรื่องของมันล่ะกันเว้ย!!
นายปลายฟ้าจึงปล่อยถุงข้าวโพดต้มสองฝักแขวนไว้ตรงหน้าเต้นท์แบบนั้น
ก่อนจะเดินกลับไปทำต่อหน้าที่สวัสดิการของตัวเองต่อไปอย่างรีบเร่ง
โดยไม่รู้เลยว่าคล้อยหลังไปเพียงสิบนาที
ใครบางคนที่ตัวเองนึกถึงจะเดินกลับมายังสถานที่แห่งนั้น
นายคมสันผู้ทำงานจนเหงื่อท่วมตัว
เดินคู่มากับรองประธานค่ายเพื้อนซี้
ที่กะชวนกันมาเปลี่ยนเสื้ออาบน้ำให้คลายร้อน
ก่อนจะไปกินข้าวเที่ยงแล้วเริ่มลุยงานกันต่อ
ทว่ายังเพียงแค่เดินมาถึงหน้าเต้นท์
หนุ่มหล่อกลับทักเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติเข้าเสียก่อน
“ถุงอะไรแขวนอยู่ตรงนั้นวะ ไอ้คม”
คนถูกถามที่เป็นฝ่ายเดินนำจึงหยิบถุงยกขึ้นมาสำรวจ
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิด ๆ เมื่อเห็นของข้างในก่อนบอกคำตอบ
“ข้าวโพดต้ม”
“เออ...จริงด้วย เห็นคนในค่ายว่า
พวกที่ไปเยี่ยมชาวบ้านได้ข้าวโพดต้มมา
สงสัยเอามาแบ่งให้มั้ง”
ดิวสันนิษฐานขึ้นมาลอย ๆ ตามที่เห็นคนอื่นพูดกัน
แต่นายคมสันกลับไม่ได้ใส่ใจฟัง
เพราะดวงตาคมกำลังจดจ้องอยู่กับบางสิ่ง
...บางสิ่งที่ทำให้ลมหายใจเขาแทบหยุดชะงัก
‘คมสัน
คิดถึงและเป็นห่วงนะ
Budder’
ประโยคง่าย ๆ ถูกเขียนด้วยปากกาลูกลื่นธรรมดา
แต่มันไม่ธรรมดาเลยสำหรับคมสัน
เพราะข้อความนี้กลับเรียกความทรงจำบางอย่างขึ้นมา
..บัดเดอร์เหรอ
ทำไมบัดเดอร์ถึงให้ข้าวโพดต้มเขา
แล้วยังเป็นข้าวโพดที่ได้มาจากคนที่ไปเยี่ยมชาวบ้าน
หรือว่า...
หากแต่ยังไม่ทันนึก ความคิดทั้งหมดกลับสะดุดลง
เมื่อได้ยินเสียงพูดจากเพื่อนซึ่งเดินผ่านไปเปิดเต้นท์
“เออ กูหิวพอดีเลย เอามาให้กินบ้างดิ”
“ไม่ได้!”
คำบอกปฏิเสธอย่างรวดเร็วเด็ดขาด
ทำให้คนที่กำลังจะเข้าไปในเต้นท์ถึงกับหันมาร้องทวงถามอย่างสงสัย
“ไรว่ะ มีสองฝักไม่ใช่เหรอ
ปกติมึงไม่ขี้หวงนี่หวา”
ดิวขมวดคิ้วมองอย่างงง ๆ
หากแต่คมสันกลับไม่มีท่าทีขยับ
ซ้ำยังคงยืนยันคำเดิมหนักแน่น
“อันนี้ไม่ได้...
...คนสำคัญกูให้มา”
คำพูดที่ฟังมาพร้อมกับแววตาจริงจังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น
ทำให้ดิวเผลอหยุดพิจารณาด้วยความสงสัย
ก่อนจะไหวไหล่เหมือนปล่อยให้มันผ่านไป
เอาเถอะ..
เพื่อนไม่อยากให้เขาก็ไม่เซ้าซี้
ถึงหมู่นี้มันจะทำตัวแปลก ๆ ไปหน่อย
แต่ไว้มีอะไรค่อยไปสืบเองทีหลังก็ได้วะ
หนุ่มหล่อจึงจัดการเข้าเต้นท์ไปหยิบเสื้อผ้าต่อ
ปล่อยให้นายคมสันยืนมองถุงข้าวโพดในมืออยู่อย่างนั้น
....ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าใครเป็นบัดเดอร์กันแน่
แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้นึกหน้าใครบางคนขึ้นมา
...ใครบางคนที่ชอบทำตัวให้อยากดูแล
...ใครบางคนที่ชอบเงียบเวลาถูกเขาถาม
...ใครบางคนที่เขาชอบมองรอยยิ้มสดใสเหมือนโลกทั้งใบกำลังยิ้มให้
...ใครบางคนที่เขาอยากฝากคำคำนั้นไว้เช่นเดียวกัน
นายคมสันหยิบข้าวโพดต้มขึ้นมาแกะซังออกแล้วจึงกัดลงไปหนึ่งคำ
แม้จะเย็นลงมากแล้ว แต่เนื้อข้าวโพดต้มก็ยังทั้งหอม ทั้งหวาน
จนเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางขึ้นมาอย่างถูกใจในรสชาติ
ซึ่งซึมลึกเข้าไปถึงความรู้สึกเช่นเดียวกับข้อความนั้น
....ข้อความที่เขาอยากฝากความรู้สึกไปให้ถึงเหมือนกันว่า
‘คิดถึงและเป็นห่วงนะ’
...ปลายฟ้า
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC