#เรื่องสั้น# >> หนุ่มวายที่รัก << (ลงรวดเดียวจบค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องสั้น# >> หนุ่มวายที่รัก << (ลงรวดเดียวจบค่ะ)  (อ่าน 5876 ครั้ง)

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 22:12:00 โดย rije »

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 1 แมชกับกิต




   เช้าที่สดชื่นกับอารมณ์ที่สดใส สวัสดีครับ ผมชื่อ “เครื่องยนต์” ครับ ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมชื่อนี้จริงๆ ชื่อนี้ได้แต่ใดมา ก็เห็นจะต้องบอกว่าพ่อผมเป็นคนตั้งให้ครับ ท่านจบวิศวะเครื่องยนต์มา พอแต่งงานกับแม่ก็มีผมเป็นลูกชายคนแรก ท่านก็เลือกชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อผม ส่วนชื่อเล่นก็ไม่แพ้กันเลยครับ “แมชชีน” หรือย่อๆว่า “แมช” ครับ ถึงผมจะมีชื่อเท่ๆแบบนี้ แต่ตัวจริงทำไมผมไม่เท่แบบชื่อบ้าง น้อยใจนะเนี่ย


   มารู้ประวัติผมสักเล็กน้อยนะครับ ผมนายเครื่องยนต์ อัครวินินทร์ ปีนี้อายุ 16 ครับ เรียนอยู่ม.4 โรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด เรียนช้ากว่าเกณฑ์เล็กน้อย ผมสูง 167 ซม. น้ำหนัก 54 หน้าตาตี๋เพราะเป็นลูกคนจีน ผมมีน้องสาวที่อายุห่างกัน 4 ปีอยู่คนหนึ่งชื่อ “เม” หรือ “เมณิกา” กว่าจะได้ชื่อนี้แม่เถียงกะพ่ออยู่นานเลยครับ เพราะพ่อจะให้ชื่อ “เมเชนิกา” มาจาก “mechanical” คิดดูว่าพ่อผมบ้าเครื่องยนต์ขนาดไหน ถ้าแม่ไม่ขู่ว่าจะหย่ากับพ่อถ้าพ่อตั้งชื่อนั้นให้น้องสาวผม ป่านนี้น้องสาวผมคงได้เอาเต้าหู้โขกหัวตายเสียก่อนแล้ว
 

   เข้าเรื่องผมต่อดีกว่า ผมมีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่กล้าบอกใคร ยกเว้นกลุ่มเพื่อนสนิทไม่กี่คนแล้วก็กับเมเท่านั้น คุณรู้จักคำว่า “สาววาย” กันใช่ไหมครับ เมเป็นสาววายครับ อายุแค่นี้ริอาจเป็นสาววาย แต่เพราะเธอทำให้ผมเป็น “หนุ่มวาย” แต่ผมไม่ใช่เกย์นะ ผมแค่ชอบอ่านการ์ตูนวายเท่านั้นเอง

 
   ผมรู้จักการ์ตูนวายก็เพราะเม เมชอบฝากให้ผมซื้อการ์ตูนวายให้เธอประจำ ตอนแรกผมก็อายนะครับ ผู้ชายมาซื้อการ์ตูนวายเนี่ย แต่หลายๆ รอบเข้ามันก็ด้านอ่ะนะครับ แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยสนใจหรอกครับพวกการ์ตูนวายเนี่ย เพราะผมชอบอ่านแนวผจญภัย ต่อสู้ แฟนตาซี พวกนี้มากกว่า จนมันถึงขั้นอิ่มตัวล่ะมั้งตอนนั้น ผมถึงได้ลองแงบหนังสือการ์ตูนของเมมาอ่านดู เห็นคลั่งนักคลั่งหนา อยากรู้นักว่ามันจะสนุกแค่ไหนกันเชียว ไอ้การ์ตูนผู้ชายเอากันเนี่ย


   ผมยอมรับเลยว่าเล่มแรกที่อ่าน ผมแทบอยากจะขว้างทิ้ง เพราะดันเปิดไปเจอตอนพระเอกกำลังโป๊ะชึ่งนายเอกอยู่ นี่ผมซื้อการ์ตูนโป๊ให้น้องสาวผมเหรอ!!?? ตอนนั้นผมประกาศกร้าวเลยครับว่าจะไม่ยอมซื้อการ์ตูนวายให้เธออีกแล้ว แต่เมก็เอาแต่ร้องไห้แล้วมาอ้อนๆ จนผมใจอ่อน เฮ้อ แต่เพราะเหตุนี้แหละครับ ผมเลยเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นตามประสาวัยเจริญพันธ์ ก๊ากกกก เลยหยิบมาอ่านอีกครั้ง แต่คนละเล่มกับเล่มที่ผมเคยแอบเอามาอ่านนะครับ


   จำได้เลยว่าเป็นเรื่อง “Jxnjxx Romantica” ที่ตอนนั้นเพิ่งออกมาได้ 7 เล่ม ผมติดงอมแงมเลยครับ เลยอ่านมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนนั้น จนผมเริ่มชินกับฉากอย่างว่าแล้ว เลยไม่รู้สึกขยะแขยงเหมือนเก่า มีแต่อยากให้ฉากอย่างว่ามีอีกเยอะๆ 5555 ก็ช่วยไม่ได้ หรือคุณไม่คิดเหมือนผมละ


   แต่เรื่องผมคงจะไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าผมไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนชายล้วนอย่างนี้!! ผมต้องปิดบังความชอบส่วนบุคคลนี้เอาไว้ ถ้าพวกเพื่อนผมมันรู้ ผมคงต้องแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ ต่อหน้า ผมเป็นผู้ชายแมนๆ นะครับ ถ้าพวกมันรู้ว่าผมอ่านการ์ตูนวาย!! มันต้องหาว่าผมเป็นตุ๊ดเป็นเกย์แน่เลย  เพราะงั้นผมถึงต้องปิดเป็นความลับเอาไว้

 
   แต่ก็มีเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลที่รู้เรื่องนี้ของผม มันชื่อ “ฉกรรจ์” หรือ “กัน” ครับ มันเป็นคนที่ห้าวเป้งมากตามชื่อมันเลย แถมเกรียนอีกต่างหาก ซึ่งหวิดเกือบโดนเค้าดักตีมาหลายรอบ นี่ถ้ามันไม่หล่อนะผมว่าคงไม่รอดพ้นดงตีนแน่ๆ มันสูง 181 ครับ น่าอิจฉามาก เพราะบ้านมันสูงทุกคนเลย แม้แต่แม่มันยังสูงเลย170 เลย (กัดผ้าอิจฉา) แต่ถึงมันจะเกรียนแต่มันก็เป็นคนดีคนหนึ่งนะครับ สาวๆ สนใจติดต่อผ่านทางผมได้ คริคริ

 

 
 

   ตึง ตึง ตึง!! เสียงเคาะ ไม่สิ ทุบเลยมากกว่า ดังมาจากทางประตูห้องนอนของผม

 
   “พี่แมชชชช!! ตื่นได้แล้ว สายแล้วน๊าาาา” เสียงแหลมใสตะโกนดังแสบแก้วหู ยัยเมน้องสาวตัวแสบครับ ชอบปลุกผมโดยมาตุบประตูแรงๆ ตลอด

 
   “ตื่นแล้วๆ” ผมตอบกลับไปเมถึงได้ยอมเลิกทุบประตูเสียที นี่ถ้าพังขึ้นมาใครจะชดใช้เนี่ย

 
   “เร็วๆ นะ เค้าไปเรียนก่อนนะพี่แมช”

 
   “จ้าๆ”

 
   หลังจากเสียงวิ่งลงบันไดของเมเงียบไป (ช่างไม่เป็นกุลสตรีเลยจริงๆ น้องผม) ผมถึงได้ฤกธิ์อาบน้ำแต่งตัวไปเรียนบ้าง เนื่องจากโรงเรียนเมอยู่ไกลจากบ้านมากกว่าโรงเรียนผม และเป็นทางผ่านไปที่ทำงานของแม่ แม่เลยเป็นคนดูแลไปรับไปส่งเมที่โรงเรียนทุกวัน ส่วนผมเหรอครับ เดินไปแค่ 3 นาทีก็ถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว เรียกได้ว่าบ้านแทบจะติดกับรั้วโรงเรียนเลยละครับ ใกล้เกิ๊นนนน

 
   วันนี้ก่อนเข้าเรียนต้องแอบแวบไปร้านหนังสือก่อนดีกว่า เมื่อวานเงินค่าขนมเหลือ 20 บาทครับ ทบกับวันนี้ ซื้อการ์ตูนวายได้ 1 เล่มพอดี อิอิ เดี๋ยวนี้หนังสือวายเกินกว่าครึ่งเป็นของผมครับ นานๆ เมถึงจะช่วยออกเงินซื้อที ส่วนใหญ่เอาไปช็อปตามประสาสาวๆ นั่นแหละครับ

 

 


ผัวะ!!

 
   “โอ้ย!” ใครตบหัวผมเนี่ย ผมหันกลับไปมองหน้าคนที่ตบหัวผม เป็นไอ้กันครับ มันยักคิ้วทำหน้ากวนตีนใส่ เลยเตะต้นขามันไปทีด้วยความหมั่นไส้

 
   “ซื้อไรมาวะ?” ไม่ว่าเปล่ามันคว้าถุงการ์ตูนจากมือผมไปด้วย นี่เพิ่งเดินออกจากร้านมาได้ไม่กี่ก้าว ก็โดนไอ้กันปล้นแล้วเหรอเนี่ย (เว่อร์)

 
   โหย มันเล่นหยิบไปฉีกซองออกอย่างเร็ว ไม่มีอ่ะคำว่าเกรงจงเกรงใจอ่ะ แต่ผมก็ยอมมันทุกที ใครจะไปกล้าละ มันสูงกว่าผมตั้งเยอะ ผมเคยโมโหต่อยกับมันมาแล้ว แน่นอนผมแพ้ราบ และเข็ดจนตั้งปณิธานจะไม่ขอหือกับมันอีก เพราะมันสวนมาทีหนักกว่าผมทำมันตั้งหลายเท่า กาซิกๆ ทำไมตูไม่เกิดมาสูงใหญ่บึกบึนเหมือนมึงบ้างน้อ

 
   “อีกละ อ่านแต่ของแบบนี้ สนุกตรงไหนวะ?” มันว่าแล้วจับยัดใส่ถุงคืนมาให้ผม ถ้ามึงจะคืนโดยโยนใส่กูอย่างนี้ ขว้างหัวกูเลยไหม แม่ง ได้แต่ก่นด่าในใจ ฮือๆ

 
   “เรื่องของกูเหอะ ว่าแต่มึงทำการบ้านเลขเสร็จยังวะ ขอลอกหน่อยดิ” ผมหันไปยิ้มหวานอ้อนมันหน่อย ไอ้นี่มันเรียนเก่งครับ ขัดกับนิสัยมันจริงๆ

 
   “ตลอดอ่ะ มึงเอาเวลาไปอ่านการ์ตูนเหี้ยๆ นี่ละสิ เอ้า! เอาไป รีบลอกรีบคืนกูด้วย” ถึงปากจะหมาแต่ใจมึงเท่มาก ผลประโยชน์ล้วนๆ กิกิ

 
   “เพื่อนร๊ากกก” ผมทำตาปิ้งใส่ แล้วกระโดดเข้าไปกอด แต่โดนมันผลักหัวอย่างไม่ใยดี กาซิกๆ

 
   “เฮอะๆ ไปเลยมึงรีบไปหาที่นั่งลอกเลย แล้วปากนี้เลิกทำซะทีไอ้ปากยื่นปากยาวเนี่ย” ไม่ว่าเปล่ามันยื่นมือมาดึงปากล่างผมซะแรงเลย

 
   “เจ็บอ่ะ”

 
   “เจ็บก็เลิกทำดิวะ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังทำตัว... เฮ้อ” มันส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ แล้วเดินนำไปไม่รอ ผมแอบแลบลิ้นใส่มันก่อนจะรีบวิ่งตามไป

 

 

 

 
   “สองผัวเมียคู่นี้มาพร้อมกันอีกแล้วว่ะ” เสียงไอ้เหี้ยเย็นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนประจำกลุ่มพวกผมดังขึ้นก่อนใคร ข้างๆ มันมีไอ้เหี้ยกายเป็นลูกคู่ ผมละอยากจะกระโดดขาคู่ใส่พวกมันจริงๆ

 
   “หุบปากเน่าๆ ของพวกมึงไปเลยก่อนกูจะหมดความอดทน” ไอ้กันชี้หน้าเร่งเท้าเข้าไปหา พวกมันรีบทำท่ารูดซิปปากทันที

 
   ‘สม-น้ำ-หน้า’ ผมขยับปากว่าพวกมัน แล้วแลบลิ้นใส่ สะใจจริงๆ หน้าซีดเลยสิพวกมึง ฮะฮะฮ่า

 
   ไอ้เย็นกับไอ้กายเป็นเพื่อนในกลุ่มของผมเองครับ พวกผมสนิทกันแค่นี้แหละครับ ไอ้เย็นเป็นนักบาสโรงเรียน ตัวสูงผิวคล้ำหน้าตาบ้านๆ แต่ไม่รู้ทำไมสาวโรงเรียนข้างๆ ถึงมาหลงมันเยอะนักก็ไม่รู้ ส่วนไอ้กายนี่ตัวสูงกว่าผมแค่ 2 เซน ตัวหนากว่าผม หน้ามันออกแนวเข้มๆ แบบชายไทยแท้ แต่ดันผิวขาวเผือกเพราะแม่เป็นคนเหนือ

 
   ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้กันเอาการบ้านเลขขึ้นมาลอกก่อนจะถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ

 

 

 

 
   ช่วงเช้าก็ไม่มีอะไรมากครับ แต่ช่วงบ่ายพวกผมมีเรียนชีวะวิชาเดียววันนี้ เพราะอีกวิชาครูงดสอน สบายเลย พวกผมเลยกะว่าจะแว่บไปเตะบอลกันหน่อย กับเพื่อนกลุ่มอื่นในห้องนี่แหละครับ

 
   เสียงออดเข้าเรียนทำให้พวกผมต้องรีบขึ้นชั้นเรียน แต่ขณะที่กำลังจะเดินถึงห้องเรียน ผมก็เดินชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เพราะไอ้กายแท้ๆ ดันกระโดดหลบเท้าไอ้กันมากระแทกใส่ผมจนเสไปชนกับคนที่เดินสวนมา

 
   ทำเอากระเป๋าในมือล่วงลงใส่เท้าคนโชคร้ายคนนี้เข้าอย่างจัง

 
   “โอ้ย!!”

 
   เสียงร้องของเขาทำเอาผมตกใจ จะไม่ให้ร้องได้ไงเนอะ โดนขอบกระเป๋าพอดีเลย

 
   “นายเป็นไรมากเปล่า เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ เพื่อนมันผลักมาพอดี เจ็บมากเลยเหรอ?” ผมรีบเข้าไปดู แต่คนโดนชนกลับนิ่งไม่พูดอะไร ผมเลยเงยหน้ามอง

 
   นี่มัน กิต! สุดหล่อห้อง 5 ที่หล่อสุดในสายชั้นม. 4 นี่นา โอ้ยๆๆ ช่างเจิดจ้าเหลือเกิน ผิวขาวโอโม่ราวกับจะสะท้อนแสงได้ หน้าหล่อเข้มแบบลูกครึ่งไทยอิตาลี ตาสีฟ้าที่จ้องมาทำเอาผมตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูก

 
   “อ้าวนี่มันกิตห้อง 5 นี่หว่า โทษทีว่ะไม่ได้ตั้งใจ โหสิเพื่อน” เสียงไอ้กายดังใกล้ๆ หู แต่ผมหาได้สนใจไม่ เพราะตอนนี้สายตาผมจับจ้องอยู่ที่คนตรงหน้า ไม่เคยเจอกันระยะปะชิดขนาดนี้มาก่อนเลย หล่อจังเลย น่าอิจฉาาาาาาาาา โอเค ถึงผมจะชมมันว่าหล่อ แต่ขอบอกเลยว่าผมอิจฉามันมากกว่า ใครหล่อกว่า สูงกว่า ผมอิจฉาหมดแหละ แต่กับกิต จะว่าไปก็หน้าตาคล้ายกับพระเอกการ์ตูนวายเรื่องล่าสุดที่ผมเพิ่งอ่านจบเมื่อคืน หล่อร้ายแบบนี้เลย นึกถึงแล้วเย็นนี้กลับไปอ่านอีกรอบดีกว่า

 
   “แมช นี่กระเป๋านายอ่ะ” ห๊ะ! เสียงทุ้มๆ นั่นเรียกสติผมกลับมา ผมมองกระเป๋าตัวเองในมือของกิต ก่อนจะรีบคว้าเอาไว้ แต่กิตกลับไม่ยอมคืนให้ ผมขมวดคิ้วเงยหน้ามองมันงงๆ

 
   “เราเจ็บ” หือ?

 
   “กระเป๋านายหล่นใส่เท้าเราพอดี เราเจ็บ”

 
   “เอ่อ... เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ”

 
   “เลี้ยงไอติม”

 
   “ห๊ะ? อะไรนะ?” ผมเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจคำพูดเขา แต่ก่อนที่กิตจะพูดต่อ ไอ้กันก็เดินเข้ามาแทรกดึงกระเป๋าผมมาคืนให้ แล้วยืนบังผมไว้ ผมได้แต่มองหลังมันงงๆ ไม่เข้าใจในการกระทำของมันเลย

 
   ผมเห็นเย็นกับกายมองไปที่มันงงๆ เหมือนกัน เลยชะเง้อมองก็เหมือนเห็นลำแสงจากตาไอ้กันกับกิตปะทะกัน เหมือนในการ์ตูนเลยเวลาตัวเอกกับตัวร้ายจ้องหน้าหาเรื่องกัน แบบสายฟ้าแล่่นแปร๊บป๊าบ สงสัยผมจะอ่านการ์ตูนมากไปเลยเห็นภาพหลอน ต้องสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะกระตุกแขนไอ้กันไปที มันหันมามองตาเขียว โกรธไรกูแว้ น่ากลัวอ่ะ

 
   “กัน เข้าห้องเหอะ ครูจะเข้าสอนแล้วเนี่ย” ผมว่า มันถอนหายใจแล้วเดินหนีไปเลย อะไรของมันวะ เย็นกับกายก็เดินตามมันไป ผมเลยจะไปมั่งแต่ถูกกิตจับแขนไว้ก่อน

 
   “เลิกเรียน เจอกันร้านไอติมข้างโรงเรียน” กิตพูดจบก็เดินไปเลย ปล่อยให้ผมยืนงงไม่เข้าใจ ตกลงนี่มันบังคับให้ผมเลี้ยงไอติมมันหลังเลิกเรียนเหรอครับ? คือมันพูดหน้านิ่งๆ เลย ผมเดาอารมณ์ไม่ถูกจริงๆ

 
   “ไอ้เหี้ยแมช!” เสียงไอ้กันตะโกนเรียก ผมเลยต้องรีบวิ่งตามมันเข้าห้องเรียนไปอย่างมึนๆ กับเหตุการณ์อึนๆ งงๆ เบลอๆ เมื่อกี้ ตกลงกิตมันต้องการอะไรจากผมกันแน่? อยากให้เลี้ยงไอติมไถ่โทษเหรอ?



======= จบตอน =======

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 2 กัน VS กิต



            “ไอ้นั่นมันพูดไรกับมึง?” พอผมนั่งลง ไอ้กันที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ถามขึ้นทันที แต่ไม่ยอมหันมามองหน้า แต่ผมก็รู้นะว่ามันกำลังโกรธ ถึงจะไม่รู้ว่าโกรธเรื่องไรก็ตาม

 

            “มันบอกเลิกเรียนให้ไปเจอมันที่ร้านไอติมข้างโรงเรียน” ผมตอบไปตามจริง ไอ้กันหันขวับมามองหน้าผมทันที ทำเอาตกใจหมด

 

            “ไม่ต้องไป เย็นนี้กูจะไปส่งมึงถึงบ้านเลย”

 

            “อืม” ได้แต่ตอบรับไปครับ ก็เพราะหน้าเหมือนยักษ์เหมือนมารของไอ้กันนี่ละ แทบจะกินหัวผมอยู่แล้ว ไม่รู้โกรธอะไรของมัน แต่ตอนนี้ไม่อยากขัดใจ กลัวจะโดนลูกหลงโดยใช่เหตุ

 

 

 

            พอเลิกวิชาคาบบ่ายก็เหลือเวลาให้ไปเตะบอล วันนี้คาบบ่ายเรียนวิชาเดียวครับเลยเลิกเร็ว แต่ไอ้กันกลับเดินมาจูงมือผมพาจะกลับบ้านทันที เฮ้ย! เดี๋ยวเด้! เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆ เอง จะรีบกลับไปไหน ผมก็ยื้อสิครับ อยากไปดูพวกเย็นเตะบอลอ่ะ ยังไม่อยากกลับ

 

            “ทำไม? จะไปหามันรึไงไอ้หน้าหล่อนั่นน่ะ”

 

            “หือ? อะไรของมึงเนี่ยไอ้คุณฉกรรจ์  กูจะไปดูพวกเย็นเตะบอล มึงอยากกลับก็กลับไปก่อนดิ๊! นี่เพิ่งจะบ่ายกว่าๆ เอง”

 

            “ไม่ต้อง กูบอกแล้วไงว่าเลิกเรียนจะไปส่งมึงที่บ้าน ไม่ต้องเปิดปากพูด มึงรับคำกูแล้ว” มัดมือชกกันชัดๆ

 

            “ไม่เอา!! มึงบอกว่าตอนเย็น นี่ยังไม่เย็นเลย กูไม่ผิดนะ ยังไงก็จะไปดูพวกเย็นเตะบอล!” เอาสิ ผมค้านหัวชนฝาอ่ะ กลับบ้านตอนนี้คุณนายแม่ได้ตกใจกันพอดี ไม่เคยกลับบ้านก่อน 5 โมงเย็นเลยขอบอก เลิกเรียนไม่มีเรียนพิเศษก็ต้องไปเที่ยวกับพวกมันนี่ละครับ นี่อะไรจะให้กลับบ้านตอนนี้ จะกลับไปทำอะไรละ อยู่บ้านไม่มีอะไรให้ทำ น่าเบื่อจะตาย

 

            ผมหน้าบึ้งส่ายหัวไม่ยอม ไอ้กันก็จ้องผมตาดุ แต่ไม่ยอมแพ้ครับ จ้องมากูจ้องตอบอ่ะ แง่ง!

 

            “พวกมึงเป็นไรวะ? ตกลงไปเตะบอลเปล่าวะกัน?” เป็นกายที่เดินมาห้ามทัพ ตามมาด้วยเย็นที่เดินมากอดคอกายมองพวกผมจ้องตากันอยู่

 

            “ไม่!” ไอ้กันหันไปตวาดใส่ นิสัยไม่ดี อารมณ์แปรปวนเป็นคนวัยทองแล้วยังเหวี่ยงคนอื่นอีก ใช้ไม่ได้ ผมหันไปมองหน้าไอ้กายกับไอ้เย็นที่ทำหน้าเหวอ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไอ้กันเองก็พอรู้ตัวถึงได้รีบเปลี่ยนสีหน้าแล้วพูดใหม่

 

            “ขอโทษ แต่วันนี้กูจะไปส่งไอ้แมชที่บ้าน พวกมึงไปเตะกันเองเหอะ” ว่าแล้วก็รีบลากผมเดินออกมา ไม่สนใจไอ้สองคนนั้นว่ากำลังทำหน้างงขนาดไหน ผมพยายามยื้อแต่ใครจะไปสู้แรงควายอย่างมันไหวละครับ เลยต้องปล่อยให้มันลากผมจนมาถึงหน้าโรงเรียน

 

            แต่มันก็หยุดเดินเอาดื้อๆ ทำเอาผมที่โดนดึงให้เดินตามมาเบรกไม่ทันชนหลังมันจังๆ เจ็บจมูกเลยอ่า แดงเปล่าเนี่ย ลูบจมูกเบาๆ

 

            ว่าแต่ทำไมมันถึงหยุดเดินละ ผมเงยหน้ามอง มันกำลังจ้องไปด้านหน้าตาเขม็ง ผมเลยมองตามมั่ง อ้าว! กิตนี่นา มันปรายตามองมาที่ผมแปบนึงก่อนจะหันไปจ้องตากับไอ้กิตต่อ

 

            “แมช มึงอยากไปดูพวกไอ้เย็นเตะบอลใช่ไหม” ไอ้กันหันมาถาม ผมเหล่ตามองมัน แล้วพยักหน้าน้อยๆ “งั้นมึงไปเลย” มันไล่

 

            “แต่..” ผมมองมันกับกิตสลับไปมา แววตาของกิตที่มองมาเหมือนไม่อยากให้ผมไป แต่ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นเขม็งเกร็งจ้องตาไอ้กันตอบ

 

            “ไม่ต้องพูด กูมีเรื่องต้องเคลียกับมัน” มันว่าแล้วผลักหัวดันหลัง ผมเลยต้องจำใจเดินกลับเข้าไปโรงเรียน แต่แอบหันไปมองพวกมัน ได้ยินเสียงกิตร้องเรียกชื่อ แต่ไอ้กันหันมาชี้หน้าผมก่อน แล้วลากกิตไปนอกโรงเรียนแทน

 

            ตกลงพวกมันมีปัญหาอะไรกัน แล้วทำไมไอ้กันต้องกันท่าผมด้วยไม่เข้าใจ ว่าแต่กิตเค้าไม่มีเรียนคาบบ่ายเหรอ ถึงมายืนรออยู่หน้าโรงเรียนเวลานี้ได้ แต่ช่างมันเหอะ ไม่สนใจพวกมันหรอก ไหนๆก็ไม่ต้องรีบกลับบ้านไปดูพวกเย็นเตะบอลดีกว่า ลั่ลล้าเป็นที่สุด

 

 

           

            ข้างสนามบอล พวกเย็นกับกายกำลังเตะบอลกับพวกห้อง 5 ถึงได้รู้ว่าวันนี้ห้อง 5 ว่างตลอดบ่าย เพราะอาจารย์ไปอบรม อีกวิชาที่เหลือเรียนคาบสุดท้ายขออาจารย์มาเรียนตอนบ่ายคาบแรกแทน อาจารย์ให้สอบแล้วเลิกได้ พวกนั้นเลยสบายแฮ ยกเว้นตอนที่ต้องสอบนะ นรกแตกมาก (ลอกกันกระจาย)

 

            พอเห็นผมมานั่งอยู่ข้างสนาม กายก็วิ่งมาทักส่วนเย็นแค่โบกมือให้ แปบเดียวพวกมันก็ไปเตะบอลกันสนุกสนาน ผมนั่งดูจนครึ่งเกมได้ไอ้กันถึงได้เดินตามมานั่งข้างๆ อีกข้างเป็นกิต แปลกใจว่าทำไมพวกมันสองคนถึงมีรอยช้ำมุมปากคนละรอย แต่ไม่กล้าถาม เพราะทั้งคู่เล่นปิดปากเงียบ ทักก็ไม่มีทักตอบ ผมเลยหยิบการ์ตูนวายที่ซื้อเมื่อเช้าขึ้นมา แต่ไม่กล้าเปิดอ่านตรงนี้ แต่ใจอยากอ่านใจจะขาด เลยหันไปหากันที่เหลือบมองมาพอดี

 

            “จะไปหาที่อ่านการ์ตูนอีกละสิ ห้องชมรมพี่นาถใช่ไหม” เป็นกันที่เอ่ยขึ้นเหมือนรู้ใจ ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้น แต่คนอีกข้างหนึ่งลุกขึ้นตาม แต่ไอ้กันไม่ว่าอะไรหันไปมองเกมหน้านิ่งไม่สนใจ ผมเลยเดินออกมาว่าจะไปหาที่เงียบๆ อ่านการ์ตูน แต่เดินมาครึ่งทางเงาตามตัวก็ไม่ยอมหายไป กิตยังเดินตามหลังผมต้อยๆ ผมเลยหันไปว่าจะถามว่าเดินตามมาทำไม แต่ก็ต้องชนเข้ากับอกของกิตเข้าจังๆ ขานั้นเขาเดินมาหยุดด้านหลังแทบตัวจะติดกัน

 

            “โอ้ย!” ผมร้อง โดนที่เดิม จมูกของผม! ฮือๆ ตอนหันหลังมาปลายจมูกปาดไปโดนกระดุมคอเสื้อของกิตเข้าอย่างจัง ไม่มีอารมณ์ให้เขินอาย นอกจากตกใจและเจ็บจี๊ดที่ปลายจมูก

 

            “ขอโทษ” กิตว่าแล้วยื่นมือมาแตะจมูกผม แต่ผมขืนตัวถอยหนี ไม่อยากให้โดน เพราะไม่ได้เจ็บอะไรมาก ร้องโอเวอร์ไปงั้นเอง

 

            “ช่างเหอะ แล้วนายจะเดินตามเรามาทำไม?” ผมถาม แต่คนตรงหน้าไม่ตอบ ดูสีหน้าเหมือนจะซีดนิดๆ ปากเม้มแน่นก่อนจะรีบคลายโดยเร็ว

 

            “อยากรู้ว่าแมชจะไปไหน” มันตอบหน้ามึน คนหล่อก็หน้ามึนได้เว้ย ไม่คิดว่ากิตจะเป็นคนเบลอๆ อึนๆ ยังงี้

 

            “อ้อ... เราจะไปห้องชมรมการ์ตูนน่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” อย่าตามมาเลย กูจะหาที่เงียบๆ อ่านการ์ตูนวาย กูก็อายเป็นนะ

 

            แต่ดูเหมือนกิตจะไม่ยอม จะตามผมไปให้ได้ เอาเหอะ ขี้เกียจไล่ จะทำอะไรก็ทำ เชอะ

 

 

 

            “ไม่มีใครอยู่เลยเหรอเนี่ย” ผมบ่น อ้อ ลืมไปคงจะยังไม่เลิกเรียนกัน ก็นี่ยังอยู่ในเวลาเรียนอยู่เลย ปกติพี่นาถที่เป็นประธานชมรมมักจะอยู่ประจำ เวลาว่างหรือตอนเลิกเรียน พี่นาถมันจะมาหมกตัววาดการ์ตูนอยู่ที่นี่ พี่นาถวาดรูปเก่งมาก เป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียน เพราะนอกจากการ์ตูน พี่นาถยังมีความสามารถทางศิลปะอื่นๆ ทั้งภาพสีน้ำ สีน้ำมัน โปสเตอร์ ทุกแขนงที่ใช้พู่กันปาดป้าย พี่แกทำเป็นหมดแถมทำได้ดีอีกต่างหาก ส่งไปประกวดทีไรเป็นต้องได้อันดับกลับมาทุกที ไม่ที่หนึ่งก็ที่สองนั่นล่ะครับ

 

            ผมเลือกนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องใกล้หน้าต่าง ชี้ให้กิตที่ตามมานั่งอีกมุม จะได้ไม่รู้ว่าผมอ่านอะไร นอกจากกันกับคนในชมรมแล้ว ไม่มีคนอื่นรู้ถึงมุมด้านนี้ของผมเลยสักคน เพราะงั้นนายกิตก็ต้องห้ามรู้ด้วย อายอ่ะ

 

            แต่ขณะที่ผมกำลังอินน้ำตาไหลกับเนื้อหาที่กินใจ ชีวิตนายเอกที่แสนรันทด พระเอกรวยเว่อร์ กว่าทั้งคู่จะรักกันได้ (น้ำตาไหล) อยู่ๆ ก็มีนิ้วโป้งมาเกลี่ยน้ำตาที่ไหลพราก ผมสะดุ้งเอนหน้าหลบ เงยหน้ามองคนที่ย้ายมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

            สีหน้าแววตาที่ดูหดหู่ ทำเอาผมงงกับสิ่งที่เค้าทำเมื่อครู่

 

            “ขอโทษ เห็นว่าร้องไห้ เราไม่อยากเห็นแมชเสียน้ำตา” อยู่ๆ หน้าก็ร้อนวูบ รู้สึกช่างเป็นคำพูดที่น่าอายเสียเหลือเกิน จนทำอะไรไม่ถูก น้ำตาหยุดไหลทันที

 

            “เอ่อ...แค่อินน่ะ” ตอบได้เท่านี้ก็ต้องเบนหน้าหนี ซุกซ่อนใบหน้าแดงเรื่อไว้ใต้หนังสือ โอ้ย อายๆ ไม่คิดว่าจะอินจนเผลอตัว ปล่อยให้เห็นตอนที่ไม่น่าดูจนได้ แต่อยู่ๆ หนังสือก็ถูกดึงฉึบออกจากมือทันที ผมจะคว้าไว้ก็ไม่ทัน คนตัวโตข้างกันแย้งไปเปิดอ่าน ผมเบิกตากว้างตกใจจนลนลานพยายามจะแย่งมาคืน แต่มันดันยกหนีไปมาเปิดอ่านไปด้วย โอ้ยยยย อย่านะ!!! ความเกรงใจ สมบัติผู้ดีมันไม่มีใช่ไหม!? แง่ง!! โมโห!

 

            “แค่อยากรู้ว่าอ่านอะไรถึงต้องเสียน้ำตาให้ด้วย” มันว่าด้วยโทนเสียงเนิบๆ อย่างเป็นเอกลักษณ์ของมันเอง

 

            “หยุดนะ! เอาคืนมา!!” ยังพยายามแย่งแต่สู้คนตัวโตกว่าไม่ไหว แถมยังถูกโอบเอวรั้งเข้าไปจนตัวติดกันโดยไม่รู้ตัว ผมยังคงพยายามเขย่ง เพราะเตี้ยกว่า ฮือๆ

 

            “แมชชอบผู้ชายเหรอ?” คำถามที่แทงจึกลงใจ ไม่ได้ชอบเว้ย แค่ชอบอ่านการ์ตูนวายเอง!!! เถียงในใจ เพราะต่อหน้าได้แต่เขม็งตาจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ แง่ง!

 

            “ไม่ช่ายยยยยยย!!!” โวยวาย พยายามยื้อแย่งแต่กิตก็ไม่ยอม แถมยังเปิดอ่านต่ออีก อยู่ๆ กิตก็หน้าแดงขึ้นแล้วรีบปิดหนังสือฉับ ก่อนจะหันขวับมามองผม

 

            “อะ..อะไร...” พอเจอจ้องเอาๆ ก็ทำเอาผมทำอะไรไม่ถูก กิตไม่ได้ว่าอะไรแค่ยื่นหนังสือคืนมา ผมเลยรีบคว้าเอามาเก็บใส่กระเป๋าโดยไว ไม่มีอารมณ์อ่านแล้วครับ แต่กลัวโดนล้อมากกว่า ผมเหลือบมองกิตที่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง หวังว่าคงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอกนะ

 

            “นี่” กิตเรียก ผมหันไปมองอย่างหวั่นๆ

 

            “อะ..อะไร?”

 

            “แมชชอบอ่านการ์ตูนเกย์เหรอ” เป็นคำถามที่ตรงเกินไปไหม จี้ใจดำกูเลยแม่ง

 

            “อืม อย่าเอาไปบอกใครนะ” ผมวอนขอ ไม่คิดเลยว่ากิตจะมาล่วงรู้ความลับของผมเข้าให้ แงงงง ไอ้กันจ้าาา มาช่วยเก๊าที TT^TT อึดอัดเป็นที่ซู๊ดดดดด

 

            อย่าเงียบดิ๊!

 

            “เอ่อ... แมช”

 

            “หือ?”

 

            “แมชเคยจูบกับผู้ชายไหม?”

 

            “!?” ไม่รู้จะพูดยังไงเลย หน้าผมแดงแปร๊ดแน่ๆ อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาได้ ไอ้บ้า บ้าบ้าบ้า คนโดนถามอายนะเฟ้ย อีกอย่างถึงผมไม่เคยจูบแต่ก็ไม่อยากจะบอกหรอก แง่ง เดี๋ยวพ่อกัดเลยถามมาได้

 

            กิตหันมามอง ผมรีบหลบสายตาที่จริงจังนั้น สายตาที่ทำให้ผมใจเต้นแรง อย่างไม่รู้สาเหตุ สายตาที่ผมไม่กล้าสู้ กิตไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ขยับเข้ามาใกล้ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งใกล้ใจผมก็เต้นแรงขึ้น จะใกล้กันเกินไปละนะ ผมขยับหนีก็ไม่ได้ เพราะที่นั่งติดริมหน้าต่างแล้ว

 

            กิตนั่งลงข้างผม หัวเข่าเราทั้งสองชนกัน ใจเต้นโครมครามไปหมดแล้ว

 

            “แดงถึงหูเลยอ่ะ” กิตล้อ ผมตกใจรีบยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง อายโว้ยยย อายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะข้างหู เลยหันไปว่าจะค้อนใส่ แต่เมื่อหันไปกลับเจอสายตาที่จ้องมา จมูกเราเกือบจะชนกัน ผมตกใจผงะเงยหน้าหลบ หัวเลยโขกเข้ากับขอบหน้าต่างด้านหลังดังปึก!

 

            “โอ้ยยยยย” ผมยกมือขึ้นกุมหัวตรงที่โขกถูกปอยๆ น้ำตาคลอหน่วย แต่คนตรงหน้าแค่หัวเราะขำ ฮึ่ม!

 

            “หัวเราะอะไร!?” จะหาว่าผมเหวี่ยงก็ได้ แง่ง หัวเราะเยาะกูเหรอ

 

            “แมชนี่ตลกเนอะ” ไม่ว่าเปล่า กิตกุมมือผมไว้ ทำเอาผมสะดุ้งโหยง

 

            “ทะ..ทะ...ทำอะไรน่ะ” ผมลนลานพยายามเอามือออกแต่กิตจับไว้แน่น

 

            “แมช” เสียงเรียกชื่อที่ดูวาบหวามกว่าปกติ ดวงตาปรือปรอยจ้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมไม่รู้ตัวว่าหลับตาหลบสายตาคู่นี้เมื่อไหร่ รู้สึกถึงความยุ่นร้อนที่ทาบทับริมฝีปาก ผมเบิกตากว้างมองใบหน้าที่ใกล้ติดตา ผมโดนจูบ!!?? ว๊ากกกกก!!!!!!!

 

            “อื้อ!!” พยายามเม้มปากสบัดหน้าหนี แต่โดนจับหน้าเอาไว้ ผมทั้งดันทั้งทุบทั้งตีแต่กิตก็ยังไม่หยุด ผมน้ำตาไหล กลัว กลัวมากๆ นึกถึงหน้าพ่อแม่แล้วก็ไอ้กันขึ้นมา

 

            “แมช” เสียงแหบพร่าเรียกชื่อผม ขณะที่ริมฝีปากเรายังจูบกันอยู่ แต่ผมไม่สมยอม ไม่เอาแบบนี้นะ ไม่เอาๆ

 

            “หื้อ ฮือๆ ม่าย..อาว!!” ผมพยายามดิ้น แต่ติดอยู่ในวงแขนของกิตตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

            “ชู่… คนดีไม่เอาไม่ร้องนะครับ ผมไม่ทำอะไรแล้ว จริงๆ อย่าร้องนะครับ จุ๊บ” กิตโอบผมเข้าซบอก ลูบหลังเบาๆ ไปมาปลอบเสียงอ่อนโยน แอบจุ๊บมุมปากตอนท้าย ผมสะอื้น แต่ความหวาดกลัวเมื่อครู่เริ่มจางลง ซบหน้าเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมโชยมาติดจมูก ทำเอาเคลิ้ม ยิ่งโดนลูบหลังเบาๆ ลูบหู ท้ายทอย ลาดไหล่ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบจะหลับคาอก

 

            ผมเงยหน้ามองกิต รอยยิ้มอบอุ่นทำเอาใจเต้นตึกตัก นี่ผมเป็นอะไร ผมชอบผู้ชายเหรอ? ไม่นะ ไม่ๆๆๆ ผมแค่ชอบอ่านการ์ตูนวาย ไม่เคยคิดสักครั้งว่าผมจะเป็นเหมือนในการ์ตูนเลย แต่ตอนนี้บอกเลย ว่าเหมือนฉากในการ์ตูนมาก แค่จูบเดียวทำเอาใจผมเต้นตึกถึงขนาดนี้เลยเหรอ แต่ไม่ชอบเลยที่อยู่ๆ ก็ถูกลวนลามแบบนี้ แต่ทำไมหัวใจต้องเต้นถี่รัวขนาดนี้ด้วยเนี่ย

 

            “ทำไมถึงจูบเราละ” ผมเอ่ยถามอย่างอายๆ กิตยังคงยิ้มมาให้ ยกมือขึ้นลูบหน้าผมช้าๆ ผมรีบจับมือเค้าไว้ นี่ผมกำลังจริงจังอยู่นะ ถ้าคิดจะล้อเล่นละก็จะฟ้องให้ไอ้กันมาต่อยเลยคอยดู

 

            “ก็แมชน่ารักนี่ เลยอดไม่ไหว”

 

            “หา? น่ารัก? จะบ้าเหรอ เราเป็นผู้ชายนะ หรือว่า...กิตเป็นเกย์เหรอ?” กิตไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น แปลว่ายอมรับใช่ไหมเนี่ย

 

            “แมชรังเกียจเรารึเปล่า?”

 

            “เอ่อ...” ผมอึ้งไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้ “ก็...ไม่หรอก แค่ตกใจน่ะ”

 

            “ที่จูบน่ะเหรอ”

 

            “อื้อ” ผมอายก้มหน้างุด พยักหน้าน้อยๆ

 

            “น่ารักจัง” กิตล้อ แง่ง! นี่แกล้งผมใช่ไหมเนี่ย ผมเงยหน้าทำหน้ายู่ใส่ โกรธอ่ะ โกรธ

 

            ฟอด! แว๊กกกก โดนหอมแก้มเฉยเลย ไอ้คนฉวยโอกาส งื้ออออ ก้มหน้ากัดคอแม่ม แง่ง งับ!

 

            “โอ้ย!”

 

            “ฮึ สมน้ำหน้า” หมั่นไส้ โทษฐานฉวยโอกาสกับผม ถึงเมื่อกี้จะไม่ใช่จูบแรกก็ตาม แต่โดนผู้ชายจูบมันก็… ก็…. ไม่เลวนัก มั้ง อ๊ากกกก หน้าไหม้ๆๆๆ คิดไปได้ยังไงวะตูเนี่ย แอบเหลือบมองกิต เพราะหล่อหรอก ชริ

 

            “แมชครับ” กิตเรียก ผมเงยหน้ามอง ทำไมต้องมองตาหวานเยิ้มด้วยเนี่ย

 

            “อะไร?”

 

            “แมชเป็นแฟนกับกันเหรอ?”

 

            “ห๊ะ? ไหงคิดงั้น”

 

            “ก็กันบอก” เฮ้ย! ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ผมส่ายหน้ายิก ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกไม่อยากให้กิตเข้าใจผิดด้วยก็ไม่รู้

 

            “ไอ้กันเป็นเพื่อน ทำไมมันพูดงั้นอ่ะ”

 

            “งั้นแมชก็โสดน่ะสิ?” รอยยิ้มกว้างทำเอาผมรู้สึกเขิน

 

            “อ่า... ก็...โสด” ตอบเสียงอ้อมแอ้ม ถามงี้มีอะไรรึเปล่า ไม่อยากคิดไปเองอ่า

 

            “งั้น... อะแฮ่ม!” กิตทำท่ากระแอมไอ ก่อนจะก้มมองผมยิ้มๆ รอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวนิดๆ ทำเอาใจสั่น

 

            “เป็นแฟนกันนะครับ”

 

            “!!??” อยากจะกรีดร้องเป็นเสียงโอเปร่า นี่ผมกำลังอยู่ในการ์ตูนวายเล่มไหนรึเปล่า หนุ่มสุดหล่อของสายชั้นกำลังขอผมเป็นแฟน

 

            “นะครับ” กิตจับมือผมกุมไว้ แนบอก ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง เหมือนผมเลย… ถ้าผมตอบรับก็เท่ากับว่าผมเป็นเกย์น่ะสิ แต่ว่า… มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?

 

            “กิตชอบเราเหรอ?”

 

            “หึหึ ไม่ชอบอ่ะ แต่รักเลย” อ๊ากกกกก เขินนนน

 

            “ทำไมอ่ะ เราเพิ่งเจอกันวันนี้ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”

 

            “ไม่หรอก จริงๆ แล้วเราแอบมองแมชมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว แต่แมชไม่เคยสนใจเราเลย” หา? นี่ผมถูกแอบชอบมานานขนาดนี้เชียว แหม ผมก็เนื้อหอมเหมือนกันนะนี่

 

            “แต่...” ไม่รู้สิ ถึงผมจะดีใจที่เค้ามารักมาชอบก็ตาม แต่จะให้ตอบรับก็… โอ้ย สับสนอ่ะ! ผมว่าผมไม่ได้คิดกับกิตเค้าถึงขั้นนั้นเลยนะ อาจจะปลื้มบ้างที่เค้าหล่อ แต่ให้คบกัน.. มันต้องเกิดจากความรักปะครับ ปวดหัว...อ่ะ

 

            “แมชครับ..”

 

            ปัง! เสียงประตูห้องชมรมถูกเปิดกระทบผนังอย่างแรง ผมกับกิตหันไปมอง

 

            “หยุดแค่นั้นแหละไอ้เหี้ยกิต!” ไอ้กันหน้าเหี้ยมเดินเข้ามา ปิดประตูลงกลอนแน่นแหนา จะล็อคประตูทำเพื่อ!? ผมรีบผละออกจากการสิงร่างของกิต แต่กิตดูจะไม่ยินยอมถึงรั้งเอวผมแน่นขึ้น ไอ้กันจ้องมาที่พวกผมแทบจะกินเลือดกินเนื้อ แงงงงง น่ากลัวโครตครับ!

 


======= จบตอบ ========

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 3 กันโหมดอารมณ์เสีย



            “มึงลุกออกจากแฟนกูเลยนะสัด!" ไอ้กันตะโกน มันดูโมโหมากครับ แต่เดี๋ยวก่อน มึงเรียกกูว่าไรนะเพื่อนรัก กูกับมึงเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!? ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันอย่างงงๆ นี่เรื่องบ้าอะไร? ทำไมต้องพูดอย่างนั้นด้วย ผมหันไปมองกิต รายนี้ก็เอาแต่จ้องหน้ากับกัน มือก็ยังคงโอบเอวผมไว้ เลยต้องพยายามดิ้นๆ ให้หลุด แต่ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งกระชับมือเข้าหาตัวมันมากขึ้น

 

            "ไม่ปล่อยหรอก ก็แมชบอกว่นายไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะงั้นไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องทำตามที่นายพูด" กิตตอบไปเสียงเรียบๆ ตามเดิม นี่ก็หน้าตายจริงๆ แล้วไปยั่วโมโหยักษ์บ้ามันทำไม ดูหน้ามันสิแทบจะกินหัวอยู่แล้ว โอ้ยๆ

 

            กันมันก้าวสามขุมเข้ามา เหมือนมีออร่าพลังชั่วร้ายออกมาจากตัวมันยังไงยังงั้นเลยครับ ผมได้แต่กำเสื้อกิตแน่นด้วยความกลัว เพราะกันโหมดนี้มันโหมดมาเฟียชัดๆ คือพร้อมต่อยตลอดเวลา ฮือๆ อย่าทำหนู

 

            "กิตปล่อยเราเหอะ ขอร้อง" ผมพูดขึ้น กิตหันมามองหน้าผม เขายิ้มให้บางๆ ก่อนจะคลายวงแขนตามที่ผมขอ

 

            "กลับบ้าน!" ไอ้กันเล่นกระชากผมให้ลุกขึ้นแรงจนเจ็บแขนไปหมด กิตก็เอาแต่เขม็งตามองอย่างโกรธๆ โกรธไรแว้ โกรธกันเหรอ? พอมันทำท่าจะลุกขึ้นมา แต่เจอกันชี้หน้าก่อนกิตเลยนั่งลงเฉยๆ แล้วยิ้มโบกมือลาผม ผมก็บ้าจี้ดันโบกมือลามันตอบ เลยโดนไอ้กันตบหัวให้ เจ็บนะเว้ย! เอาแต่ลากไปลากมาอยู่ได้

 

 

 

            พอถึงบ้านไอ้กันก็เล่นโยนผมลงโซฟา พร้อมกับฟาดกระเป๋าของผมใส่ท้องมาเต็มๆ นี่มึงจะรุนแรงเอาโล่รึไง คนนะเฟ้ยเจ็บเป็นนะ แง่ง!

 

            “มึงปล่อยให้มันถึงเนื้อถึงตัวมึงได้ไงวะ!? นี่ถ้ากูไม่เข้าไปมันคงได้กดมึงแล้วไอ้ห่านี่!” กันตะโกนด่าจนผมสะดุ้งเฮือก นี่มันโกรธผมจริงๆ จังๆ เลยนะเนี่ย

 

            “อะไรของมึงเนี่ย? ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ แล้วมันจะทำอะไรกู กูเป็นผู้ชายนะเว้ย!” แถๆ จริงๆ โดยเค้าปู้ยี้ปู้ยำริมฝีปากไปแล้ว แต่ไม่กล้าบอก ได้แต่โมโหกลบเกลื่อน ไอ้กันชี้หน้าผม ชี้ทำไมวะ?

 

            “มึงนี่มัน...ฮึ่ย! ไม่รู้อะไรเลย!!” ว่าแล้วมันก็ก้าวเดินฉึบๆ ออกจากบ้านผมไป ทำเอาผมได้แต่นั่งกอดกระเป๋าทำหน้างง งงกับพฤติกรรมของมัน ว่าแต่ตะโกนคุยกันอย่างนี้เด็จแม่มิเห็นออกมาว่า อ้อ พึ่งบ่าย 3 สงกะสัยเด็จแม่จะออกไปจ่ายตลาด ก็ดี ขี้เกียจตอบคำถามแม่ว่าพวกผมทะเลาะอะไรกันเหมือนกัน

 

            อ้าว ชิบล่ะ! ผมลืมถามมันเลยว่า ทำไมมันต้องอ้างว่าตัวเองเป็นแฟนผมด้วย เล่นโกรธหนีไปละ ไวเท่าความคิด ผมรีบเอามือถือกดไปหามันทันที

 

            [‘มีไรวะสัด!?’] อูยยย สงสัยจะยังอารมณ์เสียอยู่ รับพร้อมด่ากลับมาเลย

 

            “แม่ง มึงก็ด่าแต่กู กูแค่จะถามอะไรมึงเฉยๆ เหอะ”

 

            [‘จะถามอะไร?’] มันตอบกลับมาห้วนๆ ได้ใจจริงจริ๊งงงง

 

            “ทำไมมึงโกหกไอ้กิตไปว่ามึงเป็นแฟนกูวะ?”

 

            [‘….’] เงียบ เงียบอีกละ มีอะไรในใจก็เงียบ กูจะรู้กะมึงไหมเนี่ยไอ้กัน ไอ้คุณเพื่อน

 

            “เงียบ ถามไม่ตอบนะมึง”

 

            [‘เดี๋ยวกูเข้าไปหา มึงล้างคอรอกูเลยสัดเอ้ย!’] มันตัดสายฉึบ อ้าว ไรวะ เฮ้ยจะขู่ให้กลัวทำไมเนี่ย หนูกลัวววว เวลาไอ้กันโมโหผมละไม่อยากยุ่งด้วยเลย แต่นี่มันเรื่องผมชัดๆ แต่ชักจะกลัวไม่อยากให้มันมาแย้วง่า ฮือๆ

 

            ไม่นานเสียงเปิดปิดประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น แถมมีเสียบล็อคกุญแจอีก เฮ้ย! ผมหันไปมองหน้าบ้าน เห็นไอ้กันเดินเข้ามาหน้าเหี้ยมมาเลย (นี่ตัดมอม้าออกได้ไหมครับ เหอๆ) มึงจะใช้หน้าตาขู่กูทำไมเนี่ย แค่สายตากูก็กลัวจนหำหดหมดแล้ว ไอ้สาดดดด

 

            “มึงอยากรู้นักใช่ไหมว่าทำไมกูถึงบอกมันไปแบบนั้น” มันก้าวฉึบมาถึงหน้าผมแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นๆ เย็นจนเสียวสันหลังวาบเลยครับ

 

            “กะ...กูไม่อยาก..รู้แล้ว ไอ้เปล่าวะ..แฮะๆ” ได้แต่ยิ้มแหยงๆ ไปให้ กันไม่พูดพร่ำมันโน้มหน้าโหดๆ ของมันเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งท้าวไปข้างไหล่ผม นี่มึงกะจะปิดกั้นทางหนีกูเลยเร๊อ!? ผมเหงื่อแตกผลักๆ นี่อย่าบอกนะว่ามันจะต่อยผมอ่ะ? ก็คนมันกลัวนี่หว่าก็ได้แต่คิดไปสาระตะ

 

            แต่ไม่ใช่ครับ มันก้มลงมาจนจมูกผมกับมันติดกัน รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าแล่นปร๊าดไปทั้งตัวจนสะดุ้ง กันขมวดคิ้วมองท่าทางแปลกๆ ของผม ก็เล่นสะดุ้งจนตัวโดดเหยงขึ้น มันคว้าข้อมือผมไว้ก่อนจะดึงตัวผมขึ้น

 

            “เฮ้ย! จะทำอะไรน่ะ!?” ผมตกใจ แต่มันก็ยังไม่ตอบ กระชากผมให้ก้าวเดินตามมันไปถึงบนห้อง เดี๋ยวๆ เป๋ากูยังอยู่ข้างล่างเลย แต่ไม่กล้าบอกอ่ะกลัวคร๊าบบบบ

 

            พอถึงห้องนอนผมมันก็ผลักผมลงเตียง ก่อนจะหันไปล็อคประตู

 

            “มึงจะล็อคห้องทำไมวะ?” ผมถามอย่างหวาดๆ ป๋อจ้าแม่จ้าช่วยนู๋ด้วย ฮือๆ ไอ้โฉดกันมันจะทำร้ายนู๋แย้ว

 

            “ก็มึงอยากรู้นักว่าทำไมกูถึงบอกไอ้กิตมันไปอย่างนั้น ถ้ามึงทำเป็นลืมๆ ไปซะก็จบแล้ว ไม่น่าโทรไปหากูเลย” มันว่าแล้วก้าวสามขุมเข้ามาช้าๆ ผมได้แต่ถดถอยหลังจนหลังชนกับผนัง เตียงผมอยู่ชิดผนังพอดีครับ มันก้าวขึ้นเตียงเต็มความสูง นี่มึงจะยืนคล้ำหัวกูบนเตียงของกูทำไมเนี่ย

 

            บอกเลยครับ เวลามองมันจากมุมนี้ มันทรงอำนาจมาก นี่มึงต้องเป็นลูกหลานมาเฟียแน่เลย มึงไม่ได้มีพ่อแม่เป็นหมอหรอกไอ้ห่า แม่งจะกดดันกูไปถึงไหนเนี่ย!?

 

            “มึงจะทำอะไรไอ้กัน?”

 

            “.....” มันไม่ตอบแต่เหลือบมองลงมา เอาเลย กดดันกูอีก กดดันกูเลย สาดดด ขัดขาแม่ง และทำจริงด้วย มันตกใจล้มลงหัวกระแทกหัวเตียงพอดี จนผมตกใจ เพราะเสียงโป๊กอย่างดัง

 

            “เฮ้ย! ไอ้กัน! มึงเป็นไงบ้าง กูขอโทษ” ผมลนลานเข้าไปดูอาการมัน มันกุมหัวข้างที่โขกกับหัวเตียง ลืมตาหันขวับมาสาดแสงจากลูกตามันใส่ผม (ลูกตาสาดแสงได้ก็บ้าละ ผมเปรียบเปรยน่ะครับ) มันต้องโกรธผมมากขึ้นแน่ๆ ยิ่งไปทำร้ายร่างกายมันอย่างนี้อีก

 

            “ก...กะ...กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย ก็มึงเล่นทำหน้าเหี้ยมใส่กู กูก็กลัว กูเลย...ขอโทษว่ะ” ผมรีบพูดแล้วเอ่ยขอโทษมัน เผื่อความผิดจะเบาบางลงบ้าง แต่สงสัยจะไม่ เพราะมันยังคงเขม็งตาจ้องผมอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

 

            “ตอนแรกกูว่าจะไม่ทำอะไรมึงแล้วนะ แต่นี่มึงทำให้กูต้องเจ็บตัว มึงต้องชดใช้!” ว่าแล้วมันก็ตรงเข้ามากดตัวผมลง ผมได้แต่ร้องตะโกนด้วยความตกใจ แล้วดิ้นที่จะหนีมัน แต่มันก็เล่นกดขากดแขนผมไว้ ก่อนจะรวบมือผมไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างก็บีบคางผมจนเจ็บไปหมด

 

            “มะ..มึงจะทำอะไรกู อย่านะเว้ย ปล่อยกู! ปล่อยกูนะ!” ผมได้แต่ดิ้น จนมันบีบคางผมแรงขึ้นจึงได้เงียบปากลงเพราะความเจ็บ อูยยย โอ้ยยย ฮือๆ น้ำตาไหลพราก ทำเอามันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาทำหน้าเป็นยักษ์ขมูขีเหมือนเดิม

 

            “จะร้องหาหอกอะไรวะแค่นี้เอง”

 

            “อ็อูอัวอึงอี้อ่า” เพราะมันบีบคางจนปากผมยู่เลยพูดไม่ชัด มันเลยปล่อยมือ

 

            “ก็กูกลัวมึงนี่น่า”

 

            “เฮ้อ! ไอ้แมชไอ้หอกหัก” มันว่าเสียงเนือยๆ ก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระ แล้วล้มตัวมานอนข้างๆ แทน ผมลูบมือลูบคางที่เจ็บเพราะแรงบีบของมัน ก่อนจะหันไปจ้องหน้าคนที่นอนหลับตาพริ้มมีความสุข พอได้ระบายก็อารมณ์ดีขึ้นเลยนะมึง ผมเลยกระโจนใส่มันทั้งตัว

 

            “แอ่ก! โอ้ย! ไอ้สัดแมชมึงลุกเลยนะกูเจ็บ!” มันพยายามผลักตัวผมออกแต่ผมไม่ยอม ยิ่งกอดตัวมันไว้แล้วเด้งท้องใส่ นี่แน่ะๆ

 

            “โทษฐานที่มึงทำกูเจ็บ นี่แน่ะ! จุกไหมละมึง ฮะฮะฮ่า” ได้ทีเอาใหญ่ รู้สึกสนุกจนต้องหัวเราะออกมา

 

            “โอ้ย! ไอ้เชี่ย อย่าขย่ม สัดเดี๋ยวกูหยุดไม่ได้เหมือนเมื่อกี้นะมึง!” มันตะเบ็งเสียงใส่ จนผมต้องชะงักกึก รีบดีดตัวลุกขึ้นออกมายืนข้างเตียงทันใด เพราะกลัวมันโกรธแล้วแกล้งผมเหมือนเมื่อกี้อีก

 

            “ทีนี่ล่ะทำมาเป็นกลัว มานี่เลย มานั่งใกล้ๆ กูนี่” มันกวักมือเรียก ใครจะไปนั่งกับมันล่ะ ไม่เอาหรอกกลัวมันเอาคืนจะตาย เลยเบะปากใส่

 

            “ไม่ต้องทำปากยื่นปากยาวเลย จะมาดีๆ หรือมาด้วยน้ำตา” แค่นี้ก็ขู่ ฮึ่ย! ผมได้แต่สะบัดตัวอย่างขัดใจ นี่กูจะแต๋วแตกเกินไปละ เริ่มรับตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยอมไปนั่งข้างๆ มัน

 

            ไอ้กันยกมือขึ้นโอบไหล่ผมไหวกันไม่ให้หนี ก่อนจะเขี่ยปากผมเล่น เพราะยังเบะปากใส่มันอยู่ ผมหันหน้าหนี มันก็กดหัวผมให้หันกลับมา นี่มึงโรคจิตมากเพื่อน ชอบเล่นปากกูจริง

 

            “พอเลย มึงจะเขี่ยปากกูอีกนานไหม?” ผมว่ามัน แต่มันไม่ยอมหยุดครับ กลับหัวเราะชอบใจแล้วเขี่ยปากผมต่อ เลยกัดนิ้วแม่ง

 

            “โอ้ย! เดี๋ยวเถอะมึง” มันชี้หน้าคาดโทษ เลยยิ่งทำหน้างอนใส่มันยิ่งขึ้น มันยิ้มให้ผมเหมือนถูกใจที่ได้แกล้ง เมื่อกี้กับตอนนี้ต่างกันลิบเลย เมื่อกี้ทำตัวเป็นยักษ์จะกินหัวผม ตอนนี้กลับมานั่งทำตัวปัญญาอ่อนเล่นปากคนอื่น ชริชริ!

 

            “มึงแม่งตลกว่ะ เวลากูโกรธก็กลัว แต่พองี้กลับมาทำงอน กูไม่ง้อนะเว้ย” ไม่ว่าเปล่า มันผลักหัวผมด้วยทีนึง

 

            “ก็มึงอ่ะ เอะอะก็ใช้กำลังๆ แล้วดูดิ๊ เนี่ยๆ กูเจ็บนะเว้ย แขนกูแดงเลยเห็นไหม” ผมยื่นมือไปให้มันดู แต่หาได้มีความสลดไม่ มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วอยากเตะคนเว้ย! แง่งๆ

 

            “ว่าแต่มึงโกรธกูทำไมวะกัน?” ผมถามขึ้น เมื่อมันหยุดเล่นกับปากผมแล้ว “อย่าทำหน้าโหดใส่กูอีกนะ กูกลัวมึงแล้วเนี่ย”

 

            “หึหึ ก็มึงมันกวนส้นกูเอง”

 

            “กวนเหี้ยไรละ แม่ง”

 

            “เลิกงอนได้แล้ว แล้วไม่ต้องถามกูอีกนะว่ากูเป็นอะไรถึงได้ทำรุนแรงกับมึง ขอให้มึงรู้ไว้ว่ากูหวงมึงก็พอ”

 

            “…” ผมอึ้งกับคำพูดของมัน นี่มันจะหวงผมทำไม? นี่ถ้าเป็นเหมือนในการ์ตูนวาย ผมว่ามันต้องแอบรักผมแน่ๆ แต่ในความเป็นจริงๆ ผมว่าไม่ใช่อ่ะ เพราะสายตาของมันที่มองมามันมองผมเหมือนไอ้จูดี้ลูกมันมากกว่า อ้อ จูดี้แมวสีสวาทสุดรักของมันครับ ดีนะไม่ใช่หมา เหอๆ

 

            “ไม่ต้องเงียบเลยมึง แล้วอย่าคิดลึกด้วยนะเว้ย กูหวงมึงแบบเพื่อนเหอะ อีกอย่างกูไช่เกย์” มันว่าดักคอ โธ่ๆ กูยังไม่ว่ามึงเป็นเกย์สักคำเลย ร้อนตัวนะเพื่อนรัก ผมเลยยักคิ้วหลิ่วตาใส่มันแทน มันเลยตบหน้าผากผมมาที

 

            “โอ้ย! ตีกูอีกแล้วนะมึง!” ผมมองหน้ามันคาดโทษ มันยิ้มแผ่แล้วยกฝ่ามือชูให้ผมดู

 

            “ใครว่ากูตีมึง กูตบยุงที่กำลังดูดเลือดให้มึงต่างหาก นี่มึงควรจะขอบใจกูถึงจะถูกนะ” มันว่า แต่ผมไม่ยักกะเห็นยุงที่ฝ่ามือมันสักตัว พอจะเข้าไปจ้องเขม็งก็รีบเอามือลง ผมว่ามันหาเรื่องตีผมมากกว่า แมง ชอบใช้กำลัง มนุษย์บ้าอะไรดีแต่ตีคนอื่น แถมมันไม่ตีคนอื่นนอกจากผมอีกนะ จำได้ว่าตอนเด็กๆ ตั้งแต่รู้จักมันมา มันไม่เคยแกล้งใครเท่ากับแกล้งผมแล้วล่ะครับ แกล้งจนผมทนไม่ไหวต่อยกับมันไปรอบ แล้วที่ผมแพ้มันนั่นแหละครับ ถึงได้ยอมโดนถูกมันแกล้งดีกว่าเป็นศัตรูกับมัน เพราะมือเท้ามันหนักมาก บอกเลย

 

            “มึงกลับบ้านมึงไปเลยนะ กูจะนอนแล้ว” ผมว่ามันงอนๆ รู้ว่ามันไม่ง้อหรอก แต่เหม็นขี้หน้ามันแล้ว เลยหาทางไล่มันกลับ

 

            “วันนี้กูจะนอนนี่แหละ” มันบอก จนผมต้องเบิกตามองมัน นี่มึงล้อกูเล่นรึไงวะเนี่ย

 

            “ไอ้ดื้อ!”

 

            “หึ มีปัญญาว่าได้แค่นี้เหรอวะ? ปัญญาอ่อนว่ะ” มันผลักหัวผมก่อนจะเอนหลังนอน ผมได้แต่มองตามันพริบๆ

 

            “ตามึงสวยดีว่ะไอ้แมช เหมือนลูกหมาเลย” แม่ง!

 

            “หุบปากแล้วนอนไปเลยไอ้กัน” ผมเอาหมอนฟาดหน้ามันไปทีด้วยความหมั่นใส้ ดันมาเปรียบว่าผมเป็นสุนัข ไอ้บ้าๆๆๆๆ ขี้เกียจเถียงกะแม่งละ อาบน้ำดีกว่า

 

            สุดท้ายผมเลยไม่รู้เลยว่ามันโกรธอะไรผมมากมายนัก แล้วที่มันว่าผมเป็นแฟนมัน ทำไมมันต้องโกหกกิตไปอย่างนั้นด้วย มันบอกว่าหวงผม หรือว่า...

 

            มันเห็นว่าผมเป็นสัตว์เลี้ยงของมัน!?

 

            กันยิ่งเป็นคนประเภทขี้หวงของๆ ตัวเองสุดๆ จำได้ว่า ผมทำตุ๊กตามันพัง มันโกรธผมเป็นสัปดาห์ แถมยังหาเรื่องแกล้งสาระพัด จนะผมต้องขอเงินพ่อไปซื้อตุ๊กตามาใช้คืนมัน ไม่งั้นมันไม่หยุดแกล้งผมแน่ หรือจะเหมือนตอนนั้น

 

            ถ้ามันคิดว่ากิตจะมาแย่งผมไปจากมัน บอกได้เลย ว่ามันต้องไม่ยอมแน่นอน แล้วจะต้องเล่นงานกิตแน่ๆ เลยครับ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว ไอ้กันโหมดขี้หวงเนี่ย... ปรื้อออออ!!!

 


======= จบตอน =======

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 4 เป็นแฟนกันนะ


            วันนี้เป็นวันเสาร์ลัลล้าที่สุด เพราะไม่มีเรียนครับ ผมเลยโทรไปนัดพี่นาถไปร้านหนังสือด้วยกัน วันนี้ว่าจะไปสอยอันคัตมาสักเล่ม (ใครสงสัยว่าอันคัตคืออะไร มันคือการ์ตูนฉบับไม่ตัดฉากฉึกๆ นั่นเองครับ ของญี่ปุ่นมาเต็มยังไงก็จัดเต็มตามนั้น แต่ถ้าแบบคัตคือที่เค้าเซ็นเซอร์แล้วครับ แต่อันคัตจะราคาแพงกว่ามากๆ)

 

            “ไงแมช มานานแล้วเหรอ?” พี่นาถเดินโบกมือมาแต่ไกล พอถึงตัวผมก็ถามขึ้น

 

            “ไม่เลยพี่ แมชพึ่งมาถึงมะกี้เอง”​ ผมส่ายหน้าแล้วตอบยิ้มๆ

 

            “วันนี้จะซื้อเรื่องไรอ่ะ?” พี่นาถถาม

 

            “เรื่องนี้อ่ะพี่” ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์หาภาพหน้าปกให้พี่นาถดู

 

            “เอ้ย เรื่องนี้สนุกๆ พี่อ่านในเน็ตละ เสียดายแปลมาแค่ตอนสองตอนเอง”

 

            “อันนั้นแมชก็อ่านเหมือนกันพี่ พอรู้ว่าเค้าแปลเป็นเล่มขายเลยเก็บเงินรอซื้อเลย”

 

            “ไว้พี่ยืมอ่านบ้างนะ”

 

            “ได้ครับผม” ผมยิ้มตอบพี่นาถ ยกมือขึ้นตะเบ๊ะ พี่นาถยิ้มขำ เห็นหน้าตาหล่อสูงยาวเข่าดี แต่พี่นาถเป็นเกย์ครับ แถมเกย์สาวด้วย มีแฟนแล้วเพราะงั้นห้ามจีบพี่ผมนะครับ หึหึ

 

            เวลามีวันหยุดว่างๆ แล้วเงินพร้อม ผมก็มักจะนัดพี่นาถไปเดินดูหนังสือด้วยกัน ถ้าแกว่างนะครับ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยว่างต้องออกไปข้างนอกกับแฟน แต่วันไหนแกว่าง วันนั้นคือวันของผม บางทีก็แอบรู้สึกเหมือนเป็นชู้พี่นาถเลย เหอๆ แต่เพราะพี่นาถเป็นเกย์แล้วชอบอ่านการ์ตูนวายเหมือนกัน เลยต่อกันได้

 

            “เห็นว่าเดือนหน้ามีประกวดภาพวาดนี่ครับ พี่นาถวาดรูปอะไรส่งเหรอครับ?” ผมหันไปถาม เราทั้งคู่กำลังเดินไปร้านหนังสือกัน

 

            “อืม หัวข้อปีนี้ยากเหมือนกันนะ เกี่ยวกับความรักน่ะ”

 

            “ไม่เห็นยากเลย พี่มีพี่เซียเป็นคนรัก พี่ก็วาดจากความรู้สึกนั้นสิครับ” ผมช่วยเสนอแนวคิด แต่พี่นาถกลับส่ายหัวไปมาแทนซะงั้น

 

            “ไม่อ่ะ พี่อยากได้มุมมองใหม่ๆ นี่ก็ใกล้กำหนดเส้นตายมาทุกทีละ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะวาดอะไร ถ้ายังเป็นแบบนี้ สงสัยปีนี้คงไม่ได้ร่วมประกวดแหงเลย” พี่นาถถอนหายใจแรง สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังหนักใจมาก

 

            “ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ผมเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะพี่นาถคือทรัพยากรอันทรงคุณค่าของโรงเรียนเลยว่าได้ พี่นาถมักได้รางวัลมาเชิดหน้าชูตาให้โรงเรียนตลอด นี่ถ้าพี่นาถไม่ร่วมประกวดมีหวังคณาครูบาอาจารย์ได้อกแตกตายกันพอดี

 

            “ช่างเถอะ เดี๋ยวไอเดียก็คงมา” ว่าแล้วพี่นาถก็เดินเข้าร้านหนังสือไปโดยไม่รอผม สงสัยจะเครียดมากจริงๆ เห็นหน้ายิ้มๆ อย่างนั้นแต่จริงๆ พี่นาถกำลังเครียดหนักเหมือนกันนะครับ

 

            ผมสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป ตอนนี้ผมควรจะใส่ใจกับเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า ในที่สุดผมก็จะได้มาครอบครองจนได้ การ์ตูนวายอันคัตราคาแพงหูฉี่ ต้องกระเป๋าฉีก TT_TT

 

            หลังจากได้หนังสือกันคนละเล่มสองเล่มแล้ว พี่นาถก็แยกตัวไปหาแฟนทันที ปล่อยให้ผมเปล่าเปลี่ยวเหงาเอกา เลยว่าจะกลับบ้านไปอ่านการ์ตูนดีกว่า อิอิ

 

            ตุบ!

 

            “โอ้ย!” ผมหันหลังจะกลับ แต่ดันชนคนที่เดินมาด้านหลังจนล้มลง ถุงหนังสือในมือตกจนต้องตกใจ รีบเข้าไปเก็บแต่โดนอีกมือคว้าไปเสียก่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่บังอาจหยิบหนังสือของผมไป แต่ก็ต้องตกใจเสียก่อน

 

            “กิต!”

 

            “หวัดดีแมช” กิตยิ้มให้ แล้วยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น ก่อนจะยื่นถุงหนังสือมาให้ผม

 

            “เอ่อ... ขอบใจนะ” แค่เห็นหน้าก็เขินแล้ว ทำเอานึกถึงเรื่องเมื่อวันนั้นในห้องชมรมขึ้นมาเลย

 

            “ไม่เป็นไร เราขอโทษที่ทำให้แมชต้องล้มลง” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที บอกว่าไม่เป็นไรตั้งหลายที่ทำเอารู้สึกตัวเองเปิ่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

 

            “ว่าแต่นายมาทำไรที่นี่อ่ะ?” ผมถามขึ้น หลังจากเรามานั่งคุยกันที่ม้านั่งข้างทางแทน

 

            “เรามาเรียนพิเศษน่ะ เลิกเรียนแล้วกำลังจะกลับบ้านเห็นแมชออกมาจากร้านหนังสือ เลยเดินมาหา ไม่คิดว่าจะหันมากะทันหันเลยไม่ทันตั้งตัวน่ะ ว่าแต่แมชมาทำอะไรอ่ะ?”

 

            “อ้อ เรามาซื้อหนังสือกับพี่นาถน่ะ”

 

            “พี่นาถ?”

 

            “พี่ที่ชมรมน่ะ แต่พี่เค้ากลับไปก่อนแล้วเรากำลังจะกลับพอดี งั้นเราไปก่อนนะกิต” ผมว่าลุกขึ้นโบกมือลา แต่ตอนกำลังจะหันเดินจากไป กิตก็คว้าข้อมือผมไว้เสียก่อน จนต้องหันกลับมามองหน้ากิตเป็นเชิงถามอีกครั้ง

 

            “อย่าเพิ่งกลับสิ ไปซื้อของเป็นเพื่อนเราหน่อยได้ไหม?” กิตถาม แววตาเหมือนลูกหมาอ้อนขอเลย ทำเอาผมใส่อ่อนยวบ ได้แต่พยักหน้ารับไป พอเห็นกิตยิ้มอย่างดีใจ ผมก็รู้สึกดีนะ

 

            “ว่าแต่กิตจะซื้ออะไรเหรอ?” ผมถามขึ้น กิตเดินนำไปห้างดังกลางเมือง ผมได้แต่เดินตามต๋อยๆ เพราะไม่รู้จุดหมายปลายทางที่กิตจะไป

 

            “อยากได้กีตาร์ตัวใหม่” กิตตอบเสียงนิ่ง หน้าตายอีกละ มะกี้ยังยิ้มอยู่เลย

 

            “นายเล่นเป็นด้วยเหรอ?”

 

            กิตพยักหน้า “อืม แต่ตัวเก่ามันพังแล้ว แม่เลยให้เงินมาซื้อตัวใหม่”

 

            “อ่าฮะ​ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้หรอกนะ แต่จะไปเป็นเพื่อนนายละกัน” ผมว่ายิ้มๆ จริงๆ ก็ตามเค้าต๋อยๆ อยู่แล้ว ยังจะพูดให้ตัวเองดูเหนือกว่าอีกผมเนี่ย

 

            “หึหึ” กิตได้แต่ยิ้มขำๆ จนผมต้องทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่พอใจนัก

 

            “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นล่ะ เวลาแมชยิ้มแล้วน่ารักมากเลยรู้ไหม” อ๊ากกกก โดนคนหน้าตายชม แล้วเขินเป็นบ้าเลยครับ ผมเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องเขินด้วย ไม่ไหวๆ หน้าร้อนผ่าวๆ เลย

 

            “หน้าแดง” ถูกแซวเลย จนต้องหันไปค้อนใส่ กิตถึงได้หุบปากไม่พูดแซวอีก

 

            “นำหน้าไปเงียบๆ เลย ชริ!” ผมยู่ปากใส่ ทั้งผลักทั้งดันคนตัวโตกว่าให้ก้าวต่อไป กิตแค่ยักไหล่ก่อนจะเดินนำหน้าไป

 

            พอถึงร้านขายเครื่องดนตรี ผมก็ปล่อยให้กิตเค้าเลือกกีตาร์ไป ส่วนผมก็เดินดูรอบๆ ร้าน แต่ก่อนผมเคยอยากเล่นดนตรีสักชิ้นเป็นกะเค้าบ้างนะครับ แต่ผมไม่มีหัวทางนี้เลย หัดไปได้นิดหน่อยก็เลิกซะก่อน ไม่รู้ว่าเพราะไอ้กันสอนโหดหรือว่าผมเรียนแย่เอง มันเล่นตีเอาๆ ตอนผมเล่นไม่ได้ดังใจมัน ผมก็เลยเลิก ขืนหัดต่อได้มีวางมวยกันแน่ และผมก็รู้ว่ายังไงผมก็ต้องแพ้มันอยู่ดี

 

            “แมช!” เสียงกิตตะโกนเรียกจากอีกฝั่งของร้าน ผมเดินไปหามัน เห็นในมือกิตมีกีตาร์ไฟฟ้าสีขาวกับสีดำ กิตยิ้มแล้วพยักหน้าให้

 

            “แมชชอบตัวไหน?” มันถามยิ้มๆ

 

            “เฮ้ย! ของนายนะไม่ใช่ของเรา มาถามเราทำไมเนี่ย”

 

            “อ้าว ก็เราเลือกไม่ได้อยากให้แมชช่วยเลือกนี่นา”

 

            “เอ่อ เหรอ.... อืมมมม นายชอบสีไรอ่ะ?”

 

            “เราชอบทั้งคู่เลย แล้วแมชล่ะ?”

 

            “เราชอบสีดำนะเท่ห์ดี” ผมตอบยิ้มๆ มองกีตาร์สีดำในมือขวาของกิต มันพยักหน้าให้ผมแล้วยื่นกีตาร์สองตัวคืนคนขาย

 

            “ผมเอาสีดำครับพี่” มันพูด ทำเอาผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปจับแขนมันไว้

 

            “เฮ้ย กิต! เลือกที่นายชอบดิไม่ใช่ที่เราชอบ” ผมว่า แต่กิตส่ายหน้า

 

            “แมชชอบอันไหนเราก็ชอบด้วย” มันว่าแล้วยิ้มหยีจนตาปิดส่งมาให้ ผมได้แต่มองมันอึ้งๆ ไม่คิดว่ามันจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผมพูดไปขนาดนี้

 

            “น้องสองคนเป็นแฟนกันเหรอ?” พี่คนขายถามขึ้น ผมหันขวับไปส่ายหัวปฏิเสธทันที แต่ไอ้กิตนี่สิ

 

            “ครับ นี่แฟนผมเองน่ารักเปล่าพี่” อ๊ากกกก กูเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ว๊าาาา แง่ง! ผมก้มหน้างุดอายหน้าแดง ไม่รู้ทำไมถึงไม่พูดปฏิเสธไปก็ไม่รู้

 

            “น่ารักครับ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปคิดเงินเลยนะ” ว่าแล้วพี่คนขายกับกิตก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมยืนหน้าแดงด้วยความอายอยู่ตรงนั้น อยากจะโกรธมันนะที่เล่นพูดบ้าๆ แบบนั้นไป แต่กลับโกรธไม่ลง เฮ้อ… สงสัยผมคงไม่กล้ามาร้านนี้เป็นครั้งที่สองอีกแน่

 

 

 

 

            “งั้นเรากลับเลยนะกิต ไหนๆ นายก็ได้ของที่อยากได้แล้ว” ผมพูดขึ้นเมื่อเราเดินออกมาจากร้าน ผมหันไปโบกมือลา ยิ้มให้มันนิดๆ รู้สึกปวดหัวนิดๆ จะกลับไปนอนอ่านการ์ตูนละ

 

            “เดี๋ยวสิ ไปกับเราอีกที่ก่อนได้ไหม?” กิตรั้งข้อมือผมไว้ เลยได้แต่พยักหน้าให้ ก่อนจะเดินตามแรงดึงที่แขนไป

 

            พวกเรามาที่สวนสาธารณะใกล้ๆ เงียบสงบมากครับ บรรยากาศก็ดี ต้นไม้เยอะ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย แต่คนไม่ค่อยเดินแถวนี้เลยแฮะ กิตพาผมไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นจามจุรี

 

            “แมชครับ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก กิตส่งยิ้มมาให้ ดวงตาสีฟ้าสดใสที่มองเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีทุกครั้ง

 

            “ว่าไง?”

 

            “ที่ผมพูดไปในร้านเมื่อกี้น่ะ..”

 

            “อ้อ ไม่เป็นไร ช่างเหอะ นายคงไม่อยากทำให้คนขายหน้าแตกถ้าปฏิเสธไปสินะ” ผมว่า

 

            “เปล่าครับ ผมอยากให้เราเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ”

 

            “….” ผมได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะหันไปด้านอื่นแทน เพราะทนเห็นดวงตาสีฟ้านั้นจ้องมองมาไม่ได้ มันรู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

 

            “แมชให้โอกาสกิตนะครับ” กิตพูดขอแล้วเอื้อมมือมาลูบแก้มผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอียงคอรับเข้ากับฝ่ามือแกร่ง หัวใจก็เต้นตุบจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา กิตเลื่อนมือลงมาแตะที่หน้าอกข้างซ้ายของผม

 

            “หัวใจเต้นแรงจัง เหมือนผมเลย” ว่าแล้วมันก็จับมือผมไปแตะที่หน้าอกซ้ายของมัน เสียงหัวใจเต้นโครมครามจนผมแปลกใจ ไม่คิดว่ากิตจะตื่นเต้นเหมือนกัน ก็เห็นทำหน้านิ่งๆ อ่ะ

 

            “…” ผมได้แต่ก้มหน้างุด ไม่รู้สิ อายมากครับ เขินจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองดูมือตัวเองที่กำแน่นอยู่ที่หน้าขา เป็นกิตที่เอื้อมมือมาจับมือข้างนั้นของผมให้คลายออก ก่อนจะเกี่ยวนิ้วทั้งห้าเข้ากับนิ้วของผมช้าๆ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นจนคุมไม่อยู่

 

            “แมชก็คิดเหมือนผมใช่ไหม? ตกหลุมรักแรกพบเหมือนที่ผมเป็น” ผมเงยหน้าสบตามันตรงๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถามว่าผมเป็นอย่างนั้นไหม ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าแรกพบสบตาตอนที่ชนกัน รู้สึกโดนสายตาของกิตตราตรึงเอาไว้ แต่นั่นจะเรียกว่าตกหลุมรักได้ไหม ผมไม่รู้….

 

            กิตผสานมือกับผมทั้งสองข้าง ดึงไปวางไว้ที่หน้าอกของเขา แววตาที่มองมาที่ผม ทำให้รู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อกิตยิ้มส่งมาให้ ผมเลยยิ้มตอบ

 

            “นะครับ เป็นแฟนกันนะ” กิตถามอีกครั้ง

 

            “….” ผมไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าให้ แค่นั้นแหละ ผมก็ถูกดึงเข้าไปกอดเต็มตัวทันที จนตั้งรับไม่ได้ ตกใจจนตัวแข็งทื่อ

 

            “ขอบคุณครับ กิตรักแมชนะ รักตั้งแต่แรกเห็นเลย” กิตตอบ หน้าผมอยู่ตรงหน้าอกเค้าพอดี ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง ทำเอารู้สึกดีตามไปด้วย ผมยิ้มก้มหน้าชิดอกแกร่ง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบ

 

            “อืม.. เป็นแฟนเราแล้วห้ามนอกใจเรานะ” ผมว่าเขินๆ ได้ยินเสียงหัวเราะนิดๆ ก่อนจะรู้สึกว่าถูกหอมหัวเบาๆ แง่ง ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ ผมเลยเงยหน้ามองค้อนๆ ใส่ กิตหัวเราะขำ แล้วยิ่งกอดผมแน่นขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก

 

            “กิตจะรักแมชแค่คนเดียวครับ” กิตพูดย้ำเตือน ทำให้หัวใจของผมพองโต ผมพยักหน้ารับแล้วกอดเค้าตอบ

 

            รู้สึกอายเป็นบ้า แต่ก็รู้สึกดีด้วย ไม่คิดเลยว่าแมนๆ อย่างผมจะต้องมาลงเอยเป็นแฟนกับผู้ชาย เหมือนในการ์ตูนวายที่เคยอ่านเลยครับ นึกแล้วก็ขำ

 

            ว่าแต่… ผมลืมอะไรไปอย่างรึเปล่านะ?



======= จบตอน =======

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 5 เลิกกันซะ!



            เสียงมือถือที่แผดเสียงดังลั่น ผมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำรีบวิ่งมารับเกือบจะไม่ทัน

 

            “ฮัลโหล” ผมรับสายรีบๆ เลยไม่ได้ดูว่าเป็นใครโทรมา

 

            [‘ไอ้แมช! มึงคบกับไอ้สัดกิตแล้วเหรอวะ!?’] แทบจะดึงมือถือออกจากหูไม่ทัน เสียงไอ้กันดังทะลุปรอทแตก อะไรของมันเนี่ย ว่าแต่ทำไมมันรู้เรื่องเร็วงี้

 

            “เฮ้ย! มึงรู้ได้ไงวะ?” ผมถาม ก็เพิ่งตกลงคบกับกิตวันนี้เองอ่ะ

 

            [‘ก็ไอ้เหี้ยนั่นมันโทรมาเยาะเย้ยกูน่ะสิ มึงใช้ส้นติ่งคิดไงวะถึงได้ตกลงคบกันมันน่ะ!? มึงมันโง่จริงๆ ไม่รู้อะไรเลยไอ้ควายยย’] โห ด่าเป็นชุด

 

            “ไอ้เหี้ยกัน มึงด่ากูเอาก่ากูเอา แต่ไม่เคยมีเหตุผลให้กูหรอกสัดนี่ ถ้าจะโทรมาเพื่อด่ากูนะมึงวางสายไปเลยดีกว่า”

 

            [‘ตู๊ด..ตู๊ด..’] เชี่ย!! แม่งเล่นวางสายจริงๆ ครับ จะมาโมโหอะไรผมก็ไม่รู้ล่ะ แต่ผมโกรธมันแล้ว งอนมัน อะไรของมันก็ไม่รู้ แค่ผมกับกิตตกลงคบกันมันถึงต้องโทรมาด่ามาว่าผมงี้เลยเหรอ แม่ง! ไอ้เพื่อนเลว น้อยใจเว้ย!!

 

            หงุดหงิดแล้วไม่อยากทำอะไร นอนเลยละกัน แง่ง

 

 

 

            แอ๊ดดด

 

            งื้มๆ เสียงประตูเปิด ใครเปิดเข้ามากัน แต่ลืมตาไม่ขึ้นง่า ง่วงนอนจัง ถ้าเป็นโจรก็เอาไปเหอะ อย่าเอาแต่การ์ตูนวายของผมก็พอ แง่มๆ แจบๆ

 

            “ไอ้ลูกหมาหลับเร็วเชียวมึงพึ่งจะสามทุ่มเอง” เสียงคุ้นๆ หูดังขึ้นรบกวนสมาธิในการนอนของผมจริงๆ เลยพลิกหนีมันซะเลย แต่มันก็ยังตามมาราวีไม่เลิก ลูบหัวอยู่ได้ แต่ก็เริ่มเคลิ้มๆ ละ ลูบต่อไปนะอย่าหยุด สบายดี

 

            “หึหึ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะมึง เมื่อไหร่มึงจะเลิกโง่ซะทีวะ ทำให้กูวุ่นวายใจอยู่ได้ กูไม่ชอบเลยที่มึงตกลงเป็นแฟนกับไอ้ห่านั่น มึงมันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ ว่ะ กูจะทำยังไงกับมึงดีเนี่ย”

 

            แง่ม ลูบหัวเฉยๆ ไม่บ่นงุ้งงิ้งได้ไหมเนี่ย คนจะหลับจะนอน ครอกกกก....

 

 

 

            ตึง ตึง ตึง!! กิจวัตรประจำวันกับเสียงเคาะของยัยเมมาแล้ว

 

            “พี่แมช!! ตื่นได้แล้วน๊าาา เมไปเรียนก่อนนะพี่สายแล้วๆ” ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงมันวิ่งลงบ้านไป ผมลืมตาขึ้นช้าๆ บิดขี้เกียจแต่กับรู้สึกติดกับอะไรบางอย่าง พอมองไปที่เอวก็เจอกับแขนคน... หือ.. แขนคน!?

 

            ผมเลิกผ้าห่มขึ้นมองตามแขนที่พาดเอวผมไว้ จนเห็นว่าคนที่นอนข้างๆ กันเป็นไอ้กัน ที่ยังหลับนิ่งลืมตาขาวข้างหนึ่ง

 

            “อ้าว ไอ้กันมานอนนี่ได้ไงวะ?” ผมขยี้ตามองมัน ยังรู้สึกมึนๆ งงๆ อยู่กับอาการในยามเช้า ที่ขี้เกียจตื่นจริงๆ เห็นหน้ามันนอนแล้วอยากแกล้ง ดูมันดิครับ คนบ้าอะไรนอนลืมตาข้างเดียว โครตน่ากลัวเลย นี่ถ้าไม่ชินคงได้ตกใจอ่ะ

 

            ผมใช้เท้าสะกิดมันเบาๆ ฮะฮะฮ่า

 

            “เฮ้ย ตื่น! ไอ้กันตื่น!” มันกลิ้งหลบเท้าผมก่อนจะตกที่นอนดังตุบ! ผมชะโงกหน้าไปดู

 

            “แม่ง เจ็บเหี้ยๆ” มันบ่นลูบหัวไปด้วย สงสัยหัวกระแทกแน่เลย หวายๆ กูไม่ผิดนะมึงกลิ้งลงไปเองเหอะ

 

            “ตื่นได้แล้ว เจ็ดโมงครึ่งแล้วมึง”

 

            “วันนี้วันอาทิตย์เหอะสาด” ว่าย้อนแล้วปีนขึ้นเตียงมานอนต่อ

 

            “วันอาทิตย์แต่กูมีเรียนพิเศษตอนแปดโมงเหอะ”

 

            “อืมมม โดดสักวันดิ” มันว่าแล้วโอบเอวผม เอาหน้ามาซุกหน้าท้องผม ทำเอาผมต้องล้มตัวลงนอนไปอีกรอบ

 

            “ไม่ได้ ปล่อยกูเลยนะไอ้กัน”

 

            “ไม่เอา กูง่วงงง มึงยอมเป็นหมอนให้กูซะโดยดี นะนะนะ” ไม่ว่าเปล่า มันเลื่อนตัวขึ้นมากอดผมแน่น แถมยังเอาขามาก่ายล็อคตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้นหนีอีก อะไรจะขี้เซาขนาดนี้วะเนี่ย

 

            “เฮ้อออ เดี๋ยวได้โดนหม่อมแม่ด่าหูชาแน่กู” ได้แต่บ่นแล้วยอมนอนให้มันกอดต่อ อีกสัก 5 นาทีค่อยลุกก็ได้วะ

 

            แต่ที่ไหนได้ดันหลับไปพร้อมมันจนเกือบเที่ยงถึงได้ตื่น ฮือๆ โดดเรียนจนได้ ค่าเรียนพิเศษยิ่งแพงๆ อยู่ ถ้าเด็จแม่รู้มีหวังหัวหลุดจากบ่าแหงตู

 

            ด้วยความโมโหไม่รู้จะไปลงที่ใครเลยถีบไอ้กันตกเตียงซะเลย แง่ง!

 

            “โอ้ย! ไอ้เหี้ยแมช!” มันตะโกนลั่น แต่ผมไม่ยอม จ้องตามันเขม็ง

 

            “เป็นไรของมึงวะ?”

 

            “เพราะมึงเลย ทำให้กูโดดเรียนพิเศษเลย”

 

            “แค่นี้? เรื่องแค่นี้มึงถึงกับต้องถีบกูตกเตียงเลยเหรอวะ?”

 

            “แค่นี้บ้าไรละ! มึงมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะแม่ง!”

 

            “นี่โกรธจริงเหรอวะ เรื่องเมื่อวานยังไม่เคลียนะมึง” มันชี้หน้าผม ทำเอาสะอึกที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย

 

            “เรื่องไรวะ?”

 

            “หึ เรื่องอะไร? ถามมาได้ ก็เรื่องที่มึงคบกับไอ้เหี้ยนั่นไง” มันแสยะยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จ้องหน้าผมอย่างโกรธๆ แววตาของมันวาวโรจน์จนผมนึกกลัว

 

            “มันเรื่องของกูกับกิต”

 

            “เรื่องของมึงกับมัน?” มันทวนคำ ผมพยักหน้ารัว แล้อยู่ๆ ไอ้กันก็หัวเราะขึ้นจนผมตกใจ

 

            “...” ผมจ้องหน้ามันตอบ สายตาที่มันมองมาไม่เหมือนเดิม ดูก็รู้ว่ากำลังโกรธ และพยายามคุมอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ก็มันเล่นกำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดเลยน่ะสิครับ

 

            “มึงมันโง่ถึงมองไม่เห็น ว่าจริงๆ แล้วไอ้กิตมันคิดอะไรกับมึงกันแน่”

 

            “...” ผมขมวดคิ้วมองมัน ทำไมมันต้องสงสัยในตัวกิตด้วย แล้วผมก็ไม่ได้โง่นะ สายตาที่กิตมองมา เค้าบอกว่ารักผม มันทำให้ผมรู้สึกดีและมีความสุข

 

            “มึงไม่เชื่อกู?”

 

            “ก็ไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์คำพูดมึงนี่”

 

            “หึ แต่ก่อนกูบอกอะไรมึงก็ฟังกูทุกอย่าง แต่เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งนะมึง!” มันเริ่มเสียงดังใส่ผม

 

            “ก็มึงไม่มีเหตุผลนี่หว่า!” คิดว่าผมจะยอมเหรอ ไม่มีทาง!

 

            มันพุ่งเข้ามาบีบคางผมจนเจ็บไปหมด อีกแล้วนะ อีกแล้ว ไอ้เหี้ยกัน!!

           

            “โอ้ย! ปล่อยกูนะ กูเจ็บ!”

 

            “เจ็บก็ดี เผื่อมึงจะคิดอะไรได้บ้าง ว่าที่กูเตือนมึงนี่กูหวังดีกับมึงแท้ๆ มึงมันก็ดันโง่เดินเข้าไปหากับดัก มึงไม่รู้อะไรเลยสักนิด มึงไม่เคยสังเกตุหรอก สายตาที่มันมองมึงน่ะ มันไม่ได้คิดดีกับมึงหรอกรู้ไว้ซะ!!” ไอ้กันมันผลักผมล้มตัวลงไปกับเตียงอีกครั้ง

 

            “แล้วมึงคิดว่าตัวเองดีกว่ามันเหรอวะ!? ดูที่มึงทำกับกูสิ ดีแต่ใช้กำลัง! มึงไม่เคยคิดถึงจิตใจกูบ้างเลย ว่ากูเองก็เจ็บเป็น กูก็เป้นคนเหมือนมึงนะเว้ย!!!” โมโห โมโหมากๆ ผมผลักอกมันออก แต่มันได้คร่อมตัวทับผม จับมือสองข้างที่ทุบอกมันกางผึงไว้เหนือหัว

 

            “ปล่อยกูนะไอ้เหี้ยกัน!!!”

 

            “ไม่! มึงไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้เลยจริงๆ!!” มันตะโกนใส่หน้าผม แม้ผมจะพยายามดิ้นรนยังไงก็ไม่อาจพ้นเงื้อมมือมันได้ ยิ่งกดข้อมือผมแรงขึ้นเท่านั้น จนรู้สึกเจ็บไปหมด เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจที่ต้องโดนมันข่มเหงรังแกเอาๆ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้ผิดอะไร มันมีเหตุผลอะไรของมันก็ไม่เคยบอก ดีแต่ใช้กำลังบังคับ แล้วจะให้ผมยอมมันได้ยังไง ผมสุดจะทนกับมันแล้ว

 

            “ร้องไห้? มึงนี่ดีแต่บีบน้ำตาว่ะ”

 

            “กูเกลียดมึง!”

 

            “หึ เกลียดเหรอ? แต่กูไม่เคยเกลียดมึงเลย มึงรู้ไหมว่ามึงทำให้กูเสียใจขนาดไหน?”

 

            “กูไม่รู้ ไม่สน! มึงมันเลวสิ้นดีไอ้กัน ดีแต่ใช้กำลังกับกู กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย!!”

 

            “แต่กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นเพื่อน!!!”

 

            “...” หน้าผมชาวาบ สิ่งที่ไอ้กันตะโกนออกมาคือความในใจของมันงั้นเหรอ มันไม่ได้เห็นผมเป็นเพื่อนมันเลยสินะ หึ ผมคงไม่มีค่าอะไร เป็นแค่คนอื่นสำหรับมันสินะ... ทำเอาน้ำตาที่ไหลอยู่ยิ่งไหลขึ้นมากกว่าเดิม รู้สึกเจ็บใจกับสิ่งที่มันพูดมาก จนแทบทนไม่ไหว แค่มันบอกว่าไม่ได้คิดว่าผมเป็นเพื่อน มันกลับเจ็บปวดทรมานขนาดนี้เลยเหรอ?

 

            “กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นเพื่อนกูเลยสักครั้ง...” ยิ่งมันย้ำผมยิ่งเจ็บ ยิ่งเจ็บน้ำตาก็ยิ่งไหล เสียงสะอื้นไห้หลุดออกมาจากปากผมยากที่จะควบคุม

 

            “ฮือ... มึงปล่อยกูเลย...ฮึก..ฮือออ ถ้ามึงไม่ได้เห็นว่ากูเป็นเพื่อน มึงก็เลิกยุ่งกับกูสิวะ!! ฮือๆๆๆ”

 

            “...ไม่ กูไม่ยอมเลิกยุ่งกับมึงแน่ เพราะกู...กู....”

 

            “ปล่อยกูนะ!!! ฮือๆๆ ปล่อยสิโว้ย!!!!” ผมดิ้น ไม่ฟังมันอีกแล้ว ไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนก็ปล่อยกันไปสิวะ จะมายุ่งอะไรด้วย ปล่อยกูไปสิ!

 

            “...ไอ้แมช....” มันครางชื่อผมก่อนที่จะทำสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ที่ผมคิดว่าผมกับมันเป็นเพื่อนกันต้องพังลง

 

            ไอ้กันก้มลงมาจูบผม...

 

            ใช่ มันจูบผม... ผมได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

            “กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นเพื่อน เพราะกูรักมึง” มันผละออกมาพูด ก่อนจะก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามันปล่อยมือไปตอนไหน และไม่รู้เลยว่าผมยกมือขึ้นโอบรอบคอมันตอนไหนเหมือนกัน แต่สิ่งที่รู้คือ ผมกลับหลับตารับจูบจากมันอย่างเต็มใจ เสียงหัวใจเต้นแรงจนเหมือนมันจะหลุดออกมาจากอกข้างซ้าย แล้วยังรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะผ่านร่างไป...

 

            เราจูบกันเนิ่นนานจนปากผมบวมแดงฉึ่ง มันถึงได้หยุดจูบ ผมกับมันมองหน้ากันนิ่ง เป็นผมที่เริ่มพูดขึ้นก่อน

 

            “แต่กูตัดสินใจคบกับไอ้กิตไปแล้ว...” ผมว่าเสียงอ่อย

 

            “คบก็เลิกได้”

 

            “แต่กู...” มันยกนิ้วขึ้นมาปิดปากผมก่อน

 

            “มึงรู้ความในใจกูแล้ว และมึงเองก็ตอบรับมันแล้วด้วย”

 

            “กูไปตอบรับตอนไหน” ผมทำหน้ายู่ใส่

 

            “แล้วที่มึงจูบกูตอบนี่มึงขัดขืนกูเหรอไอ้แมช?” มันล้อ

 

            “ฮึ่ย!” ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีเลยครับ ใช่ ผมโอนอ่อนไปกับมัน รู้สึกดีที่มันจูบผม และผมเองก็ชอบด้วย แต่ในใจลึกๆ ของผม... ผมรักใครกันแน่ ไอ้กันรึว่ากิต?

 

            “มึงเลิกคิดถึงมันซะที มันไม่ได้รักมึงจริงหรอก กูสิที่รักมึง รักมานาแล้วด้วย”

 

            “...” ผมไม่ตอบ แต่ขยับตัวเข้าไปกอดมัน ซบหน้าลงกับอกกว้าง

 

            “กูสับสนว่ะ ทำไมมึงถึงบอกว่ามันไม่ได้รักกูจริงล่ะ?” ผมถาม ไอ้กันลูบหัวผมเบาๆ รู้สึกอบอุ่นหัวใจจังเลย

 

            “เฮ้อ... จริงๆ กูไม่อยากให้มึงรู้เลย กูกลัวว่ามึงจะเสียใจ”

 

            “ให้กูรู้ตอนนี้ดีกว่ารู้ที่หลังนะมึง” ผมว่า

 

            “ก็จริงของมึง...”

 

            “งั้นก็เล่ามาดิ กูอยากรู้เต็มแก่แล้วเนี่ย!”

 

            “ก็ได้ๆ อย่าทำปากยื่นปากยาวงี้ดิวะ กูกลัวจะอดใจไม่อยู่”

 

            “อะไร?”

 

            “อดใจไม่จูบมึงไง”

 

            “ไอ้บ้า...” ผมก้มหน้างุด อายมัน เขินนนนน

 

            “กูได้ยินมันพูดกับเพื่อนมัน พนันว่าถ้ามันจีบมึงติด มันจะได้เงินพนัน 500 บาท” ไอ้กันพูดขึ้นช้าๆ สิ่งที่มันบอกทำให้ผมรู้สึกชาวาบ นี่ผมเป็นได้แค่ของพนันงั้นเหรอ นี่เรื่องจริงเหรอ?... รู้สึกแย่และเจ็บใจเหลือเกิน ผมเชื่อสิ่งที่ไอ้กันพูดได้ใช่ไหม?

 

            “ไม่ต้องร้องแล้ว ป่านนี้มันคงได้เงินพนันไปแล้ว พรุ่งนี้มันคงไม่มาหามึงอีกแล้ว” ยิ่งกันพูดผมยิ่งรู้สึกเจ็บ

 

            “ฮึก... กูเสียใจว่ะ มันเอากูไปพนันจริงเหรอวะ?”

 

            “เฮ้ออออ ไม่ต้องคิดแล้ว”

 

            “กูกลัว มันจะเอาเรื่องของกูไปล้อแน่เลย”

 

            “ไม่มีใครทำร้ายมึงได้หรอก รู้ไว้ซะ กูนี่แหละจะปกป้องมึงเอง” ไอ้กันโอบกอดผมแน่น ลูบหลังให้ด้วย แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ดี ใจนึงก็อยากถามกิตเหมือนกันว่ามันทำอย่างที่กันว่าจริงไหม เพราะถ้าเป็นเรื่องจริง ผมที่เผลอให้ใจมันไปก็คงโง่มากสินะ

 

            “กัน... กูจะโดนล้อไหมวะ?”

 

            “พอเลยไอ้ลูกหมานี่ ถ้าใครกล้าล้อมึง กูจะถีบยอดหน้ามันให้”

 

            “อืม..”

 

            “มึงรู้ไหม กูอุตส่าห์ต่อยกับมันไปรอบแล้วนึกว่ามันจะยอมแพ้แล้วซะอีก ตอนเห็นมันเดินตามมึงไปห้องชมรม กูอยากจะกระชากมันไว้ แต่กูก็ไม่ได้ทำ กูอยากรู้ว่ามึงจะทำยังไงถ้ามันบอกว่ารักมึง ไม่คิดเลยว่ามึงจะยอมมันง่ายๆ”

           

            “ฮึ่ย! ก็ใครจะไปรู้ล่ะ อีกอย่างเจอคนหล่อรุกขนาดนั้น ช่วยไม่ได้นี่หว่า”

 

            “เฮอะ! ถึงหล่อแต่นิสัยแย่ก็ไม่ไหวหรอกเว้ย สู้กูก็ไม่ได้ ทั้งหล่อทั้งนิสัยดี”

 

            “นิสัยดีกะผีสิ มึงมันตัวร้ายชัดๆ”

 

            “ร้ายแล้วรักกูเปล่าวะ?” มันถามล้อๆ

 

            “ฮึ่ย! ไม่รู้เว้ย!” ผมหมั่นไส้มาก เลยทุบมันไปที

 

            “ฮะฮะฮ่าาา” หัวเราะๆ แง่ง อย่าให้กูรู้จุดอ่อนมึงนะ จะเอามาล้อมังให้หงอเลยคอยดู ชิๆ

 


======= จบตอน =======

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 6 สับสน




            เช้าวันจันทร์ที่ผมไม่อยากไปเรียนเลย ไม่อยากไป แต่ต้องไป เมื่อวานเด็จแม่ที่เคารพรักยิ่งไล่ตีจนก้นลาย เพราะผมโดดไม่ได้ไปเรียนพิเศษ พอบอกว่าเพราะไอ้กันมันทำให้ผมไม่ได้ไปเรียน ก็ยิ่งโดนแม่ตีหนักขึ้น หาว่าผมโบ้ยเป็นความผิดของมัน ส่วนไอ้กันน่ะเหรอ เอาแต่หัวเราะเยาะผมอยู่นั่นแหละ หนอยยยย ทำให้กูต้องโดดเรียนแถมมาจูบกูอีก แต่ไม่มีความรับผิดชอบเลย ถ้ามันขอให้ผมเป็นแฟนมันนะ ผมจะปฏิเสธให้มันตามตื้อผมเลยคอยดู

 

            พอผมออกมาหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นกิตยืนคอยอยู่ตรงประตูรั้ว

 

            “ก..กิต... มาทำไรน่ะ?” ผมเดินเข้าไปถามกล้าๆ กลัวๆ กลัวว่าจะเป็นจริงตามที่ไอ้กันมันบอก

 

            “ก็มารับแฟนไง ไปเรียนด้วยกันนะ” กิตยิ้มให้แล้วยื่นมือมาให้ผมจับ

 

            “มันไม่ไปกับมึงหรอก มันจะไปกับกูนี่ มานี่เลยมึง” ไอ้กันโผล่มาจากไหนไม่รู้มาผลักกิตออก แล้วเดินมาดึงแขนผมให้ไปกับมัน

 

            “เดี๋ยวกูปิดประตูบ้านก่อน”

 

            “มึงปิดเลย” ไอ้กันหันไปบอกกิต ถึงกิตจะเขม่งใส่แต่ก็ยอมปิดประตูรั้วให้

 

            “มึงหยุดดึงแฟนกูได้แล้ว แฟนครับไปกับเรานะ” กิตว่าไอ้กันก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ กลับ พอเห็นสายตาลุกวาวของไอ้กันก็ต้องรีบหุบยิ้มลงทันที

 

            “งั้นถามมันดีกว่า ว่ามันอยากจะเดินไปเรียนกับใคร ระหว่างมึงหรือว่ากู” ไอ้กันเสนอ ก่อนคนทั้งสองจะหันมามองผมเป็นตาเดียว เดี๋ยวนะเฮ้ย! นี่ให้กูเลือกระหว่างมึงสองคนเหรอ?

 

            “เอ่อ....” เลือกใครดีล่ะ ดูสายตาไอ้กันสิ แทบจะกินหัวผมอยู่แล้ว แล้วสายตาอ้อนๆ ของกิตอีก อีกใจก็อยากรู้ว่ากิตเอาผมไปพนันจริงไหม เลยชี้ไปที่กิต

 

            “มึงแม่ง!” ไอ้กันสะบัดมือออกจากแขนผม แล้วเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงจากไป ไม่หันกลับมามองกันเลย

 

            “งั้นเราไปกันเถอะครับ ป่ะ” กิตยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ผมเลือกที่จะไม่จับมือนั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

 

            “เราถามอะไรกิตสักข้อสิ” ผมเอ่ยขึ้น กิตทำหน้างงแต่ก็พยักหน้าให้

 

            “กิตเอาเราไปพนันกับเพื่อนเหรอ?” ผมกลั้นใจถามออกไปเร็วๆ แล้วหลับตาปี๋ กลัวคำตอบจะเป็นเหมือนที่กันพูด

 

            “...” แต่กิตไม่ได้ตอบอะไร ผมเลยลืมตาขึ้นมองหน้ากิต ใบหน้าของกิตที่ผมเห็นทำให้ผมขนลุกชัน สายตาเย็นชาที่มองมาที่ผม... มันทำให้ผมสั่นสะท้าน เป็นอย่างที่กันพูดจริงๆ หรือนี่... ผมรู้สึกชาวาบ

 

            “ใครบอก? ไอ้กันเหรอ?” กิตถามขึ้น เสียงที่ติดจะเย็นชา ทำให้ผมเผลอก้าวถอยหลัง แต่กิตก็ตามมาคว้าไหล่ผมไว้ไม่ให้ถอยหนี

 

            “แมชเชื่อมันมากกว่าเราเหรอ? ดูก็รู้ว่ามันอิจฉาเรา มันพยายามกันเราให้ห่างจากแมช มันก็อ้างนู้นอ้างนี้ไปงั้นเองแหละ” กิตเปลี่ยนจากเย็นชามาเป็นยิ้มเย็นยะเยือกให้ ผมรู้สึกถึงแรงบีบที่ไหล่จนเริ่มเจ็บ พยายามดันไหล่ออกจากมือแกร่งแต่กลับไม่ขยับเลย

 

            “กิต...เราเจ็บ” ผมร้อง แต่กิตก็ยังไม่ยอมปล่อย

 

            “แมชไม่เชื่อใจเราเลยเหรอ? ทั้งๆ ที่แมชตกลงเป็นแฟนกับเราแล้ว”

 

            “ปะ..เปล่านะ... เราแค่ถามเอง ถ้ามันไม่จริงนายก็บอกว่าไม่จริงสิ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”

 

            “หึ ก็ใช่ว่าจะไม่จริงซะทีเดียวหรอก” คำตอบของกิตมันยิ่งทำให้ผมเสียใจ รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบไปที่ตาตุ่ม กิตหลอกผมอย่างที่กันบอกจริงๆ เหรอเนี่ย รู้สึกเสียใจที่ยอมตกลงเป็นแฟนกับมัน แต่มันกลับมาหลอกผม มันต้องการอะไรกันแน่ น้ำตาไหลเพราะเจ็บใจ

 

            “ทำไมต้องทำแบบนี้ เราไปทำอะไรให้ กิตถึงต้องมาหลอกเราด้วย!” ผมตะโกนถามทั้งน้ำตา

 

            “ตอนแรกก็เพราะเงิน แต่พอได้เห็นแมชตัวจริง... เราก็คิดว่าเราตกหลุมรักแมชเข้าแล้ว เราชอบแมชนะ และขอบอกไว้เลยนะว่า นี่ไม่เกี่ยวกับพนันอะไรนั่นแล้ว แมชเป็นแฟนเราแล้ว เราไม่ยอมให้เลิกกับเราแน่ จำไว้!” แมชดันไหล่ผมออกโดยแรง ก่อนจะแบมือมาตรงหน้าผม ผมมองมันนิ่ง คิ้วเลิกขึ้นด้วยความสงสัย

 

            “เอามือถือแมชมา” มันว่าเสียงนิ่ง ผมรีบหยิบมือถือออกมาส่งให้มันทันที “รหัสอะไร?”

 

            “เอ่อ...”

 

            “แมช.. รหัส” เสียงติดจะเฉียบเย็นทำเอาผมสะท้าน ต้องรีบบอกรหัสปลดล็อคให้ทันที เห็นมันกดโทรออก ไม่นานเสียงสายเข้ามือถือของมันก็ดังขึ้น นี่มันเอาเบอร์ผมโทรไปหามันเหรอ?

 

            “เท่านี้เราก็ติดต่อนายได้แล้ว ห้ามไม่รับสายเราเด็ดขาด เวลาเราโทรมาต้องรีบรับ ถ้าเราโทรหารอบแรกไม่ติด เราจะจูบนาย 1 ครั้ง ถ้าไม่ติดหลายครั้งก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย เราไม่หยุดแค่จูบแน่ แล้วอย่าคิดนะว่าเราไม่กล้าทำจริงๆ!” ว่าแล้วมันก็ผลักหน้าผากผมทีนึง ก่อนจะก้าวเท้าเดินจากไป ปล่อยให้ผมมองตามหลังมันอย่างงงๆ

 

            นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!?? ทำไมชีวิตวัยรุ่นของผมถึงต้องมาเจอเรื่องราวบ้าๆ แบบนี้ด้วย สรุปกิตหลอกผม แต่มาชอบผมแทนงั้นเหรอ แล้วไอ้คำขู่ที่ห้ามเลิกกันนั่นอีกล่ะ ผมจะทำยังไงดี... กิตไม่ใช่กิตคนเดิมที่ผมรู้จัก มันน่ากลัว น่ากลัวเหมือนกับไอ้กันเลย...

 

 

 

            สรุปวันนั้นผมก็โดดเรียนจนได้ แอบไปนอนเล่นที่หอไอ้เย็นมัน ผมมีกุญแจห้องมัน เลยเข้านอกออกในได้ตลอด ปกติผมจะโทรไปบอกมันก่อนถ้าไปห้องมัน แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์ ไม่อยากให้ไอ้กันรู้ด้วย แต่ผมก็ปิดบังมันไม่เคยได้เลย พอพักเที่ยงไอ้เย็นก็ส่งข้อความมาบอกว่าไอ้กันกำลังจะไปตามหาผมที่ห้องมัน มันไม่รู้ว่าพวกผมทะเลาะอะไรกัน แต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือ ซึ้งใจจริงๆ เพื่อนรัก

 

            ผมรีบออกจากหอไอ้เย็นก่อนดีกว่า ก่อนที่ไอ้กันจะตามมาเจอ

 

            ผมเปิดประตูออกไปช้าๆ ทำเหมือนกลัวอะไร จริงๆ ก็กลัวแหละครับ กลับไอ้กันมัน แต่มันน่าจะยังมาไม่ถึงหอไอ้เย็นนะ พอเปิดประตูออกผมก็ย่องออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะล็อคห้องให้มันคืน แต่พอจะหันตัวเดินก็ปะทะเข้ากับสายตาคู่หนึ่งพอดี จนผมต้องสะดุ้งเฮือก กลับหลังหันจะวิ่งหนีมันไปอีกทางทันที

 

            “มึงหยุดเลยนะไอ้แมช อย่าให้กูตามทันนะมึง!” เสียงไอ้กันตะโกนมาแต่ไกล เรื่องอะไรจะหยุดให้โง่ล่ะ ผมวิ่งหนีไม่คิดชีวิตทันที วิ่งไปจนถึงบันไดหนีไฟ แต่ถึงจะออกวิ่งก่อนมันก็หนีมันไม่ทันอยู่ดี เพราะไอ้กันมันวิ่งเร็วมาก มันตามมาถึงตัวผมอย่างไว

 

            “แฮ่ก แฮ่ก... ปล่อยกู...” ผมหอบหายใจ มือชันที่หน้าขา หายใจโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างแรง เหนื่อย แค่วิ่งหนีมันมาได้ 3 ชั้นเองก็โดนมันจับตัวได้ซะก่อน

 

            “แฮ่ก... มึงก็อย่าหนีกูสิวะ”

 

            “เดี๋ยว... พักก่อนๆ” ผมไม่ไหวแล้ว ทรุดตัวลงนั่งที่ขั้นบันไดแรกทันที ไอ้กันมันเดินมานั่งลงข้างๆ

 

            “มึงจงใจหลบหน้ากู” มันว่าขึ้น ผมหันไปมองหน้ามัน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเอนตัวพิงไหล่มัน

 

            “....”

 

            “เมื่อเช้า... ทำไมมึงไม่เข้าเรียนวะ? มึงไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกับมันเหรอ?”

 

            “เปล่า... กูโดดเรียนมานอนห้องไอ้เย็นตั้งแต่เช้าแล้ว”

 

            “เดี๋ยวได้โง่หรอกมึง” ไม่ว่าเปล่า มันเล่นผลักหัวผมด้วย “มึงคุยไรกับมัน?”

 

            “.......กูถามมันเรื่องมึงบอกกู”

 

            “เฮอะ!” ไอ้กันสะบัดหน้าใส่ นี่มึงจะงอนเป็นสาวแตกรึไงกันวะ

 

            “มันบอกว่ามันชอบกู ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่พนันแล้ว แล้วมันก็ขู่กูว่าห้ามเลิกกันมันด้วย” ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้กันฟัง เห็นมันทุบกำปั้นลงพื้นอย่างโกรธๆ

 

            “เพราะงั้นมึงเลยโดดเรียนเหรอวะ? มึงนี่โง่ไม่มีใครเกินเลยจริงๆ” คำก็ด่าสองคำก็ด่า ชิ!

 

            “กูโง่แล้วมึงมาชอบกูทำไม!?” ผมสะบัดเสียงใส่

 

            “เออ กูก็โง่ที่ชอบมึง แต่มึงรู้ไหมว่ากูเต็มใจโง่ที่จะรักมึง ไอ้ลูกหมาโง่ๆ ของกู” ไม่ว่าเปล่ามันกอดคอผมดึงให้ซบที่ไหล่มันตามเดิม

 

            “มึงว่ากูควรทำยังไงดีวะ?” ผมถาม

 

            “แล้วใจมึงว่ายังไงล่ะ มึงชอบใคร ระหว่างกูกับมัน” เสียงที่ติดจะหงอยๆ ของไอ้กันทำให้ผมรู้สึกผิด เพราะผมเลือกไม่ได้จริงๆ ผมที่ไม่เคยคิดว่าเรื่องราวแบบในการ์ตูนวายจะเกิดขึ้นกับผม ผมคิดว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่ผมกลับรู้สึกดีกับพวกมันทั้งคู่ แต่ผมก็ต้องเลือก เลือกแค่คนเดียว...

 

            สำหรับผมพวกมันทั้งคู่ก็เหมือนกัน มันทำร้ายผม ไม่ว่าจะทางกายหรือใจ พวกมันไม่ได้ต่างกันเลย บอกว่าชอบผม รักผม แล้วมาบังคับผมให้เลือกแค่คนใดคนหนึ่ง...

 

            “เฮ้อ... มึงลองถามใจตัวเองดูแล้วกัน ว่ามึงอยู่กับใครแล้วรู้สึกดี ขาดใครไปแล้วมึงจะทรมาน แล้วค่อยมาบอกกูว่ามึงตัดสินใจจะเลือกใคร ระหว่างมันกับกู...” ว่าแล้วไอ้กันก็ลุกขึ้นเดินลงบันไดไป ไม่ฟังเสียงผมที่ร้องเรียกชื่อมัน ปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

 

            ผมควรเลือกใครดี?

 

            ไอ้กัน เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

 

            กิต หนุ่มหล่ออันดับหนึ่งของสายชั้นม. 4

 

            ไอ้กัน ที่เข้าใจกันทุกเรื่อง อยู่กับมันแล้วผมสบายใจ แต่ตอนนี้พอโดนมันกอดก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพ่าน

 

            กิต ที่อยู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาในใจผม ผมจะเชื่อใจมันได้ไหม? แต่สายตาที่มองกับอ้อมกอดของมันช่างอบอุ่น มันทำให้หัวใจผมพองโต

 

            แต่ว่า...

           

            เวลาไอ้กันโมโห ผมก็กลัวมัน

 

            เวลาที่กิตโกรธ มันก็น่ากลัวเหมือนไอ้กันเลย

 

            เฮ้อ... เรื่องแบบนี้ผมจะไปปรึกษาใครได้บ้างละเนี่ย... นั่นสิ... ปรึกษาใครดี... ....อ้ะ! พี่นาถไง! ไม่รอช้าผมรีบควานหามือถือในกระเป๋าทันที แต่กลับมีสายเรียกเข้ามาก่อน มองเบอร์โทรที่ไม่คุ้นโทรเข้ามา แล้วนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ถ้าไม่รับสายผมจะถูกกิตจูบ แค่คิดก็หน้าแดงเห่อร้อนขึ้น รีบกดรับสายทันที

 

            “ฮ…ฮัลโหล” ผมรีบรับสายอย่างลนลาน จนเกือบจะทำมือถือหลุดมือด้วยซ้ำ

 

            [‘แมช นี่กิตนะ ทำไมแมชไม่มาเรียนล่ะ?’] เป็นมันจริงๆ ด้วย

 

            “เอ่อ...คือ”

 

            [‘เพราะเรื่องของเราเมื่อเช้าเหรอ? เลยทำให้แมทชโดดเรียน’] ใช่ เรื่องมึงนั่นแหละ แง่ง มาขู่มาทำให้สับสน

 

            “...”

 

            [‘แมช... เราขอโทษ...’] เสียงของกิตที่เอ่ยออกมาช้าๆ ฟังดูเหมือนกิตจะรู้สึกผิดจริงๆ เลย

 

            “เปล่าหรอก... เราแค่อยากอยู่คนเดียว อยากมีเวลาคิด...”

 

            [‘กิตรักแมชนะ แล้วกิตก็บอกปัดเพื่อนเรื่องพนักอะไรนั่นไปตั้งนานแล้วด้วย เมื่อวันเสาร์สิ่งที่กิตบอกแมชไป นั่นคือความในใจของเราจริงๆ นะ’]

 

            “อืม” ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่กิตบอกผมมันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าผมยังไม่พร้อมจริงๆ “กิต... เราว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันดีไหม?”

 

            [‘ไม่! เราบอกแมชว่ายังไง ว่าเราจะไม่ยอมเลิกกับแมชเด็ดขาด ถ้าแมชอยากจะเลิกนัก ก็มาพูดต่อหน้าเราสิ!’] เชี่ยละ ใครจะกล้าไปละ เอาไงดีวะ

 

            “แต่เราอยากได้เวลา…”

 

            [‘แมชอยากได้เวลาเท่าไหร่เราก็จะให้ แต่เราไม่ยอมเลิกกับแมชแน่นอน ตอนนี้แมชอยู่ไหน?’] ง่าาา ไม่บอกหรอกเฟ้ย

 

            “นายไม่ต้องรู้หรอก...”

 

            [‘แมช เราขอถามแมชหน่อย แมชไม่รู้สึกดีกับเราจริงๆ เหรอ?’]

 

            “...ถ้าไม่รู้สึก... คงไม่ตอบตกลง...” ผมตอบเสียงเบาหวิว แต่ปลายสายก็ยังได้ยิน

 

            [‘กิตรักแมชนะ ถ้าแมชอยากได้เวลา เราก็จะให้ แต่ขอให้แมชรู้ ว่าแมชกับกิตยังเป็นแฟนกันอยู่ แล้วถ้าเราไม่อยากจะเลิก แมชก็เลิกกับเราไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้กัน เราไม่ยอมยกแมชให้มันแน่!’] เฮ้อ... ผมจะทำยังไงดี ฝ่ายนี้ก็ไม่ยอม ฝ่ายนู้นก็ไม่ยอม ทำไมผมถึงเพิ่งมาเนื้อหอมเอาตอนนี้ละฟะ!?

 

            หลังจากกิตวางสายไป ผมก็โทรไปหาพี่นาถทันที ดีที่ตอนนี้พักเที่ยงอยู่ พี่นาถนัดให้ผมไปเจอกับพี่เค้าหลังเลิกเรียน หอของพี่นาถอยู่ถัดไปอีกสองบล็อก แต่ตอนนี้คงต้องกลับไปนอนเล่นห้องไอ้เย็นมันก่อน เฮ้อ... ไอ้แมชนะไอ้แมช ทำไมต้องเนื้อหอมกับผู้ชายด้วยวะ กูแค่ชอบอ่านการ์ตูนวาย ไม่ได้แปลว่าอยากเป็นเหมือนนายเอกในการ์ตูนสักหน่อย ไม่สิ คนอย่างผมต้องเป็นพระเอกสิถึงจะถูก ทำไมแต่ละคนถึงต้องขู่เข็นผมด้วยก็ไม่รู้ ฮือๆๆๆๆ




======= จบตอน =======

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 7 ตัดสินใจ



            “พี่นาถว่าผมควรทำยังไงดี?” ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่นาถฟัง

 

            “แล้วแมชจะเลือกใครล่ะ?” พี่นาถถามขึ้น

 

            “ถ้าผมเลือกได้คงไม่มาขอให้พี่ช่วยหรอกครับ”

 

            “เรื่องแบบนี้นะแมช ไม่มีใครเลือกให้นายได้หรอก นายต้องถามตัวนายเอง ว่านายน่ะชอบคนไหน เอามือทาบอกแล้วถามใจตัวเองดู” พี่นาถว่าแล้วจับมือผมขึ้นทาบอกผมเอง ก่อนจะยกมืออีกข้างลูบหน้าให้ผมปิดตา

 

            ถามใจตัวเองงั้นเหรอ?

 

            “แมชฟังพี่นะ เรื่องของหัวใจใครก็คิดแทนกันไม่ได้ แมชอยู่กับคนหนึ่งรู้สึกดี แต่ในใจลึกๆ อาจต้องการใครอีกคนนึงก็ได้ ใครที่พร้อมจะเติมเต็มหัวใจอีกครึ่งดวงให้เรา ถ้าขาดเขาแล้วเหมือนจะขาดใจ ใครที่แมชอยากจะใช้เวลาอยู่กับเขาไปนานๆ ต่อให้โลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้าก็ตาม ลองคิดสิ บางทีอาจจะไม่ใช่ทั้งสองคนนั้นก็ได้นะ” เสียงทุ้มนุ่มลึกของพี่นาถทำให้ผู้ฟังอย่างผมต้องคล้อยตาม เสียงของพี่นาถเหมือนมีมนต์สะกด ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ จนสมองรู้สึกโล่ง ผมคิดตามที่พี่นาถแนะนำ คิดถึงคนทั้งสอง

 

            ไอ้กัน... หรือว่า กิต หรือว่าไม่ใช่ทั้งสองคน

 

            ผมลองนึกถึงใบหน้าของพวกเขา ข้างซ้ายเป็นไอ้กัน ข้างขวาเป็นกิต ใครกันที่ครองพื้นที่ในใจของผม ใครกันที่ผมอยากจะอยู่ใกล้ๆ ใครกันที่หากหายไปแล้วผมจะเสียใจ ใครคนนั้นคือ...

 

            ผมลืมตาขึ้นช้าๆ หันไปมองพี่นาถ ก่อนจะเผยรอยยิ้มให้คนข้างตัว ผมเข้าใจแล้ว ว่าใครคนนั้นที่ผมคิดว่าผมจะรักเค้าได้ เป็นใคร

 

            “ผมรู้แล้วครับ”

 

            “อืม” พี่นาถยิ้มตอบ พยักหน้าให้ผมเล็กน้อย ผมเองก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะลุกขึ้น

 

            “ผมจะไปตามหาหัวใจของผม ขอบคุณนะครับพี่นาถ” ผมยกมือไหว้พี่นาถ กล่าวของคุณแล้วเดินไปยังประตูห้องทันที ได้ยินเสียงพี่นาถตามหลังมาเบาๆ ว่า ไม่เป็นไร ผมยิ้มให้กับตัวเอง ผมจะไม่สับสนอีกแล้ว

 

            ถึงผมจะต้องเป็นเกย์ก็ช่างปะไร ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้อง

 

            ต่อให้ผมต้องเป็นเหมือนในการ์ตูนวายที่ชอบอ่านก็ช่างปะไร ในเมื่อผมไม่สามารถควบคุมหัวใจได้

 

            และตอนนี้ผมก็รู้แล้ว ว่าหัวใจอีกครึ่งดวงของผมอยู่ที่ไหน ผมจะไม่ทำผิดพลาดอีก เพราะครั้งนี้ผมจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองและเขาคนนั้น จะบอกว่าผมเองก็รักเขาเช่นกัน เพราะงั้น เรามาเริ่มต้นใกล้ใหม่เถอะ!!!

 

 

 

            โอเคก่อนจะได้ไปตามหัวใจ ผมต้องมาทนเด็จแม่บ่นจนหูชาเสียก่อน TT__TT

 

            “ไอ้ลูกไม่รักดี แม่ส่งเสียให้เรียนไม่ใช่ให้ไปโดดเรียน รู้ไหมครูหมวยเพื่อนแม่โทรมาเล่าวีรกรรมของลูกให้แม่ฟัง แล้วแม่อยากจะเอาปี๊บคลุมหัวจริงๆ โอ้ย! ฉันล่ะอายจริงๆ ที่มีลูกหนีเรียนแบบนี้ คุณ! ดูสิ ลูกทำผิดทำไมไม่มาช่วยกันจัดการ” จ๊ากกกก เด็จแม่ผู้ประเสริฐเลิศเลอเหนือผู้ใด แค่นี้ผมก็ตัวหดเล็กลงแทบจะเป็นจุลินทรีย์อยู่แล้ว นี่ถ้าหม่อมป๋าไม่เห็นใจ ผมคงระเบิดตัวตายไปแล้ว

 

            “โธ่ แม่ ลูกเรามันโตแล้วนะ จะโดดเรียนบ้างก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละคุณ อย่าไปว่าลูกเยอะเลย เอาแค่พอดีก็พอนะ” ท่านป๋าผู้ประเสริฐเลิศเลอเหนือสามโลก ซึ้งๆ

 

            “คุณว่ายังไงนะ!?” เด็จแม่หันไปแยกเขี้ยวใส่ ทำไมท่านป๋าถึงต้องหงอด้วย งื้อๆ อยู่ช่วยลูกก่อนนนน

 

            “เปล่าจ้ะแม่จ้า ไอ้แมชเอ็งนี่นิสัยเสียจริงๆ เลย ฟังแม่เอ็งบ่นไปเลยนะ พ่อไปละ” อ้าวพ่อ... ไหงงั้นล่ะ เฮ้ย! ซวยละกู เหมือนสายตาเด็จแม่มีลำแสงฆ่าคนได้ นี่ถ้าโดนจังๆ คาดว่าผมได้กลายเป็นผุยผงแน่

 

            “แม่จะให้โอกาสลูกทำคุณไถ่โทษดีไหมจ้ะลูกรัก?” รอยยิ้มนางพญาชัดๆ ไม่ได้มีความเอ็นดูแฝงมาเลยเด็จแม่

 

            “ค..ครับ แมชจะทำทุกอย่างเลยครับ” ฮือๆๆๆ ได้แต่ก้มหน้ารับกรรม

 

            “ดีมาก ต่อจากนี้ไป 1 อาทิตย์ เวรทำความสะอาดห้องน้ำในบ้านทั้ง 2 ห้อง เป็นของลูก” ห๊ะ!! เวรล่ะ กรรมติดจรวจจริงๆ นี่เจ้แกคิดทบต้นทบดอกที่โดดเรียนพิเศษด้วยเปล่าวะเนี่ย

 

            “แต่แม่คร๊าบบบ ล้างห้องน้ำ 1 อาทิตย์เลยเหรอก๊าบบบ ผมสำนึกผิดแล้ว แม่สมควรจะลดโทษให้กึ่งหนึ่งก็ยังดี”

 

            “2 อาทิตย์!” เด็จแม่เสียงเขียวใส่

 

            “โหย แมชชอบการขัดห้องน้ำมากครับ 1 อาทิตย์ก็พอแล่วก๊าบบบ” ผมยกมือไหว้เลย นี่แค่ต่อรองจะเพิ่มเป็น 2 อาทิตย์เลยเร๊อะ เพราะเป็นเด็จแม่ผู้ประเสิฐเลิศเลอเพอร์เฟ็คหรอกนะ ถึงต้องยอม กาซิกๆ

 

            “ฮึ! แล้วอย่าโดดเรียนอีกล่ะ” ว่าแล้วเด็จแม่ก็เดินสะบัดบ็อบจากไป ส่วนผมก็ต้องก้มหน้ารับกรรมที่ก่อไป ซิกๆ แบบนี้ผมก็ไม่กล้าโดดเรียนอีกแล้วคร๊าบบบบเด็จแม่ ความเจ็บแค้นนี้จะไปลงที่ใครดี ทั้งไอ้กันไอ้กิตเลย แง่ง เพราะพวกมันทำให้ผมต้องโดนลงโทษให้ขัดห้องน้ำ ฮือๆๆๆ เจ็บใจๆๆๆ

           

            หลังจากที่คิดว่าจะไปตามหาหัวใจ ตอนนี้ผมว่าไปตามหาคนรับผิดชอบดีกว่า จะให้พวกมันเลี้ยงให้หมดตัวเลย แง่งๆ

 

            ผมกดโทรหาไอ้กันทันที

 

            “มึงมาเจอกูหน่อย ที่เซเวนเซ่น แถวบ้านกูนี่แหละ รีบมาเลยนะมึง กูมีเรื่องจะพูดด้วย” รีบพูดแล้วกดวางครับ ยังไงมันก็ต้องมา หึหึ

 

            ผมกดโทรหากิตต่อ

 

            “กิตมาหาเราหน่อยสิ ที่เซเวนเซ่นแถวบ้านเราอ่ะ อืมๆ ห้างใกล้โรงเรียนนี่แหละ มาด่วนเลยนะ เรามีเรื่องจะคุยด้วย” แล้วรีบกดวาง

 

            จากนั้นผมก็แต่งตัวออกไปรอกินไอติมฟรี หึหึ จะเคลียทุกปัญหากับพวกมันซะที แต่ก่อนนั้นต้องถลุงเงินในกระเป๋าพวกมันให้หมดเสียก่อน วะฮะฮะฮ่า

 

            “จะไปไหนไอ้ตัวแสบ” จ๊ากกกก เสียงนางมาร เอ้ย นางฟ้านางสวรรค์ผู้ให้กำเนิด ผมหันไปมองหน้าแม่ช้าๆ ยิ้มให้กว้างๆ อย่างเอาใจ

 

            “ไอ้กันมันโทรมาชวนไปกินติมคร๊าบบบ” ออดอ้อนด้วยมารยาสาไถย ก๊าก มองสายตาเด็จแม่ที่เหมือนจะจ้องจับผิด แต่ขอโทษ ไอ้แมชซะอย่าง แถไปเรื่อย เอิ๊กๆ

 

            “แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าไปเกเรที่ไหน” โอ้ะ ใครจะไปกล้า ผมรีบเดินเข้าไปนวดแข้งนวดขาให้ทันที

 

            “แหมมม แม่ก็ หนูเป็นเด็กดีไม่เคยเกเรสักครั้งหรอก”

 

            “เหรอยะ ที่โดดเรียนนี่เด็กดีม๊ากมาก”

 

            “โธ่ แม่ก็! นั่นเป็นอดีตไปแล้วอย่าไปรื้อฟื้นมันเลย แมชรับปากว่าจะไม่โดดเรียนอีกแล้ว จริงๆ นะครับ นะนะนะนะนะ” เอาหัวไถแขนออดอ้อน เด็จแม่ยกมือขึ้นลูกหัวผมเบาๆ นั่นปะไร เห็นมะแค่นี้ก็เสร็จไอ้แมชแล้ว กิกิ

 

            “ไม่ต้องมาอ้อนเลย จะไปไหนก็ไป”

 

            “คร๊าบบบ แมชรักแม่นะ จุ๊บ!” หอมแก้มหอมๆ ของแม่ทีนึง เด็จแม่มองยิ้มๆ แล้วผลักหัวผม ผมยิ้มตอบก่อนจะรีบวิ่งออกมา เดี๋ยวไม่ทันพวกมัน

 

 

 

            ณ. หน้าร้านเซเวเซ่น ผมมาถึงก่อนที่พวกมันจะมา ดีแล้ว ถ้าพวกมันมาเจอกันกลัวจะทะเลาะกันเสียก่อน ผมรอไม่นานไอ้กันก็มาถึง

 

            “ว่าไงวะ?” ไม่ทักเปล่ามันผลักหัวผมด้วย แง่ง!

 

            “ผมกูยุ่งหมดไอ้นี่” รีบจัดแต่งทรงให้หล่อเหมือนเดิม

 

            “หึหึ” มันหัวเราะผมอ่ะ

 

            “หุบปากเลย”

 

            “ครับๆ ว่าแต่มึงมีเรื่องไรจะคุยกับกูเหรอ?”

 

            “เดี๋ยวก่อน รออีกคนก่อน”

 

            “ใครวะ?”

 

            ผมไม่ตอบปล่อยให้มันอยากรู้ไป ไม่นานผมก็เห็นกิตมาแต่ไกล รีบโบกมือให้มัน กิตโบกมือตอบ ก่อนจะชักสีหน้าเครียดใส่เมื่อเห็นว่าข้างๆ ผมเป็นใคร

 

            “ทำไมมันมาอยู่นี่ได้ มึงเรียกมันมาด้วยเหรอ?” ไอ้กันถาม

 

            “ใช่ กูมีเรื่องจะเคลียดกับพวกมึงอ่ะ”

 

            “ทำไมมันมาอยู่นี่ได้?” กิตมาถึงก็ชี้หน้าไอ้กันถาม แหม ไอ้พวกนี้ถามเหมือนกันเลย

 

            “เอาน่าๆ เข้าไปข้างในร้านกันเหอะ เราอยากกินติมแล้ว”

 

            “ไม่!” ไอ้กันดื้อแพ่ง

 

            “หึ มันไม่อยากก็ปล่อยมัน ป่ะครับแฟน เราเข้าไปกินกันสองคนนะ” ไอ้กิตได้โอกาสเดินมากอดคอผมเฉยเลย แล้วคนอย่างไอกันจะยอมเหรอครับ มันจับแขนกิตสะบัดออกจากคอผมทันที แล้วจ้องหน้ากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

 

            “ใครบอก่ากูจะไม่กิน แต่กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!”

 

            “กูก็เหมือนกัน” โธ่ พ่อทั้งสอง อย่าเพิ่งทะเลาะกันได้ไหมเนี่ย เฮ้อ... ผมเลยต้องควงแขนพวกมันคนละข้าง ลากเข้าร้านไป คนในร้านมองกันเต็มเลยง่า อายเว้ย รีบลากพวกมันเข้าไปนั่งด้านในสุดทันที

 

            “พวกมึงก็ใจเย็นๆ กันหน่อยดิ๊ กูเรียกพวกมึงมาวันนี้ เพราะอยากจะเคลียด้วย แต่ก่อนอื่น สั่งไอติมก่อนนะ” ว่าแล้วผมก็จัดการเลือกไอติมที่ต้องการทันที ไม่ลืมหันไปถามพวกมันว่าจะกินไรกัน แค่เลือกไอติมพวกมันก็กัดกันอีก เฮ้อ ชีวิต! กว่าพี่พนักงานจะได้ไปส่งออเดอร์ พวกมันก็เกือบจะวางมวยกัน

 

            “คุยมาเลยไอ้แมช กูจะได้รีบพามึงกลับบ้าน” ไอ้กันพูดขึ้น

 

            “ว่ามาเลยครับแฟน ขากลับ กลับกับเราดีกว่า ปลอดภัยกว่าคนแถวนี้แน่นอน” กิตพูดขึ้นแล้วเหลือบปลายหางตาไปมองไอ้กัน ไอ้กันก็ไม่ยอมแพ้มันแทบจะลุกขึ้นไปต่อยหน้ากิต แต่ผมยื้อพวกมันไว้ก่อน รีบจับแยกให้นั่งลงตามเดิมทันที อายบ้างไรบ้างเถอะพวกมึง ขนาดอยู่ในร้านนะนี่

 

            “พวกมึง หยุดทะเลาะกันเดี๋ยวได้ไหม ก่อนอื่นเลยที่กูเรียกพวกมึงมานี่ เพราะมีด้วยกัน 2 เรื่อง แต่เรื่องแรกคือ พวกมึงต้องเลี้ยงไอติมกู” ผมพูดขึ้นบ้าง พวกมันหันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว

 

            “ทำไมกูต้องเลี้ยงไอติมมึงด้วย?” ไอ้กันไอ้งก

 

            “ก็เพราะพวกมึงเลย ทำให้กูโดนแม่ใช้ให้ขัดห้องน้ำ 1 สัปดาห์” ผมว่า

 

            “เพราะพวกกู? เรื่องไรวะ?”

 

            “เรื่องแรก เพราะมึงเลยไอ้กันทำให้กูต้องโดดเรียนพิเศษเมื่อวันอาทิตย์ และเพราะนายเลยทำให้เราต้องโดดเรียนวันนี้ แล้วพอแม่รู้เรื่องก็โกรธมาก เลยลงโทษให้ขัดห้องน้ำไงล่ะ” ผมอธิบาย พวกมันก็ฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ

 

            “โอเคๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง อยากกินไรอีกก็ตามใจมึง แค่มึงคนเดียวกูเลี้ยงได้” ได้ทีไอ้กันรีบทำคะแนน ดีมากเพื่อนรัก อิอิ

 

            “แมชอยากกินอะไรก็บอก เราจะจ่ายให้เอง เพราะเราทำให้แมชต้องโดนคุณแม่ทำโทษ” โอ้ว กิตใจปล้ำมาก

 

            “อิอิ ดีมาก ว่าง่ายๆ แบบนี้สิถึงจะอยู่ด้วยกันได้” ไม่วายลูบหัวให้พวกมันคนละที อิอิ

 

            “ว่าแต่อีกเรื่องคือเรื่องอะไร?” กิตเป็นคนถามขึ้น พอดีกับไอติมที่สั่งมาส่งถึงโต๊ะพอดี

 

            “กินก่อนค่อยว่ากัน” ผมว่า แล้วลงมือทานไอติมตรงหน้าทันที พวกมันขมวดคิ้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากลงมือจัดการไอติมตรงหน้าเท่านั้น

 

            พอหมดถ้วย ผมก็สั่งเพิ่มอีก

 

            “กินเยอะเดี๋ยวก็ปวดท้อง” ไอ้กันพูดขึ้น ผมหันไปค้อนใส่ แต่มันยักคิ้วให้เท่านั้น หมั่นไส้โครตๆ

 

            “ก็อยากกินอีกอ่ะ” งอน

 

            “โอเคๆ ตามใจ ปวดท้องมาอย่ามาร้องไห้ให้กูสนใจแล้วกัน”

 

            “เชอะ!”

 

            อยู่ๆ กิตก็หยิบยาอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาวางตรงหน้าผม ผมหันไปมองหน้ามันงงๆ

 

            “กันไว้ เผื่อปวดท้อง” มันว่ายิ้มๆ

 

            “ไอ้นี่นิ!” แง่ง พวกมันได้ทีหัวเราะเยาะผมใหญ่ เชอะ! แต่ก็รับความหวังดีของมันมา  แฮะๆ

 

            “อย่าเล่นตัว มึงมีเรื่องอะไรจะคุยก็พูดมาเลย”

 

            “กูจะบอกพวกมึงว่า กูตัดสินใจได้แล้ว ว่ากูจะเลือกใคร” ผมพูดพลางชูนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้า พกมันแลดูจะสนใจขึ้นมาทันที

 

            “ใคร!?” พวกมันถามขึ้นพร้อมกัน ผมยิ้มให้พวกมันก่อนพูดชื่อคนที่ผมเลือก...

 

            “กูเลือก...”

 

            ..........เลือก.........




======= จบตอน =======

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 8 เลือกคนที่หัวใจเรียกร้อง (ตอนจบ)


 

            “คนที่กูเลือกคือ...” ผมจงใจเว้นช่วงที่จะพูดชื่อคนเพื่อให้มันดูตื่นเต้นนิดๆ มองหน้าพวกมันสองคนที่ขมวดคิ้วรอลุ้นแล้วอยากจะหัวเราะ แต่ไม่ได้ ต้องเก๊กขรึมไว้ก่อน คิคิ

 

            “มึงรีบพูดเลยสัด ปล่อยให้กูลุ้นอยู่ได้” โอ้ย! ไอ้กันโหด แค่นี้ก็ต้องตบหัวกันด้วย ผมเบ้หน้าใส่มันอย่างหมั่นไส้

 

            “กูจะไม่เลือกมึงเพราะมึงทำร้ายร่างกายกูนี่แหละ” ผมแหวใส่มัน

 

            “โอ้ๆ กูแค่หยอกเล่นเฉยๆ” ตบหัวลูบหลังนะมึง ทีนี้มาทำเป็นลูบหัวกู จำไว้เลย สาดดดด

 

            ตึง!

 

            อยู่ๆ กิตก็ลุกขึ้นตบโต๊ะ ทำเอาผมสะดุ้งวาบ หันไปมองหน้ามันอย่างหวาดๆ สีหน้าเข้มขรึมเหมือนอารมณ์ไม่ดีของมันทำเอาผมเสียวไส้

 

            “ต่อให้คนที่แมชเลือกไม่ใช่ผม ผมก็ไม่มีวันปล่อยแมชแน่ ผมไม่ยอมเลิกกับนายหรอกนะ” สายตาที่จ้องเขม็งมามันช่างดุดันจนน่ากลัว ทำเอาผมก้าวถอยมาหนึ่งก้าว ไอ้กันหันไปมองหน้ามันนิ่ง ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วลุกขึ้นจับแขนผมลากออกไป

 

            “กลับเถอะ” มันว่า โดยไม่สนใจกิตเลยว่าจะโมโหขนาดไหน และมันก็คงจะโมโหมาก เพราะกิตวิ่งมากระชากแขนผมจนเซไปชนอกแกร่งของมันเต็มๆ

 

            “ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าจะไปก็ต้องไปกับกู ไม่ใช่มึง!” กิตประกาศกร้าว ก่อนจะผลักอกไอ้กันออก ผมเพิ่งจะเคยเห็นมันพูดคำหยาบนี่ละ กับผมมันไม่เคยพูดงี้เลย ยิ่งทำให้ผมกลัวมันยิ่งขึ้น เพราะเวลามันโกรธอารมณ์มันรุนแรงจนน่ากลัว

 

            “จะมากไปแล้วนะโว้ย!” ไอ้กันก็พอกัน ผลักอกไอ้กิตเต็มแรง ไม่เห็นใจผมที่ยังถูกมันจับแขนไว้อยู่บ้างเลย ทำเอาผมเซตามมันเกือบล้ม ถ้ากิตไม่จับตัวผมไว้ก่อนคงชนกับโต๊ะข้างๆ

 

            “โอ้ย! พวกมึงพอกันได้แล้ว! อายคนอื่นเค้าบ้าง จะมาทะเลาะอะไรกัน มึงเอาไปจ่ายเลยสัด!” ผมโวยวายขึ้นบ้าง ดีที่พวกมันหยุดทะเลาะแต่จ้องหน้าหาเรื่องกันแทน ผมหยิบใบจ่ายเงินยื่นให้ไอ้กันไปจ่าย ไอ้กันหัวเสียงสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบใบเสร็จในมือผมไปจ่ายเงินให้ ผมหันกลับมามองหน้ากิต

 

            “ปล่อย” ผมบอก มันมองหน้าผมด้วยสายตาเว้าวอนแต่ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี

 

            “แมช... เจ็บไหม?” มันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าแขนผมข้างที่มันจับขึ้นเป็นรอยมือแดงปื้น

 

 

            “เจ็บดิ เล่นจับแรงขนาดนี้” ผมบ่น ก่อนจะลูบแขนตัวเองเบาๆ

 

            “ขอโทษ...” กิตเอ่ยขึ้นเบาๆ จากสายตามันที่ดูหงอยลงถนัดตา เหมือนเห็นมันหูตกเหมือนหมาโดนเจ้าของด่าเลยครับ

 

            “ไปกินพิซซ่ากันเหอะ นายยังไม่ได้เลี้ยงเราคืนเลย” ผมว่าก่อนจะเดินนำออกมา ไปสมทบกับไอ้กันที่ยืนรออยู่หน้าร้าน ตอนนี้ผมยังไม่อยากบอกอะไรพวกมันเลย เพราะยังถอนทุนไม่คุ้ม หึหึ

 

            “กินอีกละ ท้องมึงทำด้วยอะไรวะ?” ทันทีที่บอกไอ้กันมันก็ว่าผมเลย เชอะ

 

            “ไม่ต้องไปก็ได้นะ กูไปกับกิตสองคนก็ได้”

 

            “เรื่องสิ จะไปก็ไป แม่ง เสียเวลาว่ะ” มันว่าแต่ก็เดินนำพวกผมไปยังร้านพิซซ่าใกล้ๆ

 

           

            พอถึงร้านผมก็สั่งอย่างที่อยากกินทันที สั่งเผื่อพวกมันด้วย

 

            “สั่งเยอะแบบนี้จะกินหมดเหรอแมช?” เป็นกิตที่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่แค่นี้แมชซะอย่างสบายมาก วะฮะฮ่า ผมพยักหน้าแล้วยกคิ้วให้มันว่าแค่นี้จิ๊บๆ

 

            “สั่งเผื่อพวกมึงด้วยไง” ผมว่ายิ้มๆ

 

            “ก็ดี หิวพอดี” ไอ้กันตอบ

 

            ไม่นานอาหารก็มา และผมก็สวาปามเข้าไปเต็มปาก อาหารเต็มโต๊ะก็พลันหายเกลี้ยงไม่ถึง 20 นาที เพราะพวกมันสองคนก็กินกับผมด้วยครับ พอท้องอิ่มก็ต้องย่อย ผมให้กิตจ่ายเงินตามสัญญา และมันก็ไม่อิดออดที่จะยอมเลี้ยงผม เพราะมันมีความผิดติดตัวทำให้ต้องโดนแม่ดุและใช้งานอย่างไม่เป็นธรรม

 

            “อิ่มแล้วก็ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันหน่อยมะ?” ผมชวน ไอ้กันทำหน้าเหม็นเบื่อมาก ส่วนกิตแค่พยักหน้าให้ยิ้มๆ ดีมากๆ

 

            ผมพาพวกมันมาสวนสาธารณะใกล้บ้าน แม้จะมืดแล้วแต่แสงไฟก็สว่างพอไม่ให้สวนสาธารณะเล็กๆ นี้ดูเปลี่ยวเกินไป ผมเลือกนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ตัวหนึ่ง โดยจงใจเว้นที่ข้างๆ ให้พวกมันนั่ง

 

            “พามานี่เพราะจะเคลียเรื่องที่พูดค้างไว้หรือไง?” กิตพูดขึ้น สีหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ผมครางอือตอบ อยากจะเคลียให้จบๆ เพราะผมน่ะรู้ใจตัวเองแล้ว ไม่อยากให้เจ็บนาน ผมรู้คนที่ไม่ถูกเลือกยังไงก็ต้องเจ็บอยู่ดี

 

            “ผมบอกแล้วไง ต่อให้แมชไม่เลือกผม ผมก็ไม่เลือกอยู่ดี” กิตย้ำเตือนอีกรอบ แต่ผมก็หาได้สนใจไม่ ถึงจะกลัวมันอยู่ๆ ก็เหอะ คนแบบผมไม่ชอบค้างคานานๆ ไม่อยากดราม่าเหมือนในการ์ตูนหรอกนะ เพราะงั้นมาจบเรื่องนี้กันเถอะ

 

            “กิต... ให้เราพูดเถอะ เราไม่อยากเก็บมันไว้ในใจอีกแล้ว” ผมเอ่ยด้วยเสียงเว้าวอน พร้อมช้อนตาเหลือบมองให้แลดูน่าสงสารที่สุดไว้ แอบเห็นไอ้กันเบ้ปากใส่ มันรู้สันดานผมดี ว่าเวลาผมอยากได้อะไรก็ต้องอ้อน เรื่องลูกอ้อนนี่เก่งนักล่ะผม

 

            กิตมองผมอย่างอึ้งๆ ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างมึนๆ หึหึ เป็นยังไงล่ะ เจอแมชโหมดขี้อ้อนหน่อยเป็นไง

 

            “สรุปมึงจะเลือกใครว่ามาตรงๆ เลยดีกว่า” ไอ้กันพูดขึ้นบ้าง ผมพยักหน้าให้มันทีนึง ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ

 

            “วันนี้ตอนเย็นกูไปหาพี่นาถ ปรึกษาเรื่องพวกมึงกับพี่เค้า” ผมเริ่มพูด แอบมองปฏิกิริยาพวกมัน แต่เห็นว่าพวกมันฟังนิ่งๆ ก็พูดต่อ “...พี่นาถบอกให้กูถามใจตัวเองดู แล้วกูก็ได้คำตอบนั้น คนที่กูอยากอยู่ด้วย หากขาดคนนั้นไปกูคงทรมาน พอนึกว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ตรงนี้กูก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที” ผมชี้ที่หน้าอกฝั่งซ้าย ตรงจุดที่หัวใจของผมกำลังเต้นตึกตักอยู่ และยิ่งเต้นแรงขึ้นเมื่อมองคนคนนั้น สายตาที่สั่นระริกมองจ้องมาทำให้ผมหายใจติดขัด

 

            “กูเลือกมึงนะ... ไอ้กัน” ผมพูดแล้วยิ้มให้มัน ไอ้กันทำหน้าเหวอ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มกว้าง แล้วกระโดดเข้ามากอดผมทันที ผมรับผลักมันออกก่อนจะหันไปหากิต

 

            สายตากิตดูเศร้าลงจับใจ ดวงตาว่างเปล่าที่มองมาที่ผม ทำให้ใจกระตุบวูบด้วยความสงสาร

 

            “เราขอโทษนะกิต... เราชอบนายนะ แต่มันไม่ใช่ความรัก... เรารักนายไม่ได้จริงๆ” ผมเอ่ยขึ้นช้าๆ ดวงตายังจับจ้องหน้ากิตอยู่ตลอดเวลา

 

            กิตหลับตานิ่งแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะลืมตาจ้องผมแข็งกร้าว ทำเอาต้องสะดุ้งคว้าแขนไอ้กันไว้ทันที กิตหันไปมองไอ้กันต่อ

 

            “กูแพ้มึงแล้ว มึงชนะ” กิตว่า เขาล้วงมือในกระเป๋าแล้วหันหลังเดินจากไปทันที ผมหันไปมองหน้าไอ้กัน เห็นมันแสยะยิมน่ากลัว

 

            “หึ” มันแค่แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะหันมามองหน้าผมตรงๆ

 

            “กูรักมึงว่ะ” มันพูดแล้วกอดคอผมแน่น จนแทบหายใจไม่ออก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม

 

            “กูก็...ก..ก็...ระ....” โอ้ยยย กระดากปากแท้หนอ ผมพูดออกมาไม่ได้ มันเขินแปลกๆ

 

            “ฮะฮะฮ่า หน้าแดงแล้วมึง เป็นอย่างที่มึงเป็นนี่ก็พอ ไม่ต้องฝืนพูดหรอก กูรอได้” มันว่ายิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างที่มันชอบทำเสมอ ทำไมผมถึงได้รู้สึกตัวช้านัก ว่ามือมันช่างอ่อนโยนและอบอุ่นมาก ผมรู้สึกดีในใจ ถึงแม้มันจะชอบแกล้ง ใช้กำลัง ชอบบังคับ แต่ผมก็ชอบมัน สงสัยผมจะเป็นมาโซซะล่ะมั้ง

 

            “มึงชอบกูตั้งแต่ตอนไหนวะ?” เมื่อเรานั่งเล่นกันสักพักผมก็หันไปถามมัน

 

            “ไม่รู้ว่ะ คงตั้งแต่อนุบาลมั้ง?” คำตอบของมันทำเอาผมอึ้งไปเลยครับ ตั้งแต่อนุบาล โห มึง.. เป้นเด็กเป็นเล็กริอาจมีความรัก

 

            “ไม่ต้องมองกูแบบนั้นเลย” มันว่าแล้วผลักหัวผมแรงๆ ย้ำว่า แรงๆ ทำเอาเกือบตกเก้าอี้ ไอ้สาดดดด มึงจะโหดไปไหนเนี่ย!!??

 

            “แม่ง! อะไรๆ ก็ทำร้ายร่างกายกูนะ”

 

            “หึหึ กูเขินหรอก” มันว่าเร็วๆ แล้วหันไปอีกทางทันที ผมอึ้งก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองหน้ามันชัดๆ มันหน้าแดงครับ!!! เฮ้ย! นี่มึงอายกูจริงเหรอเนี่ย อายแล้วทำร้ายร่างกายกูงี้เหรอวะ

 

            “นี่ถ้ากูทำมึงอาย กูไม่ช้ำในก่อนเหรอวะ?” ผมแซวมัน ยิ้มขำๆ กับท่าทางเขินอายของมัน คบมันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่ามันมีมุมน่ารักแบบนี้กับเค้าด้วย

 

            “หึหึ ไอ้โง่” มันว่าผม ทำเอาผมเบ้ปากใส่ แล้วมันก็จับปากผมบีบอย่างหมั่นเขี้ยวทันที

 

            “โอ้ยยย อ่อยอูอ๊าาา” ผมร้อง เจ็บที่โดนมันแกล้ง นี่กูแซวมึงนิดเดียว ต้องทำร้ายกูขนาดนี้เลย พูด!

 

            “กูรักมึงว่ะ”​ มันว่าแล้วก้มหน้าลงมาฉกชิงริมฝีปากผมโดยไว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมยิ้มๆ บอกเลยว่าที่มันทำ ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรงรัวอย่างกับกลอง หน้าผมต้องแดงแปล๊บแน่ๆ รู้สึกร้อนๆ ที่แก้มอย่างชัดเจน

 

            “ทีงี้ละไม่อายนะมึง” ผมว่ามันหลังจากทำใจได้ ผมก็อายเหมือนกัน เลยต้องว่ามันกลบเกลือนความอายบ้าง เอิ๊กๆ

 

            “เป็นแฟนกันนะครับแมช” อยู่ๆ มันก็ทำให้ผมอึ้งอีกรอบ เพราะมันเล่นกุมมือผมไว้หลวมๆ แล้วจ้องตาผมเป็นมัน ก่อนจะเอ่ยขอขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แววตาแวววาว คำพูดสุภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเหมือนตัวเองระเบิดบึ้ม! ตัวลอยหัวใจเต้นถี่รัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ผมกำลังเขินมัน!! แถมเขินจนมันแซวว่าผมหน้าแดงแปล๊บอีกด้วย

 

            “ว่ายังไงครับ เป็นแฟนกูนะ” เอิ่ม กำลังเคลิ้มแล้วเชียว เสือกเรียกผมว่ากู จบเลย

 

            “หึ.. มึงนี่... เออ!” ผมหัวเราะแล้วตอบมันดังๆ เออ! กูรักมึงนะเว้ย เป็นแฟนกับมึงก็ดีเหมือนกัน ถึงจะพูดให้มันฟังตอนนี้ไม่ได้ แต่คิดว่าไม่นานเกินรอ กูคงพูดต่อหน้ามึงได้ว่ากูเองก็รักมึงเหมือนกัน

 

            รอยยิ้มของเราสองคนทำให้บรรยากาศรอบข้างกลายเป็นสีชมพูด มันจูบผมอีกครั้งและอีกครั้ง แต่ไม่ได้รุกล้ำให้ผมต้องกลัว มันอ่อนโยนมาก ผิดจากปกติ แต่ผมก็ชอบ... เวลามันอ่อนโยน มันทำให้หัวใจผมต้องทำงานหนัก และมันก็รู้ว่าผมจะเขินมันขนาดไหน

 

            ขนาดที่ผมต้องซบลงที่อกกว้างของมัน ยิ้มหัวเราะคิกอยู่คนเดียวอย่างที่มีความสุข

 

            รักกูนานๆ นะไอ้กัน

 

            กูก็จะรักมึงให้นานอย่างที่มึงมีให้กูแน่นอน...

 

 

 

 

 

 

 

ส่งท้าย บทของกิต

 

            หึ ในที่สุดผมก็แพ้มันจนได้ ถึงผมจะบอกว่าไม่ยอมเลิกแน่นอน แต่พอได้เห็นแววตาที่มั่นคงของแมช เขาไม่ได้รักผมจริงๆ แค่นี้ผมก็ไม่อยากจะฝืนรั้งเขาต่อแล้ว ต่อให้ไม่อยากเลิก แต่คงต้องทำใจ คงจะมีสักวันที่ผมจะมองแมชเป็นเพื่อนได้ ไม่ใช่คนที่ผมรัก

 

            รู้สึกเจ็บใจจริงๆ เลย สำหรับผมแมชเป็นรักแรกพบ และเป็นรักแรกของผม มึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่อยากจะปล่อยมือจากเขา แต่คงจะอย่างเค้าว่า “รักครั้งแรกมักจะไม่สมหวัง”

 

            เฮ้อ... มันเจ็บจริงๆ ครับ ที่ต้องพ่ายแพ้หมดท่าอย่างนี้ ผมอยากจะฉุกรั้งเค้าไว้ให้อยู่ข้างกายผมคนเดียว ไม่อยากปล่อยมือที่จับเค้าไว้เลย

 

            แต่ตอนนี้หัวใจผมมันไม่สู้ดี มันเจ็บทรมานเหลือเกิน

 

            ขอเวลาให้ผมหน่อยนะ

 

            เมื่อผมหายดี ผมจะกลับไปหาคุณอีกครั้ง

 

            รักแรกของผม.... แมช...

 

            บอกเลย ที่ว่าทำใจ แต่ผมไม่ยอมแพ้แน่นอน ไม่มีวัน!!!



======= จบตอน =======

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
จบอวสานยังคะนี่?

สงสารกิตก็สงสาร แต่ไม่อยากให้กันอกหัก

3p แม่มเลอะ

(เพ้อออ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
กันเป็นพระเอกแบบนอนมาแต่แรกแล้ว

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ chard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 o13  เลือกได้ดีแล้ว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
น้องกิตไม่ต้องเศร้าเดี๋ยวเจ๊อาสาดามใจให้น้องเอง :impress2:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ยังไงเราก็เชียร์กันถึงกิตจะน่าสงสาร แต่ไปหาคนใหม่เถอะหนู

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
กัน เถื่อน ๆ แมน ๆ ได้ใจมาก  :mew1:

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอนลุคแบบดันอะ ดูbadดี 555

ออฟไลน์ lazyishappy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ว่าแล้วว่ากันคือพระเอก :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คือออ มันจบแล้วใช่ม่ะ?? :m28: :m28:

ออฟไลน์ Wtftt

  • โอกาสก็เหมือนไอติมถ้าไม่กินมันก็ละลาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กิตมาซบอกเจ้5555555
เชียร์แมชกัน 555555555 พ่อคนมาดแมนนนนนนนน
สนุกจ้า the eng แล้วป่าว

ออฟไลน์ rije

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
จบแล้วค่ะ (ขออภัยไม่ได้มาตอบเลย T^T) ไว้รอเรื่องใหม่น๊าคะ :-)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด