kagehana : ความรักของพี่เดฟน้องปันลงตัวไป(บ้าง)แล้ว ฝากลุ้นคู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อด้วยนะคะ อิอิ
-28-
เปิดเทอมใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
เช้าที่ต้องตื่นไปทำงานทุกวันคงไม่ใช่เช้าที่แสนดีนัก แต่เพราะข้ออ้างของการเปิดเทอมคือการได้ไปส่งไอ้เจ้าตัวกวนหน้ามุ่ยพร้อมกับได้แกล้งนิดๆหน่อยๆยามเช้าบนรถก็ทำให้ความรู้สึกน่าเบื่อจางลงไปเยอะ
“ทำหน้าดีๆหน่อยดิ่ปัน อย่างกับเมาขี้ตาอ่ะ” ชายหนุ่มลูกครึ่งทักคนรักที่ดูยังไม่ตื่นดี ปัณวิทย์นั่งคอเอนพับอยู่ตรงเบาะข้างคนขับด้วยใบหน้าบู้บี้
“ง่วง... มีไรปะ” คนตอบไม่แม้แต่จะหันมามองหรือสบตาชยางกูรเลยแม้แต่น้อย วันแรกของเปิดเทอมสำหรับเขานั้นไม่มีอะไรน่าสนใจนัก จะมีก็เพื่อนตัวยุ่งทั้งสองที่ไม่ได้เจอหน้าเท่านั้น
“สดชื่นหน่อย เปิดเทอมวันแรกมีอะไรให้ทำตั้งเยอะ” ถึงจะบ่นแต่คนขับก็เอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ
หลังจากทริปภูเก็ต ดูเหมือนพ่อของเขาจะดูอ่อนลงและเงียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พลภัทรไม่พูดถ้อยคำแรงๆกับใคร กระทั่งเขาขันอาสามาส่งปัณวิทย์ก็ไม่ขัดข้อง ทุกอย่างดูราบรื่นและสงบสุขจนอดนึกไม่ได้ว่าพลภัทรได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีแล้ว
“ให้้ไอ้สองตัวนั่นได้พูดสิว่าไปฮันนีมูน” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ขยับศีรษะหนีฝ่ามือใหญ่แต่อย่างใด
“ขับรถสองมือสิ”
“เก่ง ขับมือเดียวได้” ว่าแล้วคนพูดก็โน้มตัวไปขโมยหอมเอาดื้อๆ
“แล้วซายน์แข่งรอบจังหวัดยัง”
“กำลัง ต้องไปเชียร์มันด้วย เดี๋ยวน้อยใจหาว่าเห่อแฟน” ปัณวิทย์ผลักหน้าอีกฝ่ายกลับไปโดยไม่ออมแรงนัก
“รถชนแล้วจะขำ”
“ไม่เอาแล้วนะรถชนน่ะ ขี้เกียจร้องไห้หาเด็กแถวนี้อีก” ชยางกูรเปิดไฟเลี้ยวเข้าชิดขวา เตรียมตัวจะเข้าโรงเรียน
“ถึงแล้ว..มาเช้าไปป่ะเนี่ย”
“ไม่หรอก ไอ้ซายน์มีซ้อมแต่เช้า เดี๋ยวไปหามันที่โรงยิม” เขาหันตัวปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายไว้ รอให้รถจอดสนิท
“ตั้งใจเรียนนะ...อ้าว ไง อัสซี่” ชยางกูรมองเห็นเด็กหนุ่มหน้าตี๋แว้บๆเลยอดทักไม่ได้
“มาเช้าเหมือนกันนะเรา”
“มาเฝ้าแฟนครับพี่เด-!?” ...ชิบหายแล้วไอ้อัส
“เฮ้่ย มึงมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกกูวะ” ปัณวิทย์ที่ลงจากรถรีบเดินมากอดคอเพื่อนของตนไว้
“มีแฟนแล้วเลยมาเช้านี่เอง พี่ไปก่อนนะอัสซี่ ไปก่อนนะปัน” ชยางกูรขับรถถอยช้าๆก่อนจะเร่งเครื่องจากไป
“ไอ้อัส มึงอย่าเงียบ บอกกูมาเลย” มือคว้าคอเสื้อเพื่อนได้ก็ดึงให้หันมาสนใจ
“เฮ้ย เชี่ยปัน เจอกันวันแรกทำร้ายกูเลยนะ” หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มแหยพยายามเบี่ยงประเด็น
“ฮันนีมูนสนุกมั้ยมึง”
“ไม่ต้องเนียนไอ้ห่า ว่าไงมึง” ปัณวิทย์ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลุดไปง่ายๆ
“ก็...ไม่มีไรเว้ย กูพูดเล่น ยังไม่มีเว้ย” ตี๋หนุ่มตอบเสียงฉิวพลางหลบตา
“ตลกแดก หลบตากูเนี่ย ไม่มี ไอ้ตี๋เตี้ย มึงบอกกูดีๆเลย”
“กูบอกไม่มีก็ไม่มีสิวะ หล่อๆอย่างกูต้องเก็บไว้ให้สาวหลงอีกนาน กูมีแฟนเดี๋ยวสาวร้องไห้กันหมด” เด็กหนุ่มตาตี่ยิ้มกว้างพลางยักไหล่
“ไอ้ซายน์ซ้อมอยู่โรงยิม ไปหามันป่ะ”
“เออ เอาดิ มันต้องบอกกูแน่”
////////////////////////////////////
“เฮ้ยไอ้ซายน์ ไอ้ตี๋เตี้ยแม่งมีแฟนเมื่อไหร่วะ” ปัณวิทย์เดินเข้าโรงยิมไปเห็นเพื่อนซี้อีกคนก็ส่งเสียงถามทันที
ศิวะที่ถือลูกบอลค้างไว้หันไปมองเพื่อนตัวเตี้ย นัยน์ตาใต้กรอบแว่นถลึงใส่นิดหน่อย เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโยนลูกบอลลงตะกร้าเหล็ก
“ปัน...ไอ้..เอ่อ อัสครับ ตามมานี่มา” มือใหญ่ของนักกีฬาหนุ่มคว้ามือเพื่อนทั้งสองคนละข้างแล้วลากออกมานอกโรงยิม
“อะไรของพวกมึงวะ ทำไมต้องทำลับๆล่อๆ” กระต่ายป่าขมวดคิ้วกับท่าทีของศิวะ
“กูกับมัน” ปลายนิ้วชี้มาที่ตัวเองก่อนจะชี้ไปทางอาธิป “เป็นแฟนกันตอนนี้”
“มุขนี้ไม่ซื้อได้ปะวะ”
“เรื่องจริงว่ะ กูคบกับมันแล้ว” ศิวะแกล้งโอบไหล่แล้วขยี้หัวคนเตี้ยกว่าเบาๆ “คบตั้งแต่มึงไปฮันนีมูนกับพี่เดฟ”
“พวกมึงเอากันเองเหรอวะ ไอ้อัส มึงเลิกชอบหญิงแล้วเหรอวะ นมอะ”
“เหี้ย เพราะไอ้ศิวะลึงค์เนี่ยล่ะ กูเปล่า” เขารีบปัดความผิดให้พ้นตัวโดยโยนไปให้เพื่อนตัวดี
“ห่า กูอยากได้มึงนักแหละ เรื่องมันอย่างงี้เว้ยปัน มึงจำน้องแพนได้ป่ะ” ศิวะถอนหายใจเฮือกเมื่อนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็ก
“เออ ที่มาชอบมึง ทำไมวะ” ปัณวิทย์กันอาธิปที่ดูจะคอยขัดคอออก
“ก็ไม่เลิกเว้ย กูก็ไม่อยากให้เด็กเสียใจเลยบอกไปว่ามีแฟนแล้ว ทีนี้ก็ไม่รู้เอาใครมาอ้างดี พอดีไอ้อัสซี่ตี๋น้อยมันว่างแถมไม่มีปัญญาหาแฟน กูเลยเอามันมาเป็นแฟนแก้ขัดไปก่อน แต่แม่งก็ให้กูเลี้ยงจนจะหมดตัวอยู่แล้ว”
“แล้วพวกมึงจะเลิกกันเมื่อไหร่” ปัณวิทย์ส่ายหัวกับวิธีแก้ปัญหาของเพื่อน
“ถามไอ้เหี้ยนี่ดิวะ กูถามมันไม่เคยตอบกูซะ”
“กูไม่รู้ว่ะปัน จนกว่าไอ้เตี้ยนี่จะมีแฟนจริงๆมั้ง” ศิวะตอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าสักแต่จะใช้งานเพื่อน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขออยู่อย่างนี้ไปก่อน..ขี้เกียจจะยุ่งยากใจอีก
“มึงมีแฟนเมื่อไหร่บอกกูแล้วกัน เดี๋ยวกูเลิกให้” มือใหญ่แตะลงที่กลางหัวแล้วตบเบาๆเหมือนลูบหัวสุนัข
“ไอ้ห่า แม่งเอาแต่ได้ กำไรอยู่คนเดียว ชีวิตมึงสบาย สาวเห็นกูอยู่กะมึง ใครจะอยากได้กูวะ” อาธิปโยกศีรษะหนีฝ่ามือของเพื่อนรักอย่างไม่ไยดี
“เสือกเกิดมาไม่หล่อเท่ากูเอง ได้กูเป็นแฟนก็บุญแล้วเหอะ” ศิวะย้อนกลับไม่ไว้หน้า
“บุญเหี้ยไร บาปกู กรรมเวรกู” เขาผลักเพื่อนของตัวเองออกเต็มแรง
“บุญปากมึงไงไอ้เตี้ย แดกฟรีทั้งชาตินะเว้ยเป็นแฟนกูน่ะ”
อาธิปไม่อาจปฏิเสธได้ว่านั่นเป็นเรื่องจริง แต่ถึงอย่างนั้น ก็อยากจะเลิกการเป็นแฟนปลอมๆแบบนี้เสียที
“ก็กูไม่อยากแล้ว เหี้ย เดี๋ยวมึงหลงรักกูขึ้นมาจริงๆ”
“สำคัญตัวผิดแล้วมึง หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ....กูเอาไอ้ปันยังดีกว่า” ศิวะบุ้ยหน้าไปทางคนกลางก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
“เอาน่า จนกว่ามึงจะเจอคนที่รักจริงๆ ช่วยเป็นแฟนกูไปก่อนนะครับอัสซี่คนดี”
“............ เป็นแฟนไอ้ปันดิวะ จะได้สมจริง” พอเห็นปัณวิทย์ไม่ได้ตอบโต้กับสิ่งที่เพื่อนตัวแสบพูด อาธิปก็เสนอทางออกให้ตัวเองอีกครั้ง
“สัด แดกของกูฟรีไปเยอะห้ามเบี้ยว” เด็กหนุ่มมองลอดแว่นอย่างเป็นต่อแล้วคว้าคอดึงตัวมาใกล้
“กูจะเอามึงนี่แหละ จบ ห้ามมีปัญหาไม่งั้นกูแช่งให้ซิงตลอดชีวิต”
///////////////////////
เปิดเทอมผ่านพ้นไปร่วมอาทิตย์ กิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนของอาธิปยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน นั่นก็คือการมาเฝ้า 'แฟนปลอมๆ' ของตัวเองซ้อมบาส
...ซวยเพื่อนตลอดจริงๆ...
...เมื่อไหร่จะมีใครมาสนกูมั่งวะ...
ร่างบอบบางในชุดนักเรียนที่ยืนจดจ้องอยู่นานค่อยๆเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ข้างสนามบาส เด็กสาวกระพริบตาครั้งหนึ่งก่อนจะยิ้มทักทายด้วยใบหน้าเขินอาย
“อัสซี่...ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยกล้าๆกลัวๆ
...โป๊ะเชะเลย!
...คิวกูแล้วแน่ๆครับ...
เด็กหนุ่มหน้าตี๋ยิ้มกว้างให้ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่สนใจหน้าที่ของตัวเอง
“ว่ายังไงครับ... มีอะไรให้อัสซี่ช่วยเหรอ”
...หรือจะมาแบบเดิมวะ...
...ชอบไอ้ซายน์...
...มาบอกกู...
“คือ...ชื่อมีนนะคะ.....” น้ำเสียงเล็กๆแทบจะหายไปในลำคอ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาอาธิปด้วยใบหน้าระเรื่อ
“ขอโทษนะคะ..มีนรู้ว่าไม่ดี...แต่ว่า....” นัยน์ตาสุกใสสบตาพลางหลบช้าๆ
“อัสซี่...มีแฟนหรือยังคะ”
...เฮ้ย!!!!!!!
...กูเหรอ...
“ยังไม่มีครับ มีน... ใช่ไหม อัสซี่โสดตลอดครับ มีเพื่อนหล่อหนักใจ”
“ถ้าอย่างงั้น...จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าเราจะเป็นเพื่อนกัน” มีน...มีนายิ้มหวาน มือเรียวส่งถุงคุกกี้ใบเตยที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้
“มีนทำมาฝากค่ะ...อยากรู้จักอัสซี่มานานแล้ว ขอโทษที่ไม่กล้าทักนะคะ”
อาธิปไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้กับการที่มีใครสักคนมาทำแบบนี้ด้วย แบบนี้จะได้ไปหัวเราะเยาะใส่ไอ้เพื่อนแสนดีที่ให้บังคับเป็นแฟนหลอกๆ
...กูก็มีคนสนเหมือนกันเว้ย...
“ไม่เป็นไรครับมีน นี่น่ากินมากเลย อัสซี่จะกินให้หมดเลยนะครับ”
“ถ้าวันหลัง...มีนทำมาให้อีก...ได้ไหมคะ” มีนาก้มหน้างุดทันทีที่หลุดปากออกไป
“ได้ครับ ยินดีกินเลย คุกกี้จากคนน่ารัก ชอบครับ” อาธิปยิ้มกว้างส่งให้ดวงตาโค้งจนแทบจะเป็นเส้นเดียว
นักกีฬาหนุ่มที่แอบมองอยู่นานพอเห็นรอยยิ้มกว้างหวานเลี่ยนของเพื่อนที่ยืนอยู่กับสาวน้อยก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ศิวะเดินเข้ามาหาก่อนจะยิ้มทักทั้งคู่
“ทำไรครับอัฐ...แล้วนี่....” เด็กหนุ่มเว้นเสียงทำท่าสนใจ เขาลอบมองกิริยาเขินอายของคนตรงหน้าอีกครั้งพลางสรุปในใจ
...ชัวร์...
...พวกแผนสูงแหง...
“ชื่อมีน ทำคุกกี้มาให้ น่ารักไหม” อาธิปสงบปากสงบคำแม้จะอยากให้เพื่อนตัวดีออกไปพ้นๆ ก่อนที่ความสนใจของมีนาจะถูกเบนไปที่ไอ้รูปหล่อนักบาสข้างๆ
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...” เด็กสาวทักทายด้วยเสียงเบาๆ
“ซายน์ครับ แล้วมีนรู้จักกับอัฐมาก่อนเหรอ” แม้จะถามเด็กสาวแต่สายตากลับมองไปที่อาธิป
“ไม่รู้จักกันมาก่อนค่ะ แต่มีนมอง...เอ่อ...อยากรู้จัก..มานานแล้ว”
อาธิปยิ่งฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อเสียงอ่อน
“ตอนนี้้รู้จักกันแล้วนะครับ”
“ค่ะ...มีนไปก่อนนะคะ แล้วเจอกัน” มีนาโบกมือให้ก่อนจะวิ่งจากไป
ศิวะมองตามหลัง เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เขาไม่เคยเห็น...เขาเคยเห็นเธอคนนี้มองมาหลายครั้ง และแน่ใจด้วยว่าคนที่ถูกมองไม่ใช่ไอ้ตี๋เตี้ยที่ยืนยิ้มกริ่มมองถุงขนมน้ำลายหยดตรงนี้แน่
“สนใจเหรอวะ” กระแทกเสียงถามฉุนเฉียว แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องฉุน
“ทำไมกูจะไม่สนวะ สาวมาสนกู ต้องสนดิ” ไม่พูดเปล่า แต่อาธิปยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางเดินถือถุงคุกกี้ออกไปจากโรงยิม
“หมดหน้าที่กูแล้วนะ ตามสัญญา” เขาหันมาหาเพื่อนตัวดีที่เดินตามมา
“เขายังไม่ได้อะไรกะมึงเลย ยกเลิกห่าไรวะ” ศิวะดึงชายเสื้อนักเรียนรั้งเอาไว้
“มึงดูไปก่อน อย่าเพิ่งไปอะไรมาก...มีนเขาอาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิด”
“ไม่ใช่อย่างที่กูคิดอะไรวะ เอาคุกกี้มาให้กู บอกว่าอยากรู้จักกู ไม่ได้เอาแต่มองมึงเหมือนคนอื่นด้วย อย่าขัดสุขเพื่อนดิวะ” ตี๋ที่ยิ้มกว้างเมื่อครู่กลายเป็นตี๋อารมณ์เสียทันทีที่ถูกพูดแบบนั้น
“ระวังจะโดนหลอกเหอะ ยิ่งโง่ๆอยู่” ศิวะไม่กล้าบอกเรื่องมีนาเพราะส่วนหนึ่งยังไม่แน่ใจเท่าไหร่...เขาไม่อยากจะตัดสินใจอะไรไปเอง เพียงแต่ยังอดห่วงไอ้เตี้ยที่กำลังเคลิ้มอยู่นี่ไม่ได้
“กูบอกดูไปก่อนก็ดูไปก่อน ไม่เคยมีแฟนอย่าเสือกรู้ดีเข้าใจ๊”
“ทำไมวะ กูไม่ได้เสือกรู้ดี มึงเป็นเพื่อนกูมึงมีหน้าที่สนับสนุนกูสิวะ” เขาปัดมือที่ยังจับชายเสื้อเอาไว้ออก
...จะให้กูสนับสนุนกับคนที่ท่าทางจะหลอกมึงเหรอวะ ถึงจะคิดอย่างงั้นแต่ศิวะก็ไม่ได้พูดออกมา
“กูไม่สนับสนุนมึงจะทำไม “
“งั้นกูก็ไม่สนับสนุนให้มึงเป็นแฟนกูหลอกๆเหมือนกัน แทนที่จะกล้าไปบอกน้องเขาตรงๆ แมนเหี้ยๆ” อาธิปไม่คิดว่าตัวเองจะพูดแบบนี้ใส่อีกฝ่ายได้ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองกำลังโมโหกับเพื่อนที่ไม่ให้ความร่วมมือคนนี้
...ทั้งๆที่กูยังช่วยมึง...
“มึงไม่ใช่กูมึงไม่เข้าใจหรอก” ตอบด้วยความโมโหไปก็อดนึกไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ยอมเลิกเป็นแฟนหลอกๆเสียที...ทั้งที่พชรก็ดูจะไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว
“กูเตือนมึงในฐานะเพื่อน มึงไม่เคยมีแฟนพอมีสาวมาดีเข้าหน่อยมึงก็ดีใจหางตั้ง มึงต้องเผื่อใจไว้บ้างว่าอะไรๆอาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิด ส่วนเรื่องน้องแพนมันไม่เกี่ยวกันเว้ย มึงรับปากกูแล้วต้องช่วยกู”
“เออ งั้นวันนี้เป็นวันแฟนทะเลาะกัน กูกลับบ้านแล้ว ไม่ต้องง้อ ไม่ต้องตาม” พูดจบอาธิปก็หันเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่
“กูไม่ง้อมึงหรอก ไอ้เตี้ย” ศิวะพูดพึมพำไล่หลังในลำคอ แววตาภายใต้กรอบแว่นมองตามไปช้าๆจนลับสายตา
...แม่งเอ๊ย...
...ไม่ห่วงไม่พูดหรอกนะเว้ย...
“พวกพี่ทะเลาะกันเหรอ” พชรที่ยืนมองอยู่ไกลๆเดินเข้ามาหา ตอนแรกได้ยินจากคนอื่นๆในทีมว่าอาธิปกับศิวะทะเลาะกัน แม้จะอยากรู้ว่าเรื่องอะไร แต่เขาก็ข่มใจตัวเองไม่เดินออกมา รอจนอาธิปเป็นฝ่ายจากไป ถึงได้ตัดสินใจเข้ามาถาม
...เชี่ยแล้วไง...
เด็กหนุ่มนักกีฬาหันไปหาผู้จัดการทีม ศิวะยิ้มจางๆให้น้องเล็กก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นิดหน่อยน่ะ...อัฐมันงี่เง่า”
“ไม่ได้ทะเลาะกันเพราะแพนใช่ไหม” ใบหน้าหวานมีร่องรอยแห่งความกังวลฉายอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“เปล่าหรอกแพน” ศิวะวางมือบนศีรษะทุยแล้วขยี้เบาๆ
“ก็แพนเข้าใจพี่แล้วนี่ ใช่มั้ย”
“... แพน ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจก่อนหน้านี้... แต่ว่าพี่ซายน์อย่าเพิ่งบอกใครได้ไหม... ว่าแพนจะคบกับพี่กอล์ฟ รู้แบบนี้แล้ว พี่ซายน์จะได้ไม่ต้องห่วง... นะ”
ข้อความที่ออกจากปากพชรทำเอาอึ้งไปพักใหญ่ ในหัวคิดแต่เรื่องของอีกคนที่เพิ่งจากไป เพราะถ้าพชรมีแฟนแล้ว...ข้ออ้างในการเป็นแฟนของเขากับมันก็คงต้องหยุดเสียที
...นั่นสิ ควรพอได้แล้ว...
“แพนชอบพี่กอล์ฟแล้วเหรอ ดีจังนะ” เขาลูบศีรษะเล็กๆอีกครั้งแล้วละมือออก “มีความสุขมากๆนะ”
“... ตอนนี้แพนยังไม่ได้ชอบพี่กอล์ฟเหมือนที่ชอบพี่หรอก แต่ในอนาคต แพนก็จะชอบพี่เขา แล้วก็จะมีความสุข... ล่ะ” พชรยิ้มให้อีกฝ่ายหลังจากพูดจบ
“พี่ซายน์ก็... ไปง้อพี่อัสซี่ด้วยนะ...”
“ไม่ค่อยอยากง้อมันว่ะแพน แม่งงี่เง่า”
“ก็พวกพี่รักกันไม่ใช่เหรอ... ทะเลาะกันก็ต้องยอมกันหน่อยสิ... นะ” แม้จะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ที่ต้องพูดออกไป แต่พชรก็เชื่อว่าเขาจะต้องมีความสุขได้แน่นอน เพราะอย่างนั้น ก็อยากจะให้ศิวะ ยิ้มมากกว่าจะทำหน้าแบบนี้
“ปกติแพนเห็นพี่ออกจะแฮปปี้... ถ้าพี่ทำหน้าแบบนี้ ตามไปง้อไม่ดีกว่าเหรอ”
ทำหน้าแบบนี้...มันแบบไหนวะ
“แพนเห็นว่าพี่กับอัฐแฮปปี้เหรอ...ทำไมล่ะ” เขาลองเสี่ยงถามดูอีกครั้ง...อยากจะรู้ว่าความรู้สึกจริงๆของตัวเองคืออะไร
“ก็ปกติ พี่ซายน์ใจดีกับทุกคนใช่ไหม แต่ก็เห็นว่ากับพี่อัสซี่ พี่ดู... เป็นธรรมชาติน่ะ”
ก็เพราะคบเป็นเพื่อนกันมาต่างหากล่ะ...
หากแต่พอจะอ้าปากตอบไปอย่างงั้น ในหัวก็แวบนึกขึ้นไปถึงคำยืนยันว่ารักจากปากไอ้เตี้ยเพื่อนสนิท ไม่รู้ว่าทำไมพอฟังอย่างงั้นแล้วหัวใจมันแกว่งพิกล
อาธิปไม่เหมือนปัณวิทย์ ถึงจะสนิทเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือน...
“ก็เริ่มมาจากการเป็นเพื่อนมั้งแพน พี่ก็ยัง...พี่...ไม่รู้ดิ” พอหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ก็เหมือนหัวสมองจะประมวลผลช้าลงไปอีก
...แม่งเอ๊ย อะไรนักวะกู...
“ก็ง้อก่อน พี่อัสซี่เดี๋ยวก็หาย... ไม่ใช่เหรอ” พชรยิ้มให้ เพราะอยากจะเป็นกำลังใจให้กับรุ่นพี่ที่รักมาก
“ถ้าเลิกกัน เดี๋ยวผม ตัดใจไม่ได้นะ”
“อ้าว งี่พี่ก็ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตอ่ะดิ่” ศิวะนึกเอ็นดูผู้จัดการตัวเล็กเลยเขย่าหัวเบาๆแทน
“อย่าชอบพี่เลย เนอะ...พี่กอล์ฟดีกว่าพี่เยอะ”
“......” แม้เจ้าตัวจะเป็นคนพูด แต่เขาก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี
“... ดีกันเร็วๆนะ....” พชรพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังให้ แล้วเดินหนีออกไป ซ่อนใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มพลางก้าวให้เร็วขึ้น
...แพนอยากให้พี่มีความสุข...
...เพราะงั้นพี่ต้องมีความสุข...
...ไม่งั้น แพนก็จะเลิกรักพี่ไม่ได้...
To Be Continued.....