......
.....
....
...
..
.
รถ BMW สีดำเลื่อนเข้ามาจอดในที่จอดภายใต้ตึกสำนักงานสูงตะหง่าน...
ชายสองคนเดินออกมาจากรถ และเดินเข้าไปในตึกพร้อมกัน....พวกเขาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตึกเพื่อทานอาหารเช้าและจิบกาแฟก่อนเริ่มทำงาน
......
.....
....
...
..
.
“อ้าว------- ปิด!” นายมะยมชะงักเท้าทันทีที่เดินขึ้นมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย
“แล้วคุณจะไปกินไหนล่ะครับ?” นายภักดีถาม
“...เบื่อโจ๊กแล้วอ่ะ เอาไรดีน๊า” นายมะยมพูดพลางเดินกลับลงมา...โดยมีอีกคนเดิมตามหลังมาติดๆ กัน
“ไปซอยนั้นกันไหมครับ ผมจะได้ซื้อกาแฟด้วย” นายภักดีเสนอ
“อ๊ะ! ใช่เลย” นายมะยมหันหน้ามาฉีกยิ้มกว้าง
แล้วชายหนุ่มสองคนก็เดินออกไปจากตึกทางด้านหน้า...จากนั้นก็เดินไปทางซ้าย เพื่อไปหาข้าวเช้ากินในซอยที่ว่า...
......
.....
....
...
..
.
ร้านข้าวราดแกงในซอยเป็นเป้าหมายของชายหนุ่มสองคน...
นายมะยมรับออเดอร์จากอีกฝ่ายและเดินไปเข้าไปสั่งข้าวราดแกงสองจานมาเตรียมรอ..อีกคนซึ่งเดินไปซื้อกาแฟมาให้
ระหว่างที่นายมะยมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้น แขกที่ไม่ได้รับเชิญเดินลงมานั่งที่โต๊ะของเขา
“คุณภักไปไหนครับพี่” นายป๋องถาม
“ไปซื้อกาแฟ เดี๋ยวก็มา มีไรป่าวครับ?” นายมะยมสังเกตุเห็นสีหน้าอิดโรยจากรุ่นน้องร่วมที่ทำงาน
“พี่วาฝากมาบอกน่ะพี่ ว่าของดขนมไปก่อนระยะหนึ่ง” นายป๋องพูดหน้าเครียดไม่ร่าเริงเหมือนปกติ
“เออ วันนี้ร้านก็ปิด มีรึเปล่าครับ?” นายมะยมพับหนังสือพิมพ์ไปวางที่โต๊ะด้านหลัง
“พอดีมีงานศพน่ะพี่ เลยปิดร้านไปช่วยงานกัน” นายป๋องบอก
“เฮ้ย! ใครเป็นไร?” นายมะยมหน้าเสีย
“แฟนพี่ชายพี่วาเค้าเสียน่ะพี่...อันที่จริงก็แฟนเก่า แต่ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่” นายป๋องบอก...คำพูดนั้นชวนให้งุนงงพิกล
“พี่งงครับ ตกลงแฟนหรือแฟนเก่า?” นายมะยมถามย้ำ
“แฟนเก่าของพี่วีเค้าน่ะพี่ แต่เลิกกันแล้วพี่ๆ เค้าก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังแชร์ห้องพักด้วยกันอยู่ นี่ก่อนเสียเพิ่งเลิกกันได้สามเดือนเองอ่ะ” นายป๋องบอกเล่า
“คุยอะไรกันครับ?” นายภักดีนั่งลงที่เก้าอี้ของตนเองและยื่นกาแฟร้อนแก้วนึงไปให้นายมะยม
“คุณภัก สวัดดีครับ” นายป๋องทักทาย
“ครับ” นายภักดีพยักหน้ารับรู้ พลางยกช้อนส้อมขึ้นมาเตรียมตักข้าว
“พี่ คุณวาเค้าบอกหยุดขนมชั่วคราวนะพี่ เค้าต้องไปช่วยงานศพน่ะครับ” นายมะยมบอกกับนายภักดี
“งานใครครับ” นายภักดีขมวดหัวคิ้ว
“แฟนเก่าของพี่ชายคุณวาน่ะครับพี่” นายมะยมบอกนายภักดี แล้วหันหน้าไปถามนายป๋อง “แล้วเค้า...อะไรยังไงล่ะครับ?” นายมะยมนึกอยากรู้ขึ้นมา
“ก็....เศร้าโคตรเลยพี่มะยม แฟนเก่าพี่วีอ่ะ เค้าเจออุบัติเหตุทางรถอ่ะ แล้วพอเกิดเหตุ โรงพยาบาลเค้าก็โทรมาเบอร์ที่แฟนเก่าพี่วีเค้าเมมไว้ว่า ‘ฉุกเฉิน’ พี่วีรับสายแล้วก็รีบไป หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วนให้เซ็นต์ยินยอมก่อน เพราะความเสี่ยงมันสูง แต่พี่วีเค้าก็เซ็นต์ให้ไม่ได้” นายป๋องบอกเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“แล้วได้โทรหาทางบ้านเค้าไหมล่ะครับ” นายภักดีเอ่ยถาม
“เนี่ยล่ะที่เศร้า...ทางบ้านนั้นเค้านับถือคริสต์แบบเคร่งครัด พ่อของแฟนเก่าพี่วีเลยเค้าตัดพ่อตัดลูกกันเพราะพี่เค้าเป็นเกย์ เลยไม่มีเบอร์โทรของทางพ่อแม่พี่เค้า พี่วีก็บอกนะว่าเป็นเพื่อนสนิทแล้วก็เป็นแฟนกันด้วย แล้วก็บอกความจริงเรื่องทางบ้านตัดขาดกันแล้วกับทางโรงพยาบาล... แต่มันก็นะ ถ้าความเสี่ยงไม่สูงมากขนาดนั้น ทางนั้นเค้าคงไม่เคร่งปานนี้” นายป๋องบอก
“แล้ว...” นายมะยมหน้าเสียความการคิดล่วงหน้าในหัวของตัวเอง
“พี่วีไล่โทรหาเพื่อนของแฟนเก่าเค้าทั้งคืน กว่าจะได้เบอร์แม่แฟนเก่าพี่เค้ามา...แต่ตอนที่พี่วีไปรับแม่พี่เค้ามาโรงพยาบาล มันก็....ไม่ทันแล้วอ่ะพี่" นายป๋องบอกด้วยน้ำตาเริ่มคลอเบ้า "... ไม่ใช่ว่าเพราะพี่วีช้าเกินไป... อันที่จริงหมอเค้าผ่าตัดให้ ตั้งแต่ตอนที่พี่วีไล่โทรหาเบอร์แม่ของแฟนเก่าพี่เค้าแล้ว หากแม่มาก็คงให้แม่เซ็นส์รับทราบหลังผ่าเฉยๆ ...พี่เค้าเจ็บหนักมาก หากรอดก็ถือว่าโชคช่วยสุดๆ... คนตายไม่เท่าไหร่ แต่คนเป็นนี่สิพี่มะยม....พี่วีเค้าโทษตัวเองไม่หยุดเลยอ่ะ พี่วาเห้นแล้วใจเสียมากกลัวว่าพี่วีจะ....”
......
.....
....
...
..
.