SP.วาเลนไทน์(ไม่)เดียวดายธีรนัย‘.....มีเคสอุบัติเหตุหมู่มา คนไข้หนักทั้งนั้นเลย พี่ต้องอยู่ช่วยที่นี่ ธีไม่โกรธพี่นะครับที่กลับไปฉลองวาเลนไทน์ด้วยไม่ได้....ที่รัก พี่ขอโทษ....เฮียภีมรักตี๋น้อยนะ.....’
ไหนใครว่าความรักชนะทุกสิ่ง ผมขอเถียงทีเถอะว่าไม่จริง!? คุณๆฟังสิครับไหนว่ารักผมนักรักผมหนา แต่สุดท้ายผมก็ตกเป็นรองเรื่องงานของคนที่รักผมอยู่ดี และความรักก็ไม่เคยเอาชนะความรับผิดชอบของผู้อำนวยการใหญ่อย่างเฮียภีมได้เลย ผมจะไม่งอแงงี่เง่าเลยนะ ถ้าวันนี้จะไม่ใช่วันแห่งความรักที่คนมีแฟนทั่วโลกเค้าได้ฉลองร่วมกันน่ะ ปีหนึ่งก็มีแค่วันนี้วันเดียวซะด้วย แถมแผนดินเนอร์สวีทหวานที่ผมเตรียมไว้ร่วมอาทิตย์ก็ต้องพังไม่เป็นท่า เพราะคนสำคัญของงานอีกคนไม่ว่าง ทิ้งผมให้ตื่นเต้นเก้ออยู่คนเดียวท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้และเทียนหอม ซึ่งผมก็ได้แต่บ่นให้คุณๆฟังล่ะครับ เพราะความเป็นจริงคือ ผมก็แค่รับคำสุดที่รักด้วยความเข้าใจ ก่อนวางสายไปด้วยเสียงร่าเริงให้เฮียภีมทำงานได้อย่างสบายใจ และรับรู้ว่าคนทางนี้ก็คือผมนั้นไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงผมโคตรนอยด์เหอะ
เอ๋!? หรือผมจะชวนไอ้พวกเพื่อนสนิทไปเที่ยวดีครับ ไหนๆที่รักก็ไม่ว่างอยู่กับเพื่อนในวันวาเลนไทน์ก็ท่าจะดีไม่น้อย ผมจะโทรหาใครดีน้า อ้อ! รู้แล้วครับ ต้องไอ้นี่เลย.....
“ว่าไงมึง มีไรโทรหากู...[ไอ้วิน! ไปเที่ยวกัน]...ไอ้ธี! วันนี้วันอะไร...[มึงถามแปลกๆ ก็วันพฤหัสดิ เร็ววินไปเที่ยวกับกู]...ธีถ้ามึงอยู่ใกล้ๆนะ กูจะเตะสักป้าบ วันนี้ใครเค้าอยู่กับเพื่อนวะ กัสรอกูอยู่ที่บ้าน นี่กูก็กำลังรีบอยู่ กูจะกลับไปกินข้าวฝีมือเมีย มึงโทรมาแกล้งกูเล่นใช่มั้ย แต่กูไม่ว่างเล่นกับมึงนะโว้ย แค่นี้นะ....ตู๊ดดดด”
ไรวะครับ ฟังไอ้วินมันพูดสิ ไม่เว้นจังหวะให้เพื่อนอย่างผมได้แก้ตัวเลย แค่ผมทำมึนไม่รู้ว่าวันนี้คือวันสำคัญอะไรแค่เนี้ย มันดันหาเรื่องว่าผมแกล้งมันซะงั้น และของขึ้นใส่ผมไม่ยั้งเลย สงสัยไอ้วินจดจ่อกับการกลับไปฉลองวาเลนไทน์กับหมอกัสมากไปหน่อย จนไม่คิดจะสนใจเพื่อนที่กำลังทุกข์ระทมอย่างผมสักนิด น่าน้อยใจชะมัด เหอะ!
“ใช่ซี้ๆๆ กูไม่มีเมียคอยเอาใจอย่างมึงนี่ แถมได้ผัวเป็นหมอบ้างานอีก....กูไม่ง้อมึงก็ได้ ไอ้เชี่ยวิน!....อ่า ไอ้ฟินมึงคือความหวังของกู” ผมถือสายรอไอ้เพื่อนเลิฟเบอร์สองให้รับสาย และรออยู่นานจนเกือบจะถอดใจเชียวล่ะ แต่ก่อนผมจะกดวางนั้นปลายทางก็กดรับจนได้
“....ไอ้ฟินไป ทะ....[ซี้ดดด! ไงมึง]....มะ มึงว่างมั้ย ไปเที่ยวกันป่ะ....[อ่าๆๆ กะ กูไม่ว่าง...ที่รัก เบาๆครับ...ฉลองวาเลนไทน์กับเมียอยู่ แค่นี้นะ...ซี้ดดด]....เชี่ยยยยย!” ผมจนด้วยคำพูดกับไอ้เพื่อนเลว แม่งไอ้ฟินมันจะรับโทรศัพท์ผมทำไมวะ ถ้าผมรู้ว่ามันไม่ว่างขนาดนี้ ผมไม่มีทางโทรหามันแน่ แค่ฟังเสียงซี้ดแรกของมัน ผมก็ผวาแล้วเหอะ
ไม่น่าเชื่อหมอมิคผู้น่ารักก็รุนแรงกับเค้าเป็นแฮะ ผมรีบปัดภาพเมียเพื่อนออกจากหัวทันทีที่เผลอจินตนาการถึง นี่ถ้าไอ้ฟินคนหวงเมียรู้เข้า ผมได้ตายคาตีนแม่งแน่ แต่ก็ต้องโทษมันล่ะครับ เสือกคิดพิสดารรับโทรศัพท์ผมขณะจึ๊กจึ๋ยกับเมียอยู่ วุ้ย! ผมมองรายชื่อเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เหลือ และลังเลว่าจะโทรหาใครดี เพราะยังผวากับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ แต่เมื่อนึกถึงคนหน้าสวยอย่างคุณแม่ลูกหนึ่งผู้เป็นคู่ซี้ นิ้วก็กดที่รายชื่อที่พิมพ์ว่า ‘มน’ ทันที ซึ่งผมก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อสัญญาณดังอยู่ไม่กี่ครั้งปลายสายก็กดรับแล้ว แต่กับเพื่อนคนนี้ผมไม่ได้กะชวนออกไปไหนหรอกครับ แค่ต้องการคุยด้วยให้หายคิดถึงเท่านั้น
“ว่าไงธี วาเลนไทน์นี้เฮียพาไปฉลองไหน....[มน! ธีคิดถึงจัง น้องมิ้นท์เป็นไงบ้าง คิดถึงอาธีบ้างมั้ย]....ฮึๆ ตลกล่ะ ลูกกูยังพูดไม่ได้ จะบอกว่าคิดถึงมึงได้ไง ตกลงโทรมาทำไม หรือวันนี้เฮียไม่ว่าง” จึ้กๆๆ ความจริงกระแทกอกมันจุกเจ็บ จนพูดไม่ออกเหมือนกันนะว่ามั้ย
ผมอุตส่าห์เลี่ยงไม่ตอบคำถามสาวมนแล้วนะเนี่ย ทำไมคนสวยยังคลำมาถูกทางได้หว่า แต่ผมไม่โทษมนหรอกครับที่พูดแทงใจผมขนาดนี้ ผมนิ่งเงียบไปนานและมนที่อยู่ปลายสายก็ไม่พูดอะไรออกมา แต่ผมก็รู้ว่าเพื่อนยังไม่ได้วางสาย เพราะได้ยินเสียงกุกกักและเสียงเดินไปมาของมนที่ปลายสาย จนได้ยินเสียงร้องอ้อแอ้ของหลานสาวนามว่า ‘มินทิรา’ ที่เป็นผลผลิตของเพื่อนกับเฮียติณห์นั่นแหละครับ สำนึกฝ่ายดีจึงถูกกระตุ้นด้วยรู้ว่าอาจจะเป็นการกวนคุณแม่มือใหม่ที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อนอยู่นั่นเอง
“ไม่มีอะไรๆ มนดูน้องมิ้นท์เถอะ เดี๋ยวธีโทรหาใหม่นะครับ” ผมที่ตัดบทเตรียมวาง ด้วยนึกเกรงใจครอบครัวเพื่อนก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงเข้มๆจากปลายสายดังขึ้น
“เดี๋ยว!...เฮียติณห์ดูมิ้นท์ก่อนนะ...ธี กูไม่รู้นะว่ามึงเป็นอะไร แต่ถ้าให้เดาก็ต้องไม่พ้นเรื่องเฮียภีม ใช่มั้ย!?...เงียบ! แสดงว่าใช่ อืม...ใจเย็นๆไว้ เฮียเค้ารักมึงและมึงก็รักเค้า มีอะไรก็ค่อยๆพูด คู่มึงอยู่ด้วยกันจนกูมีลูกแล้ว ฮึๆ วาเลนไทน์ไม่ได้มีแค่ปีเดียว แต่มึงต้องอยู่กับเฮียเค้าตลอดปีนี้ และคงอยู่ด้วยกันอีกหลายปีด้วย เป็นเมียหมอต้องอดทนสิว้า ฮึๆ ไม่ใช่เค้าเห็นงานดีกว่ามึงหรอก ก็แค่ความรับผิดชอบในฐานะหมอ กลับกัน ถ้าเฮียทิ้งคนไข้มาอยู่กับมึง แล้วมึงจะรู้สึกดีและมีความสุขได้จริงๆเหรอวะ....” นั่นสินะครับ ถ้าวันนี้เฮียภีมต้องทิ้งงานมาฉลองวาเลนไทน์กับผมตามสัญญา ผมจะมีความสุขได้อย่างแท้จริงเหรอ ในขณะที่คนเจ็บต้องการตัวหมออย่างเฮียภีม และมันก็เป็นเรื่องเป็นตายของชีวิตด้วย
“อืม ขอบคุณมนนะที่ทำให้ธีได้สติ ธีไม่กวนแล้วครับ เดี๋ยวเฮียติณห์เคืองแย่เลย สุขสันต์วาเลนไทน์นะครับ ฝากหอมแก้มหลานสาวคนสวยของธีด้วยนะ...[ฮึๆ ได้อยู่แล้วเพื่อนรัก]...ขอบคุณครับมน” ผมอมยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดสนิท ด้วยสายตาพี่เคยมืดมัวและหัวใจที่หม่นหมองนั้นได้จางหายไปแล้วครับ เพราะความคิดน้อยใจไม่เข้าเรื่องแท้ๆที่ทำให้ผมหลงลืมความเป็นจริงไปได้
นี่ยังดีที่ได้เพื่อนสนิทเตือนสติซะก่อน และนึกขอบคุณช่วงเวลาที่ทำให้ผมโตขึ้น ทำให้ไม่คิดโวยวายใส่เฮียภีมยามที่เพิ่งรู้ว่าคนรักมาฉลองวาเลนไทน์ที่ตัวเองอุตส่าห์ตระเตรียมไว้ไม่ได้ ผมต้องยอมรับล่ะครับว่าลึกๆนั้นรู้นะว่าเฮียภีมรักผมไม่เปลี่ยน แต่ด้วยความที่อยากกระชับสัมพันธ์สานสายใยรักระหว่างคนรักมากไปหน่อย พอผิดหวังในนาทีสุดท้ายผมจึงรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านมากเป็นธรรมดา
“เอาวะ! เก็บอาหารพวกนี้แช่เย็นไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวคุณหมอใหญ่ว่างแล้วค่อยฉลองย้อนหลัง....Rr Rr Rr...” ระหว่างที่ผมตัดสินใจเก็บอาหารบนโต๊ะที่เป็นฝีมือตัวเองเข้าตู้เย็นอยู่นั้น โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เมื่อดูชื่อคนที่โทรมาก็ให้สงสัยว่าไอ้ปรัชมันโทรมาทำไม
“มีไรวะ....[ฮึๆ น้ำเสียงฟังดูดีนี่หว่า กูนึกว่านั่งร้องไห้คนเดียวซะแล้ว]...ไอ้ปรัช มึงพูดไรของมึงเนี่ย” ผมงงจริงๆนะครับ ว่าไอ้เพื่อนสี่ตามันพูดบ้าอะไรของมัน แล้วทำไมผมถึงจะต้องร้องไห้ตามที่มันพูดด้วย ผมไม่มีเรื่องให้เศร้าสักหน่อย
“ไอ้วินกับไอ้ฟินมันไม่ว่าง เลยให้กูโทรมาหามึงแทน และถ้าให้กูเดา มีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้ไอ้คนที่ติดแฟนอย่างมึงไล่โทรหาเพื่อนในวันวาเลนไทน์ได้ เพราะมึงโดนทิ้ง!?...[ไม่ใช่โว้ย! กูไม่ได้โดนเฮียทิ้ง แค่โดนยกเลิกนัดแค่นั้น เพราะเฮียภีมต้องทำงาน มึงอย่าปากหมามาแช่งกูเด็ดขาด!]...ฮึๆ ก็แค่นั้น” เฮ้ย! ผมโดนไอ้กุนซือประจำกลุ่มล้วงความลับหลังจากคุยไม่กี่ประโยคไปแล้ว ไอ้เชี่ยปรัชมันแน่มาก
หึ้ย! แล้วกูจะรีบปฏิเสธจนลิ้นพันกันทำไมวะ แม่งสงสัยจิตใต้สำนึกกลัวเฮียภีมทิ้งจนหลอนซะแล้ว ไอ้เพื่อนสี่ตาก็ดันกลั้วหัวเราะใส่ผมใหญ่เชียว จนผมนึกพาลไปถึงไอ้เพื่อนสองคนแรกที่ผมโทรหา ถ้ามันไม่ส่งข่าวถึงไอ้ปรัช ผมคงไม่ต้องมานั่งเสียหน้าเหมือนถูกกล่าวหาว่ากลัวโดนทิ้งอยู่แบบนี้หรอก และอย่าให้ผมเจอพวกมันนะจะต่อยพวกแม่งเรียงตัวเลยเหอะ!
“ไอ้ธี วาเลนไทน์ทั้งทีใครๆเค้าก็ฉลองกับคนรักทั้งนั้น มึงไม่อยากฉลองกับเฮียเหรอวะ...[ชิ! กูก็เพิ่งบอกว่าไอ้เฮียของมึงน่ะมันไม่ว่าง จะให้กูไปฉลองกับใคร แม่งยิ่งคิดยิ่งเซ็งว่ะ]...แล้วมึงจะนั่งรอเฉยๆทำไมที่บ้าน บุกไปโรงพยาบาลเลย เซอร์ไพรส์ไงมึง เฮียภีมเลิกงานมาเหนื่อยๆ พอเห็นหน้ามึงคงหายเป็นปลิดทิ้ง ถือซะว่าไปเป็นกำลังใจให้เฮีย เชื่อกู...ว่ามันจะดียิ่งกว่าฉลองวันแห่งความรักที่บ้านซะอีก ฮึๆ” เออนั่นสิ ไปฉลองที่โรงพยาบาลได้เปลี่ยนบรรยากาศแถมแปลกไม่เหมือนใครด้วย อย่างน้อยก็ไม่เดียวดายในวันแห่งความรัก
“เออๆ...ฝากความคิดถึงให้หมอมายกับหลานปราณของกูด้วย ขอบใจว่ะปรัช” หลังฟังเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของไอ้ปรัชแล้ว ผมก็กดวางทันทีเพราะได้ยินทีไรพาลขนลุกทุกที เหมือนว่าเจ้าของมันหยั่งรู้ดินฟ้าไปซะทุกเรื่อง ขนาดผมไม่ได้บอกออกไปนะว่าจะทำตามที่มันแนะนำมา
“เอาวะ ไหนๆของก็พร้อมหมดแล้ว แค่เปลี่ยนที่แค่นี้เอง...หมอใหญ่ก็หมอใหญ่เหอะ เจอตี๋น้อยเข้าไป คงได้มีอู้งานมั่งล่ะน่า คึกๆๆ” ใคร้ ใครว่าผมเจ้าเล่ห์ นี่ผมยังได้ไม่ถึงครึ่งของคุณหมอรูปหล่อเค้าเลยเหอะ ผมก็แค่อยากฉลองวาเลนไทน์ตามที่ตั้งใจกับคนรักก็เท่านั้น ผมไม่ผิดนะที่กะไปยั่วใครบางคนถึงที่
......................................
ภีมวัฒน์“....การผ่าตัดเรียบร้อยครับ รอก็แต่คนไข้ฟื้นเท่านั้น ญาติๆไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” หลังจากที่ผมให้การยืนยันเรื่องการผ่าตัดแก่ญาติคนไข้แล้ว เสียงขอบคุณก็ดังระงมปะปนไปกับเสียงสะอื้นไห้ของบรรดาญาติเด็กแว้นซ์ หน้าห้องผ่าตัดในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมต้องผิดนัดกับใครบางคน ก่อนผมจะขอตัวเดินจากมาท่ามกลางความยินดี
แม้ใจผมนั้นจะมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของบรรดาพ่อแม่ ที่ตั้งความหวังให้ลูกๆนั้นปลอดภัยหลังประสบอุบัติเหตุ แต่หัวใจอีกซีกก็หนักหน่วงไปด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องผิดนัดกับคนรัก ด้วยตี๋แสบของผมนั้นตั้งใจจัดฉลองวาเลนไทน์ลำพังแค่เราสองคนในค่ำคืนนี้ แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบทำให้ผมต้องออกปากยกเลิกนัดด้วยตัวเอง เพราะต้องเข้าห้องผ่าตัดช่วยชีวิตกลุ่มเด็กขี่รถซิ่งกลางเมือง จนเกิดอุบัติเหตุหมู่ครั้งใหญ่ ด้วยหมอที่มีนั้นไม่เพียงพอต่อผู้บาดเจ็บ ตอนผมโทรไปบอกธีให้รู้นั้น ผมสงสารตี๋แสบจับใจ เพราะแค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าธีผิดหวังมาก แม้ตี๋แสบเค้าจะพยายามทำเสียงให้ร่าเริงก็เถอะ ผมใช้ชีวิตอยู่กับธีมาหลายปีมีรึผมจะไม่รู้ว่าธีคิดยังไง จนบางครั้งผมก็นึกอยากเปลี่ยนอาชีพไปทำงานเป็นเวลาเหมือนคนอื่นบ้าง จะได้มีเวลาให้คนรักได้มากกว่านี้ เวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันกับตี๋น้อยของผมในค่ำคืนของวันแห่งความรักนี่ยังไงล่ะครับ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ หรือว่าจะโดนงอนแล้ววะไอ้ภีม....ธีครับ รับโทรศัพท์พี่หน่อยเถอะ” ผมรอลุ้นให้สัญญาณปลายสายหยุดลง ด้วยหวังว่าจะได้ยินเสียงใสๆให้ได้ชื่นใจ เพื่อจะรับรู้ว่าอย่างน้อยตี๋แสบยังคงเข้าใจกันบ้าง แต่ดูท่าความหวังที่มีจะแทบไม่เหลือ ด้วยสัญญาณรอสายที่ดังยาวถูกตัดลงอีกครั้ง ไม่ต่างจากครั้งก่อนหน้าที่ผมกดหาคนสำคัญ
ผมรีบเร่งฝีเท้ามาตามทางเดินออกจากห้องพักแพทย์ไปยังตึกหลังที่เป็นห้องพัก เพื่อหยิบของบางอย่างและตั้งใจตรงกลับบ้าน ด้วยต้องการรีบไปง้องอนคนที่โดนผมทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง แต่แล้วระหว่างที่ผมผลักประตูห้องเข้าไปนั้น ผมก็ต้องแปลกใจกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แถมด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของเทียนหอมที่กระจายทั่วห้อง และเสียงเพลงรักเบาๆที่ดังแว่วหวานให้พอได้ยิน สิ่งที่ผมได้สัมผัสในช่วงเสี้ยวนาที ทำให้ผมยิ้มกว้างและใจเต้นแรง เมื่อคิดถึงตัวต้นเหตุแห่งความผิดปกติเหล่านี้ คนที่ผมรักและคิดถึงมาอยู่ในห้องเดียวกับผมในขณะนี้แล้วล่ะครับ ผมโยนกุญแจและโทรศัพท์ที่ถือมาส่งๆไปบนโซฟา ก่อนร้องเรียกหาหนุ่มหน้าตี๋หนึ่งเดียวในดวงใจ
“ธี ธีครับ พี่กลับมาแล้ว ธี....เฮ้ยยย!!...[ฮ่าๆ ตกใจล่ะสิ ฮ่าๆ]....ฮึๆ มานี่เลย แกล้งให้พี่ตกใจใช่มั้ย” อยู่ๆไอ้ตัวแสบที่ผมตามหาก็โผล่พรวดมาจากมุมห้องครัว จนทำให้ผมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ และคงเป็นที่ถูกใจเจ้าตัวมากล่ะครับ เพราะธีถึงกลับหัวเราะร่าอ้าปากกว้างตาพราวใส่ผมใหญ่เชียว หลังจากผมหายตกใจแล้วก็เข้ารวบคนช่างเซอร์ไพรส์เข้าหาตัวทันที ตัวอุ่นๆกลิ่นหอมๆกับเสียงหัวเราะคลอเบาๆ ทำให้ผมเริ่มสบายใจ อาการว้าวุ่นกลุ้มใจที่ตัวแสบไม่ยอมรับสายหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อความเป็นจริงผมได้ตัวเป็นๆของคนที่คิดถึงมาอยู่กับตัวแล้ว
“เฮ้อออ ทำไมไม่รับสายพี่ครับ รู้มั้ยทำให้เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่างอนกันซะแล้ว...[หึ! ใครงอนไม่มี้ไม่มีเหอะ]...ฮึๆ ไม่งอนก็ดีแล้วครับ ถ้าธีงอนพี่คงรู้สึกแย่มากที่ทำให้คนที่พี่รักผิดหวัง เพราะต้องทิ้งธีมาทำงาน” คนที่เงยออกมาจากซอกคอผมร้อง ‘หึ’ เบาๆด้วยหน้างอนๆปากยื่นๆอย่างน่ารัก ก่อนจะปฏิเสธเสียงสูง แล้วใครจะเชื่อว่าไอ้ตัวแสบมันไม่งอนกัน แต่ผมก็เลือกที่จะพูดด้วยเสียงนุ่มๆแทนการหยอกเย้า ถึงความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ด้วยไม่อยากแหย่แมวขี้งอนให้งอนหนักกว่าเดิม เดี๋ยวจะพาลซวยมาถึงเจ้าของแมวอย่างผมซะก่อน ทำให้แมวขี้งอนคลายสีหน้ามู่ทู่ลง ก่อนทำหน้าซึมๆให้ผมได้ใจหายเล่น ผมจึงเชยคางเด็กขี้งอนขึ้นเพราะอยากสบตาว่าเด็กของผมกำลังอยู่ไหนอารมณ์ไหน
“เฮีย ผมหายงอนนานแล้ว ไม่งั้นไม่มาอยู่นี่หรอก...[แล้วธีเป็นอะไรครับ ถึงทำสีหน้าซึมๆแบบนี้ หืม! เด็กดี...จุ๊บ]...เฮียอ่ะ” ผมพอใจแล้วครับที่เด็กน้อยของผมเลิกทำหน้าเศร้า แต่เปลี่ยนมาส่งค้อนหลบตาด้วยผิวแก้มแดงๆ จากการจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากสีสด
“ผมก็แค่รู้สึกผิดหรอก ที่แอบน้อยใจเฮียที่เลือกงานก่อนผม...อีกแล้ว...[โธ่ ที่รัก...พี่ขอโทษครับ]...ตะ แต่ ผมไม่ได้น้อยใจแล้ว ความจริงผมเข้าใจนะว่างานเฮียน่ะสำคัญ และเฮียภีมก็รักผมที่สุดอยู่แล้ว ถ้าวันนี้เฮียเลือกทิ้งงานมาอยู่กับผมจริงๆ ผมก็ไม่มีความสุขหรอก เพราะคนเจ็บต้องการหมอเก่งๆอย่างเฮียมากกว่าผม...[ธี~]” ผมได้แต่ครางและยกมือลูบแก้มใสที่เจ้าของกำลังคลี่ยิ้มหวานใส่ตาได้อย่างน่าดู ด้วยรู้สึกผิดเต็มหัวใจเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของตี๋แสบครั้งนี้
คำพูดและการกระทำของธีเมื่อครู่ มันเป็นยิ่งกว่าการผูกมัดผมด้วยเชือกที่แน่นหนาไว้กับเจ้าตัวแสบซะอีก ทั้งๆที่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเพียงคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาจากใจของตี๋น้อย ด้วยธีแสดงออกชัดว่ารับรู้และเข้าใจในตัวผมเป็นที่สุด ซึ่งแบบนี้จะไม่ให้ผมรักและหลงตี๋แสบคนนี้ได้มากกว่าเดิมได้อย่างไรกันครับ และจะเป็นผมเองนี่แหละที่จะขัดขวางไม่ให้ใครหน้าไหน หรือแม้แต่คนผูกเงื่อนหัวใจเองได้มาแกะเชือกที่ผูกมัดเราไว้ด้วยกัน ผมเกลี่ยนิ้วไปตามแก้มเนียน ก่อนวกลงมาแตะบนริมฝีปากสีสดที่กำลังคลี่ยิ้มหวาน และเป็นเพราะเจ้าสิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้ผมได้ดีใจปนรู้สึกผิดยามมันเอื้อนเอ่ย ซึ่งเจ้าของเองนั้นก็เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร เพราะธีเปลี่ยนจากการโอบเอวมาคล้องแขนรอบคอผมไว้แทน ก่อนรั้งศีรษะผมเข้าหาช้าๆและแตะจูบเข้าที่นิ้วหัวแม่มือที่ผมแช่ค้างไว้ พร้อมเอื้อนเอ่ยคำขอด้วยเสียงอ้อนๆจนผมแทบละลาย
“เฮียภีมครับ ธีขออะไรสักอย่างได้มั้ย...[อืม...จุ๊บ!...ครับจะกี่อย่างก็ได้ครับที่รัก...จุ๊บๆ...]....ฮึๆ” ตอนนี้เวลานี้ไม่ว่าตี๋แสบเค้าจะขออะไร ผมให้เค้าได้ทุกอย่างล่ะครับ ยิ่งได้ริมฝีปากนิ่มๆมาเป็นของกำนัลเล็กๆอยู่แบบนี้ด้วยแล้ว ผมยอมทุ่มหมดตัว และก่อนที่ตี๋น้อยจะเอ่ยคำขอออกมา ผมก็เฝ้าแตะย้ำซ้ำๆที่ริมฝีปากนิ่มๆนี้อยู่หลายที แต่เจ้าของมันก็ไม่มีรำคาญ เพราะยังอมยิ้มและหลุดหัวเราะเบาๆออกมาได้ ทำให้ผมยิ่งอารมณ์ดีและมัวเมาไปกับความหอมหวานตรงหน้า ถึงขั้นลืมเลือนบรรยากาศที่ถูกจัดไว้รอบตัว
“ธีขออย่างเดียว...ขอแค่เฮียภีมรักตี๋น้อยคนนี้คนเดียวตลอดไป ได้มั้ยครับ... สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับคุณหมอรูปหล่อ ปีนี้ธีฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” โอ๊ย! ผมจะคลั่งซะให้ได้กับถ้อยคำน่ารักปนยั่วเย้าของตี๋แสบช่างยั่วตรงหน้า มีอย่างที่ไหนมายิ้มหวานให้กัน และใช้น้ำเสียงอ้อนๆขอให้ผมรัก พร้อมส่งสายตาวิบวับหยอกล้อมาให้ ทั้งๆที่ไอ้ตี๋แสบก็น่าจะรู้ว่าผมนั้นรักเจ้าตัวสุดหัวใจ และก็รักมันอยู่คนเดียวนี่แหละ ยังจะมาทำให้หลงและพร่ำเพ้อไปกว่าเดิมอีกแน่ะ
ตอนนี้ผมคงหมดมาดคุณหมอภีมวัจน์รูปหล่อแสนเท่ในสายตาใครๆไปแล้ว ด้วยกำลังจ้องเมียตัวเองตาลอย พยักหน้าช้าๆรับคำอย่างเชื่อฟัง แต่ใจนั้นกลับเต้นจนแทบกระดอนมานอกอก ส่วนสมองก็ถูกปั่นจนหมุนคิดอะไรไม่ออก คิดได้อย่างเดียวอยากจะจับคนตรงหน้ามาฟัดให้หนำใจ จะเอาให้หายมันเขี้ยวในความน่ารักเกินทนที่ไอ้ตัวแสบมีเชียวล่ะ และสติผมก็ค่อยๆกลับมา เมื่อมีนิ้วมืออุ่นๆไล้เกลี่ยไปตามท้ายทอยจนขนลุกชัน พร้อมริมฝีปากที่กำลังกลั้วหัวเราะยื่นมาแตะข้างแก้มเบาๆ ผมจึงกระชากพ่อจอมยั่วลากเข้าห้อง ไม่สนแม้แต่เสียงโวยวายที่ดังขึ้น
“เฮ้ย! เฮีย...เฮียภีม ฉลองวาเลนไทน์ก่อนสิครับ โธ่ ผมอุตส่าห์หอบมา...หว่าๆๆ อื้ออออ” หมดเวลายึกยักอ้อล้อแล้วครับ เพราะทันทีที่ผมผลักแมวจอมยั่วลงเตียงได้ ผมก็ตามขึ้นคร่อมประกบจูบปิดปากที่ขยับตัดพ้อเมื่อครู่ทันที
ผมตั้งใจไว้แล้วว่าคืนนี้ผมจะบริการแมวน้อยที่น่ารักตัวนี้สุดฝีมือ ให้สมกับความน่ารักช่างพูดเลยเชียวล่ะ ใครจะหาว่าผมคลั่งไคล้เมียตัวเองจนเว่อร์ จะรีบตะกรุมตะกรามกอบโกยทำไมกัน ในเมื่อตี๋แสบก็เป็นของผมอยู่แล้ว ผมไม่สน!? เพราะยอมรับแบบแมนๆเลยว่า ผมไม่มีความสามารถมากพอที่จะกักเก็บความต้องการ ที่อยากครอบครองเรือนร่างขาวเนียนตรงหน้านี้ได้เลย
“อ๊ะ! เฮีย ภะ ภีม....ตรงนั้น อื้อๆๆ แฮ่กๆ....ไม่เอาแล้ว นิ้วไม่เอา...เฮีย เข้ามาเถอะ ผมต้องการเฮียภีมเดี๋ยวนี้....อ่าๆๆๆ” อ้อมแขนที่รั้งต้นคอผมเข้าหา พร้อมลมหายใจอุ่นๆที่พ่นรดหลังใบหู และคำสั่งอันแสนหวานที่ได้ยิน ทำให้ผมยิ่งกว่าเต็มใจฝากฝังตัวตนเข้าหาช่องทางลี้ลับที่พรั่งพร้อม ก่อนเสียงหวานจะครางแผ่วหวานตามมา พร้อมแรงจิกครูดจากปลายนิ้วที่แผ่นหลัง ลากยาวไปตามสะบักเกือบถึงช่วงเอว พาให้ความเสียวที่แก่นกายทวีความรุ่นแรงขึ้น
“ซี้ดดด อ่าๆๆๆ ที่รัก~” ความอุ่นร้อนโอบกระชับผมไว้ได้ทั้งหมด ทำให้หลุดเสียงสูดปากครางยาวให้อย่างลืมตัว แต่ผมไม่ลืมลูบไล้หลังเนียนชื้นที่สั่นน้อยๆเพื่อปลอบประโลม พร้อมกระซิบคำรักหวานหูเป็นกำลังใจให้คนเก่ง ด้วยสามารถกลืนกินตัวตนของผมได้จนหมดไม่มีปริปาก ผมกลั้นใจอดทนรอเวลาเพื่อขับเคลื่อน จนกระทั่งสะโพกแน่นๆในอุ้งมือเริ่มมีการเคลื่อนไหว และผมยิ่งมั่นใจว่าตัวแสบพร้อมรบ ยามได้ยินประโยคกระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่าตามมา
“เฮียขยับสักทีมันอึดอัด อ่าๆๆ อื้ออออ” ผมชะโงกหน้ากดปากปิดกั้นลมหายใจของคนช่างสั่ง ก่อนรัวสะโพกเข้าหาความคับแน่นตามคำสั่งทันที
กลิ่นกายที่หอมหวนยวนจมูก เรียวลิ้นนิ่มที่เกี่ยวกระหวัดตอบโต้อย่างรู้ใจ ผิวกายตึงแน่นร้อนผ่าวเต็มฝ่ามือ พร้อมแรงขับเคลื่อนที่เพิ่มจังหวะแรงเร็วตามอารมณ์หวามไหว เร่งปฏิกิริยาทางกายให้ถึงขีดสุด เปิดรับความสุขสมแห่งอารมณ์เต็มที่ สุดท้ายดวงดาวบนฟากฟ้าไกลที่ระยับพรายก็ร่วงหล่นให้เราได้ชื่นชม ผมเชิดหน้าครางลั่นและปลดปล่อยอารมณ์รักเต็มแน่นช่องทางร้อนที่ตอดรัด ก่อนโอนเอนซวนซบไปกับแผ่นอกขาวที่กระเพื่อมไหวไม่ต่างกัน ลมร้อนที่เป่ารดหัวและเสียงหัวใจที่เต้นแนบหู ทำให้ผมที่เหนื่อยแทบขาดใจยกยิ้มขึ้นมาได้ ก่อนแตะจูบไล้ไปตามรอยรักสีกุหลาบบนแผ่นอกจนถึงปลายคาง และชะโงกหน้ามองตี๋หน้าขาวที่ตอนนี้แก้มแดงจัด มีหอบน้อยๆปากเผยอได้อย่างน่ามอง ผมก้มจุ๊บปากเจ่อๆที่ช่างอ้อนช่างสั่งนั้นเบาๆอยู่หลายที จนเจ้าของค่อยๆลืมตาขึ้นและอมยิ้มให้กัน
“ขอบคุณครับที่มาฉลองวาเลนไทน์กับพี่ที่นี่ พี่รักตี๋น้อยนะครับ และอยากให้รู้ไว้ว่ารักมาก จนขาดตี๋แสบคนนี้ไม่ได้เชียวล่ะ”
“ธีก็รักเฮียเหมือนกัน ต่อจากนี้ไม่ว่าจะวาเลนไทน์ปีไหนๆ ธีสัญญาว่าจะฉลองกับเฮียภีมทุกปี เฮียจะว่างไม่ว่างธีไม่สน เพราะธีจะรอเฮียภีมอยู่ตรงนี้เสมอ” ฝ่ามืออุ่นๆที่วางแนบแผ่นอก พร้อมคำรักที่อ่อนหวาน และรอยยิ้มยั่วเย้าของคนใต้ร่าง คุณว่าผมจะหยุดอยู่แค่นี้ได้มั้ย ฮึๆ คำตอบก็คงออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าคือ ‘ไม่’ ดังนั้นจะรอช้าอยู่ไยให้พ่อแมวจอมยั่วเค้าได้ใจยิ้มหวานอยู่แบบนี้ล่ะ จริงมั้ยครับ!?
“อ่ะ เฮียภีม! อื้อออ....” ไม่ว่าจะวาเลนไทน์ไหนๆ ผมคงไม่ปล่อยให้คนรักได้เดียวดายอีกต่อไปแล้วล่ะครับ ก็ใครจะไปใจร้ายใจดำกับแมวจอมอ้อนคนนี้ได้กันล่ะ
อ้อ!? ส่วนใครที่สงสัยว่าผมเตรียมอะไรไว้เซอร์ไพรส์ตี๋แสบในวันวาเลนไทน์นั้น ก็คงต้องบอกว่าเป็นของที่ทำให้ผมต้องขึ้นมาเอาบนห้องนั่นแหละครับ แต่เป็นอะไรนั้นผมขออุบไว้ เพราะบอกไปมันก็จะไม่เรียกว่าการเซอร์ไพรส์สิจริงมั้ย แต่เชื่อเถอะว่าพอธีได้เห็นมัน คงตื่นเต้นและมีรอยยิ้มหวานๆให้ผมได้ชื่นใจบ้างล่ะครับ ฮึๆ
...THE END....เย้ๆๆ ดีใจจังค่ะที่สามารถพานู๋ธีกะเฮียภีมมาทันวาเลนไทน์

ต้องขอบคุณน้องหนึ่งที่ช่วยพรูฟแทรกคิวมาให้ก่อนเลย
และต้องขอบคุณบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักของวันแห่งความรัก
แล้วล่ะค่ะ ที่ทำให้คนอ่านได้หายคิดถึงคู่ที่ถูกถามหามากที่สุดอย่างคู่นี้ 555
และหวังว่าวาเลนไทน์นี้คงไม่มีใครเดียวดายนะคะ
ขอบคุณทุกการติดตามที่คุณผู้อ่านที่น่ารักมีให้กันค่ะ และเร็วๆนี้จะมีข่าวดี
เรื่องรีปริ้นท์คู่นี้ด้วยค่ะ ใครที่พลาดรอบที่แล้วรอฟังข่าวให้ดีน้า
Happy Valentide’Day ค่ะทุกคนจงมีความรักให้เต็มหัวใจและใช้พลังแห่งรักในการขับเคลื่อนชีวิตให้มีความสุขในทุกวันค่ะ
รักของครอบครัว รักของเพื่อน รักของคนรัก รักในเพื่อนมนุษย์ ก็เป็นความรักทั้งสิ้น
จะมีรักแบบไหนก็สุขได้เหมือนกันค่ะ

ปล.แอบโฆษณาเรื่องใหม่
บ่วงหงส์ คู่ของเฟิงหวงและหลี่จวินค่ะ ใครยังไม่เคยติดตามลองตามลิ้งค์นี้ไปนะคะ ฝากรักและเอ็นดูคู่นี้ด้วยค่ะ
