น้องหมอ กะ พี่วิศวะ [31]“เตี่ย”
“เออ” ตอบด้วยเสียงต่ำๆในลำคอ ไม่มองหน้าคนเรียก ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์
“เตี่ย” เสียงดังขึ้นนิดนึง
“เออ” นี่ก็เสียงดังขึ้นนิดนึงเหมือนกัน แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์
“เตี่ยยย!!!”
“เออออ!!! ไอ้นี่มันจะเรียกทำห่าอะไรนักวะ?!?” พับหนังสือพิมพ์วางบนโต๊ะแล้วหันมาตบหัวลูกชายที่นั่งโซฟาข้างๆกัน
“ผมเรียกตั้งหลายรอบก็ไม่สนใจกัน ขนาดเดินเข้ามายังไมหันมามองหน้าลูกชายเลยเนี่ย” กุมหัว
“แล้วเด็กนั่นใคร?”
หมายถึงฟาสที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างไอ้วิช นั่งเขาติดกันมือทั้งสองข้างวางบนหน้าตัก เรียบร้อยขนาด
วันนี้ฟาสใส่เสื้อกล้ามลายทางฟ้าขาว กางเกงสามส่วนสีขาว ผมหน้ายาวๆโดนมัดรวบไว้ครึ่งหัว
ฟาสหันไปมอง’เตี่ย’ของพี่วิช ที่หน้าตา..ไม่ค่อยจะเหมือนกันเท่าไหร แต่ความเถื่อนคงพอๆกัน
เอียงคอส่งยิ้มแห้งไปให้ กำลังจะแนะนะตัวเอง แต่...
“นี่แฟนผม”ปั๊ก!! “โอ๊ย”
โดนฟาสทุบหลังเข้าให้ หน้าตายิ้มละไมยังคงมองหน้าเข้มๆของเตี่ยอยู่
“เป็นน้องรหัสพี่วิชฮะ” ยกมือไหว้ที่คิดว่างามที่สุด
“ชื่ออะไรล่ะเรา?” ยกมือรับไหว้
“ฟาสฮะ” นั่งตัวตรงแหน่ว ไม่รู้ว่าเตี่ยแกจะเข้มไปไหน ฟาสกลัวแล้วค้าบบบบ
“ชื่อแปลกดีนะ ฟาสฮะ”
“ฟาส เฉยๆครับ” เตี่ยแอบฮา แต่หน้าแบบนี้...ใครจะกล้าฮาออกวะ
อ่อ...มีอยู่คนนึง
ไอ้พี่วิช...“ตลกอะไรของมึง” เตี่ยถามหน้านิ่ง ไอ้พี่วิชหยุดหัวเราะทันที
...สมน้ำหน้า“เด็กวิศวะเดี๋ยวนี้มันมีหน้าแบบนี้ด้วยเหรอวะ” เดินเข้าไปจับคางเล็กๆนั่นหันซ้ายหันขวาไปมา
“เตี่ยอย่าทำแบบนี้” จับข้อมือพ่อตัวเองให้หยุด
“ทำไมวะ??”
“เดี๋ยวช้ำหมด”
“หวงรึไง?”
“ใช่”เกิดเหตุการณ์สตั้นไป สาม วินาที ...รึอาจจะมากกว่า“ฮ่ะๆๆ” ไอ้น้องฟาสหัวเราะกลบเกลื่อน ร่วมด้วยไอ้พี่วิช
ส่วนเตี่ยก็มองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา
“กินอะไรกันมารึยัง?” เตี่ยถามขึ้น
“ยังเลย มีอะไรให้ผมกินมั่งอ่ะ” วิชลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“ไม่”
“แล้วถามทำไมเนี่ย?”
“ก็จะทำให้กินไง”
“จริงดิ เตี่ยจะทำให้กินจริงสิ” ไอ้วิชงง เพราะเตี่ยไม่ค่อยลงมือทำกับข้าวเองซักเท่าไหร
“ไอ้หนู” หันไปเรียกฟาสที่ยืมยิ้มๆอยู่
“ครับ?”
“มาช่วยกันหน่อย” กระดิกนิ้วเรียกให้เดินตาม
ฟาสหันไปมองหน้าไอ้พี่วิชเชิงขอความเห็น ไอ้พี่วิชก็พยักเพยิดหน้าให้ตามเตี่ยไป
ฟาสเลยวิ่งต๊อกๆตามไป โดยมีวิชเดินตามหลังไปทางห้องครัว
/บ้านวิชเป็นบ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่มาก เพราะอยู่กันสองคนพ่อลูก วิชบอกว่าแม่เสียไปตั้งแต่พี่วิชยังเด็กๆ
บ้านที่เคยอยู่กันสามคนเลยมีกันแค่สองคน ตอนแรกนึกว่าบ้านที่มีแต่ผู้ชายสองคนจะเป็นบ้านที่ดูถมึน
แต่กลับดูน่ารักกว่าที่คิด โทนบ้านเป็นโทนสีฟ้าขาว เหมือนชุดที่เขาใส่มาวันนี้
เตี่ยของพี่วิชก็ยังดูอายุไม่มาก รูปร่างสูงใหญ่เหมือนกัน
ตอนมาถึงบ้าน มีรูปแม่อยู่ใกล้ๆกับทางเดินไปห้องอ่านหนังสือ
เลยได้รู้ว่าหน้าพี่วิชค่อนไปทางแม่เยอะเหมือนกัน
โดยเฉพาะตากับปาก
เตี่ยหน้าตาดุกว่าพี่วิชมาก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเตี่ยเป็นคนดุเลยซักนิด ไม่รู้ทำไม
/“ทำกับข้าวเป็นมั้ย?” ถามพลางยื่นผ้ากันเปื้อนลายจุดสีหวานมาให้
“ของแม่ไอ้วิชน่ะ” ตอบเมื่อเห็นฟาสมองผ้ากันเปื้อนอย่างสงสัย
....เก็บทุกอย่างไว้อย่างดีเลยแฮะ“ผมทำเป็นบางอย่างนะฮะ”
“อะไรบ้าง?” ถามขณะเตรียมของออกจากตู้เย็น
“เอ่อ..ไข่ดาว..”
“แล้ว...”
“ไข่เจียว..”
“แล้ว..”
“แล้วก็..มาม่า..ราเม็ง..รามยอน” ฟาสยกนิ้วขึ้นมานับ
“พอเลย”
“หลายอย่างอยู่นะฮะ” ฟาสยิ้ม ได้ยินเสียงไอ้พี่วิชกลั้นหัวเราะอยู่ข้างหลัง
“แค่นั้นไอ้วิชมันก็ทำได้ พอกันพี่รหัสกับน้องรหัส หลงป่ากันคงอดตายทั้งคู่”
“ถ้าเวลานั้นมีจริงๆ ผมว่ามนุษย์เราก็มีวิถีทางเอาตัวรอดอยู่นะฮะ เวลาคับขันมักจะทำให้คนเราทำอะไรได้หลายอย่าง”
“นั่นสินะ....ไอ้หนูช่วยสับหมูหน่อย”
“ครับ” ฟาสเดินเข้าไปแต่ก็โดนไอ้พี่วิชขัดก่อน
“เดี๋ยวผมสับเอง”
ฟาสทำหน้าแบบ...แล้วจะให้ผมทำอะไรเล่า???!!!
“งั้นมาล้างผักกาดขาวตรงนี้” เตี่ยเรียก
“ครับ”
ฟาสยืนมองเตี่ยที่ทำกับข้าวอย่างคล่อง และเป็นลูกมือช่วยหยิบโน่นจับนี่มาให้
ส่วนพี่วิชก็คอยแหย่เตี่ยให้ด่ามั่งอะไรมั่ง ก็สนุกดี
กับข้าวที่เตี่ยทำให้กินกันก็มีแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผัก แล้วก็ไข่เจียวฝีมือฟาส
นั่งกินข้าวด้วยกันสามคนบนโต๊ะกลมเล็กๆสีขาว
“กินเยอะๆไอ้หนู ผอมยังกับไม้เสียบผี” เตี่ยตักกับข้าวให้ฟาสซะเต็มจาน เห็นนั่งเขี่ยข้าวอยู่นั่น
“โห..เตี่ย..ลูกชายน่ะอยู่นี่”
“มึงมันตัวยังกับควาย ไอ้นี่ก็ผอมยังกับเด็กขาดสารอาหาร” หันไปว่าให้
“ก็มันแดกแต่เหล้า ข้าวนี่กินยังกับดม”ปั๊ก!! เตะหน้าแข้งจนไอ้พี่วิชหน้าเขียว ร้องไม่ออกเลย
“ดื่มเก่งมั้ย?”
“เอ่อ..”
“ไม่เคยเห็นมันเมาซะที..โอยย”
“คืนนี้ดื่มด้วยกัน” เตี่ยชวน
“ครับ” ฟาสตาวาว เมื่อกี้เดินผ่านตู้วางเหล้า มีแต่ของดีๆ แฮ่ๆ
/“เตี่ยอายุเท่าไหร่แล้วฮะ?” ตอนนี้สนิทกันถึงขั้นเรียกเตี่ยแล้วเถอะ
“ห้าสิบ”
“จริงเหรอฮะ? ไม่เห็นเหมือนคนอายุห้าสิบเลย นึกว่าสี่สิบซะอีก ฮ่ะๆๆ”
“แหม่ ไอ้นี่มันปากหวานเว้ย มาๆเตี่ยชงให้”
“ขอบคุณค้าบบบ”
“มาเป็นลูกบ้านนี้มั้ย?”
“อยากให้ฟาสมาเป็นลูกบ้านนี้เหรอฮะ?”
“ไม่อยากจะถามเรอะ”
“ถ้าเตี่ยชอบฟาส ฟาสก็จะเป็นลูกเตี่ยอีกคนนะฮะ”
“โอเค เดี๋ยวแบ่งสมบัติให้ครึ่งนึงเลย ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่ต้องหรอกฮะ แค่เตี่ยรักฟาสก็พอแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ”
นี่คือบทสนทนาตั้งแต่เตี่ยเริ่มเมานิดๆ(มั้ง) ไอ้วิชกลายเป็นหมาหัวเน่าในทันใด
จะคุยด้วยก็โดนเตี่ยเมินใส่ ...นี่ลูกชายในไส้นะคร้าบบบบบบบบบบบ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเตี่ยคิดว่าระหว่างเขากับฟาสเป็นอะไรกัน
....แค่รุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบัน
....แค่พี่น้องที่สนิทกันมากๆ
แต่ไม่ว่าจะคิดว่าเราสองคนเป็นอะไรก็ตาม
....ขอแค่ให้เตี่ยยิ้มได้ หัวเราะอย่างมีความสุข
....ขอแค่ให้ฟาสยิ้มได้ ไม่เกร็งเวลาอยู่กับเตี่ย
ขอแค่เรายังหัวเราะและยิ้มไปด้วยกันได้ มีความสุขไปด้วยกัน
....ขอแค่เรายังรักกัน
เรื่องอนาคตก็ปล่อยมันไป
....เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต
ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใส่ใจมัน
ขอเพียงแค่เธออยู่ข้างกันก็เพียงพอ....http://www.youtube.com/watch?v=6Df3d75YgXM&feature=related>>>ฟังประกอบเนื้อเรื่องจ้า
TBC,,,สั้นเนอะ แบบว่าสั้นโคตรๆ สั้นไปไหน สั้นมากๆ
ตอนนี้เราอยากเขียนให้เป็นแบบนี้แหละค่ะ คนอื่นชอบมั้ย ไม่รู้
แต่เราชอบ (โคตรเอาแต่ใจตัวเอง) กร้ากกกกกกก
โอเคค่ะ เราไม่แยกเรื่องแล้วแหละ เขียนมันรวมไปแบบนี้แหละเนอะ มันส์ดี
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ขอบคุณที่รักกันนะคะ
-----------------------------------------------------------
ปล,,,คอมเม้นครั้งที่แล้ว มีอยู่อันนึง ตอนแรกว่าจะไม่สนใจอยู่เหมือนกัน
แต่เราอยากตอบคอมเม้นท์ที่เหมือนคำถามของเขาจังเลย
อันนี้น่ะค่ะ
V
V
V
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเขียนให้นายเอกดูเถื่อนๆ ถ่อยๆ ด้วย ไม่เห็นว่ามันจะดูเท่ห์ตรงไหนเลย
แล้วเราสมควรเขียนนายเอกแบบไหนดีคะ??
เอาแบบเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ นั่งร้อยมาลัย ทำฝอยทอง หรืออบเบเกอรี่อยู่กับบ้านดีมั้ยคะ??
ลูกเรามันก็สันดานเหมือนแม่มันแหละค่ะ มีแม่อย่างเราลูกมันก็ออกมาอย่างเราแหละนะ
เพราะแม่มันเถื่อนมันถ่อยเอง ลูกเลยได้รับเชื้อไปเต็มๆ