บทที่ ๒๕
ศักดินากับยาจก(ครึ่งหลังจ้ะ

)
อาจารย์หนุ่มไม่เอ่ยคำใด นี่คือสัจธรรม ข้าราชการครูไม่ว่ายุคสมัยใดก็เงินเดือนน้อยเช่นนี้ ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอ่อนจาง หากแสงกลเที่เคยฉายฉานในดวงตาเป็นนิจหม่นวูบลง มือใหญ่รวบช้อนคืนจานและไม่แตะต้องอาหารใดอีกเลย
สำรับของคาวถูกทยอยลำเลียงออกไป แทนที่ด้วยสำรับของหวาน น้ำมะตูมร้อนรินมาในถ้วยกาแฟลายน้ำทองรูปนกไม้ ซึ่งแน่นอน.. ยืมมาจากกำนันอีกแหละ
“อย่างชายเล็กนี่ เขาสนใจจะเรียนกฎหมาย” หม่อมเจ้าอาทิตย์หันพักตร์มาทางบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน “ถ้าไม่พามาดัดนิสัยเสียก่อนป่านนี้คงเดินกร่างอยู่ในเคมบริดจ์”
ชื่อมหาวิทยาลัยชั้นสูงที่เปล่งจากพระโอษฐ์บั่นทอนหัวใจอาจารย์บ้านนอกจนบิ่นไปหนึ่งเสี้ยว
“ท่านพ่อครับ” ราชนิกูลหนุ่มน้อยพูดขึ้น “ชายว่าเป็นครูก็สนุกดี”
“หือม์” ผู้เป็นบิดาขมวดขนงมุ่น
“เป็นอาจารย์ที่อังกฤษก็เข้าทีดีนะ เรียนจบปริญญาเอกก็ได้เป็นดอกเตอร์ เป็นหม่อมราชวงศ์ดอกเตอร์ โก้ไม่เบา” หม่อมดาราวาดฝันพลางยกถ้วยน้ำมะตูมขึ้นจิบ
“ชายอยากเป็นครูที่นี่ค่ะหม่อมย่า”
คนึงหันขวับ มองคนรักอย่างไม่เชื่อสายตา
“อะไรนะ!” หม่อมย่าแทบสำลักน้ำมะตูม ดวงตาคมกริบปราดไปทางอาจารย์หนุ่ม “ตัวอย่างก็มีให้เห็น อยากเป็นอย่างนี้รึไง”
“ตอนนี้การศึกษาไทยยังไม่ทั่วถึง เด็กๆ ยากจนอีกมากที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ” รอยยิ้มอ่อนหวาน หากน้ำเสียงฉาดฉานและตางามคู่นั้นเป็นประกายแน่วแน่นัก “อยู่ที่นี่ชายเห็นมาหมดค่ะหม่อมย่า เด็กตัวเล็กๆ ต้องออกไปทำนา เลี้ยงควาย ทั้งที่วัยเท่านี้พวกเขาควรอยู่ในห้องเรียน”
ท่านชายอาทิตย์อดมองบุตรชายอย่างทึ่งมิได้ วงหน้าเอี่ยมสำอาง หากดวงตาแกร่งกล้าหนักแน่นนัก “ไม่เบาๆ”
“ได้อย่างไรกัน! ฉันไม่ยอมหรอกนะ!” หม่อมดาราแหวลั่น ทีท่าจะยาวจนท่านทูตต้องตัดบท
“เรื่องของอนาคต อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย”
สุภาพสตรีสูงศักดิ์พื้นเสียมิรู้หาย เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปสิ้น ไม่เว้นกระทั่งเสียงช้อนกระทบแก้วจากอาจารย์หนุ่มฝั่งตรงข้าม “อย่าคนแก้วดังสิพ่อ ผู้ดีเขาไม่ทำกัน”
เลอมานมองหน้าเก้อกระดากของคนรักอย่างเห็นใจสุดแสน คนแก่บางครั้งก็พาลพาโลเป็นเด็กๆ
“อาจารย์มือหนักน่ะค่ะ ปกติจับแต่ชอล์คกับไม้เรียว” คุณชายพยายามแก้เกี้ยว หากหลุดปากออกไปแล้วจึงได้รู้ว่าพลาดมหันต์
“ไม้เรียวรึ! ตายจริง!” เสียงโอดแหลมสูง “โตเป็นหนุ่มกันแล้วยังต้องลงไม้กันอีกรึนี่!”
“ช่างหม้อตีหม้อไม่หวังฉาน ดั่งอาจารย์ตีศิษย์ให้วิทยานะหม่อมย่า” ผู้เป็นบิดาเสียอีกกลับแย้มโอษฐ์สรวลราวทองไม่รู้ร้อน “โบราณยังว่าไม้เรียวสร้างคน”
หม่อมย่าค้อนควักไปหนึ่งที ก่อนหันมาคาดคั้นกับอาจารย์หนุ่ม “แล้วเคยตีหลานฉันหรือเปล่า!”
เลอมานอึกอักพิพักพิพ่วน ส่วนคนึงขึงหน้าตึงเรียบราวไร้อารมณ์ใด และแล้วทั้งคู่ก็เปล่งเสียงพร้อมเพรียงกัน
“ไม่เคยครับ” / “เคยครับ”
สุภาพสตรีสูงศักดิ์หรี่ตามอง การณ์มันพิกลอยู่ หลานรักปฏิเสธว่าไม่ แต่อาจารย์กลับยืดอกรับเสียอย่างนั้น ไม่โจทย์ก็จำเลย ต้องมีฝ่ายหนึ่งมุสาแน่ละ แต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอ โจทย์ให้การปกป้องจำเลยเสียอย่างนั้น
ดูท่า.. อาจารย์บ้านนอกลูกชาวนาคนนี้ จะมีอิทธิพลกับเลอมานเอาการ
******************************
หลังมื้ออาหารอันน่าอึดอัด อาจารย์หนุ่มลอบถอนใจแผ่วเบา หมายจะบรรเทาความอัดอั้นในอกลงสักนิด หากไม่ทันไร ก็มีเหตุให้หนักอกดังยกภูเขาหลวงประดังเข้ามาอีกระลอก
จู่ๆ หม่อมดารา ชายากรมหลวงบูรพพิบูลย์ศักดิ์ ก็เอ่ยปากอยากให้เขาพาเที่ยวชมโรงเรียน.. ตามลำพัง!?
คนึงจะทำเช่นไรได้ ได้แต่เพียงรับคำอย่างสุภาพ ผายมือเชื้อเชิญสตรีผู้มากยศย่างเยื้องดำเนินไป จากปลายหางตา ยังเห็นคนรักมองมาอย่างห่วงใยสุดแสน เยื่อใยที่ถ่ายทอดมายังคงเหนียวแน่น แต่เหตุใด เหมือนห่างไกลออกไปทุกที
จะขาดรอนลงวันใด.. หัวใจอาจารย์บ้านนอกจนๆ คนหนึ่งไม่อาจล่วงรู้ได้เลย
ดีที่ต้นมะม่วงใหญ่ใบดกหนาให้ร่มเงาปกคลุมเป็นแนว หาไม่อาจารย์หนุ่มคงต้องหาร่มมากางให้หม่อมดาราเป็นแม่นมั่น เขาชี้มือให้ดูแนวร่องผักเขียวขจี ผลิตผลของชมรมกสิกรรมที่แสนภาคภูมิใจ ผู้เป็นแขกกลับปรายตามองเพียงนิด และแล้ว.. คนที่เอ่ยปากว่าอยากให้พาชมโรงเรียน กลับเป็นฝ่ายเดินนำมาหยุดที่ศาลาท่าน้ำ
ลมเย็นเหนือผิวคลองพัดพากลิ่นชื่นมากระทบหน้า หากหม่อมดาราคงมีอะไรบางอย่างระอุอยู่ในอก มือเหี่ยวย่นจึงคว้าพัดไม้จันทน์จากกระเป๋าถือมาโบกพรึ่บพรั่บ ท้าวเธอปรายตามองม้านั่งไม้อย่างแคลงใจในความสะอาด ก่อนหันมาทางอาจารย์หนุ่ม ในดวงตามีคำสั่ง วินาทีนี้.. เขาพึงรู้หน้าที่ของตน
มือใหญ่ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีเข้มจากกระเป๋ากางเกง ใช้เช็ดที่นั่งหรือ? แค่เช็ดคงไม่สะอาดพอ อย่ากระไรเลย คนึงค่อยๆ คลี่ผ้าผืนบางลงบนผืนไม้ ก่อนผายมือเชื้อเชิญ
อนงค์ผู้ทรงศักดิ์หย่อนตัวนั่งทันทีไม่รีรอ
แล้วเขาเล่า.. จะยืนหัวโด่ค้ำหัวผู้ใหญ่นั้นเสียมารยาทยิ่ง เขาเม้มริมฝีปากแน่น ค่อยๆ ทรุดกายลงพับเพียบกับพื้นไม้กระดาน จะมีที่ใดเหมาะกับผู้ต่ำต้อยมากไปกว่านี้เล่า
แม้ชราภาพหากหม่อมดารายังงามสง่าทุกท่วงท่า ลำตัวตั้งตรง หน้าเชิด ดวงตาคมกริบทอดมองน้ำคลองไหลเอื่อย “ฉันอยากถามอะไรสักหน่อย รบกวนครูตอบฉันมาตามตรง”
“ขอรับ” คนึงทำได้เพียงรับคำอย่างอ่อนน้อม
“ชายเล็กเธอเป็นลูกชายคนเดียวของท่านชายอาทิตย์” อารัมบทเริ่มขึ้น ผู้ฟังไหวยอกในอกขึ้นมาอย่างประหลาด พอจะจับทิศทางการสนทนาครั้งนี้ได้เลาๆ “คงจะทราบดี”
“ขอรับ”
“อยู่ที่นี่มีผู้หญิงมาเกาะแกะหลานฉันบ้างหรือเปล่า” ผู้มากวัยยิงคำถามเข้าเป้า นั่นปะไร เขาเดาไว้ไม่มีผิด
“ไม่มีขอรับ”
เขามิได้มุสา ที่นี่.. ไม่มีผู้หญิงมาเกาะแกะหม่อมราชวงศ์เลอมานจริงๆ จะมีก็เพียง.. เขา.. อาจารย์บ้านนอก ลูกชายชาวนา หมาวัดที่ชื่อคนึง วนาสัยคนนี้
“แน่ใจนะ” ดวงตาคมกริบหรี่มอง หากเห็นใบหน้าแน่วแน่แล้วก็ถอนใจพรู “เฮ้อ ได้ยินครูพูดแบบนี้ฉันค่อยเบาใจชายเล็กเธอเป็นผู้สืบสกุลบูรพวงศ์ ท่านชายตั้งความหวังไว้สูง คู่ครองก็ต้องเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกัน”
อาจารย์หนุ่มอับจนถ้อยคำ สายตาหลุบต่ำจับจ้องแต่รองเท้าส้นสูงหนังมันปลาบประดับอัญมณีของสตรีผู้สูงศักดิ์ เทียบกับเสื้อสีกากีที่เริ่มซีดจางของตน
ต่ำชาติและปราศนรุปถัม ภกช้ำอุรายาว
แร้นทรัพยะยับยศ ณ คราว ทุกขกว้างบ่บางเบา“ความจริงท่านชายอาทิตย์หาคู่หมายไว้ให้แล้ว เป็นหม่อมราชวงศ์เหมือนกัน เป็นกุลสตรีเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและชาติตระกูล กลับไปอีหรอบเมื่อไรเห็นทีต้องหมั้นหมายกันให้เป็นเรื่องเป็นราว” ถ้อยคำหลากมาดั่งน้ำไหล กัดเซาะตลิ่งหัวใจคนฟังทีละนิด “ฉันก็กลัวแต่ช่วง ๑ ปีที่อยู่ที่นี่ คุณชายจะไปคว้าพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเสียก่อน”
มือใหญ่ที่วางบนตักกำแน่น ทอดมองท้องน้ำสีน้ำตาลไหลเอื่อยนิ่งงัน
แค้นใจบ่ใส่ชลกะโหลก บ่ชะโงกจะดูเงา
น้ำหน้ากะลาศิรษเรา ฤจะหมายตะกายสูง “คุณชายเลอมานเธอเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นสุภาพบุรุษอ่อนหวานให้เกียรติผู้หญิง แม่พวกสาวๆ เลยตามฝากรักกันตั้งแต่อีหรอบยันพระนคร สาวๆ น่ะไม่เท่าไร แต่พวกหนุ่มๆ นี่สิ หึ พูดแล้วขนลุก” มือเหี่ยวย่นลูบแขนตน ตีสีหน้าขยะแขยงเต็มประดา “อยู่อีหรอบ ชายเล็กพักโรงเรียนประจำ วันดีคืนดีเกิดมีเรื่องชกต่อยกัน มีรุ่นพี่ผู้ชายมาเกี้ยว คนของเราไม่เล่นด้วยเลยฟาดปากเข้าให้ เป็นเรื่องเป็นราวถึงห้องผู้อำนวยการ ท่านชายปิดโอษฐ์เงียบ ดีนะที่ฉันไปรีดจากนายชานนท์มาได้ ถึงได้รู้เรื่อง”
อาจารย์หนุ่มได้แต่ก้มหน้า ดั่งพร้างัดปากไม่ออก
“นี่ก็โรงเรียนชายล้วนเหมือนกันนี่ หวังว่าคงไม่มีพวกวิปริตผิดเพศแบบนั้นนะ” ท้าวเธอหันมาจ้องหน้า ชนักที่กลางหลังฝังลึกลงยังตำแหน่งหัวใจ
“จะว่าไปครูก็เก่งนะ ปกติคุณชายเธอไม่เคยยอมใครจริงๆ แต่ดูจากวันนี้ ท่าทีเธอก็เชื่อฟังครูอยู่เอาการ ฉันอยากจะฝากครูช่วยดูแลหลานฉันด้วย คอยระแวดระวังให้ที อย่าให้พวกไม่มีสกุลรุนชาติที่ไหนมาเกาะแกะเธอได้” ถ้อยวจีชื่นชมอย่างจริงใจ หากประโยคถัดไป ยังให้คนฟังแทบกระอัก
“ฉันจะให้ค่าจ้างครูเป็นพิเศษ”
ฟ่อนธนบัตรสีแดงใหม่เอี่ยมในมือเหี่ยวย่นนั้น เพียงคะเนด้วยสายตาคร่าวๆ คนึงก็รู้ว่ามันมากกว่าเงินเดือนทั้งปีของเขาเสียอีก
เงินจำนวนนี้.. คือค่าจ้าง.. ให้เขาทุ่มเทปกป้องหม่อมราชวงศ์เลอมานด้วยใจจงภักดิ์
ปกป้องจากพวก ‘ไม่มีสกุลรุนชาติ’ เช่นเขา..
ชายหนุ่มรู้สึกราวหัวใจรักแห่งตนถูกตีราคา เทียบเท่าเพียงเศษเงินของศักดินา
เจ็บปานปืนนายต้อง ตำพักตร์
“ผม.. ผมรับไม่ได้ขอรับ” เสียงห้าวสั่นพร่าดั่งมีก้อนแข็งแล่นลามขึ้นจุกอก มือกำแน่นจนสั่นสะท้าน
“อย่าเล่นตัวนักเลยพ่อ” สุ้มเสียงท้าวเธอหงุดหงิด “รับไว้ พ่อจะได้มีเงินส่งไปให้พ่อแม่ที่บ้านนอก ลำพังเงินเดือนครูจะมีเหลือเก็บสักกี่มากน้อย” มืออันประดับเครื่องเพชรพราววางฟ่อนเงินนั้นไว้กับม้านั่ง ก่อนลุกขึ้นกรีดกรายจรลีกลับไปยังเรือนอาจารย์ใหญ่ ทิ้งอาจารย์หนุ่มนิ่งงันเบื้อใบ้ไว้ลำพัง
ลมชายคลองพัดมาวูบหนึ่ง ผ้าเช็ดหน้าไพร่ที่ปูรองให้ประทับขยับพะเวิบก่อนปลิดปลิวลอยคว้าง ร่อนลงแตะผิวน้ำไหลเอื่อย หากเงินฟ่อนที่ราชนิกูลวางให้กลับยังอยู่ที่เดิม คนึงมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันหลังเดินจากไป ไม่แตะต้องเงินนั้นแม้ปลายนิ้ว
คางคกผงกมุขเผยอ จิตเห่อจะปีนยูง
เป็นหมูจะคู่อศวจูง จรได้ไฉนนา**ขายาวๆ พาร่างเลื่อนลอยมาหยุดอยู่แถวเรือนอาจารย์ใหญ่ ที่แคร่ไม้รวกตีนบันได หม่อมราชวงศ์เลอมานหัวร่อต่อกระซิกกับเลขาท่านทูต ท่าทีสนิทสนมกันยิ่งนัก
รัศมี ‘ผู้ดี’ เรืองรองหัวจรดเท้า อ่าอำไพจนคนึงไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้ เกรงกลิ่นโคลนสาบควายในสายเลือดจะทำให้มันหม่นลง
“โอ้โห กล้องถ่ายรูป!” ดวงตาสุกใสเบิกกว้าง ก่อนโผเข้ากอดคอคนตัวสูงกว่า “พี่ชานนท์ซื้อให้ชายหรือ”
“พี่แค่เป็นคนไปซื้อ” สายตาละมุนละไม มือใหญ่ขยี้เรือนผมเด็กขี้อ้อนอย่างมันเขี้ยว “ส่วนคนออกเงินน่ะ ท่านพ่อของชายเล็กนู่น”
“ของเยอรมันเสียด้วย แบบที่ชายอยากได้เลย” แล้วทั้งคู่ก็ศึกษาวิธีใช้กันกระหนุงกระหนิง แก้มแทบจะชิดแก้มอยู่รอมร่อ
ผู้ลอบมองจากมุมห่างไกลเม้มริมฝีปากแน่น ต้องผู้ชายอย่างนี้สินะ จึงจะ ‘มีสกุลรุนชาติ’ คู่ควรกับคุณชายเล็ก
หากทันใด! ฟันเฟืองความคิดหยุดกึง!
ผู้ชาย? คู่ควร?
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?! เขาคิดบ้าอะไรออกไป?
กับผู้ชายที่ศักดิ์ทัดเทียมกันยังเป็นไปไม่ได้ แล้วผู้ชายที่ค่าด้อยเพียงดินเช่นเขาเล่า
“อาจารย์!” เลอมานหันมาเห็นเขาเข้า เสียงใสร้องเรียกพร้อมวิ่งตื๋อเข้ามาหาทันใด วงหน้าอ่อนเยาว์เริงร่าเหมือนเด็ก ชูกล้องถ่ายรูปราคาแพงในมือขึ้นอวดอย่างภาคภูมิใจ “อาจารย์ดูสิ ท่านพ่อซื้อให้เล็กเป็นรางวัล”
อาจารย์ยิ้มฝืดฝืน “สวยดี”
“เดี๋ยวเล็กจะเอาไปอวดพวกเพื่อนๆ พวกนั้นต้องชอบแน่” เพื่อนๆ? คงหมายถึงจ้อย สง่าและสันติ “แล้วจะถ่ายรูปให้หมดทุกคนเลย ถ่ายรูปอาจารย์ด้วย”
ดวงตาอ่อนระโหยมองกล้องถ่ายรูปใหม่แกะกล่องในมือขาว รอยปั๊มนูนเป็นตัวอักษร Leica บนฝาปิดเลนส์ โวคาไนท์สีดำเป็นมันตัดกับโลหะสีเงินวาว สายคล้องหนังถัก ราคามันจะสักปานใด เงินเดือนเขาทั้งปียังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำกระมัง
******************************