ยกที่ 2
" น้องคะ คณะนิเทศศาสตร์เชิญทางนี้ค่ะ "
พี่สาวคนสวยยืนตะโกนเสียงดังลั่น เพื่อแข่งกับคณะอื่น ๆ ที่ก็ต่างแข่งกันตะโกนเพื่อเรียกน้องๆใน
คณะของตัวเองมารวมตัวกันก่อนที่จะเข้าไปปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่
" น้องคณะอะไรคะ "
พี่คนสวยคนเดิมหันหน้ามาถามผมครับ แกคงจะสังเกตเห็นผมมายืนหน้าตาเหรอหราอยู่ตรงหน้า
ก็เลยลดเสียงมาถาม
" นิเทศศาสตร์ครับ "
ผมตอบกลับไป
" งั้นน้องเดินไปเอาเชือกผูกแขนทางนี้นะคะ แล้วก็เดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ เดี๋ยวอีกสักพักพี่ก็จะพาเข้าหอประชุมแล้วแหละ "
พอพูดกับผมเสร็จพี่แกก็หันไปตะโกนเพื่อเรียกแขก เอ้ย เรียกน้อง ๆ อีกตามเคย เวลาของเจ้แกช่างเป็น
เงินเป็นทองจริง ๆ ผมก็เดินไปเอาเชือกผูกแขน เสร็จแล้วก็เดินไปยืนรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆที่ยืนรออยู่แล้ว
ประมาณ เกือบ ๆสองร้อยคนได้
" เธอ ชื่อไรอ่ะ "
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมก็เริ่มหาเพื่อนใหม่ทันทีครับ โดยเริ่มจากเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ผมก่อน ก็อย่างว่า
แหละครับ ผมมันตัวคนเดียวก็เลยต้องรีบหาเพื่อนไว้ก่อน
"เราชื่อหนิง แล้วนายล่ะ ชื่ออะไร "
" เราชื่อตั้ม เรียนสาขา... อ่ะ หนิงล่ะ เรียนสาขาอะไร "
" เฮ้ย ตั้มเรียนสาขาเดียวกันกับเราเลย ดีเลยนะเนี่ย เราจะได้มีเพื่อน "
" เหมือนกัน แล้วหนิงมีเพื่อนมาเรียนด้วยป่ะ "
" อ๋อ คณะเดียวกันไม่มีหรอก มีแต่คณะอื่นน่ะ แต่ก็ไม่สนิทกันหรอก"
ผมกับหนิงก็คุย ๆ กันไปเรื่อย ๆ เพื่อทำความรู้จักกันมากขึ้น ผมจึงได้รู้ว่า หนิงนั้นเป็นคน
ต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่มาอยู่กับป้าและลุงที่กรุงเทพฯ สำหรับนิสัยใจคอหนิงกับผมก็คล้าย ๆ
กันนะ คือจะเฮ ๆฮา ๆ ขี้เล่นเหมือนกัน ด้วย ทำให้คุยกันถูกคอมากยิ่งขึ้น
" อ้าวน้อง พี่ว่าคงจะมีมาแค่นี้แหละวันนี้ เราเข้าหอประชุมก่อนดีกว่า "
เหมือนเสียงสวรรค์เลยครับ เพราะตอนนี้ก็จะเก้าโมงอยู่แล้ว แดดก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเราก็ค่อย ๆ
ลุกแล้วเดินจูงมือกันเข้าไปในหอประชุม ซึ่งมือข้างซ้ายผมก็จับกับหนิงแหละครับ ส่วนอีกข้างหนึ่งน่ะ
หรอ ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เขาท่าทางหยิ่ง ๆ หน้าตาก็ไม่ได้สวยมากมายอะไร สู้หนิงก็ไม่ได้
( แอบเข้าข้างเพื่อนตัวเอง )ผมเลยไม่กล้าคุยด้วย ผมเพิ่งสังเกตว่า หลังจากที่ผมมาแล้วนั้นก้ไม่ค่อยมีใครมาอีกเลย
ทำให้ผมได้อยู่ท้าย ๆแถวเลยครับ
พอเราเข้าห้องประชุมกันเสร็จ ก็มีการทำพิธีต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งมีคนมาพูดหลายคน
รวมถึงท่านอธิการบดีของมหาลัยด้วยครับ แต่ผมน่ะหรอ มีรึจะตั้งใจฟัง เพราะมัวแต่คุยกันกับเพื่อน
ใหม่อย่างหนิงอยู่นะสิครับ จนกระทั่ง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้การสนทนาของเราสอง
คนหยุดชะงัก
" เฮ้ย เสียงดังว่ะ "
ผมหันไปมองทันทีครับ อ้าว เวรล่ะสิกู ผู้ชายนั่งกันให้พรึบเลยครับ ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าคณะอะไร
แต่ผู้ชายหน้าตาเถื่อน ๆทั้งนั้น ผมก็พยายามเพ่งมองหาตัวคนพูดว่าใครพูด แล้วมันว่าให้ใคร ( ที่จริงถ้า
เขาว่าให้ผม ผมก็จะขอโทษไงครับ แบบว่าใครจะไปกล้า ผู้ชายเป็นโขลง ) จนมันพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
" นายนั่นแหละ สนใจพิธีหน่อยสิ อย่ามัวแต่คุยกัน เด็กคณะอะไรเนี่ย รุ่นพี่ไม่บอกกันมั่งรึไง "
น่าน ไอ้หน้าโหดมั่นเล่นกันถึงรุ่นพี่เลยครับ แล้วมันเป็นใครเนี่ย มาสั่งสอนคนอื่นเขา
" บอกแต่ผมไม่จำ " อ้าว เราพูดอะไรออกไปเนี่ย ปากไวอีกแล้วเรา
" ดูหน้าแล้วน่าจะฉลาดนะ ไม่น่าความจำสั้น ถึงได้เลือกเรียนคณะนี้สินะ "
โอ้โห คุณพระ มันด่าถึงคณะแล้วครับ ( คณะผมกับคณะมันไม่ค่อยถูกกันครับ ทราบจากรุ่นพี่ )
" อ้าว นี่นายด่าถึงคณะเลยหรอ แค่เราคุยกันนิดเดียวเองนะ ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วยล่ะ "
ผมก็ตอบกลับไปด้วยความมีมารยาทแหละครับ เพราะยังไม่ชินที่ชินทางเลยไม่กล้าว่าแรง เหอ ๆ ๆ
" ด่าตรงไหนวะ แม่งชอบคิดไปเอง สนใจพิธีเหอะไป "
อ้าว ๆ หลอกให้อยาก ( มีเรื่อง ) แล้วจากไปนี่หว่า
แล้วผมก็เห็นมันทำหน้าประมาณว่า ช่างมึงเหอะ กูไม่สนแล้ว ตอบกลับมา ผมก็เลยเลิกสนใจไปเลย
ครับ หันกลับไปคุยกับหนิงต่อ จนกระทั่งพิธีปฐมนิเทศเสร็จ ผมเลยได้มีโอกาสได้ถามรุ่นพี่ที่คณะ ที่เป็นคนประกาศ
เรียกน้อง ๆให้มารวมตัวกัน ( ทราบชื่อทีหลังว่าชื่อ ฝน ) ว่าคณะที่นั่งอยู่ข้างหลังของเราคือคณะอะไร ซึ่งคำตอบ
ที่ผมได้รับมาทำให้ผมถึงกับอึ้งเลยครับ โห ก็ใครล่ะครับ ช่างจัดช่างแบ่งจริง ๆ เลือกเอาคณะสถาปัตย์
กับคณะนิเทศมานั่งติดกัน ไอ้ผมก็ดันมาหลัง ๆ จึงไม่มีคนคอยเป็นแนวกั้นให้ ทำให้ผมได้นั่งติดกับคณะนี้ไงครับ
ดีนะเนี่ยที่ผมไม่ได้ด่ากลับไป ( มาก )ไม่งั้นคงมีเรื่องแน่ ดูหน้าแต่ละคน เถื่อน ๆ ทั้งนั้น
หลังจากนั้นก็มีการรับน้องของคณะ ก็มีเต้น ๆ กันเป็นที่สนุกสนาน อย่างว่านะครับ คณะนิเทศ
ศาสตร์ ความมันส์มีอยู่ทุกที่ แล้วตอนเที่ยงก็แยกย้ายกันไปตามสาขาแหละครับ ผมก็ได้เพื่อน ๆ เพิ่มขึ้น
อีกเยอะเท่าที่มีในสาขา ในวันต่อ ๆ มาผมก็ได้เริ่มเรียน แล้วก็ตอนเย็นก็มีการลงลานรับน้องของคณะ
ก็เป็นการทำกิจกรรม ที่มุ่งเน้นการเต้นมั่ว ๆ เหมือนเดิม อาศัยว่ากลองมา กูเต้นไป ไม่สนเนื้อเพลง
ฮ่า ๆ ๆ