Chapter :: Special Sky by คุณเพลงซอ :: เด็กชายฟ้าประทาน (III)วันที่ 29 กุมภาพันธ์ปีนี้ เด็กชาย..ไม่สิ..นายฟ้าประทาน เทอร์ซี แบร์ลุสโคนี จะมีอายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ ผมนึกไม่ออกเลยว่าป่านนี้เขาจะโตขึ้นขนาดไหนแล้ว แต่ไม่เป็นไร ยังไงวันนี้ผมคงจะได้รู้..
ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วที่ผมตระเวนเดินสายแสดงนิทรรศการรวมผลงานภาพวาดลำดับที่ 2 ของตัวเองอยู่ในยุโรป เริ่มจากเกาะอังกฤษ ข้ามไปสเปน ปิดท้ายที่อิตาลี ผมจงใจเลือกไปอิตาลีเป็นประเทศสุดท้าย เพื่อที่ว่าจะได้มีโอกาสหาข่าวคราวของคุณฟ้าก่อนกลับเมืองไทย แต่คงไม่เป็นการดีหากผมจะโผล่ไปที่เนเปิลส์ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่ไม่ว่ายังไงคุณฟ้าก็ยังเป็นหลานชายของผม เป็นลูกชายของคุณขลุ่ย ข้อนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ไม่อาจไปเจอหน้าได้ อย่างน้อยให้ผมได้รับรู้บ้างว่าเขาเป็นอยู่ยังไง สุขสบายดีหรือเปล่า แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว..
ยิ่งกว่านั้น ก่อนมาผมให้สัญญากับคุณจี้ว่าจะเอาคำอวยพรวันเกิดของเขาฝากไปถึงคุณฟ้าให้ได้ และผมก็ตั้งใจจะทำตามสัญญา
ผมติดต่อไปหา เทอร์ซิโอ แบร์ลุสโคนี โดยตรงตามช่องทางที่เขาเคยให้ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมถามเขาว่าเป็นไปได้ไหมหากผมจะอยากรู้ความเป็นไปของคุณฟ้าบ้าง เทอร์ซิโอไม่ได้ขัดข้อง เขาถามว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ผมบอกผมอยู่โรม นิทรรศการของผมถูกจัดขึ้นในแกลอรี่ที่เมืองฟอเรนซ์และโรม แน่นอนว่าโรมคือเมืองสุดท้ายของการมาทำงานในครั้งนี้ และวันนี้คือวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองไทย เทอร์ซิโอบอกว่าเขาเสียดายที่ไม่รู้มาก่อนหน้านี้ ไม่งั้นเขาคงมีโอกาสได้มาชื่นชมผลงานของผมบ้าง ผมได้แต่บอกขอบคุณไป แค่เขาแสดงความสนใจในงานของผมผมก็ดีใจแล้ว..
ระหว่างผมกับเทอร์ซิโอ นี่เป็นการคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราเคยแค่ทักทายกันเพียงไม่กี่คำ บอกตามตรงว่าผมไม่เคยมองเห็นว่าเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้อยู่ตรงไหน นอกจากรูปร่างหน้าตาและฐานะที่ชวนให้สงสัยแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรให้น่าสนใจอีก ไม่รู้ทำไมถึงทำให้คนอย่างคุณขลุ่ยตกหลุมรักจนถึงขั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองได้ แต่พอได้ลองพูดคุยกันครั้งนี้ มันก็เหมือนกับว่าผมเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเขา..อะไรบางอย่างที่เหมือนกับมีแรงดึงดูด..
สรุปเรานัดเจอกันที่วาติกัน เทอร์ซิโอบอกว่าเขาต้องไปธุระแถวนั้นพอดี และมันก็ไม่ไกลจากโรงแรมที่ผมพักมากนักด้วย นั่งรถไฟใต้ดินไปไม่นานก็ถึง เขาว่าหากเป็นที่นั่นจะคุยได้สะดวกกว่า จุดนัดพบคือหน้ารูปปั้นเพียต้า ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เวลาเที่ยงครึ่ง เขาบอกว่าเขาจะใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าไปยืนรอผมอยู่แถวนั้น หรือถ้าผมกลัวว่าเขาจะดูกลมกลืนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นจนเกินไป เขาจะคาบดอกกุหลาบสีแดงเอาไว้ในปากด้วยก็ได้ ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าเขาเป็นคนมีอารมณ์ขันขนาดนี้ ..แต่ถ้าเขากล้าทำจริงๆ ผมก็คงจะไม่กล้าเข้าไปทักแน่ๆ
หลังจากเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พักในตอนสิบโมงเช้า ผมรีบเดินทางต่อไปยังวาติกันเพื่อให้ทันตามนัดพร้อมกับเป้ประจำตัวหนึ่งใบ ส่วนข้าวของสัมภาระส่วนใหญ่ผมสั่งให้เลขาส่วนตัวขนไปรอที่สนามบินหมดแล้ว และอย่างที่เทอร์ซิโอบอกว่ามันใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง แต่มานานตรงที่ต้องต่อคิวรอเข้าไปในตัววิหารนี่ล่ะ กว่าจะเข้ามาได้ผมก็ต้องยืนขาแข็งตัวแข็งอยู่พักใหญ่ เพราะอากาศข้างนอกค่อนข้าวหนาวพอสมควร แต่เข้ามาได้แล้วก็ยังไม่ถึงเวลานัด ผมเลยถือโอกาสเดินดูสถาปัตยกรรมสมัยยุโรปกลาง ทั้งรูปปั้น ทั้งจิตกรรมฝาผนังที่อยู่โดยรอบก่อน ..เพลิดเพลินจนลืมเวลา กว่าจะรู้สึกตัวว่ามีนัดสำคัญนาฬิกาก็บอกเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว ผมจึงรีบวิ่งกระหืดกระหอบไปหารูปปั้นเพียต้า ผลงานอันลือลั่นของศิลปินเอกอย่างมิเคลันเจโล(ไมเคิล แองเจโล)
ผมพยายามมองหาผู้ชายท่าทางคุ้นตาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าซึ่งน่าจะอยู่แถวๆ นั้น แต่กลับไม่เห็นมี พาลนึกกลัวไปว่าเขาอาจจะกลับไปแล้วเพราะคนอย่างเขาคงไม่มีเวลาว่างมากมายนัก ขณะกำลังนึกด่าตัวเองที่ไม่รู้จักตรงเวลาอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีคนมาแตะที่ไหล่ หันไปมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ ผู้ชายในชุดลำลองแบบสบายๆ โดยมีเสื้อเชิ้ตซึ่งพับแขนขึ้นเป็นสีฟ้า ผมมองหน้าเขางงๆ ถึงจะจำหน้าได้ว่าใช่แต่ก็ยังไม่กล้าทัก เพราะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมคนนี้ไม่เหมือน เทอร์ซิโอผู้ลึกลับของคุณขลุ่ยที่ผมเคยเจอมาก่อนเลยสักนิด เขาคนนี้ไม่มีทั้งมาด ไม่มีทั้งบรรยากาศคุกคามน่ากลัว แถมยังไม่มีคนติดตามเหมือนอย่างทุกทีเทอร์ซิโอคนนี้ดูเหมือนคนธรรมดาสามัญมากเกินไปจนผมชักไม่แน่ใจว่าจะใช่คนเดียวกัน จนกระทั่งเขาพูดประโยคแรกออกมา
‘ผมนึกแล้วว่าคุณต้องจำไม่ได้ เพราะงั้นผมเลยพยายามจะไปหาดอกกุหลาบแดงมาคาบไว้ แต่หาไม่ได้เลย’
‘..ผมดีใจที่เป็นแบบนั้น’ ผมตอบไปอย่างนั้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเราก็ได้พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนรู้จัก(เรียกแบบนั้นคงได้มั้ง) เทอร์ซิโอชวนผมคุยไปพลางเดินชื่นชมศิลปะภายในมหาวิหารไป เขาดูสบายๆ และเป็นกันเองอย่างที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน แต่ถึงกระนั้นดวงตาสีเทาซีดของเขาก็ยังดูทรงอำนาจอยู่เสมอ
ผมเพิ่งจะได้รู้ว่าเขากับคุณขลุ่ยเจอกันครั้งแรกที่นี่ ตรงหน้ารูปปั้นเพียต้านี้ ขณะที่เขากำลังยืนลอบมองใบหน้าด้านข้างของคุณขลุ่ยอย่างสนใจ จู่ๆ คุณขลุ่ยที่ยืนนิ่งจดจ้องรูปปั้นพระแม่มารีทรงอุ้มพระเยซูไว้บนตักมาพักใหญ่ก็หันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าว้าวุ่นใจว่า
‘คุณรู้ไหมคะว่าตอนนี้ฉันคิดอะไรอยู่?’
‘ไม่ ผมไม่รู้’
‘ฉันกำลังอยากมีลูกแบบนี้สักคนน่ะค่ะ’
‘อ้อ เหรอครับ’
‘แต่ก่อนหน้านั้นฉันคงต้องหาพ่อของลูกให้ได้ก่อน’ผมหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดคำจาสไตล์คุณขลุ่ย แม้แต่คนที่เล่าเองก็ยังร่วมหัวเราะไปด้วย เขาบอกว่าตอนนั้นเขารู้สึกงงมากที่อยู่ดีๆ ผู้หญิงคนนี้ก็หันมาพูดอะไรแบบนั้นกับคนแปลกหน้าอย่างเขา เล่นเอาเขาทำหน้าไม่ถูกไปต่อไม่เป็นอยู่พักหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้ผมหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่เมื่อนึกถึงสีหน้าของเทอร์ซิโอในขณะนั้น .. แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พูดคุยสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
คุณขลุ่ยเคยเล่าให้ผมกับคุณพิณฟังแค่ว่าเจอเทอร์ซิโอตอนมาเที่ยวอิตาลี แต่ไม่เคยบอกรายละเอียดว่าเจอกันในวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งนี้
ช่วงที่ตลกที่สุดคงเป็นตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวเวโรนาด้วยกัน เทอร์ซิโอบอกว่าตอนนั้นเขาขอแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ ระหว่างทางเดินกลับมาเขาก็เห็นคุณขลุ่ยไปหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าบ้านเลขที่ 27 บนถนนแคปเปลโล บ้านที่ว่ากันว่าเป็นบ้านของสาวจูเลียต แห่งตระกูลคาปุเล็ต ผู้เป็นที่รักของหนุ่มโรมิโอ แห่งตระกูลมอนตาคิว เทอร์ซิโอหยุดเดินด้วยอยากรู้ว่าคุณขลุ่ยจะทำอะไรต่อ จะเข้าไปในบ้านหลังนั้นหรือเปล่า ..แต่แล้วก็เปล่า หลังจากยืนมองคล้ายลังเลใจอยู่พักใหญ่ จู่ๆ คุณขลุ่ยก็หันไปทางซ้ายมือซึ่งมีรูปปั้นบรอนซ์ของจูเลียตยืนอยู่ เธอเดินตรงเข้าไปลูบหน้าอกของรูปปั้นและลูบอยู่อย่างนั้นร่วมหลายนาทีจนนักท่องเที่ยวแถวนั้นเริ่มหันมามองด้วยความสงสัยปนหวาดระแวง(..ที่นั่นมีความเชื่อว่าถ้าใครอยากสมหวังในรักให้ไปลูบที่หน้าอกของจูเลียตแล้วอธิษฐาน)
ผมฟังมาถึงตรงนั้นก็หัวเราะจนน้ำตาไหลด้วยรู้จักนิสัยของคุณขลุ่ยดี เทอร์ซิโอบอกว่าหลังจากนั้นคุณขลุ่ยก็เดินหายเข้าไปในบ้านของจูเลียต นักท่องเที่ยวที่ยืนออกันอยู่ตรงทางเข้าต่างแหวกทางให้เธอโดยพร้อมใจ และอึดใจต่อมาโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เสียงที่ดังมาตามสายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณขลุ่ยนั่นเอง
‘ฉันโทรมาจากบ้านของจูเลียตค่ะ บางทีคุณคงจะเคยได้ยินตำนานของที่นี่มาบ้าง เมื่อกี๊ฉันก็เพิ่งไปจับหน้าอกของเธอมา..นานมากเลย จนคนอื่นๆ พากันมองฉันแบบแปลกๆ แต่ฉันไม่สนใจหรอก ที่ฉันสนใจก็คือ..คุณจะว่ายังไงถ้าฉันจะขอให้คุณมาเป็นพ่อให้ลูกของฉัน ..ได้ไหมคะ?’ต้องใช้เวลากว่าพักใหญ่ที่ เทอร์ซิโอ แบร์ลุสโคนี จะเข้าใจว่านั่นคือการสารภาพรักในแบบฉบับของ คุณเพลงขลุ่ย ทามิยะ..
นั่นเป็นเรื่องราวความรักต้องห้ามที่เริ่มขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ แต่สุดท้ายกลับจบลงพร้อมคราบน้ำตา..
เทอร์ซิโอพาผมมานั่นพักในจุดที่สามารถนั่งได้ในวิหาร เขายังชวนคุยเรื่องสัพเพเหระที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผมได้เรื่อยๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าเรื่องของคุณฟ้าซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักที่เรามาเจอกันในวันนี้สักที จนผมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น เทอร์ซิโอเงียบไป และนั่นทำให้ผมเริ่มใจไม่ดี..
‘ได้โปรดเถอะ เทอร์ซี, บอกผมทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น?’
‘..เขาถูกลักพาตัว’คำตอบนั้นทำเอาผมเนื้อตัวเย็นเฉียบ รู้สึกเหมือนเลือดภายในกายทั้งหมดเหือดหายไป ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะสามารถเค้นคำถามออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง
‘ทำไม? ตั้งแต่เมื่อไหร่?’สิ่งที่ผมได้รับรู้จากนั้นก็คือ.. คุณฟ้าถูกพวกแก๊งค์กาซาเลซีที่เริ่มตั้งตัวเป็นมาเฟียในเนเปิลส์ตอนใต้ได้เพียงไม่กี่ปีลักพาตัวไป เทอร์ซิโอบอกว่าเพราะพวกนั้นเข้าใจผิดคิดว่าคุณฟ้าคือทายาทคนโตของแบร์ลุสโคนี ..‘โคเนโร แบร์ลุสโคนี’ ลูกชายของเขาที่เกิดจาก ‘เวเนสซา เวนโดลา’ ภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ทีแรกพวกนั้นตั้งใจจะใช้โคเนโรเป็นข้อต่อรองในการเจรจาแลกเปลี่ยนบางอย่างกับตระกูลแบร์ลุสโคนี แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะข้อมูลผิดพลาดหรือเข้าใจผิดอะไรสักอย่างจึงได้จับคุณฟ้าไปแทน และเพราะคุณฟ้าเป็นเพียงทายาทลำดับสองของแบร์ลุสโคนี ตามธรรมเนียมจึงไม่ได้มีการให้คนมาคอยคุ้มกันความปลอดภัยแน่นหนานัก คุณฟ้าจึงถูกจับตัวไปได้ไม่ยาก
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันอังคาร ขณะที่คุณฟ้ากำลังจะกลับบ้านหลังเลิกเรียน บอดี้การ์ดที่ถูกส่งไปคุ้มกันถูกยิงบาดเจ็บสาหัสกลับมา จนวันนี้ก็วันศุกร์แล้ว ..ผ่านไปแล้วสี่วัน ผมถามว่าเขาไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง? จะปล่อยให้คุณฟ้าอยู่กับพวกนั้นอีกนานแค่ไหน? ไม่รู้ว่าจะถูกทำร้ายอะไรบ้างหรือเปล่า?
เทอร์ซิโอเงียบไปอีกครั้ง สีหน้าจริงจังขณะเล่าเรื่องเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ความรู้สึกทั้งหมดถูกเก็บซ่อนไว้อย่างแนบเนียน ผมไม่สามารถจับอะไรได้เลยในตอนที่เขาเริ่มเล่าด้วยประโยคต่อมา
‘สิ่งที่พวกนั้นเรียกร้องมันมากเกินกว่าที่แบร์ลุสโคนีจะยอมได้ มติจากที่ประชุมโดยสมาชิกของตระกูลสาขาทั้งหมดเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าแบร์ลุสโคนีจะไม่เสี่ยงในครั้งนี้..’
‘หมายความว่ายังไง?’
‘เพื่อความมั่นคงของแบร์ลุสโคนี พวกเขาต้องการให้ผม...สละเด็กคนนั้น’ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำไปได้ยังไง แต่ผมก็ทำไปแล้ว ทันทีที่เทอร์ซิโอพูดประโยคโหดร้ายเลือดเย็นนั่นจบ หมัดของผมก็เหวี่ยงออกไปกระแทกกับใบหน้าของเขาเต็มแรง มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมชกคนอื่น เสียงดังที่เกิดขึ้นเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินอยู่บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ผมไม่มีเวลามาใส่ใจ ผมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของเทอร์ซิโอมาเขย่าพร้อมกับถามว่า ‘ทำไม’ ซ้ำๆ ซากๆ อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งทหารสวิสเข้ามาลากพวกเราออกไปจากตัววิหาร
ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เพราะคุณฟ้าไม่ใช่ทายาทคนสำคัญอย่างนั้นหรือ? เพราะคุณฟ้าเป็นเพียงลูกที่เกิดจากภรรยานอกสมรสอย่างนั้นหรือ? หรือเพราะสิ่งที่คนร้ายขอมันมีค่ามากเกินกว่าชีวิตของคุณฟ้า? ผมไม่เข้าใจ จะมีอะไรสำคัญไปกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองอีก?
หลังจากที่ถูกเนรเทศให้ออกมายืนหนาวอยู่ด้านนอก ผมหันไปถามเทอร์ซิโอว่าเขาเคยรักคุณฟ้าบ้างไหม? ตอนที่คุณฟ้าเกิดเขาก็ไม่เคยมาใส่ใจดูแล แล้วตอนนี้เขาก็ยังคิดจะทอดทิ้งคุณฟ้าอีกหรือ? สำหรับคุณขลุ่ยแล้วคุณฟ้าเกิดจากความรัก รักที่ยอมสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรีและลมหายใจ ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่อยากจะมีชีวิตอยู่อย่างเงียบเหงา ไม่มีใครหรอกที่อยากจะเป็นคนรักลับๆ ของคนอื่น และไม่มีใครหรอก..ที่แม้จะรู้ดีว่าหากเลือกเส้นทางนี้ ชีวิตอาจต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ก็ยังพร้อมที่จะเลือก รักของคุณขลุ่ยไม่เคยมีเงื่อนไข ไม่เคยมีข้อแม้ ..แล้วสำหรับเขาล่ะ คุณฟ้าเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่?
ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั่งร้องไห้อยู่แบบนั้นนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าเทอร์ซิโอเอาเสื้อโค้ทของเขามาคลุมกันหนาวให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นแม้แต่น้อย ความหนาวเหน็บที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้มาจากภายนอก หากแต่เกิดขึ้นภายในใจต่างหาก ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณฟ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีห้องอุ่นๆ ให้นอนไหม? จะมีอะไรตกถึงท้องบ้างหรือเปล่า? ผมรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน
โชคชะตาช่างโหดร้ายกับเขาเหลือเกิน..
‘ได้โปรด เทอร์ซี, ช่วยเขา ผมขอร้อง ช่วยเขาด้วย ได้โปรดเถอะ’ ผมได้อ้อนวอนทั้งน้ำตาซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น
เทอร์ซิโอดูลำบากใจที่จะรับปากผม ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายที่เขาจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของแบร์ลุสโคนี ต่อให้เขาอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของตระกูลเขาก็ไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจได้ เราทุกคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง ..แม้จะเข้าใจดี แต่ผมก็ยังโวยวาย
‘ผมเสียคุณขลุ่ยไปคนหนึ่งแล้ว ผมจะไม่ยอมเสียคุณฟ้าไปอีก คุณจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เทอร์ซิโอ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหล่ะ ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะคุณ! เพราะตระกูลของคุณ! ทั้งหมดเป็นเพราะคุณคือแบร์ลุสโคนีงี่เง่านั่น!!!’เทอร์ซิโอไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบโต้ข้อกล่าวหาใดๆ ไม่ว่าผมจะโวยวายด่าทอหรือร้องขอเขาก็ไม่อาจให้ในสิ่งที่ผมต้องการได้ ผมรู้ดี..
สุดท้ายวันนี้เทอร์ซิโอก็มาส่งผมที่โรงแรมเดิมที่เพิ่งเช็คเอาท์ออกไปเมื่อเช้า ผมตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังข่าวของคุณฟ้า โดยให้เลขาล่วงหน้ากลับเมืองไทยไปก่อน
ก่อนจากกัน เขาทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ว่า
‘เด็กคนนั้นเป็นลูกของผม เขามีเลือดต้องสาปของแบร์ลุสโคนีอยู่เต็มตัว เขาแข็งแกร่งพอที่จะมีชีวิตรอดกลับมา ได้โปรดเชื่อใจเขา เพลงซอ, เชื่อเหมือนที่ผมเชื่อ’ ผมเช็คอินแล้วกลับขึ้นมาบนห้องพัก ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างคนหมดเรี่ยวแรง นอนนิ่งจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองพักใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นมาเทกระเป๋าเป้ใบเดียวที่พกติดตัว สิ่งที่ต้องการคือไดอารี่สีครีมที่ผมมักจะพกไปไหนมาไหนด้วยเสมอ อยู่ดีๆ ผมก็นึกอยากจะบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับคุณฟ้าเอาไว้ ทั้งที่ปกติผมก็เขียนไดอารี่ทุกวันอยู่แล้ว แต่พอเริ่มจรดปากกาผมกลับรู้สึกว่าอยากจะแยกเรื่องราวของคุณฟ้าออกต่างหาก ผมอยากทำบันทึกที่มีเพียงเรื่องราวของคุณฟ้าเท่านั้น ไม่ต้องมีชีวิตประจำวันของผมเข้าไปปะปน ดังนั้นผมเลยหันไปคว้าสมุดสเก็ตภาพมาฉีกออกส่วนหนึ่ง แล้วนำไปเย็บเข้าด้วยกันจนเป็นเล่มใหม่ด้วยเชือกป่าน ห่อปกด้วยภาพวาดสีน้ำมันรูปท้องฟ้าที่เคยวาดเอาไว้ ก่อนจะปิดทับด้วยพลาสติกใสอีกที เป็นอันเสร็จพิธี
สุดท้ายผมก็ได้ไดอารี่ทำมือแบบง่ายๆ เล่มนี้มา เพื่อที่จะบันทึกเรื่องราวทั้งหมดนี้ลงไป..
ผมกลับมาเขียนบันทึกเล่มนี้อีกครั้งในคืนวันเสาร์ ที่ 1 มีนาคม 20xx หลังจากรอฟังข่าวของคุณฟ้าอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ร่วมหนึ่งวันเต็ม เมื่อกี๊ผมเพิ่งโทรไปอวยพรวันเกิดให้คุณจี้ และบอกขอโทษที่ผมผิดสัญญาที่ว่าจะกลับไปให้ทันงานฉลองวันเกิดอายุ 16 ปีของเขา คุณจี้บอกว่าไม่เป็นไร ตราบใดที่ผมยังรักษาสัญญาว่าจะเอาคำอวยพรของเขาไปให้คุณฟ้าเขาก็จะไม่โกรธ ผมบอกเขาว่าผมกำลังทำตามสัญญา ผมกำลังจะไปหาคุณฟ้า เพื่อเอาคำอวยพรของเขาไปให้..
ผมไม่ได้โกหก เพียงแค่ไม่ได้บอกคุณจี้ว่าตอนนี้คุณฟ้ากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนเท่านั้น แต่ถึงยังไงพรุ่งนี้ผมก็กำลังจะไปหาเขาจริงๆ
เทอร์ซิโอแว่บมาบอกข่าวเกี่ยวกับคุณฟ้าเมื่อตอนเย็น เขาว่าเขารู้แล้วว่าพวกนั้นจับตัวคุณฟ้าไปไว้ที่ไหน มันคือบ้านหลังใหญ่ของตระกูลซากาเรีย ซึ่งเป็นของ ‘กามอร์ ซากาเรีย’ เจ้าของธุรกิจท่าเรือและเรือสำราญรายใหญ่รายหนึ่งในเนเปิลส์ เทอร์ซิโอบอกว่าผู้ชายคนนั้นแอบสนับสนุนเงินทุนให้กับแก๊งค์กาซาเลซี อย่างลับๆ มาพักใหญ่แล้ว ด้วยหวังว่าหากมาเฟียกาซาเลซีสามารถผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่ในเนเปิลส์ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากหากตระกูลซากาเรียของเขาจะขึ้นมาแทนที่ตระกูลแบร์ลุสโคนีบ้าง และการที่เขากล้าเอาคุณฟ้าไปซ่อนไว้ที่บ้านของตัวเองแบบนั้นคงเป็นเพราะวางใจว่าจะไม่มีใครนึกเอะใจสงสัยตัวเองนั่นล่ะ
..แต่ก็ดูเหมือนเจ้าซากาเรียอะไรนั่นจะคิดผิด ในเมื่อตอนนี้เทอร์ซิโอก็รู้แล้วว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ไหน
เทอร์ซิโอยังบอกอีกว่าการจับผิดตัวในครั้งนี้มีเกลือเป็นหนอนอย่างแน่นอน เพราะนอกจากคนในตระกูลแล้วไม่มีใครเลยรู้ว่าคุณฟ้ามีฐานะอะไรในแบร์ลุสโคนี ต่างจากโคเนโรที่มักจะมีรูปออกสื่อพร้อมกับเขาและสมาชิกครอบครัวคนอื่นอยู่บ่อยๆ เขามั่นใจว่างานนี้ต้องมีคนชี้ตัวเป้าหมายให้พวกคนร้ายดู และต้องเป็นการจงใจชี้ผิดตัวด้วย ผมถามว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น เทอร์ซิโอหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนบอกว่า
‘มีคนบางกลุ่มในตระกูลที่ต่อต้านการมีตัวตนของเด็กคนนั้น’
ผมว่าผมเริ่มจะเข้าใจ ทั้งการตายของคุณขลุ่ย ทั้งการถูกลักพาตัวของคุณฟ้า คนพวกนั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ ผมรู้สึกเจ็บแค้นแทนพี่สาวและหลานชาย แต่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากตะโกนใส่ผู้ชายที่ผมคิดโยนความผิดทั้งหมดไปให้เขารับอย่างไม่สนความยุติธรรมใด
‘ไหนคุณบอกว่าเขาจะปลอดภัยที่สุดถ้ามาอยู่ภายใต้ปีกของคุณ?!’
เป็นอีกครั้งที่เทอร์ซิโอเลือกที่จะปิดปากเงียบโดยไม่คิดจะแก้ต่างใดๆ ให้ตัวเอง
หลังจากที่ทิ้งเวลาให้ผมได้สงบสติอารมณ์ลงแล้ว เขาจึงได้เริ่มพูดต่อ.. เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไปที่บ้านตระกูลกาซาเรีย พร้อมกับคนสนิทไม่กี่คน ในฐานะของผู้นำสูงสุดของตระกูลเขาควรจะเคารพมติที่เป็นเอกฉันท์ของที่ประชุม ดังนั้นการไปเยือนกาซาเรียครั้งนี้เขาจึงไม่สามารถออกหน้าออกตาได้ แม้จะรู้ว่าการทำแบบนั่นมันค่อนข้างจะเสี่ยง เพราะอีกฝ่ายคงมีการป้องกันอย่างหนาแน่นแน่นอน
‘แต่ในฐานะของพ่อ ผมจำเป็นต้องไป’
‘ผมจะไปด้วย’ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าเทอร์ซิโอจะห้ามปรามหรืออ้อนวอนใดๆ ผมก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณฟ้า พร้อมกับเอาคำอวยพรของคุณจี้ไปให้..
พรุ่งนี้ผมจะไปรับเขากลับบ้านของเรา..
................................
................................
................................
มือเรียวพลิกเปิดหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกทำมือปกรูปท้องฟ้าสดใสค้างไว้อย่างนั้น แว่นสายตาไร้กรอบถูกถอดออก ดวงตาคู่เรียวสีดำสนิทปิดลงอย่างเชื่องช้า ความทรงจำสุดท้ายเกี่ยวกับเจ้าของบันทึกเล่มนี้เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่สมอง..
เหตุการณ์สังหารหมู่ตระกูลซากาเรียเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วยุโรป โศกนาฏกรรมครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 14 รายด้วยกัน และหนึ่งในนั้นมีชื่อของ เพลงซอ ทามิยะ รวมอยู่ด้วย ไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนที่เห็นเหตุการณ์ก็คือคนที่เสียชีวิต ส่วนคนเดียวที่รอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา
เทอร์ซิโอ แบร์ลุสโคนีบอกได้แค่ว่าตอนที่เขาไปถึงที่นั่นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดแล้ว ไฟในบ้านหลังนั้นมืดสนิท เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมโหยหวนไปทั่วบริเวณบ้าน เพลงซอวิ่งถลาเข้าไปในนั้นด้วยความเป็นห่วงหลานชาย เทอร์ซิโอวิ่งตามเข้าไปแต่ก็คลาดกันเพราะความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วตัวบ้าน กว่าจะหาเจออีกครั้งก็เห็นเพลงซอนอนหมดสติแน่นิ่งอยู่ข้างร่างของฟ้าประทาน หลานชายคนเดียวของพวกเขา..
นั่นเป็นชะตากรรมสุดท้ายของน้องชายที่เขาได้รับรู้จากบุคคลที่มีศักดิ์เป็นพี่เขย นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่รู้อะไรอีก..
ครั้งแรกเขาได้สูญเสียพี่สาวอันเป็นที่รักไปแล้ว..
และครั้งนั้นเขาต้องสูญเสียน้องชายไปอีกคน..
พร้อมทั้งหลานชายก็กลายเป็นคนคลุ้มคลั่งเสียสติไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้ตอนนี้จะหายดีแล้ว แต่เด็กคนนั้นก็ไม่อาจเหมือนเดิมได้อีกต่อไป..
แล้วครั้งนี้ล่ะ.. เขาจะต้องสูญเสียสิ่งใดไปอีก?
ดวงตาสีดำล้ำลึกเปิดขึ้นอีกครั้ง มือเรียวข้างเดิมเอื้อมไปหยิบกรอบรูปเล็กๆ ที่มีรูปของเด็กแฝดซึ่งมีหนึ่งหญิงกับอีกสองชายยืนกอดคอกันยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวให้กล้องอยู่ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางเบาตอบรับรอยยิ้มสดใสของเด็กทั้งสาม
“ต่อไปก็ถึงตาผมแล้วสินะ คุณขลุ่ย คุณซอ..”
**ปิดบันทึก**อธิบายซักเล็กน้อยนะ ถ้าใครยังพอจำที่ซอลลี่พูดได้ว่าแบร์ลุสโคนีเป็นตระกูลเก่าแก่(มว้ากกกก) เพราะงั้นนอกจากตระกูลหลักของพ่อของคุณฟ้าแล้ว ก็ยังมีตระกูลแยกย่อยที่เกิดจากการแต่งงานผสมพันธุ์กันของญาติแต่ละฝ่ายจนกลายเป็นตระกูลสาขาที่แตกแขนงแง่งหน่อราวกับรากฝอยของต้นไม้ก็ไม่ปาน และแต่ละตระกูลสาขาก็จะมีผู้นำตระกูลเป็นของตัวเอง แต่ที่สุดแล้วคนที่เป็นผู้นำของตระกูลหลักอย่างพ่อของคุณฟ้าก็จะควบตำแหน่งผู้นำสูงสุดในองค์กรไปด้วยจ้ะ
ใช่แล้ว~ แบร์ลุสโคนีเหมือนองค์กรใหญ่ๆ องค์กรหนึ่งนี่ล่ะ
งั้นก็พอจะมองภาพออกแล้วใช่มั้ยว่าตำแหน่งทายาทของตระกูลหลักน่ะมันสำคัญขนาดไหน? แล้วสถานภาพของคุณเอี้ยฟ้ามันง่อนแง่นเพียงใด? อั๊ยยะ!!
ส่วนที่ว่าอิครอบครัวนี้มันทำมาห่าเหวอะไรก็สามารถเปิดกลับไปอ่านได้ตรงที่ซอลลี่เคยบอกไว้ได้เลยจ้ะ ตามนั้นแหล่ะ(ขี้เกียจพิมพ์ละ อิอิ)

*เพียต้า(Pieta) เป็นรูปปั้นพระแม่มารีประคองร่างของพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน อยู่ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครวาติกัน

**หน้าระเบียงบ้านจูเลียต ในเมืองเวโรนา มีรูปปั้นบรอนซ์ของจูเลียต เชื่อกันว่าถ้าใครอยากสมหวังในรักให้ไปจับที่หน้าอกของนาง แต่ระวังนางจะตบกลับเอา (มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า!)