“โอ้แม่เจ้า!” เป็นเสียงของผมเองครับ
ตอนรถแล่นผ่านเข้ามายังไม่เท่าไหร่ แต่พอผมออกมาจากรถแท็กซี่สุดเปลืองตังค์เท่านั้นแหละ ..ไม่น่าเชื่อว่าบ้านไอ้ทิวมันจะอภิมหาแบบอื้อฮือสุดมหา ของมหาได้ขนาดนี้..อะไรมันจะใหญ่โตโอ่อ่าสุดอลังการงานสร้าง..
ผมอดรู้สึกหวั่นไม่ได้ กว่าจะเอื้อมนิ้วไปกดกริ่งหน้าบ้านก็ผ่านไปห้านาทีแล้ว โหย..มีหน้าจอให้คุยด้วย..ยังกับในหนังเลย
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร?” เป็นเสียงจากคนเดิมที่รับโทรศัพท์ผมเมื่อวาน คราวนี้เห็นหน้าด้วย ถ้าได้เข้าไป ผมจะไปขอบคุณพี่แกเป็นคนแรกที่อุตส่าห์ไม่สนใจว่าผมเป็นโรคจิตมาขอที่อยู่ติดตามอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ..ผมเป็นเพื่อนทิวครับ ที่โทรมาเมื่อวาน ทิวอยู่หรือเปล่าครับ?” ดูท่าไอ้มายด์จะประหม่าเอามากๆ ถึงขนาดถามซ้ำเลยว่าไอ้ทิวอยู่ไหม
“ครับ รอซักครู่นะครับ เดี๊ยวจะเอารถไปรับ”
ตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไมต้องเอารถมารับ..แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะว่าทำไม เพราะถ้าไม่มีรถมารับ ผมกับไอ้มายด์คงต้องแห้งตายอยู่กลางแดดตรงด้านหน้าๆของสวนบ้านไอ้ทิวแน่ๆ ..นึกถึงตัวเองในสภาพนั้น ฟิลล์คงประมาณพระถังซัมจั๋งพร้อมผู้ติดตามเดินทางไปหาพระคัมภีร์ที่ชมพูทวีป..
“บอกได้ไหมครับว่าทำไมถึงไม่ให้บอกเจ้าตัว? เซอร์ไพรส์อะไรหรือครับ?”
พี่ชายที่รับโทรศัพท์คนเดิมออกมารับเราด้วยรถกอล์ฟถามขึ้น
“เอ่อ....” นั่นสิ..เมื่อวานผมบอกว่าจะเซอร์ไพรส์ไอ้ทิวนี่หว่า.. แล้วเซอร์ไพรส์เรื่องอะไรดีวะ?
“อ่อ..พอดีผมไปเจออาจารย์ที่มหาลัยมา แล้วแกบอกว่าทิวติดอันดับท็อปเท็นส์ของสายน่ะครับ เลยว่าจะมา..บอกให้รู้แบบไม่ทันตั้งตัว แฮะๆ”
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆออกไป แต่พอเค้าเงียบ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร เราเลยเงียบกันมาตลอดทางจนกระทั่งถึงตัวบ้าน โอ้..จอร์จทำกล้วยทอดตก มองใกล้ๆยิ่งดูใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน ..ต้องมองไอ้ทิวใหม่ซะแล้ว บ้านมันไม่ธรรมดา!
“รออยู่ตรงนี้ซักครู่นะครับ”
พี่คนนั้นเดินหายเข้าไปในบ้าน
โอเค ..เราเป็นแขกต้องทำตามเจ้าเรือนครับ..อีกอย่าง ขืนพวกผมไม่รอตรงนี้แล้วเดินชมนกชมไม้ไปไหนต่อไหน คงหลงทางหาทางออกไม่ได้อ่ะครับ..
“นั่งทานน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆก่อนเถอะค่ะ ดับร้อน” โอ้..ครับๆ ..ตอนนี้ผมยิ้มแก้มแทบปริเลยล่ะครับ.. อะไรๆมันก็ดีไปหมด เพราะอีกไม่นานไอ้ทิวกับไอ้มายด์ก็จะ..
ผมหันไปจะยิ้มให้ไอ้มายด์ แต่เจ้าตัวกลับทำหน้ากังวลขนาดหนัก..
“เอ..กูกลัว ถ้ามันไม่ยอมเจอหน้าพวกเราล่ะ”
“เฉยไว้ เดี๊ยวดีเอง กูจะพูดให้เอง ใจเย็นๆ กินน้ำรอไปก่อนเหอะ”
ถึงผมจะเดินสำรวจไม่ได้ แต่แค่มองดูของรอบๆห้องรับแขกนี้ก็พอจะมองออกแล้วล่ะว่าบ้านไอ้ทิวรวยโอเว่อร์แค่ไหน
“ตอนนี้ทิวอยู่ที่สวนหลังบ้าน จะไปพบเลยไหมครับ?”
พี่ชายคนนั้นเดินออกมาบอกพวกเรา อืม..เท่าที่ผมดู พี่ชายแกคงเป็นพ่อบ้านบ้านไอ้ทิวแน่ๆ ..โหย อิจฉา มีพ่อบ้านด้วยไอ้ทิว
“เอ่อ..ครับ” ผมเห็นไอ้มายด์แอบเกร็งมือเลยแตะแขนมันเบาๆ
“ไม่เป็นไร ใจเย็นไว้เพื่อนมายด์”
เราสองคนเดินตามพี่ชายคนนั้นไปยังสวนหลังบ้าน ..โอย..ทำไมพี่ไม่เรียกป่าครับ..แต่จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่หลังบ้าน ไอ้ทิว..มึงมีป่าไว้หลังบ้าน.. โอย อย่าให้กูรวยบ้างนะ
“ทิว” ไอ้มายด์ส่งเสียงทัก ไอ้ทิวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อกล้ามธรรมดา ดูไม่เหมาะกับสถานะทางบ้านของมันเลย พอมันได้ยินเสียงเรียก ไอ้ทิวก็ละมือจากพู่กัน มันกำลังวาดรูปอยู่ครับ ..งานอดิเรกของคนรวยสินะ..
“พวกมึง..มานี่ได้ไง”
ไอ้ทิวทำท่าจะเดินจากไป ผมเลยเข้าไปรั้งแขนมันไว้
“มึงจะหนีเหรอทิว!”
“กูไม่อยากเจอพวกมึง!” คำของไอ้ทิวทำเอาไอ้มายด์ไม่กล้ามองหน้า ผมเห็นท่าไม่ดี ต้องพูด..พูดให้ไอ้ทิวอยู่ตรงนี้ ฟังไอ้มายด์ให้ได้
“แต่พวกกูอยากเจอมึง!” ไอ้ทิวเงียบไป แต่เหมือนจะฟังอยู่ ผมเลยพูดต่อ
“ไอ้ทิว มึงมันเอาแต่คิดเข้าข้างตัวเอง เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก จนไม่ได้สนใจที่พวกกูกำลังจะอธิบายเลย มึงเข้าใจว่าพวกกูหลอกมึง ทำให้มึงเหมือนคนโง่ แต่จริงๆมันไม่ใช่..สิ่งที่มึงคิด ที่มึงเห็นตอนนั้น มึงเข้าใจผิด!”
“ตรงไหน! ตรงไหนที่บอกว่ากูเข้าใจผิด” ไอ้ทิวหันมาหาพวกเรา
“พวกมึงมีความลับกับกู กอดกันอยู่ หัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุขเพราะทำให้กูเป็นคนโง่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ใช่นะ! ไม่ใช่!” ไอ้มายด์กำมือแน่น
“ตอนนั้นกู..กูแค่บอกไอ้เอว่า..ว่ากู..มีเรื่องอะไร”
“ก็แล้วมันต่างกันตรงไหน มึงเลือกบอกไอ้เอ ..มึงเลือกที่จะไม่บอกกู”
“ก็เพราะเป็นมึง..กูถึงบอกไม่ได้ไง..ทิว..เพราะเป็นมึง..”
“อะไร! กูไม่เข้าใจ!” ไอ้ทิวตะโกนใส่ไอ้มายด์ เขย่าตัวไอ้มายด์เหมือนจะเค้นคำตอบให้ได้จากร่างเล็กๆนั้น ไอ้มายด์เหมือนจะแหละคามือไอ้ทิวได้ในวินาทีนั้น ผมเลยจะเข้าไปห้าม แต่พี่ชายคนนั้นเข้ามาขวางซะก่อน เขาส่ายหน้า เหมือนบอกเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งเข้าไปขัดจังหวะ
“นี่มึง..จะหลอกอะไรกูอีก มายด์”
“ไม่ใช่นะ! ทิว! ฟังก่อน ...”
“จะหลอกกูอีกใช่ไหม!!”
“ไม่ใช่..นะ” ไอ้มายด์เริ่มน้ำตาคลอ ในขณะที่ไอ้ทิวเริ่มใช้แรงบีบตัวไอ้มายด์มากขึ้น ผมเกือบจะทนไม่ไหว ถ้าไอ้มายด์ไม่พูดคำนั้นออกมา
“กูชอบมึง!” เหมือนเสี้ยววินาทีนั้นหยุดลง ไอ้มายด์เป็นอิสระจากมือแข็งแรงของไอ้ทิว ล้มลงไปนั่งกับพื้น มือเล็กๆปิดหน้าตัวเองที่เหมือนกำลังจะร้องไห้
“..............แต่มึงกับไอ้เอ...”
“ไม่ใช่! มึงเข้าใจผิด! ตอนนั้นกูแค่ไม่รู้จะทำยังไง กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นแค่หวั่นไหวกับมึงหรืออะไร แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว ว่ากูรักมึงจริงๆ แต่เพราะรู้แล้วนั่นแหละ เพราะรู้ว่ารักมึงเข้าแล้ว ก็ถึงได้ยิ่งบอกไม่ได้ ไม่ใช่ว่าตอนนั้นกูหลอกมึงนะ แต่กูพูดไม่ออก กูไม่รู้จะพูดยังไง แต่ตอนนี้ไอ้เอบอกว่าให้กูบอกมึง กูก็บอกแล้ว กูบอกแล้ว”
“มายด์..” ผม..ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีแล้ว
ไอ้ทิวนิ่งไป..นิ่งซะจนผมกลัว ไอ้มายด์ก็ร้องไห้ ..หรือนี่จะเป็นวันที่เราสามคนวงแตกแล้วจริงๆ .. ไอ้ทิว มึงพูดอะไรบ้างสิวะ!
“ขอโทษนะ” คนที่ผมอยากให้พูดกลับไม่ใช่เจ้าของคำขอโทษนี้ ไอ้มายด์ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ก้มหน้าหลบซ่อนใบหน้าเปื้อนน้ำตาของมันเอาไว้
“กูขอโทษ ..ดูเหมือน กูจะอยากได้มากกว่าความเป็นเพื่อนของมึงมากจริงๆ ..กู..ขอกลับก่อนนะ ไอ้เอ ..ทิว”
“แต่..กู..รับได้..” มือใหญ่ของไอ้ทิวรั้งร่างเล็กเอาไว้
“กูรู้อยู่แล้วว่ามึงรับได้ แต่กูรับไม่ได้ถ้าต้องเจอกับคนที่กูรักแต่เขาไม่ได้รักกู ..พอกูกลับไปถึง กูจะย้ายไปหออื่นนะ..ขอไม่เจอหน้าพวกมึงซักพัก ขอเวลากูทำใจหน่อย..ขอโทษนะเอ กูทำพวกเราวงแตก”
ไอ้มายด์ได้แต่ก้มหน้า..
ไอ้ทิวไม่พูดอะไรเลยเหรอ มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?
กูไม่เชื่อว่ามึงไม่เคยรู้สึกอะไรเลยกับไอ้มายด์..ถึงมึงสองคนจะไม่เคยแสดงออก..แต่..แต่พวกมึงต้องรู้สึกกันใช่ไหม ..ไอ้ความรู้สึกแสนพิเศษแบบนั้น..ความรู้สึกที่เรียกว่า “รัก” น่ะ!!!
“มายด์ กูรับได้นะ!”
“แต่กูรับไม่ได้ เข้าใจไหม!”
“ไปเถอะ” หา?.. ผมแอบตกใจนอกสถานการณ์นิดหน่อยที่อยู่ดีๆพี่ชายคนนั้นก็เอาหน้ามาใกล้ พี่แกกระซิบข้างหูผม “ให้เขาสองคนเคลียร์กันเองจะดีกว่าครับ” แล้วเขาก็จูงมือผมออกมา..จะบ้าเหรอ! สถานการณ์เมื่อกี้มันไคลแมกส์ของเรื่องแล้วนะ จะลากผมออกมาทำเพื่อ?...
“คุณจะพาผมไปไหน นี่! ผมจะไปดูเพื่อนผม ปล่อยสิ!” เขาจับมือผมแน่นเหลือเกิน แน่นเสียจนผมออกแรงยังไงก็เหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีทางปล่อยเลย
“นี่! ถ้าเกิดเพื่อนผมต้องขาดกันล่ะก็..”
“เขาคงไม่ขาดกันหรอก มีแต่จะผูกพันกันมากขึ้นไปอีก..”
“อะไร?” ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงเดินตามพี่คนนั้นไป...
“ก็..ในฐานะพี่ชายแล้ว..ผมเชื่อว่า ผมมองสายตาน้องชายของตัวเองออกน่ะสิ!”
“หา! พี่เป็นพี่ชายของไอ้ทิวเหรอ?” จะว่ามีส่วนที่คล้ายกันอยู่ก็มาก แต่ทำไมผมถึงไม่ทันได้สังเกตเลยนะ..ทั้งรูปหน้า ดวงตา ริมฝีปาก รูปร่าง ..ยกเว้นทรงผมกับบุคลิกนั่นแหละที่ดูต่างจากไอ้ทิวโดยสิ้นเชิง..แล้วตกลงเพื่อนผมมันจะเป็นยังไงกัน
“คุณว่าคุณมองไอ้ทิวออก หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า..น้องของผมก็ชอบเพื่อนของคุณเหมือนกันยังไงล่ะ”
คราวนี้ผมสกัดกลั้นความดีใจเอาไว้ไหมอยู่จริงๆ ขอทำโอ้เยสให้ดังก้องบ้านไอ้ทิวหน่อยเถอะ หิ้ว! “โอ้..ย” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเยสได้ดังกว่านี้ เสียงของผมก็ถูกพี่ชายของไอ้ทิวกลืนไปซะหมด เพราะริมฝีปากที่ทาบทับมาทำเอาตกใจ บวกกับเพราะความตกใจนั่นแหละถึงได้ไม่ทันตั้งตัวจนอีกฝ่ายสามารถส่งลิ้นเข้ามาทักทายโพรงปากของตัวเองได้ ลิ้นกระหวัดพันเกี่ยวกันอยู่นาน ลมหายใจของผมใกล้จะหมดลงเต็มที อีกฝ่ายถึงได้ถอนริมฝีปากออกไป
“ห้ามส่งเสียงดังในบ้าน เข้าใจไหม”
โห! นี่หรือวิธีปิดปากเงียบของบ้านไอ้ทิว!
“บ้าเอ๊ย!” ตอนนี้กูหน้าแดงอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
แหงเลย! ไม่งั้นหมอนั่นจะยิ้มทำไม!!
----------------------------------------------------------------
ต้องแยกลงซะหลายตอน กว่าจะจบ
แนะนำติชมได้นะครับ
ไปก่อนล่ะครับ โคตรง่วงเลย
----------------------------------------------------------------
ไม่ได้เข้ามาซะนาน ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่ติชมครับ
หลังจากที่คิดและแต่งอยู่นาน ในที่สุดคนเขียนก็ปั้นน้ำเป็นตัวกับเค้าได้ซักที
เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องยาวแล้วครับ!
(ดีใจกับคนเขียนหน่อยครับ)
(ถึงจะยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ ว่าแต่งตอนที่สองออกมาแล้วจะเวิร์คไหมก็ตาม)
ใครอยากอ่านตอนต่อไปก็ตามลิ้งค์นี้เลยครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30703.0