Coin 40ลมพัดหน้าจนหน้าตึงไปหมด น้ำตาแห้งเกรอะ หลบหน้าลง ซ่อนให้พ้นจากลมที่ตีหน้าอยู่ข้างหลังเฮีย
เฮียไม่ถามอะไร พอโทรเรียกให้มารับก็มา
เสียงรถข้างๆดังรอบไปหมด กลิ่นท่อไอเสียแรงพอๆกับไอร้อนที่ถูกพ่นออกมา
พออยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ เลยอยากพูดเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจมาโดยตลอด…
“เฮีย…เฮียมีเรื่องจะบอกตี๋หรือเปล่า”
พิงแก้มลงกับหลังเฮีย เหมือนเด็กๆ ได้กลิ่นเฮีย นึกถึงตอนที่เคยขาพลิกแล้วให้เฮียแบก
“…..เรื่องอะไร”
“เรื่องม๊า เรื่องที่เฮียบอกตี๋ไม่หมด”
“เรื่องไหน…อะไรของมึงไอ้ตี๋”
“เรื่องที่เฮียบอกตี๋ว่าม๊าผ่าตัดไม่ได้ เฮียจะโกหกตี๋ทำไม”
“……”
“นี่ใช่ไหม ที่เฮียปล่อยให้ตี๋ไปอยู่บ้านพี่หมอก โดยที่ไม่ว่าอะไรตี๋สักคำ จะได้พาม๊าไปโรงพยาบาล ทำงานหนักๆโดยที่ตี๋ไม่รู้”
“…มึงรู้จากใคร”
“ตี๋ไม่จำเป็นต้องบอก”
“…..เออ แล้วมึงรู้แล้วมึงจะทำยังไง ไอ้ตี๋ คิดหรอว่าเฮียสบายใจที่ต้องเก็บความลับกับมึง”
“แล้วทำไมเฮียไม่บอกตี๋หว่ะ”
“เฮียอยากให้มึงเรียน ไม่ต้องทำงานหนัก ไอ้เรื่องทำงาน เฮียคนเดียวก็พอ”
“แล้วมันพอหรือเปล่าหล่ะ? จะผ่าตัดวันไหน”
“เฮียขอเลื่อนหมอเขาไปก่อน..ไม่มีเงินหว่ะ”
“….ตี๋หามาให้แล้ว”
“…….”
รถมอเตอร์ไซค์เก่าๆถูกเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง เฮียก้าวเดินจากรถ ตรงนี้ค่อนข้างเงียบ มองออกไปหน่อยเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งเปิดไฟสว่างโร่ แต่ไม่มีลูกค้า
“คราวที่แล้วมึงขายตัว คราวนี้มึงขายอะไรอีก”
“หึ..จะดูถูกตี๋ก็ทำไปเลย ตี๋ไม่มีอะไรจะพูดหว่ะ”
“….ไอ้ตี๋ บอกกูมา”
“….”
หลบสายตา นั่งอยู่บนรถมอไซค์ไม่ได้ลุกไปไหน
“ตี๋ยิ่งกว่าขายศักดิ์ศรีตัวเองอีก”
“แบบนี้ใช่ไหม? มึงถึงเรียกกูมารับ”
“……..”
“ตี๋ มึงขายใจตัวเอง…”
“…ตี๋ไม่มีทางเลือก เป็นเฮีย เฮียจะเลือกอะไร ความรัก หรือม๊า”
“…….”
“เฮียคิดว่าตี๋เลือกได้ ตี๋อยากทำหรอวะ แม่ง ฮ…ฮึก…โคตรเจ็บ เจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไงเลย”
“ตี๋…”
แค่เฮียเรียกออกมา ก็เหมือนเก็บความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไป
น้ำตาที่กลั้นไว้ เลอะเสื้อเฮียเต็มไปหมด ป้ายหน้าเข้ากับอกเฮีย เฮียก็กอดไว้ โยกตัวไปมาเหมือนปลอบเด็ก ร้องไห้หนัก หนักจนหายใจไม่ทัน
“…มึงทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่มึงที่เสียใจนะตี๋”
“แล้วจะให้ตี๋ทำยังไงวะ! ฮ..อึก..ฮึก..”
“ตี๋…มึงเสียใจ แต่กูเชื่อว่าไอ้หมอกก็คงเสียใจไม่แพ้มึงหรอก”
เฮียยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ ถอนหายใจยาว “น้องกูมันไม่โตขึ้นเลย ทำอะไรไม่คิดให้ดีๆ….ตี๋ ถ้ามึงมาปรึกษาเฮียสักคำ เฮียจะไม่มีวันบอกให้มึงทำแบบนี้…”
เสียงนั้นแล่นเข้ามา แล้วผ่านออกไป
หน้าของพี่หมอกตอนที่ผมเดินออกมาจากห้อง..ผมไม่กล้ามอง
…ผมทำร้ายตัวเอง
ผมทำร้ายพี่หมอก
ผมไม่รู้พี่หมอกจะรู้เงื่อนไขของผมกับพี่เมฆหรือเปล่า แต่ที่ผมทำลงไป เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น
ผมรักพี่หมอกมากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง สุดท้ายผมก็ต้องเลือกม๊ามาก่อน ชีวิตของผู้ให้กำเนิด ไม่ว่ายังไงก็สำคัญกว่า
พี่เมฆรู้ รู้ในสิ่งที่ผมไม่รู้ และใช้จุดนั้นมาเป็นข้อต่อรอง
พี่เมฆสัญญาว่าจะออกค่าผ่าตัด ค่าดูแลรักษาหลังจากนั้น และจะหาหมอที่เชี่ยวชาญมาให้ แม้มันจะเป็นเงื่อนไขที่ฟังแล้วดูเลวร้าย แต่เหตุผลที่พี่เมฆยกตามมาก็ฟังขึ้น
บริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำงานร่วมกับหุ้นส่วนได้ด้วยความเชื่อถือ แค่ข่าวลือนิดๆหน่อยๆก็สั่นคลอนความเชื่อใจในตลาดได้แล้ว
พี่หมอก ต่อไปในอนาคต ก็ต้องเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ต้องได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย รวมถึงความเชื่อถือ
อย่างน้อย…ก็ทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยลง ใช้เป็นเหตุผลที่ปลอบใจตัวเอง…ไม่ให้ผมดูเป็นคนหิวเงินมากจนเกินไป
พี่หมอก..จะไม่กลับมาอีก
มันทำให้ข้อตกลงฉบับนี้สมบูรณ์ …
“…ตี๋ กูขอโทษ”
ได้ยินแต่เสียงเฮียพร่ำขอโทษ ตามตัวเฮีย มีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น คงจะมาจากงานพิเศษที่ทำ
เฮียต้องทำงานหนักแค่ไหนกันนะ ต้องแบกรับความรู้สึกนี้มานานแค่ไหน ทุกครั้งที่เจอกัน เฮียก็เอาแต่ยิ้ม ทำท่าทางร่าเริงไม่พูดอะไรออกมาให้ผมหนักใจ
“เฮียไม่ผิด..ฮ..เฮียขอโทษตี๋ทำไม..ฮึก…”
“…เฮียขอโทษที่ทำให้มึงลำบาก”
“เฮียก็ต้องอดทนเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฮียต้องทำงานหนักแค่ไหน ตี๋ไม่เคยรู้เลย”
“ไม่เหนื่อยหรอก…เฮียไม่เหนื่อยเลย”
เห็นรอยยิ้มแล้ว ก็รู้สึกเหมือนคำโกหกนั่นเป็นยิ่งกว่าคำสารภาพ
เหนื่อย เหนื่อยมาตลอด…
“ไม่เป็นไรนะไอ้ตี๋ เฮียจะอยู่ข้างๆตี๋เอง…”
………………………………..
………………………..
….มึงเป็นของกู
…กูจะไม่ปล่อยให้มึงไปเป็นของคนอื่น
…มึงเท่านั้น ที่กูจะรัก
….ตี๋“….ตี๋”
เฮียพึ่งกลับมาบ้าน ปิดเทอมเริ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฮียลูบหัวผมเบาๆ ผมหลับตากลับ รับรู้สัมผัสของเฮีย
“เฮียไปทำอะไรมา”
“งานพิเศษ”
“ทำอะไร?”
“ขับแท็กซี่”
“…..”
เรื่องของผมกลายเป็นเรื่องเด็กๆ ความรู้สึกที่เทียบไม่ได้กับภาระที่เฮียต้องอุ้มอยู่
“ปิดเทอมแล้ว เดี๋ยวตี๋ช่วยเฮียเอง”
“มึงก็ทำหน้าที่ของมึงไป ไปขายโจ๊กก็พอ เดี๋ยวนอกจากนั้นกูทำเอง”
“เฮีย ตี๋ 20 แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“มึงก็ชอบพูดไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อย่าต้องให้มันเกิดอะไรขึ้นมาแล้วค่อยมาแก้เลย”
“ตี๋ไม่อยากให้เฮียทำงานหนัก”
“…เฮียไหว”
“เฮียนอนนะ เดี๋ยวตี๋ลงไปอาบน้ำแล้ว”
ท้องฟ้ายังมืดสนิท ลงมาก็เจอพี่ผ่องยืนอยู่หน้าเตา ทุกวันนี้ ม๊าไม่ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ เลยมีเวลานอนพักต่อได้ถึงฟ้าสว่าง
เป็นงานเหนื่อยและหนัก แต่คนไม่มีเงิน จะมีสิทธิไปพูดอะไร
มองมือถือที่ไม่เคยมีใครโทรเข้ามา…
จะหวังอะไรอีก..
ไม่มีน้ำตาสำหรับครั้งนี้ ผมกัดฟันแน่น ขนาดเฮียยังไม่แสดงด้านอ่อนแอออกมา ผมก็ไม่มีสิทธิทำเช่นเดียวกัน ยกหม้อโจ๊กขึ้นรถ ออกไปกับพี่ผ่องสองคน เปิดร้าน ไม่นานพี่สาก็ปั่นจักรยานมาถึง ไม่พูดไม่จากับผม แต่หันไปสปีคพม่ากับพี่ผ่องแทน
เราสามคนทำงานกันเงียบๆ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เพราะผมกลับมาบ้านแล้ว หน้าที่เก็บเงินผมเลยจะทำเอง ไม่ต้องให้ม๊าออกมาเหนื่อยด้วย
บางอย่างหายไป บางอย่างกลับมา ทุกอย่างหมุนเวียนกันไปแบบนี้ไม่รู้จบ
ได้แต่บอกตัวเอง มีพบเจอ มีพลัดพราก เป็นเรื่องธรรมดา
ไม่รู้หัวใจจะยอมรับฟังหรือเปล่า ยังคอยเงี่ยหูฟัง ยังคอยที่แต่จะมองหา ไม่เคยมีรถบีเอ็มสีดำขับผ่าน จะยังอยู่เมืองไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต่อให้ไปอยู่ที่ไหน ผมก็อยากให้พี่มีความสุขได้ โดยไม่ต้องมีผม
วิ่งวุ่นเสริฟ นับตัง บางครั้งก็ถอนผิดบ้าง จำที่ลูกค้าสั่งผิดๆบ้าง หรือบางทีก็ยืนนิ่งเฉย ทำไปโดยไม่รู้ตัว “ปะฟักผ่อเธ๊อะคห่ะ”
อ..อะไรวะ
“ผ่องบกว่าไปพักผ่อนก่องเถอะ ผี่เห็งด้วยนะตี่” ตี๋ครับ ไม่ใช่ตี่
“ไม่เป็นไรครับพี่สา ผมไม่เป็นไร”
ยกชามโจ๊ก แต่กลับทำหกใส่ตัว ร้อนจนมือแดงไปทั้งแถบ โจ๊กหกลงที่เท้า สะดุ้งไปทั้งตัว
พี่ผ่องรีบเอาน้ำมาราดให้ คนในร้านมองกันใหญ่ อาอึ้มคนนึงรีบเดินถือน้ำชาเข้ามา “อาตี๋ เป็นไรไหม เดี๋ยวอั๋วดูให้ อาหมวยไปทำอย่างอื่นเถอะ”
“โจ่ยเซี๊ยะครับ”
“โบ่ยโจ๊ะนี้”
อาอึ้มดึงตัวให้ออกมาข้างนอกร้าน พระอาทิตย์เริ่มขึ้น หน้าอาอึ้มคนนี้ทำให้นึกถึงม๊า เป็นภาพลักษณ์คนจีนที่ใจดี รดน้ำในขวดที่พี่ผ่องเอามาให้ ล้างโจ๊กที่เลอะตัวผมอยู่ หันกลับไปมอง ต้องเหนื่อยพี่สาถูพื้นให้อีก
“แสบไหม?”
“นิดหน่อยฮะ”
“….อาม๊าลื้อไปไหนหล่ะ”
“อยู่บ้านครับ ผมมาช่วยทำงานแทน”
“แล้วตั๊วะตี๋?”
“เฮียฮ้งทำงานดึกเมื่อคืน ผมเลยออกมาทำงานแทนครับ”
“คงจะเหนื่อยน่าดู…เด็กกตัญญูแบบนี้ ยังไงก็ได้ดี…เข้มแข็งไว้นะอาตี๋ …ไปทำงานต่อเหอะ อั๊วะไม่กวนแล้ว”
“ขอบคุณนะครับ”
ผมอยากทำงานเยอะๆ หาเงินให้ม๊าได้ใช้ อยู่สบายๆ ไม่ใช่ต้องมาลำบากกับพวกผม
แขนแดงทั้งแขน รวมถึงเท้า แต่เห็นพี่สากับพี่ผ่องทำงานอยู่..จะมานั่งเฉยไม่ได้
ต่อไปนี้…จะต้องอยู่ด้วยตัวของตัวเอง ไม่ว่ายังไง ก็จะไม่อ่อนแอ
จะต้องเข้มแข็ง…ใช้คำพูดนี้บอกกับตัวเอง ที่เจ็บแผลจนต้องกัดฟัน
……………………..
…………….
ยกหม้อกลับขึ้นหลังรถ ปวดที่แผลหน่อยๆ ยกแขนขวาขึ้นปาดเหงื่อ ขับรถกลับบ้าน ยกของเข้าเก็บที่ครัว ม๊าอยู่ที่โซฟา นั่งรอเหมือนรอผมอยู่
“อาตี๋ ม๊าขอคุยด้วยหน่อย”
“ครับ?”
“…เฮียบอกม๊าว่าโซ่ยตี๋เลิกกับอาหมอกแล้ว”
“….ฮะ..”
“ม๊าถามได้ไหมว่าทำไม?”
“…..ผมไม่ได้รักพี่หมอก”
“อาตี๋ สิ่งที่ทรมานที่สุดคืออะไรรู้ไหม”
ผมส่ายหน้า นั่งลงกับพื้น ม๊าเอื้อมตัวมาลูบหัวผมเบาๆ “โกหกตัวเอง”
ผมไม่เจ็บปวด
ผมไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ลงไป
ผมโกหกตัวเองอยู่….
โทรศัพท์สั่น ผมรีบหยิบขึ้นมา เห็นขื่อพี่บอลอยู่ที่หน้าจอ ลังเลใจ แต่สุดท้ายก็กดรับไป
“ครับ?”
“ไอ้ตี๋ มึงอยู่ไหนวะ ไอ้หมอกจะไปแล้วนะเว้ย”
“..ป…ไปไหน”
“ไปอเมริกาไง เวรล่ะ ไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลายครับ ไอ้ตี๋แม่งไม่รู้”
ได้ยินเสียงโวยวายออกมาเต็มไปหมด เสียงพี่โก้ตะโกน “ไอ้ตี๋ มึงรีบมาเลยนะเว้ย”
เสียงพี่ๆหลายๆคนดังปนกันไปหมด จนผมฟังไม่ได้ศัพท์ พี่บอลที่คิดว่าน่าจะอยู่ใกล้โทรศัพท์มากที่สุดตะโกนเข้ามาในสาย “มึงรีบมาเลยไอ้ตี๋ กูให้เวลาสิบนาที”
“บ..บ้านผมไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น”
“บินมาเลยไอ้ตี๋ เชี่ย แม่ง เร็วๆสิวะ ไอ้ตี๋มึงจะยืนคุยโทรศัพท์นิ่งๆอีกนานไหม?”
“ผ..ผมสมควรจะไปหรอ”
“เออ!!! สมควรที่สุดในโลกแล้ว!!”
“…แค่นี้นะ”
รีบกดวางสาย หันไปมองหน้าม๊า ไม่ได้พูดอะไร แต่ม๊ายิ้มให้
“เดี๋ยวผมกลับมานะ”
ใส่รองเท้าผ้าใบเฮียที่นอนอยู่หน้าบ้าน วิ่งออกไปข้างนอกแล้วก็ต้องวิ่งกลับมา ลืมมอเตอร์ไซค์ครับ รีบขับออกไป พี่ผ่องที่ซักผ้าอยู่ก็ออกมาเปิดประตูบ้านให้
รีบขับออกไปตามถนนที่รู้สึกทุกอย่างช้าลง
ผมไม่รู้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ความคิดคิดไม่ทันร่างกาย
ตอนนี้ร่างกายผมขยับไปตามจิตใต้สำนึก
บ้าเอ้ย
เร็ว เร็วกว่านี้สิ
รถมอไซค์แก่ๆ ตอบผมไม่ได้ เห็นตำรวจเป่านกหวีดใส่เลยนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคออกมา แต่ก็ขับผ่านไปเร็วจนตำรวจวิ่งตามไม่ทัน
สนามบิน จากตรงนี้ต้องใช้เวลาเกือบสี่สิบนาที
ผมไม่รู้พี่หมอกไปกี่โมง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกทไหน
แต่รู้ รู้ว่าต้องไป
สิ่งเดียวที่ผมพกออกมาด้วย ตอนเดินออกมาจากห้องพี่หมอกคือกล้อง กล้องที่มีรูปของเราเต็มไปหมด
รูป..เป็นพันๆรูป อยู่ที่คอมอีกไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็อยู่ในห้องพี่หมอก ไม่รู้จะได้เห็นภาพเหล่านั้นอีกไหม
รถไม่ติด
นั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งกว่าพระเจ้าประทานมาให้ผม ผมไม่ค่อยชำนาญทาง แต่ก็ขับไปตามทางที่คุ้นเคย
อีกหน่อย
ขอเวลาอีกหน่อย
เวลา ได้โปรด เดินช้าลงหน่อยเถอะสนามบินอยู่ไม่ไกล ตอนนี้ก็เลี้ยวรถเข้าทางเข้าสนามบินแล้ว
“ว..เวร ไม่เอาน่า ไอ้แก่ ดีๆดิวะ”
น้ำมันหมด!!
วิ่งจากตรงนี้ไป ไกลพอสมควร แต่ผมไม่สนใจ ทำเพียงพิงมอไซค์ไว้ข้างทางแล้ววิ่ง ความเร็วที่ผมมั่นใจ วิ่งสุดแรง เหงื่อออกเต็มไปหมด รองเท้าเฮียที่ผมลืมไปเสียสนิทว่าแผ่นรองเท้าใกล้หลุดเต็มที พอเอามาใส่วิ่ง แผ่นรองเท้าซ้ายหลุดออกไป ผมเลยถอดรองเท้าทั้งสองข้างขึ้นมาถือไว้ในมือแทน
วิ่งเท้าเปล่าไปบนทางคอนกรีต
เมื่อก่อนตอนเด็กๆเคยวิ่งแบบนี้มาก่อนแล้ว ตอนนั้นเป็นหินกรวดด้วยซ้ำ ถึงจะจำความรู้สึกของร่างกายไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังจำความคิดที่คิดตอนนั้นมาได้ตลอด
ทำไมต้องเป็นเรา?
ทำไมต้องถูกแกล้งอยู่เสมอ
ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไม
ทนมาตลอด เพื่อมาเจอสิ่งดีๆแบบนี้
แต่ผมกำลังปล่อยให้สิ่งที่ผมรอคอยมานั่นหลุดมือไปด้วยตัวผมเอง
ผมไม่รู้ว่าถ้าผมไปเจอพี่หมอกตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น พี่เขาจะไม่ยังไปที่อื่นอยู่ไหม? จะยอมฟังคำพูดของผมหรือเปล่า ไม่รู้ด้วยว่าเงื่อนไขของผมกับพี่เมฆต่อจากนี้จะเป็นยังไง
ตอนนี้มีแต่คำว่า อยากพบ อยากเจอ เต็มหัวไปหมด
เห็นคนมองผมที่ถือรองเท้าเก่าๆไว้ในมือ เสื้อยังมีกลิ่นโจ๊กอยู่ แขนซ้ายแดง พอๆกับขาซ้าย
ขอให้ทัน
ขอให้ทันเถอะ
นับจากเวลาที่พี่บอลโทรมา ก็เกือบสี่สิบนาที
ผมวิ่งไปดูตารางสีดำขนาดใหญ่ที่บอกว่าเที่ยวบินไหนไปเกทไหน ผมไม่รู้ แต่อาศัยดูจากจุดหมายปลายทางแทน ข้างในนี้เป็นพื้นหินอ่อน เย็น ไม่เจ็บเท้า แต่คนก็เยอะ
….พี่แฟง?
เห็นหลังพี่แฟงแว่บๆ ผ่านหลังใครต่อใครไม่รู้ที่เดินขวักไขว่ไปหมด กำลังหันไปคุยกับคนข้างๆ..พี่โก้ รีบวิ่งเข้าไปหา
“พ..พ..พี่”
“…เฮ้ย ทำไมเท้าเปล่า แล้วทำไมแขนแดงแบบนั้น”
“ผ…ผ..ผม”
หายใจไม่ทัน
ใจเต้นแรง ก้องไปหมด เหงื่อท่วมตัว
“….พี่หมอก?”
ความเงียบกินอยู่บริเวณนั้นอยู่ช่วงหนึ่ง
ผมมองหน้าพี่แฟง ที่เม้มปากเข้าหากัน
“….มันไปแล้ว”“…….”
“มันเข้าเกทไปแล้ว”
“…นานหรือยัง…”
“เกือบสิบนาทีแล้ว”
“….ผม..ผมมาไม่ทัน”
พี่บอล ที่พึ่งเห็น พยักหน้า
รองเท้าเฮียหล่นลงพื้น ผมทรุดตัวลงนั่ง
“…ตี๋ ไม่เป็นไรนะเว้ย”
“ผ..ผ..ผมมาไม่ทัน ผมมาไม่ทันเจอ”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
รู้สึกถึงมือพี่โก้ที่ลูบหลังผมเบาๆ ผมก้มมองเท้าตัวเอง ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ..
เสียงคนดังวุ่นวายไปมา แต่ในความรู้สึก กลับเงียบจนน่ากลัว
ความหวังเล็กๆของผม…
“…หมอกไม่ได้บอกว่าตี๋จะมา พี่นึกว่าเรารู้แล้ว”
“ผ..ผมไม่รู้…”
ไม่รู้ว่าพี่หมอกออกเดินทางวันไหน พี่เมฆบอกแค่เดือน แต่ไม่รู้วันที่ชัดเจน
มือถือสั่น
รีบหยิบขึ้นมา เป็นเมสเสจสั้นๆ ที่ผมเห็นชื่อคนส่ง แล้วก็อดไม่ได้ ที่จะต้องกำมือถือไว้แน่น ปล่อยโฮออกมาเสียงดังไม่อายคนรอบข้าง
แทนคำทุกอย่าง คำตอบทุกอย่าง
พี่ตอบผมแล้ว สำหรับคำขอร้องที่ผมขอพี่ไป…
เพราะฉะนั้น..ผมก็จะรอ
รอ โดยที่ไม่รู้ว่า การรอของผมจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ หรือที่จุดไหน
ผมจะรอ วันที่พี่กลับมา..
กลับมาหาผม
ผมจะพูดคำที่ผม ยังไม่เคยบอกให้พี่ฟัง ผมจะขอโทษในทุกๆสิ่งที่ผมเคยทำพลาดไป
น้ำตาหยดหนึ่ง หยดลงบนหน้าจอแก้ว ไหลผ่านข้อความนั่นไป..
….มึงเป็นของกู…ของกูคนเดียวเท่านั้น
……………………………………….
…………………………
[Coin 40 : End]
[6.01.55]

กระปุกเต็ม สนใจมาฝากธนาคารไหมคัฟ?
