Coin 20ทำไมเหมือนหลงมาอยู่ที่อเมริกายังไงชอบกล?
รอบตัวผมไม่มีใครพูดภาษาไทยเลยครับ มีแต่ฝรั่งล้วนๆ พ่นกันหูดับตับไหม้ ผมพังรู้เรื่องแค่ไอๆยูๆแด้นซ์ๆ เท่านั้นแหละครับ แต่ผมไม่เต้นหรอก ผมแค่จะเดินกลับโต๊ะเอง ขอทางผมหน่อยเต๊อะ!
ผมไม่ชอบฝรั่งอย่างหนึ่งครับ ฝรั่งดีๆก็มี แต่ไอ้ฝรั่งที่พูดจาไม่รู้เรื่องแต่มือทั่วถึงนี่น่าถีบมากครับ กูเป็นผู้ชายมึงไม่เห็นหรอ จะจับลูบคลำให้เลขขึ้นหรอไง ดันตัวเดินขึ้นไปมันก็รั้งไว้อีก สุดท้ายเลยกระทืบเท้าแรงๆแล้วเผ่นเลยครับ
โต๊ะที่พวกผมนั่งกันติดกับฟลอร์พอดี ไม่ต้องเดินหา ไอ้พี่หมอกก็นั่งหน้าบูด พอเดินเข้าไปนั่งด้วยก็ยิงคำถามใส่
“ทำไมไปซะนาน”
“คนมันเยอะอะพี่”
“พี่ตี๋ ไปเต้นกัน”
“ไม่เอาหว่ะ กูเต้นไม่เป็น”
วันนี้ผมเห็นผู้หญิงเดินมาหาที่โต๊ะผมหลายคนแล้วครับ ไอ้พี่แฟงไปคนแรกเลย พี่แฟงนี่หน้าตาแกจะดูเชื่องๆหน่อยครับ แต่ความจริงร้ายกาจมาก ที่ชื่อแฟงเพราะแม่อยากตั้งชื่อพี่น้องให้คล้องกัน แต่จะให้ชื่อฟักก็คงไม่ดี เลยเอาคำว่าแฟงมาต่อให้ น้องก็ชื่อแตงโม ก็เป็นฟักแฟงแตงโมไปครับ
ไอ้พี่ต้นพี่โก้นี่กระดิกหางออกไปหาเองเลยครับ ไม่ต้องรอ เราเดลิเวอรี่ถึงที่ พ่วงท้ายไปด้วยไอ้กล้วยที่ตอนนี้มีแม่สาวฝรั่งนั่งชิดแทบจะฟิวส์ร่างรวมกันแล้ว ผมยังอยู่ทางนี้ มีใครเห็นผมบ้างไหมครับ อย่าหยุดสายตามองที่พี่หมอก ถัดมาอีกสิบเซนต์คุณก็จะได้เจอชายในฝันของคุณแล้วนะ
ส่วนใครไร้คู่ก็นั่งเหงาๆไปกับเพื่อนก่อนแล้วกันครับ (ไอ้พี่ปิงไม่มา หลับอยู่ที่รีสอรท์ เออ มึงไม่มาหน่ะดีแล้ว ไม่มาหลับในผับกูก็ดีใจแล้ว)
“พี่ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ” ไอ้ตี๋ชวนไม่เลิก มีมาดึงมือผมที่นั่งอยู่ด้วยครับ ผมกำลังจะส่ายหน้าแต่ช้ากว่าไอ้พี่หมอกหน่อยครับ
“มึงฟังไม่รู้เรื่องหรือมึงไม่มีหัวไว้แปล”
“ทั้งผมและปิ๊กเงียบเลยครับ
ผมเห็นพี่หมอกมองไอ้ปิ๊กด้วยหางตา ต่างจากไอ้ปิ๊กที่จ้องหน้าพี่หมอกตรงๆ
“ที่กูไม่ว่าเพราะเห็นพวกมึงเป็นพี่น้องรหัสกัน แต่ถ้ามึงยังตอแยไม่เลิก กูคงจะนั่งเฉยไม่ได้”
“แล้วเกี่ยวไรกับพี่”
“มึงเสือกเรื่องของกู”
“ผมไปยุ่งกับพี่หมอกตอนไหน ผมคุยกับพี่ตี๋”
“มึงกวนตีนกูใช่ไหมวะ”
“ผมไปกวนตีนพี่ตอนไหน”
ไอ้พี่หมอกวางแก้ว ผมรีบเอามือดันตัวมันให้นั่งเลยครับ
“พี่ ไม่เป็นไร นั่งกินไปเหอะ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนมันดีกว่า”
“ไหนมึงบอกเต้นไม่เป็น”
“ผมอยากออกกำลังกายกระทันหันหว่ะพี่ เดี๋ยวมานะ ไปเหอะวะ”
รีบลากไอ้ปิ๊กออกมาเลยครับ ผมนี่ไม่กล้าหันหลังกลับไปมองเลย รู้ว่าไอ้พี่หมอกโกรธ แต่ไม่รู้ว่าโกรธขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้มันต่อยกันมากกว่าครับ
“ปิ๊ก กูขอร้อง อย่าแหย่ไอ้พี่หมอก”
“มันหาเรื่องผมก่อน”
“ไปคุยกับกูก่อนไป”
ลากไอ้ปิ๊กออกมาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้จากโต๊ะไอ้พี่หมอก ผมเห็นว่าไอ้พี่หมอกจ้องเขม็ง ในมือก็ถือแก้วของมันไปด้วย
เดินก็ลำบากแล้วยังต้องลากไอ้ปิ๊กออกมาอีก กว่าจะออกมานอกร้านได้ก็นานพอควรเลยครับ
“เฮ้ยปิ๊ก กูขอร้อง อย่าไปต่อปากต่อคำกับไอ้พี่หมอกมันเลยหว่ะ”
“พี่ห่วงมันหรอ”
“....ทำไม?”
“พี่แคร์มัน พี่ชอบมันใช่ไหม ผมถามพี่แต่พี่ไม่ยอมตอบ”
“ถ้ากูชอบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง!”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว” เสียงมันเบาลงไปทันตา ทำให้ผมรู้สึกผิดที่พูดออกไป ได้ยินเสียงเพลงดังออกมาถึงข้างนอก มองออกไปเห็นแต่ลานจอดรถที่ว่างเปล่า ส่วนมากคนเอาไปจอดกันลานจอดรถด้านหน้า สถานที่นี่จึงเงียบวังเวง
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ”
“ช่างมันเหอะพี่...พี่ตี๋”
“หืม?”
“จำได้ไหม ที่ผมชนะวินนิ่งพี่”
“จะขออะไร”
“....ผมอยากลองจูบพี่ดู”
“กูไม่ให้”
ถ้าไอ้พี่หมอกออกมาเจอจะทำยังไง ไอ้ปิ๊กไม่ตายคาตีนมันเลยหรอ ไม่มีวันที่ผมจะยอมทำหรอกครับ แล้วอีกอย่าง ผมไม่ได้พิศวาทในริมฝีปากของผู้ชายเลยครับ (ยกเว้นให้ไอ้พี่หมอกคนนึง) ผมมองมันเป็นน้อง ถ้าผมจูบกับมันตอนนี้ ต่อไปผมจะมองหน้ามันติดได้ยังไง
“ไอ้ปิ๊ก กูให้โอกาสมึงไม่ได้หมายความว่ากูจะยอมให้มึงทำขนาดนี้ ตอนนี้กูยังมองมึงเป็นน้อง ถ้ามึงจูบกูขึ้นมาแล้วเรื่องมันไปทางที่เลวร้ายหล่ะ มึงไม่คิดเลยหรอ?”
“....ผม”
ไอ้ปิ๊กหันหลังให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้เรียกให้มันหันกลับมา
“พี่รู้ไหมว่าผมไม่มีพี่สาว”
“....”
“ผมเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่”
“ปิ๊ก มึงเป็นตัวมึงหน่ะดีที่สุดแล้ว กูไม่อยากให้ใครต้องมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อกู มันไม่ถูก ถ้าจะรักกันจริงสมควรจะรักตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่มึงเปลี่ยนมาเพื่อใคร”
“...พี่พูดออกมาก็ดี เพราะผมไม่ชอบเลย”
“กูว่าสไตล์ก่อนหน้านี้ของมึงโคตรแนว”
ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆก็สบายใจ ผมไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างผมกับมันเต็มไปด้วยความอึดอัด เราสมควรจะคุยกันได้อย่างเปิดใจ เหมือนครั้งนั้นที่มันเดินเข้ามาทักผมครั้งแรก เป็นบรรยากาศที่ทำให้ผมหัวเราะได้ออกมาอย่างสบายใจ ไม่ใช่ต้องหาวิธีทำให้ตัวเองหัวเราะแบบนี้
“กูชอบมึง ที่เป็นตัวมึง ที่เป็นน้องรหัสที่น่ารักของกู มันก็แค่นี้แหละไอ้ปิ๊ก”
เดินไปโอบไหล่มันครับ ผมเห็นหลังมันสั่น แต่มันไม่ได้ร้องไห้หรอก ผมก้มหน้าไปมองหน้ามันที่หันหนีผม “ไอ้ปิ๊ก กูยังพร้อมจะรับฟังปัญหาของมึงอยู่เสมอนะเว้ย แต่ช่วยได้หรือเปล่า ไม่ค่อยแน่ใจวะ ฮ่าๆๆ”
“ไอ้ตี๋”
“.....”
ผมรีบปล่อยมือออกจากไหล่ไอ้ปิ๊กทันที หันไป ไอ้คนที่มันยืนทำหน้าฆาตกรอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครครับ ไม่ต้องเดาให้ยาก บอกใบ้ให้ ไม่ใช่เฮียฮ้ง
“พวกมึงคุยอะไรกัน”
“เรื่องของผมกับพี่ตี๋”
“ไอ้เหี้ย มึงหุบปากไป”
“ปิ๊ก อย่าไปแหย่พี่เขาดิวะ”
มันจะกระโดดตะครุบหน้ามึงอยู่แล้ว อย่าแกว่งเท้าหาอุ้งตีน
“ตี๋ มานี่”
มันยืนนิ่ง ไม่ขยับ มันไม่เคยคิดจะก้าวเท้ามาหาผม มีแต่เรียกให้ผมเดินไปหามันทั้งนั้น
“กูบอกให้มานี่ไงหล่ะ!”
“พี่ก็เดินมาหาผมสิ อย่าให้ผมต้องวิ่งตามพี่ตลอดได้ไหม!”
มันจ้องเขม็งเลยครับ ไอ้ปิ๊กคว้าข้อมือผมแล้วดึงให้ไปด้วยกัน “พี่ตี๋ ไปเหอะ”
“ใครบอกให้มึงไป!”
ผลัวะ!!
ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่หมอกวิ่งมาถึงตัวปิ๊กเมื่อไหร่ แต่หมัดหนักๆของมันก็ทำให้ไอ้ปิ๊กยืนไม่อยู่เหมือนกันครับ ผมก็เซไปตามแรงดึงที่ข้อมือ ตั้งสติได้ก็วิ่งเข้าไปห้ามไอ้พี่หมอกก่อนเลยครับ มันจะกระทืบไอ้ปิ๊กอีกแล้ว
“พี่หมอก หยุด อย่าทำไอ้ปิ๊ก! มันไม่ได้ทำอะไรผิดหน่ะพี่”
“แล้วมึงจะคุยกับมันทำไม”
“ก็มันน้องรหัสผม!”
“ควายดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น!”
“แล้วมึงจะเสือกอะไรวะ!” ไอ้ปิ๊กครับ มันลุกขึ้นมาแล้วซัดหมัดกลับ แต่หมัดไม่ถึงไอ้พี่หมอกหรอก เพราะผมมันโคตรพระเอก เอาตัวเข้าไปขวางเลยเจอเต็มๆ เลยทำให้ทั้งสองคนหยุดได้
“พอสักทีได้ไหมวะ! ไอ้พวกนี้นิ มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ!”
พวกมึงทะเลาะกัน แล้วใครซวย กู! พวกมึงก็ต่อยกันไป สุดท้ายก็มาลงที่กูอีก เจ็บโว้ย!
“ไอ้ปิ๊ก กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าแหย่ไอ้พี่หมอก เวลามันโมโหแล้วมันก็ต่อยมึงแบบนี้นี่แหละ ส่วนไอ้พี่หมอก ผมก็บอกแล้วไงว่ามันไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร หึ แล้วมึงจะออกมาคุยสองคนแบบนี้ทำไม” มันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกครับ มันจับข้อมือผมจะลากผมออกจากไอ้ปิ๊ก แต่ผมก็ดึงยื้อมันไว้
“ผมคุยกับน้องตัวเองไม่ได้หรอไง”
“ถ้าไม่ใช่มัน กูจะไม่ว่าสักคำ”
“แล้วเป็นมันแล้วจะทำไม”
“กูไม่ชอบ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่”
“.....”
มันเงียบไปเลยครับ
แรงจับที่ข้อมือผมหายไป ไอ้พี่หมอกปล่อยมือผมออก
“..พี่..ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“มีกูบ้าไปคนเดียวสินะ”
“พี่หมอก”
ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าผมสะบัดมือออกจากแขนไอ้ปิ๊กเมื่อไหร่ ผมจะก้าวไปหามันแต่ผมก็หยุดขาตัวเองไว้
ผมว่าถึงเวลาที่มันจะวิ่งมาหาผมได้แล้ว
ถ้าผมวิ่งไปหามันเอง เรื่องแบบนี้ก็จะเกิดไม่จบไม่สิ้นสักที
ถึงเวลาที่จะทำให้อะไรมันชัดเจน ไอ้สภาพภูมิอากาศหมอกหนาแบบนี้ ผมเบื่อกับความไม่ชัดเจนนี้เต็มทน
“ไอ้ปิ๊ก..ไปกันเถอะ”
“พี่ตี๋”
“ไป”
ผมหันหลังให้มันที่ยืนนิ่ง ก้าวแรก ก้าวที่สอง ผมกัดริมฝีปากของตัวเองไม่ให้เผลอพูดอะไรออกไป แม้แต่ไอ้ปิ๊กก็ยังดูงงๆ
“หยุด!”
“กูบอกให้หยุดไงล่ะ!”
มีแต่คำสั่ง
“ม...มึงเป็นของกู!”
“....”
ผมรู้สึกเหมือนชาไปทั้งตัวเลยครับ
ในใจที่ยังมึนงง จังหวะหัวใจค่อยๆเต้นเร็วขึ้น
“มึงเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น ! ได้ยินไหม ไอ้ตี๋”
ผมได้ยิน
“กลับมาซะ กลับมาหากู!”
ผ...ผมดีใจจนก้าวขาไม่ออก
ถึงมันจะไม่ชัดเจน ออกมาเป็นคำพูดที่ฟังแล้วจะเข้าใจได้เลย แต่นี้เป็นครั้งแรกที่มันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้
“แล้วพี่เป็นของผมคนเดียวหรือเปล่า ม...ม.มันก็ไม่ใช่ ผมกลับไปหาพี่แล้วผมยังจะเจอผู้หญิงพวกนั้นอีกหรือเปล่า”
เสียงผมสั่น คุมไม่อยู่ ผมใช้สติเท่าที่เหลือพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ยิ้มออกไป
“กูจะเลิกให้หมด!พอใจมึงยัง”
แม่ง ขอให้กูกลับไปใช่ไหม ทำไมเหมือนกูไปง้างปากให้มันพูดเลยว่ะ
ไอ้ปิ๊กยิ้มให้ผม บอก”ไปเหอะพี่ เดี๋ยวมันจะตะปปพี่เอา” หันไปมอง รอยยิ้มมันไม่ได้ดูเข้ากับดวงตาที่กำลังจะร้องไห้เลย “ผมว่าพี่เจอที่ของพี่แล้ว ที่นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อผมด้วย”
“ปิ๊ก”
“ผมไม่อยากเห็นสีหน้าอึดอัดของพี่หว่ะ ยังไงพี่ก็เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า”
ผมไม่อยากปล่อยทิ้งมันไว้คนเดียว
แต่ไอ้คนที่ยืนอยู่อีกฟากก็กำลังโมโหหงุดหงิดกับตัวเองอยู่ ไอ้เด็กน้อยในใจพี่หมอกคงจะดิ้นพล่าน ทึ้งหัวตัวเองระหว่างที่รอคำตอบผมเป็นแน่
“ปิ๊ก โอเคนะ?”
“ผมไม่...เป็นไร พี่รีบไป ก่อนที่ผมจะไม่ยอมให้พี่หนีไปอีก”
“ปิ๊ก มึงเชื่อกูดิ คนดีๆมีเป็นล้าน สักคนนึงกำลังรอมึงอยู่ แต่คนดีมากๆอย่างกู ไม่ใช่คนที่มึงกำลังรอ”
“หึ..โคตรหลงตัวเองเลย แต่ผมก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นหว่ะ”
“เออ เชื่อกูดิ มึงเข้าไปเหอะ อย่าอยู่ตรงนี้นานเลย หมอกลงต่ำ เดี๋ยวมึงจะกลับไม่ถูก”
ผมเห็นมันยิ้ม แม้มันจะดูเศร้า แต่ผมก็เฝ้ามองจนมันเดินเข้าไปในผับอีกครั้ง ไอ้พี่หมอกแม่งก็จ้องตามจนหายไปจากสายตานี่แหละครับ พอไอ้ปิ๊กหายไป ไอ้สายตานั่นก็ตวัดมาที่ผม
คนที่จะรับมือผมได้คงมีแต่ไอ้พี่หมอก และคนที่จะทนไอ้พี่หมอกได้ ก็คงมีแต่ผม
มันอาจจะฟังดูงี่เง่า แต่ผมคิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
“พี่ก็เดินมาหาผมสิวะ!”
“ไอ้...”เสียงเหมือนมันกัดฟัน”มึงฟังกูไม่รู้เรื่องหรอ กูบอกให้มึงเดินมาไง!”
“ผมเดินไปหาพี่หลายรอบแล้ว! ถึงเวลาพี่จะเดินออกมาหาผมได้แล้ว!”
มันจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่หรือเปล่า ผมไม่รู้หรอก แต่ผมคิดว่าคนอย่างมันคงไม่ละเอียดพอจะตีความประโยคของผมระหว่างที่มันกำลังหงุดหงิดขนาดนี้
“พี่เดินมาดิ เร็วๆ ผมรอจนเมื่อยแล้ว”
“มึงเดินมาไม่ได้หรอไง”
น้ำเสียงแม่งกวนบาทามากครับ อยากจะปรี่เข้าไปเตะซะเดี๋ยวนั้น แต่ผมไม่ยอมง่ายๆ
“ได้ แต่ผมไม่เดินไป มีอะไรป่ะ”
“กวนตีน”
“ผมยอมก็ได้ แต่พบกันครึ่งทางนะ”
“ปัญญาอ่อนหว่ะ” เห้ย อะไรไอ้พี่หมอก ผมกำลังพยายามจะบอกพี่แบบ Abstract อยู่นะ“แต่ก็เออ แบบนี้ค่อยว่าง่ายหน่อย”
ไม่ต้องรอนานเลยครับ ไอ้พี่หมอกก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็มายืนรอที่ครึ่งทางแล้ว ผมก็วิ่งเข้าไปหาเลยครับ
แต่อย่าคิดครับ ว่าจะเกิดภาพสุดสวีทระหว่างผมกลับมัน ไปถึงใกล้ตัวมัน ไอ้พี่หมอกก็คว้ามือผมหมับ แล้วลากผมเดินไปกับมันทันที ไม่ปล่อยให้ตั้งตัว
“โอยพี่ ผมเจ็บ”
“เออ ให้มันรู้ซะบ้าง กวนตีนกูก็ต้องเจอแบบนี้”
“ผมหนีพี่ยังทันไหมวะ? ฮ่าๆๆ”
“กูจะไม่ปล่อยให้มึงหนีแล้ว เตรียมใจไว้ได้เลย”
มันหันมายิ้มให้ผม ตอนนี้เรากำลังเดินไปตามถนนกลับรีสอรท์ ผมเดินไปตามแรงของมันที่ค่อยๆผ่อนลงเรื่อยๆ
“พี่หมอก”
“อะไร”
เดินมาไกลแล้ว
ไกลเกินไป กว่าที่จะย้อนกลับ
ณ ตอนนี้ ผมจำความรู้สึกวันแรกที่พบพี่หมอกไม่ได้แล้ว เพราะความรู้สึกที่มันอยู่ในตัวผม มันได้เปลี่ยนไปแล้วทั้งหมด
“พี่หมอก...ผมชอบพี่”มันหยุดเดิน เสียงรองเท้ากระทบพื้นถนนเงียบลง ลมพัดแรงจนผมปรกแก้ม
“แบบไหน?”
ความรู้สึกจริงจังของผมหมดไปทันทีเลยครับ กลายเป็นอารมณ์อบอุ่นที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆ ถามเพื่อความชัวร์ใช่ไหม?”
คราวที่แล้วผมบอกกับมันว่าผมรู้สึกดีๆกับมันแบบพี่ชาย คราวนี้มันคงกลัวที่จะดีใจล่วงหน้าไปก่อน
โคมไฟอยู่เหนือหัวพวกเราพอดี ลมตรงนี้หอบกลิ่นทะเลที่แสนสบายใจมาด้วย เสียงคลื่นค่อนข้างดัง เพราะทะเลอยู่ห่างจากเราไปไม่ถึงห้าสิบเมตร
ผมพูดสิ่งที่ผมอยากบอกให้มันรับรู้ออกไป ผมไม่สนว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกนี้มันเติบโตมากเกินกว่าที่จะอยู่ในใจผมนานมากไปกว่านี้
“ผมชอบพี่ออกมาจากใจของผม...ผมชอบทุกอย่างที่เป็นพี่ หลายครั้งผมก็โมโหพี่ บางครั้งพี่ก็ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าผมจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน”
มันหันมาหาผมช้าๆ รู้สึกเหมือนมือมันสั่น “...ตี๋”
ผมจ้องตามัน มันก็ไม่หลบสายตาผม ตอนนี้ผมเห็นว่ามันยิ้มครับ แต่ดูเหมือนมันพยายามจะข่มไว้
“ม..มันจริงใช่ไหม?”
ผมพยักหน้า รู้สึกเหมือนระยะห่างของเราลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมันโน้มตัวลงมา
ริมฝีปากของเราพบกัน..
ในเวลานี้ ผมรู้สึกเหมือนผมหลุดเป็นอิสระ หลังจากที่ต้องอยู่กับความไม่ชัดเจนมานาน ผมไม่เคยรู้ตัวว่าสิ่งที่ไม่ชัดเจนนั้นไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกที่พี่หมอกมีต่อผม แต่มันยังรวมถึงความรู้สึกของตัวผมเองด้วย
มือพี่หมอกข้างหนึ่งดันท้ายทอยผมเข้าหามัน อีกข้างก็ทัดปอยผมที่ตีกแก้มผมอยู่เข้าที่หู การกระทำที่แสนอ่อนโยน ทำให้ผมใจเต้น ผมยกแขนขึ้นโอบหลังพี่หมอกไว้ ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งรอบข้างตัวเรา ณ วินาทีนี้ เหมือนทั้งโลกของผมมีแต่เพียงพี่หมอกเท่านั้น
“พี่..หมอก”
จูบที่เหมือนจะกลืนกินตัวตนทั้งหมดของผม ทำให้ผมหลงไปในห้วงความคิดที่ว่างเปล่า
ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น ผมจำไม่ได้หรอกครับ ว่าผมกับมันจูบกันไปกี่ครั้ง มีเพียงความคิดที่ว่า”อยากจูบอีก”เท่านั้น ที่ผมคิดออก จูบที่แผ่วบาง กดจูบริมฝีปากเบาๆไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามา หรือจะเป็นดีพคิสที่สลับกันไป ก็ล้วนแต่ทำให้ผมรู้สึกดี
จูบที่บอกว่า มันก็ต้องการผมไม่น้อยไปกว่าที่ผมต้องการพี่หมอกเลยแม้แต่น้อย
พี่หมอกละริมฝีปากออกมา หน้าผากของเราแนบเข้าด้วยกัน ไม่มีทางให้หลบตาได้ พี่หมอกก็จ้องเข้าไปในตาผมเช่นเดียวกัน
ผมเห็นรอยยิ้มที่ทำให้หน้าของผมร้อนฉ่า รอยยิ้มที่บอกชัดว่ามันดีใจ แต่คนปากหนักอย่างมันไม่พูดออกมาหรอก
ไม่จำเป็นต้องพูด แต่ผมก็เข้าใจข้อความทั้งหมดที่ส่งมาผ่านทางสัมผัสมัน
ขอบคุณ ขอบคุณนะ
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แผลที่พี่หมอกพยายามหลบซ่อนไว้อาจจะยังมีอยู่อีกมาก แต่ถ้าใช้ความพยายามบวกกับเวลาแล้ว ผมคิดว่าสักวัน แผลนั้นจะจางลง
“...อยู่กับกูนะ อย่าทิ้งกูไปไหนอีก”
“ผมจะอยู่กับพี่....”
นานจนกว่าพี่จะไม่ต้องการผม ถ้าวันนั้นมาถึง ผมก็พร้อมที่จะเดินออกไปจากชีวิตพี่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะช่วงเวลาแบบนี้ที่พี่มอบให้ผมนั้น มีค่าเกินกว่าจะใช้สิ่งใดมาเทียบได้
ความจริงแล้วผมต่างหาก ที่สมควรจะขอบคุณพี่
ขอบคุณครับ.........................................
.........................
แถมวันนี้กลับบ้านแล้ว เย้ คิดถึงม้าจะแย่แล้ว อยากกินโจ๊กฝีมือม้าด้วย
พี่หมอกหลับตั้งแต่ขึ้นรถ ทำให้ผมไม่มีเพื่อนคุย จะไปชวนเฮียคุยก็กลัวเสียสมาธิขับรถ วันนี้เฮียดูเหนื่อยๆเหมือนไม่ค่อยได้นอน อันที่จริงเมื่อคืนผมคิดว่าเฮียคงทะเลาะกับไอ้ฟินหนัก เพราะผมได้ยินเสียงตึงๆดังมาจากห้องพี่ฟินจนผมหลับไม่ได้ น่าอิจฉาไอ้พี่หมอกที่มันหลับง่ายไม่เหมือนผม
ส่วนไอ้พี่ฟินก็หน้าตาดูซีดเซียว เห็นมันบ่นเฮีย แต่วันนี้น่าแปลก เฮียไม่เถียงกลับ เฮียดูยอมๆพี่ฟินลงไปมาก อย่างถ้าปกติไอ้พี่ฟินด่า “เพราะเฮียคนเดียว แม่ง” เฮียก็จะพูดกลับทันทีว่า “มึงทำเองต่างหาก ไอ้ฟิน ไม่ต้องมาโทษกูเลย” แล้วก็จะยกเหตุผลสารพันร้อยแปดขึ้นมาอธิบายว่าทำไมเฮียถึงไม่ผิด เป็นการเจรจาระดับชาติระหว่างเหตุผลและอารมณ์ศิลป์ที่ทำให้ทั้งสองคนพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่วันนี้ผมได้ยินประโยคเดิมๆที่ต่างออกไป
“เพราะเฮียคนเดียว แม่ง”
“เออ กูผิด ด่ากูมาเยอะๆเลย”
“อะไร เฮียชอบฟังกูด่าหรอ จะอัดใส่เทปไว้ให้ฟังดีไหม”
“ไอ้ฟิน มึงยังอัดเทปอีกหรอ ยุคไหนแล้ววะ”
“ทำไม กูชอบคลาสสิก กูมันยุคอนาล็อก กูเกลียดดิจิตอล มันทำลายความคลาสสิก”
“เออๆครับ คลาสสิกครับ ผมชอบ”
เป็นต้น
เกิดอะไรขึ้นวะ
จะถามไอ้พี่หมอก...คร่อก ได้แต่เอาหมอนมาให้มันพิงสบายๆ เอนเบาะให้มัน ไม่สนใจไอ้พี่บอลที่อยู่ข้างหลังหรอก รายนี้ก็หลับเป็นตายพอๆกับไอ้พี่ต้น ที่กว่าจะกลับมาก็รุ่งเช้าแล้ว เดี๋ยวไว้จะหลบไอ้พี่หมอกไปเข้าคอร์สบริหารเสน่ห์กับไอ้พี่สองคนนี้ ไปไหนก็มีแต่สาวติด อิจฉาโคตรๆครับ
ผมก็น่าจะหลับบ้างดีกว่า รถอีกคันพี่ปิงมาขับให้ เพราะไอ้กล้วยก็จัดเต็มเหมือนกัน
ผมเอนตัวลงนอน..รู้สึกถึงแรงที่ดึงตัวผมเข้าไปพิง
ไม่ได้ลืมตาขึ้น ผมพิงตัวเข้ากับพี่หมอก แล้วหลับไปในอ้อมแขนนั้น...ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะฝันดี
“เฮีย กูเจ็บ ขับดีๆดิ”
“มึงลงไปอุ้มรถเลยไอ้ฟิน ก็เห็นอยู่ว่าทางมันไม่เรียบ”
“ถ้าขับดีๆมันก็ไม่กระแทกแบบนี้หรอก เฮีย มึงหาเรื่องกูหรอ”
เฮียฮ้ง พี่ฟิน…
กูจะนอน!!!!
……………………………………..
……………………………
[Coin 20 : complete]
[26.11.54]
ฝากเรื่องสั้นด้วยคัฟ --- >
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30106.0.html

ปล. อ่านความเห็นหลายๆคนต่อไอ้คู่เฮียฟินแล้วแอบฮา

เออหว่ะ มันชิวไปด้วยหว่ะ เหมืือนมันนั่งเล่นไพ่กันอยู่อย่างไหงอย่างงั้น แต่ทั้งคู่ไม่ได้รักกันลึกซึ้งหรือมีไอ้เรื่องปูพื้นมานานแบบคู่ไอ้ตี๋หมอก(เพราะป๋มขี้เกียจเขียน กร๊าก

) เรื่องแบบนี้เลยไม่ได้ละเอียดอ่อนหรือเล่นกับความรู้สึกขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง พื้นฐานนิสัยทั้งคู่ ก็ไม่ได้เป็นคนที่จะอ่อนไหวขนาดนั้น ถ้าให้ไอ้พี่ฟินมาพูดดีๆก็อาจจะเกิดอาการขนลุกเป็นไข้ไอจามสามวันติดได้ หรือให้ไอ้เฮียมาซึนแบบไอ้พี่หมอกก็แลจะไม่งาม แบบนี้แลดีแล้ว

(เหตุผลที่แท้จริง : ชอบห่ามๆ

)
ปล2. 8 ผู้กล้าที่โหวตตัวเอง รับรางวัลหลังไมค์ด่วน 555