“แล้วลางานเป็นไงบ้าง” ศิระหายใจคล่องขึ้นเมื่อพฤกษ์เอ่ยถามเขาในที่สุด มันเป็นสิ่งที่เขาอยากบอกอยู่แล้วเลยไม่อ้ำอึ้งที่จะเอ่ย
“ลาได้แค่สามวัน”
“สามวัน ไปเหนือ เนี่ยนะ” พฤกษ์โพล่งปากอย่างตกใจ พลอยทำให้ศิระอึดอัดขึ้นมาใหม่ จึงรีบอธิบาย
“ที่จริงฉันไม่ไปก็ได้นะ นายไปคนเดียวจะดีกว่าหรือเปล่า”
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกล่ะ พวกนั้นเขาเซ็ตคนหาที่พักกันเรียบร้อยแล้ว”
“ก็ฉันไม่รู้ มันลาไม่ได้จะให้ทำไงเล่า”
“ลาออก”
“หา นายว่าไงนะ” ศิระร้องถามเมื่อได้ยินสิ่งที่พฤกษ์เอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“ก็ลาออกไง ทำทำไมงานแบบนั้น ลาแค่สัปดาห์เดียวไม่ให้ จะทนให้เขาโขกสับอยู่ทำไม”
“นายไม่ลำบากนายก็พูดได้ดิ ขืนฉันลาออกตอนนี้ ฉันก็อดตายกันพอดี เรียนก็ยังเรียนไม่จบ จะไปทำอะไรที่ไหนได้”
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ลองอยู่ตัวคนเดียวดูมั๊ยล่ะ”
“เอาล่ะๆ ฉันเข้าใจ แต่ยังไงนายมาปฏิเสธตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันลงตัวหมดแล้ว สรุปคือนายต้องไป”
“เฮ้ย เข้าใจกันบ้างสิวะ บอกลางานไม่ได้ไง” ศิระขึ้นเสียงเมื่อพฤกษ์ไม่ยอมเข้าใจในภาระของเขา
“แล้วไง ตอนแรกฉันก็จะปฏิเสธไปแล้ว แต่นายเองไม่ใช่เหรอที่ห้ามไว้ แล้วมากลับคำตอนนี้ ไม่บอกวันเดินทางซะเลยล่ะพ่อคุณ” พฤกษ์ย้อนกลับบ้าง เขายอมรับว่าเขาไม่เข้าใจสังคมคนทำงาน อย่างเขาจะไปไหนก็ต้องไป ไม่ต้องมีเรื่องให้พะวงแบบนี้ก็เลยหงุดหงิดกลับสิ่งที่ต้องเจอ
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้สนิทกะใคร ฉันไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปก็ได้”
“ก็ฉันไง นอกจากไอ้ปอนด์แล้ว ฉันก็ไม่ได้สนิทกับใครเลยเหมือนกัน ถ้าลาไม่ได้ก็ลาออกซะ ถ้าตกงานแล้วมันลำบากมากนักก็บอกอีกเทอมเดียวนายก็จะเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันคงพอช่วยได้ หางานใหม่ได้เมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันอีกที”
พูดจบพฤกษ์ก็เดินหนีโดยไม่รอฟังคำคัดค้านใดๆจากศิระที่ยืนสับสนไม่รู้ว่าจะเลือกหนทางไหนดีนั่นก็งาน นี่ก็คนรัก ทำไมคนเรามันต้องได้อย่างเสียอย่างด้วยไม่เข้าใจ
“หา มึงจะลาออก” โก๋ตาโตถามศิระทันที ที่เขาเอาเรื่องที่เขาจะออกจากงานที่ทำอยู่มาบอก
“เออ พรุ่งนี้กูคงไม่มาแล้ว” ศิระตอบ นึกใจหายอยู่เหมือนกัน ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ชีวิตเขาจะเดินไปทางไหนยังไม่รู้ ทำแบบนี้มันเท่ากับเอาชีวิตไปแขวนอยู่กับคนอื่นชัดๆ ทั้งๆที่เคยอยู่ได้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาพฤกษ์ก็ทำให้เขาเริ่มเชื่อใจได้บ้าง ลองเดินบนเส้นด้ายซักหนมันคงไม่เท่าไหร่ ตกลงมาไม่ตายก็แค่เจ็บ แต่พฤกษ์คงไม่ยอมให้เขาเป็นแบบนั้นหรอกมั้ง
“คิดดีๆนะโว้ย เรียนก็ยังเรียนไม่จบนะมึง ออกไปแบบนี้ เกิดเทอมนี้มึงไม่จบอย่างที่ตั้งใจ จะแย่เอานะ” โก๋เตือนสติ มันเป็นข้อเตือนที่ศิระไม่หวั่นเท่าไหร่ เขามั่นใจว่ายังไงซะเขาจะจบชีวิตนักศึกษาภายในเทอมนี้ให้ได้อยู่แล้ว ก็เลยเฉยๆ
“ขอบใจว่ะที่เตือน แต่กูตัดสินใจแล้ว กูเคยบอกมึงแล้วนี่ว่ากูจะไม่ยอมอยู่แบบนี้ไปจนตายหรอก” คนมั่นใจตบไหล่เพื่อน แต่ฝ่ายนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้
“มึงไปดีกูก็ดีใจด้วย แต่ถ้ามึงไปแล้วเจอทางตัน มันจะจบไม่สวยนะโว้ย กับชีวิตที่มึงสู้มาตั้งนาน”
“เอาน่า ในเมื่อกูเลือกที่จะเดินแล้ว ถ้ามันผิดพลาดกูก็จะถือว่ามันเป็นบทเรียนแล้วกัน”
“แล้วถ้าบทเรียนนี้มันไม่มีข้อสอบให้แก้ตัวล่ะ”ศิระอึ้ง นั่นสินะ ชีวิตไม่ได้เหมือนข้อสอบถ้าเขาก้าวพลาดไปในครั้งนี้ อนาคตเขาจะเป็นยังไง
“มึงยังคิดและตัดสินใจใหม่ได้นะศิระ ถ้ามึงเรียนจบกูจะไม่ห้ามมึงเลยซักคำ ชีวิตที่ผ่านมา มึงต้องฝ่าอะไรมาบ้าง แล้วจู่ๆจะมาเสี่ยงตอนท้ายเรื่องทำไม เกิดพลาดขึ้นมา ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวนะโว้ย” เพื่อนซี้ยังย้ำเจตนาเดิมเพื่อเตือนสติคนสับสน แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นผล เมื่อศิระยึดมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากไอ้โก๋ แต่กูมันคนรั้นมึงก็รู้ ว่ากูไปไม่รอดจริงๆ กูจะนึกถึงมึง”
“เออ กูต้อนรับมึงทุกเมื่อศิระ” สองหนุ่มกอดคอกันกลม ก่อนที่ศิระจะแยกจากไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่โก๋ไม่มั่นใจว่าเขาจะเห็นมันจากเพื่อนคนนี้อีกเมื่อไหร่ จากนี้ไป เส้นทางที่ศิระเลือกเดิน เขาภาวนาให้ฟ้ามอบความสุขที่แท้จริงให้คนๆนี้เสียที
ต่อไปจะเป็นยังไงติดตามกันได้ในตอนหน้านะ
เพิ่งจะสังเกตุแฮะว่าคุณfc_uk เป็นเด็กลุงโยด้วย หุหุหุ
เราเองก็เด็กเจร๊อคคนนึงเหมียนกัน ตั้งแต่รุ่น X-japan ครือกาน
ว่าแล้วก็คิดฮอดป๋าเดะ เรายังไม่ได้ฟังS.K.I.N ของลุงโยเลยสักครั้ง เพราะช่วงนี้ไม่ได้โหลดไรเลย
ไว้จะลองไปหาฟังเสียงไอ้มิดูหน่อย
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะครับที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น
ปาดกันอีกแระ
